ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : ศิลาและสายลม (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 กองหนุนของศิลา

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 55


     
    ผ่านไปหลายวัน...ในห้องนั่งเล่น ครีอุสที่หายดีกลับมาแข็งแรงทั้งกายและใจดังเก่า กำลังนั่งจิบชาพร้อมกับละเลียดขนมหวานหลากหายชนิดอย่างมีความสุข เสียงเจื้อยแจ่วอย่างคนอารมณ์ดีดังอย่างไม่ขาดระยะ อยู่กับทุกคนเกือบพร้อมหน้า
     
    ทว่าใจข้ากำลังเหม่อลอย...
     
    ตอนนี้เทอร์มิสกับพวกข้า...กำลังร่วมมือกันปิดบังเรื่องราวที่แท้จริงเกิดขึ้นกับพวกข้าที่บีลีฟ ว่าแท้ที่จริงแล้วมันมีเบื้องหลังที่ไม่อาจบอกได้เลยว่าอันตรายขนาดไหน หากครีอุสรู้เข้า เขาจะเต้นผางและตำหนักเทพอาจจะไม่สงบสุขอีก(อย่างที่เรียกได้ว่าตำหนักแตกหากครีอุสรู้ว่ามีเกลือเป็นหนอนอยู่ในตำหนักฯ) ‘เพราะฉะนั้นเจ้าจงอย่าให้เขารู้จะดีที่สุด’ นั่นคือข้อสรุปจากเทอร์มิส และเขาคงเลือกที่จะดำเนินการบางอย่างด้วยตัวเอง ทว่านั่นมันก็แค่การซื้อเวลาเท่านั้น ข้าไม่คิดหรอกว่าคนที่ความรู้สึกไวอย่างครีอุสจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของเขา...
     
    “จะว่าไป พวกเราอายุ 37 แล้วนะ อีกแค่สามปีพวกเราก็จะเกษียณกันทุกคนแล้ว...วันเวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ” เคเรสเอ่ยอย่างยิ้มแย้มขึ้นต่อบทสนทนาเมื่อเอ่ยถึงบรรดาลูกศิษย์ที่หนีหายไปหมดตำหนักเทพฯเมื่อครู่
     
    “ใครว่าอีกห้าปีต่างหาก ไม่ซิแค่สี่ปี... ตามทำเนียมพวกเราต้องรอจนกว่าว่าที่เทพอัศวินครีอุสจะอายุครบยี่สิบปีถึงจะผลัดเปลี่ยนรุ่นได้” อาร์เทมิส ยกน้ำชาขึ้นจิบอย่างช้าๆ เขานึกอยากจะใช้ปากเป่าให้มันเย็นเร็วขึ้นอีกซักนิด ทว่าเป็นกริยาที่ไม่สมควรเท่าไหร่จึงทำได้แค่ใช้ช้อนคนเบาๆ แล้วยกขึ้นจิบช้าๆ ต่างจากเฮฟเฟตัส ที่ชอบยกกระดกทั้งร้อนๆ แต่สุดท้ายก็มักถูกลวกจนต้องแลบลิ้นเล็กๆน่ารักออกมา จนไอซอทต้องส่งน้ำเย็นให้ดื่ม...
     
    “แฮะๆ นั่นซินะ... ที่จริง ที่ข้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากจะรู้ว่าหลังจากนี้พวกเจ้าจะไปทำอะไรกันบ้าง ข้ากับแอนน์อยู่ที่เมืองนี้ เปิดโรงฝึกยิงธนูสอนพวกเด็กๆ” เคเรสยิ้มหวานอย่างเคลิ้บเคลิ้มเมื่อกล่าวความฝันของตัวเอง แล้วกวาดดวงตากลมใสไปรอบๆ อย่างกระตือรือร้น
     
    “อนาคตของข้าน่ะมันมีด้วยเหรอ...” ครีอุสว่าพลางทำท่าบ่อน้ำแตกจากที่เมื่อครู่ยังสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยง “ข้าติดหนี้ท่านอาจารย์นีโอ... เห็นท่านว่าพอข้าเกษียณแล้วท่านก็จะมาตั้งรกรากในลีฟบลัดให้ข้าอยู่ปรนนิบัติใช้หนี้เสียเลยแน่ะซิ โอ้ องค์มหาเทพชีวิตของข้าทำไมมันถึงได้รันทดเช่นนี้” น้ำตาของครีอุสเริ่มรื้อขึ้นแล้วไหลพราก เคเรสตกใจเล็กน้อยรีบหาผ้าเช็ดหน้าให้เขา ค้นไปค้นมาก็มีแต่ผ้าเช็ดหน้าที่เจ้าหญิงแอนน์บรรจงซักแล้วอบน้ำหอมฟุ้งพับใส่กระเป๋า เจ้าตัวจะคว้าขึ้นมาแต่ก็ชะงัก มองครีอุสด้วยความรู้สึกผิดก่อนที่จะเก็บมันกลับลงเหมือนเดิม ดูท่าว่าคงจะหวงมันมากพอดู ก็ของภรรยาสุดที่รักนี่นะ
     
    เฮ้อ ข้ามองดูครีอุส...คิดว่ายังไงชีวิตหลังเกษียณของเขามันคงจะไม่เป็นอย่างที่เขาว่ามาแน่ๆ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเทอร์มิสจะยอมอยู่ห่างจากเขา บางทีพอถึงเวลานั้น... ข้าอาจจะขอให้ทุกคนช่วยยุ เทอร์มิสให้ไปขอครีอุสจากท่านอดีตเทพอัศวินครีอุสก็ได้ เขาจะได้สมหวังในรักซักที  เพราะข้าสงสารเทอร์มิสที่เจ้าตัวดีของเขาไม่เคยรับรู้ความในใจของเพื่อนสนิทที่สุดอย่างเขาเสียที และตอนนี้ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ฟูมฟายต่อไปจนเนเฟลทนไม่ไหวปรากฏตัวขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้...
     
    ไม่มีใครรู้ว่าเขาออกมาจากห้องสมุดและมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเพียงลอเรนที่นั่งมองการสนทนาอยู่ตลอดอย่างเงียบๆที่พอจะสังเกตได้ว่า ขนมเค้กนมสดล่องหนหายไปหนึ่งชิ้น เรื่องอนาคตของเนเฟลไม่มีใครคิดจะถามเขา คงไม่แคล้วเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดของตำหนักเทพฯต่อไปเรื่อยๆแน่นอน และตัวเขา...ลอเรนคิดเรียบง่ายเพียงแค่ว่าปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จ หลังจากนั้นเขาจะกลับไปในที่ๆ ‘ประมุขแห่งความตาย’ควรจะอยู่...”
     
