NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [REST] Jet On The Floor | กำราบรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : Episode 7 {100%}

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 63





    Episode 7

    .

    นับจากเหตุการณ์วันนั้น นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างกลับสู่สภาวะเกือบปกติ ที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นคะนิ้งกับปีใหม่ที่หายไปจากชีวิตของฉัน แล้วก็...ผู้ชายคนหนึ่งที่วนเวียนมากินข้าวที่คอนโดของเจ็ทด้วยเกือบทุกวัน

    น้องหว้ากินนี่ไหมคะ ไม่กินพี่ขอนะผู้ชายที่ว่า เขามีรูปร่างหน้าตาที่ดีมาก บุคลิกและนิสัยร่าเริงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เขาชื่อว่าชิน เป็นเพื่อนสนิทของเจ็ท

    ที่บ้านไม่มีข้าวกินเหรอมึงอะ หรือไม่มีบ้าน? นี่เป็นน้ำเสียงของเจ็ท พร้อมกับสายตาดุดัน แต่ว่าฉันชินกับคนทั้งคู่แล้ว พวกเขาตีกันเป็นปกติ ไม่ชินก็ควรต้องชิน แล้วทำไมวันนี้ฉันถึงมานั่งอยู่ที่คอนโดของเจ็ทน่ะเหรอ ความจริงก็คือเจ็ทจัดแจงย้ายของทุกอย่างของฉันออกจากหอพักมาไว้ที่คอนโดของเขาในรุ่งเช้า หลังจากที่ฉันไปเคลียร์กับคะนิ้ง

    เหตุผลของเขาคือเป็นห่วงสภาพจิตใจและความปลอดภัยของฉัน และอีกสารพัดที่เขาบรรยายออกมากล่อมฉัน บางอย่างก็ฟังฟังดูข้างๆ คูๆ มาก แต่เป็นเพราะช่วงนั้นจิตใจของฉันยังไม่ปกติสักเท่าไหร่ เลยคล้อยตามเขาอย่างง่ายดาย พอมาตั้งสติได้ตอนนี้ก็เหมือนจะสายเกินไปแล้ว

    โห ไอ้งก เชอะพี่ชินหดมือที่กำลังจิ้มลงบนหมูสามชั้นทอดกลับไป แต่สายตาของเขากลับมองมันอย่างละห้อย

    พี่ชินกินเถอะ หว้ากินไปหลายชิ้นแล้ว ไม่อยากอ้วนฉันบอกพร้อมยิ้มให้เขาน้อยๆ เคยยิ้มให้กว้างๆ แล้วโดนเจ็ทฟาดงวงฟาดงาใส่ไม่หยุด

    มึงดู ไอ้เจ็ท มึงดูคนดีๆ แบบน้องหว้าเป็นแบบอย่างซะบ้าง! ” นับหนึ่งได้ไม่ทันถึงห้าหรอก เดี๋ยวพวกเขาก็ตีกัน

    กูดู ดูทุกวัน ทุกซอกทุกมุมเจ็ทตอบ พลางยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นจิบ อย่างไม่สะท้านสะเทือนในประโยคคำพูดของตัวเอง ต่างจากฉันและพี่ชินอย่างสิ้นเชิง

    ทุกซอกทุกมุมบ้าบออะไรกันล่ะ ปิดไฟแล้วเขาจะมองเห็นได้ไง!

    บัดสี! รับไม่ได้ กูรับไม่ได้ ทำไมกูต้องมีเพื่อนอย่างมึงด้วยพี่ชินทำท่ากรีดร้อง ก่อนจะหันมาพูดกับฉัน น้องหว้าหนีไปค่ะ อย่าไปอยู่ใกล้มัน หนีไป๊! ”

    มึงอย่าแอคติ้ง เดี๋ยวกูยันตกเก้าอี้เจ็ทบอกพร้อมกับใช้ช้อนส้อมชี้หน้าเพื่อนตัวเองไปด้วย

    พี่ชินอย่าห่วงเลยค่ะ เขามองหว้า หว้าก็มองเขาเหมือนกัน แฟร์ๆ ฉันเอ่ยยิ้มๆ

    กลับล่ะ กูมานั่งทำบ้าอะไรที่นี่ รับไม่ได้พี่ชินนิ่งเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วจากไปแทบจะทันที ทำไมกันนะ นี่ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

    เธอร้ายใหญ่แล้ว ไล่แขก ทำดีมากเจ็ทเอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี พลางเอื้อมมือมาหยิกแก้มฉันเบาๆ

    เราเปล่า เราแค่แหย่พี่เขาเล่นฉันตอบกลับไปแบบนั้น แต่เหมือนเจ็ทจะไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ เขาดูจะเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้ามากขึ้น กินไปยิ้มไปจนฉันเผลอมองตาม

    ดูดีจังเลยนะ พี่เจ็ทเนี่ย ควรอยู่ให้ฉันมองไปทุกวันแบบนี้มากกว่า ไม่ให้ตกไปเป็นของใครหรอกนะ

    เธออยากกินเราแทนข้าวหรือเปล่าจู่ๆ คนที่มีความสุขกับการกินก็หันหน้ามาถามฉันด้วยดวงตาเป็นประกาย

    ปละ...เปล่าฉันปฏิเสธไม่เต็มเสียงนัก ประกายบางอย่างในแววตาคู่นั้นทำเอาร้อนๆ หนาวๆ

    แต่เราอยากกินเธอทุกวันเลยเจ็ทบอกพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้ทีละน้อย ไม่ได้สิ ช่วงนี้เขาชักจะเอาแต่ใจมากไปแล้ว

