ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 สายลมที่ดับสูญ
คุยกันซักนิดนะคะ เนื่องคนอ่านจากทางเอ็นเทอร์ขอให้ลงเรื่องนี้เลยแบบเร็วกว่าที่ตั้งใจเอาไว้
แต่สิ่งที่ต้องเผชืญก็คือมันจะค้างหนักยิ่งกว่าเก่าอีก แอนเตือนแล้วนะว่าตอนที่ 8 อาจจะต้องใช้เวลาอีกซักพัก เปลี่ยนใจไม่อ่านตอนนี้ดองไปซักระยะยังทันนะคะ
เอ๋... ไม่รอเหรอ?
งั้นก็เตรียมใจไปเจอกับความค้างได้เลยค่ะ (แสยะยิ้ม)
++++++++++++++++++++++
อา...เข้าเขตเมืองบีลีฟ ถ้าควบม้าเร็วๆอีกแค่ไม่ถึงวันก็จะถึงลีฟบัดแล้ว นี่ข้าจะต้องไปเผชิญกับนรกกองเอกสารนั่นอีกแล้วรึ แค่คิดถึงว่าครีอุสจะเป็นคนทำงานเหล่านั้น ข้าก็รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจนี่ข้าต้องเตรียมถอดความภาษาเทพอันยอดเยี่ยมของเขาอีกแล้วใช่ไหม ข้าไม่อยากกลับไปเลยจริงๆ ข้าชักม้ากลับไปโยแลนด์ดีไหมนะ
“เจ้าเป็นอะไรไปเทมเพส พอใกล้จะถึงตำหนักเทพฯ ก็ดูแห้งเหี่ยวอย่างนั้น”
“เจ้าสาบานไหมอาร์เมล
ว่าเจ้าไม่รู้จริงๆ” ข้ายิ้มแห้งๆ
“เอาเป็นว่าไว้เวลาข้าว่างๆ ข้าจะไปช่วยเจ้า...”
“จริงหรืออาร์เมล... เจ้าจะช่วยข้าจริงๆนะ” ข้าดีใจมากๆ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า อาร์เมลไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าครีอุสเขียนบ้าอะไรลงในรายงานพวกนั้นไปบ้าง แล้วเขาจะช่วยอะไรข้าได้กันเล่า ข้าสุดแสนอยากจะร้องไห้ ทำไมนะทำไมข้าต้องมานั่งทำงานให้ครีอุสราวกับว่าข้าติดหนี้เขามาแต่ชาติปางไหนแล้วต้องมาชดใช้ให้เขากันด้วย
ฉับพลันข้ารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติจึงชักบังเหียนม้าให้หยุดเดินแล้วหันไปรอบๆ และดูเหมือนว่าอาร์เมลก็รู้สึกเช่นกัน
ภาพเบื้องหน้าดูบิดเบี้ยวแหวกเป็นช่องเปิดออกพร้อมกับเค้าไอพลังมืดที่ล้นทะลักจากช่องเล็กๆนั่น ข้าสังหรณ์ใจอย่างประหลาด นึกถึงเรื่องราวบางอย่างที่ข้าเคยได้ยิน... เรื่องของที่ตั้งลัทธิมารนิรันดร์
“ช่างเป็นพลังมืดที่แข็งแกร่งมาก...” อาร์เมลกระชับดาบเทพฯในมือเป็นการเตรียมพร้อม
“คงเป็นระดับตัวเอ้กระมัง” ข้าตอบ และกระทำการอย่างเดียวกันกับอาร์เมล
ม้าที่ข้ากำลังขี่อยู่เริ่มออกอาการกระสับกระส่าย เห็นท่าจะไม่ดีข้าต้องลงจากม้าก่อนที่มันจะตื่นกลัวตามสัญชาตญาณของมันจนควบคุมไม่อยู่
รอยปริแยกนั้นค่อยๆเปิดกว้างขึ้น และกว้างขึ้น ปรากฏร่างๆหนึ่งที่ก้าวออกมายืนตรงหน้าพวกข้าอย่างมั่นคงไม่กริ่งเกรง
“ยินดีที่ได้พบพวกท่าน เทพอัศวินทั้งสิบสององค์ของวิหารเทพแห่งสว่าง... เทพอัศวินเทมเพส... เทพอัศวินอาร์เมล”
“เจ้ารู้จักพวกข้า? เจ้าเป็นใคร” ข้าถามชายปริศนาสวมหน้ากากที่ปรากฏตัวขึ้นคนนั้น
“ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของท่าน ข้ามาพบพวกท่านเพียงเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ไม่ต้องการสนทนาให้มากความ... เว้นแต่ว่า...”