    “ส่วนข้ายังไม่รู้...” เอกอนว่า อันนี้ข้าไม่ขอออกความเห็น บางทีเขาอาจจะขออยู่ทำงานฟรีในลานลงทัณฑ์ของเทอร์มิสรุ่นถัดไปต่อก็ได้
     
    “ข้าจะกลับไปดูแลร้านเบเกอร์รี่ของพ่อข้า...”นี่ก็เป็นอีกคนที่ไม่มีใครคิดจะถาม แต่ไอซอทก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงนิ่งๆ... ทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ร้านเทพอัศวิน เบเกอร์รี่ของพ่อ ของไอซอทก็มีชื่อเสียงในลีฟบลัดไม่แพ้ร้านพายบลูเบอร์รี่เจ้าประจำของครีอุสนักหรอก
     
    “...ส่วนข้าอาสาเป็นผู้ช่วยสารพัดประโยชน์ของไอซอทแล้วเรียบร้อย ที่อยู่ที่กินฟรีไม่ต้องเสียซักเหรียญเดียว” เฮฟเฟตัสว่าอย่างร่าเริง ข้าเห็นสายตาทุกคนมองไปทางไอซอท ประมาณว่าร้ายนักนะไปแอบตกลงกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เอาเถอะเรื่องของสองคนนี้ข้าเองก็พอจะรู้เป็นนัยๆอยู่บ้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะกลายเป็นแบบนี้
     
    “ข้าก็จะอยู่กับชาร์ล็อตต์(ภรรยา) เปิดกิจการโรงแรมเล็กๆ น่ารักๆ อย่างที่นางชอบในลีฟบลัดเหมือนกัน” ใบหน้างามที่แฝงแววเหย่อหยิ่งอยู่เป็นนิจออกแววเคลิ้มฝัน “แต่ว่าเงินเก็บของข้ายังมีไม่พอเลย เทมเพสข้าขอยืมเจ้าก่อนได้ไหม?”
     
    หะ หา...? ไหงมันมาลงที่ข้าได้ล่ะ
     
    “เงินเก็บข้าไม่ได้มีเยอะขนาดที่พอจะให้เจ้ายืมหรอกนะ...” ข้าหัวเราะแกนๆ เงินเดือนๆหนึ่งของข้ามักจะหมดไปกับงานเลี้ยงฉลอง... ไม่ใช่งานเลี้ยงฉลองทั่วๆไปของชาวบ้านหรอกนะ แต่เป็นงานเลี้ยงปลอบใจพวกลูกน้องในหน่วยของข้าเองที่ต้องตรากตรำช่วยข้าทำงานหนักเอามากๆ เพราะเจ้าครีอุสที่มักจะโยนงานมาให้เสมอๆ พอทำงานมากๆเข้า เจ้าพวกนั้นก็เริ่มโวยวายจนข้าต้องพาไปเลี้ยงปลอบขวัญบ่อยๆ แล้วแต่ละครั้งๆ ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลยนะ
     
    “แล้วเจ้าล่ะเทมเพส วางแผนไว้ว่ายังไง...” ครีอุสที่หยุดร้องไห้เป็นคนเอ่ยถามข้า ข้าชะงักกับคำถามนี้ ข้า...ข้าหรือ ข้าจะทำยังไงกับชีวิตหลังเกษียณของข้าดี ขาไม่เคยมีเวลาคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังมาก่อนจนกระทั่ง...ที่โยแลนด์..ข้าหวนนึกถึงเรื่องที่องค์รัชทายาทคาเฟลเคยตรัสกับข้า
     
    “ถ้าเช่นนั้น... ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ไหม มาเป็นอัศวินราชองครักษ์ประจำตัวข้าเป็นอย่างไร”
     
    นั่นนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งทว่า....
     
    “ข้า...” ข้าเป็นห่วงครีอุส เพราะเขาจะต้องอยู่ที่เมืองนี้ไปตลอดจนกว่าพลังมืดในโลกนี้จะกลับสู่สภาวะสมดุล ข้าอยากจะอยู่ที่ลีฟบลัดเป็นเพื่อนเขา ทว่าเดิมทีข้าไม่ใช่คนเมืองนี้และไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ทำอะไรที่ลีฟบลัด ตอนนี้ข้ายังไม่มีเป้าหมายชีวิตในอนาคตเลย...
     
    “เจ้าชายคาเฟลเคย ทาบทามข้าให้ไปอยู่ที่โยแลนด์... แต่ข้ายังไม่ได้ตอบตกลง” ข้าเลือกที่จะพูดไปตรงๆ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้เช่นไร แต่ว่าข้าคิดผิด... ครีอุสเอ่ยถามข้าด้วยแววตาที่ข้าไม่อยากเห็นแต่น้ำเสียงของเขากลับเจือแววโมโหนิดๆ
     
    “เพราะข้าหรือเปล่า เทมเพส...”
     
    “...ข้าเคยบอกมาตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าไม่จำเป็นจะต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าที่ลีฟบลัดกันทุกคนหรอก... ข้าอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิตและไม่เคยคิดจะอยากไปที่ไหน ขอเพียงแค่เจ้ามาพบข้าทุกครึ่งปีก็พอแล้ว”
     
    “ไม่ใช่ แบบนั้นครีอุส ข้าเพียงแต่ไม่รู้ว่าจะตอบปฏิเสธพระองค์ยังไงก็เท่านั้น” จดหมายขององค์รัชทายาทคาเฟลที่ส่งถึงข้านั้นมีมาตลอดไม่เคยขาดนับแต่ข้ากลับมาจากโยแลนด์ จนข้าเองก็ลำบากใจไม่น้อยที่จะปฏิเสธไมตรีของเขา ถ้าหากไม่มีเรื่องของครีอุส บางทีข้าอาจจะไปอยู่ที่โยแลนด์จริงๆ ก็ได้
     
    “ข้าพูดจริงๆนะเทมเพส หากว่านอกจากเรื่องของข้าแล้ว ยังไม่มีอะไรในลีฟบลัดที่จะรั้งเจ้าไว้ได้ เจ้าก็ไปเถอะ” เสียงของครีอุสทอดอ่อนลง ให้ข้าได้คิด ข้ารู้ว่าครีอุสไม่ต้องการให้ตนเองเป็นตัวถ่วงของใคร แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นว่าเขาจะเป็นภาระของข้าซักครั้ง เหตุผลอื่นที่จะรั้งข้าเอาไว้ในลีฟบลัดอย่างนั้นหรือ...ข้าเผลอลูบกำไลที่ข้อมือซ้ายของตัวเองอย่างแผ่วเบาและเหม่อลอย
     
    ++++++++++++++++
     
    หลายวันต่อมา...
     
    ในที่สุดเรื่องที่พวกข้าปิดบังเอาไว้ก็ถูกครีอุสล่วงรู้เข้าจนได้ หากแต่เหตุการณ์รอบๆตัวกลับยังดูสงบ... สงบมากเกินไป! คนอย่างเกรเซียส ครีอุส ไม่มีทางที่จะปล่อยให้คนที่อาจเป็นภัยต่อพี่น้องเทพอัศวินและตำหนักเทพไปง่ายๆแน่! นี่คงจะเป็นความสงบก่อนหน้ามรสุมครั้งใหญ่
     
    ครีอุส เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ความวิตกกังวลในเรื่องนี้ทำเอาข้าหายใจไม่คล่อง เขาจะทำเรื่องแบบไหนกันถึงได้ต้องเอาตัวลอเรน ฮาเดสผู้ช่วยมือดีของข้าหายไปด้วย... โชคยังดีที่เลนนารด์ลูกศิษย์ของข้ากลับมาแล้ว จึงพอจะช่วยงานข้าได้
     
    “...” การทำงานเป็นไปอย่างเงียบสงบ ท่ามกลางเอกสารกองโตที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักจบจักสิ้น
     
    “เฮ้อ...” ข้าถอนหายใจ ในหัวสมองของข้าตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องงานอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนอนบ่อนไส้ เรื่องของครีอุส เรื่องชีวิตหลังเกษียณของข้า และ... เรื่องของเขา...
     
