ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : ศิลาและสายลม (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 สายลมที่บอบช้ำ

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 55


     
    อาร์เมล........
     
    ในตอนรุ่งเทมเพสรีบปลุกข้าที่นอนปวดตัวอยู่บนโซฟาให้รีบออกเดินทาง พวกเราออกมาโดยไม่ทันได้บอกลาใครแม้แต่เคเรส เขาคงร้อนใจเรื่องเมื่อคืนเอามากๆเลยจะรีบกลับ ดีเหมือนกัน ข้าก็อยากออกไปจากที่นี่เต็มทีแล้ว
     
    พวกข้าสองคนควบม้าออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อยผ่อนฝีเท้าม้าเมื่ออกนอกเขตเมืองหลวงของโยแลนด์ ท่าทางของเทมเพสออกจะครึ้มอกครึ้มใจกับบรรยากาศ ดินฟ้าอากาศและธรรมชาติเอามากๆ
     
    “แวะพักที่เมืองข้างหน้านี่ดีไหม ได้ยินมาว่าที่นี่มีสถานที่เที่ยวสวยๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว”
     
    “จะไม่รีบกลับลีฟบัดไปหาครีอุสหรือไง?”
     
    “ทำไมต้องรีบด้วยล่ะ” เขาเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงยานๆว่า “...นานๆที ข้าถึงจะได้มีโอกาสมาพักผ่อนนะ”
     
    “แต่...แต่เจ้ารับปากไมเคิลกับธีโอไว้ว่าอย่างนั้นนี่” ก็แล้วถ้าเจ้าไม่รีบเรื่องนี้ เจ้าจะตื่นตั้งแต่แก่โห่ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะเข้านอนก็ค่อนดึกแล้วแท้ๆ
     
    “จำเป็นด้วยหรือที่ข้าต้องเต้นไปต้องคนพวกนั้น... ครีอุสจะทำอะไรเขาก็มีเหตุผลของเขา บางทีเขาอาจจะบอกมันออกมาไม่ได้”
     
    “...”
     
    “อีกอย่างที่ข้าทำเป็นรับปาก เพราะข้าอยากรีบพาเจ้าออกมาต่างหาก...”
     
    “เจ้าทำเพื่อข้า?” รอยยิ้มของเทมเพสเผยขึ้นเป็นการตอบรับ
     
    สรุปว่าที่เขารีบออกมาเป็นเพราะว่าเป็นห่วงข้า เจ้านี่มันช่างเป็นพี่น้องที่น่ารักของข้าจริงๆ
     
    “ทีนี้ ตกลงว่าแวะพักที่เมืองนั่นได้หรือยัง” เทมเพสฉีกยิ้มตาหยีอย่างมากเล่ห์ เจ้านี่คิดจะหนีงานชัดๆ
     
    “ก็ได้ ตามใจเจ้าเถอะ กลับไปค่อยว่ากัน... เจ้าคิดจะให้ครีอุสทำงานจนวิหารถล่มลงมาก็แล้วไป”
     
    “ฮ่า ฮะ... เจ้าพูดถูก”
     
    ไม่นานก็เข้าเขตเมือง ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย พวกข้าทั้งสองที่ปลอมตัวเป็นนักเดินทางธรรมดาอย่างไม่มีพิธีรีตองได้เปิดหูเปิดตาอย่างเต็มที่ เทมเพสดูมีความสุขมากที่ยามนี้แม้แต่หญิงงามหยาดฟ้าเขาก็ไม่จำเป็นต้องขยิบตาให้ พอเห็นเขาร่าเริงไม่รู้ว่าทำไมข้าเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย
     
    ก่อนที่จะไปเที่ยวที่ไหนกลับดึกๆดื่นๆ สิ่งที่สำคัญคือต้องหาที่พักให้ได้เสียก่อน
     
    “ขอที่พักพวกเราสองห้อง”ข้าพวกผู้จัดการร้าน
     
    “ตอนนี้เราเหลือแต่ห้องพักแบบวีไอพีราคาคืนละหนึ่งเหรียญทองต่อคืน พวกท่านต้องการหรือไม่ขอรับ”
     
    “หา ตั้งหนึ่งเหรียญทองเชียวเหรอ ไม่มีห้องธรรมดาๆเหลืออยู่บ้างเลยหรือ”เทมเพสว่าอย่างเสียดายเงิน แต่ผู้จัดการกลับส่ายหน้า อีแบบนี้...
     
