คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Nightmare No.11.4
ส่วนถัดมาเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่สำหรับคนป่วย บอดี้การ์ดและเจ้านาย ผมเริ่มหิวจึงเดินตามกลิ่นไปที่ตู้เย็น เอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลเขียวมาสองลูกและกัดอย่างเอร็ดอร่อย เดรนเอานมสดไปอุ่นให้เจ้านายที่นั่งเคี้ยวขนมกรุบกรอบอยู่ที่หน้าเคาเตอร์ทำอาหาร แพมวิ่งไปที่ใต้เตาคาบถาดอาหารของตัวเองออกมาเริ่มแทะกระดูกของตัวเอง
เมื่อผมโยนแกนของลูกแรกลงถังขยะ เจ้านายก็ปาแอปเปิ้ลลูกที่สองมาให้ ผมรับมันไว้แล้วยิ้มขอบคุณทั้งๆที่ยังเคี้ยวอยู่ ผมชอบแอปเปิ้ลเขียวและที่นี่ก็มีเต็มไปหมด
“เดรนนมล้นออกมาจากแก้วแล้ว” ผมร้องเตือน เขาสะดุ้งรีบเช็ดแต่ก็ยังไม่ละสายตาออกไปจากผม ผมสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมจู่ๆเขาก็จ้องผมตาไม่กระพริบขนาดนั้น หรือว่าเราจะทำอะไรแปลกๆ ก็ไม่นี่ ผมก็แค่กินแอปเปิ้ลเท่านั้น
“เหวอ” เดรนร้องเมื่อเขาจ้องผมไปเช็ดไปจนแก้วตกลงมาจากโต๊ะผมตกใจจึงรีบวิ่งไปรับได้ทันพอดี เมื่อเอามันมาวางบนโต๊ะอีกรอบเดรนก็ช็อคไปแล้วส่วนเจ้านายก็อ้าปากค้างแม้แต่คุณแพมยังครางหงิงออกมา ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำอะไรผิด เจ้านายเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบแอปเปิ้ลออกมาอีกลูก จากนั้นก็ชี้ไปด้านหลัง
“อ๊ะ หมอสไตน์ มีเรื่องอะไร” ผมหันขวับไปมองเพราะไม่อยากให้หมอสไตน์มาทักแบบเดิมอีก แต่จู่ๆเจ้านายเขวี้ยงแอปเปิ้ลมาทางด้านหลัง ผมเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยและใช้มือซ้ายรับไว้จากนั้นก็หันกลับมามองเจ้านายเมื่อไม่เห็นซอมบี้ๆเอ้ย หมอสไตน์เลย แต่ก็พบว่า
เจ้านายช็อคเป็นเพื่อนเดรนไปอีกคน
หงิงงงง คุณแพมครางยาวกว่าเก่าแล้วคลานไปหลบอยู่ใต้เตา
ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำอะไรผิด
เจ้านายกับเดรนยังคงมึนอยู่เล็กน้อยเพราะยังพึ่งหายช็อค ผมเดินตามขึ้นบันไดไปเหมือนเดิม ชั้นสามสิบห้าเป็นเหมือนกับชั้นที่สร้างเกินออกมาเพราะไม่มีประตูเลยสักบานสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นทางเข้าก็ไม่มีเราจึงต้องเดินไปที่ชั้นสามสิบหกที่เป็นห้องโล่งๆแทน ห้องนี้รอบด้านทั้งพื้นกำแพงและเพดานต่างทำจากโลหะพิเศษที่ผมไม่รู้จัก แต่ดูจากเสียงที่ตกกระทบแล้วมันต้องแข็งแรงมากทีเดียว เจ้านายเดินไปได้สักพักก็หยุดยิ้มน้อยๆ
“ห้องนี้เป็นห้องที่ฉันภูมิใจมาก” เจ้านายเอ่ยมองไปรอบๆ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไอ้ห้องว่างๆนี่น่าภูมิใจตรงไหน เจ้านายยกมือขึ้นปรบมือสองที แล้วผมก็เบิกตากว้างมองไปรอบๆอย่างตกใจ
ห้องกำลังแปลงร่าง มีผนังออกมาจากที่ไหนสักแก่งและแบ่งพื้นที่ว่างๆเป็นห้องมากมาย มีรถสปอร์ตหลายสิบคันโผล่ขึ้นมาจากไหนไม่รู้และมีอาวุธโผล่ขึ้นเหมือนดอกเห็ด จากห้องว่างๆที่ไม่มีอะไรเลยกลับเปลี่ยนเป็นห้องเก็บของขนาดยักษ์ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันน่าภูมิใจขนาดไหน เพราะที่จะมีห้องแบบนี้ได้ก็แต่ในกองทัพเท่านั้น และคงต้องใช้หัวกะทิมากมายหลายร้อยคนเพื่อสร้างมันขึ้นมา เจ้านายต้องหมดเงินไปกับห้องนี้มากแน่ๆ แต่ในเมื่ออนุญาตให้สร้างได้แต่ในกองทัพทำไมเจ้านายถึงมีได้ล่ะ
“ลำบากมากเลยล่ะกว่าจะได้สร้าง เพราะต้องบุกเข้าไปถึงกองบัญชาการหลักของกองทัพ แล้วไหนจะต้องเอาปืนจ่อหัวกว่าจะยอมเซ็นอนุญาต”
“.....”
