ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : ศิลาและสายลม (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ถึงโยแลนด์ ดินแดนที่(ทำให้)นอนไม่หลับ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 55


     
    เทมเพส...
     
    ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ชายร่างโตผิวกร้านแดดสีคล้ำก็ลืมตาขึ้น ข้าลุกขึ้นดูเขาอีกที...
     
    “เป็นยังไงบ้าง?”
     
    “ข้าขอโทษ... ทำเจ้าลำบากซินะ” อาร์เมลว่าพลางลุกทรงตัวขึ้นยืน มือควานหาชุดคลุม ข้ายื้อมันออกจากมือของเขา
     
    “รู้ว่าทำให้ข้าลำบาก จะยังจะดื้อทำมันต่ออีกหรือ เจ้ากลัวว่าข้าจะยังลำบากไม่พอใช่ไหม?”
     
    อาร์เมลไม่ใช่คนที่ทำให้คนอื่นต้องลำบากใจ ข้ารู้ดี... สุดท้ายอาร์เมลก็เป็นฝ่ายยอมถอยให้ข้า เขาปล่อยมือออกจากชุดคลุม
     
    “แล้วชุดเกราะ กับเสื้อข้าล่ะ”
     
    “ข้าเก็บพับใส่ห่อสัมภาระของเจ้าไปแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องสวมมันอีกจนกว่าจะถึงโยแลนด์...”
     
    “แต่ว่า...”
     
    “ข้าขอร้องอาร์เมล...” ข้าอ่อนเสียงลง สุดท้ายเขาจึงยอมแต่งตัวแบบเดิมคือเปลือยกายท่อนบน ครั้นพอจะผ่านหมู่บ้านหรือสวนทางกับกลุ่มนักเดินทางจึงหยิบชุดคลุมมาสวม การเดินทางทุกอย่างจึงราบรื่น
     
    ในวันที่เจ็ดเราก็เดินทางมาถึงตามการคาดการณ์ ทันทีที่ถึงประตูพระราชวัง พวกข้าในฐานะตัวแทนของวิหารเทพเจ้าแห่งแสงสว่างก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีและถูกพาไปยังห้องโถงรับแขกขององค์ราชินีแห่งโยแลนด์ ม้าและสัมภาระต่างถูกนำไปไว้ยังสถานที่ที่เตรียมไว้
     
    และข้าคงไม่ต้องอธิบายถึงการแต่งตัวของอาร์เมลกระมัง มันกลับไปเหมือนวันแรกของการออกเดินทางตั้งแต่ก่อนย่างเข้าเขตเมืองหลวงด้วยซ้ำ
     
    พระราชวังของโยแลนด์ดูงดงามโอ่โถงไม่แพ้วังของพระราชาที่แคว้นวอลเลซ เมื่อมาถึงห้องโถงที่พระนางประทับอยู่ยิ่งหรูหราสวยงาม องค์ชายรัชทายาทที่ยังไม่ได้ครองราชย์เสียทียืนเคียงข้างพระนาง พร้อมกับบรรดาพระขนิษฐาทั้งสามพระองค์
     
    “ข้าเทพอัศวินเทมเพส และเทพอัศวินอาร์เมลแห่งวิหารเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ขอถวายพระพรองค์ราชินี” ข้าเป็นตัวแทนในการกล่าวถวายความเคารพ ข้าหยัดตัวยืนขึ้น ส่งรอยยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้พระนางกล่าวกับพระนางว่า
     
    “เป็นเกียร์ติยิ่งนักที่กระหม่อมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระนาง... ราชินีผู้เลอโฉมแห่งโยแลนด์ ความงามของท่านไม่ผิดไปจากคำล่ำลือแม้แต่น้อย”
     
    องค์ราชินีหัวเราะ นำพัดในมือขึ้นมาปิดปากอย่างมีจริต “เทพอัศวินเทมเพสนี่ช่างปากหวานนัก ข้าอายุมากขนาดนี้ความงามอันใดยังจะหลงเหลือให้ท่านเห็นอีกกันเล่า” ข้าแย้มรอยยิ้ม แล้วเอ่ยตอบว่า...
     
