คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : OVERLOAD || Episode 5 [ 100%]
Episode 5
“เปิดลำโพง” ตราบฟ้าออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เจือความไม่พอใจ ฉันรู้สึกว่ามือของฉันกำลังสั่นและมันเริ่มจะสะท้านเมื่อตราบฟ้าขยับตัวเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ โทรศัพท์ในมือเริ่มแผดเสียงเป็นครั้งที่สองหลังจากเงียบไปไม่ถึงสามวินาที
[ เจ้าขา เป็นอะไรมากหรือเปล่า? ]
“...” เพราะฉันไม่ยอมกดรับสักที ตราบฟ้าเลยเข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือของฉันไปกดรับเสียเอง และเพราะฉันไม่ส่งเสียงอะไรออกไปซันจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน ตราบฟ้าไม่ได้พูดอะไร เขาใช้สายตาของเขาจับจ้องมาที่ฉันแต่มือของเขากำโทรศัพท์เอาไว้แน่นมาก
[ เจ้าขาได้ยินไหม ]
“คือเราปวดหัวน่ะ อยากจะนอนมากเลย ไว้คุยพรุ่งนี้นะ” ฉันตอบในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าเรียบเฉยของตราบฟ้า สายตาของเขามีแววเย้ยหยันเมื่อฉันพูดจนจบประโยค
[ โอเค มีอะไรโทรมานะ... ]
“อื้ม” ฉันตอบรับแค่นั้นก่อนที่ซันจะวางสายไป ปกติหลายปีที่รู้จักกันมาฉันกับซันแทบไม่ได้โทรคุยกันเลย เว้นแต่มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการเรียน นั่นเพราะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันจึงได้เจอกันทุกวันในเวลาเรียนอยู่แล้ว ไม่ก็คุยกันในกลุ่มไลน์เป็นส่วนใหญ่ ฉันไม่อยากจะกังวลอะไรมากนัก บางทีอาจเป็นเพราะการหายตัวไปเกือบอาทิตย์ของฉันก็ได้ เลยทำให้เขาเป็นห่วงมากกว่าเดิม
“สร้างเรื่องเก่งดีนี่” ตราบฟ้าเอ่ยหลังจากโยนโทรศัพท์ของฉันไปไว้บนโซฟา ใบหน้าของเขาตอนนี้ยิ้มแย้ม แต่เป็นการยิ้มแย้มที่ถากถางและดูถูก “ยังไงดี ผู้ชายวันละคนวนไป? ”
“...” ฉันอ้าปากอยากจะตอบโต้ออกไปบ้าง แต่ก็ถอนหายใจแล้วทำเมินเฉยกับถ้อยคำจิกกัดของเขา ยิ่งฉันตอบโต้เขาก็จะยิ่งพูดจารุนแรงใส่เพื่อทำร้ายจิตใจฉัน แม้ฉันจะไม่ชอบใจกับสิ่งที่เขาทำเลยก็ตาม แต่การไม่เพิ่มปัญหาและความโกรธแค้นให้กับเขามันน่าจะดีกว่า
“ชอบเงียบ? ” เมื่อเห็นอาการนิ่งเงียบไม่โต้เถียงของฉัน ตราบฟ้าก็เริ่มหาเรื่องฉันอีกครั้ง “เงียบนักใช่ไหม...”
