คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Nightmare NO.11.2
ก็อกๆ!!!!!!!!
ก็อกๆ!!!!!!!!
ผมบิดตัวเอามืออุดหู ผมพึ่งหลับได้ไม่ถึงหกชั่วโมง ใครมันมาปลุกเอาตอนเช้าตรู่แบบนี้นะและถ้าจะเคาะประตูกันแบบนี้สู้พังประตูไปเลยซะดีกว่า
ก็อกๆๆๆ!!!!!!!! !!!!!!!
“โว้ย!!!!!!!!” ผมถีบผ้าห่มทิ้ง ขยี้ผมตัวเองคำรามในลำคอด้วยความรำคาญและหงุดหงิด เดินไปกระชากประตูห้องเต็มแรงจนกลอนประตูพังไปทั้งแถบและยิ่งไปกว่านั้นประตูมันหลุดคามือผมมาเลย
อะไรกันเนี่ย !!!!!!!!
ผมโยนซากประตูทิ้งแล้วขมวดคิ้วใส่ผู้ที่มาเยือนพร้อมส่งสายตาขวางสุดชีวิตไปให้ ตอนนี้ต่อให้เขาจะใหญ่มาจากไหนผมก็ไม่สน!!! กล้ามาปลุกผมแบบนี้แล้วไม่มีอะไรสำคัญล่ะก็จะขย้ำให้จมเขี้ยวแล้วดูดเลือดให้หมดตัวไปเลย!!!!
“ขอโทษที่มาปลุกคุณ แต่มีปัญหาเกิดขึ้นกับเจ้านายของคุณ เขาหายตัวไปและบอดี้การ์ดที่ประจำอยู่ต่างบาดเจ็บสาหัส ผมจึงต้องมาตามคุณไปปฏิบัติหน้าที่เร็วกว่ากำหนด”
ผมทบทวนสิ่งที่เขาพูดก่อนจะสังเกตเห็นว่าเขาคือคนที่สัมภาษณ์ผมเมื่อวาน ผมจึงคลายสีหน้าเกรี้ยวกราดลงและพับความคิดที่จะดูดเลือดเขาจนหมดตัวเข้ากระเป๋าไป(แม้ว่าจริงๆแล้วมันจะยั่วยวนใจมากแค่ไหนก็ตาม)
“คุณพร้อมแล้วหรือยัง” เขาถามต่อ ยังมีสีหน้าแบบเดียวกับเมื่อวานคือหน้านิ่งสนิท
โอเค ถึงคราวผมตั้งตัวไม่ติดบ้างแล้ว คำพูดแบบนี้และมาถึงห้องแบบนี้หมายความว่าผมได้งานแล้วสินะ ดีจัง!
ผมยิ้มน้อยๆ “ขอ10วิ” แล้วก็เดินไปยังห้องน้ำด้วยความเร็วสูง ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้าในสายตามนุษย์สิ่งที่พวกเขาจะเห็นคือ ผมหายตัวจากตรงนั้นไปตรงนี้ แวบไปแวบมาและมาโผล่ตรงหน้าเขาอย่างเรียบร้อย ทั้งหมดนี้กินเวลาแค่ 10 วินาที
ผมเห็นไปหน้าที่เรียบเฉยนั้นดูตกตะลึงและกลัวนิดๆด้วย
....ดูดีกว่าตอนหน้านิ่งๆเป็นไหนๆ....
