ตอนที่ 6 : ไฟในดวงตา
5
ไฟในดวงตา
แม้จะมั่นใจในรูปร่างของตัวเองสักแค่ไหน แต่ในยามที่อยู่ในชุบิกินีที่เว้าขาค่อนข้างสูง และชิ้นบนก็เป็นผ้าชิ้นเล็กๆ ที่แทบจะปิดทรวงอกอวบอิ่มไม่มิด มันทำให้อรชาเขินอายจนโพสท่าไม่ค่อยออก ขณะถ่ายภาพนิ่งและวีทีอาร์กับเพื่อนๆ ที่ชายหาด ซึ่งนอกจากทีมงานถ่ายแฟชั่นของนิตยสารแล้ว ยังมีผู้บริหารของ S-F H และยังพ่วงเอาเจ้าของทรายล้อมรีสอร์ตมาอีกคน โดยเฉพาะคนหลังนี่ ทำเอาใบหน้าเธอร้อนผ่าวทุกครายามหันไปสบตาเขาอย่างบังเอิญ ซึ่งทำไมบังเอิญบ่อยนักก็ไม่รู้ มองไปทีไรก็เห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนทุกครั้ง แถมดวงตาของชายหนุ่มเหมือนไฟที่กำลังลามเลียผิวกายของเธอให้ร้อนรุ่มชอบกล
แต่เพราะความเป็นมืออาชีพของบก.แฟชั่นและช่างภาพ รวมทั้งสไตล์ลิสต์ ก็สามารถให้คำแนะนำต่างๆ จนอรชาลืมความเขินอาย สามารถโพสท่าให้เซ็กซี่ผ่านพ้นไปได้ ดีที่ว่าลุคของเธอใกล้เคียงตัวจริง คือไม่ใช่สาวเซ็กซี่ขี้เล่น อารมณ์ดี ยิ้มเบิกบาน หรือออกท่าทางยั่วยวนเป็นลูกแมวยั่วสวาท ทว่าเป็นสาวมาดนิ่ง เชิดๆ มองกล้องด้วยสายตาหยิ่งๆ ปนท้าทาย ให้อารมณ์ดุๆ ด้วยการมองจิก หรือบางทีก็ยิ้มด้วยดวงตาลึกลับน่าค้นหา ส่วนโพสท่าก็มีเซ็กซี่ตามสไตล์นู้ด แต่ก็ไม่มากเกินไป เพราะบก.แฟชั่นต้องการให้ทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตามบุคลิกที่มาจากตัวนางแบบจริงๆ มากกว่า
“ค่ำนี้เจอกันที่ห้องอาหารนะจ๊ะ” บรรณาธิการแฟชั่นร้องบอกเหล่านางแบบทั้งยี่สิบคนด้วยน้ำเสียงสดใสหลังจากที่การถ่ายแบบสิ้นสุดลง
ทุกคนแยกตัวไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับบิกินีแล้วเดินจับกลุ่มกันไปยังบ้านพัก ขณะหนุ่มๆ ที่นั่งอยู่บนเตียงผ้าใบริมหาดนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“ว้าว น้องอ้อนหุ่นน่าหม่ำจริงๆ มิน่าแกถึงยอม...”