    รีบกินแล้วก็รีบไปทำงานได้แล้ว! ” ฉันรีบลุกหนีเขา พลางออกปากสั่งให้เขารีบกินข้าวไปด้วย ร้านสักของเจ็ทไม่ได้อยู่ในละแวกคอนโดฯ ของเขาเลยสักนิด แต่ก็เขาก็ยังถ่อมากินข้าวเที่ยงที่นี่ เพียงเพราะพี่ชินบอกว่าจะมากินข้าวกลางวันเป็นเพื่อนฉัน อันที่จริงมันก็ไม่เหมาะสมนักหรอกถ้าฉันกับพี่ชินจะนั่งกินข้าวกันสองคนที่นี่จริงๆ

    จริงนะ งั้นจะรีบกินเลยนะ สักครึ่งชั่วโมง โอเคไหม? ปากของเจ็ทเอ่ยแบบนั้น แต่สายตาของเขากลับส่อประกายเหมือนมีความหวังบางอย่าง

    เธอหยุดคิดลามกสักวันได้ไหมฉันบอกพร้อมมองเขาด้วยสายตาจริงจัง ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเขา เจ็ทหาเรื่องแทะเล็มฉันทุกวัน จนฉันชักจะหลงลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนเขาปฏิบัติตัวกับฉันยังไง

    ไม่ได้เลย เห็นหน้าเธอก็คิดแล้วเจ็ทตอบออกมาหน้าตาเฉย

    งั้นเราจะย้ายกลับไปที่หอเดิมฉันยืนยันเสียงแข็ง ขอร้องเถอะนะ เลิกทำตัวเป็นไอ้โจรหื่นสักที มันเหนื่อย!

    ขู่แง่วๆ น่ากลัวจังเลยเจ็ทบอกพร้อมกับรวบช้อน เป็นการบอกว่าเขาอิ่มแล้ว สายตาคู่คมจับจ้องมายังฉันที่ยังยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะกินข้าว เจ็ทลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูงก่อนจะก้าวเข้ามาหาฉันอย่างเรียบเรื่อย สัมผัสอ่อนโยนจากปลายนิ้วมือของเขาแตะลงที่ข้างแก้มของฉัน งั้นเราไปทำงานก่อน จะรีบกลับมาหา ถ้าเบื่อก็ออกไปเที่ยวเล่นแถวๆ นี้ได้

    อย่ามาทำเหมือนเราเป็นเด็กสิฉันบอก และไม่ได้หลบเลี่ยงสัมผัสจากเขา ก็ถ้ามันมีความสุข ฉันก็ควรจะตักตวงมันเอาไว้

    ก็เธอเด็ก เป็นเด็กของพี่เจ็ทเอ่ยหยอกล้อพร้อมกับรอยยิ้ม ท่าทางเขาเหมือนกับมันเขี้ยวฉันมาก แต่ไม่รู้จะจัดการยังไงดี ก็เลยเอื้อมมาคว้ามือฉันไปกัดเบาๆ หนึ่งที

    เป็นหมาเหรอ? ฉันถามในขณะที่สายตาก็ไม่ได้ละไปจากการกระทำของเขา

    อืม เป็นหมาที่ดี ไม่ลอบกัด แต่ซื่อสัตย์กับเธออ่า...ใครสอนมุกเสี่ยวแบบนี้ให้เขากันนะ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินจากปากของเจ็ท

    มุกเสี่ยวมาก อย่าหามาเล่นอีกนะฉันบอกเขาอย่างตรงไปตรงมา ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาเขินอายกับมุกหยอดเสี่ยวๆ แบบนี้หรอกนะ

    เซ็ง อุตส่าห์ไปนั่งจำไอ้ชินมาเอาล่ะ จากนี้ฉันจะไม่ให้พี่ชินมาฝากกระเพาะไว้ที่นี่อีก

    เจ็ทหันมายิ้มให้ฉันอีกทีก่อนจะเดินออกไป ส่วนฉันก็นั่งแกร่วอยู่ในคอนโดได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ทนความเบื่อหน่ายไม่ไหว เลยออกมานั่งจิบกาแฟแก้เบื่อที่ร้านกาแฟตรงข้ามกับคอนโดของเจ็ท โซเชียลของฉันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มาหลายวันแล้ว รวมทั้งไม่มีแจ้งเตือนจากไลน์กลุ่มอีกด้วย ราวกับว่าฉันและกลุ่มเพื่อนได้ตัดขาดกันไปแล้วโดยไม่มีคำบอกลาใดๆ แต่ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์นี้มันต่อไม่ติดอีกแล้ว

    แย่นะ เพื่อนเลิกคบเพราะเรื่องผู้ชาย ไม่เคยจินตนาการไว้เลยว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

    ขอโทษนะคะคุณน้อง...ฉันที่มัวแต่สนใจหน้าจอมือถือของตัวเอง เป็นอันต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายรูปร่างดีคนหนึ่งที่กำลังยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ

    คะ? รูปร่างหน้าตาและท่าทาง ดูดีมากทีเดียว

    คือพี่ขอคุยอะไรด้วยสักนิดได้ไหมคะ คุณน้องพอจะมีเวลาหรือเปล่าฉันนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ หลังจากที่ประเมินดูแล้ว น่าจะไม่ใช้บุคคลอันตรายอะไร

    ได้ค่ะฉันตอบรับอย่างมีมารยาท

    พี่ชื่อแมนนี่นะคะ เป็นทีมโปรดักชั่นของหนังสั้นเรื่อง... จากค่าย XY ให้พี่เรียกคุณน้องว่าอะไรดีคะคำพูดของคนตรงหน้าทำให้ฉันแอบใจเต้นเล็กน้อย ใครบ้างที่ไม่รู้จักค่าย XY ภาพยนตร์ทุกเรื่องจากค่ายนี้ล้วนทำเงินแบบถล่มทลาย แล้วพี่ผู้ชายคนนี้เป็นทีมโปรดักชั่นของค่ายนี้จริงๆ เหรอ แอบเผื่อใจว่าจะโดนหลอกนิดๆ แฮะ นี่นามบัตรของพี่นะคะ

    ลูกหว้าค่ะฉันรับนามบัตรของคนตรงหน้ามาพิจารณาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเอ่ยบอกชื่อของตัวเองไป

