ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดอกท้อโรยรา...วาสนาเบ่งบาน

    ลำดับตอนที่ #4 : 04 | หนึ่งชีวีแลกหนึ่งชีวัน 1 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 65






    04

     หนึ่งชีวีแลกหนึ่งชีวัน


    ท่านชอบใจมากกระมังไป๋จูมองคนที่ยืนตรงหน้าอย่างขุ่นเคืองใจ เขาพานางมาหยุดอยู่ที่ตรอกทางแห่งหนึ่ง สถานที่ตรงนี้ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน ดูแล้วไร้ทัศนียภาพที่น่าชม

    รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้กลมกลืนกับมนุษย์เสียเฟยหมิงเอ่ย พร้อมกับที่อาภรณ์บนร่างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้งดงามเช่นอาภรณ์ของเหล่าเทพเซียนแดนสวรรค์ แต่ก็งดงาม มองดูสง่ากว่าของชาวบ้านทั่วไปของแดนมนุษย์ หันไปมองทางหลี่หลง บัดนี้เขาสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตา ดังพวกนักปราชญ์ที่ในตำราเคยบรรยายลักษณะไว้

    ไป๋จูนิ่งคิดชั่วครู่ นางควรสวมใส่อาภรณ์เช่นไรดี พลันสายตาเหลือบไปเห็นหญิงงามนางหนึ่งทำตัวลับๆ ล่อๆ บนกายนางสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูงดงาม สีสันสดใส แลดูสวยงามยิ่ง ฉับพลันอาภรณ์บนกายนางก็เปลี่ยนไปตามความคิด งดงามยิ่งดังที่นางตั้งใจ

    ไป๋จู เจ้าแต่งตัวเช่นไรก็งามล้ำนักหลี่หลงเอ่ยชม สายตาของเขาฉายความรู้สึกอย่างชัดเจน ไม่ปิดบัง แต่องค์หญิงเผ่ามังกรขาวกลับไม่เข้าใจในความหมายนั้น

    ท่านเป็นนางคณิกาจากหอนางโลมใดหรือรัชทายาทเผ่าสวรรค์หันกลับมามองสตรีข้างๆ บ้าง เขาถอนหายใจเพียงเล็กน้อย ชุดที่นางสวมใส่อยู่ตอนนี้ ล้วนแล้วจะหาได้จากสตรีในหอนางโลม

    พวกนางแต่งตัวเช่นนี้หรือ ข้าเลียนแบบมาจากหญิงที่ทำตัวลับๆ ล่อ ๆ ทางนั้นไป๋จูเคยอ่านจากตำราเกี่ยวกับแดนมนุษย์ นางคณิกาก็คือ สตรีผุ้มีหน้าที่ปฏิบัติ ปรนเปรอความสุขให้แก่บุรุษ ซึ่งจะอาศัยอยู่ในหอนางโลม พวกนางล้วนงดงามราวกับเทพธิดา ไป๋จูเห็นแล้วว่าคำกล่าวนั้นไม่เกินจริง

    หญิงผู้นั้นอยู่ที่ใดเฟยหมิงรีบเอ่ยถาม เขาสัมผัสได้ถึงไอปีศาจอ่อนๆ ของปีศาจนกยักษ์ลอยมาตามลม ดูท่าแล้ววิหคเพลิงกาฬอาจอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก

    นางเดินเลี้ยวไปทางหัวมุมตรงนั้นแล้วไป๋จูเอ่ยตอบ พลางชี้ไปยังเส้นทางที่เห็นสตรีผู้นั้นเดินหายไป ก่อนมองไปยังเฟยหมิงด้วยความสงสัย ใบหน้าของรัชทายาทแห่งแดนสวรรค์ดูเคร่งขรึมลง ไป๋จูหันกลับไปมองหลี่หลง ซึ่งก็มีสีหน้าไม่ได้ต่างไปจากนางนัก

    ข้าสงสัยว่านางอาจเกี่ยวข้องกับวิหคเพลิงกาฬ รีบตามไปดูเถิดเฟยหมิงกล่าว ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปยังทิศทางที่ไป๋จูชี้บอก ไม่ได้หันกลับมาดูผู้ร่วมทางทั้งสองที่มองหน้ากันเลิ่กลั่กอยู่ด้านหลัง ไป๋จูและหลี่รีบจ้ำเท้าตามหลังของบุรุษผู้เดินนำหน้าไปไกลลิบ

    อ๋า...เมืองมนุษย์คึกคักดีซะจริงไป๋จูตาลุกวาว เมื่อเดินมาสุดตรอกแล้วพบกับถนนเส้นใหญ่ คราคร่ำไปด้วยผู้คนและร้านรวง ช่างน่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูกนาง เรียกว่าอยากให้นางได้อย่างดียิ่ง

    ไป๋จูละสายตาจากแผ่นหลังกว้างของเฟยหมิงที่เริ่มห่างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ไหนๆ นางก็ได้มาเยือนถึงแดนมนุษย์ ฉไนเลยจะพลาดการใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดาไปเล่า

    หลี่หลง เจ้าสิ่งนั้นคืออะไรไป๋จูชี้ไปยังร้านที่ดูเหมือนว่าจะขายของกินได้ กลิ่นของมันช่างหอม ชวนให้น่าลิ้มลองนัก

    นั่นเรียกว่าขนมแป้งทอด เจ้าอยากกินหรือหลี่หลงเอ่ยถามอย่างเอาใจ เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าพยักหน้ารัวๆ ก็ชวนให้ฮึกเหิมยิ่ง เขาล้วนยินดีปรีดาเวลาที่นางอยากพึ่งพิง เจ้ารอเดี๋ยว ข้าจะไปซื้อมาให้

    หลี่หลงหน้าชื่นตาบาน เดินไปซื้อขนมแป้งทอดมาสองแผ่น หมุนตัวเดินตรงกลับมาหาคนที่คาดว่ายืนรออยู่ที่เดิม แต่กลับกลายเป็นว่า ร่างบางระหงขององค์หญิงมังกรขาวได้หายไปเสียแล้ว

    ไป๋จู! ” หลี่หลงตะโกนเรียกพลางมองหาร่างที่เด่นสะดุดตาผู้คน แต่กลับมองหาไม่พบ เขาหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูก นึกอยากใช้พลังฤทธิ์ แต่นึกถึงคำที่รัชทายาทเผ่าสวรรค์กำชับไว้ยามที่อยู่ ณ สวนท้อสวรรค์

    อย่าใช้พลังฤทธิ์โดยไม่จำเป็นในแดนมนุษย์

    หลี่หลงคิดไม่ตก เหตุการณ์ในตอนนี้เรียกว่าเหตุจำเป็นได้หรือไม่!