“ผมพร้อมแล้ว” เขาพยักหน้ารับแต่คราวนี้เว้นระยะห่างออกไปเล็กน้อย ห้องผมเป็นคอนโดมิเนียมอยู่ชั้นบนสุดดั่งนั้นเราจึงเดินไปที่ลิฟท์แล้วจู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“ประตูห้อง”
ผมพอจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรจึงยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ ตอบว่า
“ไม่มีใครกล้าเข้าห้องผมหรอก และถึงจะมีก็ตายหมดแล้ว”
อืม....เวลาเขากลัวดูดีกว่าจริงๆน่ะแหละ
เราเดินมาที่ลานจอดรถ รถที่เข้าใช้มีราคาพอสมควรแต่สำหรับผมถ้าจะใช้รถต้องรถสปอร์ตเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเร็วไม่พอ ไปเองเร็วกว่า เขานั่งที่คนขับและให้ผมนั่งที่ข้างคนขับ และเมื่อออกรถเขาก็เริ่มแนะนำตัว
“ผมชื่อเดรนเป็นเลขาส่วนตัวของเจ้านาย เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับเจ้านายผมเป็นคนจัดการ และรวมถึงเลือกคุณเข้ามาทำงานด้วย” เขาเสริมด้วยสิหน้าที่กลับมานิ่งสนิทอีกครั้ง “เมื่อ 3 วันก่อน ศัตรูรายหนึ่งของเจ้านายได้ลักพาตัวคุณแพมไป และทางเราก็พลาดท่าจนบอดี้การ์ดที่ประจำอยู่ทั้งหมดบาดเจ็บสาหัส จะเรียกหน่วยอื่นมาก็ไม่ได้ เพราะไม่มีฝีมือพอ และเมื่อคืนเจ้านายก็ได้แอบหนีออกไปผมคาดว่าเขาจะไปชิงตัวคุณแพมกลับ....”
“สรุปสั้นๆได้มั้ย” ผมตัดบท เดรนหันมาค้อนผมด้วยสายตาหนึ่งทีก่อนจะยอมสรุปแต่โดยดี
“คุณต้องไปช่วยเจ้านายและคุณแพมออกมาอย่างปลอดภัย” เขาเว้นช่วงจากนั้นก็เพิ่มเติมอย่างลังเลเล็กน้อยว่า “และผมก็จะไปด้วย”
ผมเบิกตากว้างใส่เขา “คุณเนี่ยนะ!!!จะไปกับผมล้อเล่นรึเปล่า!!!!”
ผมรอคำตอบจากปากว่าเขาล้อเล่นแต่ไม่มีอะไรหลุดออกมาเลยแม้แต่นิด สีหน้าเดรนจริงจังมากอากาลังเลเมื่อครู่ก็หายไปแล้ว
เวรเอ๋ย!!!!!!!!
เขาพูดจริง!! และคนซวยก็คือผม!!!!
ผมไม่ชอบมีภาระ โดยเฉพาะภาระที่เป็นของกิน เอ้ย! มนุษย์แบบเดรน แต่ท่าทางคนอย่างเขาจะขู่ให้กลัวไม่ได้ ผมต้องเลือกใช้วิธีที่นุ่มนวลอย่างเช่นการพูดกล่อมเขาแทน ว่าถ้าไปจะอันตรายแค่ไหน อาจตายได้ แล้วครอบครัวลูกเมียจะเป็นยังไง บลาๆๆ
“อย่าพยามกล่อมผม เพราะมันไร้ประโยชน์”
รอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนชะงักกึก ผมจึงหันไปคำรามใส่เขาที่กำลังขับรถอยู่แทน ในเมื่อเขาอยากจะไปนักผมก็จะทำให้เขาได้ไปสมใจอยาก!!
ผมหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง เดรนตะโกนโหวกเหวกจะดึงกลับ เรายื้อกันไปมาและเมื่อกระชากพวงมาลัยครั้งสุดท้ายรถก็ปาดเข้าข้างทาง เดรนเหยียบเบรคเต็มแรงจนตัวผมที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นไปกระแทกกับกระจกหน้ารถ
ไม่เจ็บหรอก แต่อยากหงุดหงิดใส่เขามากกว่าเดิม
ผมลงจากรถเดินไปฝั่งคนขับแล้วกระชากเขาลงมาด้วยการออกแรงเพียงน้อยนิดไม่อย่างนั้นแขนข้างนี้ของเขาต้องโบกมือลาตัวแน่นอน แต่ถึงผมจะทะนุถนอมเข้ามากแค่ไหนเขาก็เซและร้องออกมาอยู่ดี
มนุษย์นี่บอบบางที่หนึ่งจริงๆ
“หุบปาก!!!!” ผมตะคอกใส่หน้าเขา เดรนสะดุ้งและถอยกรูดพยายามจะไปให้ห่างแต่มือผมยังจับแขนเขาอยู่ เดรนพยายามจะสลัดแต่ก็เหมือนเอาไม้จิ้มฟันงัดเรือไททานิกมันไม่ขยับหรอก เมื่อไม่ได้ผลเขาก็เลยเลือกที่จะร้องขอความช่วยเหลือและตัวสั่นเป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนราดแทน
“หุบปาก!!!!”ผมตะคอกอีกรอบ เดรนสะดุ้งมืออีกข้างตะครุบปิดปากตัวเองทันที ผมตะลึงกับท่าทางที่เหมือนเด็กๆ อดยิ้มออกมาไม่ได้จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเย็นยะเยือกแทน “นายอยากจะไปใช่มั้ย! ได้ฉันจะพาไป เอาแบบรวดเดียวถึงเลยเป็นไง!!” ผมจับเขาพาดบ่า เดรนร้องโวยวายลั่น จนคนที่เดินอยู่แถวนั้นเริ่มหันมาสนใจ
“ปล่อยฉันลงนะ ไอ้มนุษย์บ้า!!!!”