    “งั้นเอาห้องเดียวพอ...” ว่าแล้วไง ข้านึกกุมขมับอยู่ในใจ ใจหนึ่งอยากจะค้าน แต่ใจหนึ่งข้าก็อดเสียดายเงินไม่ได้เหมือนกันเลยเงียบเอาไว้
     
    เฮ้อ... โชคยังดีที่ห้องนี้มีสองเตียง ข้านึกในใจทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก สัมภาระของแต่ละคนต่างแยกกันเก็บคนละมุม เทมเพสขึ้นไปเอนหลังนอนพักพลางขี้บิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้านครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นมาชวนข้าออกไปข้างนอก
     
    “ดูๆไปเสื้อผ้าเจ้าดูน่าอึดอัดไม่น้อยเลยนะ ไม่คิดจะเปลี่ยนที่มันดูสบายๆกว่านี้หรือไง”
     
    ข้าก้มลงมองดูเสื้อผ้าของตัวเองที่ขนใส่มาอย่างเต็มพิกัดตอนออกมาจากโยแลนด์ อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็วางใจมากขึ้นแล้วถอดออกก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง 
     
    “อย่างนี้ค่อยสบายตาหน่อย ข้าชินกับการที่เจ้าเปลือยท่อนบนมากกว่า”
     
    “ไปเที่ยวกันเถอะ ไปเปิดหูเปิดตายามราตรีที่เมืองนี้แบบคนธรรมดาๆ” เทมเพสว่าพลางโดดไปเปิดประตูห้องพลางโยนกุญแจให้ข้าด้วยอารมณ์ลัลลาเต็มที่
     
    เอ่อ เทมเพสแบบว่าเจ้าเก็บกดมากเลยใช่ไหม ตอนที่อยู่ลีฟบัด ชาวบ้านชาวช่องรู้จักเจ้ากันทั้งเมืองเลยไม่เคยได้เที่ยวแบบธรรมดาๆเลยซักครั้ง
     
    “ไปก็ไป...” ว่าแต่ทำไม… ข้านึกคำถามนี้ขึ้นในใจทันทีที่ก้าวออกมาจากโรงแรม ข้ายังไม่แน่ใจเดินปล่อยเลยตามเลนอีกสักพัก แต่ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วล่ะ ว่าพวกนางๆ ๆ แล้วก็นาง มองข้า!
     
    “สงสัยที่โยแลนด์ พวกผู้หญิงกล้าแสดงออกมากกว่าที่วอลเลซกระมัง หรือไม่ก็เพราะที่เมืองนี้ไม่มีใครเปลือยท่อนบนเดินไปเดินมาเจ้าเลยเป็นของแปลก”
     
    “แม้แต่เจ้าก็สังเกตเห็นใช่ไหมเทมเพส... ข้าไม่ได้คิดไปเอง ว่าพวกนางจ้องข้า” อา... ข้าชักรู้สึกร้อนๆ หนาวๆแล้วล่ะ “ข้ากลับโรงแรมไปเอาเสื้อมาดีกว่า...”
     