    พี่เป็นฝ่ายแคสติ้งนักแสดง กำลังมองหานักแสดงหน้าใหม่มาร่วมเป็นนักแสดงประกอบในหนังเรื่องนี้ น้องลูกหว้าตรงใจพี่มากๆ เลยค่ะ สนใจอยากจะมาร่วมงานกับเราไหมคะคนตรงหน้ามองมาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ส่วนตัวฉันกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองอีกครั้ง ฉันไม่เคนสนใจเรื่องการแสดงมาก่อน แต่ว่าฉันก็ยังไม่มั่นใจในตัวคนตรงหน้านัก ว่าจะไม่ใช่พวกมิจฉาชีพ

    คือ...หัวสมองของฉันกำลังประมวลผลหนักมาก ฉันควรตอบยังไงดีนะ ใจหนึ่งอยากจะปฏิเสธ แต่อีกใจก็อยากลองเสี่ยง และเหมือนว่าคนตรงหน้าจะรู้ถึงความลังเลใจของฉัน ฉันเห็นพี่เขาหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากกระเป๋าหรูแบรนด์ดังของตัวเอง ก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป

    นี่เป็นค่าเหนื่อยค่ะ ถ้าน้องลูกหว้าตกลงมาร่วมงานกับเราคนตรงหน้ายื่นแผ่นกระดาษที่ระบุตัวเลขห้าหลักนั้นมาให้กับฉัน  จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับบุคคลโนเนมอย่างฉัน

    หว้าขอเวลาคิดสักหน่อยนะคะฉันตอบออกไปอย่างประนีประนอม อย่างน้อยก็ลองเอาไปปรึกษาเจ็ทกับขิงก่อนดีกว่า

    ได้เลยค่ะ ถ้าน้องลูกหว้าสนใจ ติดต่อพี่ได้ภายในสามวันเลยนะคะฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็เหมือนก็บังคับฉันกลายๆ แหละ ว่ามีเวลาให้แค่สามวันเท่านั้นในการตอบตกลง

    ได้ค่ะฉันตอบไปแค่นั้นพร้อมกับส่งยิ้มตอบคนตรงหน้า

    พี่หวังว่าเราจะได้ยินข่าวดี งั้นไม่รบกวนน้องลูกหว้าแล้วนะ ตามสบายเลยค่ะคนตรงหน้าเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ฉันหลุบตามองนามบัตรในมืออีกครั้ง

    คืนนี้คงต้องลองปรึกษากับเจ็ทดู ถ้าคนอย่างเจ็ทให้ผ่าน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมั้ง...

    ฉันตัดสินใจกลับขึ้นคอนโดหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง รู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด เหลือบตามองดูนาฬิกา ก็เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าเจ็ทจะกลับมา ฉันนั่งๆ นอนๆ ให้เปลืองเวลาแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ ฉันกวาดสายตาไปทั่วห้องสุดหรูห้องนี้ อ่า...ฉันควรสำรวจมันหน่อยหรือเปล่า

    จำได้ว่าในห้องนอนของเจ็ท มีกล่องดำใหญ่ๆ อยู่ใบหนึ่ง มันถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ที่ชั้นวางหนังสือ และฉันไม่เคยเอ่ยถามเจ็ทเลยสักครั้งว่า เขาเก็บอะไรไว้ในกล่องนั้น

    คงไม่ใช่ของลับอะไรหรอกมั้ง ไม่งั้นเจ็ทคงจะเก็บไว้อย่างมิดชิดกว่านี้ และถ้าหากฉันจะขอเปิดดูหน่อย เขาก็คงจะไม่ถือสาอะไร...ช่วงนี้เจ็ทใจดีจะตายไป ใจดีจนน่าแปลกใจเลยทีเดียว

    ฉันเดินเข้ามานั่งตรงหน้าชั้นหนังสือในห้องนอนของเจ็ท พร้อมกับยกกล่องต้องสงสัยใบดังกล่าวลงมาด้วย เมื่อเปิดกล่องดูก็พบว่ามันคือกล่องเก็บของ สิ่งแรกที่ปะทะเข้ากับสายตาของฉันก็คือกล่องดนตรีรูปทรงน่ารัก และแน่นอนว่ามันยังใช้งานได้อยู่ ฉันวางมันลงข้างตัว ก่อนจะหันไปสนใจของในกล่องต่อ สิ่งต่อมาที่ฉันพบก็คือ

    สร้อยข้อมือที่มีจี้รูปตัวซี...มันสวยและดูแพงมากทีเดียว ทำไมฉันไม่เคยเห็นเจ็ทหยิบมาใส่เลยนะ ของดูมีราคาขนาดนี้ทำไมถึงเอามาเก็บไว้ในนี้ เสียดายของจริงๆ

    นอกจากสร้อยข้อมือแล้ว ยังมีโปสการ์ดอีกหลายใบ และสมุดโน้ตเล่มหนึ่งที่วางอยู่ด้านล่างสุด รู้สึกใจกระตุกยังไงก็ไม่รู้สิ นี่ฉันกำลังทำตัววุ่นวายจนได้เรื่องเองหรือเปล่า ฉันมีลางสังหรณ์ว่าของที่อยู่ในกล่องนี้ อาจจะเกี่ยวของกับผู้หญิงสักคนหนึ่งในชีวิตเขา และดูเหมือนว่าจะสำคัญกับเขามาก

    ฉันไม่เคยถามถึงเรื่องรักหรือคนรักในอดีตของเจ็ทเลย แต่ว่าคนเราทุกคนก็ต้องมีรักแรกกันทั้งนั้นแหละ ว่าไหมล่ะ ถึงแม้ว่าจะพยายามห้ามความคิดตัวเองมากแค่ไหน แต่มือของฉันกลับเอื้อมหยิบสมุดเล่มนั้นออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