“เทมเพสระวัง!” ผงทรายสีแดงถูกซัดออกมาอย่างรวดเร็ว ละอองละเอียดกระจายปกคลุมร่างของอาร์เมลที่ขยับตัวเข้าบัง ข้าให้พ้นจากผงทรายนั่น
“นี่มันอะไรกัน?” เทพอัศวินอาร์เมลปาดผงสีแดงที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างของตนออกมาดู
“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ!”ข้ามองผงทรายเหล่านั้นอย่างไม่ไว้วางใจ
เจ้าของผลงานศิลปะมักง่ายนั่นเพียงแต่แสยะยิ้มชั่วร้ายอย่างพึงพอใจ พลันโบกมือสะบัดออกลำแสงสีดำพุ่งเป็นลำกระจายตัวออกม้วนรอบด้านทุกทิศทุกทาง บางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว...
เหล่ากองทัพอมนุษย์คล้ายสไลม์สีดำสนิทนับร้อยเคลื่อนตัวออกมาจากช่องว่างในอากาศเข้าจู่โจมพวกข้าทั้งสองอย่างรวดเร็ว
ข้าตวัดดาบเทพเทมเพสออกเป็นวงกว้าง กระแสดาบแล่นริ้วผ่าแยกร่างของพวกมันทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีของดาบ ร่างที่ขาดครึ่งกระจายเป็นของเหลววุ้นที่สามารถรวมตัวขึ้นมาใหม่ได้
ทำไมมันถึงไม่ตายกัน! โดยปกติแล้วเจ้าพวกนี้หากใช้ดาบธรรมดาๆ ฟันมันลงไปแล้วล่ะก็พวกมันจะหลอมร่างกันใหม่ก็ไม่แปลก หากแต่นี่คืออาวุธเทพที่แฝงไปด้วยพลังไอศักดิ์สิทธิ์อยู่เต็มเปี่ยม
อาร์เมลเองก็ประสบปัญหาเดียวกันกับข้า...
ไม่ได้การ... ข้าวาดดาบในมืออีกหลายทีครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อทำอะไรพวกมันไม่ได้สู้จัดการไอ้เจ้าคนบงการมันตรงๆไปเลยดีกว่า
ข้าเตะขากระโดดผ่านข้ามเหล่าสไลม์ที่รุมล้อมจู่โจมคนบงการที่ยืนอยู่เบื้องหลังที่เปิดโล่งแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ม่านสีดำเคลื่อนที่เข้าขวางข้าเป็นกำแพงป้องกันการโจมตี แรงปะทะทั้งหมดของข้าถูกดูดซับเข้าไปในวุ้นใสแล้วสลายไป
“อย่าพยายามเลยท่านเทพอัศวินเทมเพส เสียดายว่าวันนี้ยังไม่ถึงเวลาของท่าน...” ชายสวมหน้ากากผู้มีเส้นผมสีทองสว่างพูดในสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ และไม่จำเป็นต้องเข้าใจ!
“ลำแสงแห่งเทพ!” ข้าทดลองใช้พลังลำแสงแห่งเทพจัดการพวกมันโดยตรงดูบาง
สำเร็จ! สลายพวกมันได้แล้ว...