    “เจ้าหญิงแห่งโยแลนด์ทั้งสามพระองค์ แต่ละพระองค์นั้นต่างก็งดงามเลื่องลือไปถึงสามแคว้น พระนางคงจะไม่ปฏิเสธกระมังว่า พวกนางได้รับความงดงามเหล่านี้มาจากพระองค์” พระนางแย้มพระสรวลเล็กน้อยอย่างพึงพอใจในคำตอบของข้า
     
    ก่อนจะหันไปให้ความสนใจอาร์เมลในแบบชุดพันรัดกุมรอบตัว
     
    “เทพอัศวินอาร์เมล เหตุใดท่านจึงแต่งกายเช่นนี้เล่า ช่างแลดูน่าอึดอัดยิ่งนัก”
     
    “ไม่เลย กระหม่อมสบายดีไม่อึดอัดซักนิด” ข้าได้ยินเสียงพระนางหัวเราะต่อกระซิกเบาๆกับนางกำนัลใกล้ๆว่า ชอบแบบคราวก่อนมากกว่า... ทำให้อาร์เมลที่ได้ยินปรากฏสีแดงบนใบหน้าผิวสีเข้มของเขา
     
    ข้าลอบสังเกตหาหนทางช่วยเขาขณะที่ข้าเองก็กำลังปฏิบัติหน้าที่หว่านเสน่ห์ของตัวเองไปด้วย บุตรแห่งเทพส่งครามแสดงสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยที่ข้าส่งสายตาให้ว่าที่เจ้าสาวของเขา ที่ถูกข้าโปรยเสน่ห์ใส่จนเคลิ้ม
     
    “แต่งแบบนี้มันไม่น่ามองเลยจริงๆ” พระนางจุ๊ปากด้วยความเสียดาย แล้วส่งยิ้มเป็นกันเองให้กับพวกเรา “พวกท่านคงจะเดินทางมาเหนื่อย ยังไงเราจะให้สาวใช้นำทางพวกท่านไปยังห้องพัก... ข้าวของเครื่องใช้ของท่านอยู่ที่ห้องที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้แล้ว” พระนางหันมาคุยกับอาร์เมลอีกครั้ง
     
    “เทพอัศวินอาร์เมล ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สนทนากับท่านในค่ำคืนนี้”
     
    “พระเจ้าค่ะ...”
     
    ข้ามองอาร์เมลที่ตอนนี้สีหน้ากลายเป็นสีกระดาษไปแล้ว แล้วอดนึกขำในใจไม่ได้ แค่เห็นรอยยิ้มของพระนางข้าก็รู้แล้วว่า พระนางกำลังสนุกสนานกับการหยอกล้อเขาเล่น ซึ่งข้าก็ไม่ควรที่จะขัดความสำราญเล็กๆของพระนางซะด้วย ข้าแอบหัวเราะเขาในใจ
     
    ข้าถวายบังคมลา โดยไม่ลืมทำความเคารพเจ้าชายรัชทายาทและเจ้าหญิงทั้งสามพระองค์
     
    เมื่อถึงห้องพักทันทีที่อาร์เมลรู้ว่าต้องนอนแยกห้องกับข้าก็โวยวายหนัก เก็บข้าวของของตัวเองจะมาอยู่ร่วมห้องกับข้าให้ได้
     
    “ขอร้องล่ะเทมเพส ใจคอเจ้าจะให้ข้าอยู่ห้องนั้นเพียงคนเดียวหรือไง เจ้าไม่เห็นหรือว่าในห้องนั้นมันมีอะไรอยู่บ้าง”
     
    “ก็แค่กุญแจมือกับเชือกเส้นเดียว...”ข้าตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ประหนึ่งไม่แลเห็นความผิดปกติใดๆที่ของแบบนั้นจะถูกวางอยู่ในห้องของแขกบ้านแขกเมือง
     
    “แค่! งั้นเหรอ? ถ้าเจ้าไม่ให้ข้าอยู่ที่นี่กับเจ้า เช่นนั้นเรามาแลกห้องกัน เวลาพวกนางบุกเข้ามาพวกเจ้าได้ต้อนรับพวกนางให้เตรียมที่”
     
    “เจ้านี่มัน อาการหนักจริงๆ” ข้าหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ให้ตายข้าก็ไม่ยอมแลกห้องกับเขาเด็ดขาด
     