ผมแค่นหัวเราะ “ด่าเจ็บดีนี่ มองอะไร!! แฟนทะเลาะกันอย่ายุ่ง!” หลังจากตวาดใส่คนที่มองอยู่รอบๆแล้วผมก็เดินไปที่ซอกตึก กระโดดหนึ่งทีก็พุ่งไปอยู่บนดาดฟ้ามีเสียงเดรนร้องออกมาด้วยความกลัวเป็นเสียงประกอบ และเมื่อผมกระโดดอย่างรวดเร็วจากอีกตึกหนึ่งไปยังตึกหนึ่ง เดรนก็กลัวจะพูดไม่ออก ผมเร่งความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม จนคนบนบ่าเริ่มส่งเสียงแปลกๆออกมา
ผมตกใจหยุดกะทันหันและพบว่านั่นเป็นกลางอากาศเบื้องล่างคือแม่น้ำสายหลัก และเบื้องหน้าคืออากาศว่างเปล่า
“อ๊ากกกกกกก!!!! ว้ากกกกกก!!!!” เดรนร้องเสียงดังสุดชีวิตจนผมต้องเอามือข้างที่ว่างอุดหู นึกสนุกจึงปล่อยให้ร่างเราสองคนตกลงไปเรื่อยๆ
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆ!!!!!!!!” ผมหัวเราะลั่น จับคนที่เริ่มดิ้นให้แน่นกว่าเดิม และเมื่อร่างผมอยู่ห่างจากผิวน้ำได้หนึ่งฟุต ผมก็กางปีกออกรับลม
“ว้ากๆๆๆๆๆ!!!” เดรนยังร้องต่อไป แต่อย่างน้อยเสียว้ากของเขาก็สั้นลง ไม่นานเมื่อมาถึงกลางแม่น้ำเขาก็หยุดร้องแต่เอามือกุมคอตัวเองส่งเสียงแปลกที่ทำให้ผมจะหยุดอีกรอบ
“ห้ามคายอะไรออกมาใส่ฉันนะ!! กลืนมันลงไปเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันทิ้งนายไว้ตรงนี้แน่ๆ ได้ยินมั้ย!!!!” ผมตะโกนแข่งกับเสียงลม เสียงเดรนเงียบหายไปสักพัก และเขาก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงแหบแห้งว่า
“รู้แล้ว ยะ.. อย่าปล่อยฉันตกอีกนะ”
ผมถึงกับหัวเราะชอบใจแต่ก็รัดตัวเดรนให้แน่นกว่าเดิม
เรามาถึงหน้าอาคารกลางเก่ากลางใหม่ที่เดรนบอกว่าที่นี่คือที่ๆเจ้านายผมหนีมาชิงตัวคุณแพมกลับ ปกติแล้วเวลาที่เราจะลักพาตัวใครมาซ่อนไว้ก็ต้องเป็นโกดังร้าง ในป่า แต่ครั้งนี่ผมพบว่ามัน....