ข้ายิ่งเร่งให้พลังเทพของข้าเข้าโจมตียังพวกสไลม์ จัดการเจ้าพวกยุ่งยากนี้ให้หมดแล้วหาทางจับตัวคนคนนี้กลับตำหนักเทพฯไปให้ครีอุส หรือไม่ก็เทอร์มิสสอบสวน
อาร์เมลเห็นดังนั้นจึงใช้พลังลำแสงแห่งเทพที่ตนมีไม่มากเข้าโจมตีเช่นกัน ในไม่ช้าเจ้าพวกวุ้นดำก็ถูกพวกข้าเก็บกวาดจนเกือบหมด
“สมุนของเจ้าไม่เท่าไหร่เลยนี่นา” ข้าเลิกคิ้วแล้วพูดด้วยเสียงยานคาง ตั้งใจยียวนคนตรงหน้าให้มากที่สุด
“ท่านคิดเช่นนั้นหรือ” รอยยิ้มที่มุมปากเจ้าหน้ากากเผยอขึ้น ผลึกสีแดงเลือดที่ลอยอยู่เหนือฝ่ามือเล็กน้อยพลันส่องแสงจ้าครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณพวกสไลม์สีดำคลำเรืองแสงสีแดงระเรื่อเริ่มขยับเขยื้อนรวมตัวกันอีกครั้งพร้อมกับเทพอัศวินอาร์เมลที่ทรุดลงไปชันเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง
“อาร์เมล!!!” เกิดอะไรขึ้นกับเขา
“ข้า...ข้าไม่เป็นอะไร” เขาให้ดาบชันตัวเองลุกขึ้นยืน ปลายดาบตวัดชี้ผู้บงการ
“เจ้าเล่นตลกอะไรกับข้า!”เทพอัศวินอาร์เมลตวาดเสียงด้วยความดุดัน
“โอ้... นี่ท่านยังไม่รู้ตัวอีกหรือนี่?” ชายผมทองยกยิ้ม ลำแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าทำลายเหล่าสไลม์ทั้งหมดอีกครั้งอย่างสิ้นซาก ก่อนที่ลำแสงสีแดงฉานจะส่องแสงขึ้นอีกครั้ง ทำให้อาร์เมลล้มลงไปนอนกับพื้น
“อาร์เมล...” ข้าปาดเข้าไปประคองตัวของเขา แสงสีแดงนั้นไม่เพียงสาดอกมาจากร่างของสไลม์ บนร่างของอาร์เมลก็ปรากฏแสงสีแดงเรืองๆ ก่อนที่จะดับไปอีกครั้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!”
“ก็เข้าใจได้ไม่อยากเท่าไหร่นี่ท่านเทพอัศวินเทมเพส... เพียงแค่ทุกครั้งที่ท่านโจมตีพวกมันด้วยลำแสงศักดิ์สิทธิจนสลายไป เพื่อที่จะสามารถรวมตัวกันได้อีกครั้งจำเป็นต้องใช้พลังชีวิตคนเป็น ในการคืนชีพ... ผงทรายกับผลึกในมือของข้านี่ก็เป็นแค่สื่อ... เสียดายที่ข้ามีมันไม่มากพอจะมอบให้ท่านด้วย เพราะท่านเทพอัศวินอาร์เมลแท้ๆ ที่ชิงตัดหน้าท่านไปก่อน... ดูซิพวกท่านรังแกพวกเด็กๆของข้ามากเกินไป ท่านเทพอัศวินอาร์เมลเลยนอนซมลุกไม่ขึ้นเสียแล้ว”
ข้าตกใจมากเมื่อได้รู้ความจริง หมายความว่าข้าไม่สามารถที่จะใช้ลำแสงแห่งเทพทำลายมันได้ การโจมตีทางกายภาพก็ไม่เป็นผล แล้วเวทมนตร์ล่ะ?