    หลังจากนั่งสูดหายใจเข้าปอดจนพอใจ ฉันก็รวบรวมความกล้าเปิดหน้าสมุดโน้ตเล่มดังกล่าว สิ่งแรกที่เจอก็คือรูปถ่ายของผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง มีทั้งมุมเผลอและตั้งใจ ฉันเผลอกำสมุดในมือไว้อย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกวูบไหวกำลังเข้าเล่นงานหัวใจของฉัน

    มันชัดเจนแล้วว่าของทั้งหมดในกล่องนี้ คงเป็นของที่มีความทรงจำร่วมกับผู้หญิงคนนี้ ภาพถ่ายแต่ละใบ และตัวอักษรแต่ละหน้าที่ผ่านตาฉันในตอนนี้ ชี้ชัดว่าเธอสำคัญกับเจ็ทมากแค่ไหน มากชนิดที่ว่าคนอย่างฉันก็เทียบกับเธอไม่ได้

    ไม่น่าหาเรื่องเลยนะลูกหว้า...ฉันยิ้มให้กับตัวเองนิดๆ พร้อมบรรจงเก็บของทุกอย่างลงไปในกล่องตามเดิม บรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ เพราะว่าเธอคนนั้นยังสำคัญและมีผลต่อใจเขาหรือเปล่า เขาถึงยังเก็บทุกอย่างไว้อย่างดี

    เปิดกล่องเหรอน้ำเสียงทุ้มเข้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ จนคนที่กำลังนั่งซึมอย่างฉันสะดุ้งโหยง เป็นเจ็ทที่กำลังยืนมองอยู่ตรงหน้าประตู เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ และตอนนี้ฉันก็ดูร้อนรนจนเหมือนโจรที่ถูกเจ้าของบ้านจับได้คาหนังคาเขา

    คือเราไม่ได้ตั้งใจ...ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ควรจะเป็นห่วงความรู้สึกของตัวเองก่อน หรือห่วงความรู้สึกของเจ็ทก่อน

    ของแฟนเก่าน่ะเจ็ทเอ่ยออกมาแค่นั้น

    ...ส่วนตัวฉันที่คาดเดาไว้ก่อนแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก เขาสวยมากเลย เธอคงรักเขามาก

    ไม่รู้สิ เป็นแฟนคนแรก รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ก็คงรักมากแหละมั้งเจ็ทเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เขาสาวเท้าเข้ามาหาฉันที่นั่งอยู่ที่เดิมช้าๆ แค่อดีตน่ะ วางไว้นานแล้ว

    ...ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเจ็ทจะสื่อว่าเขาวางกล่องใบนี้ หรือวางเรื่องแฟนเก่าไว้นานแล้ว หัวสมองของฉันในตอนนี้มันยุ่งเหยิง ฉันรู้ว่านั่นคืออดีต แต่ว่ากลับยังมีอาการแปลบปลาบเกิดขึ้นในอก ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเจ็ทที่มีให้ฉัน มันถึงครึ่งหนึ่งของความรู้สึกที่เขามีต่อแฟนเก่าคนนี้หรือเปล่า

    เธอคิดมากเหรอเจ็ทย่อตัวลง พร้อมกับวางฝ่ามืออุ่นของเขาลงบนเส้นผมของฉันเบาๆ

    ...ฉันไม่ได้ตอบคำถามของเขา ได้แต่ยอมรับกับตัวเองเท่านั้นว่าฉันกำลังคิดมากอยู่จริงๆ แต่ถ้าฉันบอกออกไป จะกลายเป็นคนงี่เง่าไม่มีเหตุผลในสายตาของเขาหรือเปล่า

    เรากับเขาจบกันไปนานแล้ว เขาคืออดีตของเรา แต่เธอคือปัจจุบันที่เราอยากให้อยู่ในอนาคตด้วยฉันเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าของเจ็ท ก่อนจะพบว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน และมันมีผลต่อหัวใจของฉันมาก

    แต่เธอยังเก็บทุกอย่างไว้...ฉันเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมลอบมองรีแอคชั่นจากเขา

    มันเป็นความทรงจำในช่วงหนึ่ง แล้วเราก็วางมันทิ้งไว้จนลืมไปแล้วว่าเก็บของพวกนี้ไว้เชื่อได้ไหมนะ ทุกอย่างที่เจ็ทเอ่ยออกมา...

    แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับมาไวนักล่ะเพราะไม่อยากจมดิ่งไปกับบรรยากาศแย่ๆ ฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกะทันหัน และเจ็ททำท่าเหมือนจะท้วง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ปล่อยผ่านมันไป

    คิดถึงเธอ ก็เลยปิดร้านเร็วหน่อยแย่ชะมัด ที่คำพูดของเจ็ทในตอนนี้ไม่ทำให้ฉันดึงตัวเองกลับมาจากความคิดมากได้เลย ถ้าหากว่าความรู้สึกของฉันที่มีต่อเจ็ทคือความรักจริงๆ ความเจ็บปวดนี้คือสิ่งที่คนมีความรักจะต้องพบเจอเหรอ

     

    [ Special part : Jet ]

     

    วันนี้ผมปิดร้านไวกว่าปกติ เพราะคิดถึงใครบางคน กลัวว่าเธอจะเหงาที่ต้องต้องแหง็กอยู่ในห้องทุกวัน และเธอก็เซอร์ไพรส์ผมด้วยการนั่งหงอยอยู่ที่หน้าชั้นหนังสือในห้องนอนของผม ผมแปลกใจไม่น้อย แต่ทุกอย่างก็คลี่คลายเมื่อสายตาของผมปะทะเข้ากับกล่องสีดำหนึ่งใบในมือของเธอ

    เธอคงจะเปิดมันออกมาดู และไม่ได้สังเกตถึงการมาของผมเลย

    เปิดกล่องเหรอผมเอ่ยถาม ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนตัวเล็กกว่าตกใจเลยแม้แต่น้อย น่าแปลกที่คนมีประสาทสัมผัสไวอย่างลูกหว้า ไม่รับรู้ถึงการมาของผมเลยสักนิด