เป็นที่ๆอึกทึกมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
เหมือนกับเป็นสถานบันเทิงยามราตรีอะไรแบบนั้นมีเสียงเพลงดังลั่นลอดรูระบายอากาศเดรนไม่รอช้าเขาก้าวอย่างแน่วแน่ไปที่ประตู ผมจะร้องห้ามแต่เมื่อฉุกคิดได้ว่าถ้าที่นี่เป็นสถานบันเทิงแล้วล่ะก็ คนจะต้องเยอะจนไม่มีใครสังเกตได้
แต่เมื่อเราเข้าไปได้แค่ก้าวเดียวจากประตูหน้า ทั้งตึกก็พลับเงียบสงัด แน่นอนว่าความเงียบต้องมาพร้อมกับสิ่งที่อันตราย อย่างเช่นปืนไรเฟิลที่จ่ออยู่ข้างเอวผมนี่ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินนะ ได้ยินและรับรู้มานานแล้วด้วย แต่ผมต้องไม่เผยความสามารถอะไรออกมาโดยเฉพาะต่อหน้าคนที่เอะอะอะไรก็ว้ากลูกเดียวอย่างเดรน
“กำลังรออยู่เลย คุณเลขาและ อ้าวบอดี้การ์ดเป็นโขยงไปไหนแล้วล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากลำโพงกระจายเสียงทุกตัว คำพูดพวกนั้นทำให้เดรนโกรธจนเลือดขึ้นหน้าจนพูดอะไรไม่ออก
“เอ้า ทำไมเงียบซะล่ะ หรือเพราะว่าไม่มีบอดี้การ์ดผมแดงคนนั้นแล้วเลยดูเงียบๆไป ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ผมกระตุกปากเป็นรอยยิ้ม “ไม่มีทั้งโขยง ไม่มีผมแดงที่ไหนทั้งนั้น มีแค่ฉันคนเดียวก็เกินพอแล้ว อีกอย่างช่วยหยุดหัวเราะที่ทำให้เหมือนเด็กปัญญาอ่อนนั่นซะทีเถอะ รำคาญรูหู”
“.. ก.. กะ...”
“อ้าว ทำไมเงียบไปซะล่ะ หรือเพราะว่าวันนี้บอดี้การ์ดทั้งโขยงมันไม่เพียงพอที่จะทำให้แกหายกลัวได้” ผมขัดด้วยการลอกประโยคของมันมาเด๊ะๆ
“แก ปากดีนักนะ!! อยากจะรู้จริงๆว่าถ้าเห็นนี่แล้วจะเป็นยังไง!!!” จอทีวีที่ใกล้ที่สุด ปรากฏรูปของชายผมสีแดงประกายทองคนหนึ่งถูกจับมัดอยู่บนเก้าอี้ และจ้องตรงมาที่กล้องด้วยอาการเฉื่อยชา
“เจ้านาย!!!!” เดรนข้างๆผมร้องขึ้น ดิ้นให้หลุดจากการจับกุมแต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะคนที่จับอยู่นั้นตัวอย่างกับยักษ์ปักหลั่น ผมถอนหายใจ เอ่ยเซ็งๆต่อว่า
“แค่นี้เนี่ยนะ ปัญญาอ่อนจริงๆ ไม่มีอะไรที่ตื่นเต้นมากกว่านี้แล้วรึไง แน่จริงก็ลงมาเจอกันตัวๆเซ่ เป็นหมาแล้วไม่พอยังปอดแหกอีก แกมันด๋อยชะมัด” ผมยังคงยั่วมันต่อไป “เพราะแกมันปัญญาอ่อน สู้เขาแบบตรงๆไม่ได้เลยต้องใช้วิธีลัด โง่ชะมัดขนาดตรงๆยังสู้ไม่ได้แล้ววีธีลัดแกจะไปสู้ได้ยังไง ถามจริงเรื่องแบบนี้ใครสอนแกกันห๊ะ จะได้ตามไปกระทืบทิ้ง แต่ดูเหมือนว่าแกจะคิดเองสินะ ไอ้เรื่องโง่ๆแบบนี้”
“แกหมายความว่ายังไง!!”
“อ้าว!” ผมแสร้งทำสีหน้าแปลกใจ “ก็เรื่องโง่ๆแบบนี้ ใครเขาคิดกันล่ะ นอกจากพวกโง่ๆอย่างแก”
“ยิงเจ้านายมันสักทีซิ!! ฉันทนไม่แล้วโว้ย!!!”