“กริซวายุ” ใบมีดพลังลมหลายสิบเล่มแทงทะลุผ่านร่างวุ้นสีดำเข้าปะทะกับต้นไม้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างจังจนหักโค่นลงมา
“ฮึ ฮึ เปล่าประโยชน์”
ข้ากัดฟันแน่นเห็นทีว่าศึกครั้งนี้ยากจะผ่านพ้นไปได้ เราทำอะไรไม่ได้อีกนอกจากหาทางหนี ข้าน่าจะไวพอที่จะตีฝ่าวงล้อมเปิดทางออกไป แต่อาร์เมล...
เขาอ่อนแรงมาก...
“เทมเพส...ข้ายังพอไหวอยู่จะช่วยถ่วงเวลาให้เจ้าหาจังหวะหนีไป” อาร์เมลชันตัวขึ้นอีกครั้งอย่างยากลำบากบากพูดกระซิบกับข้า
“แล้วเจ้า...”
ข้ายังพูดไม่ทันจบอาร์เมลก็ยืดแขนของข้าและบีบแน่น
“รอดกลับไปได้คนหนึ่งดีกว่าตายอยู่ที่นี่ทั้งคู่!”
“ไม่... ข้าจะพาเจ้าไปด้วย ถ้าจะหนีก็หนีไปด้วยกัน เทพอัศวินทั้งสิบสององค์จะไม่มีวันทอดทิ้งเทพอัศวินทั้งสิบสององค์เด็ดขาดเจ้าจำได้ไหม”
ข้าวางเขาลงราบกับพื้น กระโดดหลบเจ้าพวกวุ้นดำที่เล็งเข้าจู่โจมข้าเพียงผู้เดียว ข้าให้ดาบเทพเทมเพสเข้าต้านโดยไม่ใช้ลำแสงแห่งเทพเข้าช่วย ทั้งฟันทั้งแตะพวกมันอย่างไร้ความหมาย พวกมันยังคงกลับมารวมตัวกันเช่นเดิม...
ถ้าหากข้าระเบิดพลังสว่างของข้าออกไปทั้งหมดร่างให้พวกมันสลายไป จะถ่วงเวลาได้นานพอให้ข้าจัดการเจ้าหน้ากากกับผลึกสีแดงนั่นได้ทันก่อนที่พวกสไลม์จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหรือเปล่ากันนะ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าควรที่จะเสี่ยงกับความปลอดภัยของอาร์เมลหรือเปล่า
“อา... ข้าลืมบอกท่านไปว่านอกจากผลึกนี้จะเป็นสื่อแล้ว มันยังสามารถกักเก็บพลังชีวิตไว้ในใจกลางผลึกได้อีกด้วยนะ” แสงสีแดงส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง อาร์เมลส่งเสียงร้องออกมาอย่างทรมาน
“ลำแสงแห่งเทพ!” ข้าไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...พลังสว่างของข้าระเบิดออกในคราวเดียว ก่อนที่พวกมันจะสลายไป ข้าที่ไม่ทันระวังถูกสกัดความเคลื่อนไหวโดยชายผมทองผู้นั้น แขนของข้างทั้งสองถูกจับล็อคไว้ด้านหลังและถูกกระแทกลงกับพื้นในคราวเดียวกัน
“อย่าต่อต้านข้า... จุดประสงค์ที่ข้ามาในคราวนี้ยังไม่ใช่ชีวิตของท่าน อึก!”
ร่างของชายผมทองถูกเตะออกไปไกลปะทะเข้ากับต้นไม้จนกระอักเลือด ผลึกสีแดงนั่นถูกข้าชิงมาได้และทำลายลงในเสี้ยววินาที พลังชีวิตของอาร์เมลบางส่วนที่ถูกดูดซับเอาไว้คืนสู่ร่างของเขา ข้ายืนหอบหายใจด้วยความเจ็บปวดหัวไหล่ซ้ายของข้าตอนนี้ใช้การไม่ได้แล้ว อาร์เมลมองข้าด้วยสีหน้าที่ปวดร้าวอยู่ไม่ห่างจากข้าเท่าไหร่นัก ข้าทำลายผลึกที่เป็นสื่อนั่นได้แล้วพลังชีวิตของอาร์เมลจะไม่ลดลงอีก ขอเพียงแค่รอเวลาฟื้นตัว เพียงครู่เดียวเท่านั้น...