“ใช้เวลาสร้างตั้งหนึ่งอาทิตย์เต็มๆเลยนะ ได้เพื่อนของไฮคุงสองคนมาช่วยออกแบบให้ แบบนี่ก็อดหลับอดนอนกันห้าวันห้าคืนกว่าจะสมบูรณ์แบบ เป็นห้องที่สร้างยากมากจริงๆ”
“.....” ผมพูดอะไรไม่ออก คือแบบว่า.... พูดอะไรไม่ออกจริงๆ ตกลงแล้วคนตรงหน้าเขามีสมองไว้คิดยังไงกันแน่ ไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของสมองของเขาเลยจริงๆ
“ยินดีต้อนรับกลับมาครับ คุณดาโรเซย์ เลขาเดรน คุณแพมและยินดีต้อนรับบอดี้การ์ดคนที่สามสิบห้าครับ” เสียงทุ้มนุ่มดูอ่อนโยนดังขึ้นมาจากทุกแห่งช่วยดึงสติผมกลับมา ผมหันไปมองรอบๆใช้ความสามารถตัวเองหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบ ใครพูดกันนะ
“ขอแนะนำตัว กระผม พาโซเร่ เป็นห้องที่ทุกคนกำลังยืนอยู่ครับ”
“โฮ่ง” คุณแพมเห่าเหมือนจะบอกว่า ใช่แล้ว ถูกต้องที่สุด
“ห้องพูดได้..” ผมหันไปครางถามเจ้านายที่มองยิ้มๆ จากนั้นก็หลุดหัวเราะเหมือนเห็นหน้าตาของผม
“ใช่แล้วล่ะ ห้องพูดได้ แต่ไม่ใช่แค่พูดได้นะพาโซเร่ทำได้อีกตั้งหลายอย่าง” เจ้านายกอดอกดูภาคภูมิใจแต่ผมอ้าปากค้างไปแล้ว
“ต้องขอโทษนะครับคุณบอดี้การ์ดคนที่สามสิบห้า ผมไม่อยากให้ตกใจขนาดนี้เลย” น้ำเสียงของห้องพาโซเร่ฟังดูรู้สึกผิด ผมขยับกรามเข้าที่ยังอึ้งไม่หาย พูดอะไรไม่ออกจริงๆ มีห้องพูดได้แล้วต่อไปคงไม่เลี้ยงนางเงือกไว้แล้วมีเชิงเทียนพูดได้กับแม่มดใจร้ายหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องเลี้ยงแวมไพร์ไว้ดูเล่นอีกตัวแหงๆ อาจจะมีคอเล็กชั่นอมนุษย์เก็บไว้ด้วยก็ได้
โอย.... ผมฟุ้งซ่านและอยากจะบ้าตายมากๆ ถอนตัวแล้วหนีไปตอนนี้ยังจะทันไหมเนี่ย..
“ถ้าอย่างนั้นเพื่อให้ไปถึงไวขึ้นผมจะพาทุกคนไปอย่างรวดเร็วแล้วนะครับ ช่วยยืนอย่างมั่นคงด้วยครับ” ห้องพาโซเร่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ผมดึงสติกลับมาแล้วยืนอย่างมั่นคงตามที่ห้องพาโซเร่แนะนำ แล้วพื้นที่เรากำลังยืนอยู่ก็เลื่อนด้วยความเร็วสูง ผมรู้สึกดีกับห้องนี้เพิ่มมากขึ้นเพราะความเร็วระดับนี้ก็เหมือนผมกำลังวิ่งออกกำลังกาย แต่ตอนจะหยุดเจ้านายกับทุกคนกระเด็นเพราะไม่มีการชะลอก่อน ผมต้องรีบพุ่งไปรับทันที เดรนถลาเข้ามากองอยู่บนอกผมทั้งๆที่ยังยืนอยู่ เจ้านายอยู่ในแขนขวาส่วนคุณแพมกองอยู่ที่เท้าซ้ายในสภาพเป็นตายเท่ากัน
ผมรีบถามด้วยความเป็นห่วงทันที “เป็นอะไรไหมครับ คุณเซย์ เดรน คุณแพม” เจ้านายกระพริบตาปริบ ค่อยๆดันตัวออกจากอ้อมแขนผมดูมึนพอสมควร เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาก็เสยผมสีแดงพร้อมตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“พาโซเร่ทำไมไม่ชะลอล่ะ นี่ถ้าไนท์แมร์มารับไม่ทันจะเป็นยังไง”
“ผมขอโทษครับ ตื่นเต้นจนลืมไปเลย”
“อย่ามาหาข้ออ้าง เดรนกับแพมก็ไม่รู้จะเป็นอะไรรึเปล่า”
“แหมๆ คนเราก็ต้องพลาดกันได้นี่ครับ”
“นายไม่ใช่คนนะ” เจ้านายตวาด
“เออเนอะ แหะๆ ผมก็ลืมไป”
ผมพยายามไม่สนใจบทสนทนาที่น่าปวดหัวนั่นแล้วพยุงเดรนออกจากอก พยายามถนอมมือมากที่สุด ไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้ เดรนตัวอ่อนปวกเปียกใช้ผมเป็นหลักพยุงชั่วครู่ก่อนจะดีขึ้นเมื่อเจ้านายด่าพาโซเร่จนพอใจแล้ว และเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสุดท้าย
