ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : ศิลาและสายลม (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 ฝันร้ายของศิลาหวนคืน

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 55


     
    เมื่อคืนข้านอนไม่หลับทั้งคืน แต่คนบางคน...
     
    “อรุณสวัสดิ์อาร์เมล” เทมเพสลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้านก่อนลุกไปเปิดม่านเตรียมรับแสงอรุณที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
     
    “อะ... อรุณสะ...หวัด...” อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันใหม่ที่ข้ายังไม่ได้นอน พอข้าเห็นเทมเพสตื่นแล้วข้าก็รู้สึกว่าทุกอย่างไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปแล้วจึงสลบหลับเป็นตาย...  จนนาทีสุดท้ายใกล้งานพิธีเทมเพสจึงมาปลุกข้าให้ลุกขึ้น โยนเสื้อผ้าเต็มยศที่ถูกรีดจนเรียบให้ข้าแล้วยกอาหารเช้ามาตั้งทันที
     
    ข้ากินขนมปังแซนวิสไปด้วยขณะแต่งตัวอย่างรีบร้อน... ทุกอย่างเสร็จในเวลาไม่นาน เทมเพสดึงข้าลากไปงานพิธีอย่างรวดเร็วและทันเวลาจนได้
     
    “ขอบใจเจ้าสำหรับทุกอย่าง... ข้าหมายถึงเรื่องเมื่อเช้า” ข้าขยายความเมื่อเขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
     
    “เล็กน้อยน่ะ เมื่อตอนใกล้รุ่งข้าเห็นขอบตาเจ้าก็รู้แล้วว่าเมื่อคืนเจ้าอดนอน คงกลัวพวกนางกำนัลจนนอนไม่หลับล่ะซิ” เขาหัวเราะน้อยๆ ก่อนพูดต่อไปว่า “ ...ข้าเลยปล่อยเจ้าให้พักผ่อนให้นานที่สุด อ้อ! ไม่ต้องกังวลนะ ข้าเอาผ้าเย็นประคบตาให้เจ้าแล้ว รับรองไม่มีปัญหา” เขาขยิบตาให้ข้า เมื่อพูดจบจึงหันไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อชื่อเสียงของวิหารเทพฯต่อไป... 
     
    ข้าคิดว่างานนี้เทมเพสคงตกสาวกที่โยแลนด์ได้มากพอสมควรเชียวล่ะ ข้าเห็นพวกผู้หญิงตากลายเป็นรูปหัวใจกันไปหมดแล้ว งานพิธีจัดได้ยิ่งใหญ่อลังการสมฐานะของบุตรแห่งเทพสงครามกับเจ้าหญิงแห่งโยแลนด์ กินระยะเวลายาวนานจนถึงเที่ยง ช่วงบ่ายจนถึงกลางดึกเป็นงานฉลองซึ่งอาจจะเลยไปถึงรุ่งเช้า ข้ากับเทมเพสจึงจำต้องค้างที่นี่อีกคืนหนึ่งก่อนที่จะออกเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ ( ซึ่งข้าคิดว่ามันช้าไปด้วยซ้ำ ข้าไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานเพื่อสวัสดิภาพของข้า )
     
    คืนนี้ข้ารู้แล้วว่ายังไงๆ ข้าก็ต้องนอนไม่หลับอีกแน่ๆ จึงอยู่ร่วมงานฉลองเป็นเพื่อนเทมเพสที่อาจต้องอยู่ร่วมงานทั้งคืน เพราะสาวงามมากหน้าหลายตาที่ต่อคิวจะเต้นรำกับเทมเพสมียาวไปถึงหน้าประตูพระราชวังเลยกระมัง
     
    ข้าที่ว่างอยู่เลยทำหน้าที่กระชับความสัมพันธ์ต่อขุนนางและข้าหลวงทั้งหลายในวังเพื่อประโยชน์ของวิหารเทพเจ้าแห่งแสงสว่างในวันข้างหน้าแทนเขา ระหว่างที่ข้ากำลังสังสรรค์อยู่กับอัศวินอาวุโสซึ่งเป็นราชองค์รักษ์เก่าแก่ประจำองค์ของพระราชินีอยู่อย่างสนุกสนาน บริกรก็เดินเสริฟเครื่องดื่มผ่านมา
     
    “ดื่มฉลองที่ได้มีโอกาสพบกันนะ ท่านเทพอัศวินอาร์เมล”
     