“หุบปากเลยนะไอ้สิงห์” พิชยะโพล่งออกมาก่อนเพื่อนสนิทจะพูดจบประโยค
“เออๆ ไม่พูดก็ได้ หวงจริง” เจ้าของนิตยสาร S-F H บ่นเสียงดัง
“นั่นสิ ตกลงพี่พีชแน่ใจนะว่าไม่ได้ตกหลุมรัก” กรกฎถามขึ้นบ้าง เพราะตั้งแต่เห็นร่างกลมกลึงได้สัดส่วนของว่าที่นางแบบนู้ดหน้าใหม่นามอรชาในชุดบิกินีโชว์ส่วนเว้าโค้งและผิวสีน้ำผึ้งชัดเจน พิชยะก็แทบละสายตาจากหญิงสาวไม่ได้
“บ้าน่า มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” พิชยะตอบเพื่อน
“นั่นสิ ไอ้รักแรกพบทำนองนั้นมันคงเลยวัยพี่พีชแล้วล่ะ” กรกฎพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ยิ่งพิชยะทำตาขุ่นเขายิ่งชอบใจ
“เสียดายจัง วันนี้ช่างภาพไม่ใช่ผม” กรกฎเป็นช่างภาพเบอร์หนึ่งของนิตยสาร เขาถ่ายเฉพาะแฟชั่นปก ส่วนแฟชั่นเซ็ทในจะให้ช่างภาพอีกคนดูแล แต่ในวาระที่นิตยสาร S-F H กำลังครบรอบสิบปี ซึ่งจะมีนางแบบหน้าใหม่สิบคนที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการที่คัดสรรมาอย่างดี มาถ่ายแฟชั่นเซ็ทในนั้นกรกฎต้องรับผิดชอบงานนี้เอง เพื่อให้งานออกมาดีและมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
“นายพูดมากแล้วนะเก้า” ด้วยอายุสามสิบหกปีนั้นพิชยะอาจจะเลยวัยรักแรกพบหรือรักหวือหวาจี๊ดจ๊าดมาแล้ว แต่เขาก็ยอมรับว่ายังร้อนรุ่มกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้นภายในใจ แต่นั่นคงเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่มีความพึงพอใจต่อรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนหนึ่ง และมันจะจางหายไปหลังจากที่ความปรารถนาทุกอย่างบรรลุผล จากประสบการณ์ที่ผ่านมากับการลุ่มหลงผู้หญิงคนหนึ่งนั้นนานที่สุดคือสามเดือนเท่านั้น
“แกอายุมากกว่าน้องตั้งสิบสองปีเชียวนะพีช ถ้าน้องเขาไม่ชอบคนอายุมากกว่า เขาจะคิดว่าแกแก่ แต่ถ้าน้องชอบผู้ชายป๋าๆ หน่อย ก็คงถูกใจแกละหว่า” สิงหาออกความเห็น
“เออ...จริงสิ ถ้าผู้หญิงไม่ชอบคนอายุมากกว่ามากๆ ก็คงมองว่าผู้ชายแก่แน่ๆ ผมภาวนาให้น้องหนูอ้อนของพี่ชอบผู้ชายป๋าๆ นะครับ” กรกฎอวยพรด้วยรอยยิ้มทะเล้น
“บ้าน่า ฉันดูป๋าตรงไหน” พิชยะพึมพำอย่างไม่ชอบใจ
“มาดไม่ใช่ แต่ใกล้เคียงมาเฟียหน่อยๆ เพราะมีลูกน้องมาดดุเดินตามหลังเวลาออกนอกบ้าน แต่พี่ก็ดูหล่อ หุ่นเท่เกินกว่าจะเป็นป๋า แต่มันขึ้นอยู่กับว่าหนูอ้อนชอบคนอายุมากกว่าถึงสิบสองปีไหมต่างหากล่ะ” กรกฎออกความเห็น
“สรุปแกจะพล่ามเรื่องอายุที่ห่างกันของไอ้พีชกับหนูอ้อนทำไมยืดยาววะ” สิงหาหันไปถามน้องชายด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดนิดๆ ด้วยสะเทือนใจไปด้วย เพราะเขาเองก็อายุเท่ากับพิชยะ และสาวๆ ที่เขาเลือกคบหาก็ล้วนอายุยี่สิบกว่าๆ เท่านั้น
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดว่าถ้าหากหนูอ้อนปฏิเสธพี่พีช เพราะไม่ชอบคบคนอายุมากกว่าหลายปี ผมจะขอ...”