“ยอมหัวไหล่หลุดเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของข้า ท่านนี่อันตรายจริงๆ” ข้าตวัดสายตามันยังชายหน้ากาก
“นี่ข้ายังควรจะเก็บท่านไว้หรือเปล่า” ชายสวมหน้ากากพึมพำกับตนเอง
“เทมเพสระวัง!” ลำแสงสีม่วงแดงพุ่งตรงมันยังข้า อาร์เมลใช้ฝืนใช้กำลังอย่างสุดแรงเพื่อที่จะขวางข้าเอาไว้อีกครั้ง
“ไม่...!”
“ไม่ ไม่นะ!!! เทมเพส!!!!!” เป็นเสียงของเทพอัศวินอาร์เมลที่กรีดร้อง ร่างของตัวแทนแห่งสายลมทรุดลงในอ้อมแขน เลือดสีแดงฉานกระจายเป็นวงกว้างอาบเสื้อสีสดที่เขาสวมอยู่
สิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีนั้น เทพอัศวินอาร์เมลรวบรวมกำลังขว้างดาบเทพฯอาร์เมลตรงไปยังชายหน้ากากหมายเอาชีวิต ในขณะเดียวกันก็ใช้ร่างของตนเป็นให้กับสายลมที่เขารักอีกครั้ง ทว่าตัวแทนแห่งสายลมที่ว่องไวกว่านั้นพลิกร่างของตัวรับไว้แทน เสี้ยวนาทีที่ตัดสินใจเขาไม่มีหนทางอื่นที่จะรักษาชีวิตของคนทั้งคู่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป...
“เจ้านั่น!” เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีซ้ำประสบการณ์ที่เคี่ยวกรำมานานปีทำให้เขาเหลือบมองผู้เป็นศัตรูที่ตนรวบรวมกำลังเข้าโจมตีเมื่อครู่ เจ้านั่นไม่อยู่แล้ว ที่ตรงนี้มีเพียงเขาและคนตรงหน้า ตัวแทนแห่งศิลาหัวสมองอื้ออึง คิดอะไรไม่ออกนอกจากใช้คาถาฟื้นพลังขั้นต้นที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยตอนนี้เข้ารักษาบาดแผลคนตรงหน้า
ทว่าความบอบช้ำที่เกิดขึ้นนั้นสุดความสามารถของเขาจริงๆ
“อาร์เมล...” เสียงของสายลมนั้นช่างแผ่วเบานัก
“ครีอุส... ต้องรีบพาเจ้าไปหาเขา!” อาร์เมลพยายามอุ้มร่างของเทมเพสลุกขึ้นยืน แขนขาของตนนั้นไร้เรี่ยวแรงเป็นที่สุดจึงทรุดลงอีกครั้ง
“ไม่มีประโยชน์หรอกอาร์เมลเจ้าพักเสียหน่อยเถอะอย่าฝืนเลย ข้ารู้ตัวดี... ภายในของข้าบอบช้ำมากเกินไปแล้ว...ข้าไม่มีเวลาเหลือมากพอที่จะกลับไปหาเขา...” หยาดโลหิตสีแดงเข้มซึมออกมาจากริมฝีปากเรียวบาง
“เทมเพส...เจ้าอย่าพูดแบบนั้น พวกม้ายังต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ ข้าอุ้มเจ้าเดินไปหาพวกมันไหว ข้า...”