    “แน่นอน ท่านโซซี ข้าก็เช่นกัน ยินดีที่ได้พบ พวกเราคุยถูกคอกันมากจริงๆ” ข้ายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม โซซียิ้มให้ข้าและยกดื่มเช่นเดียวกัน
     
    “อืม...นั่น เจ้าชายคาเฟล (เจ้าชายรัชทายาท) นี่นา...” ข้ามองตามคำของท่านโซซีไปเห็นเจ้าชายรัชทายาทรูปงามเดินเข้ามาทักทายเทมเพส พูดคุยเรื่องบางอย่างนานจนสาวๆ จำต้องหลีกทางให้
     
    มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่านะ... ข้าควรไปสมทบด้วยไหม
     
     
    “เหล้านี่แรงมากเลยนะท่านว่าไหม” อยู่ท่านโซซีก็เอ่ยเรียกความสนใจจากข้าและยิ้มให้อย่างมีเลศนัย
     
     ไม่จริง! ข้ารู้สึกว่าโลกกำลังหมุน!
     
    เขาส่งสัญญาณเรียกนางกำนัลมาประคองข้า แม้จะเห็นหน้าเพียงลางๆ แต่ข้าจำพวกนางได้อย่างไม่มีวันลืมชั่วชีวิต
     
    นางสนองพระโอษฐ์ขององค์ราชินี!
     
    เทมเพสช่วยข้าด้วย ข้าพยายามตระโกนเรียกเขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินข้า
     
    “ท่านอาร์เมลเจ้าคะ   ไปพักกับพวกเราดีกว่าไหม” เสียงหวานชวนสยองแล่นเข้ามาสู่โสตประสาทของข้า
     
    ไม่ข้าไม่ไป ข้าพยายามฝืนสะบัดพวกนางออกแต่พวกนางเกาะข้าหนึบไม่ยอมปล่อยสุดท้าย...ข้าก็หมดสติไป
    ...........................
    ...............
    ....
    .
     
    ข้าตื่นขึ้นมาบนเตียงในสภาพที่ข้าไม่อยากจะคิด... เหมือนเมื่อคราวก่อนไม่ผิด องค์ราชินียืนมองข้าด้วยสายตาเป็นประกายระยับ ในมีถือพัดปิดใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้
     
    “คราวก่อนท่านหนีพวกข้าไปไม่บอกไม่กล่าว ท่านทำพวกข้าเสียใจมากเลยนะ” นางข้าหลวงเบอร์หนึ่งพูดขึ้น มือของนางลูบคลำใบหน้าของข้า ข้าดิ้นสุดแรง แต่โซ่ที่ตรึงแขนขาข้าเอาไว้ทำให้ข้าทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ อะไรกันคราวก่อนข้ายังสะบัดออกจนขาดได้เลยนี่นา 
     
    ข้าหันไปดูโซ่ที่ล่ามข้าชัดๆ อีกที องค์มหาเทพ โซ่ที่ล่ามมือเท้าของข้าแต่ละข้างมีสาม แต่ละเส้นหนากว่าคราวที่แล้วสองเท่า... 
     
    ข้ากรีดร้องในใจ... ดาบล่ะ! ดาบเทพฯของข้า!
     
    “ใช่ๆ พวกข้านะเสียใจมากที่ท่านหนีพวกข้าไปแบบนั้น แต่พวกข้าไม่เคยลืมท่านเลยแม้แต่วันเดียว”นางข้าหลวงเบอร์สองกรีดเล็บแผ่นอกเปลือยเปล่าของข้า อก! ข้าถูกถอดเสื้อออกตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย! ดาบเทพของข้าไปอยู่ที่ไหนกัน?
     
    “องค์ราชินี อย่าได้ทรงหยอกเย้ากระหม่อมเล่นอีกเลย กระหม่อมไม่สนุกด้วย”
     
    พระนางยิ้ม “แต่พวกนางดูสนุกสนานกันดีนะ ท่านว่าไหม นานๆทีให้พวกนางคลายความเครียดบ้างก็ดี...”
     