    หลังจากเข้าเฝ้าแล้วก็เป็นเวลาส่วนตัว พวกเราออกมานั่งเล่นที่ศาลาในสวนดอกไม้ส่วนพระองค์ขององค์ราชินี พวกข้า ธีโอ และพวกเจ้าหญิงอลิซ ต่างก็มาชุมนุมกันพร้อมกับเหล่าบรรดาทายาทตัวน้อย จะยกเว้นก็แต่ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังยุ่งการการจัดเตรียมงานพิธีในวันพรุ่งนี้
     
    ข้าอุ้มไอรอสเด็กชายตัวน้อยอายุสองขวบที่มีเส้นผมสีเขียวเช่นเดียวกับเคเรส ลูกชายของเจ้าหญิงแอนน์กับเขามาอุ้ม
     
    “ระวังหน่อยนะเทมเพส ไอรอสชอบดึงผมเป็นการทักทายน่ะ คราวก่อนก็ดึงผมของครีอุสตอนที่อุ้มเขาหลุดออกมาเป็นกระจุกเลย” เคเรสเตือนข้า แต่ช้าไปแล้ว
     
    “โอ๊ย!” ข้าร้องเจ็บน้ำตาแทบเล็ด มองดูเด็กชายส่งพูดอ้อแอ้ว่า สวย ๆ ขณะมองเส้นผมของข้าประมาณสิบกว่าเส้นในมือของตนเอง
     
    เจ้าหญิงแอนน์หัวเราะน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าทำไมนะ ไอรอสถือได้ชอบเส้นผมชาวบ้านขนาดนี้”
     
    ก็ถามสามีเจ้าดูซิว่าทำไม... ข้าว่ามันต้องเป็นพันธุกรรมแน่ๆ
     
    “อาร์เมล เจ้าลองทักทาย(อุ้ม)เขาดูไหม? เด็กตัวเล็กๆ นิ่มๆ น่ารักดีนะ”
     
    “ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากผมแหว่ง” อาร์เมลเอื้อมมือไปรวบเส้นผมยาวสีน้ำตาลเข้มของตนเองไปด้านหลังของตนขึ้นทันที ไม่ให้ปลิวล่อตาล่อใจเด็ก
     
    “ดูท่านรักเด็กนะ เทพอัศวินเทมเพส” เจ้าหญิงอลิซทักข้า ข้ายิ้มรับก้มลงมองหน้าลูกชายของเคเรส เด็กชายวัยกำลังซนแก้มเป็นสีชมพูอย่างเด็กสุขภาพดี น่ารักมากๆ จริงๆ เสียแต่เขาแอบนิยมความรุนแรงไปหน่อยไหม?
     
    แต่เอาเถอะ ยังไงตอนนี้ไอรอสก็สนใจแต่เส้นผมของข้าในมือเขาเองแล้วคงจะไม่มายุ่งกับเส้นผมบนหัวข้าอีก ข้าจึงวางเขาเอาไว้บนตักกอดเอาไว้หลังจากขโมยหอมแก้มแดงๆนั่นไปหนึ่งที ทันใดนั้นเด็กหญิงรุ่นอายุสิบกว่าปีหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบสองคนเดินมาสมทบกับพวกข้าที่ศาลา
     
    ข้าส่งสายตาให้เด็กหญิงทั้งสองคน ที่หน้าตาน่ามองมากเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในสองมองข้าตาเป็นประกาย
     
    “ลูกสาวของท่านหรือเจ้าหญิงอลิซ” อาร์เมลถามขึ้น
     
    “ใช่ เด็กแฝดสองคนนี้เป็นลูกท้องที่สอง ลูกสาวคนโตของพวกข้า... ชื่อ โรเซีย กับโมน่า” เด็กหญิงทั้งสองทำความเคารพข้ากับอาร์เมล
     
    นางยิ้ม “แล้วที่ข้าอุ้มลูกนี่เป็นลูกคนสุดท้อง ท้องที่ห้าน่ะ ชื่อ ธีออซ”
     
    “ท้องที่ห้า!” อาร์เมลตาเหลือก
     
    “คนเดียว? ไม่ใช่เด็กแฝดหรอกหรือ” ข้าออกจะแปลกใจเล็กๆ ปกติต้องเป็นเด็กแฝดไม่ใช่รึ...
     