    ทางด้านของไป๋จู หลังจากที่หลี่หลงเดินไปยังร้านแป้งทอด ข้าวของในร้านรวงต่างๆ ก็ดึงดูดใจนางนัก รู้ตัวอีกทีนางก็ไหลตามผู้คนที่คราคร่ำเต็มท้องถนน มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านปิ่นปักผมเสียแล้ว

    แม่นาง ปิ่นปักผมเหล่านี้ล้วนเหมาะกับสาวงามอย่างท่านยิ่งไป๋จูมองปิ่นเหล่านั้นที่พ่อค้ายื่นมาให้ตรงหน้า ทุกอันล้วนงดงาม แต่ก็ยังธรรมดาในสายตาของนางนัก

    มีที่งามกว่านี้อีกหรือไม่นางกวาดตามองปิ่นที่วางขาย ไม่มีอันไหนถูกใจนางเป็นพิเศษ

    ข้ายกมาให้ท่านดูหมดร้านแล้วหนา ถ้าจะไม่ซื้อก็รีบไปเสียเถอะไป๋จูมองหน้าพ่อค้าร้านปิ่นอย่างตกตะลึง คนทำมาค้าขายใยพูดจาแย่กับลูกค้าเช่นนี้เล่า หรือเขาคิดว่านางไม่มีปัญญาจ่ายค่าปิ่นเหล่านี้กัน

    แม่นาง ปิ่นราคาถูกพวกนี้ไม่เหมาะกับท่านหรอกก่อนจะได้เอ่ยปากต่อว่าพ่อค้าตรงหน้า น้ำเสียงนุ่มทุ้มของใครบางคนก็ดังมาจากทางด้านหลัง ไป๋จูหันกลับไปมองก็พบกับบุรุษรูปร่างท่าทางดูดีผู้หนึ่ง หากแม่นางอยากได้ปิ่นที่งามล้ำ ข้าจะพาไปร้านเครื่องประดับชื่อดังของเมืองนี้ ที่นั่นของทุกชิ้นล้วนงดงามและประณีต ของราคาถูกเช่นนี้เทียบไม่ติดแน่นอน

    ได้ งั้นท่านนำทางข้าไปไป๋จูหันไปถลึงตาใส่พ่อค้าร้านปิ่น ที่บัดนี้ใบหน้าขึ้นสีแดงเข้ม ทำปากพะงาบๆ อย่างคนพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะหันกลับไปหาบุรุษแปลกหน้าอีกครา เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย บุรุษผู้นี้ดูไม่ใช่คนเลวอะไร เป็นคนใจดีเสียมากกว่า

    เขาพานางมายังร้านเครื่องประดับอย่างที่พูดจริงๆ ร้านนี้ดูใหญ่โต งดงามสมเป็นร้านเครื่องประดับอย่างยิ่ง ของทุกชิ้นในร้าน ล้วนดูเปล่งประกายเชิญชวนให้นางเข้าไปชม

    ของในร้านนี้งดงามอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ด้วยไป๋จูกวาดตามองอย่างตกตะลึง หากซื้อไปฝากท่านแม่สักชิ้นสองชิ้น อ่า...นางควรซื้อไปฝากตี้โฮวด้วย

    ท่านเสี่ยวโหว วันนี้อยากได้สิ่งใดหรือเจ้าคะเถ้าแก่ร้านเครื่องประดับกรีดกรายเข้ามาอย่างประจบประแจง ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์ นางเป็นหญิงหม้ายวัยกลางคน ช่างเอาอกเอาใจลูกค้าชนชั้นสูงเป็นปรกติ

    ข้าอยากได้ปิ่นที่งดงามและราคาแพงที่สุดให้แก่แม่นางท่านนี้บุรุษแปลกหน้าว่า พลางผายมือมาทางไป๋จูที่กำลังก้มๆ เงยๆ ชมเหล่าเครื่องประดับที่ถูกจัดแสดงเอาไว้

    ราคาแพงเช่นไร ข้าก็พร้อมจ่าย ขอเพียงแค่งดงามถูกใจข้าเพียงเท่านั้นไป๋จูเงยหน้าขึ้น มองไปทางเถ้าแก่ร้านด้วยท่าทางที่คิดว่าองอาจผ่าเผยที่สุด แต่นางกลับได้ยินเสียงหัวเราะซุบซิบดังไปทั่ว มีสิ่งใดน่าขำกันเช่นนั้นหรือ

    แม่นาง ร้านของข้าเป็นร้านเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองหลวง แม้แต่ทางพระราชวังเองยังสั่งทำเครื่องประดับต่างๆ จากร้านของข้า หากว่าปิ่นในร้านข้าไม่ถูกใจท่าน เกรงว่าไม่มีปิ่นจากร้านใดในเมืองนี้จะถูกใจท่านอีกแล้วกระมังน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่กลับแฝงถ้อยความจิกกัดเย้ยหยันเช่นนี้ ใช้ด้ามกระบี่ตบปากเสียที คงพอสั่งสอนได้กระมัง เป็นเพียงแค่มนุษย์ แต่กลับหาญกล้ากับคนของเผ่าสวรรค์เช่นนี้

    ...ไป๋จูไม่เอ่ยตอบ มือขวาของนางกำลังรวบรวมพลังฤทธิ์อย่างเงียบเชียบ เพื่อเรียกหาไป๋เจี้ยน มนุษย์ผู้นี้ช่างโอหัง ควรได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง แต่แล้วกลับถูกฝ่ามือใหญ่ของคนผู้หนึ่งเข้ามากอบกุมตรงข้อมือของนางไว้ ไป๋จูสะบัดหน้ากลับไปมองอย่างฉุนเฉียว ใบหน้างดงามราวรูปแกะสลักของรัชทายาทเผ่าสวรรค์ประจักษ์อยู่ในครรลองสายตา

    ใยเขาจึงมาอยู่ที่นี่เล่า มิใช่ว่าไล่ตามหญิงคณิกาคนนั้นไปแล้วหรือ?

    น้องสาวของข้า สติไม่ค่อยดีนัก รบกวนพวกท่านให้ขบขันเสียแล้วแถมคำพูดคำจา ใส่ร้ายว่านางเป็นหญิงสติวิปลาสอีกตั่งหาก!

    นี่ท่าน...ถ้อยคำบริพาธของไป๋จู จำเป็นต้องกลืนกลับลงไปในคอ เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมดุคู่นั้น เฟยหมิงส่งสายตาปรามสตรีข้างๆ หากเขามาไม่ทันการ นางคงเรียกกระบี่บรรพกาลออกมาไล่ฟันใส่มนุษย์พวกนี้แล้วกระมัง

    เป็นเช่นนี้หรอกหรือนายท่าน พวกข้าไม่ถือสาแม่นางหรอกเจ้าค่ะ ออกจะเวทนาแม่นางเสียด้วยซ้ำ รูปร่างหน้าตางามล้ำเช่นนี้ มิน่าเลยเชียวไป๋จูกำมือแน่น ข่มความไม่พอใจของตัวเองเอาไว้ นางยังไม่คุ้นชินกับแดนมนุษย์ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัชทายาทเผ่าสวรรค์จัดการแล้วกัน

    คราแรกที่เห็นชุดที่นางสวมใส่ ข้ายังคิดว่าแม่นางเป็นนางคณิกาจากหอใดบุรุษแปลกหน้าผู้นั้นเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ

    นางชื่นชอบเครื่องแต่งกายของเหล่าคณิกา ชอบเลียนแบบอยู่บ่อยครั้ง ครานี้พานางมาเที่ยวชมเมืองหลวง ไม่คิดเลยว่าจะพลัดหลงกันจนเกิดเรื่องราวเช่นนี้ไป๋จูเงยหน้ามองบุรุษในคราบพี่ชายจอมปลอม คำพูดคำจาของเขาช่างลื่นไหลดีแท้ เล่นละครตบตาได้อย่างดีเยี่ยม

    มิน่าเล่า ข้าไม่เคยเห็นหน้าพวกท่านมาก่อน แต่ข้ากลับถูกชะตากับแม่นางอย่างยิ่งบุรุษแปลกหน้ายังคงเจรจาด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง พลางหันมาส่งยิ้มให้กับไป๋จูที่ยืนทำหน้าบึ้งตึง เห็นดังนั้นนางก็อดจะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ ท่านคงไม่ว่ากระไร หากข้าอยากมอบของขวัญให้กับนางสักชิ้น