    นางเดินมานั่งขางเตียงของข้า “เห็นท่านแล้วอดทำให้ข้าคิดถึงพระบิดาขององค์หญิงทั้งสามที่สิ้นไปไม่ได้ รูปร่าง กล้ามเนื้อมัดใจข้าจริงๆ” พระนางแสยะยิ้มแล้วลุกเดินออกไปยืนที่เดิมใช้สายตาโลมเลียข้า
     
    “ยิ่งเวลาเห็นท่านหน้าแดงร้องโหยหวนยิ่งเหมือนเขา”
     
    องค์ราชินีแห่งโยแลนด์เป็นพวกวิปริตหรอกรึ ไม่นะข้าต้องไม่เป็นเหยื่อของพระนาง
     
    “เทมเพส!!!” ข้าตะโกนเรียกหาเขา ตอนนี้เขาเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของข้า เจ้าเคยรับปากว่าจะดูแลข้าไงเล่า ทำไมถึงปล่อยให้ข้ามาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ได้ ไม่...
     
    “ไม่ต้องร้องนะจ๊ะ เรามาสนุกกันเถอะ” นางข้าหลวงเบอร์หนึ่งถือเทียนที่จุดไฟติดแล้วมาทางข้า นางข้าหลวงเบอร์สองถือแส้
     
    “ไม่นะ!..... เทมเพสสสสสสสส!!!!!!”
     
    ++++++++++++++++++++++++++++++++
     
    เทมเพส..........
     
    “เทพอัศวินเทมเพส ข้าขอขัดจังหวะสนทนาของท่านซักครู่จะได้ไหม” เสียงเรียกของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นท่ามกลางวงล้อมของหญิงสาว ผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นคือเจ้าชายรัชทายาทที่มีนามว่าคาเฟล
     
    “ยินดี...กระหม่อม” ข้าตอบรับพระองค์ ก่อนหันไปยิ้มให้พวกนาง ก้มศีรษะลงเล็กน้อย เป็นการขออภัยในความเสียมารยาทของข้าที่ทอดทิ้งคู่เต้นรำ ซึ่งพวกนางก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจอะไรยอมจากไปแต่โดยดี บางคนยังทอดไมตรีให้ข้าอีกด้วย
     
    “ท่านเทมเพสนี่เป็นคนที่เนื้อหอม... มีเสน่ห์สมคำล่ำลือจริงๆ ดูพวกนางซิท่าทางไม่อยากจากเจ้าไปเท่าไหร่เลยนะ”
     
    ข้าหัวเราะน้อยๆ คล้ายยอมรับคำชมและรู้สึกเขินในเวลาเดียวกัน “ไม่หรอกพระองค์ ทรงกล่าวเกินไป... เป็นเกียรติ์มากที่ท่านให้เกียรติ์มาสนทนากับข้า”เจ้าชายยิ้ม นัยน์พระเนตรสีทองมองสบข้าก่อนเอ่ยเปิดหัวข้อสนทนา
     
    เป็นเรื่องราวทั่วไปเกี่ยวกับแคว้นนี้... แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยเข้าจะจุดประสงค์ของเจ้าชายเท่าไหร่แต่ข้าเลือกที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะอย่างน้อยตลอดเวลาที่ข้าคุยกับเขา มันทำให้ข้าได้พักผ่อนสายตา...
     
                    จนกระทั่ง...
     
                    “เทพอัศวินเทมเพส อีกไม่นานท่านก็จะออกจากวิหารเทพแห่งแสงมาใช้ชีวิตภายนอกแล้วใช่หรือไม่”
     
                    “พ่ะยะค่ะ กระหม่อมเหลือเวลาปฏิบัติหน้าที่อีกไม่นานนักก่อนที่จะเกษียณ”
     
                    “แล้วท่านจะทำอะไรต่อไป?”
     
                    ข้านิ่งเงียบ ความคิดทั้งมวลหยุดชะงักลง...นั่นซินะ ข้าจะทำอะไร? ที่ผ่านมางานในแต่ละวันของข้ามันมีมากเสียจนข้าไม่เคยมีเวลาว่างมากพอจะมาคิดเรื่องพวกนี้เลย...
     
    ข้าจึงตอบด้วยความสัตย์จริง “กระหม่อมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย...”
     
    “ถ้าเช่นนั้น... ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ไหม มาเป็นอัศวินราชองครักษ์ประจำตัวข้าเป็นอย่างไร”
     
    ข้าประหลาดใจกับขอเสนอทางเลือกให้กับชีวิตของข้า “ทำไมถึงชวนกระหม่อมล่ะฝ่าบาท”
     
    เจ้าชายรัชทายาททรงพระสรวลน้อยๆ แล้วตรัสว่า... “ดินแดนนี้เป็นดินแดนของนักรบ อัศวินที่จัดเพียบพร้อมนั้นหาได้ยากยิ่งนัก จากที่ข้าได้พบและสนทนากับท่านข้ารู้สึกว่า หากเป็นท่านที่จะมาอยู่เคียงข้างเราในอนาคตเมื่อข้าครองราชย์คงจะดีไม่น้อย...”
     