    แต่เทมเพสกลับรั้งแขนของข้าเอาไว้ “สายไปแล้วล่ะ เราออกมาตั้งไปแล้วนะอาร์เมล... เจ้าอยากเดินฝ่าฝูงชนกลับไปทั้งแบบนั้นรึ?” เขาหัวเราะ แล้วนี่จะให้ข้าทำยังไง
     
    เหมือนเขาอ่านสายตาข้าออกเลยชี้ไปทางร้านขายเสื้อร้านหนึ่งแล้วยิ้ม “เราไปหาอะไรให้เจ้าสวมกันที่นั่นก็ได้นี่ จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยวของข้าด้วย
     
    สรุปว่าเจ้าห่วงเที่ยวว่างั้น? ก็ได้ หวังว่าร้านนั้นคงจะไม่แพงเท่าไหร่นะ ข้าแอบคลำห่อถุงเงินอันน้อยนิดของตัวเองเบาๆ
     
    “ตัวนี้ก็ไม่เลวนะเจ้าค่ะ” เจ้าของร้านที่มันข้าตาเป็นมันเสนอเสื้อแฟชั่นที่ต่อให้ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ให้ข้า
     
    “มันเปิดมากเกินไป ไม่เอา” แล้วนางก็เปลี่ยนแบบมาให้ข้าอีก
     
    “เอ่อ... แพงไปหน่อยมั้ง”
     
    ตัวที่สาม เอ่อ เล็กไป ไม่มีไซส์พอดีกับข้าเลยหรือไงกัน ตามมาด้วยตัวที่สาม สี่ และห้า ทำไมไอ้การที่จากหาเสื้อซักตัวที่มันเหมาะกับข้ามันยากนักหรือไงกัน เทมเพสที่นั่งมองไปทางนู๊นที ทางนี้ทีอย่างไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับข้าเริ่มเบื่อ แต่แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปเดินแหวกๆ เสื้อที่แขวนอยู่สองสามทีก็คว้ามาให้ข้า
     
    “เจ้าใส่ตัวนี้ดีกว่า เหมาะที่สุดแล้ว...”
     
    ข้ามองเสื้อที่เทมเพสส่งให้ เสื้อกระดุมหน้ามีปกแขนยาวธรรมดาตัวนึง แต่ข้าว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกันแถมท่าทางราคาจะน่ารักน่าชังอีกด้วย พอข้าลองถึงได้เห็นว่าขนาดมันพอดีแปะ เจ้าหมอนี่กะขนาดข้าเก่งมากๆ
     
    “กระดุมเม็ดบนไม่ต้องติดจนสุดก็ได้ เจ้าไม่อึดอัดบ้างหรือไง... แต่ถึงเจ้าบอกว่าไม่อึดอัด แต่คนมองเขาอึดอัดแทนนะ” เขาเข้ามาใกล้ข้า เอื้อมมือมาปลดกระดุมเม็ดบนสุดที่คอเสื้อ ใกล้มาเสียจนกลิ่นเส้นผมที่หอมเย็นๆนั่นกลับมาแตะที่จมูกของข้าอีกครั้ง ทำให้ข้านึกถึงเรื่องคืนก่อน จนผงะถอยห่างออกมาจากเขา
     
    “เอ่อข้าเอาชุดนี้ล่ะ” ข้ารีบจ่ายเงินก่อนรีบเดินออกมาจากร้าน
     
    ++++++++++++++++
     
    เทมเพส......
     
    อาร์เมล ทำไมเจ้านั่นถึงต้องผงะหนีข้าด้วย หมู่นี้เขาทำเหมือนกับว่ารังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ข้ายังไงยังนั้น 
     
    ข้าชวนอาร์เมลท่องราตรีในสถานที่ที่บรรยากาศดีๆ จะที่ไหนกันซะอีกล่ะ ก็ร้านเหล้ายังไงล่ะศูนย์รวมแหล่งข่าวชั้นเลิศ แต่แล้วข้าก็เหงื่อตกกับความคิดของตนเอง ก็แล้วข้ามาพักผ่อนนะทำไมข้าจะต้องมาคิดถึงเรื่องงานเอาตอนนี้ด้วย หรือว่าที่ใครบอกว่าข้าบ้างานมันจะเป็นเรื่องจริง มันเข้าเส้นข้าไปแล้วใช่ไหม?
     