“เลิกคิดเลยเก้า ไม่ว่ายังไงอ้อนก็เป็นของพี่อยู่แล้ว” พิชยะหันมาทำตาดุใส่ชายหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ เดินกลับไปยังบ้านพัก ในขณะที่กรกฎกับพี่ชายหันไปมองหน้ากันแล้วต่างหัวเราะเสียงดัง
“ท่าทางมันจะเอาจริงแฮะ” สิงหาออกความเห็น
“และท่าทางพี่พีชจะไม่รู้ตัวว่าตนเองคิดอะไรกับเขา” กรกฎคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะเอ่ยกับพี่ชาย
“มาพนันกันไหมพี่ว่าพี่พีชจะได้หนูอ้อนหรือเปล่า”
“ของมันแน่อยู่แล้ว มันทั้งหล่อ เท่โคตรๆ และรวยขนาดนั้นผู้หญิงที่ไหนจะปฏิเสธ เว้นแต่ผู้หญิงจะไม่ชอบผู้ชายอายุมากกว่าถึงสิบสองปีเท่านั้น”
“แล้วพี่คิดว่าพี่พีชจะใช้เวลานานแค่ไหน”
“ฉันว่าไม่เกินสองเดือน”
“แต่ผมว่ามากกว่านั้น”
“ระดับไอ้พีช มันไม่ต้องนานขนาดนั้นหรอก” สิงหาเอ่ยอย่างมั่นใจ
“กับคนนี้...ผมว่าต้องมากกว่านั้น วางเดิมพันมาเลยดีกว่าพี่”
“ถ้าฉันเดาถูก แกห้ามสอยนางแบบทั้งสิบเก้าคนที่เหลือ ยกเว้นฉันจะอนุญาต” สิงหายื่นข้อเสนอ
“และถ้าผมชนะ พี่ก็ห้ามยุ่ง ก่อนผมอนุญาตเหมือนกัน” กรกฎยื่นเงื่อนไขบ้าง
“เออๆ แล้วมาดูกัน”
สองพี่น้องที่เป็นเสือร้ายแห่งวงการหนังสือนู้ดจับมือตกลงกันอย่างเป็นทางการ หากใครชนะ นั่นแสดงว่าจะเป็นได้นางแบบที่ยินยอมจะมีอะไรกับเขาก่อนอีกฝ่าย เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งสองเคยมีความสัมพันธ์สวาทกับนางแบบของ S- F H หลายคน ผลัดกันก่อนและหลังอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่กรกฎจะได้ก่อน เพราะเขาทำงานใกล้ชิดนางแบบมากกว่าพี่ชาย ด้วยอายุและบุคลิกที่เป็นหนุ่มมาดติสต์ ทว่าก็มีใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้านทำให้ถูกใจนางแบบสาวๆ ที่ชื่นชอบอะไรเร้าใจอยู่ค่อนข้างมาก
ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายเป็นหนุ่มใหญ่มาดนักธุรกิจ แม้สิงหาจะไม่ใช่คนเงียบขรึมเหมือนพิชยะ ตรงข้ามออกจะเฮฮาอารมณ์ดี แต่เพราะมีอายุถึงสามสิบหกปี เขาก็มีบางอย่างที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปสำหรับนางแบบที่ไม่ชอบคนอายุมากกว่าหลายปี ซึ่งนางแบบนู้ดหน้าใหม่ส่วนใหญ่อายุไม่เกินยี่สิบหกปี ในขณะที่กรกฎมีอายุเพียงยี่สิบแปดปี ชายหนุ่มเลยได้เปรียบพี่ชายค่อนข้างมาก ที่สำคัญอาชีพช่างภาพก็สามารถดันนางแบบคนนั้นให้ก้าวหน้าในอาชีพไม่แพ้ประธานบริษัทเหมือนพี่ชายเช่นกัน เพราะนางแบบที่จะก้าวเข้ามาถ่ายแบบ S- F H ได้ ต้องผ่านการเห็นชอบจากช่างภาพใหญ่อย่างเขาก่อนเป็นอันดับแรก
“ว้าว...อ้อนเซ็กซี่จังเลย” กรแก้วร้องขึ้นพลางกวาดตามองร่างกลมกลึงที่ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งในชุดราตรีสั้นสายเดี่ยวสีโอรสเว้าหลังลึกตัดกับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูโดดเด่น ยิ่งผมยาวสลวยดำขลับปล่อยทิ้งสยายเต็มแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าไปถึงบั้นเอว รวมทั้งการแต่งหน้าสีนู้ด โดยเน้นดวงตาคมเฉี่ยวให้ดูคมหวาน อรชาจึงกลายเป็นสาวสวยเย้ายวนที่สุดในสายตาของกรแก้ว