    “อืม...ท้องแรกของข้าเป็นแฝดสามผู้ชายทั้งหมดที่เจ้าขอไปคนนึงนั่นล่ะ... ท้องต่อมาคือพวกนางสองคน ท้องที่สามเป็นลูกสาวอีกคน ท้องที่สี่เป็นลูกชายคนเดียว ท้องที่ห้าก็คนที่ข้าอุ้มอยู่นี่ล่ะ”
     
    ข้านิ่งอึ้งนับเลขอยู่ในใจ สรุปว่าตอนนี้นางมี ลูกชายห้า ลูกสาวสาม รวมแล้วเท่ากับแปดคน
     
    “นี่ข้าอุ้มท้องมาตั้งห้าครั้งแล้วเพิ่งจะมีลูกแค่แปดคน ยังขาดอีกตั้งสี่คนกว่าจะครบโหล... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลังๆมานี้ข้าอายุมากขึ้น หรือเพราะว่าท่านพี่ไม่มีน้ำยากันแน่ หลังๆถึงมีแค่ท้องละคน” ประโยคหลังนางตวัดตาสายขึ้นมองหน้าสามีนาง ธีโอทำสีหน้านิ่งสนิท เหมือนไม่ได้ยิน
     
    ธีโอ เนี่ยนะไม่มีน้ำยา? ลูกตั้งแปด!
     
    ข้าหน้าแดง จนต้องกระแอมกลบเกลื่อน เฮ้อ! นี่ตั้งใจจะให้ครบสิบสองคนจริงๆหรือเนี่ย จะว่าไป ครีอุส ขอลูกชายหญิงหน้าตาดีที่สุดของพวกเขาไว้สามคนนี่นา...
     
    ข้าเหลือบสายตามองไปยังเด็กแฝดสองคน... หนึ่งในนั้นรี่เข้าไปเกาะแขนบิดาของตนเองเขย่าไปมา
     
    “ท่านพ่อๆ ท่านให้ โมน่า ไปอยู่กับพี่เซียสที่วิหารเทพแห่งแสงสว่าง ได้ไหมคะ” เด็กสาวคนที่มองข้าตาไม่กระพริบคนเมื่อกี้นี้เอง
     
    “ทำไมล่ะ เจ้าไม่อยากเป็นนักบวชของวิหารเทพฯเราแล้วเหรอ” ธีโอไม่ตอบ เป็นโรเซีย เด็กสาวอีกคนที่ถามขึ้น
     
    “เมื่อก่อนข้าไม่คิดว่าจะมีใครหน้าตาดีไปกว่าท่านพ่อ กับพวกพี่ชายของเราอีกแล้ว... แต่ตอนนี้เจ้าลองคิดดูดีๆซิ โรเซีย นอกจากพวกท่านพี่แล้วเจ้าเห็นใครหน้าตาดีพอที่เราจะมองได้อีก...” โมน่ามองมาทางข้า นี่เพิ่งจะเคยมีคนชมข้าว่าหน้าตาดีต่อหน้าธีโอครั้งแรกเลยละมั้ง
     
    “...นอกจากนี้แล้ว ท่านแม่เคยบอกข้าว่าเทพอัศวินทั้ง 12 องค์ หน้าตาดีกันทั้งนั้น เมื่อก่อนข้าเคยเห็นแต่ท่านลุงเคเรส แต่ตอนนี้ก็ท่านลุงเทมเพส กับท่านลุงอาร์เมล ทุกคนหล่อมากๆ... เพราะฉะนั้นข้าตั้งใจจะไปหาเนื้อคู่ที่วิหารเทพแห่งแสงแล้วล่ะ...” โมน่ายึดตัวขึ้นด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ ชั่งเป็นเด็กสาวที่ใจกล้ามากจริงๆ
     
    “เจ้าไม่คิดว่าพวกเขาแก...เอ่อ อายุมากไปหน่อยเหรอ”โรเซียว่า
     
    เอ่อ...ถึงข้าจะไม่อยากยอมรับว่าอายุมาก แต่เมื่อเทียบกับพวกเจ้าที่อายุสิบกว่าปีมันก็...นะ
     