    เอ่อ... ตอนนี้คงต้องเพิ่มเรื่องของลูกศิษย์สุดที่รักของข้าอีกคน ตั้งแต่เขารีบแล่นจากกัลซินก์กลับมาหาข้าทันทีที่ได้ข่าวว่าข้าเฉียดตาย โดยมีโอกาสพบกับท่านนีโอ อดีตเทพอัศวินครีอุสเพียงแค่เดี๋ยวเดียวก็ละทิ้งพี่น้องคนอื่นๆมาทันที ข้าจับสังเกตได้ว่าเขาไม่ค่อยจะร่าเริงเหมือนแต่ก่อน วันๆเอาแต่ทำหน้าอมทุกข์ เรื่องนี้ ข้าที่เป็นอาจารย์ของเขาจะปล่อยผ่านไปเลยก็กระไรอยู่
     
    “เลนนาร์ด เจ้ามีเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้ากลุ้มใจอยู่หรือเปล่า” เด็กชายชะงักเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองข้า
     
    “ไม่มีขอรับ ข้าสบายดี” เลนนาร์ดฉีกยิ้มกว้างให้ข้า ไม่นานก็หลุบสายตาลงไปจดจ่อกับกองเอกสารอย่างตั้งอกตั้งใจต่อไป แต่แววตาของเขาที่คล้ายกับกลัดกลุ้มเรื่องราวบางอย่างเมื่อครู่มันฟ้องว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด
     
    “เจ้าพูดจริงหรือ...ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังยุ่งยากหัวใจอยู่หรือไง ข้าว่าข้ามองเจ้าไม่ผิดหรอกนะ” ข้าเดินไปยืนข้างๆเขาแล้วเอาศอกท้าวไหล่ของเขา แล้วพูดเสียงยานคางสบายๆ
     
    “ท่านอาจารย์ขอรับ เพียงแค่ลำพังเรื่องงานท่านก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว ข้าไม่อยากจะเอาเรื่องยุ่งยากของข้าไปขอรับ เสียสุขภาพของท่านเปล่าๆ” เจ้าเด็กโง่ของข้ายังคงปากแข็ง ข้าเลยออกแรงกดหนักๆลงบนหัวไหล่ของเขาแบบโถมลงไปทั้งตัว เลนนาร์ดร้องโอดโอยทำเป็นไหล่ทรุดพยายามปัดศอกข้าออก
     
    “ก็ได้ขอรับ ข้าจะพูดแล้ว ท่านอาจารย์อยากรู้ก็ถามข้าดีๆซิ ไม่เห็นต้องใช้กำลังกับข้าเลย”
     
    “ข้าถามเจ้าดีๆไปแล้วนะ...” แล้วอีกอย่างข้าแกล้งเจ้าแค่นี้มันยังไม่ถึงครึ่งของว่าที่เทพอัศวินครีอุสที่โดนอาจารย์ของตัวเอง ‘เอ็นดู’เลย...
     
    “...” เขาเงียบไปซักพักคล้ายกำลังเรียบเรียงเรื่องราวบางอย่าง ทำให้ข้าเลือกที่จะรอฟังเงียบๆ
     
    “ท่านอาจารย์ขอรับ ท่านคิดว่าการทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องสมควรแล้วในความคิดของเรานั้น มันจะดีที่สุดเสมอไปหรือเปล่าขอรับ...”
     
    “...”
     
    “...ข้าได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมากลงไปกับพี่น้องของตัวเอง”
     
    “หมายความว่าเจ้าได้ทำเรื่องที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับทุกคน...ทว่ามันไม่ถูกต้องซินะ แถมผลที่ออกมายังเลวร้ายอีกด้วย” ข้ายิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา เรื่องแบบนี้มันทำให้ข้านึกถึง เกรเซียส ครีอุส... เขามักจะเป็นคนเจ้าแผนการที่คิดเองเออเองเพียงแค่คนเดียว แต่ทว่าบางครั้งมันก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนพวกเราเทพอัศวินทั้งสิบสองต้องวิ่งวุ่นจัดการกันจนหัวหมุน อย่างเรื่องที่ครั้งหนึ่งเขาเคยตัดสินใจไปเป็นเจ้าชายปีศาจนั่นจนเกือบไม่ได้กลับมานั่นอย่างไรล่ะ และถึงแม้ว่าสิ่งที่เกรเซียสคิดว่าดีที่สุดสำหรับพวกเราทุกคนจะกลายเป็นเรื่องผิดพลาด แต่ทุกอย่างก็ย่อมมีทางแก้ไข โดยเฉพาะกับเลนนาร์ดที่สำนึกผิด... ข้าไม่คิดว่ามันจะสายเกินแก้
     
     ฮึ เด็กหนอเด็ก นี่ข้าควรจะบอกเรื่องพวกนี้ กับเขายังไงดีนะ
     
    “เจ้าบอกว่าเจ้าทำสิ่งที่ผิดพลาดเจ้าเคยขอโทษพวกเขาหรือนำมันไปปรึกษากับพี่น้องคนอื่นบ้างไหมว่าพวกเขาคิดยังไง ถึงทุกคนจะยังเด็กกว่าเจ้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีความคิดอะไรดีๆนี่”
     
    “ข้าควรจะพูดความจริงหรือ...” เลนนาร์ดดูเหม่อลอยทอดสายตาออกไปไกลอย่างใช้ความคิด
     
    หมายความว่าเรื่องที่ว่าผิดพลาดคือเรื่องที่เขาไปโกหกคนอื่นมาล่ะซินะ เอาล่ะข้าไม่ควรไปรบกวนความคิดของเขา ข้าควรปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆซักพัก
     
    ก๊อกๆ
     
    เสียงเคาะประตูดังขึ้น เลนนาร์ดหลุดออกจากห้วงภวังค์ของตนเองแล้วตะโกนถามคนที่มาแทนข้า
     
    “ข้าเองอาร์เมล...” หัวใจของข้ากระตุกวาบ เป็นเขา...
     
    “เข้ามาซิ... เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือเปล่า” ตั้งแต่วันที่เขามาเยี่ยมข้าเป็นการส่วนตัวและมอบดอกไม้ให้ เขาก็ไม่ค่อยได้แวะเวียนมาพูดกับข้าซักเท่าไหร่ แล้วทำไมวันนี้...
     