“ตัวเองก็เซ็กซี่เหมือนกันแหละ” อรชามองกวาดร่างอวบอัดของเพื่อนร่วมงานด้วยสายตาชื่นชม
กรแก้วอยู่ในชุดเกาะอกสั้นรัดรูปสีดำเน้นรูปร่างอวบอิ่มและตัดกับผิวขาวจัดของเจ้าตัว หน้าที่ค่อนข้างกลมถูกแต่งในโทนสดใส ดูน่ารักแบบสาวหมวยเซ็กซี่ แววตาค่อนข้างเล็กนั้นฉายแววร่าเริงและขี้เล่น
“สรุปคืนนี้เราเซ็กซี่กันคนละสไตล์สินะ แหม...คนหาชุดให้เราก็เข้าใจหาในแบบที่เหมาะกับผิวและรูปร่างคนใส่จริงๆ เนอะ” กรแก้วเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะสดใส
“ งั้นเราลงไปที่งานได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นรอ” อรชาเดินมาคล้องแขนเพื่อนนางแบบที่ตอนนี้เธอสนิทด้วยที่สุดออกจากห้องพัก เพื่อตรงไปยังริมหาดสำหรับจัดงานปาร์ตี้อำลากิจกรรมเก็บตัวนางแบบเข้ารอบยี่สิบคนสุดท้ายในครั้งนี้
เพื่อนๆ นางแบบทั้งหมดได้ทยอยมาที่งานกันเกือบจะครบแล้ว ภายในบริเวณมีการตั้งโต๊ะอาหารและเครื่องดื่ม ร่วมทั้งเวทีเล็กๆ ที่มีกีตาร์กับคีย์บอร์ดตั้งอยู่ คืนนี้จะมีคอนเสิร์ตเล็กๆ ให้ชมด้วย
อรชาเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนๆ ที่จัดเป็นโต๊ะยาวสำหรับนางแบบโดยเฉพาะ บังเอิญเหลือเกินเก้าอี้ที่ยังว่างนั้นอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเมทินี ที่พอเห็นเธอก็หันมามองด้วยหางตา ก่อนเมินไปทางอื่น แต่กระนั้นอรชาก็เห็นอะไรบางอย่างในดวงตาของเพื่อนนางแบบร่วมโมเดลลิ่ง ที่ค่ำคืนนี้อีกฝ่ายอยู่ในชุดเกาะอกสีฟ้าขับผิวสีขาวจัดให้โดดเด่นไม่แพ้คนอื่นๆ ใบหน้าที่สวยเป๊ะอยู่แล้วดูทั้งหวานและคมชวนมอง
“ยัยเมย์มองอ้อนแบบตาร้อนผ่าว” กรแก้วกระซิบข้างหูเธอเบาๆ อรชาหันไปปรามด้วยสายตาดุๆ เพราะเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินเข้าแล้วจะรู้สึกไม่ดี หรือไม่ก็อาจถึงหูเมทินี
กรแก้วหัวเราะคิกคัก หันไปสบตาคนที่เธอแอบพูดถึง ซึ่งหันมามองเธอด้วยสายตาเหยียดๆ แต่กรแก้วกลับยิ้มทะเล้นตอบ กรแก้วไม่ปฏิเสธว่าอีกฝ่ายหน้าสวยเป๊ะและดูปราดเดียวก็รู้ว่าสวยแบบฟ้าประทานไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม แถมรูปร่างก็เพรียวสูง แต่ถ้าจะมีอะไรที่ดูด้อยที่สุดในตัวเมทินีก็คือหน้าอกกลมบ๊อกนั่นแหละ เพราะดูชัดเจนว่ายัดซิลิโคน จะว่าไปผู้หญิงที่มีอาชีพใช้หน้าตารูปร่างหากิน ไม่แปลกที่จะศัลยกรรมกลบส่วนด้อยของตัวเอง แต่ก็ไม่ควรมาแสดงท่าทีริษยาคนอื่นที่มีในสิ่งที่ตนไม่มีเช่นเมทินีกำลังรู้สึกกับเธอและอรชา เพราะเธอกับอรชาก็ไม่ได้อิจฉาที่เมทินีหน้าสวยกว่าเลยสักนิด ต่างคนต่างโดดเด่นกันคนละแบบ แต่บังเอิญที่อรชาดูจะมีข้อด้อยน้อยกว่าทุกคนเมื่อมองโดยรวม เมทินีเลยมองอรชาเป็นคู่แข่งเบอร์หนึ่ง