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง ผมก็เห็นห้องที่เต็มไปด้วยหน้าจอนับร้อยที่แสดงผลของกล้องวงจรปิดมากมายทั่วเกาะ และคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยอีกมากมาย ตามทางที่เดินไปมีบอดี้การ์ดประมาณสิบคนนั่งเฝ้ามองหน้าจอมากมายเหล่านั้น และพวกเขาก็ต่างสนอกสนใจผมเหมือนเห็นของแปลก แต่เมื่อเจ้านายแจ้งข่าวว่ามอร์ฟีน อลิซและเอรินหายดีแล้วพวกเขาก็ดูไม่สนใจผมอีกต่อไป
“นี่เป็นห้องรักษาความปลอดภัยหลัก ปกติแล้วบอดี้การ์ดส่วนมากจะทำงานที่ห้องนี้นอกเหนือจากผลัดกันไปตรวจตามจุดต่างๆ แต่ไนท์แมร์คงจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยนักหรอก เพราะต้องคอยดูแลเจ้า.. คุณดาโรเซย์ตลอดเวลา” เดรนอธิบายและเราก็มาถึงทางเดินแคบๆ “นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณดาโรเซย์ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจะไม่ให้เข้าไป แต่ไนท์แมร์ มอร์ฟีน อลิซและเอรินสามารถเข้าได้ทุกห้องยกเว้นห้องนอนถ้าคุณดาโรเซย์ไม่ได้รับอนุญาต” เดรนเดินไปจนสุดแล้วเปิดประตูให้เจ้านาย ผมเดินตามแล้วปิดประตูให้
“นี่เป็นห้องทำงานของคุณดาโรเซย์” ผมเดินและมองไปรอบๆ ห้องนี้ทุกทิศทางล้อมรอบด้วยกระจกแม้แต่เพดาน ในห้องมีตู้หนังสือสามตู้ ตู้เย็นขนาดกลางหนึ่งตู้ โต๊ะทำงานของเดรนและคุณเซย์ มีโต๊ะทานอาหารตั้งอยู่หน้าตู้เย็น มีโซฟาครบชุดและทีวีขนาดใหญ่รวมถึงเสตอริโอขนาดโรงหนัง ที่ข้างๆโต๊ะเจ้านายมีตะกร้าสานขนาดใหญ่ที่ด้านในมีฟูก ผ้าห่มและหมอนอย่างดี ข้างๆมีกระดูกวางอยู่ในถาดอาหารและน้ำ
คุณแพมวิ่งนำหน้าไปแล้วกระโดดลงบนตะกร้าของตัวเองนอนซุกผ้าห่มอย่างมีความสุขนี่ถ้ามันเป็นมนุษย์มันคงจะส่งเสียงครางออกมาเป็นแน่แท้ เจ้านาย(ต่อไปนี้ผมจะเรียกเขาว่าคุณเซย์เพื่อความปลอดภัยในการออกเสียง)เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองมองกองเอกสารบนโต๊ะอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้
“ฉันต้องทำยังไงบ้าง”คุณเซย์ถามเดรนที่ยืนหน้านิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“สองกองนี้จะต้องเซ็นอนุญาตทั้งหมด อีกสองกองต้องอ่านแล้วเซ็นอนุมัติโครงการ สี่กองที่เหลือต้องตรวจทั้งหมด พรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้าต้องไปเข้าร่วมประชุมปิดงบประจำสัปดาห์ ตอนเย็นมีงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าล่าสุดที่คุณดาโรเซย์ต้องไปเป็นประธานเปิดงาน....” เดรนร่ายแต่คุณเซย์ยกมือห้ามเมื่อชักเห็นว่ามันเริ่มนอกเรื่องไปเรื่อยๆแล้ว
“ฉันถามแค่เรื่องเอกสารไม่ต้องเอาที่เหลือมาก็ได้”คุณเซย์ว่า เดรนก้มหน้ารับจากนั้นก็เดินจากไป ผมแอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาโดนว่า สะใจชะมัด เขายิ่งชอบทำสายตาหมิ่นประมาทผมอยู่ด้วย
คุณเซย์หยิบปากกาขึ้นมานั่งมองอยู่สักพักแล้วถามผมว่า“ไนท์แมร์ปลอมลายเซ็นเป็นไหม”
ผมสงสัยว่าทำไมถึงถามแบบนี้ แต่ผมก็เป็นเซียนปลอมลายมือ “ครับทำเป็น” ผมเว้นวรรคจากนั้นก็เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจต่อว่า “ทำไมเหรอครับ”
“เอาปากกานี่” คุณเซย์ยัดปากกาใส่มือผมโดยไม่ให้มีการปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น”แล้วช่วยเซ็นเอกสารสองกองนี้ให้ที” เขายัดเอกสารตั้งยักษ์ใส่อ้อมแขนผมจนแทบรับไม่ทัน “จากนั้นเราก็จะช่วยทำที่เหลือให้เสร็จจะได้มีเวลาพักก่อนเดรนจะจัดเอกสารเสร็จ”