    “เห็นว่าลอเรนถูกครีอุสเรียกตัวไป คงจะไม่มีใครช่วยงานเจ้าพอดีว่าข้าว่างก็เลย...” สายตาของอาร์เมลมองตรงไปยังลูกศิษย์ของข้าที่นั่งจมกองเอกสารอยู่โต๊ะข้างๆข้าทำท่าอึกอักแล้วเงียบไป หรือว่าอาร์เมลไมรู้ว่าเลนนาร์ดกลับมาแล้วและเกรงใจพวกข้าเลยไม่กล้าเข้ามา
     
    ข้ายิ้มให้เขาแล้วพูด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เจ้ามาช่วยข้าอีกแรงก็จะดีมากเลยอาร์เมล เลนนาร์ดช่วยงานข้าจนสภาพใกล้จะแย่อยู่แล้ว เขาจะได้ไปพักบ้าง” เท่านั้นล่ะ ข้าถึงได้เห็นรอยยิ้มกว้างของเขา จนข้าหัวเราะอดแซวไม่ได้ว่า
     
    “ข้าไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่มีความสุขเวลาที่ได้ทำงานขนาดนี้ เจ้านี่เป็นพวกบ้างานยิ่งกว่าข้าเสียอีก” กลายเป็นว่าอาร์เมลหน้าแดงเขินๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ใครจะไปบ้างานได้เหมือนอย่างเจ้ากัน”
     
    “ใครว่าข้าบ้างาน? ข้าไม่ได้มีความสุขกับการที่ต้องมานั่งจมจับเจ่าอยู่กับกองเอกสารซักนิด แต่ถ้าข้าไม่ทำงานพวกนี้และปล่อยให้ครีอุสจัดการมันตามยถากรรมข้ายิ่งไม่มีความสุขยิ่งกว่า เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตำหนักเทพของเราจะถล่มลงมา...” ข้าหัวเราะเฝื่อนๆ เลนนาร์ดเองก็แอบขำ เจ้าเด็กนี่คอยดูเถอะว่าอนาคตของเจ้าหลังจากที่ข้าเกษียณไปแล้ว เจ้าต้องทำงานคนเดียวเต็มๆจะยังยิ้มออกอีกหรือเปล่า
     
    เลนนาร์ดเห็นว่าข้ามองเขาเลยกระแอมเล็กๆ แล้วฉีกยิ้มกว้างบอกว่าไหนๆข้าก็มีคนมาช่วยงานแล้วเขาจึงขอตัวออกไปข้างนอก เขาบอกว่าเขาควรจะไปเยือนอารามเทพซักทีเพราะว่าเขาไม่ได้ไปที่นั่นมานานมากจนกลัวว่าบรรดาแฟนคลับของเขาจะลืมหน้าไปเสียก่อน... ก่อนไปเขายังแอบซ้อมส่งสายตาให้ข้ากับอาร์เมลอีกด้วยเจ้ากลัวจะลืมหรืออย่างไรว่าการขยิบตาน่ะมันต้องทำยังไง...
     
    เมื่อประตูปิดลงสนิทอาร์เมลจึงเรียกข้า
     
    “เอ่อ...เมื่อกี้ระหว่างทางข้าเจอเคเรสด้วย เขากำลังจะเอาจดหมายมาให้เจ้า ข้าเลยอาสาเอาให้เจ้าเอง” อาร์เมลยื่นซองจดหมายที่คุ้นตาให้ข้า
     
    “ใครส่งจดหมายมาให้เจ้าหรือ ทำไมถึงต้องฝากเคเรสมาด้วย...”
     
    “จดหมายของเจ้าชายคาเฟลน่ะ พระองค์จะทรงส่งจดหมายถึงเจ้าหญิงแอนน์ตลอดทุกสัปดาห์ เมื่อคราวก่อนเผอิญว่าข้ากับเขาคุยกันถูกคอเลยต่อติดกันเรื่อยๆผ่านทางเจ้าหญิงแอนน์...” (ใช้คนส่งสารที่ส่งให้เจ้าหญิงแอนน์เหมือนเดิมแต่เพิ่มจดหมายอีกหนึ่งฉบับเสร็จแล้วก็ฝากมาทางเคเรส)
     
    “อย่างนั้นหรือ...ทุกสัปดาห์เลยหรือ...” คล้ายกับว่าอาร์เมลพูดพึมพำกับตัวเองข้าจึงไม่ตอบแล้วเปิดจดหมายอ่านข้อความในจดหมาย
     
    ++++++++++++++++++++
     
    ทำไม ตั้งตั้งอกตั้งใจอ่านมันขนาดนั้นแล้วอ่านไปยิ้มไปด้วย... เทพอัศวินอาร์เมลตัวแทนแห่งศิลารู้สึกอยากจะไปดึงกระชากจดหมายฉบับนั้นแล้วฉีกทิ้ง ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกเขาจะไม่มีวันยอมถือจดหมายฉบับนี้มาเด็ดขาด และจะตามไปดักทางเคเรสทุกสัปดาห์เพื่อไม่ให้จดหมายนั่นมาถึงมือของเทมเพส
     
    อาร์เมลนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปซักพัก อยู่ลมสายหนึ่งก็กระโชกแรงผ่านหน้าต่างเบื้องหลังโต๊ะทำงานจนพัดเอาเอกสารที่เทมเพสลืมเอาที่ทับวางไว้จนกระจัดกระจายเต็มห้อง เทมเพสร้องขึ้นอย่างหัวเสีย เร่งเดินเก็บรวบรวมเอกสารอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่ามันจะสูญหาย ข้าเลยรีบลุกไปช่วยเขาด้วย
     
    อะ โครม!
     
    ข้ารีบลุกขึ้นมาจนชนโต๊ะกระแทกเอากองเอกสารสูงที่วางอย่างหมิ่นเหม่ตกลงมาอีกกอง
     
    “ข้าขอโทษ...ข้าจะเก็บให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ” สายตาของเทมเพสที่มองข้าอย่างกับว่าจะเผาข้าให้เป็นจุลมันเย็นยะเยือก  ข้าไม่น่าซุ่มซ่ามเลย
     
    “ใต้เท้าของเจ้า...” ข้าก้มลงมองตามคำบอกของเทมเพส น้ำหมึกสีดำสนิทนองพื้นไหลซึมไปตามแผ่นกระดาษแต่ละแผ่น ขวดน้ำหมึกและฝาปิดที่เคยตั้งอยู่บนโต๊ะของข้ากระเด็นแยกกันอยู่ไปคนละทิศคนละทาง
     
    “เหวอ!!!” ข้าร้องเสียงสูงอย่างตื่นตระหนก ซวยแล้วไง ใครๆต่างก็รู้ดีว่าเทพอัศวินไอซอทนั้นรักขนมหวานที่เขาทำเองขนาดไหน หากใครไปเหยียบมันเข้าอย่างเทพอัศวินครีอุสจะมีจุดจบเช่นไร แต่สำหรับเทมเพสใครจะรู้บ้างว่า การที่ข้าบังอาจทำลายกองเอกสารที่ใกล้เสร็จแล้วของเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง!
     
    สายลมนิ่งสนิท ข้ายืนค้างหน้าซีด!
     