    คือเราไม่ได้ตั้งใจ...เธอดูร้อนรน และคงคิดว่าผมจะว่าเธอละมั้งนะ

    ของแฟนเก่าน่ะถ้าเธอเปิดมันดูแล้ว เธอก็คงจะเดามันได้ไม่ยาก ช่วงที่เลิกกับเธอคนนั้นแรกๆ ผมเก็บความทรงจำทุกอย่างไว้ในกล่องนี้ พอเวลาผ่านไปก็ลืมเลือนตามไปด้วย

    เขาสวยมากเลย เธอคงรักเขามากและเป็นอย่างที่คาดเดา ลูกหว้าเปิดดูทุกอย่างแล้ว ที่เธอมีท่าทีหงอยๆ ก็เป็นเพราะของพวกนี้ด้วยหรือเปล่า

    ไม่รู้สิ เป็นแฟนคนแรก รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ก็คงรักมากแหละมั้งเธอคนนั้นก้าวเข้ามาในวันที่ผมโดดเดี่ยวที่สุด เธอเข้ามาเติมเต็มและอยู่เคียงข้าง ก็คงจะเป็นทั้งรักและผูกพันละมั้ง แต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอและลูกหว้ามันช่างแตกต่างกัน ผมอธิบายไม่ถูกเลยว่าความรู้สึกรักมันคือแบบไหนกันแน่ ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ในความคิดและทุกความรู้สึกของผมมีแค่ลูกหว้าที่ปรากฏอยู่ ผมสาวเท้าเข้าไปหาเธอช้าๆ พลางลอบมองปฏิกิริยาของเธอไปด้วย แค่อดีตน่ะ วางไว้นานแล้ว

    ...แต่รีแอคของลูกหว้าก็ยังคงเป็นท่าทางซึมๆ และไม่พูดจา

    เธอคิดมากเหรอผมย่อตัวลงข้างๆ เธอ พร้อมกับวางมือลงบนเส้นผมนุ่มเบาๆ มันคงจะผิดที่ตัวผมเอง ผมคงคิดน้อยไปหน่อยและยังเก็บของพวกนี้เอาไว้ จะเอ่ยขอโทษเธอสักร้อยสักพันครั้ง ก็คงไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกของเธอกลับมาได้ เรากับเขาจบกันไปนานแล้ว เขาคืออดีตของเรา แต่เธอคือปัจจุบันที่เราอยากให้อยู่ในอนาคตด้วย

    แต่เธอก็ยังเก็บทุกอย่างไว้...อ่า เห็นหน้าเศร้าๆ ของลูกหว้าแล้วผมอยากจะทุบหัวตัวเองหลายๆ ที

    มันเป็นความทรงจำในช่วงหนึ่ง แล้วเราก็วางมันทิ้งไว้จนลืมไปแล้วว่าเก็บของพวกนี้ไว้ผมเอ่ยตามจริง ได้แต่หวังแหละ ว่าเธอจะเชื่อกันสักนิด

    แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับมาไวนักล่ะแต่สิ่งที่ยัยตัวดีทำคือการเปลี่ยนเรื่องแบบกะทันหัน เล่นเอาผมแทบจะหัวทิ่ม

    ถ้าไม่ติดว่าทำหน้าหงอยๆ เป็นแมวเศร้าอยู่ละก็ พ่อจับจับฟัดจับหอมให้สาสมเลย

    คิดถึงเธอ ก็เลยปิดร้านเร็วหน่อยผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่สีหน้าของลูกหว้ากลับไปสดใสขึ้นเลยแม้แต่น้อย อ่า...งานยากแล้ว ผมควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี เอาไอ้กล่องนี้ไปทิ้งเลยดีไหม

    เราไม่เป็นไร วันหลังไม่ต้องห่วงเราแล้ว ไม่อยากให้เสียงานผมไม่ชอบให้ลูกหว้าเป็นแบบนี้เลย ให้เธอชวนทะเลาะทุกวันยังดีซะกว่า แบบนี้ผมรับมือไม่ได้ ไม่รู้จะต้องทำไงให้เธอรู้สึกดีขึ้นมา

    เธอมองหน้าเราหน่อยได้ไหมผมเอ่ยขอ เธอไม่ยอมสบตากับผมเลยสักนิด เรื่องนี้ผมปรึกษากับใครได้บ้าง ตัดไอ้ชินออกจากตัวเลือกไปได้เลย

    เราขออยู่เงียบๆ สักหน่อยนะลูกหว้าบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ทิ้งผมให้เคว้งคว้างอยู่ที่เดิม แบบนี้ไม่เข้าท่าแล้ว ผมตัดสินใจทักแชตไลน์ไปหาเพื่อนสาวเพียงคนเดียวที่น่าจะพึ่งพาได้ในตอนนี้

    Me : มีเรื่องจะปรึกษา

    TubTim : งานการไม่มี?

    อะ ยัยนี่ก็อีกคน กัดเก่งจนแอบสงสัยว่าเกลียดอะไรกันหรือเปล่า

    Me : ซีเรียส

    Me : ทำไงให้ผู้หญิงยิ้มได้

    TubTim : เมียงอน?

    งอนเหรอ? นั่นสิ ลูกหว้างอนผมหรือเปล่าวะ อารมณ์ผู้หญิงนี่ซับซ้อนชิบหายเลย แต่คงไม่งอนหรอกมั้ง เรื่องแค่นี้

    Me : ไม่เชิง แค่คิดมาก

    Me : ไปเจอของแฟนเก่าที่เราเก็บไว้

    TubTim : สมควร เก็บไว้ทำบ้าอะไรอีก

    TubTim : ไม่ช่วย ช่วยตัวเองไป

    Me : แต่แบบนั้นมันเมื่อยมือ

    TubTim : อีเจ็ท

    Me : ซอรี่ แต่จริงจังนะ

    บทสนทนานี้จบลงด้วยการที่ทับทิมอ่านไม่ตอบ เฮ้ย ใจดำได้ใครมา ผมไม่เคยสั่งสอนเพื่อนให้โตมาเป็นผู้หญิงแบบนี้!