ผมยังสับสนอยู่แต่ไม่ได้ขัดขืนเมื่อเขาลากผมไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับหยิบหลอดหมึกไปให้อีกสามหลอด ถึงตอนนี้ผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมบอดี้การ์ดทั้งสามสิบสี่คนถึงลาออก เป็นใครจะทนได้ล่ะ มาสมัครงานเป็นบอดี้การ์ดแต่ต้องมาช่วยเจ้านายเซ็นเอกสาร ตรวจงานอีกเป็นตั้ง
แต่ยกเว้นผม เพราะไอ้งานแบบนี้มันฆ่าเวลาได้มากทีเดียว ผมไม่อยากยืนทั้งวันโดยไม่ต้องทำอะไรหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าเบื่อตาย โชคดีที่คุณเซย์เจ้านายของผมคนนี้ชอบโยนงานมาแบ่งให้ลูกน้องทำ ผมก็เลยได้บริหารนิ้วมือบริหารสมองซะบ้าง อย่าลืมสิว่าผมเป็นอมตะถ้าไม่หัดใช้สมองมีหวังได้เอ๋อตลอดกาลแน่ๆ ดังนั้นผมจึงถกแขนเสื้อขึ้นแล้วจับปากกาเริ่มลงมือทำงาน
เดรนที่หายออกไปกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับจ้องผมแบบไม่เชื่อสายตา ผมเงยหน้ามองเขา เอาปากกาแดงที่คาบอยู่ในปากออกและหยุดควงดินสอไม้ที่อยู่ในมือ ผมนั่งอยู่บนพื้นหลังพิงกับโซฟากำลังตรวจเอกสารของกองสุดท้ายอยู่ เสื้อนอกวางอยู่บนพื้นข้างๆมีรองเท้าหนังสีขาววางคู่กัน เสื้อแขนยาวถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอกเพื่อไม่ให้เลอะหมึก ตอนนี้สภาพผมเป็นแบบคำว่า ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ถ้ามองไปด้านหลังผมแล้วล่ะก็จะเห็นว่ามีคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากกว่าผมหลายเท่า
คุณเซย์ควงปากกาในมือขายาวๆพาดอยู่บนโต๊ะทำงานทั้งตัวเหลือแต่เสื้อกล้ามกับกางเกงถุงเท้าก็ไม่เหลือแล้วแถมยังกระดิกเท้าไปตามจังหวะเพลงที่เขาเปิดอีกต่างหาก ผมยักไหล่ให้เดรนแล้วยิ้มขู่ให้เขา เดรนแอบสะดุ้งเล็กน้อยแล้วรีบไปนั่งที่โต๊ะตัวเองจนทำเอกสารกองยักษ์ที่วางอยู่ข้างโต๊ะหล่นกระจาย คุณเซย์หันไปมองด้วยความงุนงงส่วนผมก็กลั้นหัวเราะคิกๆ สะใจชะมัด เดรนนี่เป็นคนที่น่าแกล้งจริงๆ
“เป็นอะไรไปเดรน”คุณเซย์เอ่ยถาม เดรนส่ายหน้าที่กำลังก้มเก็บเอกสารแล้วก็เงียบไปเลยแต่ผมเห็นว่าในวินาทีสุดท้ายที่ส่ายหน้าเขาหันมามองผมด้วยแววตาวาวโรจน์
ฮู่ววว กลัวจังเลย
พอผมทำทั้งหมดเสร็จคุณเซย์ก็เหลือกระดาษอีกแค่สามแผ่นเท่านั้น ผมรู้หน้าที่ดี จึงเอาที่เสร็จทั้งหมดทยอยไปวางที่โต๊ะเดรน จากนั้นเดรนก็กดโทรศัพท์ สักพักจึงมีบอดี้การ์ดหลายคนมายกออกไป เจ้านายบิดขี้เกียจจากนั้นก็เดินมาหาผมที่กำลังเทน้ำเปล่าใส่แก้ว
“ไนท์แมร์ทำงานเร็วมากเลย ปลอมลายเซ็นเหมือนกว่าเอรินตั้งเยอะ” ผมรอว่าเขากำลังจะบอกอะไรแต่รับรองว่าไม่ใช่เรื่องที่คนปกติเขาทำกันแน่ “เพราะฉะนั้นมาตีมือกัน” เจ้านายชูมือมาสองข้าง ผมทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ คุณเซย์ที่จริงจังกับการทำงานกลับไปเป็นเด็กสิบขวบอีกแล้ว เขาทำหน้าเบ้ใส่ผม จนผมต้องรีบชูมือขึ้นมาสองข้างบ้าง แล้วเขาก็เอามือมาสัมผัสกับผมอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่มือเขาสัมผัสกับผม ผมก็รู้สึกแปลกๆ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ มันเหมือนผมคุ้นเคยกับเขาล่ะมั้ง แต่บางทีอาจจะเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ตีมือกับใครสักคน
ผมได้ทำเรื่องที่ไม่เคยทำกับเขา นี่เป็นลางดีใช่ไหม?
“แล้วไนท์แมร์จะกลับบ้านยังไงล่ะ”คุณเซย์เอ่ยถามขึ้น ผมชะงักมือที่กำลังล้างแก้วพึ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน ผมส่ายหัวเป็นคำตอบเพราะตัวเองก็ยังไม่รู้หนทาง
“ให้ฉันไปส่งไหมล่ะ”คุณเซย์เสนอ แต่ผมเห็นเดรนส่งสายตาขู่มาให้
“ถ้ามีรถให้ผมยืมล่ะก็...”