    “เอ่อ... ข้าควรจะทำ...ยังไง?” ไม่ไหวแล้วเทมเพสก้มหน้าไอทมิฬเริ่มเข้าครอบคลุมไปรอบๆตัวของเขาอย่างคุกรุ่น เจ้าของหน้าใบที่สบายๆ ไม่แยแสต่อสิ่งใดๆในโลกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นของเทพอัศวินเทมเพสเงยหน้าขึ้นมองข้าแล้วยิ้ม
     
    “ไสหัวของเจ้าไปซะ...” เหมือนสายลมที่กระหน่ำพายุหิมะเข้าใส่ในหัวใจของข้า...ข้าไม่มีหน้าไปหาเขาอีกแล้ว
     
    ฮือ... ข้าอยากจะร้องไห้แล้วเอาหัวโขกกำแพงให้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ข้าคิดว่าข้าจะโดนเทมเพสกระทืบอย่างที่ครีอุสเคยโดนเวลาที่ทำเขาโมโหมากๆจนน็อตหลุด แต่เขากับไล่ตะเพริดข้าออกมาอย่างไม่ไยดี ให้เขาทุบตีข้ายังดีซะกว่ามองข้าด้วยสายตาอาฆาตแบบนั้น มันทำให้ข้าเข้าหน้าเขาไม่ติด
     
    ไม่ถึงห้านาที ข้าให้ให้เทพอัศวินแถวๆนี้ไปตามเลนนาร์ดไปช่วยเทมเพสจัดการกองเอกสารแทนข้าแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่อยากจะกลับห้องเลยมานั่งเหม่ออาการเอ๋อรับประทานให้นกมาทำรังอยู่ตรงสวนหย่อมริมอารามเทพฯ
     
    “ท่านหัวหน้า ท่านมาอยู่ที่นี่เอง...” เสียงของรองหัวหน้าหน่วยของข้าดังขึ้นเรียกสติสะตังของข้ากลับมา
     
    “มีเรื่องอะไรหรือ...”
     
    “ท่านหัวหน้าเทพอัศวินเทอร์มิสต้องการพบท่านหัวหน้าขอรับ”
     
    คงจะเป็นเรื่องของครีอุส...
     
    อาร์เมลพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ช้าๆอย่างห่อเหี่ยวก่อนที่จะออกเดินทางไปพบกับเทพอัศวินเทอร์มิสที่ลานลงทัณฑ์โดยไม่รู้ว่าตนนั้นได้ทำสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งหล่นลงไปกลับพื้น
     
    อาหารกลางวันฝีมือของภรรยาที่เต็มไปด้วยความรัก อร่อยกว่าอาหารในโรงอาหารของตำหนักเทพฯนัก...
     
    เทพอัศวินอาร์เทมิสที่เดินออกมาจากกลางสวนหย่อมที่ใช้เป็นที่รับประทานอาหารเมื่อครู่ กำลังมุ่งหน้ากลับตำหนักเทพฯเพื่อเตรียมตัวทำงานในช่วงบ่าย ระหว่างทางเท้าขวาของเขาเหยียบเข้ากับบางสิ่งบนพื้นที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าเล็กๆ เขาจึงย่อตัวลงคว้าสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าทั้งที่หน้าเชิดอยู่อย่างง่ายดายเพราะพิกัดแน่ชัดไม่ต้องคลำหาเช่นคราวที่เขาทำที่คั่นหนังสือของตนเองหล่น... 
     
    ถุงผ้าขนาดเท่าฝ่ามือ?... อาร์เทมิสกระพริบตาปริบๆมองดูถุงกำมะหยี่ใบน้อยอย่างชั่งใจ เขาไม่อยากละลาบละล้วงของของคนอื่น แต่ว่าถ้าไม่เปิดดูแล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่อยู่ในถุงนี้คืออะไรและเป็นของใคร เพราะว่าบางทีสิ่งที่อยู่ในถุงนั่นอาจจะเป็นเบาะแสชี้ตัวคนร้าย เอ๊ย เจ้าของก็ได้...
     
    กำไลผู้หญิง? ไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไงกับการที่คนๆหนึ่งไม่สวมมันเอาไว้แต่เก็บเอาไว้ในถุงผ้าที่สวยงามจนทำหล่นเอาไว้ หรือว่าเจ้าของของมันจะไม่ใช่ผู้หญิงเลยสวมมันไม่ได้ ลักษณะแบบนี้มันเหมือนกับการพกของของคนรักเพื่อเป็นสิ่งแทนใจ หรือไม่ก็ของกำนัลที่เตรียมซื้อให้คนรักมากกว่า ดูท่าทางว่าเป็นของมีราคามากเสียด้วย ยังไงก็คงต้องตามหาเจ้าของกันหน่อยล่ะ 
     
    ว่าแต่ลวดลายแบบนี้ออกจะคุ้นตาอยู่ซักหน่อย เขาเคยเห็นที่ไหนหรือเปล่า?... อาร์เทมิสยืนหลับตานิ่งขมวดคิ้วจนแน่นเป็นปมใช้ความคิดอย่างหนัก...
     
    คล้ายๆกับว่าเคยเห็นที่... ที่... ที่ไหนไม่รู้เขาจำไม่ได้เสียแล้วทั้งๆที่เขาจำได้แล้วว่าเคยเห็นของคล้ายๆกันนี้แน่ๆ แต่ทว่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่นอก
     
                    โธ่เว้ย! นึกไม่ออกก็ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะต้องมาเครียดเสียหน่อย ถ้าเป็นของสำคัญจริงๆประเดี๋ยวเจ้าของก็ออกตามหาเองนั่นแหละ เจอเมื่อไหร่ก็คืน จบ... จริงซิตอนนี้ข้าควรจะต้องรีบไปหาเทอร์มิสที่ให้คนไปตามเขาเข้าประชุม ขืนไปสายไม่ดีแน่ๆ... ว่าแล้วเทพอัศวินตัวแทนแห่งตัวจันทร์ก็รีบจ้ำเดินออกไป
     
    +++++++++++++++++++++++
     
    ณ ห้องทำงาน เทพอัศวินเทมเพสชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำเงินที่กำลังนั่งแก้เอกสารอยู่มุมห้องด้วยความรวดเร็วและถูกต้องอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่ในหัวกำลังคิดเรื่องอื่นไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าซักเท่าไหร่
     
    เมื่อครู่ข้าต่อว่าเขาแรงไปหรือเปล่านะ... อันที่จริงเมื่อครู่อาร์เมลตั้งใจจะมาช่วยงานข้าแท้ๆ แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาสร้างแรกยุ่งยากเพิ่มงานให้ข้า ไม่เหมือนกับครีอุสที่มักจะสร้างเรื่องยุ่งๆยากให้ข้าบ่อยๆ แล้วข้าไปโมโหใส่เขาแบบนั้นมันถูกต้องแล้วรึ?
     
    ไม่ มันไม่ถูกต้อง ข้าไม่ควรปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ข้าไม่ควรเอาความหงุดหงิดที่ข้ามีไปลงกับเขา เขาต้องเสียใจมากๆแน่ๆ
     
    ใครๆอาจจะไม่รู้แต่ข้านั้นรู้ดีว่า คนที่ดีแต่หัวแข็งและดื้อรั้นอย่างอาร์เมลนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นและอ่อนไหวขนาดไหน ตลอดระยะเวลาที่ข้าร่วมเดินทางกับเขาไปที่โยแลนด์ แม้ว่าข้าออกจะ...เอ่อ จู้จี้กับเขาไปนิด แต่เขาก็ไม่เคยต่อว่าข้าซักคำ และเขาก็ดีกับข้ามากๆด้วย
     
    ข้าควรจะไปขอโทษเขา...
     