    สิ้นคำพูดนั้น เถ้าแก่ของร้านเครื่องประดับก็หยิบเอาปิ่นทองฝังทับทิมเม็ดใหญ่ ตัวปิ่นมีลวดลายงดงามแปลกตา ดูแล้วมีราคาค่างวดแพงลิบลิ่ว

    ข้าขอรับในน้ำใจของท่าน แต่ในเมื่อน้องสาวของข้าอยากได้ ข้ายินดีจะจ่ายให้นางด้วยตนเอง  ว่าจบ อัญมณีแปลกตาสองสามก้อนที่มีค่ามากกว่าตำลึงทองร้อยเท่า ก็ถูกวางลงบนมือของเถ้าแก่เจ้าของร้าน นางมองสิ่งของในมือด้วยดวงตาลุกวาวก่อนจะกล่าวขอบคุณเป็นการใหญ่ ก่อนจะยื่นปิ่นทองประดับทับทิมนั่นให้แก่ไป๋จูด้วยสีหน้าปรีดา

    ในจังหวะนั้นที่แทบจะไม่มีผู้ใดสังเกต แววตาของบุรุษแปลกหน้าผู้นั้นมีประกายบางอย่างไหววูบ ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

    เช่นนั้นข้าสองพี่น้อง ต้องขอลา...เฟยหมิงจับข้อมมือของไป๋จูไว้มั่น เตรียมลากนางออกจากร้านเครื่องประดับนี้ แต่มิวายจะถูกน้ำเสียงทุ้มนั่นเอ่ยรั้งอีกครา

    เดี๋ยวก่อนเถิด ในเมื่อพวกท่านมาจากต่างเมือง ก็ให้ข้าคอยดูแลดีหรือไม่ ข้ารู้จักโรงเตี๊ยมดีๆ อาหารก็อร่อย พวกท่านต้องประทับใจแน่

    เช่นนั้นก็ดีสิ! ” เฟยหมิงตั้งใจจะเอ่ยปฏิเสธ แต่ใครจะคาดคิดว่าปากของเขาจะช้าไปกว่าสตรีข้างกายอยู่มาก นางช่างไว้ใจผู้คนง่ายเสียจริง ครั้นเขาจะเอ่ยปัดอีกครั้งก็จนใจ

    งั้นข้าจะพาท่านไปเที่ยวชมเมืองหลวง ดีหรือไม่เมื่อเห็นว่าสตรีผู้งามล้ำไม่คิดปฏิเสธน้ำใจ บุรุษแปลกหน้าจึงขันอาสาอย่างกระตือรือร้น

    ดีอย่างยิ่ง ท่านรีบนำทางข้าไปไป๋จูเอ่ยอย่างตื่นเต้น นางตั้งใจว่าจะเที่ยวชมเมืองนี้อยู่แล้ว แต่การมีคนคอยตอบข้อสงสัยใคร่รู้ไปตลอดทาง นั่นย่อมดีกว่าไปคนเดียวอยู่แล้ว

    เสี่ยวจู...แรงรั้งที่ข้อมือ ประจวบกับคำเรียกจากปากของรัชทายาทแดนสวรรค์ ทำเอาไป๋จูถึงกับตะลึงงัน ผู้เดียวที่นางอนุญาตให้เรียกนางว่าเสี่ยวจู ก็มีเพียงไป๋อวี้ผู้เป็นพี่ชาย แม้แต่หลี่หลงขานเรียกนางเช่นนี้ยังทำให้นางขุ่นเคือง แต่บัดนี้นางกลับรู้สึกตื่นเต้นระคนตกใจเมื่อได้ยินจากปากของคนผู้นี้อย่างนั้นหรือ

    บางทีนางอาจตระหนักได้ว่าโมโหไปก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดีกระมัง

    ท่านมีอะไร จะเรียกข้าทำไมไป๋จูพยายามเลี่ยงการเรียกเขาว่า ท่านพี่นางรู้สึกกระดากปากเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ ต่างจากรัชทายาทเฟยหมิง ที่ดูท่าแล้วจะชื่นชอบการแสดงละครอย่างมาก

    น้องสาวข้า หาใช่หญิงปกติทั่วไป อย่างไรเสียข้าไม่อาจปล่อยนางคลาดสายตาได้...เขาจะย้ำทำไมนักว่านางเป็นหญิงสติวิปลาส! ไป๋จูแอบส่งสายตาไม่ค่อยพอใจนักไปให้ แต่ดูแล้วบุรุษผู้นี้ไม่ได้คิดจะเก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย เฟยหมิงคิดเพียงแต่ว่า หากปล่อยนางไปตามลำพัง อาจก่อเรื่องขึ้นอีกก็เป็นได้ ข้าจะไปเที่ยวชมเมืองหลวงกับพวกท่านด้วย

     

     

    ข้าจะไปเที่ยวชมเมืองหลวงกับพวกท่านด้วย

    เวรกรรมใดของนางกันหนอ ไป๋จูได้แต่รำพึงรำพันในใจ นางหมายมั่นจะเที่ยวชมเมืองมนุษย์ให้สำราญใจ กลายเป็นมีกระดูกชิ้นใหญ่แขวนคอนางเสียได้ ไม่ว่านางจะเดินไปร้านรวงใด รัชทายาทเฟยหมิงก็ตามติดประหนึ่งเงาตามตัว

    ที่เขาทำเช่นนี้ คงกลัวว่านางจะก่อความวุ่นวาย ทำให้งานของเขาเสียหายเป็นแน่

    หรือไม่...เขาก็แค่ต้องการจะกลั่นแกล้งนางไม่ให้เป็นสุขเพียงเท่านั้น

    ไป๋จู ท่านอยากลองล่องเรือดูหรือไม่เสียงของบุรุษแปลกหน้า นามว่า อาฟงเอ่ยขึ้นในตอนที่พวกนางเดินมาหยุดอยู่ริมสระบัว ระหว่างที่เดินเที่ยว นางและอาฟงก็ได้แนะนำตัวกันไปแล้วอย่างคร่าวๆ เห็นว่าเขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเยว่โหวซึ่งเป็นขุนนางคนสำคัญในราชสำนัก

    ดีนัก...ไป๋จูยังไม่ทันจะตอบตกลงอย่างชัดเจน กลับรู้สึกตากระตุกขึ้นมา

    ไป๋จู! ข้าหาเจ้าพบแล้ว! ” เสียงโหวกเหวกที่คุ้นหูดังมาจากด้านหลัง จะเป็นใครไปมิได้ หากไม่ใช่เจ้าปลามังกรทึ่มนั่น เขาวิ่งมาหานางอย่างว่องไวจนผิดวิสัย ก่อนจะโถมตัวเข้ามาหาพร้อมน้ำหูน้ำตาเปรอะหน้า แต่ดีนักที่ไป๋จูไหวตัวทัน นางเบี่ยงหลบร่างสูงเพรียวของหลี่หลงได้ทันควัน

    ตู้มมม!