    สุดท้ายข้าก็กระแก้วแก้เซ็ง ใจไม่นึกอยากจะพูดอะไร สนใจอะไรซักอย่างแม้แต่คนที่ตั้งท่ารังเกียจข้าตรงหน้าด้วย ฮึ อาร์เมล ข้าไปทำอะไรให้เจ้ากัน
     
    เสียงดนตรี นักร้องขับขานแว่วดังไปเรื่อย ไม่สะดุดหูข้าเลยซักนิด คงเป็นเพราะที่ผ่านมาข้าได้ยินบทเพลงที่ไพเราะมากกว่านี้มานักต่อนักแล้วเป็นแน่ โดยเฉพาะบทเพลงที่มีท่องทำนองเป็นเอกลักษณ์ที่ข้าไม่เคยลืมออกไปจากหัวใจตลอดกว่าห้าปีที่ผ่านมา... 
     
    ใช่แล้วท่วงทำนองนี้เองที่ข้าหวนคิดถึงยิ่งนัก...
     
    ฉับพลันข้าตื่นจากพวัง แล้วหันหน้าไปยังเวทีด้านหน้าด้วยหัวใจที่สั่นระรั่ว ท่วงทำนองเช่นนี้...
     
    บทเพลง Memory
     
    นางฟ้าในชุดสีครามสีไวโอลีนด้วยท่วงท่าที่งดงามที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากหัวใจของข้า “ไอวี่...”
     
    +++++++++++++
     
    อาร์เมล.........
     
    ข้าสะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่เทมเพสที่นั่งดื่มเงียบๆคล้ายไม่สนใจอะไรใครกลับหันกายไปจ้องทางเวทีอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง สายตาจับจ้องอยู่ที่นางงามบนหน้าเวทีราวกับต้องมนต์สะกด
     
    “เกิดอะไรขึ้นเทมเพส...”
     
    “...” ไม่มีการตอบรับจากเขา... ข้ามองนางตามเทมเพสไปแล้วพิจารณา นางเป็นสาวงามคนหนึ่งที่ผู้คนต่างก็จับจ้อง แต่อันที่จริงแล้ว นางงามไม่เท่าเจ้าหญิงอลิซเลยด้วยซ้ำ แล้วเจ้าหญิงงามที่ยังไม่สามารถทำให้เทมเพสชายตาเลยได้ด้วยความจริงใจซักครั้ง กลับมาพ่ายสาวชาวบ้านรึ นางเป็นใครกัน
     
    “ไอวี่...” เสียงพึมพำที่เรียกขานออกมาจากปากเทมเพส เท่านี้ข้าก็รู้แล้วว่านางกับเขารู้จักกันมาก่อน แต่แล้วทำไม ข้าถึงได้เจ็บแปลบเบาๆที่หัวใจเช่นนี้
     
    เมื่อบทเพลงสิ้นสุดลงเสียงปรบมือดังขึ้นไปทั่วทั้งร้าน แต่เทมเพสกับมองนางนิ่งไม่ขยับแม้แต่ปลายเส้นผมคล้ายคนที่กำลังติดอยู่ในห้วงที่ไม่อาจถอน หญิงสาวหันมามองทางพวกข้า ไม่ซิ ถ้าจะให้ถูก นางมองที่เทมเพส
     
    “ซีโอ...” นางเอ่ยเรียกนามแท้จริงของเทมเพสได้อย่างไม่ขัดเขิน เดินตรงมาทางเขาและโอบกอดด้วยใจที่คิดถึงก่อนผละออกมา
     
    “ไอวี่...ข้าไม่คิดว่าจะได้มาเจอเจ้าที่นี่ ตั้งแต่เจ้าลาออกจากวังหลวงข้าก็ไม่ได้ข่าวเจ้าอีกเลย”
     
    “คนธรรมดาเช่นข้า จะมีข่าวไปถึงท่านเทพอัศวินเทมเพสได้อย่างไรเล่า”นางยิ้มและหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้างามนั้นสามารถตราตรึงหัวใจคนได้อย่างไม่อยากเย็น
     