    “เลนนาร์ด...เจ้าทำงานไปคนเดียวก่อนข้ามีธุระเล็กน้อยที่จะต้องไปทำ ซักชั่วโมงนึงแล้วจะกลับมา”
     
    “ขอรับท่านอาจารย์... งานเหลืออีกไม่มากเท่าไหร่ข้าจัดการเองได้ขอรับ”เด็กชายรุ่นหนุ่มมองดูผู้เป็นอาจารย์จากไปแล้วเหลือบมองดูกองงานเอกสารแล้วแอบเหงื่อตกเล็กน้อยกับปริมาณของงานที่เหลืออยู่โดยเฉพาะในส่วนงานของเทพอัศวินครีอุสที่หมู่นี้ยิ่งไม่สนใจการงาน (เนื่องจากเตรียมการเคลื่อนไหวลับๆกับอาร์เดอยู่) จึงทำให้มีงานคั่งค้างมากเป็นพิเศษ “เฮ้อ... ถ้าโบรด์เวนอยู่ด้วยก็ดีน่ะซิ” บ่นไปก็เท่านั้นสู้เอาเวลามาทำงานดีกว่า...
     
    ก๊อกๆ
     
    “นั่นใคร” เสียงของเทพอัศวินแห่งศิลาดังขึ้นจากในห้อง
     
    “ข้าเอง...เทมเพส”
     
    โครมๆๆ เสียงอะไรบางอย่างในห้องดังสนั่นลั่นตำหนักฯ ข้ายืนสงสัยได้ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกข้าเห็นกองงานเอกสารเป็นตั้ง(แต่ไม่เท่าของข้า)ล้มกระจายกระจายเต็มพื้น
     
    “ขอโทษที ห้องของข้ารกไปหน่อย” กระดาษแผ่นหนึ่งแผ่วลงมาตกอยู่บนศีรษะของเทพอัศวินอาร์เมล... เขาคว้ามันขึ้นมาแล้วนำมันไปวางรวมกันกับงานแผ่นอื่นๆที่ยังอยู่ดีชั้นวางเอกสารและรีบเก็บแผ่นกระดาษที่ปลิวว่อนตกไปทั่วทั้งพื้นท้อง
     
    ข้าเห็นดังนั้นจึงนั่งลงไปช่วยเก็บแล้วเคาะๆรวมไว้เป็นตั้งโดยไม่ทันได้แยกแยะประเภท งานนี้ข้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาร์เมลทำเอาเองก็แล้วกัน ข้าจะไม่ช่วยถือเสียว่าเป็นการเอาคืนเล็กๆจากข้า ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวกับข้าเลยซักนิด
     
    “เอ่อ... เจ้าไปนั่งที่เตียงก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าเก็บเอง”
     
    “ก็ได้” ข้าตอบเสียงยานแล้วขึ้นไปนั่งท้าวคางมองดูอาร์เมลที่ตัวใหญ่เทอะทะกำลังก้มๆเงยๆ เก็บงานกลางห้อง ข้าว่างเลยมองไปรอบๆห้องของเทพอัศวินแห่งศิลาที่ข้าไม่เคยมีโอกาสเข้ามาก่อนหน้านี้เลยซักครั้ง...
     
    “จัดห้องได้น่าอยู่นะ” ข้ามองต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆ ที่บางต้นกำลังออกดอกสีสันน่ามอง อยู่ริมหน้าต่าง นี่เขาวางเอาไว้ดักคน(ผู้หญิง)ที่จะปีนเข้าหาหรือไง... ข้าอดขำน้อยๆออกมาไม่ได้เมื่อคิดถึงสภาพของอาร์เมลที่แคว้นโยแลนด์
     
    “ข้าไม่ได้ตกแต่งห้องอะไรมากมายเสียหน่อย มีแค่ของใช้จำเป็นเท่านั้นเอง”
     
    “ก็เพราะว่าไม่มีอะไรมากนะซิถึงได้น่าอยู่... ห้องของข้าน่ะเจ้าก็เห็นว่ามันจะไม่มีที่เหลือให้ข้าอยู่ๆแล้ว” ห้องของเทพอัศวินเทมเพสน่ะมันไม่ได้กว้างขวางหรอกนะ อันที่จริงขนาดก็พอๆกับห้องของคนอื่นๆนั่นล่ะ เพียงแต่ว่าพื้นที่ในห้องถูกจับจองด้วยบรรดาชั้นวางเอกสาร 3 ชั้น ตู้หนังสือ 2 หลังใหญ่ โต๊ะทำงานหลักของข้า ล่าสุดข้าพึ่งจะสั่งให้คนไปยกโต๊ะทำงานมาเพิ่มให้กับคนที่จะมาเป็นผู้ช่วยของข้าใช้บางทีก็เป็นลอเรน แต่โดยส่วนมากมันจะถูกจับจองโดยลูกศิษย์สุดที่รักของข้าเสียมากกว่า นี่ข้ายังไม่นับรวมถึงเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าของข้าอีกนะ พวกเจ้าคิดเอาเถอะว่าไอ้ห้องโล่งๆ กว้างของอาร์เมลที่มี โต๊ะ ตู้ เตียงแค่อย่างละหนึ่งมันน่าอิจฉาขนาดไหน....
     
    “เสร็จเสียที” อาร์เมลวางกระดาษปึกสุดท้ายลงบนโต๊ะหลังจากที่เสียเวลาเก็บและแยกแยะอยู่นานพอสมควร
     
    เขาจ้องหน้าข้าที่นั่งมองเขาอยู่นิ่งๆตลอดเวลา แล้วเอ่ยถามข้าด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆไม่มั่นใจเล็กน้อย
     
    “เจ้ามาที่ห้องของข้า...มะ...มีธุระอะไรหรือเปล่า”
     
    “ข้ามาเพราะว่าอยากจะขอโทษเจ้า เรื่องเมื่อกลางวัน... ที่ข้าอารมณ์เสียใส่เจ้าทั้งที่นั่นเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ทั้งๆที่เจ้าหวังดีกับข้าแท้ๆ ข้าขอโทษจริงๆ”
     
    “ไม่ ไม่ ไม่เทมเพส ข้าไม่ได้โกรธเจ้าเลยนะ ข้าเสียอีกยังกลัวว่าเจ้าจะยังเคืองข้าอยู่ด้วยซ้ำ” ตัวแทนแห่งศิลาพูดเสียงระล่ำระลักกลัวข้าไม่เชื่อ
     
    “เฮ้อ... ข้าค่อยโล่งใจหน่อยกลัวเจ้าจะเก็บไปคิดมากแทบแย่” ข้าถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วขยับรอยยิ้มขี้เล่นของข้า “เอาเป็นว่าถ้ายังไงโอกาสหน้าเจ้าก็ไปช่วยงานข้าที่ห้องบ่อยๆก็แล้วกัน รับรองว่าคราวนี้ข้าจะตัดขาโต๊ะทิ้ง แล้วใช้เวทย์ลมให้มันลอยแทนเจ้าจะได้ไม่สะดุดมันอีกแล้วก็เปลี่ยนขวดน้ำหมึกออกใช้เป็นแท่งฝนหมึกแบบตะวันออกให้เจ้าใช้แทน เจ้าว่าดีไหม?”
     