    “ข้าหมายถึงว่า เทพอัศวินทั้ง 12 หน้าตาดี ดังนั้นว่าที่เทพอัศวินทั้ง 12 ก็ต้องหน้าตาดีด้วยเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ? ท่านลุงเทมเพส”
     
    ข้านึกถึงบรรดาเหล่าว่าที่เทพอัศวินโดยเฉพาะเลนนาร์ด ลูกศิษย์ของข้า... จริงอย่างที่นางว่า ข้าจึงพยักหน้า เด็กสาวยิ้มอย่างพึงพอใจ
     
    “เพราะฉะนั้น ท่านพ่อคะ ท่านแม่คะ ข้าขอไปอยู่ที่วิหารเทพแห่งแสงสว่างนะคะ”
     
    “ตามใจเจ้าเถอะ...” เจ้าหญิงอลิซพูดขึ้น เหลือบมองสีผิวตนเองอย่างปลงตก “...ขอเพียงแค่เจ้าไม่เลือกว่าที่เทพอัศวินครีอุสมาเป็นคนรักก็พอ อย่าเด็ดขาด...”
     
    ข้า เคเรส อาร์เมล และเจ้าหญิงแอนน์มองหน้ากันก่อนระเบิดหัวเราะออกมา
     
    พอถึงเวลามื้อค่ำพวกเราพร้อมบุตรแห่งเทพสงคราม องค์หญิงน้อยและราชินีก็มารับประทานอาหารค่ำกันพร้อมหน้า ข้าถือโอกาสเป็นตัวแทนวิหารเทพแห่งแสงสว่างกล่าวอวยพรคนทั้งสองที่กำลังจะมีอนาคตร่วมกันในไม่ช้า
     
    อาร์เมลมอบกล่องของขวัญให้นางแกะดู เป็นฮาร์ฟเครื่องเล็กขนาดพอดีมือ ที่องค์หญิงน้อยแสดงท่าทีโปรดปรานมากเมื่อได้ลองบรรเลงบทเพลงหลังการรับประทานค่ำไปบทหนึ่ง เสียงของมันบวกกับฝีมือในการบรรเลงขององค์หญิงน้อยทำให้ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของพวกเราแต่ละคนไม่รู้ลืม
     
    “วิเศษ จริงๆ ลูกหญิงของแม่” องค์ราชินีตรัสขึ้น
     
    “เพค่ะ... ขอบคุณพวกท่านมากๆ เทพอัศวินเทมเพส เทพอัศวินอาร์เมล...”
     
    “ไม่ใช่แค่นี้นะ...” ข้าหยิบสร้อยคอดอกกุหลาบสีทองขึ้นมามอบให้กับบุตรแห่งเทพสงคราม ไมเคิล
     
    “ของขวัญอวยพรจากครีอุส ฝากถึงพวกท่าน” ไมเคิลรับมันแล้วสวมมันไว้ทันที ส่วนองค์หญิงน้อยจ้องมองดอกกุหลายสีทองส่วนที่เป็นจี้ไม่วางตา
     
    “ข้ามองมันไม่ออกว่ามันทำมาจากอะไร... สีทองที่เป็นประกายสวยงามขนาดนี้”
     
    “คำอำนวยพรจากความตั้งใจจริง ของเทพอัศวินครีอุส”ข้าตอบ “มันไม่เพียงแต่งดงามเท่านั้น หากท่านได้รับอันตรายใดโดยที่ข้างกายไม่มีนักบวชอยู่ เพียงแค่ท่านบีบมันให้แตก ผลที่ได้จะเทียบเท่ากับคาถาฟื้นพลังขั้นสูง...”
     
    องค์หญิงน้อยเบิกตาอย่างตกตะลึง “ข้าไม่เคยเห็นใครที่ทำแบบนี้ได้มาก่อน เทพอัศวินครีอุสสมกับเป็นมหาบุรุษแห่งแผ่นดิน”
     
    ข้าเพียงแต่อมยิ้มกับคำกล่าวของนาง... หากว่านางได้รู้เรื่องทุกอย่างแบบที่เจ้าหญิงอลิซรู้ เจ้าหญิงแอนน์รู้ นางจะยังพูดแบบนี้อีกไหมนะ
     
