คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ...Game... โดย JIN HUAY JEANG
ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลดูหม่นหมองแต่งแต้มด้วยสีเขียวใบไม้เป็นกลุ่มก้อนคล้ายแผ่นดินผืนหนึ่ง ดวงตาดวงนั้นจับจ้องเรือสีน้ำตาลเปลือกไม้ ที่มีใบเรือสีน้ำตาลทองดูเก่าๆ ดวงตาที่จ้องมองมาอย่างไม่ทราบจุดประสงค์จากท้องฟ้าสีแดงเลือดปนสีน้ำเงินและสีม่วง
ณ เรือสีน้ำตาลเปลือกไม้ ชายหนุ่มสองพี่น้องแล่นเรืออยู่กลางแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งพวกเขาก็ไม่ทราบว่าเขาทั้งสองมาอยู่ที่แม่น้ำสายนี้ได้อย่างไร พวกเขาจำได้แต่เพียงว่าเขากำลังแล่นเรืออยู่กลางมหาสมุทรและเจอกับพายุลูกใหญ่เข้า และจู่ๆก็มีมือสีดำขนาดใหญ่มาฉุดพวกเขาลงไปในมหาสมุทรและมันก็มืดไปหมด พอฟื้นขึ้นมาก็มาอยู่ที่เรือลำเดิมแต่มิได้อยู่กลางมหาสมุทร...
“นั้นมันอะไรน่ะ?” ผู้เป็นน้องถามอย่างตื่นตระหนก “ดวงตาดวงนั้นมันเหมือนลูกโลกเลย...พี่ข้ากลัว...”
ผู้เป็นพี่ไม่ตอบเพียงแต่บีบไหล่ของน้องชายเป็นเชิงปลอบ ดวงตาสีนิลดูสงบนิ่ง
“มาเล่นกันเถิด...” เสียงเล็กแหลมแหบแห้งแต่ทรงอำนาจ สองพี่น้องเสียวสันหลังวาบและดวงหน้าซีดเผือก “มาเล่นกันเถิด...”เสียงนั้นพูดอีกครั้งแฝงไปด้วยความขบขัน
“เจ้าต้องการอะไร?!” ผู้เป็นพี่ถามด้วยเสียงอันดัง เสียงที่ตอบกลับมาคือเสียงหัวเราะแหลมเล็กและ...
“ต้องการให้ท่านทั้ง 2 แล่นเรือไปจนสุดแม่น้ำก่อนนาฬิกาทรายนี้จะหมด” ครื้น พอเสียงประหลาดกล่าวจบก็มีมือสีดำขนาดใหญ่ส่วนแขนพันด้วยโซ่สีเงินวาว ในมือถือนาฬิกาทรายสีทองเรือนใหญ่ “ไม่ต้องห่วงนายท่าน หากท่านชนะเราท่านจะได้ออกจากที่นี้ ขอให้โชคดี หึๆ”
ครั้นพอเสียงประหลาดพูดจบเรือก็แล่นไปอย่างช้าๆ โดยไม่มีคนบังคับ ใบเรือใหญ่และใบเรือเจนัวกางเองโดยไม่มีใครชัก เด็กหนุ่มทั้งสองตกตะลึงจนพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“เราต้องไปจากที่นี่ บิล” คลินผู้เป็นพี่พูดอย่างรวดเร็ว “ไปที่ห้องบังคับเรือ เร็ว!”
และทั้ง 2 ก็วิ่งไปที่หลังเรือที่ตั้งของห้องบังคับเรือ พอไปถึงก็มีสายลมประหลาดพัดเข้ามาอย่างแรง ทำให้เรือไปได้เร็วขึ้น คลินและบิลเดินทางเป็นเวลานานไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงแต่นานพอที่จะทำให้ทั้ง 2 พวกเขาได้ออกจากสถานที่อันแปลกประหลาดนี้แล้ว
ทันใดนั้นก็มีนาฬิกาทรายเรือนทองปรากฏขึ้นอีก แต่ทรายสีทองยังไหลลงมาไม่หมด
“ต้องขอแสดงความยินดีต่อท่านทั้งสองด้วย ที่เดินทางมาถึงที่นี้ได้” เสียงแหลมสูงเสียงเดิมกล่าว “และต้องแสดงความเสียใจที่ท่านทั้งสองมิอาจออกจากที่นี้ได้”
“เจ้าบอกให้เราแล่นเรือมาสุดทางแล้วจะได้ออกจากที่นี้มิใช้หรือ?!” บิลตะโกนถามอย่างโกรธเกรี้ยว
“ผู้ที่จะออกจากที่นี้ได้มีเพียงมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่แต่ท่านทั้งสอง...ตายไปแล้วมิใช่หรือ?” เสียงประหลาดตอบกลับ “ลองหันไปมองทางขวาสิ”
คลินและบิลหันไปมองพบ... ‘ตัวเขา’ ทั้งสองนอนจมกองเลือดอยู่อย่างน่ากลัว ทั้งคลินและบิลนั้นหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เหงื่อเม็ดโตผุดอยู่เต็มหน้าผากกว้าง
“ไม่จริงน่า...” บิลพูดด้วยเสียงกระซิบแทบจะไม่ได้ยิน
โครม!
มือสีดำขนาดใหญ่พุ่งจากใต้น้ำทะลุด้านข้างของเรือเพื่อมาจับตัวพวกเขาทั้ง2อีกครั้ง แต่มือสีดำนั้นไม่ใช่มือข้างเดิมแต่เป็นมือข้างยาวขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็น 2 เท่าตัวที่หลังมือมีรูกุญแจอยู่ ทั้งแขนถูกพันด้วยโซ่ตรวนสีเงิน มีมือเล็กมือน้อยมากมายอยู่ด้านข้างทั้งสองด้าน
บิลรู้สึกว่าร่างของเขาและพี่ชายกำลังถูกดูดกลืนเข้าไปในดอกไม้... ดอกตูมๆ สีม่วงอมชมพู ตรงกลางมีแสงสีเหลืองนวลเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ร่างของเขาจากที่มีสีสันต่างๆ เริ่มกลายเป็นสีขาวโพล่งและโปร่งแสง บิลหันไปหาพี่ชายด้วยความตกใจ พบ...ไหล่ของคลินโปร่งแสง...ไม่ใช่สิ หายไป... บิลอยากจะเรียกพี่ชายของตนแต่ตกใจจนแทบหน้ามืด และพอเขาก้มลงมองตนเอง...ทั้งแขน ไหล่ และต้นคอของเขาโปร่งแสงจนมองทะลุและค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
“พี่...ข้ายัง...ยังไม่อยาก...ตาย” บิลพูดเสียงสะอื้น
“เราตายแล้วบิล” คลินพูดพร้อมหันไปยิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน “ถึงยังไงเราก็ต้องตายอยู่ดี เพราะไม่มีใครหนีความตายพ้นหรอก”
“พี่ไม่กลัวหรือ?”
“เพราะมีนายอยู่พี่ถึงอุ่นใจ...” และร่างของคลินและบิลก็หายไป เหลือไว้เพียงความว่างเปล่า
นั่นคือ...ดอกไม้...ดอกไม้สีม่วงอมชมพู...แสงสีเหลืองนวล...ประกายแห่งชีวิต...หายไป...
ความคิดเห็น