    “แต่กระหม่อมเป็นคนที่รับใช้เทพเจ้า...รับใช้ประชาชนมาตลอดทั้งชีวิต การที่จะให้กระหม่อมมาทำงานรับใช้นายเพียงคนเดียว กระหม่อมคงทำได้ไม่ดีนัก” นี่ไม่ใช่คำปฏิเสธ หากแต่หมายความอย่างที่ข้าว่าไปนั่นล่ะ ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าชายจะเข้าพระทัย ทรงตรัสกับข้าว่าอยากให้ข้าเก็บเอาไปคิด ยังมีเวลาอีกมากพอที่ข้าจะตัดสินใจ
     
    นี่ก็นานมากแล้ว อาร์เมลเป็นอย่างไรบ้าง เขากลับไปนอนที่ห้องแล้วหรือยังนะ
     
    “ขออภัยที่เสียมารยาทเจ้าชาย ขอกระหม่อมได้สนทนากับเขาซักครู่ได้ไหมพ่ะยะค่ะ” ผู้ที่เอ่ยแทรกบทสนทนาระหว่างข้าและเจ้าชาย คือไมเคิล บุตรแห่งเทพสงคราม ผู้มีนัยน์ตาที่คมกริบและปราดเปรียวราวกับเสือดาว ดูท่าว่าเขาคงจะมีเรื่องสำคัญคุยกับข้า...
     
    “เจ้าชาย...”
     
    “ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียมารยาทต่อข้าหรอกนะ”เจ้าชายทรงแย้มพระสรวล “เอาเป็นว่าสำหรับคำตอบของท่าน ข้าจะรออย่างไม่มีกำหนดเวลานะท่านเทพอัศวินเทมเพส”
     
    “เป็นพระกรุณาพ่ะยะค่ะ”
     
    เมื่อเจ้าชายผละออกไปไมเคิลก็เข้ามาลากข้าไปยังมุมหนึ่งของงาน ท่าทางเขาจริงจังน่าดู
     
    “ทำไมท่านไม่เข้าหอ ไม่ใช้ว่าที่ท่านท่าทางเครียดเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องคืนนี้ยังไงเลยมาปรึกษาข้าหรอกนะ” ข้าเย้าเขาเล่นเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายบรรยายกาศ แต่ทว่าเจ้าเสือดาวนี่ส่งสายตาตำหนิข้าซะงั้น
     
    “ข้าไม่ได้ อับจนหนทางถึงขนาดมาพึ่งพาท่านเทพอัศวินเทมเพสผู้เปี่ยมเสน่ห์อย่างท่านหรอก ข้ามีเรื่องเกี่ยวกับพวกมัน ศัตรูของพวกเราทั้งสามวิหารเทพฯ เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่าทีของพวกลัทธิมารนิรันดร์หมู่นี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง” พอสิ้นคำเป็นฝ่ายข้าที่เงียบไป
     
    *หมายเหตุ ลัทธิมารนิรันดร์เป็นศัตรูกลุ่มใหม่ที่เผยแพร่ในหมู่ประชาชน หลังเหตุการณ์เจ้าชายปีศาจในอีกหลายปีต่อมา เป็นปรปักษ์กับวิหารเทพทั้งสาม จนอัศวินผู้รับใช้เทพเจ้าทั้งวิหารต้องมาร่วมมือกันจัดการในเรื่องนี้ (รายละเอียดอยู่ในเรื่องโบรด์เวนค่ะ)
     
    “เกิดอะไรขึ้น ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปยังไง” ข้าเลิกคิ้วถามด้วยท่าทีสบายๆ อย่างที่ข้ามักแสดงเป็นเทมเพสต่อหน้าผู้คน แต่ในใจกลับคิดไปว่า นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มีหรือที่ไมเคิลจะนอกจากห้องหอ...จากเจ้าสาวแสนน่ารัก ออกมาวิ่งวุ่นเรื่องพวกนี้
     
    “เมื่อครู่ นักรบของข้าถูกเล่นงานจนถึงแก่ชีวิต”
     
    ว่ายังไงนะ! ที่ผ่านมาพวกลัทธินี้ไม่เคยทำร้ายชาวบ้านนอกจากชักชวนให้หลงผิดไปบูชาซาตาน และที่ผ่านมาพวกเขาเพียงแค่ลอบเล่นงานพวกเราเป็นบางครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเล่นงานถึงตาย
     
    “ข้าถึงได้บอกว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วยังไงล่ะ ทีนี้ยังจะมีหน้ามาทำหน้าสบายอารมณ์กวนโทสะข้าอีกไหม” ไมเคิลกล่าวเสียงขึ้นจมูก แต่ข้าไม่ใส่ใจ
     
    “พญาอินทรีย์รู้เรื่องนี้?”
     