“อย่านะ!!!!!!”เดรนกรีดร้องดิ้นอีกรอบ จากนั้นก็หันมาหาผมด้วยแววตาวาวโรจน์ “นายต่างหากที่โง่!! ทำแบบนั้นเจ้านายก็ถูกยิงสิ!!!”
“ดูๆ เลขาคนนี้ยังฉลาดกว่านายเลย อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าตอนนี้ใครถือไพ่เหนือกว่า” แล้วคนพูดก็ปรากฏตัวที่หน้าจอ เป็นชายที่อายุดูจะมากกว่าเดรนนิดหน่อย และยิ้มอย่างผู้ชนะใส่ผม
ผมยิ้มสุภาพ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ “ใช่เราต้องดูว่าใครถือไพ่เหนือกว่า ที่สำคัญคือเราอย่าลำพองใจให้มากไปนักว่าเรามีไพ่เด็ด”
จู่ๆชายที่เป็นหัวโจกในจอก็ตาเบิกกว้าง เอามือกุมคอตัวเอง เซล้มลง แล้วร่างเขาก็ลอยขึ้นเหนือพื้นราวกับถูกแขวนด้วยเชือกที่มองไม่เห็น หน้าเริ่มเขียวมากขึ้นเรื่อยๆอ้าปากพะงาบ เริ่มขาดอากาศหายใจแล้วในที่สุดเขาก็คอพับคออ่อนกลางอากาศก่อนจะร่วงตกสู่พื้น
“เพราะอีกฝ่ายก็ต้องมีไพ่เด็ดกว่าเหมือนกัน”ผมยิ้มสุภาพอีกรอบใส่จอ ยังคงสะใจ จากนั้นโดยไม่ต้องออกแรงใดๆผมก็จับปืนไรเฟิลที่จ่ออยู่หักทิ้งเป็นสองท่อน เมื่อชายร่างยักษ์อีกคนหันปืนมาหาผม เดรนก็เป็นอิสระแล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แม้ว่าชายตรงหน้าจะตัวใหญ่กว่าผมมาก แต่มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ ผมหักปืนไรเฟิลอีกสองกระบอกแล้วจับร่างใหญ่ทุ่มด้วยมือเพียงข้างเดียว หันไปตวัดขาเตะอีกคน แล้วตามเลขาส่วนตัวของเจ้านายไป
ปัง ปังๆๆๆๆๆ
เสียงปืนดังขึ้นทันทีที่ผมมาหยุดอยู่หน้าห้องที่คล้ายกับห้องประชุม สิ่งที่กีดขวางประตูบัดนี้นอนจมกองเลือดเข้าเฝ้าพระเจ้าไปเป็นที่เรียบร้อย ผมรอจนเสียงปืนค่อยๆหายไปแล้วถีบประตูให้เปิดออก หวังจะพบกับภาพเดรนที่ถือปืนท่ามกลางกองศพของเหล่าศัตรูร้าย แต่ที่ผมเห็นคือภาพเดรนกับเจ้านายถูกปืนนับสิบกระบอกจ่อแทน
ผมมองเดรนผิดไปจริงๆ จากนี้ผมจะไม่ให้เขาเข้ามายุ่งอะไรอีกแล้ว
“อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นสองคนนี้ตาย” ชายร่างสูงดูน่าเกรงขามกว่าคนในจอทีวีเมื่อครู่เอ่ยขึ้น เดรนทำสีหน้าอ้อนวอน ส่วนคนที่เดรนเรียกว่าเจ้านายจ้องมองผมด้วยความสนใจ ดูเขาจะไม่กลัวไอ้ปืนพวกนี้สักเท่าไหร่เป็นเจ้านายที่แปลกดี
“เรื่องมันจบแล้ว เจ้านายแกก็นอนตายอยู่ตรงนั้น ถ้าปล่อยพวกฉันไป ฉันจะไม่เอาเรื่องพวกนาย” เจ้านายพูดต่อรองอย่างดูดีและน่าสนใจแต่คนฟังกลับตวาดใส่หน้าเขา
“แกไม่เอาเรื่องฉัน!! แต่จะไปทำร้ายครอบครัวฉันแทนแบบที่แกเคยทำใช่มั้ยล่ะ!!!!”