“อะ...อาร์เมล เจ้าช่วยฟังคำขอร้องของข้าหน่อยจะได้ไหม”เทมเพสเริ่มหายใจติดขัด การส่งเสียงพูดเริ่มทำได้ยากขึ้นทุกที อาร์เมลจึงรีบหยุดคำพูดของตนเพื่อฟังเขาให้ถนัด
“ได้ เจ้าว่ามาเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะขออะไรจากข้า ข้าก็ให้เจ้าได้ทั้งนั้น” นั่นคือความจริง เทพอัศวินอาร์เมลกระชับร่างในอ้อมกอดด้วยรู้ว่านี่อาจเป็นนาทีสุดท้ายที่จะได้รับฟังเขา
ไม่มีแล้วหรือหนทางที่พอจะช่วยเขาได้
“พอข้าตาย...” ลมหายใจของเทมเพสสะดุดไปเล็กน้อย “เจ้าช่วยเอาร่างของข้าไปทิ้งที่หน้าผาทีเถอะนะ” ตัวแทนแห่งศิลาตกใจกับคำขอนั้นจนคนในอ้อมกอดจับสังเกตได้ เขาฝืนยิ้มออกมาน้อยๆ อธิบายความคิดของเขาออกมา“...ข้าจะได้เละจนครีอุสตามมาคืนชีพให้ข้าไม่ได้ยังไงล่ะ...ข้า... ข้าไม่อยากจากองค์มหาเทพมานั่งแก้เอกสารอีกแล้ว”
เทพอัศวินอาร์เมลนึกตำหนิคนตรงหน้าในใจทั้งน้ำตาที่หลั่งออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เจ้านี่นะในเวลาแบบนี้แท้ๆยังจะมีหน้ามาพูดล้อเล่นอีก... แต่ข้าไม่ขวางเจ้าหรอกข้าอยากให้เจ้าพูดมันออกมา ทุกสิ่งที่อยากพูด... พูดออกมาเถอะ ข้าอยากจะได้ยินเสียงของเจ้า... อย่าเลยนะที่เสียงนี้จะดับลง
ข้ายิ้มให้เขา “นั่นสินะครีอุสขาดเจ้าไม่ได้จริงๆ เขาไม่ยอมปล่อยให้เจ้าได้หลับอย่างสงบๆ แน่ ดีไม่ดีเขาอาจจะเผากองเอกสาร(ทิ้ง) ส่งไปให้เจ้าก็ได้”
“ฮ่า ฮะ” เขาหัวเราะ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าที่ข้าจะได้เห็นรอยยิ้มนี้
ข้าจ้องมองนัยน์ตาสีมรกต ที่ยังคงทอประกายแม้จะแฝงไปด้วยความอ่อนล้า...
“ข้าเหนื่อยจริงๆ ไอเวส” เขาหลับตาลงเรียกชื่อข้า “อย่าลืมคำขอของข้า หรือถ้าหากเจ้าทำใจไม่ได้ ก็เอาข้าไปซ่อนไว้ที่ไหนซักแห่งที่แน่ใจว่าครีอุสจะไม่มาพบข้า... จนกว่าเวลาแห่งการคืนชีพจะหมดลง... จำเอาไว้ว่าจะให้เกรเซียสสูญเสียอะไรไปไม่ได้อีกแล้ว...”
นี่ข้าต้องเลือกระหว่าง ซีโอกับเกรเซียสอย่างนั้นหรือ
“...ได้ข้ารับปากเจ้า ซีโอ ข้ารับปาก” ทั้งที่ในใจข้านั้นไม่อยากยอมรับ... ข้ามองดูรอยยิ้มสุดท้ายของเขา
โอกาสสุดท้าย ก่อนที่เขาจะหลับไปตลอดกาล
“ข้ารักเจ้า! ซีโอ เทมเพส เจ้าได้ยินข้าไหม ข้ารักเจ้า...!” ข้าตะโกนออกไปจนสุดเสียง เปลือกตาคนในอ้อมแขนปิดสนิท
ข้า... ไม่แน่ใจนักนะว่าเขาจะได้ยินคำพูดสุดท้ายของข้าไหม... น้ำตาของข้ามันไหลออกมาไม่หยุด ทำไมกัน...ทั้งที่ข้าเพิ่งรู้ตัวว่ารักเขา
ข้าพยายามช้อนอุ้มร่างที่นอนนิ่งตรงหน้าข้าเดินไปเรื่อยๆ “ข้า...คงทำใจที่จะนำเจ้าไปทิ้งไว้ที่ก้นเหวอันโดดเดี่ยวลำพังไม่ได้แน่ๆ ข้าต้องหาที่อันเหมาะสมให้เจ้าได้พักและอยู่เป็นเพื่อนเจ้าสักวันเจ้าว่าดีไหม” ตัวแทนแห่งศิลาพูดเรื่อยเปื่อยไปกับสายลม... ราวกับว่าสายลมนั้นคือสิ่งที่สามารถนำข้อความนั้นส่งไปถึงคนที่ก้าวล่วงไปยังอีกโลกหนึ่ง...