เรายังคงยืนเผชิญหน้ากันโดยที่ฉันเลือกจะเบนสายตาไปโฟกัสจุดอื่นภายในห้อง ส่วนตราบฟ้ากำลังจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาแบบไหนฉันก็ไม่อยากเดา ฉันรู้แค่ว่าเขากำลังมองมาและมันรู้สึกเย็นยะเยือกจนขนลุกแบบไม่ทราบสาเหตุ
เขานิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะจู่โจมเข้ามาประชิดตัว ฉันถอยหลังหนีไปหนึ่งก้าวเขาก็ขยับตามมาหนึ่งก้าว มือข้างหนึ่งเอื้อมมากระชากปกเสื้อนักศึกษาของฉันไว้เพื่อไม่ให้ฉันถอยหลังหนี เขากระทำการเหล่านั้นโดยไม่มีการเอื้อนเอ่ยเหตุผลใดๆ เหมือนกับว่ากำลังใช้ความเงียบแต่มีการกระทำคุกคามนั่นเอาชนะฉัน
มือของตราบฟ้าอยู่ไม่สุข เขาพยายามปลดกระดุมเสื้อของฉัน ไม่สนใจการปัดป้องของฉันเลยแม้แต่น้อย สองเท้าของเขาไล่ต้อนให้ฉันก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
“...” เราสองคนเลือกที่จะไม่ใช้เสียงแต่ใช้การกระทำสื่อสารกันแทน
ฟุ่บ
เพราะมัวแต่โฟกัสไปที่มือของเขา ฉันจึงไม่รู้ตัวเลยว่าถูกตราบฟ้าไล่ต้อนมาที่เตียง กระทั่งถอยไปชนขอบเตียงและเสียหลักนั่งลงไปบนเตียงนั่นแหละ แน่นอนว่าตราบฟ้าก็ไม่เคยปล่อยโอกาสให้ฉันตั้งตัว เขาคว้าไหล่ทั้งสองข้างที่ไม่ค่อยมีอาการเจ็บแล้ว ก่อนจะกดฉันให้นอนราบลงไปกับเตียง ตราบฟ้าคร่อมร่างของฉันไว้ เขาผละมือจากหัวไหล่มารวบข้อมือทั้งสองข้างของฉันไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว กระดุมเสื้อของฉันหลุดไปหมดแล้ว แต่โชคยังดีที่ฉันใส่เสื้อซับในไว้อีกตัว
“...” ฉันพยายามจะใช้สองขาที่เป็นอิสระถีบเขาออกไป แต่ตราบฟ้าก็เลือกใช้เข่าสองข้างแทรกกลางเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเราอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมและอันตราย และตอนนี้ขาทั้งสองข้างของฉันถูกวางเกยอยู่บนหน้าขาของเขา
เกินไปแล้วนะ...
ในขณะที่ฉันมัวแต่ตัดพ้อเขาทางสายตาตา ตราบฟ้าก็ฉวยโอกาสดึงขอบกระโปรงของฉันลงจนมันคาอยู่ที่สะโพก เขาใช้ฝ่ามือร้อนลูบไล้บริเวณท้องน้อยของฉันเบาๆ ในสภาพที่ฉันเกือบจะโป๊
“แผลนี่...” เสียงของตราบฟ้ายามนี้ช่างฟังดูแผ่วเบา จนฉันแทบไม่ได้ยินแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเย็นชา “ได้มาจากไหน? ”
ฉันรู้สึกเย็บวาบไปทั่วร่าง แม้จะฟังไม่ถนัดในประโยคแรกแต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าตราบฟ้ากำลังพูดอะไร ปลายนิ้วของเขาสัมผัสอยู่ที่แผลเป็นที่มีความยาวขนาดประมาณสามเซนตรงบริเวณท้องน้อยของฉัน
“อย่า...อย่าแตะนะ! ”
[ Special part : Trabfah ]
“แผลนี่...”
“...”
“ได้มาจากไหน? ” ผมเอ่ยถามในขณะที่เลื่อนสายตาลงมามองรอยแผลเป็นที่ปรากฏบนเรือนร่างของเจ้าขา รอยเหมือนถูกของมีคม ปลายนิ้วของผมไล้ไปตามรอยแผลเป็นนั่นอย่างลืมตัวและสงสัย ความจริงผมนึกสงสัยตั้งแต่ที่เช็ดตัวให้เธอเมื่อคราวที่เธอเป็นไข้แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก จนกระทั่งมาวันนี้...ผมนึกอยากรู้ขึ้นมาอีก
“อย่า...อย่าแตะนะ! ” อยู่ดีๆ เจ้าขาที่เอาแต่เงียบก็ตะโกนขึ้นอย่างคนที่หวาดกลัวจนลนลาน ไม่รู้ว่าเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนดิ้นหนีจากพันธนาการของผม จนผมเริ่มจะสู้แรงไม่ไหวและเป็นฝ่ายยอมผละห่างออกมา เธอเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วชันเข่าขึ้นมากอดทันทีโดยไม่ได้ใส่ใจว่าสภาพของตัวเองตอนนี้มันล่อแหลมมากแค่ไหน
เนื้อตัวของเธอสั่นเทาและเริ่มหลุดเสียงสะอื้นออกมาเหมือนกำลังหวาดกลัวกับอะไรสักอย่าง เธอมองมาที่ผมอย่างหวาดระแวงและเริ่มจะปล่อยโฮออกมาจนน่าตกใจ ผมรู้สึกใจหายวาบไปกับภาพตรงหน้า ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนหยาดน้ำตา เนื้อตัวสั่นระริกพร้อมอาการสะอึกสะอื้นจนดูน่าสงสาร
“เจ้าขา...”
