NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [REST] Jet On The Floor | กำราบรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1 {100%}

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 63










    Episode 1

     

    อืม ไม่กลัว อยากเปิดตัวแล้ว

    ...ฉันเงียบลง รู้สึกตกใจกับคำพูดของเขาที่ถูกพ่นออกมา ไม่รู้ว่าผ่านกระบวนความคิดมาดีแล้วหรือยัง

    ล้อเล่นแต่แล้วคำพูดถัดมาของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ฉันไม่เคยคาดหวังในความสัมพันธ์ของเรา แต่ไม่รู้ทำไมพอเขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องเล่นๆ แบบนี้ ฉันกลับรู้สึกโกรธมาก โกรธจนอยากยื่นมือไปตบหน้าเขาแรงๆ สักฉาด

    กลับก่อนนะฉันตัดสินใจที่จะลุกขึ้น อยากไปจากตรงนี้ จู่ๆ ก็ไม่อยากจะเห็นใบหน้าหล่อร้ายของเจ็ทขึ้นมา รู้ตัวเลยว่าถ้าอยู่ต่อ ฉันต้องมีเรื่องกับเขาแน่

    รีบไปไหน วันนี้นัดกินข้าวกัน จำไม่ได้? เสียงท้วงของเจ็ท ทำให้ฉันที่กำลังจะก้าวเท้าจากไปต้องชะงัก แล้วหันกลับมามองผู้พูดอีกครั้ง

    ครั้งหน้าแล้วกัน วันนี้ไม่สะดวกฉันปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและแน่วแน่มาก

    ก็จะกินวันนี้แต่คนอย่างเจ็ท เขาก็ยังคงเป็นคนที่ดึงดันและเอาแต่ใจตัวเองที่สุด

    คือเราไม่โอเคกับเธออะวันนี้ ไม่อยากมีเรื่อง วันอื่นได้ไหม? ฉันตัดสินใจที่จะพูดออกไปตรงๆ และเสียงก็ค่อนข้างจะดังพอสมควร ผู้คนในร้านเริ่มมองมาทางเราทั้งคู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสนใจในตอนนี้ ปฏิกิริยาของเจ็ทที่ตอบกลับมาคือ เขาจ้องหน้าฉันพร้อมกับขมวดคิ้ว

    เป็นเมนส์? ก่อนที่เขาจะถามออกมาเสียงดังฟังชัด

    ...ฉันหลับตาลงพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มอารมณ์อันน่าหงุดหงิดนี่ลง

    ไอ้มนุษย์ผู้ชายบ้านี่!

    แปลว่าใช่พอเห็นว่าฉันเงียบ เจ็ทก็คิดเอาเองแบบเสร็จสรรพ

    ไม่ใช่! ” ฉันสวนกลับไป แต่เรียกว่าตะคอกก็คงไม่ต่างนัก ดูเจ็ทจะอึ้งไปพอสมควรกับความฉุนเฉียวของฉัน ตอนนี้ฉันก็รู้สึกแปลกใจตัวเองแล้วเหมือนกัน ฉันไม่เคยหงุดหงิดเจ็ทแบบนี้มาก่อน เรียกได้ระหว่างระหว่างเรา มันมีแต่ความเอื่อยเฉื่อย ดูท่าคนที่แปลกไปจะไม่ได้มีแค่เจ็ทแล้วล่ะ เลิกกันไหม

    อีกแล้วล่ะ ฉันพูดประโยคนี้ขึ้นมาอีกแล้ว...

    ...แต่เจ็ทกลับเงียบ ซึ่งตามปกติแล้ว เขามักจะตอบกลับมาว่า โอเค เราเลิกกันถึงแม้ว่าสุดท้ายจะเลิกกันไม่ได้จริงๆ ก็เถอะ แต่มาคราวนี้ เขากลับทำแค่มองหน้าฉันนิ่งๆ ด้วยสีหน้าและแววตาที่ปราศจากความรู้สึก มันชวนให้ฉันรู้สึกใจหายขึ้นมา

    ...เกิดเดดแอร์ขึ้นระหว่างเรา ท่ามกลางเสียงซุบซิบของคนในร้าน ท่ามกลางกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่ตลบอบอวล เจ็ทเงียบไปจนน่ากลัว ฉันเองก็กลายเป็นคนใบ้ รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนงี่เง่า

    ปรับทัศนคติกันหน่อยไม่กี่อึดใจต่อมา เจ็ทก็ลุกขึ้นแล้วเป็นฝ่ายฉวยข้อมือฉัน เขาวางเงินจำนวนหนึ่งไว้บนโต๊ะก่อนจะจัดการลากฉันออกมาจากร้าน เพื่อตรงไปยังรถสปอร์ตคันเท่ราคาแพงระยับของเขา พอเปิดประตูได้ก็จับฉันยัดเข้ามาในรถแทบจะทันที โดยไม่ได้สนใจเลยว่าแขนขาของฉันจะไปกระแทกโดนส่วนไหนของรถหรือเปล่า

    ปึง!