    ส่งผลให้ร่างสูงของปลามังกรหนุ่มโถมตัวลงไปในน้ำอย่างแรง ผู้คนโดยรอบต่างหันมามองกันเป็นตาเดียว เป็นอีกคราที่รัชทายาทเฟยหมิงทอดถอนหายใจแล้วพึมพำเสียงแผ่วเบา มัวเมาในรักไม่ลืมหูลืมตา

    ไป๋จู ใยเจ้าต้องหลบข้าด้วยเล่า...ร่างของหลี่หลงโผล่ขึ้นจากน้ำมาครึ่งท่อน ด้วยร่างแท้คือปลามังกร การตกลงไปในน้ำนั้นก็เปรียบดังเขาล้มลงบนฟูกเพียงเท่านั้น หาได้กระทบกระเทือนร่างกายส่วนใดไม่ เขาทำเพียงมองขึ้นมาด้วยสีหน้าตัดพ้อ

    เจ้าคิดพิเรนทร์สิ่งใดอีกแล้ว เจ้าทึ่มเอ้ย! ” ไป๋จูกอดอกมองสหายปลามังกรด้วยใบหน้าบึ้งตึง เมื่อคราวอยู่ตำหนักสวนท้อก็คราหนึ่งแล้ว

    คนผู้นี้คือ...อาฟงที่มองสถานการณ์อย่างงุนงง ทำได้เพียงเอ่ยถาม

    เขาคือหลี่หลง สหายของข้าเองไป๋จูเอ่ยแนะนำอย่างไม่เต็มใจนัก ในขณะที่ปลามังกรหนุ่มกำลังตะเกียกตะกายขึ้นมาจากสระบัว

    เขาเนื้อตัวเปียกปอนเช่นนี้ ข้าว่ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงเตี๊ยมเถิด ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ได้ยินดังนั้น ทั้งไป๋จูและหลี่หลงตั้งท่าจะปฏิเสธ เพราะรู้แก่ใจว่าน้ำทำอะไรหลี่หลงไม่ได้หรอก

    ข้าเห็นด้วย น้องชายผู้นี้ร่างกายอ่อนแอมาแต่เด็ก ต้องรีบแช่น้ำอุ่นให้สบายตัวแต่ฉไนเลยจะเอ่ยทันเสียงเข้มทรงอำนาจของรัชทายาทเผ่าสวรรค์ หลี่หลงได้แต่ทำปากพะงาบๆ เขาร่างกายอ่อนแอแต่เด็ก ต้องรีบแช่น้ำอุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่!

    ส่วนไป๋จูเองก็มั่นใจอย่างยิ่งยวด รัชทายาทเฟยหมิงไม่ชอบหน้านาง ไม่ผิดแน่!



    โรงเตี๊ยมที่อาฟงพามานั้น โอ่อ่าหรูหรายิ่ง ไป๋จูกวาดตามองไปรอบๆ ห้องพักของตนอย่างตื่นตา เตียงนอนของนางกว้างมาก ต่อให้นางนอนดิ้นเพียงใดก็ไม่หล่นจากเตียงเป็นแน่แท้

    ข้าชอบที่นี่นางว่า พลางทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างสบายใจ

    หากเจ้าชอบ ก็พักอยู่หลายวันหน่อย ดีหรือไหมอาฟงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม ยังมีอีกหลายที่นัก ที่ข้าอยากพาเจ้าไปเที่ยวชม

    ดี ดีเลยไป๋จูตอบรับแบบไม่เสียเวลาไตร่ตรอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีคนอีกผู้หนึ่ง ยืนทำหน้านิ่งเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่หน้าประตู ท่านว่าดีหรือไม่?

    ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรั้งอยู่เมืองหลวงนานนัก แต่ข้าพี่น้อง ก็ขอรับน้ำใจจากเสี่ยวโหวรัชทายาทเผ่าสวรรค์เอ่ย พลางทำท่านอบน้อมจนไป๋จูประหลาดใจ คนแข็งทื่อพรรค์นั้น แสดงละครได้ไหลลื่นดีแท้

    ไม่ต้องมากพิธี นับจากวันนี้พวกเรานับเป็นสหายกันแล้วอาฟงหันไปเอ่ยกับเฟยหมิง ก่อนจะหันกลับมาหาไป๋จูอีกครั้ง ท่านหิวแล้วหรือไม่ ข้าสั่งของอร่อยเตรียมไว้ให้แล้ว

    พอท่านเอ่ยถึงของอร่อย ข้าก็หิวขึ้นมาเลยไป๋จูตาลุกวาว นางกำลังจะได้ลิ้มรสอาหารของแดนมนุษย์แล้ว ได้ยินคำเล่าลือมาว่า อาหารทุกอย่างล้วนมีรสอันโอชะทั้งสิ้น

    โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ชั้นบนเป็นห้องพัก ชั้นล่างเป็นร้านอาหาร แถมมีดนตรีบรรเลงให้ฟังอีกด้วย ถูกอกถูกใจไป๋จูเป็นอย่างยิ่ง

    หลี่หลง ถ้าเจ้าจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ลงไปกินข้าวข้างล่างนะไป๋จูเดินเยื้องไปยังห้องพักข้างๆ ยืนพูดอยู่ตรงหน้าประตูด้วยน้ำเสียงไม่ดังไม่เบาเกินไป เจ้าปลามังกรนั่นคงกำลังแช่น้ำอุ่นอย่างสบายอารมณ์เป็นแน่แท้ หากมัวแต่ชักช้า นางกินอาหารหมดโต๊ะ จะมาโวยวายใส่นางไม่ได้หรอกนะ

    คิดได้ดังนั้น นางก็รีบกระโดดโลดเต้น อาหารมื้อแรกในแดนมนุษย์ จะถูกปากนางมากกว่าอาหารของแดนสวรรค์หรือไม่หนอ

    องค์ไท่จื่อ...คล้อยหลังขององค์หญิงแห่งเผ่ามังกรขาว รัชทายาทแห่งสวรรค์เตรียมย่างเท้าตามนางลงไป แต่กลับถูกน้ำเสียงของสหายร่วมทางอีกผู้รั้งไว้ หลี่หลงโผล่หน้าออกมาจากห้อง มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาผู้สูงศักดิ์กว่าตน

    ท่านมีสิ่งใดอย่างนั้นหรือเฟยหมิงหันกลับไปมอง ท่าทางของคู่สนทนา ดูแล้วจะเป็นเรื่องลับ

    ข้ารู้สึกว่าบุรุษผู้นั้นมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเฟยหมิงเลิกคิ้วขึ้นสูง ไม่น่าเชื่อว่าหลี่หลงเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แล้วเหตุใดผู้ถือครองไป๋เจี้ยนกลับไม่รู้ระแคะระคาย ปล่อยตัวตามสบายไม่รู้จักระมัดระวัง ลำบากเขาต้องคอยจับตามองอยู่แทบจะตลอดเวลา

    อย่าเพิ่งแสดงท่าที เราต้องตามน้ำไปก่อนเฟยหมิงเอ่ย พลางเดินนำลงไปยังชั้นล่าง ที่บัดนี้มีสตรีแสนตะกละนางหนึ่ง กำลังน้ำลายสอ มองอาหารละลานตาบนโต๊ะ

    ลองชิมดูเถิด พ่อครัวของที่นี่มีฝีมือดีมากทีเดียวอาฟงนำเสนอแก่นางพร้อมรอยยิ้ม ไป๋จูลองใช้ตะเกียบคีบผัดผักในจานขึ้นมาชิมหนึ่งคำ ประกายตาของนางฉายแววแห่งความสุข รสชาติอาหารของแดนมนุษย์ถูกใจนางนัก

    คุณชาย...เสียงเข้มของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของอาฟง ก่อนจะก้าวอาดๆ เข้ามาแล้วก้มลงกระซิบกระซาบข้างหูผู้เป็นนาย ดูท่าแล้วจะเป็นบ่าวรับใช้ของอาฟง ไป๋จูแทะน่องไก่ในมือไปพลาง พยายามเงี่ยหูฟังไปพลาง คนทั้งสองมีความลับสิ่งใดกัน แต่คิดดูแล้วมันก็ไม่ใช่กงการของนางเสียหน่อย