+++++++++++++++++
ฉากสารภาพรักของอาร์เมลก็มาตามที่บอกเอาไว้แล้วนะคะ(ในบอร์ดเอ็นเทอร์) ถึงแม้ว่ามันจะ.... เอ่อ ไม่ใช่อย่างที่คิดกันไว้ซินะคะ (หลบข้าวของผักเน่าที่ถูกเขวี้ยงมาเพราะแกล้งเทมเพส) แบบว่าที่เทมต้องตายมันเพราะพอร์ตเรื่องของทางหนูโบรด์เวนมาพาไปอ่ะ ค่ะ ซึ่งสถานะตอนนี้กำลังถูกดองเพราะมัวแต่มาเขียนฝั่งนี้ (ตัวละครน้อยมันเขียนง่ายกว่ามากๆเลยล่ะคะ) อีกอย่างคือทางด้านนั้นเรื่องราวมันซับซ้อนมากๆ (ถึงตอนนี้คนอ่านจะยังไม่รู้ตัวว่าโดนวางยาแบบตายช้าๆก็เถอะ)
ฉากสารภาพรักของอาร์เมลก็มาตามที่บอกเอาไว้แล้วนะคะ(ในบอร์ดเอ็นเทอร์) ถึงแม้ว่ามันจะ.... เอ่อ ไม่ใช่อย่างที่คิดกันไว้ซินะคะ (หลบข้าวของผักเน่าที่ถูกเขวี้ยงมาเพราะแกล้งเทมเพส) แบบว่าที่เทมต้องตายมันเพราะพอร์ตเรื่องของทางหนูโบรด์เวนมาพาไปอ่ะ ค่ะ ซึ่งสถานะตอนนี้กำลังถูกดองเพราะมัวแต่มาเขียนฝั่งนี้ (ตัวละครน้อยมันเขียนง่ายกว่ามากๆเลยล่ะคะ) อีกอย่างคือทางด้านนั้นเรื่องราวมันซับซ้อนมากๆ (ถึงตอนนี้คนอ่านจะยังไม่รู้ตัวว่าโดนวางยาแบบตายช้าๆก็เถอะ)
พูดถึงนี้...ตอนเขียนฉากนี้แอนนั่งน้ำตาไหลร้องไห้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าไอ้จินตนาการในหัวแอนมันถ่ายทอดความเศร้าออกมาได้ซักแค่ไหน ให้รู้สึกยังไงช่วยเม้นต์บอกทีนะคะ เอาไว้ปรับปรุงตัวเอง...
เอาล่ะซับน้ำตาเสร็จแล้วก็เตรียมเก็บของเผ่นขนของย้ายหนีออกจากบอร์ดเพราะรังแกคู่นี้หนักมากและกำลังจะมาอีกเป็นระลอกๆ (ล้อเล่นค่ะ)
เอาล่ะซับน้ำตาเสร็จแล้วก็เตรียมเก็บของเผ่นขนของย้ายหนีออกจากบอร์ดเพราะรังแกคู่นี้หนักมากและกำลังจะมาอีกเป็นระลอกๆ (ล้อเล่นค่ะ)
เจอกันตอนหน้าตอนที่ 8 ตอนสายลมที่หนึ่งนะคะ ตามไปดูการตัดสินใจของอาร์เมลหลังจากนี้กัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น