    “ตอนนี้เขารู้แล้ว เลยอยากที่จะปรึกษาเรื่องนี้ให้พร้อมหน้ากัน พวกเจ้าสองคนกับเคเรสในฐานะตัวแทนวิหารเทพแห่งแสงสว่าง”
     
    พวกข้า? อาร์เมล! อาร์เมลล่ะตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว!?
     
    ข้ามองหาเขาไปทั่วงาน... ไม่อยู่!
     
    ข้าเลยเรียกนางกำนัลผู้หนึ่งมาสอบถาม
     
    “ท่านเทพอัศวินอาร์เมลหรือเจ้าคะ? ตอนนี้คงกำลังเข้าเฝ้าองค์ราชินีอยู่กระมั้ง...” นางหัวเราคิกคัก
     
    องค์ราชินี! แย่แล้ว ข้าไม่ควรละสายตาออกจากเขาเลย! องค์มหาเทพทรงโปรดอาร์เมล... เจ้าอย่าพึ่งเป็นอะไรไปเลยนะ
     
    ข้าใช้ความเร็วเต็มที่ในการเสาะหาตัวเขา สายลมบอกกับข้าว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก
     
    “ไม่นะ!..... เทมเพสสสสสสสส!!!!!!”
     
    ปัง
     
    “องค์ราชินี! ทรงเล่นแรงไปแล้วพ่ะยะค่ะ!”ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำเงินผลักประตูวิ่งถลาเข้ามาหาข้า “ปล่อยอาร์เมลพี่น้องของกระหม่อมได้แล้ว มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากระหม่อมไม่เตือน พระนางคงไม่อยากเป็นศัตรูกับวิหารเทพเจ้าแห่งแสงสว่างหรอกนะพ่ะยะค่ะ”
     
    “แหมๆ เป็นห่วงเป็นใยกันจริงเชียวนะ... ก็ได้ ปล่อยท่านอาร์เมลซะ” พระนางหัวเราะคิกคัก
     
    พออาร์เมลหลุดออกจากโซ่ก็รีบหลบข้างหลังข้า รีบจัดแจงเสื้อผ้าที่หลุดหลุ่ยให้มิดชิด
     
    “ท่านก็รู้ว่าข้าหยอกท่านเล่น...คราวก่อนพระสังฆราสส่งท่านมาให้ข้า ข้ายังเล่นไม่คุ้มเลยนะ”
     
    “พระนาง...” ทรงทวงเงินคืนไม่แล้วไม่ใช่หรือพ่ะยะค่ะ ทรงค้ากำไรเกินควรไปแล้ว!
     
    “...พวกกระหม่อมมีธุระด่วนพ่ะยะค่ะ บุตรแห่งเทพสงครามมีเรื่องจะปรึกษาพวกเราเดี๋ยวนี้ กระหม่อมขอทูลลาก่อน” ข้ากระชับความ แล้วพาอาร์เมลหลบออกมาทันที
     
    “ข้าขอโทษ...เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องคนเดียวก่อนนะ คืนนี้คงจะไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ยิ่งมองข้าก็ยิ่งสงสารเขา สภาพจิตใจของเขาตอนนี้คงจะย่ำแย่น่าดู องค์ราชินีก็เหลือเกินจริงๆ
     
    “แล้วเจ้าจะไปไหนเทมเพส เจ้ากลับไปกลับข้าด้วยกันซิ มีเจ้าอยู่ด้วยข้ารู้สึกดีกว่าอยู่คนเดียวนะ”
     
    “ข้าต้องไปพบไมเคิล กับธีโอ...”
     
    “ไม่ใช่ว่าเจ้าโกหกพระนางหรอกหรือ?”
     
    “ข้าพูดเรื่องจริง เรื่องที่เราตกลงกันไว้ว่าจะกลับพรุ่งนี้ อาจจะต้องรอดูท่าทีไปก่อนนะอาร์เมล เจ้าคง... รอข้าได้ใช่ไหม?”
     