    ประจวบเหมาะกับที่ร่างสูงสง่าของรัชทายาทแดนสวรรค์เดินมาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ นาง ไม่นานนักร่างสูงของหลี่หลงก็ตามมาอีกคน ไป๋จูรู้สึกว่าคนทั้งสองแลดูเคร่งขรึมขึ้นอย่างประหลาด

    พวกท่านมาพอดี เชิญทานอาหารแล้วพักผ่อนกันตามสบายเถิด ข้ามีธุระสำคัญต้องรีบไปจัดการ ต้องขอตัวก่อนอาฟงหันมายิ้มหลังจากที่บ่าวรับใช้ของเขาถอยออกไปแล้ว เขาหันมายิ้มให้ไป๋จูอีกครั้ง เอ่ยอีกไม่กี่คำแล้วขอตัวลา dก่อนไปยังหันกลับมาทิ้งท้ายไว้ว่า พรุ่งนี้เช้า ข้าจะมาพาท่านไปล่องเรือ

    รีบพูดรีบจากไป แม้ไป๋จูจะมีความสงสัยใคร่รู้อยู่มาก แต่บัดนี้อาหารตรงหน้าล่อตาล่อใจนางได้มากกว่า

    ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็สำลัก...รัชทายาทเฟยหมิงเอ่ย เมื่อเห็นว่าสตรีข้างกายกำลังแสดงท่าทางมูมมามไม่น่าดู แต่ไม่ทันจะขาดคำ นางก็สำลักจนหน้าดำหน้าแดง เหตุเพราะเนื้อไก่ติดคอนั่นปะไร

    เจ้าดื่มน้ำก่อนหลี่หลงรีบกุลีกุจอรินน้ำชาส่งให้แก่นาง ไป๋จูรับมาอย่างว่องไวก่อนจะกรอกลงคอ นางคิดว่าตัวเองจะต้องตายเพราะอาหารของแดนมนุษย์เสียแล้ว

    เป็นถึงองค์หญิงแห่งแดนบูรพา เหตุใดไม่รู้จักรักษากิริยาเสียบ้างเลยเสียงบ่นจากคนข้างๆ ทำเอานางหันไปมองตาเขียวปั๊ด ตอนอยู่แดนบูรพา ไม่มีใครมาเจ้ากี้เจ้าการกับนางเสียหน่อย อีกอย่าง นางรู้สึกว่าอาหารของแดนมนุษย์นั้นถูกปากนางยิ่ง เห็นสิ่งใดก็อยากกินไปเสียหมด

    ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ายังไม่บ่นมากเช่นท่านเลยไป๋จูรู้สึกว่าอาหารตรงหน้าจืดชืดลงในบัดดล บุรุษผู้นี้ชื่นชอบในการขัดแข้งขัดขานางเสียจริง

    เจ้าอิ่มแล้วหรือหลี่หลงเอ่ยทัก เมื่อเห็นนางในดวงใจลุกขึ้นจากโต๊ะ เตรียมตั้งท่าจะเดินขึ้นไปยังห้องพักที่ชั้นสอง

    ข้ากินไม่ลง...ไป๋จูเอ่ย หลุบตาลงมองต้นเหตุ เห็นว่าเขายังคงคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้สะท้านสะเทือนในการกระทำของตัวเองสักนิด นางจึงทำได้เพียงฮึดฮัดในใจ เจ้าก็ถืออาหารสักสองสามอย่างไปให้ข้าบนห้องด้วย

    ก่อนไปนางฉุกคิดขึ้นมาได้ เกรงว่าจะหิวขึ้นมากลางดึก เลยหันกลับไปสั่งสหายปลามังกรเป็นการทิ้งท้าย หลี่หลงตอบรับนางด้วยรอยยิ้ม เลื่อนสายตาไปยังรัชทายาทแห่งแดนสวรรค์อีกครา เขาก็ยังไม่ทุกข์ไม่ร้อนเช่นเคย!

    ไป๋จูหมกตัวอยู่ในห้องพัก นางมีหนังสือนิยายของแดนมนุษย์และอาหารรสเลิศอีกสองสามจานเป็นเพื่อน ไม่รู้เวลาดำเนินไปนานเท่าใด รู้ตัวอีกทีก็ไร้แสงแห่งดวงตะวันเสียแล้ว นางขยับตัวบิดกายไปมาอย่างเมื่อยขบ นึกอยากออกไปสูดอากาศที่ด้านนอกนัก

    เดินไปถึงหน้าประตูของโรงเตี๊ยมก็พบกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง กำลังทำท่าจะลั่นกลอนประตู แต่เขาหันมาเห็นนางเสียก่อน

    แม่นาง ท่านจะออกไปข้างนอกหรือไป๋จูทำเพียงพยักหน้า ดูท่าเขาจะเป็นเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นท่าทีตอบรับของนาง สีหน้าของท่านลุงเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ไม่สู้ดีนัก

    มีสิ่งใดหรือไป๋จูเอ่ยถาม

    นี่มันก็ค่ำแล้ว แม่นางค่อยออกไปตอนเช้าเถิดท่านลุงเจ้าของโรงเตี๊ยมรีบเอ่ยบอก พร้อมกับลั่นกลอนประตูในทันที การกระทำเช่นนี้ยิ่งสร้างความสงสัยให้แก่ไป๋จูมากนัก

    ท่านลุง เหตุใดข้าจึงออกไปไม่ได้แปลกจริงเชียว สีหน้าของท่านลุงผู้นี้ก็คลับคล้ายว่ามีเรื่องอยากจะเอ่ย แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถึง เขาหันมองรอบตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ

    ไอหยา...ระยะนี้เมืองหลวงเกิดเรื่องประหลาด ผู้คนที่ออกจากบ้านยามตะวันตกดินแล้ว ล้วนหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย เสียงลือกันว่าเป็นฝีมือของปีศาจจิ้งจอกพันปีท่านลุงเจ้าของโรงเตี๊ยมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน แม่นางรู้เช่นนี้แล้ว รีบกลับขึ้นไปพักผ่อนเถิด ไว้รุ่งเช้าค่อยออกไป

    ...ไป๋จูทำเพียงยิ้มให้เล็กน้อย แปลกซะจริง เหตุใดนางถึงสัมผัสถึงไอปราณของปีศาจจิ้งจอกไม่ได้ จิ้งจอกพันปีร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ กลบกลิ่นอายของตนเองจนสิ้น ฝีมือช่างร้ายกาจนัก

    นางต้องรีบนำเรื่องที่ได้ยินไปบอกแก่บุรุษร่วมทางทั้งสอง เริ่มจากการไปเรียกหลี่หลงแล้วลากให้ออกมาจากห้องพัก ก่อนจะบุกเข้าห้องพักของรัชทายาทเฟยหมิงอย่างอุกอาจกล้าหาญ

    พวกท่านมีเรื่องอะไร เหตุใดจึงบุกเข้ามาอย่างไร้มารยาทฝีปากนั้นจิกกัดเหน็บแนม แต่สายตากลับยังจับจ้องอยู่กับตำราในมือ ท่าทีเช่นนี้ ไป๋จูเห็นว่าน่าหมั่นไส้อย่างยิ่ง