    หลังจากพาตัวเองเข้ามาในรถ เขาก็ปิดประตูตามหลังเสียงดังสนั่น ไม่กลัวประตูหลุดติดมือบ้างหรือไง บ้าพลัง

    สารภาพอย่างตรงไปตรงมา ฉันว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันแย่ ทุกอย่างดูสลับขั้วไปหมด เริ่มแรกฉันเป็นคนที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ต่างจากเจ็ทที่ทำตัวไม่หนาวไม่ร้อน แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิก เจ็ทกลายเป็นคลื่นยักษ์ที่พร้อมจะซัดฉันให้จมลงก้นมหาสมุทร

    เพราะคบกันมาค่อนข้างนาน ฉันเลยมีสัญชาตญาณหยั่งรู้ระดับอารมณ์ของเขา เคยได้ยินไหมล่ะ ว่าพายุมักก่อตัวอยู่เบื้องหลังคลื่นลมที่สงบนิ่ง เจ็ทเป็นคนแบบนั้น ยิ่งเขานิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งอันตราย

    เราจะไปไหนกันฉันตัดสินใจถามขึ้นในที่สุด หลังจากปล่อยให้เขาทำหน้าที่คนขับมาเงียบๆ ถ้าเดาไม่ผิด ทางนี้เหมือนจะเป็นทางไปคอนโดของเขา ซึ่งฉันมีโอกาสไปเหยียบไม่ถึงห้าครั้ง

    เดาไม่ออกเหรอเขาตอบกลับมาในขณะที่สายตายังคงพุ่งตรงไปข้างหน้า ข้อดีของเจ็ทคือ เวลาโมโห เขาจะไม่ระบายอารมณ์กับสิ่งรอบตัว แต่เขาจะระเบิดใส่ต้นเหตุเท่านั้น ซึ่งมันทำให้เขาไม่ได้เหยียบคันเร่งแบบสุดชีวิตเหมือนคนที่มีอารมณ์โมโหบางคน กลับกัน เขายังคงขับรถแบบสบายๆ เพื่อพาฉันไปเชือด

    เขาชิล แต่ฉันไม่

    เกร็งจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ต้องเจออะไรบ้าง

    อ่า...เหมือนจะพอนึกออกแล้วฉันพูดขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ็ทหักพวงมาลัยเข้ามายังคอนโดหรูแห่งหนึ่ง นี่ไงล่ะ ถึงโรงเชือดของฉันแล้ว

    หลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว ก็เกิดความเงียบระหว่างเราขึ้นมาอีก ไม่มีใครขยับตัวไปไหน ยังคงนั่งเงียบกันอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง เงียบจนฉันรู้สึกอึดอัด และคิดว่าพื้นที่ภายในรถคันนี้มันช่างแคบนัก นี่แทบจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ฉันรู้สึกว่ามีความอึดอัดระหว่างเรา

    ปากนี้ใช่ไหมที่ชอบบอกเลิกเป็นเจ็ทที่ทำลายความเงียบลงไปในที่สุด เขาหันหน้ามามองฉันตรงๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาแตะลงที่ริมฝีปากของฉันเบาๆ ส่วนตัวฉันก็รู้สึกมึนงงกับปฏิกิริยาของเขา

    เอ๊ะ...ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ถ้อยคำทั้งหมดถูกริมฝีปากอุ่นร้อนนั่นดูดกลืนหายไป เจ็ทสอดมือไปที่ท้ายทอยของฉันเพื่อรั้งให้ฉันรับจุมพิตที่แสนหนักหน่วงจากเขา ทั้งดูดดึง ทั้งขบกัดจนฉันรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งเรียวปาก แม้พยายามจะผลักไสเขาออกไป แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเลย เจ็ทกำลังระบายความโมโหทั้งหมดผ่านจูบนี้

    เป็นจูบที่ไม่ทำให้นึกพิศวาสสักนิดเดียว นี่มันคือบทลงโทษสำหรับความปากดีของฉัน ที่หาญกล้าบอกเลิกเขาเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง ปกติก็ไม่เห็นติดใจอะไร ทำไมครั้งนี้ต้องไม่พอใจด้วย!