    “สำหรับข้าเจ้าไม่ใช่แค่คนธรรมดาซักหน่อย เราเป็นเพื่อนรักกันนะ ทำไมไม่ส่งข่าวถึงข้าบ้างเลย... นั่งลงก็ซิ... นี่ไอเวส พี่น้องของข้า” เทมเพสลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้นางนั่ง “เจ้าไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใช่ไหม?”แล้วรินน้ำเปล่าเย็นส่งให้นาง เอาใจใส่ทุกรายละเอียดแม้แต่ความสะอาดของแก้วที่แม้แต่ยามรินให้ตนเองยังไม่เคยจะใส่ใจ
     
    “ข้าทราบดีค่ะ ยินดีที่ได้พบท่านนะเจ้าคะท่านเทพอัศวินอาร์เมล” นางเอ่ยทักข้าด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
     
    “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ดูท่าว่าพวกเจ้าจะมีเรื่องส่วนตัวสนทนาตามประสาคนที่ไม่ได้พบกันนานแล้วใช่ไหม... ข้าขอตัวก่อนดีกว่า” ข้าเอ่ยอย่ามีมารยาท แต่ความเป็นจริงในใจของข้ากลับรู้สึกได้ว่า ข้าไม่ต้องการรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ข้าไม่อยากเห็นเทมเพสในแบบของซีโอต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องของพวกเรา
     
    “ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าฟังไม่ได้เสียหน่อย เจ้าไม่ต้องลุกไปหรอก” ข้ามองเทมเพสที่แอบหน้าแดงนิดๆ มองดูเขาทำตัวไม่ค่อยถูกเวลาที่ถูกเธอคนนั้นจับจ้องมองเขาตรงๆ นี่คงอยากให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเพราะอายที่ต้องอยู่สองต่อสองกับคนที่ตัวเองชอบใช่ไหม...
     
    “ผ่านมาตั้งห้าปีแล้วที่เจ้าออกมาจากคณะดนตรีหลวงเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่หรือ ไอวี่”
     
    “เดิมทีข้าเป็นคนที่นี่ตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว แต่เพราะว่าเรื่องงานข้าจึงไปอยู่ที่ลีฟบัด... ตอนนั้นที่ข้าออกมากะทันหันมากเพราะท่านแม่ของข้าป่วยหนักมาก ข้าขอโทษที่ตอนนั้นทำได้เพียงฝากจดหมายเพื่อลาเจ้าเท่านั้น”
     
    “แล้วตอนนี้แม่เจ้า...”
     
    “นางยังสบายดีอยู่ อันที่จริงก็ไม่ค่อยสบายนักหรอกนางเจ็บอ็อดแอ็ดเรื่อยมาทำให้ข้าตัดสินใจที่จะทำงานที่นี่มาตลอด”
     
    “เป็นเช่นนั้นนี่เอง...”เทมเพสเงียบไปซักพัก คล้ายกำลังรวบรวมความกล้า
     
    “ไอวี่... คือที่ผ่านมา... ระหว่างที่เจ้าหายตัวไปข้าคิดทบทวนเรื่องของเราตลอดเลย เมื่อสมัยก่อนข้ามีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูดกับเจ้าแต่ยังไม่ได้พูดออกมา คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ข้าจะมีโอกาสเจอกับเจ้าอีกครั้งที่นี่...”
     
    “...” พวกข้าเงียบรอฟังเขาพูดต่อไป
     
    “...คือข้าไม่อยากให้มันค้างคา...แต่คือตอนนี้ข้า... ข้า...” เทมเพสหน้าแดงพูดอึกอักติดอ่างเป็นที่เรียบร้อย ตกลงว่าเจ้าเป็นคนขี้อายแน่หรือเปล่าเทมเพส จะสารภาพความในใจทั้งทีไหงถึงเอาข้ามาไว้ตรงนี้ด้วย ข้าน่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าไม่ได้หรอกนะ
     
    “อ้อ... คืนนี้เจ้าพอจะมีเวลาตอนไปเดินเล่นกับข้าได้ไหม” สุดท้ายเขาก็พูดไม่ออกเปลี่ยนเรื่องเสียเฉยๆ งานนี้เทมเพสมีหวังไม่มีทางยอมสารภาพออกไปอย่างแน่นอน
     
    “ไม่ได้หรอกซีโอคืนนี้มีคนมารับข้ากลับแล้วล่ะ” สิ้นคำชายหนุ่มผู้หนึ่ง สายตาของหญิงสาวนั้นดูอ่อนหวานยามที่มองเขาคนนั้น ไม่ว่าใครก็คนจะสามารถดูออกได้ไม่ยากว่าคนผู้นี้เป็นคนที่นางรักสุดหัวใจ
     
    เทมเพสเจ้าเองก็ดูออกใช่ไหม แล้วหัวใจของเจ้าในเวลานี้...
     