    ข้ามีเรื่องสำคัญ ต้องหารือกับพวกท่านไป๋จูเอ่ย พลางจ้ำเท้าเข้าไปหารัชทายาทเฟยหมิงอย่างถือวิสาสะ นางนั่งลงตรงหน้าเขาด้วยท่าทีจริงจัง หน้าตาดูขึงขังจนคนเห็นอดแปลกใจไม่ได้ เฟยหมิงที่ตั้งใจจะต่อว่านาง เป็นอันละทิ้งความขุ่นเคือง

    เรื่องสำคัญอะไรรัชทายาทแดนสวรรค์ยอมละทิ้งหนังสือในมือ เขาจับจ้องสายตาไปยังใบหน้าจริงจังของนาง วูบหนึ่งนั้น รู้สึกว่าใบหน้านี้น่ามองอย่างยิ่ง

    เมื่อเห็นว่าบุรุษทั้งสองมีท่าทีตั้งใจฟัง ไป๋จูก็เริ่มเล่าสิ่งที่ได้ฟังมาจากเจ้าของโรงเตี๊ยม ใบหน้าของรัชทายาเฟยหมิงนิ่งเรียบ มีเพียงหลี่หลงเท่านั้นที่แสดงความตื่นตกใจออกมา

    ปีศาจจิ้งจอกพันปีนั้นเก่งเรื่องภาพมายานัก...แต่ทำไมข้าไม่รับรู้ถึงกลิ่นอายปีศาจของจิ้งจอกพันปีเลยเล่าหลี่หลงใคร่ครวญ ต่อให้จิ้งจอกพันปีจะเป็นปีศาจที่เก่งกาจเพียงใด ก็ไม่มีทางปกปิดกลิ่นอายของตนเองได้อย่างมิดชิดเช่นนี้

    เพราะนั่นไม่ใช่ฝีมือของจิ้งจอกพันปี แต่เป็นฝีมือของราชามารจิ้งจอกเก้าหางเฟยหมิงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง ราวกับว่าเขาล่วงรู้ทุกอย่างอยู่ก่อนแล้ว

    ท่านกำลังพูดถึง หูหลี่จิ้ง ราชาแห่งแดนมารผู้นั้นน่ะหรือไป๋จูนึกย้อนไปตามตำราที่บันทึกไว้ หูหลี่จิ้งเป็นราชาแห่งแดนมารที่แข็งแกร่งที่สุดนับแต่จอมมารบรรพกาลดวงจิตแตกดับไป เขามีร่างแท้เป็นจิ้งจอกเก้าหาง โหดเหี้ยมและมากด้วยเล่ห์กล นางไม่เคยพบกับราชามารผู้นี้มาก่อน เรื่องราวเกี่ยวกับเขาผู้นี้ล้วนได้มาจากตำราทั้งสิ้น

    เช่นนั้นก็แย่แล้ว เรื่องของปีศาจวิหคเพลิงกาฬยังไม่ลุล่วง ราชามารดันโผล่มาอีกหลี่หลงเอ่ยขึ้นด้วยหน้าตาซีดเซียว เขารู้สึกแข้งขาอ่อนแรงโดยฉับพลัน ลำพังแค่ปีศาจนกยักษ์นั่นก็เกินกำลังเขาไปมากโข แล้วนี่อาจจะต้องเผชิญหน้ากับราชามารผู้แข็งแกร่งผู้นั้น คิดดูแล้ว เขาจะมีชีวิตรอดกลับไปหาท่านพ่อกับท่านแม่ ณ เผ่าปลามังกรหรือไม่

    ท่านคิดว่าราชามารผู้นั้น จะเสียเวลามายังแดนมนุษย์ด้วยตนเอง เพียงเพื่อเหตุแค่นี้น่ะหรือน้ำเสียงของรัชทายาทแดนสวรรค์นั้นฟังดูใจเย็น ต่างจากไป๋จูที่เก็บถ้อยคำของเขามาคิดอย่างใคร่ครวญ

    วิหคเพลิงกาฬเพิ่งหลุดออกจากผนึก พลังยังฟื้นคืนไม่เต็มที่ จำเป็นต้องอาศัยปราณขุ่นของแดนมนุษย์เพื่อฟื้นตัว...นางใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับที่มีมนุษย์หายตัวไป เหลือบสายตามองรัชทายาทเฟยหมิง ก็พบว่าเขากำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสงบนิ่ง

    ในตำราบอกว่า การกลืนกินดวงจิตนับเป็นวิชามารชั้นสูง สามารถใช้เพิ่มพลังได้เร็วกว่าการฝึกบำเพ็ญ ราชามารรวบรวมผู้คนเหล่านั้นไปให้วิหคเพลิงกาฬเป็นแน่เป็นหลี่หลงที่เอ่ยขึ้นมา หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่อึดใจ

    ท่านช่างมีความรู้กว้างขวางและมองได้ทะลุปรุโปร่งนักคราวนี้เฟยหมิงยิ้มออกมา เป็นดังเช่นที่เซียนปลามังกรกล่าว ราชามารหูหลี่จิ้งได้รวบรวมผู้คนจำนวนมากไปสังเวยให้แก่วิหคเพลิงกาฬ เพื่อช่วยให้ปีศาจบรรพกาลตนนั้นฟื้นคืนพลังโดยเร็ว เขามองว่าแดนมารคิดจะอาศัยพลังอำนาจของวิหคเพลิงกาฬมาเปิดศึกกับแดนสวรรค์อีกครั้ง และเขาแน่ใจว่าตอนนี้ราชามารแอบซ่อนตัวอยู่ที่ใด เพียงแค่ไล่ตามราชามารไป ย่อมหาตัววิหคเพลิงกาฬได้ไม่ยากเย็น

    เช่นนั้นเราต้องรีบออกตามหาวิหคเพลิงกาฬให้พบ ก่อนที่พลังของมันจะฟื้นคืนอย่างเต็มที่ไป๋จูรู้สึกตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้นางมั่นใจในฝีมือและความคิดของตนเองนัก มาบัดนี้แล้ว นางรู้สึกว่าตนเองยังอ่อนด้อยกว่าบุรุษทั้งสองอยู่มาก แม้ด้านการต่อสู้นั้น หลี่หลงจะสู้นางไม่ได้ แต่ด้านความรู้ ด้านการวิเคราะห์นั้น หลี่หลงล้ำหน้านางไปไกลโข องค์ไท่จื่อ ท่านมีแผนใดหรือไม่?

    คืนนี้พวกท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิด รอถึงพรุ่งนี้ พวกเราจะได้เจอวิหคเพลิงกาฬไป๋จูและหลี่หลงทำท่าจะคัดค้าน ไป๋จูคิดว่ารัชทายาทเฟยหมิงนั้นดูใจเย็นเกินไป ทั้งที่เรื่องนี้ไม่อาจช้าได้ คืนนี้ต้องมีผู้คนสังเวยชีวิตอีกเท่าใด

    แต่ว่า...เพียงเห็นองค์หญิงเผ่ามังกรขาวเผยอริมฝีปาก รัชทายาทหนุ่มก็ตวัดสายตาห้ามปรามนางโดยทันที

    ห้ามกระทำสิ่งใดโดยพลการ ถ้าไม่ได้รับคำสั่ง พวกท่านรีบกลับไปพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้ใช้พรุ่งนี้เถิดเฟยหมิงเอ่ยพลางลุกขึ้น ตั้งท่าว่าจะเดินออกไปจากห้องพัก แต่กลับถูกเสียงเล็กเหนี่ยวรั้งไว้

    แล้วท่านจะไปที่ใดไป๋จูมองแผ่นหลังกว้างนั่นอย่างข้องใจ เขาสั่งให้นางกับหลี่หลงรีบไปนอน แต่ตัวเองกับจะออกไปเตร็ดเตร่เพียงลำพังกระนั้นหรือ

    ข้าจะออกไปสำรวจรอบๆ ดู ไว้เจอกันพรุ่งนี้กล่าวจบ ร่างสูงกำยำของรัชทายาทเฟยหมิงก็หายวับไปในทันที ไม่รั้งรอให้ไป๋จูได้ซักถามต่อ

    บุรุษผู้นี้ นอกจากจะเย็นชาเป็นก้อนน้ำแข็งแล้ว ยังชอบออกคำสั่ง บงการผู้อื่นอีกด้วย!