    ฉันพยายามใช้ฝ่ามือทุบตีเขาเพื่อประท้วง เพราะเขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้ฉันได้หายใจ

    มีปากก็พูดอะไรที่มันดีๆ ซะบ้างนั่นเป็นประโยคแรกหลังจากที่ระบายโทสะใส่ฉันจนสาแก่ใจแล้ว บอกเลิกอยู่ได้ เป็นบ้า?

    ปกติก็ไม่เห็นเป็นเดือดเป็นร้อนฉันโต้ตอบเขาหลังจากปรับลมหายใจได้แล้ว รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ริมฝีปากของตัวเองกำลังบวมเจ่อ มันก็ใช่ ที่ผ่านมามักเป็นฉันเองที่เอ่ยประโยคบอกเลิก ฉันแค่รู้สึกว่าเราทั้งคู่ไม่สามารถจะไปต่อได้ ยิ่งนานความผูกพันก็ยิ่งมาก ความสัมพันธ์ของเราก็ใช่ว่ามันจะดี มันแปลกแยกจากคนทั่วไปด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน ที่คบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่แคร์ ไม่สนใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักกันหรือเปล่า

    ทุกคนมีขีดจำกัดนะลูกหว้า ไม่คิดว่าฉันจะหมดความอดทนแล้วไปจริงๆ บ้างเหรอคราวนี้สายตาของเจ็ทเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

    ก็แค่เลิกกัน เราก็อยากเลิกกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไงฉันหลุบสายตาลงมองมือของตัวเองที่วางอยู่บนตัก ในขณะที่พูดก็มีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจ ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร ความเศร้าหรือเปล่านะ?

    เธอไม่เข้าใจเจ็ททิ้งคำพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะลงจากรถแล้วหนีขึ้นคอนโดไปเสียดื้อๆ

    ฉันไม่อยากค้นหาคำตอบหรอกว่าเรื่องนี้ใครคือคนผิด พวกเราเหมือนคนที่ห่วยแตกในความสัมพันธ์ที่เรียกว่าความรัก เหมือนเด็กสองคนที่ขาดความรักโคจรมาเจอกัน และหวังว่าจะมอบความรักให้แก่กันได้ ทั้งที่ไม่เคยรู้เลยว่าความรักมีรูปร่างหน้าตายังไง

    ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะคบกันมาถึงตอนนี้ เราแทบไม่มีอะไรที่ชัดเจนให้กันเลย

    Jet_TatToo : ขึ้นมาข้างบน

    เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ ทำให้ฉันก้มมองมือถือในมือของตัวเอง ฉันหยิบออกมาถือไว้สักพักแล้ว กะว่าจะโทร.ไปหาเพื่อนสักคน แต่ตอนนี้ฉันกำลังกวาดดูข้อความจากเจ็ทด้วยสายตาหลากหลายความรู้สึก เหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว และเหมือนจะรู้ด้วยว่าฉันยังไม่ได้ขยับไปไหน เจ็ทก็ยังคงเป็นเจ็ท เป็นคนโมโหร้ายที่หายเร็วเสมอ

    Me : เปิดประตูให้หน่อย

    และฉันก็ตัดสินใจที่จะขึ้นมาหาเขา ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ ทั้งที่ความจริงฉันสามารถเลือกจะไม่สนใจและออกไปจากที่นี่ก็ได้ แต่คงเป็นเพราะว่าวันนี้มันแปลกมั้ง แปลกตั้งแต่ที่เขาชวนฉันกินข้าว

    ยืนรอไม่นานนัก ประตูบานหนาก็ถูกเปิดออก ร่างสูงหลุบตามองฉันด้วยสายตาที่เดาอารมณ์ไม่ได้ ฉันเหลือบตาขึ้นมองเขานิดหนึ่งก่อนจะลากสายตาผ่านไปยังบานประตูแทน ความเงียบแบบนี้มันคืออะไรนะ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ แต่มันทำให้คนอย่างฉันรู้สึกประหม่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ทิ้งขาไว้ที่ลิฟต์เหรอประโยคกวนอารมณ์ถูกส่งมาจากริมฝีปากหนา มันช่วยขจัดความประหม่าไปจากใจฉันได้ดี แถมยังเพิ่มความรู้สึกเหม็นขี้หน้าเข้ามาแทนที่อีกด้วย ส่วนตัวเจ้าของประโยคนี้ผลุบหายเข้าไปด้านในแล้ว