    Me : ไอ้ศร

    Phunsorn : ไม่ว่าง

    Me : ใจดำ ทั้งผัวทั้งเมีย

    Phunsorn : ว่าทับทิม?

    Phunsorn : ไม่ตายดี

    Me : มึงยอมรับว่าเป็นผัวเมียกัน?

    Phunsorn : ไม่เสือก

    เหอะ! ผมจะจดจำน้ำใจของพวกมันเอาไว้ อย่าให้ถึงตาพวกมันบ้าง แม้แต่หางตาผมก็จะไม่แล จะไม่แยแส จะไม่แคร์เธอเลย

    ผมหลุบตามองแชตเพื่อนคนสุดท้าย ลังเลใจมากว่าควรจะไปขอคำแนะนำจากมันดีหรือเปล่า จะได้สาระอะไรกลับมาไหม แต่คนอย่างไอ้ชิน น่าจะมีแต่คำแนะนำแปลกๆ มาเสนอ และมันก็ไม่เคยเวิร์กตอนนำไปใช้

    แต่แชตที่เด้งมาในตอนนี้ทำเอาผมแทบเขวี้ยงมือถือทิ้งไป

    Chin : เจ็ทเพื่อนร้ากกกกก

    นี่กูอุตส่าห์ไม่ทักมึงไปแล้วนะ!

    Chin : ฮัลโหลววววววว

    Chin : เดือดร้อนใช่ไหมจ๊ะ

    Chin : โดนคนสวยงอนเหรอ

    Chin : อ่อนจังเลยอะเพื่อนนน

    Me : ไอ้ควาย

    รอให้ผมเจอหน้าไอ้พันศรกับทับทิมก่อน พ่อจะจัดการแบบแพ็กคู่เลย บังอาจเอาเรื่องของผมไปเผาให้ไอ้เพื่อนเวรนี่ฟัง ทับถมกันละถนัดนักไอ้พวกนี้

    Chin : ให้กูช่วยมะ

    Me : ขอบใจ

    Me : แต่ไม่ต้อง

    Chin : นี่มึง!

    Chin : ปฏิเสธท่านชินคนนี้

    Me : ไม่มีงานทำเหรอไอ้สัด

    Chin : พูดเหมือนมึงทำอยู่อะ ไอ้ฟายยยยยย

    ผมเลือกจะอ่านไม่ตอบมัน แล้วสอดส่องสายตาหาลูกหว้า หลายนาทีแล้ว เธออยากให้ผมไปอยู่ด้วยหรือยังนะ คิดถึงอะ อยากจะหอมอยากจะกอด ผมตัดสินใจที่จะเดินออกมาจากห้อง แต่เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ก็ทำให้ผมต้องชะงักอีกครั้ง

    Chin : อยากง้อผู้หญิงมันไม่ยากหรอก

    Chin : มึงก็ทำตัวอ้อนๆ หน่อย

    อ้อนเหรอ? ยากไปไหม แค่คิดว่าตัวเองต้องไปทำอะไรแบบนั้นก็ขนลุกซู่แล้ว อีกอย่างนะ คนอย่างลูกหว้าไม่น่าจะอินอะไรกับลูกไม้แบบนั้น

    Chin : อ่านไม่ตอบแปลว่าสนใจ

    Me : รำคาญ

    ผมกดออกจากแชตของไอ้ชิน ก่อนจะเดินไปหาลูกหว้าที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟากลางห้องโถง สีหน้าของเธอยังดูซึมๆ ภายในใจของผมปวดแปลบ อยากจะเดินเข้าไปกอดเธอซะตอนนี้ แต่กลัวว่าเธอจะปฏิเสธแล้วหนีหายไปจากสายตา

    เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าผมทิ้งระยะห่างไว้พอประมาณแล้วเอ่ยถามเธอ ลูกหว้าหันหน้ามามองแล้วส่ายหน้าช้าๆ

    เธอชมว่าผมทำอาหารอร่อย จริงๆ ผมไม่ค่อยได้โชว์ฝีมือบ่อยนัก และลูกหว้าก็เป็นคนแรกที่ได้ชิมฝีมือของผม ก็เลยกลายเป็นว่าผมอยากจะทำอาหารให้เธอกินทุกวัน

    งั้นไข่เจียวปูกับต้มยำกุ้งดีไหม? ผมขยับเข้าไปใกล้เธออีกนิด

    อะไรก็ได้เธอตอบรับมาแค่นั้นและไม่ได้หันมาสนใจผมแต่อย่างใด

    ถ้าเธอเบื่อฝีมือเรา ออกไปกินข้าวข้างนอกกันก็ได้ผมสาวเท้าเข้าไปหาลูกหว้าอย่างแนบเนียน ก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆ เธอ ไม่กล้าทิ้งน้ำหนักลงไปเยอะ รู้สึกเกร็งไปหมด

    เราไม่เรื่องมากหรอกเธอตอบกลับมา เกยคางเอาไว้บนเข่า สายตาดูเหม่อลอย

    ไอ้เจ็ท มึงมันช่างชั่วร้าย มึงทำให้ลูกหว้าเป็นแบบนี้ ไอ้กล่องเวรนั่นใช่ไหมเด็กดี เดี๋ยวพี่เจ็ทจะเอามันไปทิ้งถังขยะให้นะครับ จะไม่ให้มันรกหูรกตาลูกหว้าอีก

    หว้าอยากได้อะไรไหม เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า? ผมเอ่ยถามพลางเบียดตัวเข้าไปใกล้เธอ ลูกหว้าหันมาขมวดคิ้วใส่ผม ไม่รู้ว่าเธอกำลังแปลกใจเรื่องไหน เรื่องที่ผมเรียกชื่อเธอ หรือเรื่องที่ผมกำลังทำตัวเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็ก