    “องค์หญิงน้อยช่วยบรรเลงบทเพลงให้พวกหม่อมฉันอีกซักเพลงได้ไหมพระเจ้าค่ะ” ข้าเอ่ยขึ้น นางตอบรับอย่างยินดีก่อนที่เสียงเพลงที่ไพเราะยิ่งกว่านักดนตรีมือเอกของราชสำนักบรรเลงก็แว่วหวาน ขับกล่อมไปทั่วบริเวนเป็นการปิดฉากอาหารมื้อค่ำอย่างเรียบง่าย
     
    ไมเคิล บุตรแห่งเทพสงคราม ไม่เสียทีที่ท่านรอคอยนางมาเกือบสิบกว่าปี...
     
    ++++++++++
     
    อาร์เมล.........
     
    หลังจากที่มื้อค่ำจบลงข้ากับเทมเพสก็กลับเข้าห้องนอนตอนนี้ยังเป็นเวลาที่ไม่ดึกมากนัก ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ในบริเวณชั้นล่างสุดเสมอพื้นดิน ง่ายต่อการปีนเข้ามากๆ ทำให้ข้าต้องรีบเดินไปปิดหน้าต่างลงกลอนแล้วรูดม่านปิดมิดชิด
     
     ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะอยู่กับเทมเพสก็เถอะ แต่ตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาตลอดการเดินทาง มันทำให้ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนที่หลับลึก นอกเสียจากว่าบางครั้งเขาจะละเมอขึ้นมาตอนกลางดึกเพื่อที่จะทำงานของตัวเองตามความเคยชิน... จนข้าต้องคอยเตือนสติเขาว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเทพฯ และไม่มีงานอะไรให้เขาต้องทำทั้งนั้น เขาจึงยิ้มอย่างงัวเงียแล้วล้มตัวลงนอนต่อหลับสนิทถึงเช้า และถ้ายังไม่เช้าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาเองเด็ดขาดถ้าไม่มีอะไรมารบกวนเขาได้มากพอ ซึ่งข้าก็เชื่อว่าพวกนางมีวิธีจัดการข้า โดยที่ไม่ทำให้เทมเพสรู้สึกตัวขึ้นมาแน่ๆ เพราะฉะนั้นข้าต้องรอบครอบให้มาก...
     
    “อาร์เมล ถึงแม้ว่าตอนกลางคืนอากาศจะเย็นมาก แต่ถ้าเจ้าไม่เปิดหน้าต่างไว้รับลมสักบานจะอึดอัดนะ”
     
    “ไม่หรอก ไม่เลย ไม่อึดอัดซักนิด ข้าหนาวมากๆ เลยด้วยซ้ำ” ข้ากลัวว่าเทมเพสจะเดินเปิดหน้าต่างข้าเลยรีบยืนยันความหนาวของตัวเองโดยการซุกตัวลงในผ้าห่มนวมหนาบนเตียงทันที... เทมเพสมองข้าแล้วยิ้มน้อยๆ
     
    “ตามใจเจ้า ถ้าเจ้ากลัวว่าพวกนางจะแอบย่องเข้าหาตอนดึกจนนอนไม่หลับ ข้าก็ไม่ว่าอะไร...”
     
    “ใช่ ข้ากลัว...” ข้ายอมรับแบบลูกผู้ชาย เขาจะหัวเราะเยาะข้าก็ตามใจ ไม่มาเจออย่างข้าก็ให้มันรู้ไป
     
    แล้วเทมเพสก็ระเบิดหัวเราะร่าออกมาจริงๆ ไม่ไว้หน้าข้าเลยสักนิด สุดท้ายข้าอายจนทนไม่ไหว เลยมุดใต้ผ้าห่มเอาคลุมหน้าไปเลย สุดท้ายเขาก็หยุดหัวเราะ แล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอน
     
    เขาใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำสระผมเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาในชุดนอนแขน ขายาว พร้อมกับผ้าโผกศีรษะ ลงนั่งยีผมตรงโต๊ะชุดรับแขก พอหมาดก็ใช้เวทลมทำให้แห้งในพริบตา
     
    เอาล่ะถึงตาข้าไปอาบบ้าง... ข้าขนเสื้อผ้าชุดหนาเดินเข้าห้องน้ำที่เต็มไปด้วยไอร้อนสีขาวของน้ำร้อนกำลังดี ไหนๆข้าก็อาบทีหลัง ลงไปแช่เลยดีกว่า
     
    ข้าคงแช่ไปนานมากพอออกมาเทมเพสก็นอนหลับไปแล้ว ข้ามองไปรอบๆห้องอย่างใจไม่ดี อืม... ประตูล็อกแล้ว บานหน้าต่างยังปิดดีอยู่
     
    ปลอดภัย...
     