    “ข้าไม่กลับห้อง ข้าจะไปด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญใช่ไหมล่ะ อย่ากันข้าออกไปนอกวงเลยนะ”
     
    “แต่เข้ายังไม่พร้อม”
     
    “ข้าพร้อมแล้ว... สบายดีแล้วด้วย”
     
    สบายดีแล้วก็อย่าพูดไปเอามือเกาะข้าไปด้วยจะได้ไหม? เจ้าเป็นเด็กหลงทางหรือไง...
     
    “ก็ได้...” ถึงข้าบอกว่าไม่ ยังไงคนหัวดื้ออย่างเจ้าก็ต้องตามไปด้วยอยู่ดี ป่วยการเถียงกันเปล่าๆ
     
    เมื่อมาถึงไมเคิล ธีโอและเคเรสอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว รอเพียงพวกเราทั้งสองก็เริ่มได้เลย...
     
    ผลการปรึกษายังไม่ได้ข้อสรุปที่ลงตัว กลายเป็นว่าพญาอินทรีย์กล่าวหาว่าทางวิหารเทพแห่งแสงสว่างปกปิดข้อมูล ทำให้เรื่องนี้บานปลาย บุตรแห่งเทพสงครามเองก็พลอยเป็นไปด้วย ทั้งที่เรื่องบ้าๆ อย่างการที่เรื่องที่ตั้งลัทธิมาร อยู่ในแคว้นวอซเลซ แต่ครีอุสกับซุกซ่อนความจริงข้อนี้ ทำไมข้าถึงไม่รู้อะไรเลย อาร์เมลกับเคเรสก็ด้วย
     
    “เห็นทีเรื่องนี้ข้าคงต้องขอเวลาไปจัดการเรื่องภายในซักนิด”ข้ากุมขมับ
     
    “ให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน”ไมเคิลว่า
     
    “ได้พรุ่งนี้ข้ากับอาร์เมลจะกลับลีฟบัด เอาล่ะข้าขอยุติเรื่องเอาไว้แค่นี้ก่อน ด้วยน้ำใจของพวกท่านคงจะไม่ว่าอะไร...” ข้าพูดดักทางก่อนกลับ ตอนนี้ตึกมาแล้ววันนี้ข้าเหนื่อยเต็มทน กลับห้องไปหลับเป็นตายแน่ๆ
     
    “ข้าขอนอนแยกเตียงกับเจ้านะคืนนี้”
     
    “ทำไมเจ้ามีอะไรหรือเปล่าอาร์เมล...” ข้าก้มหน้าลงดมตัวเองฟุดฟิด ข้าอาบน้ำเรียบร้อยแล้วกลิ่นก็โอเคดี ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องรังเกียจกันตรงไหนนี่
     
    “เถอะน่า เจ้าเชื่อข้าเถอะ ไม่อย่างนั้นข้านอนไม่หลับอีกแน่ๆ”
     
    “เจ้านอนไม่หลับเกี่ยวอะไรกับข้า? ระแวงว่าข้าจะลักหลับเจ้าตอนกลางคืนเหมือนองค์ราชินีหรือไง? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเมื่อคืนเจ้าก็ปลอดภัยดี” ข้าเอ่ยเย้าหยอกเขาเล่น เห็นเขาทำสีหน้าปุเลี่ยนๆแล้วดูตลกดี
     
    หากแต่เจ้าศิลาหัวแข็งกลับคิดในใจว่า เจ้าซิไม่ปลอดภัย แต่แล้วก็สะดุ้งตกใจกับความคิดอุตริของตนเอง บ้าซิ เขาจะไปทำอะไรเทมเพสกัน
     
    “ข้านอนล่ะ”ว่าแล้วอาร์เมลก็ไปขดตัวนอนอยู่ตรงโซฟายาวรับแขก ห่มผ้าคลุมโปรงตัดขาดเรื่องทุกอย่างทันที ซีโอ เทมเพสจะพล่ามอะไร ก็ปล่อยให้เขาพล่ามไปคนเดียว คืนนี้เขาจะตั้งตาตั้งตาหลับ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เอาล่ะราตรีสวัสดิ์
     
    +++++++++++++++++
     
    มาต่อให้แล้วค่ะ เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่มีคนตามเท่าไหร่เลยไม่ค่อยได้รีบ พอมามีคนทวงก็เอามาลงให้แล้วค่ะ รักทุกคนนะคะ จุ๊บๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×