โอ้!! น่าทึ่งแฮะ ดูๆไปเจ้านายผมคนนี้ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายเลือดเย็นแบบนั้นสักหน่อย ดูเขายังเด็กอยู่เลยไม่น่าจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นได้
แต่เจ้านายกลับหันไปหาเดรนแล้วพูดอย่างทึ่งๆว่า “เดรนทำไมหมอนี่รู้ล่ะ ฉันสั่งไม่ให้บอกใครนี่นา”
ผมมองเจ้านายคนนี้ผิดไปเป็นคนที่สอง เขาโหดเหี้ยมมากทีเดียว ไม่เอาเรื่องชายร่างสูงแต่ไม่เอาเรื่องที่ครอบครัวแทน ผมยังมองว่ามันโหดร้ายเลย ผมตั้งมั่นกับตัวเองไว้ว่าจะไม่รับงานใดๆก็ตามที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก พรากลูกพรากพ่อ เพราะผมเข้าใจดีว่าแบบนั้นมันเหงาแค่ไหน ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งหลับตาลงแล้วเริ่มตั้งสมาธิทำงาน
“วันนี้ฉันต้องแก้แค้นแกให้ได้!!!!”
เดรนเริ่มหวั่นใจ จะหันไปขอความช่วยเหลือกับบอดี้การ์ดบินได้แต่พบว่าเขากลับหลับทั้งยืนไปแล้ว
เวลาแบบนี้ยังจะหลับ!!!!!!!!
“ตายซะเถอะ!!”
เดรนหลับตา ยอมรับความตายที่กำลังจะมาถึง.....
........................
.................
.............
......
...
ทำไมไม่เจ็บหรือว่าเวลาตายจะไม่เจ็บปวด เดรนคิดค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ และไม่เห็นแม้แต่ปืนสักกระบอกเดียวเห็นแต่เศษเหล็กที่หล่นกระจายรวมถึงดินปืนที่เป็นกองหย่อมๆไปทั่วห้อง เขาหันซ้ายหันขวา เจ้านายเขาก็กำลังงงเช่นเดียวกัน เจ้าคนบินได้ เดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน เดรนถึงสังเกตเห็นกองคนที่อยู่ด้านหลังคนบินได้ กองในที่นี้หมายถึงนอนกองรวมกัน และอาจจะตายหมดแล้ว เดรนควบคุมสติของตัวเอง รีบวิ่งไปดูเจ้านายของตน
“เจ้านาย!! เจ้านายเป็นอะไรมั้ยครับ!! บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า!”
ไนท์แมร์หรือฝันร้ายแบบผม มองมนุษย์ที่ชื่อว่าเดรนพุ่งไปหาคนที่เป็นเจ้านาย สำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างร้อนรน ผมแอบเห็นเจ้านายกลอกตาอย่างเบื่อๆด้วย
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วก็อย่าเรียกฉันว่าเจ้านาย มันดูแก่ เรียก เซย์ก็พอ เข้าใจมั้ย”
“ไม่ได้ครับ! ผมเป็นลูกน้อง ไม่มีสิทธิ์เรียกตีสนิทเจ้านาย” เดรนยังค้านหัวชนฝา จนผมที่ยืนมองอยู่อดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้ น่าจับกระแทกข้างฝาจริงๆน่ะแหละ
“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นเรียก คุณดาโรเซย์ได้มั้ย” ดาโรเซย์เอ่ยแบบหนักใจ เอ๊ะ! เดี๋ยว!
ดาโรเซย์อย่างนั้นเหรอ
....ดาโรเซย์.....
ชื่อนี่มัน..... !!!!
ลิเกสุดๆ!!!!!!!!
ใครเป็นคนตั้งให้เนี่ย!! สงสัยตอนท้องไอ้หมอนี่กินนิยายเป็นอาหารหลักแหงๆ!!!