“เอาไปเลย” คุณเซย์ร้อง “แต่เดรนบอกว่าบ้านไนท์แมร์อยู่ไกล ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ได้นะ อยู่หลายคนแล้วสนุกดี”
ผมครุ่นคิดกับข้อเสนอ แต่ก็ยังลังเลเพราะผมชอบที่จะอยู่ในเมืองมากกว่า คุณเซย์เห็นผมลังเลจึงพูดต่อว่า “บ้านไนท์แมร์อยู่ไกล จะไปกลับก็ช้า เปลืองเงินด้วย แต่อยู่ที่นี่มีห้องนอนที่พักพร้อมอาหารก็ฟรี อ๊ะไนท์แมร์ยังไม่รู้สินะว่าที่เกาะมีห้างสรรพสินค้าโรงหนังและของอื่นๆอีกตั้งเยอะแยะเลยนะ”
เขากล่อมคนเก่งจริงๆด้วย ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว “ว่าแต่ที่นี่เกาะอะไรเหรอครับ” ผมถามนั่นเป็นข้อสงสัยของผมมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ถามเลยสักครั้งเพราะถูกอย่างอื่นดึงความสนใจไปหมด
“อ้าว” คุณเซย์ร้อง “เดรนยังไม่ได้บอกไนท์แมร์อีกเหรอเนี่ย เกาะนี้เป็นเกาะที่มีชื่อว่า ***** “
“****** คุณเซย์เป็นเจ้าขององค์กร ******* “ ผมอ้าปากค้างนี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจกว่าห้องพูดได้ หมอสไตน์หรือเรื่องที่เขามีนิสัยแปลกประหลาดซะอีก
องค์กร ******* เป็นองค์กรที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในโลกและที่ดาวอังคาร มีสาขาอยู่ทั่วโลก องค์กรนี้ทำอะไรบ้างเหรอ ก็ตั้งแต่ตอนเกิดก็จะมีโรงพยาบาลขององค์กรนี้ โรงพยาบาลเขาถือเป็นอันดับสองรองลงมาจากองค์กรอนามัยโลกทั้งทันสมัยและมีอยู่ทุกแห่งหน ผลิตทุกอย่างตั้งแต่ยานอวกาศ จัดการระบบสาธารณูปโภค การสื่อสารยันเรื่องกระดาษชำระในห้องน้ำ เสื้อผ้าแบรนดดังที่ผมใส่อยู่ก็ใช่ และองค์กรนี้มีผลต่อการเงินทั่วโลก เขามีอำนาจต่อรองสูงมากอย่างเช่นตอนที่จะเกิดสงครามระหว่างมหาอำนาจสองประเทศคนที่เข้ามาเจรจาไกลเกลี่ยก็คือเขา รู้ไหมเขาพูดแค่ไม่กี่ประโยคไอ้ประเทศที่กำลังจะทะเลาะกันก็เกิดสามัคคีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และประโยคของเขาก็ถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์เป็นประโยคที่โด่งดังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผมยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี(แต่ตอนนั้นเหมือนเขาจะไม่ได้มีผมสีแดงนี่นาเป็นผมสีทองต่างหาก) เขาเดินมาที่เวทีตอนแถลงข่าวแล้วมองหน้าของผู้นำประเทศสองคนจากนั้นก็พูดว่า
ถ้าไม่ยกเลิกความคิดที่จะทำสงคราม ฉันจะปิดสาขาทั้งหมดรวมถึงถอนคนที่ทำงานอยู่ในประเทศคุณทั้งสองให้ไปทำงานที่อื่นแทน
แค่นั้นแหละสองประเทศก็ยิ้มแย้มจับมือกันยุติสงครามทันที คิดดูขนาดสงครามเขายังหยุดได้ไม่ต้องพูดถึงผมที่หัวเดียวกระเทียมลีบหรอก อย่างนี้ต่อให้หนีไปที่ไหนก็ไม่มีทางพ้นเด็ดขาด ตายสถานเดียว ผมตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกจะอยู่กับเขา
รู้สึกเหมือนพึ่งรอดตายจากปากเหวลึกที่มีสัตว์ประหลาดยักษ์อ้าปากรออยู่ที่ก้นเหวเลยแฮะ
“ว่ายังไงล่ะ จะย้ายมาอยู่นี่ไหม”
“ครับ แต่คงต้องพรุ่งนี้ผมถึงขนของมาได้” ผมไม่มีทางปฏิเสธเด็ดขาด ไม่มีทาง
คุณเซย์ยิ้มกว้าง แล้วพูดต่อว่า “เย็นนี้เราไปช่วยไนท์แมร์ขนของกันเถอะ พอมอร์ฟีน เอรินและอลิซฟื้นแล้ว.....”