    เราว่าเธอแปลกลูกหว้าเอ่ย พร้อมขยับตัวห่างจากผมไปหนึ่งคืบ

    พี่แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศผมตอบกลับพร้อมขยับตัวตามเธอไปติดๆ

    อย่ามาทำให้ขนลุกจะได้ไหมคราวนี้ลูกหว้าไม่หนี แต่เริ่มใช้สองแขนดันตัวผมให้เว้ยระยะห่างจากตัวเธอ แรงเท่ามด ทำมาเก่งใส่เหรอยัยคนน่ารัก

    พี่เจ็ทแค่ไม่อยากเห็นลูกหว้าเป็นแบบนี้ผมไม่ได้สนใจต่อแรงผลักของเธอ และเลือกจะตวัดท่อนแขนไปโอบกอดเธอเอาไว้แทน

    แบบนี้น่ะแบบไหนลูกหว้ายกมือขึ้นมาดันหน้าผม เมื่อเห็นว่าผมเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เธอ จนลมหายใจปัดเป่าโดนแก้มหอมๆ นุ่มๆ นั่น

    แบบซึมๆ เศร้าๆ งอนๆ คราวนี้ผมจับจ้องใบหน้าของเธออย่างจริงจังขึ้น แต่ลูกหว้าก็เลือกจะหันหน้าหนีไปทางอื่น

    เราไม่ได้งอนเธอตอบมาแบบนั้น แต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้ากันอยู่ดี มันทำไมนักนะ กลัวหวั่นไหวเพราะความหล่อของผมหรือไงกัน

    หว้าครับ พี่เจ็ทแก้ไขอดีตที่ผ่านมาแล้วให้หว้าไม่ได้ผมบอกเธออย่างใจเย็น ผมไม่สามารถไปแก้ไขเรื่องที่ผ่านมาแล้วได้จริงๆ

    ...ลูกหว้าไม่ได้ตอบ แต่เธอเลือกที่จะจิกเล็บลงบนไหล่ของผม เอาล่ะ เตรียมเจ็บตัวอีกแล้วสินะ

    พี่ย้อนเวลาไม่ได้หว้า แต่...แรงจิกที่หัวไหล่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พี่เจ็ทเอาไอ้กล่องนั้นไปทิ้งให้หว้าได้นะครับ

    ถ้าไม่ได้อาลัยอาวรณ์อย่างที่ว่า ก็เอาไปทิ้งซะสิผมค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อย ที่มุมปากของลูกหว้ายกยิ้มขึ้นมา แสดงออกว่าพึงพอใจกับข้อเสนอของผม

    ร้ายใหญ่...ผมบอกพร้อมเคาะหน้าผากเธอเบาๆ หนึ่งที ลูกหว้าเลิกจิกผมแล้ว แต่ยังคงใช้สายตาคู่สวยชวนหลงใหลคู่นั้น จับจ้องมาอย่างไม่วางตา

    เดี๋ยวนี้นี่เรียกว่าคำสั่งไหม? เธอกำลังสั่งให้ผมเอากล่องความทรงจำใบนั้นไปทิ้งเดี๋ยวนี้ ไม่บ่อยนักที่ลูกหว้าจะแสดงปฏิกิริยาแบบนี้ให้เห็น ก็ปกติเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องของผมสักเท่าไหร่

    ได้ พี่จะเอาไปทิ้งเดี๋ยวนี้เลยผมว่าพลางลุกขึ้นจากโซฟา หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง สายตาจับจ้องไปยังกล่องแห่งความทรงจำใบนั้น ภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอคนนั้นลอยผ่านมาวูบหนึ่ง

    ผมเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกล่องสีดำในมือ ก่อนจะหยุดยืนแล้วเหลือบสายตาไปทางโซฟา ก็พบว่าลูกหว้ากำลังจับจ้องมาอย่างตั้งใจ  เธอยิ้มให้ผม แต่เป็นยิ้มที่ให้ความรู้สึกเสียวสันหลัง และนั่นทำให้ผมรีบเดินไปที่ประตูเพื่อนำกล่องดังกล่าวไปทิ้งที่ถังขยะด้านล่าง ไม่เคยคิดเลยว่าการเก็บมันไว้จะสร้างความลำบากได้ขนาดนี้

    ...

    ...แต่ทุกอย่างกลับชะงักงัน เมื่อบานประตูถูกผมเปิดออก ลมหายใจของผมสะดุด

    ไง...เจ็ทเสียงเอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้มที่คุ้นเคย ทำให้เผลอบีบกล่องในมือไว้แน่น สัญชาตญาณทำให้ผมหันกลับไปมองลูกหว้าที่นั่งอยู่บนโซฟาโดยอัตโนมัติ ก่อนจะหันกลับมามองยังแขกผู้มาเยือนอีกครั้ง

    ทำไมเธอถึงมายืนอยู่ตรงนี้ ในเวลานี้

    จะไม่ให้เข้าไปหน่อยเหรอ? น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอีกรอบ

    ...แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องใช้ประโยคไหนพูดคุยกับเธอดี ยอมรับว่าตกใจมากที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ บังเอิญเกินไปแล้ว

    ใครมาเหรอเสียงใสๆ ของลูกหว้าดังมาจากด้านหลัง ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามายืนข้างๆ ผม นี่...