“ดาโรเซย์ คุณดาโรเซย์ อืม..คุณดาโร”ผมพยายามออกเสียงเรียกชื่อดูแต่ก็ต้องเบ้หน้า “ให้ตายแสลงปากชะมัด!!” ทั้งสองหันมาสนใจผม เดรนมองด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ(ที่ไม่รู้ว่าใครควรจะกินใครกันแน่)ส่วนเจ้านายก็มองผมอย่างสนใจ(ผมจะไม่เรียกชื่อลิเกของเขาเด็ดขาด)
“เซย์.. คุณเซย์... เออชื่อนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ” ผมก้มหน้าลงมาจากการคิดวิธีเรียกชื่อเจ้านายในอากาศ ถามยิ้มๆว่า “เรียกคุณเซย์ได้มั้ยครับ!”
เขาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย ผมรอคำตอบ เขาอ้าปาก ผมรอคำตอบแล้วเขาก็ตะโกนว่า
“แพมล่ะ!!!!!”
ป่อย !!!!!!
“แพมๆ! แพมอยู่ไหน!!” คุณเซย์ร้องเรียกแล้ววิ่งไปตามเก้าอี้ ใต้โต๊ะหรือแม้กระทั่งเปิดดูในถังขยะ
เอ่อ... ประทานโทษครับ คนมันจะไปแอบอยู่ในถังขยะได้ยังไง
โฮ่ง !
โฮ่งๆ!!
เสียงหมาที่ไหน ทำไมผมถึงไม่รู้สึกนะ สงสัยพลังมันจะเล็กมากจนผมไม่สนใจ
“แพมๆ !!เดรนเจอแล้วแพมอยู่นี่!!” เจ้านายผมวิ่งไปที่ซอกหนึ่งของกองเก้าอี้ เขามุดๆอยู่สักพัก จากนั้นก็พาคุณแพมออกมา
....
“โฮ่งๆๆ!!! แผลบๆ!”
“แพมไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“โฮ่ง!!!!”
ผมยืนอยู่ที่เดิมมองเดรนวิ่งเข้าไปหาเจ้านายที่กำลังอุ้มคุณแพมอยู่ อ้าปากค้าง
คุณแพม!!!
หมาเหรอเนี่ย!!!!!!!!
คุณแพมโดนลักพาตัว เจ้านายเลยไปช่วย...
คุณแพมเป็นหมา!!!!
หมา!! หมา!! หมา!! หมา!!
ช่วยบอกทีนี่เรื่องอะไรกัน!!!
ผมถูกปลุกก่อนกำหนด!!! รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงานวันแรก งานที่ว่าคือไปช่วยเหลือเจ้านายและคุณแพมที่หายตัวไป และช่วยเหลือทั้งสองออกมาโดยไร้รอยขีดข่วน ต้องแหกปากด่าไอ้หน้าปลาจวดอยู่ตั้งหลายนาที!! แล้วเมื่อกี้ก็ต้องตั้งสมาธิทำลายปืนและกระสุนทั้งหมด ออกแรงเพื่อจัดการผู้ร้าย มาเจอเจ้านายก็ดันชื่อลิเก แล้วนี่อะไร!!!! สุดท้ายต้นเหตุของเรื่องบ้าๆนี่ก็คือหมา!!!!!!!!
โฮ่ง! คุณแพมร้องและกระโดดจากอกเจ้านายมาหาผมมันตะกุยขาทั้งสี่บนหน้าขาผมโดยไม่มีการเกรงใจ แล้วยังเลียมืออีก
ฮึ่ม.... !!!! ไอ้หมาบ้า แกนี่มันน่า....
“น่ารักจังเลยนะครับ”
น่ารักกะผีสิ!!!!!!!!!!!!
ใช่แล้ว! คุณแพมเป็นหมา
เรื่องนี้ยากแก่การรับได้
แต่มีเรื่องที่ยากแก่การรับได้มากกว่า
คุณแพมสายพันธุ์ร็อตไวเลอร์...
ร็อตไวเลอร์ที่ไหนชื่อคุณแพมกัน!!!!!!!
เซ็นส์การตั้งชื่อของคนเหล่านี้ห่วยแตกที่สุด!!!!
ใครก็ได้ ฆ่าผมทีเถอะ!!!!!!!!!!
ความคิดเห็น