    +++++++++++++++++
     
    เทมเพส........
     
    การได้มาเห็นคนที่ตนเองแอบรักมาตลอดกว่าห้าปีแสดงท่าทีมีใจให้ชายอื่น ข้านั้นควรทำตัวเช่นไร?
     
     ข้ายืนมองดูภาพนั้นพลันความรู้สึกบางอย่างในอกมันบีบรัดแน่นทรมานจนหายใจไม่ออก วินาทีนั้น ข้า... อยากจะหายไปจากที่ตรงนี้ ข้าไม่อยากรับรู้เรื่องแบบนี้!
     
    “ซาส ข้าอยากจะแนะนำสหายของข้าให้ท่านรู้จัก...เขาชื่อซีโออีกคนคือพี่น้องของเขาไอเวส” นางบอกกับคนผู้นั้น และหันมาตอกย้ำความเป็นจริงกับข้า “ซีโอ ท่านไอเวส นี่คือซาสสามีของข้าเอง พวกข้าแต่งงานกันมาได้สามปีแล้วล่ะ”
     
    “ยินดีที่ได้รู้จัก” ข้าเอ่ยทักมือที่ยื่นออกไปเพื่อสัมผัสทักทายชายหนุ่มตรงหน้าของข้า มันแทบจะไม่มีความรู้สึก
     
    “ยินดีเช่นกันที่ข้าได้มีโอกาสพบท่าน ซีโอ นางเคยพูดถึงท่านหลายครั้ง ว่าท่านเป็นสหายที่ดีที่สุดยามที่นางอยู่ไกลบ้าน”
     
    สหายที่ดีที่สุดเช่นนั้นหรือ... ข้าหลับตาลงยิ้มให้กับความรู้สึกที่น่าสมเพสของข้า ตลอดเวลาที่ผ่านมานางให้ข้าเป็นได้เพียงแค่นี้เท่านั้น แค่เพื่อน... เป็นข้าคนเดียวที่คิดไปไกลเกิน
     
    ใบหน้าที่คุ้นชินกับการเสแสร้งของข้าถูกยกขึ้นมาใช้ในเวลานี้ รอยยิ้มที่ดูสดใสของข้า...“นางเองก็เป็นสหายที่ดีที่สุดเช่นกัน ท่านซาสมีเวลาไหมนั่งลงดื่มกับพวกข้าก่อนซิ”
     
    ซาสเอ่ยว่า “ไม่ได้หรอก พวกเราต้องรีบกลับไปดูแลท่านแม่น่ะ ถ้าหากมีโอกาสสักวันข้าคงจะมาดื่มเป็นเพื่อนท่าน”
     
    “ถ้าเช่นนั้นก็น่าเสียดาย...” แต่ข้ากลับรู้สึกโล่งอก ตัวข้าคงยังไม่พร้อมที่จะยอมรับ และทำความรู้จักกับเขา
     
    “นั่นซินะ ซีโอ วันนี้พวกข้าคงต้องกลับก่อน พวกเจ้าอยู่ที่นี่ถึงคืนพรุ่งนี้ไหม?”
     