    “เจ้ายังยอมให้ข้าไปพบเจ้าที่ห้องได้อีกหรือ?” อาร์เมลถามข้าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนยินดี นี่เขาเป็นบ้าประสาทกลับ กลายเป็นคนบ้างานไปจริงๆแล้วใช่ไหม ถึงอยากจะไปช่วยงานข้านัก
     
    ข้าพยักหน้ารับ และนั่นยิ่งทำให้เขาดีใจเอามากๆจนเข้ามาโผกอดข้าแล้วรัดตัวข้าเสียแน่น...เจ้าจะดีใจมากเกินไปหน่อยแล้วนะอาร์เมล ข้าชักจะหายใจไม่ออกแล้ว... ข้าพยายามจะผลัดเขา ดันตัวเขาออกแต่ว่าไม่ขยับซักนิด ทว่าการกระทำของข้าชะงักลงเมื่ออาร์เมลพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
     
    “เจ้ารู้ไหมว่าข้ากลัวเจ้าจะโมโหข้า เกลียดข้าแทบตาย...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนี้หรือเรื่องไหน”
     
    “...”
     
    “...คราวก่อนที่ข้าพาเจ้ากลับที่ตำหนักเทพฯโดยไม่ทำตามตามคำขอของเจ้า...”
     
    “ข้าทำผิดสัญญา ข้ามันเอาแต่ใจ จนเกือบจะทำให้ครีอุสตั้งเสียสละตัวเองอีกครั้งทั้งที่ตัวเขาเองก็ย่ำแย่เต็มที ข้ากระทำในสิ่งที่เห็นแก่ตัวเพียงเพราะข้าไม่อยากที่จะสูญเสียเจ้าไป...”
     
    อาร์เมลคลายอ้อมกอดจากข้า สายตาที่ผิดแปลกไปจากเดิมของเขาจับจ้องมายังข้า ภาพช่อดอกคาเมเลียปรากฏขึ้นซ้อนในความคิด นั่นทำให้ข้ารู้สึกร้อนวูบอย่างประหลาด จนข้าไม่อาจที่จะทนอยู่กับเขาสองคนในห้องในได้อีก
     
    “ขะ...ข้า... ได้เวลาที่ข้าต้องกลับไปแล้ว ไว้โอกาสหน้าข้าจะมาเยี่ยมเยือนเจ้าใหม่”ข้าเร่งเดินไปยังประตูห้องแล้วเปิดออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อประตูห้องของอาร์เมลปิดลง ข้าหยุดยืนค้างก้มหน้าลงเอามือปิดใบหน้าที่แดงซ่าน...ความรู้สึกภายในจิตใจของข้ามันปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก เจ้าบ้าอาร์เมลอยู่ๆทำไมถึงได้มาพูด มาทำแบบนี้กับข้า สิ่งที่เจ้าทำมันเหมือนกับว่าเจ้า...ชอบข้า?
     
    ไม่หรอกซีโอมันไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเองเท่านั้น ข้ารีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของข้าออกไป...
     
    ช่วงเย็นของวันต่อมา อาร์เทมิสก็มาหาข้าที่ห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาข้าตกใจแทบแย่คิดว่าบางทีครีอุสอาจจะก่อเรื่องบางอย่างเข้า แต่แล้วพอเขาบอกว่ามีธุระอยากจะถามข้านิดหน่อยข้าก็เลยโล่งอก
     
                    “กำไลที่ข้าเก็บได้วงนี้ใช่ของเจ้าหรือเปล่า?” อาร์เทมิสหยิบกำไลออกมาจากถุงผ้าแล้วส่งให้ข้า ข้ามองมันด้วยความรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ลวดลายของมันดูคล้ายกับกำไลที่ข้อมือของข้าไม่ผิดเพี้ยน
     
    “ถึงจะคล้ายกันแต่มันไม่ใช่ของข้าหรอก”
     
    “ว่าไงนะเจ้าไม่รู้” อาร์เทมิสเบิกตากว้างทั้งที่ยังเชิดหน้าอยู่ ดูเขาประหลาดใจเอามากๆ แล้วบ่นพึมพำ “ข้าคิดว่ามันเป็นของสำคัญของเจ้าเสียอีก แล้วคราวนี้ข้าจะทำยังไงกับมันดีล่ะนี่”
     
    “ข้าไม่รู้จริงๆอาร์เทมิส... ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าลองไปถามอาร์เมลดูดีกว่า”
     
    “ถามอาร์เมลรึ?”
     
    ข้าพยักหน้า “อันที่จริงแล้วกำไลที่ข้าสวมอยู่นี้อาร์เมลเป็นคนมอบมันให้ข้า บางทีเขาอาจจะรู้อะไรบ้างก็เป็นได้”
     
    “เจ้าบอกว่ากำไรวงนั้นอาร์เมลมอบมันให้เจ้า?!”
     
    “...”
     
    “แต่ว่านี่มันคือกำไลคู่นะเทมเพส วงที่ข้าเก็บได้วงนี้เป็นของผู้หญิง ถ้าไม่ใช่ของเจ้าซื้อมาเตรียมมอบให้กับคนรักยังพอว่า แต่นี่ดันเป็นของที่เจ้ารับมาจากอาร์เมล”
     
    “...”
     
    “แต่อันที่จริงข้าก็พอจะรู้อะไรบ้างแล้วล่ะ”เทพอัศวินแห่งดวงจันทร์แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากที่บ่นพึมพำพูดเองเออเองกับตนเองเสร็จ เขาเป็นแบบนี้เสมอเวลาเขามีอะไร เจ้าก็แค่พูดกับเขานิดหน่อยพอ ที่เหลือเขาจะเป็นฝ่ายพล่ามพรรณนาออกมาเองแต่ไหนแต่ไร พอสบายใจแล้วก็ไป
     
    ข้ามองส่งเขาออกจากห้องของข้า แล้วหันกลับมาสนใจเรื่องราวปริศนาที่อาร์เทมิสนำมาให้ข้า
     
    กำไรคู่ที่เหมือนกับของข้าเช่นนั้นหรือ... มันหมายความว่าเช่นไร และเกี่ยวข้องอะไรกับการที่อาร์เมลนำกำไรวงนี้มาให้ข้ากัน
     
    ++++++++++++++++++
     
    ทันทีที่อาร์เทมิสออกจากห้องของเทมเพสก็ตรงมายังห้องพักของตัวแทนแห่งศิลาทันที...
     
    “นี่ ของเจ้าใช่ไหม?” ประโยคแรกที่เขาถามข้าพร้อมกับชูสิ่งของหน้าตาคุ้นๆขึ้นทำเอาหัวใจข้ากระตุ๊กวาบ รีบตะปบมือไปที่กระเป๋ากางเกงแล้วหน้าซีด เมื่อพบว่าของที่สมควรจะอยู่ตรงนั้นกลับไม่อยู่
     
    “ชะ ใช่ มันเป็นของข้าเอง!” ข้ารีบจะคว้าถุงผ้าในมือของอาร์เทมิส แต่เขากลับดึงหลบ แล้วทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย
     
    “ข้าเป็นคนเก็บมันได้ ข้าคิดว่าข้าน่าจะมีสิทธิ์รู้เรื่องนี้นะอาร์เมล... ทำไมเจ้าถึงได้พกของแบบนี้กันล่ะ... แล้วเรื่องที่เจ้าหมอบกำไลที่เหมือนคู่กันนี้ให้กับเทมเพสมันหมายความว่า?”
     