เพียะ!
มือที่เอื้อมเข้าไปหาถูกเธอปัดทิ้งอย่างแรงเหมือนคนที่กำลังตกใจและตื่นกลัว ร่างบางถดตัวหนีผมไปนั่งเบียดชิดอยู่กับหัวเตียง เธอกำลังนั่งร้องไห้อย่างน่าสงสารและผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าแผลนั่นมันสร้างความสะเทือนใจอะไรไว้ให้เธอหรือเปล่า เธอถึงได้มีอาการเหมือนกับคนสติหลุดแบบนี้
“...” ผมเลือกที่จะยืนมองดูเธอเงียบๆ ไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอทิ้งผมไปเธอไปเจอกับอะไรมาบ้าง แต่หลังจากที่ได้กลับมาเจอกัน เธอดูเปลี่ยนไปมาก สวยขึ้น เงียบขรึมขึ้น และมีข่าวลือที่ไม่ดีมากมายของเธอลอยเข้าหูผม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมานั่งใส่ใจสักนิด บางทีอาจจะเป็นเวรกรรมที่เธอทำกับผมก็ได้ ชีวิตของเธอเลยต้องเป็นแบบนี้
“ออกไปนะ...อย่าเข้ามา ออกไป...ไป” เสียงพึมพำแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่มของเจ้าขา เธอยังคงนั่งกอดเข่าพยายามเบียดตัวชิดกับหัวเตียง แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้สนใจผมแล้ว มันเหมือนกับว่าตอนนี้เธอหลุดออกไปอีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่ได้มีผมยืนอยู่ตรงนี้ เจ้าขายังคงมีอาการหวาดกลัวแต่อาการสะอึกสะอื้นน้อยลง “อย่าทำเจ้าขา...พี่...อย่า ฮึก...”
ผมขยับเท้าอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ร่างบางที่กำลังนั่งคุดคู้อยู่บนเตียง พยายามเงี่ยหูฟังถ้อยคำที่เธอพูดออกมา เสียดายที่ผมอยู่ไกลเกินไปจนจับใจความคำพูดเหล่านั้นไม่ได้
“ฟ้า ฮือ...ช่วยเจ้าขาด้วย” ดวงตาคู่โศกนั่นเลื่อนขึ้นมามองผมช้าๆ ในจังหวะที่ผมสืบเท้าเข้าไปหยุดอยู่ใกล้เธอพอดี แอบลุ้นนิดหน่อยว่าเธอจะตกใจกลัวอย่างลนลานอีกหรือเปล่า “ฟ้า...”
หมับ!
“...! ” แต่มันก็ผิดคาดเมื่อร่างบางที่นั่งคุดคู้อยู่นั้นโผเข้ามากอดผมไว้แน่น เธอสั่นไปทั้งตัวพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก
“เจ้าขาขอโทษ...ฮึก” มือที่กำลังถูกยกขึ้นเพื่อโอบกอดเธอหยุดชะงักกลางอากาศ
เธอขอโทษเรื่องอะไร?
เรื่องที่ทิ้งผมไปเหรอ?
เพียงพอเหรอ?
“แค่ขอโทษแล้วเรื่องจบ ของ่ายไปหรือเปล่าเจ้าขา? ” สรุปว่านี่คือการแสดงเรียกคะแนนสงสารจากผมเหรอ
มารยาชิบ!
“ไม่...ไม่นะ เรารักฟ้า จริงๆ จริงๆนะ...” ผมนิ่งเงียบและปล่อยให้เจ้าขากอดอยู่แบบนั้น ดูแล้วเหมือนเธอกำลังละเมอมากกว่าจะพูดกับผม รักงั้นเหรอ...ที่ผมต้องเจ็บเจียนตาย แทบไม่เป็นผู้เป็นคนก็เพราะคำว่ารักของเธอไม่ใช่หรือไง?