    ข้าเลยตัดสินใจเข้านอนอย่างหมดกังวล ข้าดับตะเกียงลืมตามองเพดานนิ่ง พอสายตาชินกับความมืดแล้วก็มองเห็นอะไรต่อมิอะไรได้ชัดเจนขึ้นแต่ก็เป็นเพียงเงารางๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจข้าจึงหลับตาลง ท่ามกลางความมืดสนิทข้าได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่แสดงว่าเขากำลังหลับสนิท กับกลิ่นหอมเย็นๆ อันเป็นเอกลักษณ์จากเรือนผมของคนข้างกาย มันคงเป็นกลิ่นเฉพาะของยาสระผมสำหรับผมที่ถูกย้อมสี
     
    มันทำให้ข้าอดสนใจที่จะจับมันขึ้นมาแตะที่ปลายจมูกไม่ได้ หอมจริงๆ ไม่รู้เป็นเพราะว่าข้าจับเส้นผมของเขาหรือเปล่าที่ทำให้เขารำคาญจนพลิกตัวหลบหันหลังให้ข้า ข้าเลยรีบปล่อยมือจากเส้นผมสีน้ำเงินของเขา นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?
     
     เทมเพสหันไปนอนกอดผ้าห่มที่ถูกขมวดเป็นก้อนวางไว้ข้างตัวซึ่งเป็นผ้าห่มที่เขาไปนำมาจากห้องของข้าพร้อมกับหมอนที่หนุนอยู่ ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนติดหมอนข้าง ต้องนอนกอดอะไรซักอย่างนึงนอน... ซึ่งก่อนหน้านี้ข้าก็เห็นเขาเอาห่อสัมภาระผ้ามาวางไว้ข้างๆ ตัวเหมือนกันแต่ข้าไม่ทันคิด เพราะฉะนั้นตอนนี้ข้ากับเขาเลยนอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน แต่ข้าไม่ถือ...ปล่อยเขานอนไปเถอะ
     
    ข้าขอถอนคำพูด ตอนนี้ข้าถือแล้ว... เทมเพสพลิกตัวกับมาซักพักก็คว้าแขนข้าไปกอดแล้วหนุนซุกหน้าเข้ามา ลมหายใจอุ่นๆ เป่าแขนข้าจนจักจี้ ข้ารีบคร่อมตัวเขาเอื้อมมือไปหยิบกองผ้าที่เกือบร่วงอยู่ข้างเตียงอีกฝั่งให้เขาหนุนแทนแขนของข้า ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับความนิ่มของมันมากกว่าจึงยอมผละจากท่อนแขนของข้าในที่สุด เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆ หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก...
     
    ข้ามองหน้าของเขาใกล้ๆ กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆแตะจมูกข้าอีกครั้ง ช่วยไม่ได้ที่ข้าจะเผลอเขยิบตัวสูดกลิ่นของมันใกล้ชิดกว่าเดิม... แล้วอยู่ๆเทมเพสก็ลุกขึ้นมา ข้าถอยออกมาแทบไม่ทัน
     
    ที่แท้ก็เหมือนเคยเขากำลังจะละเมอเดินไปที่โต๊ะทำงานในห้อง
     
    ข้าถอนใจ แล้วจับเขาให้นอนลงบอกผ่านความฝันของเขาว่า “เทมเพส...ตอนนี้งานของเจ้าเสร็จหมดแล้วไม่ต้องกังวล” เขาจึงพยักหน้ารับรู้ก่อนหลับสนิทต่อไปอย่างเคย... เหลือไว้แต่คนที่ตื่นอย่างข้าสุดท้ายข้าก็นอนไม่หลับทั้งคืนจนขอบตาคล้ำแทนเทมเพส
     
    ++++++++++

    อย่าลืมเม้นต์นะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×