    “ไม่...” เพราะตอนนี้ข้ารู้สึกอยากไปจากที่นี่... ไม่อยากเจ็บไปกว่านี้ “พรุ่งนี้ข้าตรงรีบกลับลีฟบัดแล้วล่ะ”
     
    “เช่นนั้นข้าคงต้องบอกลาพวกท่านเลยในตอนนี้ ลาก่อนค่ะท่านไอเวส ลาก่อน ซีโอ”
     
    “ลาก่อนเช่นกัน ไอวี่” ลาก่อนกับความรู้สึกที่เป็นไปไม่ได้... ทำไมขอบตาข้ามันถึงได้ร้อนนัก น้ำตาหรือ ข้าขอร้องล่ะ อย่าไหลออกมาตอนนี้จะได้ไหม?
     
    ++++++++++++
     
    อาร์เมล........
     
    เทมเพสสั่งเหล้ามาดื่มเพิ่มขึ้นอีกหลายขวดเงียบๆคนเดียว เขาคงลืมไปแล้วว่าข้าเองก็นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ข้างเขานี่เอง...
     
    สมัยก่อนมีอยู่หลายครั้งที่อาร์เทมิสอกหักจากบรรดาคนรัก เขามักจะชวนข้าออกไปดื่มในเมืองเช่นกัน เขาจะหาสถานที่เงียบๆเป็นส่วนตัว นั่งบ่นเพ้อรำพัน สารพัดความหลังของเขาและเธอคนนั้นให้ฟังตั้งมากมาย เพื่อระบายความอัดอั้น พอดื่มได้ที่ซักพักก็เริ่มร้องไห้ฟูมฟาย ให้ข้าต้องช่วยปลอบ เสณ้จแล้วเขาก็จะดื่มต่อไปจนเมาพับให้ข้าต้องเป็นคนพาเขากลับตำหนักฯ
     
    แต่เทมเพส นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ แววตาที่เคยมีประกายสดใสกลับดูหม่นแสง เขานั่งคิดถึงเรื่องราวบางอย่างอยู่เพียงลำพัง ไม่พูดไม่จา ไม่โวยวายคร่ำครวญ อยู่เงียบๆเพียงลำพังในโลกส่วนตัว ทั้งที่โลกภายนอกนั้นวุ่นวายอึกทึก ทว่าเสียงเหล่านั้นมันคงไม่สามารถเข้าไปฉุดรั้งเจ้าให้หลุดออกจากความหมองเศร้านั้นได้เลยใช่ไหม และนั่นมันรวมถึงเสียงของข้า... พี่น้องของเจ้าที่ยังคงนั่งเฝ้ามองเจ้าอยู่เงียบๆตรงนี้ด้วยหรือเปล่า
     
    “เทมเพส...” ข้าเอ่ยเรียกเขา หากแต่แววตายังคงเหม่อลอยไม่ตอบสนอง เหล้าในขวดที่สามพร่องลงไปมากโดยที่ข้าไม่ได้ช่วยดื่มแม้แต่น้อย
     
    “พอเถอะ เจ้าไม่ใช่ครีอุสนะถึงจะได้ดื่มทีละหลายๆขวดโดยที่ไม่เป็นอะไรได้” ข้าเอื้อมมือไปรั้งแก้วน้ำสีอำพันในมือของเทมเพส
     
    เขาเหลือบตามองข้าเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มขื่นๆ ปรากฏขึ้น “ข้าน่ะคอแข็งกว่าที่เจ้าคิดนะ...ถ้ายังไงเจ้าช่วยดื่มเป็นเพื่อนข้าได้ไหมอาร์เมล”
     
    นั่นซินะปกติเวลาเขาออกงานสังสรรค์ เขาก็ดื่มได้เกือบทั้งคืน แต่เขาก็เลี่ยงไม่ดื่มมากจนเมานี่
     
    “ไม่ล่ะ ดูท่าว่าคืนนี้เจ้าจะต้องดื่มจนเมามากแน่ๆ ข้าต้องอยู่คอยพาเจ้ากลับห้อง”
     
    “เช่นนั้นหรือ...”เขาพยักหน้าให้กับตนเอง “อย่างนั้นก็ดี...เอาเหล้ามาเพิ่มให้ข้าอีกสองขวด”ว่าแล้วก็หันไปสั่งน้ำเมากับบริกรเพิ่ม
     