จู่ๆประตูก็เปิดดังปัง เราสามคนที่นั่งอยู่ในห้องหันไปมอง ชายผมแดงที่ชื่อมอร์ฟีนยืนอยู่หน้าประตูและหอบราวกับวิ่งขึ้นบันไดมา เขายังอยู่ในชุดคนไข้และมีสายน้ำเกลือติดอยู่ที่แขน เขาไม่ได้กระชากเข็มที่มือออกแต่กระชากตรงถุงน้ำเกลือแทน เป็นคนที่แปลกจริงๆ จะว่าไปทุกคนที่คุณเซย์เลือกมาต่างก็แปลกด้วยกันทั้งนั้น (ยกเว้นผม ผมยังปกติดีทุกอย่าง)
“อ้าว พูดถึงมอร์ฟีนก็มาพอดีเลย เป็นไงบ้าง” คุณเซย์เอ่ยอย่างแปลกใจ จากนั้นก็ยิ้มกว้างถาม มอร์ฟีนยังคงตกใจอยู่ เหมือนเขาจะช็อค เขามองคุณเซย์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารตรงข้ามกับผม จากนั้นก็มองผมแล้วหันไปมองเดรน
“เป็นยังไงบ้างครับ” เดรนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม มอร์ฟีนอ้าปากค้างจากนั้นคุณแพมก็วิ่งมาหาเขาพร้อมกับเดินเข้าไปพันแข้งพันขาเขาเห่าออกมาหนึ่งทีเป็นการทักทาย
“คุณเซย์” เขาตะโกนเสียงดังลั่น คนถูกเรียกเอียงคอยังมีรอยยิ้มที่งดงามอยู่บนใบหน้า
“ฉันอยู่นี่” คุณเซย์ยกมือขึ้นน้อยๆ มอร์ฟีนยืนอยู่สามวินาทีแล้ววิ่งเข้ามาที่โต๊ะ แล้วจับไหล่คุณเซย์เขย่าๆ ถามเสียงร้อนรนพร้อมกับใช้สายตาสำรวจร่างกายคุณเซย์ไปด้วย
“คุณเซย์เป็นยังไงบ้าง ไอ้พวกนั้นทำร้ายคุณหรือเปล่า แล้ว...แล้ว..” เหมือนเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปคุณเซย์เอามือตัวเองทับกับมือของมอร์ฟีนแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“ฉันไม่เป็นอะไร สบายดีทุกอย่าง”แล้วเสริมต่อว่า “ได้ไนท์แมร์มาช่วยไว้น่ะ”
“ไนท์แมร์?” มอร์ฟีนทวนจากนั้นก็หันมาสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ปล่อยมือออกจากตัวคุณเซย์ ออกความเห็นอย่างไม่เกรงใจว่า “หมอนี่ดูสำอางบอบบางจะตาย คนก่อนที่ผมไปจัดการยังดูจะเจ๋งกว่าอีกนะ”
อ้าวๆ พูดอย่างนี้ ตัวๆกันเลยดีกว่า ใครเป็นคนช่วยให้นายออกมาเดินได้หะ
“ไนท์แมร์เก่งมากเลยนะ เขาคนเดียวจัดการทุกคนได้หมดเลย แถมยังฆ่าตัวร้ายได้ด้วย แค่พริบตาเอง” มอร์ฟีนดูไม่เชื่อแต่เมื่อเห็นคุณเซย์พยักหน้าย้ำหลายครั้งเขาก็ค่อยคลายความสงสัย
“ว่าแต่นายจะมาอยู่กี่วันล่ะ”มอร์ฟีนถามผมต่อ ผมรู้จักวีธีรับมือกับคนแบบนี้นั่นก็คือให้เขารู้ว่าไม่ใช่เขาที่เก่งที่สุด
“จนกว่าคุณเซย์จะไล่ออก” ผมตอบนิ่งๆพร้อมรอยยิ้มสุภาพ คุณเซย์เห็นดังนั้นจึงรีบพูดต่อว่า
“ไนท์แมร์ทำงานเก่งมาก ปลอมลายเซ็นเหมือนกว่าเอรินอีก ตรวจเอกสารละเอียดยิบพอๆกับอลิซเลยนะ” มอร์ฟีนเหมือนไม่อยากจะเชื่อแต่เมื่อคุณเซย์มายืนยันเองเขาก็เหมือนจะเบาใจลง จึงนั่งลงข้างๆคุณเซย์แล้วถามผมด้วยคำถามที่เดรนถึงกับทำเอกสารตกอีกกอง
“นายชอบเดรนรึเปล่า”
ผมไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไร แต่อยู่กับเดรนสนุกดี ได้แกล้งเขาตลอดผมเลยตอบไปว่า “ชอบ”
เอกสารบนโต๊ะเดรนตกลงมาอีกสองกองและใบหน้าขาวๆก็แดงจัด มอร์ฟีนอ้าปากค้าง
“ชอบแกล้งน่ะ” ผมต่อให้จบ ชายผมแดงยิ้มกว้างยื่นมือมาข้างหน้า
“งั้นเราอยู่ด้วยกันได้” แล้วเขาก็ตีมือผมแบบที่คุณเซย์ทำ ผมมองที่มือเขาแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นเลือดไหลซิบๆไปตามสายน้ำเกลือ ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยเมื่อเห็นเลือดแบบนี้แล้ว..