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋จูเดินลงมาชั้นล่างของโรงเตี๊ยมแต่เช้าตรู่ นางเอ่ยทักทายท่านลุงเจ้าของโรงเตี๊ยม พลางชะเง้อหาร่างของคนผู้หนึ่ง ที่บอกว่าจะออกไปสำรวจรอบๆ จนเวลานี้แล้วก็ยังไม่กลับมา เมื่อคืนนางโมโหเขาจนแทบนอนไม่หลับ

    แม่นางไป๋จูน้ำเสียงทุ้มดังขึ้น นางเลื่อนสายตาไปมองก่อนจะพบกับร่างสูงของอาฟง

    ท่านมาเช้าเพียงนี้เชียวหรือนางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ฟ้าเพิ่งสางได้ไม่ทันไร ขนาดหลี่หลงที่ชอบตื่นเช้ากลับยังไม่ยอมตื่นลืมตา

    เวลานี้อากาศกำลังดี แดดไม่แรงนัก เหมาะกับการล่องเรือชมทัศนียภาพของเมือง...อาฟงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่จิตใจของไป๋จูกลับว้าวุ่นนัก

    ข้าเกรงว่าคงไม่ได้ไปล่องเรือกับท่านแล้ว องค์...พี่ชายข้าจะรีบไปทำธุระที่เมืองอื่นต่อไป๋จูคิดว่า นางคงติดวิชาการละครจากรัชทายาทแห่งแดนสวรรค์มาแล้วเป็นแน่แท้

    เช่นนั้นหรอกหรือ...น่าเสียดายนักสีหน้าของอาฟงดูเศร้าหมองลงเล็กน้อย ไป๋จูแอบรู้สึกผิดอยู่เล็กๆ แต่เรื่องที่ได้รับมอบหมายย่อมสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งปวง มนุษย์ผู้นี้กับนางนั้นมีวาสนาต่อกันแค่เพียงผิวเผิน อย่างไรเสียก็ต้องจากลา นับจากนี้อีกไม่กี่ปีเขาก็จะตายลง แม้จะเป็นสหายกันเพียงแค่เวลาสั้นๆ แต่นางก็ประทับใจอยู่มาก

    ข้าขอลาท่านตรงนี้ไป๋จูยิ้มให้ แล้วเบี่ยงตัวออกเพื่อเดินออกไปจากโรงเตี๊ยม ประเดี๋ยวหลี่หลงตื่นก็คงจะตามหานางเอง แต่ใครจะคาดคิดว่าข้อมือของนางกลับถูกฉุดรั้งเอาไว้จากคนด้านหลัง

    ข้าหรือจะปล่อยให้หญิงงามเช่นท่านจากไปน้ำเสียงทุ้มที่ดูทรงอำนาจนั้นของอาฟง ทำเอาไป๋จูตื่นตระหนกไม่น้อย นางหันกลับไปมองบุรุษด้านหลัง เรือนร่างนั้นยังเป็นอาฟงสหายของนาง แต่สีหน้าและแววตากลับเหมือนเป็นคนอีกผู้หนึ่ง เขากำรอบข้อมือของนางแรงขึ้น ก่อนจะใช้แรงอีกขุมหนึ่งดึงนางเข้าไปหา ชั่วพริบตา ร่างที่นางคุ้นตาก็แปรเปลี่ยนเป็นคนอีกผู้

    เสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกของผู้คนในบริเวณนั้นดังขึ้นทั่วสารทิศ เหล่ามนุษย์วิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างไม่คิดชีวิต เสียงตะโกนโหวกเหวกดังว่า ปีศาจจิ้งจอกดังระงมไปทั่ว

    ใบหน้างดงามชวนเคลิบเคลิ้ม และหางจิ้งจอกทั้งเก้าที่โผล่ออกมา ไม่ผิดแน่...

    ราชามารหูหลี่จิ้ง! ” ไป๋จูถูกท่อนแขนกำยำนั่นตวัดเข้าสู่อ้อมอกของราชามารผู้เหี้ยมโหด อีกฝ่ายเห็นท่าทางของนางก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

    น่ายินดีนักที่ท่านรู้จักข้า องค์หญิงไป๋จูฝ่ามือหนายกขึ้นไล้กรอบหน้าของนาง ไป๋จูสะบัดหน้าหนี นางรู้สึกตกใจนักที่ราชามารผู้นี้รู้ฐานะที่แท้จริงของนาง

    ท่านรู้จักข้าได้อย่างไรดูท่าการที่เขาเข้าหานางนั้น ไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่อย่างใด ทุกอย่างล้วนเป็นความตั้งใจของราชามารผู้นี้

    ไม่มีสิ่งใดที่ข้าอยากรู้ แล้วไม่ได้รู้ราชาแห่งแดนมารมองสตรีตรงหน้า ราวกับว่านางคือเหยื่อแสนโอชะ ไป๋จูอยากดิ้นรนออกจากพันธนาการที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้านี้ แต่กำลังของนางกลับไม่เพียงพอ นางรู้ตัวดี แค่พลังฤทธิ์ของนางผู้เดียวไม่อาจต่อกรกับหูหลี่จิ้งได้

    ไป๋จู! เจ้าปล่อยนางนะ! ” เสียงของหลี่หลงตะโกนขึ้น ในที่สุดเขาก็ลืมตาตื่นเสียที ร่างสูงของสหายปลามังกรตรงดิ่งเข้ามาหา แต่กลับถูกราชามารใช้พลังฤทธิ์ผลักออกไปไกลหลายโยชน์ หลี่หลงหมดสติแทบจะทันที ไป๋จูคิดว่านางคงหวังพึ่งพาหลี่หลงไม่ได้แล้ว พลันในใจของนางก็นึกถึงคนอีกผู้ นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากำลังทำสิ่งใดอยู่ที่ไหนกัน

    ไวเท่าความคิด เกิดอัสนีฟาดเปรี้ยงลงมาในบริเวณใกล้ๆ ส่งผลให้อ้อมกอดของราชามารคลายออก ไป๋จูรีบอาศัยจังหวะนั้นผละตัวออกห่าง ก่อนจะถูกคนอีกผู้กระชากเข้าไปหา นางรีบเงยหน้ามอง พบว่าเป็นรัชทายาทเฟยหมิง แขนข้างหนึ่งของเขาโอบกอดนางไว้แนบอก ส่วนอีกข้างกำลังกอบกุมกระบี่บรรพกาลฟางเจี้ยนเอาไว้แน่น

    ท่านจาบจ้วงสตรีแดนสวรรค์เช่นนี้ ดูไม่เหมาะกระมังน้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ อุตส่าห์ลงทุนจำแลงกายเข้าหา เหตุใดจึงเกิดใจร้อนขึ้นมาเล่า

    องค์ไท่จื่อแห่งแดนสวรรค์ ช่างมีพระปรีชาสูงส่งสมคำร่ำลือแทนที่ราชามารจะเกรงกลัว เขากลับยิ้มกว้างออกมา พลางปรบมืออีกสองสามครั้ง ราวกับยินดีปรีดานักหนา