    “ไหง ถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ พอข้าบอกว่าจะพาเจ้ากลับ ก็คิดดื่มแบบไม่เกรงใจเลยนะ” ข้าพูดประชด “แต่เอาเถอะ ข้าชินแล้ว... ตัวเจ้าคงไม่หนักไปกว่าอาร์เทมิสซักครึ่งโลกระมัง”
     
    ได้ยินข้าพูดอย่างนั้นเทมเพสก็เพียงส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ ในลำคอก่อนที่จะยกขวดเหล้าขวดใหม่ขึ้นดื่มอย่างที่ไม่คิดจะรินใส่แก้วแล้ว เอาเถอะปล่อยให้เขาเศร้าให้เต็มที่ซักวันเดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง...
     
    เฮ้อ... เพียงแค่เหล้าขวดที่ห้าพร่องไปได้ไม่เท่าไหร่เทมเพสก็ทิ้งความเศร้าทุกสิ่งเอาไว้ชั่วคราวและหลับไปกับน้ำสีอำพัน เหลือไว้แต่เขาที่ต้องทำงานเก็บซากไอ้ขี้เมาทุกที
     
    เขาจ่ายเงินเรียบร้อยก็พาสหายขึ้นขี่หลังตัวเองแล้วแบกกลับ ลมหายใจอุ่นๆ เคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์ของเทมเพสรดต้นคอของเขาไปตลอดทางอดรู้สึกมวลประหลาดไม่ได้
     
    ไม่นานก็ถึงที่พัก เขาก็วางตัวสหายลงกับเตียงนุ่มแล้วห่มผ้าให้แล้วเดินออกไปเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น โดยไม่ทันสังเกตุว่าคนที่นอนอยู่เมื่อครู่อยู่ๆก็ลุกขึ้นมา
     
    อะ..อึก อ๊อก เสียงที่มักจะเกิดขึ้นกับคนเมาดังขึ้น ไอเวสถึงกลับหน้าซีดนึกในใจว่าซวยแล้วรีบวิ่งไปหยิบกระโถนมารอง ทว่า...
     
    ช้าไป... เทพอัศวินเทมเพสคายของเก่าออกมาเต็มๆ เลอะพื้นเหม็นฉึ่งไปทั่ว
     
    “เฮ้อ...” อาร์เมลถอนหายใจเฮือกใหญ่ งานเข้าเขาเต็มๆ นี่ถ้าอยู่ที่ตำหนักเทพก็แค่เรียกคนในหน่วยเทพอัศวินเทมเพสมาจัดการซักคนเหมือนอย่างคราวอาร์เทมิสก็สิ้นเรื่องแล้ว แต่นี่อยู่กันแค่สองคน เขาก็ต้องรับหน้าที่ดูแลไอ้ขี้เมาไปแบบเต็มๆน่ะซิ
     
    โชคยังดีที่ที่นอนไม่ได้เปื้อนไปด้วย ไม่งั้นก็งานใหญ่ อาร์เมลนึกในใจขณะเช็ดพื้นจนเสร็จ หันไปดูคนต้นเรื่องที่เมื่อครู่เขาเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แล้วนอนสลบไสลไม่รับผิดชอบ
     
    อาร์เมลสะบัดศีรษะไปมา... นึกสงสัยตัวเองเมื่อครู่เขาเป็นบ้าอะไรตอนที่เขาเช็ดตัวให้เทมเพส...หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุด
     
    คิดแล้วก็หงุดหงิดนึกโทษไปยังคนต้นเหตุของอาการบ้าๆ “เทมเพสงานนี้เจ้าติดหนี้ข้า...คอยดูเถอะซักวันข้าต้องให้เจ้าใช้คืนให้ได้... แล้วนี่ข้าเป็นอะไรเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าเนี่ย? ” ว่าแล้วอาร์เมลก็นั่งบ้าต่อไปคนเดียวอย่างไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับหัวใจของตนเอง
     
    +++++++++++++
     
    มีคนอ่านเรื่องนี้หรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีเรื่องนี้ก็อาจหายยาว.....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×