“แต่นายผ่านด่านอลิซยากอยู่นะ เพราะยัยนั่นไม่ถูกใจผู้ชายสักคนยกเว้นคุณเซย์กับเดรน กับเอรินหมอนั่นเข้ากับทุกคนได้ง่ายหมดนั่นแหละ แต่ว่าหมอสไตน์นี่เก่งจังเลยนะแค่สองวันเองกลับรักษาฉันจนหายได้” มอร์ฟีนเริ่มบทสนทนาเสียงดังลั่นดูท่าว่าจะตั้งใจแกล้งเดรนที่นั่งปั่นงานอยู่
“เปล่าหรอก จู่ๆพวกนายก็หายกันเอง หมอสไตน์ก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลย” เจ้านายบอก
คำตอบอยู่ตรงหน้าแล้วครับคุณเซย์ แต่ผมว่าจะปิดเรื่องนี้ไว้ดีกว่าก็พวกคุณเป็นมนุษย์นี่นะรู้ได้ตกใจช็อคตายกันพอดี
“เมื่อไหร่อลิซกับเอรินจะฟื้นนะ จะได้ไปส่งไนท์แมร์กัน” คุณเซย์เท้าคางดูเซ็งๆ มอร์ฟีนหันมาหาผมเหมือนพึ่งนึกได้
“ไนท์แมร์?ฝันร้าย? เป็นชื่อประหลาดที่สุดเท่าที่เคยได้ยินเลยแฮะ” มอร์ฟีนออกความเห็น
ไม่เท่าชื่อลิเกของคุณเซย์หรอก ผมแอบค้านในใจแต่ไม่พูดอะไรออกมา
“เท่ดีออก ไม่เหมือนใครดี แต่เมื่อไหร่อลิซกับเอรินจะฟื้นล่ะ” คุณเซย์กลับไปเป็นเด็กสิบขวบที่ร้องอยากได้ของเล่นอีกรอบ จะว่าไปเวลาเขาทำแบบนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูดี
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ” มอร์ฟีนร้องดูร้อนรนเอามากๆ เขาเริ่มหัยซ้ายหันขวาเพื่อไม่ให้คุณเซย์ทำหน้าเศร้าอยากตายแบบั้นอีก แต่แล้วประตูก็เปิดออกอีกรอบ คราวนี้เป็นชายผมสีเขียวสดยืนอยู่หน้าประตูในชุดลำลองที่ดูเหมือนวัยรุ่นจะว่าไปผมพึ่งสังเกตว่าเขาดูยังเด็กมากและมีตาสีทองสดเหมือนตาของสัตว์ป่า หน้าตาน่ารักเหมือนไอดอลนักร้อง เขาคนนี้คงจะเป็นเอรินสินะ เขามองคุณเซย์กับมอร์ฟีนจากนั้นก็ยิ้มกว้าง
“ปลอดภัยดีใช่ไหม ผมล่ะเป็นห่วงว่าคุณจะเป็นอะไรมากซะอีก” เขาเดินมาดูจะไม่ตกใจเลย มอร์ฟีนเหลือบมองผมเล็กน้อย เอรินหันมาจ้องผมชัดๆ มอร์ฟีนจึงรีบแนะนำผมอย่างรวดเร็ว
“นี่ไนท์แมร์เป็นคนไปช่วยคุณเซย์กับแพมออกมา เขาเป็นบอดี้การ์ดคนที่สามสิบห้า” เอรินจ้องตากับมอร์ฟีนอยู่สักพักเหมือนทั้งสองจะสามารถสื่อกันผ่านทางความคิดได้ จากนั้นก็หันมาจ้องตาผม ตาสีทองเขาเหมือนจะดูดผมเข้าไปในตัว มันแทบจะทะลุความคิดผมเข้าไป ผมผงะถอยหลังเมื่อเห็นอะไรบางอย่างในตาสีทองคู่นั้น ตาที่เหมือนกับ...
“ยินดีที่ได้รู้จักนะไนท์แมร์”เอรินยื่นมือมาข้างหน้า ผมคิดว่าเขาจะตีมือแต่เขากลับเชคแฮนด์แทน ผมพยายามจะสำรวจเขาอีกครั้งเพื่อไม่ให้ตาฝาดแต่ผลก็เหมือนเดิม เอรินส่งยิ้มเป็นมิตรไร้พิษภัยมาให้ซึ่งตรงข้ามกับอีกคนอย่างลิบลับ ผมลอบถอนหายใจแต่ก็ยังตกตะลึงไม่หาย นึกว่าจะดูผิดแต่เปล่า โลกมันกลมแบบที่เขาว่าจริงๆ
ประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับหญิงสาวแสนสวยสุดเซ็กซี่เดินนวยนายเข้ามาในห้อง เธอมีผมสีน้ำตาลที่สวยมากและตาสีม่วงที่น่ามอง อยู่ในชุดกระโปรงลูกไม้สีขาวและรองเท้าส้นสูงสีเหลืองอ่อนสุดหวาน เธอเดินมาหาคุณเซย์จากนั้นก็เบียดตัวนั่งลงบนตักเขาคุณเซย์สีหน้ายังปกติเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อนิ้วที่เรียวสวยไล้ไปตามใบหน้าเขาอย่างเย้ายวน
“อลิซฟื้นแล้วเซย์ดีใจไหมคะ” อลิซถามคุณเซย์ คุณเซย์ยิ้มพยักหน้าอย่างจริงใจเป็นคำตอบ เธอหันมามองผม จากนั้นก็เบิกตากว้าง ผมมองขอความช่วยเหลือ แต่มอร์ฟีนไม่ขยับส่วนเอรินได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ เดรนเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารยิ้มเยาะเหมือนจะบอกว่า นายตายแน่