“ว้าวคุณพีชหล่อจัง” เสียงอุทานของเพื่อนนางแบบที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ทำให้อรชากับกรแก้วและคนอื่นๆ หันไปมองชายหนุ่มร่างสูงสามคนที่กำลังเดินมายังบริเวณงาน ก่อนเดินไปนั่งยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ พนักงานของรีสอร์ตรีบเดินเข้าไปบริการเครื่องดื่มทันทีหลังจากทั้งสามนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ใช่...หล่อจริงๆ เสียดายไม่น่ารีบมีแฟนเลย” นางแบบอีกคนเอ่ยขึ้นเหมือนเสียดาย
“เขาบอกเหรอว่ามีแฟนแล้ว” กรแก้วหันไปเอ่ยกับอีกฝ่าย
“ก็เป็นข่าวกับจินนี่อยู่”
“แค่เป็นข่าวเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นแฟนจริงๆ นี่” กรแก้วว่าแล้วหันไปส่งยิ้มล้อเลียนให้อรชาที่ทำทีเป็นไม่สนใจคำสนทนาของคนอื่นด้วยการหันไปหยิบของว่างที่อยู่ตรงหน้ามาทาน แต่กรแก้วรู้ว่าเพื่อนสาวเงี่ยหูฟังอยู่ พร้อมกับแอบเนียนหันไปมองนักดนตรีบนเวทีที่กำลังจะบรรเลงบทเพลงกล่อมทุกคนในค่ำคืนนี้ จากนั้นก็แอบปรายตาไปยังโต๊ะพิเศษที่อยู่ใกล้ๆ เวที
และอีกคนที่แอบเนียนไม่สนใจการสนทนาเกี่ยวกับพิชยะก็คือนางแบบหน้าสวยเป๊ะที่แอบหันไปมองหนุ่มหล่อแบบหมายมาด
‘เฮ้อ...ท่าทางยายอ้อนจะหนีไม่พ้นการถูกริษยาอีกเรื่องแน่ๆ เพราะเธอสังเกตเห็นว่าพิชยะนั้นหันมามองอรชาบ่อยครั้ง ก็ตั้งแต่ตอนถ่ายภาพชุดบิกินีแล้ว แม้จะดูนิ่งๆ แต่ดวงตาคมลึกก็แฝงแววพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด ยายอ้อนจะรอดเงื้อมมือพ่อหนุ่มหล่อคนนี้ไหมนี่’
กรแก้วหยุดการครุ่นคิดลงแค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงพิธีกรกล่าวเปิดงานปาร์ตี้ครั้งนี้ ก่อนเชื้อเชิญประธานบริษัทมิ่งอักษราพับลิชชิ่งขึ้นมากล่าวเปิดงาน
“ผมหวังว่าทุกๆ คนคงสนุกกับกิจกรรมในครั้งนี้ และสุดท้ายสำหรับปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้ขอให้ทุกคนเต็มที่ได้เลยครับ โดยเฉพาะทีมงานที่ดูจะเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมนี้เป็นพิเศษ” สิงหาจบประโยคเปิดงานเพียงแค่นั้น ก่อนเดินลงจากเวที แล้วเสียงเพลงรักในจังหวะสนุกๆ ก็บรรเลงขึ้น
อรชาไม่คิดเลย ที่จู่ๆ ก็ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่วิ่งวนในหัวของเธอมานานนับเดือน ก็ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้ากัน ชายหนุ่มได้เข้ามารบกวนในความฝัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันคือความจริง ไออุ่น กลิ่นกายหอมเจือจางกลิ่นอายทะเลยามค่ำคืนกับบทเพลงรักหวานท่วงทำนองเนิบนุ่มประสานกับเสียงคลื่น เท้าที่เปลือยเปล่าสองคู่กำลังเคลื่อนไหวช้าๆ ไปบนผืนทราย
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะทุกคนออกไปเต้นรำกันตามคำเชิญของทีมงาน อรชาเต้นด้วยความสนุกกับท่วงทำนองครื้นเครงอยู่หลายบทเพลง นอกจากทีมงานแล้วช่างภาพใหญ่ของ S-F H ก็ออกมาสนุกกับคนอื่นๆ ด้วย พอตัดเข้าช่วงเพลงช้ากรกฎก็หันมาขอเต้นรำกับเธอ ทั้งที่บอกว่าเต้นรำไม่เป็น ที่เคยร่ำเรียนสมัยมัธยมก็คืนครูไปหมดแล้ว ชายหนุ่มบอกไม่เป็นไร
จากนั้นเขาก็จับมือเธอไปวางที่ไหล่ แตะที่เอวบาง แล้วพาเธอเคลื่อนไหวช้าๆ ไปตามจังหวะ ผ่านไปหนึ่งเพลง จู่ๆ กรกฎก็พาเธอหมุนตัวมาหาชายหญิงอีกคู่ที่เต้นรำกันอยู่ หัวใจเธอแทบวาย เพราะชายหนุ่มคนนั้นคือพิชยะ ส่วนคู่เต้นของเขาดูเหมือนจะเป็นช่างแต่งหน้าคนเก่งของ S-F H นั่นเอง