    ท่านกล่าวชมเกินไปแล้วรัชทายาทเฟยหมิงตอบกลับ พลางกระตุกยิ้มที่มุมปากหนึ่งที ท่านเป็นถึงราชาแห่งแดนมาร แต่กลับลดตัวลงมาก่อความวุ่นวายในแดนมนุษย์ ผิดวิสัยราชามารผู้โหดเหี้ยมเกรียงไกรยิ่งนัก

    พวกท่านกล่าวว่า มารอย่างพวกข้านั้นล้วนชั่วร้าย เลวทรามหาสิ่งใดเปรียบ ส่วนเทพเซียนอย่างพวกท่าน ล้วนบริสุทธิ์ เมตตาต่อสรรพสิ่ง แล้วเหตุใดจึงข้องใจในการกระทำของข้า แดนมารไม่มากพิธีรีตอง ข้าล้วนทำตามใจไม่ยึดถือกฎเกณฑ์

    แต่แดนมนุษย์อยู่ในความดูแลของแดนสวรรค์ ไม่อาจนิ่งเฉยให้ท่านมาก่อความวุ่นวายได้ปราณของกระบี่ฟางเจี้ยนลุกโชน เช่นเดียวกับสายตาของรัชทายาทเฟยหมิง ไป๋จูคิดว่า ณ ยามนี้ เขาคงอยากกวัดแกว่งกระบี่เข้าใส่บุรุษตรงหน้าจนแทบทนไม่ไหว

    ก็แค่ชีวิตของมนุษย์เพียงไม่กี่ชีวิต...ราชามารหูหลี่จิ้งเอ่ย พลางทำสีหน้าดูแคลน เขาไม่เข้าใจโดยแท้ เหตุใดมนุษย์ไร้ค่าพวกนี้จึงสำคัญนัก

    ไม่ว่าจะกี่ชีวิต ก็ไม่ควรถูกสังเวยเพราะความกระหายสงครามของท่านราชามารหูหลี่จิ้งหุบยิ้มลง เขาเริ่มรู้สึกไม่ถูกชะตากับรัชทายาทแดนสวรรค์ผู้นี้ ข่าวลือแพร่สะพัดว่ารัชทายาทแดนสวรรค์คือผู้มีบุญญาธิการสูงส่ง ความสามารถด้านบู๊และบุ๋นเป็นหนึ่งในสามโลก คนบางผู้ยังบอกอีกว่าราชาแห่งแดนมารไม่อาจเทียบเคียงว่าที่เทียนจวินผู้นี้ได้ นั่นสร้างความแค้นเคืองในใจแก่เขามากพอแล้ว มาบัดนี้ ประสบพบเจอกันต่อหน้า เขารู้สึกว่าคำกล่าวเหล่านั้นไม่ผิดเพี้ยนสักเท่าใด

    รัชทายาทเฟยหมิงดูจะมองทะลุความคิดของเขาได้อย่างปรุโปร่งทีเดียว บางทีตอนนี้อาจรู้ความจริงแล้วว่า เหตุใดราชามารเช่นเขาถึงได้ลดตัวมาก่อความวุ่นวายยังแดนมนุษย์ด้วยตนเอง

    รัชทายาทเฟยหมิง ท่านคิดมากไปแล้วกระมัง แดนเทพและแดนมารสงบศึกกันมานับแสนปีแล้ว ทั้งสองโลกไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกัน แล้วข้าจะก่อสงครามให้เสียเลือดเนื้อขึ้นด้วยเหตุใดเล่าในขณะนี้ ไป๋จูมองสลับระหว่างราชาแห่งแดนมาร และรัชทายาทแห่งแดนสวรรค์อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ดูจากสีหน้าท่าทางของรัชทายาทเฟยหมิงแล้ว การออกไปตรวจตราเมื่อคืนคงทำให้เขาได้พบความจริงบางอย่างเข้าแล้วกระมัง

    หากเป็นเช่นนั้น ท่านจะใช้ดวงวิญญาณของมนุษย์สังเวยแก่วิหคเพลิงกาฬด้วยเหตุใดคราวนี้ทั้งไป๋จูและหูหลี่จิ้งต่างตกตะลึง ไป๋จูตกใจมากกว่าผู้ใด ราชามารผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับวิหคเพลิงกาฬ แค่หาทางสังหารปีศาจนกยักษ์บรรพกาลนั่นก็ยากเย็นนักแล้ว นี่พวกนางยังต้องรับมือกับราชามารผู้เก่งกาจนี่ด้วยหรือ

    ทางด้านหูหลี่จิ้งนั้น แม้จะแอบคาดคะเนไว้บ้างแล้ว แต่พอแผนการถูเปิดเผยต่อหน้าเช่นนี้ ก็หวั่นใจไม่น้อย แต่คิดว่าหรือว่าราชามารอย่างเขา จะไม่เตรียมแผนการสำรองและทางหนีทีไล่เอาไว้รอ

    เสียแรงนักที่ข้านับท่านเป็นสหายด้วยใจจริงไป๋จูที่บัดนี้หลบไปอยู่ทางด้านหลังของรัชทายาทเฟยหมิงเอ่ยขึ้น นางเริ่มมีความรู้สึกโกรธกรุ่น ราชามารผู้นี้คิดใช้นางเป็นหมาก เข้าหานางอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ

    ...ไป๋จูรู้สึกว่าสายตาของหูหลี่จิ้งที่มองมานั้น ยากจะคาดเดานัก เขาไม่ปริปากโต้แย้ง แต่กลับใช้สายตาที่อ่านไม่ออกนั่นจับจ้องมาที่นาง ไม่นานนัก นางเริ่มรู้สึกได้ถึงไอมารจำนวนมาก พลันร่างของทหารมารและปีศาจก็ปรากฏขึ้น ดูแล้วมีไม่ต่ำกว่าห้าร้อยนาย ราชามารหูหลี่จิ้งเริ่มฉีกยิ้มและส่งเสียงหัวเราะออกมา

    อีกไม่นาน วิหคเพลิงกาฬก็ฟื้นคืนพลังอย่างเต็มที่ ข้าไม่ปล่อยให้พวกเจ้าเข้ามาขัดขวางเป็นแน่! ”

    ทหารเซียนรับคำสั่ง ขับไล่เหล่ามารปีศาจออกไปจากแดนมนุษย์! ” สิ้นคำของรัชทายาทเฟยหมิง กองทัพทหารเซียนก็ปรากฏกายขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทหารของแดนเทพและแดนมารเผชิญหน้ากัน ก่อนจะโห่ร้องแล้วพุ่งเข้าโรมรันกันอย่างดุเดือด เสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่น ไป๋จูหันรีหันขวาง หันกลับมาอีกทีร่างของรัชทายาทเฟยหมิงกับราชามารหูหลี่จิ้งก็ได้หายไปจากครรลองสายตาเสียแล้ว

    นางหลบเลี่ยงออกมาจากเส้นทางของเหล่าอาวุธที่ไม่มีตา ใคร่ครวญว่านางควรทำเช่นไรต่อไป นางควรตามหาวิหคเพลิงกาฬให้เจอและกำจัดมันก่อนที่จะฟื้นตัวได้เต็มที่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านางได้หลงลืมหลี่หลงที่ถูกโจมตีจนสลบเมื่อก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท

    ครั้งนี้นางต้องพึ่งความฉลาดของเจ้าปลามังกรสุดทึ่มนั่นแล้ว! 

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×