ผมรอว่าอลิซจะจัดการยังไงกับผม และผมจะจัดการกับเธอยังไงให้เธอบาดเจ็บน้อยที่สุด อลิซลงจากตักคุณเซย์แล้วเดินอ้อมมานั่งข้างๆผม เธอเท้าคางจากนั้นก็มองผมอย่างทะลุทะลวง ไม่ได้ทะลวงอะไรนอกจากจะทะลวงเสื้อผ้าผมให้ขาดกระจุย ยิ่งใช้สายตามองต่ำลงมาเรื่อยๆผมยิ่งเสียว
อลิซหยุดสายตาที่ตรงนั้นของผมอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นก็เม้มปากล่างเหมือนกัดอะไรบางอย่าง ผมพยายามจะไม่สะดุ้งแต่ก็อดไม่ได้ เธอละสายตาออกมาจากตรงนั้นแล้วส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ ผมแค่ยิ้มสุภาพตอบเหมือนเคยทั้งๆที่จริงแอบกลืนน้ำลาย จะถือว่าผมเป็นเสือผู้หญิงก็ว่าได้ ไอ้ที่เซ็กซี่ยั่วยวนสุดๆก็เคยเจอมาแล้วแต่คนนี้แตกต่างออกไป น่ากลัวจริงๆ นิ้วเรียวไล้ขึ้นมาตามแขนผมแล้วถามเสียงหวาน
“บอดี้การ์ดคนที่สามสิบห้าชื่ออะไรล่ะ”
ผมยังคงยิ้มเหมือนเดิมราวกับถูกสตาฟไว้ “ไนท์แมร์”
“ไนท์แมร์ ฝันร้าย อยากจะรู้จังว่าเวลานอนจะฝันร้ายแบบนี้ไหมน้า.....” แล้วเธอก็ย้ายร่างมาบนตักผม
ใครก็ได้ช่วยด้วย ผมจะถูกผู้หญิงคนนี้ข่มขืน
“ตาสีชมพู ผมสีเงิน.. “อลิซพูดพร้อมกับไล้นิ้วไปรอบดวงตาผมแล้วใช้นิ้วพันผมสีเงินของผมเล่น เธอนั่งอยู่บนนั้นสักพักจนผมเริ่มจะชิน ผมเข้าใจว่าผมผ่านแล้วในสายตาเธอ จริงๆแล้วไม่มีอะไรทั้งนั้น เธอแค่จะดูว่าผู้ชายคนที่มาเป็นบอดี้การ์ดไว้ใจได้ไหม ถ้าผมล่วงเกินอลิซเธอก็แค่เกลียดขี้หน้าผม แต่ถ้าผมนั่งเฉยๆและไม่ล่วงเกินก็จะผ่านการทดสอบ เป็นผู้หญิงที่ฉลาดและน่ากลัวจ
โดยเฉพาะตอนที่ลากสายตาต่ำลงมาเรื่อยๆ แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบแล้ว
อลิซลงจากตักผมแล้ว ไปนั่งข้างๆคุณเซย์ดังเดิม “ไนท์แมร์จะย้ายมาอยู่นี่เมื่อไหร่ล่ะ” เธอถามและเอรินที่นั่งอยู่ข้างผมถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา มอร์ฟีนปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและเดรนที่จัดการเอกสารเสร็จแล้วตะลึงไปเลย ผมยักไหล่ให้เขาแล้วส่งสายตาแบบผู้ชนะไป เดรนเม้มปากแต่ไม่พูดอะไรออกมา
“เราไปช่วยไนท์แมร์เก็บของที่บ้านกันเถอะ” คุณเซย์ร้อง ทุกคนพยักหน้ารับ จะลุกขึ้นแต่แล้วมอร์ฟีนก็สะดุดสายน้ำเกลือที่ลากยาวของตัวเอง จนเข็มแทงเข้าไปลึกกว่าเดิม เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากหลังมือ ผมชะงักกลืนน้ำลายเมื่อความปรารถนาเอ่อล้นจนจุกคอ และถอยห่างไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้ มอร์ฟีนร้องจากนั้นก็กระชากเข็มออกจากมือดูไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เอรินรีบเอามือกดห้ามเลือด ผมดีใจที่เขาทำแบบนั้นแต่กลิ่นเลือดสดๆก็ยังอบอวลอยู่ในห้อง เอรินเอายามาใส่ให้แล้วล้วงพลาสเตอร์ยาออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับปิดมันลงไป
“นายน่าจะไปเปลี่ยนชุดก่อนนะมอร์ฟีน อาบน้ำด้วยล่ะ”อลิซบอกชายหนุ่มผมแดงพยักหน้ายัดสายน้ำเกลือเข้าถังขยะแล้ววิ่งนำออกไป ผมไปเก็บเสื้อนอกกับรองเท้าที่โซฟาเดินตามออกไป
เอรินเดินอยู่ข้างๆผมและชวนคุย เขาดูเป็นคนดีและจริงใจบวกกับหน้าตาน่ารักและรอยยิ้มสดใส แต่ผมเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะแล้วในหนึ่งวัน และไม่ยอมดูผิดเป็นครั้งที่สามหรือสี่อีก ตาสีทองที่เหมือนสัตว์ป่าของเขาในตอนนั้น
เหมือนเธอจริงๆเลยนะ ไอริน
ความคิดเห็น