    ใครเหรอเจ็ท แฟนใหม่? เธอคนนั้นผู้ซึ่งเป็นแฟนเก่าเอ่ยถามผม แต่สายตาจับจ้องไปยังลูกหว้า

    ครับ พี่แคทเธอชื่อแคท เป็นพี่สาว เป็นเพื่อนวัยเด็ก เป็นแฟนคนแรก และปัจจุบันเป็นแฟนเก่า

    อ่อ น่ารักดีนะเธอพยักหน้านิดๆ ส่งยิ้มมาให้ แต่สายตาก็ยังจับจ้องไปยังลูกหว้าอย่างสนอกสนใจ

    คนในรูปใช่ไหมเธอลูกหว้าที่เงียบไปอึดใจหนึ่งเอ่ยถาม คาดว่าเมื่อกี้คงตกใจและไม่มีจังหวะได้แทรก

    ...ผมพยักหน้าให้และหลุบตามองคนตัวเล็กข้างกาย เธอยิ้มน้อยๆ แล้วมองพี่แคทไม่วางตา ผมว่าแปลก บรรยากาศในตอนนี้มันแปลก

    อยากเข้ามาข้างในก่อนไหมคะ? ลูกหว้าเอ่ยชักชวนจนผมรู้สึกแปลกใจ เอาจริงดิ?

    งั้นก็รบกวนด้วยนะคะพี่แคทเอ่ยตอบแทบจะทันที ตอนนี้เหมือนผมไม่มีบท และไม่ได้รับความสนใจใดๆ เขาว่าสงครามของพวกผู้หญิงมันน่ากลัว คงจริง...

    อยากดื่มอะไรไหมผมเอ่ยถาม สุดท้ายผมก็ต้องถือกล่องใบเดิมกลับเข้ามา และตัดสินวางมันไว้บนชั้นวางแถวนั้น

    กาแฟสักแก้วก็แล้วกันพี่แคทเอ่ยยิ้มๆ สั่งกาแฟแปลว่าเธอไม่ได้คิดจะกลับภายในครึ่งชั่วโมงนี้แน่

    เดี๋ยวเราไปชงให้เองลูกหว้าที่ยืนเงียบอยู่หลายวินาทีพูดพร้อมกับเดินไปทางห้องครัว ไม่ได้รอฟังคำตอบจากปากของผม

    ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ...เมื่อเหลือกันแค่สองคน พี่แคทก็เริ่มชวนคุยอีกครั้ง ที่เธอพูดมันก็ถูก ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม เหมือนครั้งแรกที่เธอเคยมา ผมไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนสไตล์ความชอบของตัวเองง่ายๆ เพราะงั้นเฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นยังเป็นของเดิมทั้งหมด แล้วเจ็ทยังเหมือนเดิมหรือเปล่า?

    ...ผมเหลือบตามองเธอ กำลังประเมินอยู่ภายในใจถึงเหตุผลที่เธอปรากฏตัวในวันนี้ และคิดไว้ว่าจะเลี่ยงตอบคำถามที่ดูคลุมเครือและไม่เป็นประโยชน์

    หมายถึงนิสัยน่ะ ยังดื้อเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่าเธอเอ่ยยิ้มๆ พี่แคทไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนต่อโลก เธอไม่ใช่คนโง่และมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่พอตัว

    ไม่แล้ว อะไรที่สมควรเปลี่ยน ก็เปลี่ยนจนหมดแล้วผมตอบพลางจ้องเข้าไปในแววตาของเธอ สื่อสารให้รู้ว่า ผมเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่คนที่เคยรักเธอหัวปักหัวปำคนนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว

    อย่างนี้นี่เอง...โตขึ้นมากแล้วสินะเธอเอ่ย จากสีหน้าแล้วเธอรับรู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ และแน่นอนว่าพี่แคทไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่า

    แล้วพี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมเลือกจะเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา การที่เธอมานั่งอยู่ตรงนี้ มันสร้างแปลกใจให้ผมอย่างมาก นี่มันก็สี่ปีแล้วที่เราไม่ได้ติดต่อกัน เราคบกันในสถานะแฟน ตอนที่ผมอยู่มัธยมปลาย และเลิกกันตอนผมอยู่ปีหนึ่งเทอมที่สอง

    เมื่ออาทิตย์ก่อน ขอโทษที่เพิ่งมาหานะเธอบอกพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมคุ้นเคย และผมก็เคยชอบมองมากอีกด้วย

    ไม่เป็นไร ไม่ได้คิดว่าจะมาหามานานแล้วผมตอบออกไปตามที่คิด ผมเลิกสนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่มานานแล้ว มันนานพอที่จะทำให้หลงลืมไป

    ...พี่แคทเงียบ ดูเธอจะคาดไม่ถึงกับคำตอบของผม ว่าแต่...ทำไมลูกหว้าไปชงกาแฟนานขนาดนี้ แฟนใหม่เจ็ทนี่น่ารักดีนะ

    อืม ลูกหว้าน่ารักมากผมตอบ ในขณะที่สายตาเริ่มโฟกัสไปทางห้องครัว

    เจ็ทไม่คิดว่าเธอดูคล้ายพี่มากเกินไปเหรอ? ประโยคถัดมาของพี่แคท ดึงให้ผมหันกลับมามองเธออีกครั้ง

    ...นี่เธอคิดจะเอาคืนผมงั้นเหรอ? เจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เคยเปลี่ยน เสียอะไรไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้

    หรือว่า...เป็นตัวแทนของพี่?

     

    [ Special part : End ]




    P.S. เริ่มละนะ มันเริ่มละน้าาาา พี่แคทเธอไม่เบาจริงๆ

    ขอถอนคำพูดที่เคยบอกว่าไม่ดราม่าจ๋านะ 

    5555555เยอะ55555พอ555555ตัว555555555

    มาอัปแล้ว หายไปนานเลย งานจะทับตาย เอือกกกก

    ถ้าไรท์ไม่อัปนิยายเกินหนึ่งปี แปลว่างานทับตายไปแล้วแน่นอนค่ะ ฮือ

    ขอบคุณที่ยังรอกันอยู่น้าาาา ช่วงนี้มีเวลามากขึ้นแล้ว จะเร่งปั่นแล้วมาอัปบ่อยๆ เลย!

    สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใตให้พิเจ็ทด้วยนะ หากวันใดที่พิเจ็ทต้องเสียน้ำตา....


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×