“...” ผมกำมือแน่นมาก จู่ๆ ก็นึกอยากผลักผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้ออกไปให้ไกล
“อย่าเกลียดเจ้าขา อย่าเกลียดนะ”
“...” สุดท้ายผมก็ไม่ได้ผลักเธอออกไปตามที่สมองสั่งการ ในขณะที่เธอเองก็ยังคงโอบกอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่น
“...รัก” ผมได้ยินแค่นั้นก่อนจะรู้สึกว่าร่างบางเทน้ำหนักมาทางผมอย่างเต็มที่ เมื่อดันร่างเธอออกห่างเล็กน้อยก็พบว่าดวงตาที่เปื้อนหยาดน้ำตานั่นหลับสนิท คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แพขนตาของเธอเปียกชื้นเสียจนผมอดจะใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดออกให้ไม่ได้ แม้จะยังมีอาการสะอื้นอยู่เล็กน้อยแต่เธอนั้นหมดสติไปแล้ว อาจจะเหนื่อยจนหลับไปก็ได้ผมคิดว่างั้น
ผมไม่แน่ใจว่านี่คือการแสดงหรือมันคือความรู้สึกลึกๆ ของเธอ อะไรที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้?
แต่ผมจะมัวมาสนใจทำไม ในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการมาตลอดคือการทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่าผม ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้นแต่ผมกลับยังไม่มีแผนการอะไรในหัวเลยสักอย่าง ผมทำแค่ปล่อยให้เธอกางปีกโบยบินอยู่ภายในกรงของผมเอง เมื่อก่อนผมสามารถรู้สึกเกลียดเธอได้โดยไม่มีอะไรมาโต้แย้งในใจ แต่พอได้กลับมาเจอเธอจริงๆ เหมือนมีเหตุผลมากมายล้านแปดที่ผมไม่เข้าใจ ผมไม่มั่นใจว่าที่ตามหาเธอตลอดมานั่นเพียงแค่อยากจะแก้แค้นหรือผมแค่อยากได้เธอคืนมา
‘เจ้าขาหายไปไหนมา’
‘...’
‘เจ้าขาคงยังไม่รู้ พ่อเราเสียแล้วนะ...เรา...’
‘เลิกกันเถอะ...’
‘พูดอะไรน่ะเจ้าขา? ’
‘...’
‘อย่ามาอำกันแบบนี้สิ ตอนนี้เราไม่มีอารมณ์ขำนะ’
‘...’
‘เจ้าขาจะไปไหน? ’
‘...’
‘เจ้าขา...’
‘...’
‘เจ้าขา! ’
ผมยังจำภาพที่เธอหันหลังให้แล้วเดินออกมาโดยไม่มีถ้อยคำใดๆ นอกจากคำว่า ‘เลิกกันเถอะ’ ผมจำได้ว่าเอื้อมมือไปคว้าเธอไว้แต่เธอก็ผลักผมออกมา ผมวิ่งตามรถคันที่เธอขึ้นไปนั่ง แต่เธอไม่แม้แต่จะหันมามองสักนิด ไม่เลย...
ไม่มีเหตุผลที่จากไปสักข้อ...
วันนั้นคือวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม พ่อที่ล้มป่วยมานานจากไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผู้หญิงที่ผมรักมากคนหนึ่งก็มาทิ้งผมไปอีก ผมเหมือนคนบ้าไร้ชีวิตไปเป็นปีก่อนที่ครอบครัวจะช่วยกันเยียวยาจนผมสามารถกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ ในวันนั้นผมจึงตั้งปณิธานกับตัวเองว่าต้องหาเธอให้เจอและให้เธอได้ชดใช้
รักมากก็เกลียดมากมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ?
มันไม่ผิดที่ผมจะแค้นใช่ไหม?
ผมคือผู้ถูกกระทำไม่ใช่เหรอ?
ผมผละตัวเองออกมาจากอดีตก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองคนที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขน ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ตัวผมถึงได้ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงได้ แถมยังมีผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นนอนอยู่ข้างๆ อีกต่างหาก
ถึงจะนึกสงสัยในการกระทำดังกล่าวนี้ แต่ไว้ค่อยคิดอีกทีก็แล้วกัน...
ตอนใหม่มาแล้วค่าาา
ตราบฟ้าจะอ่อนโยนกี่โมงงง มาม่าในท้องอืดหมดแล้ว อยากได้ของหวานนน
ถ้าชื่นชอบสามารถกดเข้าชั้น+กดใจให้กันได้นะคะ หรือคอมเม้นท์พูดคุย ติชมได้ค่า
ฟีดแบคจากนักอ่านเป็นกำลังใจและเชื้อเพลิงชั้นดีสำหรับนักเขียนค่ะ รักกก
ไม่สะดวกเม้นต์ กดให้กำลังใจก็ได้งับ
ความคิดเห็น