“ขอผมเต้นกับสาวงามในสามโลกหน่อยนะครับพี่พีช”
แล้วกรกฎก็ไม่รอฟังคำอนุญาตจากใคร เขาวางมือเธอที่อุ้งมือใหญ่ แล้วคว้าหมับเข้าที่เอวบางของช่างแต่งหน้าที่ส่งค้อนวงใหญ่เตรียมรออยู่แล้ว
“จะขออีกสักเพลงก็ไม่ได้นะคุณเก้า”
อรชาได้ยินเสียงพี่หนึ่งพึมพำ ก่อนสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเอวคอดถูกวางลงด้วยมือใหญ่ ก่อนรั้งเธอเข้ามาใกล้จนอรชากลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ในอก
“ตื่นเต้น...หรือว่ากลัวผมครับ ทำไมมือเย็นจัง” เขาถามขึ้นเมื่อพาเธอขยับไปตามจังหวะเพลง
“คือ...เอ่อ...กลัวจะเหยียบเท้าคุณมากกว่า” อรชาตอบ และหลุบมองแค่อกกว้าง ไม่กล้าสบสายตาชายหนุ่ม เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ว่าเธอประหม่าที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
พิชยะคงไม่รู้ว่าอุ้งมืออุ่นของเขาที่สัมผัสกับมือของเธอ และที่แตะลงเอวนั้นก่อความรู้สึกใดกับร่างกายเธอบ้าง มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆ ที่ลามเลียผิวกายให้วูบวาบ ในขณะเดียวกันกลิ่นกายอ่อนๆ เจือกลิ่นน้ำหอมผู้ชายก็ทำเอาจิตใจเธอปั่นป่วนวาบหวามอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้อรชารู้สึกได้ถึงผิวแก้มที่ร้อนผ่าวของตนเอง
“ตามสบายครับ ตัวเท่านี้ถึงเหยียบก็คงไม่เจ็บเท่าไหร่” เสียงที่ดังขึ้นข้างๆ หูนั้นช่างทุ้มนุ่มปนเซ็กซี่อย่างไม่น่าเชื่อ อรชาเผลอเงยหน้าขึ้นและก็พบเข้ากับดวงตาคมซึ้งที่ทอดมองเธออยู่ก่อนแล้ว
ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้มบาง อรชารู้ดีว่าชายหนุ่มหน้าตาคมหล่อ แต่เขาก็มีใบหน้าที่เคร่งขรึม แต่พอยิ้มแบบนี้หัวใจเธอละลาย ดวงตาก็เหมือนจะดวงตาพร่าพรายไปชั่วขณะ จนกระทั่ง...
“โอ๊ะ...ขอโทษค่ะ!” หญิงสาวเหยียบที่เท้าเปลือยเปล่าของเขา ก่อนจะเซไปปะทะกับแผงอกเขาเข้าอย่างจัง ร่างสูงรั้งเธอไว้และถือโอกาสกอดแนบตัว ลูบที่หลังเปลือยเปล่า ก่อนกระซิบเสียงทุ้มปนเสียงหยอกเย้า
“คุณแต๊ะอั๋งผม” เสียงหัวเราะทุ้มแผ่วดังอยู่ข้างหู จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดริมแก้ม
“ฉันเปล่านะ” อรชาพยายามจะฝืนตัวออกห่างจากร่างสูง และเขาก็ยอมคลายอ้อมกอดแต่โดยดี ทว่าก็โน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างหูเธออีกครั้ง
“ไม่รู้ล่ะ แต่คุณต้องรับผิดชอบผมด้วยนะ”
“อะไรนะ!”
“และอย่ามองผู้ชายอื่นเหมือนอย่างที่มองผม เพราะเวลาคุณมองผม ผมรู้สึกเหมือนกำลังเปลือยเปล่าต่อหน้าคุณ”
คำพูดนั้นของชายหนุ่มทำให้แก้มเธอร้อนผ่าว ไม่กล้ามองสบตาเขาจนกระทั่งบทเพลงจบลง
++++++
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เปิดตัวแร้งงง
(แต่ฟินเว่อออ คริคริ)
พอหลงรักแล้วก็จะทิ้งเราใช่ไหม
รีบกลับมาอัพตอนต่อไปเร็วๆๆๆเลยนะ
คุณพีชรุกเร็วจริงๆๆๆๆ น้องอ้อนแย่แน่
ใครก็ได้ช่วยน้องอ้อนด้วยจ้า