    “จะ เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ...”
    “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือไง เทมเพสสวมมันอยู่ตลอดในช่วงหลังๆ แต่ข้าพึ่งรู้ว่าเขาได้รับมันมาจากเจ้า แล้วถ้าเจ้าไม่ตอบคำถามของข้า...ข้าก็จะไม่คืน”  ข้านิ่งสนิทไม่เคยคิดว่าจะมีใครรู้ความในใจของข้า พอเห็นข้าเงียบ เจ้าอาร์เทมิสที่กำลังเห็นการกลั่นแกล้งข้าเป็นเรื่องสนุกก็รุกไล่เข้ามา
     
    “เราเป็นพี่น้องกันนะอาร์เมล ไม่ควรที่จะต้องมีเรื่องปิดบังกัน หรือถ้าเจ้าอยากจะให้เอกอนหรือไอซอทมาช่วยเปิดปากเจ้าอีกแรงข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ จะว่าไปเรื่องนี้เกี่ยวกับเทมเพสด้วยบางที ครีอุสกับไทรอนอาจจะอยากรู้เรื่องด้วยก็ได้”
     
    ข้าจนมุมแล้ว... “ก็ได้อาร์เทมิส... ขอคืนให้ข้าก่อนแล้วข้าจะบอกเจ้า...”
     
    .............................................
    ......................
    ......
    ..
    .
     
    เรื่องราวที่เกิดขึ้นนับแต่เริ่มแรกเมื่อทั้งสองได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน ความรู้สึกของอาร์เมลที่มีต่อเทมเพสมาตลอดการเดินทางประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายเดือนมานี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมากมายและต่อเนื่องจนคนอารมณ์อ่อนไหวอย่างอาร์เทมิสเองอดแอบน้ำตาซึมไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าซาบซึ้งในความรักของคนทั้งคู่หรอกนะ แต่เป็นเพราะเขาโดนอาร์เมลระบายความอัดอั้นตันใจลากยาวมากลางค่อนดึกจนไม่ได้กลับบ้านไปหาภรรยาสุดที่รักของตนเองเช่นนี้ต่างหาก
     
    “เอาล่ะๆ ข้าเข้าใจเจ้าหมดแล้ว เอาไว้วันหลังข้าจะมานั่งฟังเจ้าต่ออาร์เมล... เจ้าอย่ามาดึงเสื้อข้าซิข้าจะกลับบ้านข้าแล้วโว้ย...”
     
    “เจ้าอย่าเพิ่งกลับซิ ไหนๆเจ้าก็รู้เรื่องแล้วเจ้าก็อยู่ข้าก่อน” ตัวแทนแห่งศิลาดื้อไม่เลิก อาร์เทมิสกรีดร้องในใจว่า เขาไม่น่าจะเก็บกำไลนั่นได้ เขาไม่ควรจะนึกออกว่ากำไรนั่นมันคล้ายกับของเทมเพส เขาไม่ควรจะไปถามซอกแซกถึงที่มาของมันกับเทมเพส และยิ่งไม่ควรจะมาพบอาร์เมลเพื่อหาเรื่องยุ่งยากใส่ตนเองเช่นนี้!
     
    “เอาไว้วันหลังข้าค่อยช่วย” เทพอัศวินแห่งดวงจันทร์พยายามงัดฝ่ามือหนึบของคนหัวดื้อออกอย่างเต็มที่
     
    “ เจ้าจำได้ไหมว่าเมื่อก่อนตอนเจ้ามานั่งเศร้าร้องไห้ฟูมฟายเพราะอกหกมานับครั้งไม่ถ้วนข้าเองก็เป็นคนนั่งอยู่กับเจ้านะ ตอนนี้เจ้าสมหวังในรักแล้วจะมาทิ้งข้าที่เป็นพี่น้องเจ้าไม่ได้นะ”
     
    “ข้าก็บอกว่ารู้แล้วไง ก็ได้ๆ ข้ารับปากจะเป็นพ่อสื่อให้เจ้า จะช่วยให้เทมเพสหันมามองเจ้าให้ได้ ทีนี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง ปล่อยข้าได้แล้ว! ข้าจะไปหาชาร์ล็อตต์!!!”
     
    “จริงๆนะ อาร์เทมิส เทพอัศวินพูดแล้วไม่คืนคำ เจ้าห้ามกลับคำพูดเด็ดขาด”
     
    เทพอัศวินพูดแล้วไม่คืนคำ แต่ไวเออร์คืนคำได้   อาร์เทมิสอยากจะเลียนแบบมุขของครีอุสนักแต่ทว่ากลัวจุดจบจะไม่สวยเลยไม่พูดออกไป
     
    “ข้าสัญญาว่านับต่อวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้เจ้า แล้วเจ้าก็ต้องปล่อยข้าเดี๋ยวนี้เลยไม่อย่างงั้นข้าจะยุติข้อตกลงทั้งหมด”
     
    ในที่สุดอาร์เมลก็ยอมปล่อย... อาร์เทมิสปลาบปลื้มใจยิ่งนักในที่สุดเขาก็จะได้กลับบ้านแล้ว
     
    “เฮ้ อาร์เทมิส ดีจริงที่เจ้ายังไม่กลับบ้านไป เทอร์มิสเรียกประชุมด่วนล่ะ” เอกอนที่โผล่มาอย่างกระทันหันแจ้งข่าวอันน่าจัดหนักเฆี่ยนให้ตายซักชุดให้ จนเขาอยากจะร้องไห้ 
     
    บ้านข้า... ภรรยาของข้า... ข้าเกลียดพวกคนโสดจริงๆ
     
    ว่าแล้วน้ำตา ของอาร์เทมิสก็ไหลพราก...
     
    +++++++++++++
     
    และแล้วกองหนุนคนที่หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เพื่อช่วยเหลือก้อนหินตาดำๆ งานนี้อาร์เทมิสจะพาไปรอดหรือไปล่มกันหนอ...

    เหมือนตอนนี้จะแอบสปอยล์เรื่องหนูโบรด์เวน แต่เอาเถอะค่ะพยายามเขียนเลี่ยงอย่างสุดฤทธิ์ แถมแอบเขียนถึงเทมเพสกับเลนนาร์ดนิดๆ ศิษย์อาจารย์คู่นี้จริงๆเขาก็น่ารักนะคะ แต่ไม่ค่อยจะมีบทถึงซักเท่าไหร่
     
    อา...ว่าแต่เรื่องนี้ยังมีคนอ่านไหมเนี่ย ยิ่งเป็นการเดินเรื่องแบบช้าๆเนิ่บๆไม่ทันใจวัยรุ่น+อัพช้าเสียด้วย คนอ่านหนีหมดแล้ว (ฮา)
     
    ตอนหน้าเจอกันกับ สารพัดแผนการดันเมะให้รุกของอาร์เทมิสค่ะ
     
    +++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×