    ฉันเดินกระแทกเท้าเข้ามาด้านในด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ระหว่างเรานี่มันไม่สามารถเกิดเรื่องดีๆ ได้จริงๆ ชอบทำตัวเหมือนคู่แค้นมากกว่าคู่รัก ฉันกวาดตามองรอบห้อง ทุกอย่างยังคงสภาพเดิมเหมือนกับที่มาครั้งก่อน ซึ่งนั่นก็เกือบปีมาแล้ว คอนโดของเจ็ทเป็น Duplex ที่เป็นแบบ Double Space (มีช่องเปิดฝ้าเพดานสูง)  ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านมากกว่าคอนโด

    คนรวยนี่มันก็รวยจริงๆ รวยจนทำอาชีพช่างสักเป็นงานอดิเรก

     เริ่ดไหม แฟนฉันน่ะ

    เข้าไปนอนก่อนไหม เมื่อคืนน่าจะเพลียมากเจ็ทพูดหลังจากวางแก้วน้ำมะนาวใส่น้ำแข็งไว้ตรงหน้าฉัน อืม ความจำดี เขารู้ว่าฉันชอบน้ำมะนาวมากกว่าน้ำส้ม แต่ไอ้สายตามีเลศนัยกับคำว่าเพลียนี่ฉันเห็นนะ

    ขึ้นมาคั้นนี่? ฉันวางแก้วไว้ที่เดิมหลังจากยกขึ้นมาจิบ สัมผัสได้ว่าเป็นน้ำมะนาวที่สดใหม่เหมือนเพิ่งคั้น เจ็ทจะลงทุนขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่หรอกมั้ง

    ใช่ ดูเธออารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันประหลาดใจอีกแล้ว เมนส์มาเหรอ แต่เมื่อคืนไม่มี หรือมาตอนเช้า?

    ...เจ็ทมองหน้าฉันด้วยสายตาที่จริงจังมาก พร้อมกับถามเรื่องวันนั้นของเดือนแบบไม่นึกกระดากปาก นี่เขามีปัญหาอะไรกับมดลูกฉันหรือเปล่า แง่หนึ่งก็ดูเหมือนคนใส่ใจ แต่อีกงี้ก็ดูเป็นคนพิลึกชอบกล

    ร่างกายผู้หญิงซับซ้อนชิบหายอันนี้เหมือนเขาบ่นกับตัวเอง แต่มันดันบังเอิญมาเข้าหูฉัน

    เป็นไรมากปะเนี่ย จะศึกษาไว้แปลงเพศเหรอฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงติดเหวี่ยง รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาอีกแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าฉันใกล้จะมีประจำเดือนจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่ช่วงวันนั้นสักหน่อย แต่อาการปวดท้องหน่วงๆ จี๊ดๆ นี่ฉันคุ้นเคยมากทีเดียว

    ไม่ ชอบจับชอบคลำมากกว่าเจ็ทยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูติดเล่นมากกว่าจริงจัง แล้วเป็นไร ทำไมหน้าเป็นแบบนั้น

    อ่า...ปวดท้องฉันบอกออกไป รู้สึกว่าอาการปวดมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แถมรู้สึกถึงการซึมเปื้อน ที่ผู้หญิงทุกคนต่างรู้ดี

    ปวดยังไง อ่า กินยาไหม? นี่นับเป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ฉันกับเขาพูดคุยกันเรื่องอาการเจ็บป่วย

    เจ็ท...ฉันเรียกชื่อคนที่กำลังทำท่าเหมือนคนทำอะไรไม่ถูกเบาๆ

    ห๊ะ? เขาขานรับด้วยสีหน้าตื่นๆ เป็นสีหน้าที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เสียดายที่ไม่มีอารมณ์มากพอ ไม่งั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้แน่

    ไปซื้อผ้าอนามัยให้ที

    ...ฉันกลั้นใจพูดออกไปแล้ว แต่เจ็ทตอบกลับมาด้วยความเงียบ นี่เขาคงไม่อยากปล่อยให้คอนโดของตัวเองกลายเป็นทะเลเลือดหรอกใช่ไหม?

    เธออยากเปลี่ยนโซฟาใหม่ใช่ไหมฉันพูดจริง ไม่ได้คิดขู่ ขืนเขายังยืนนิ่งอึ้งอยู่แบบนี้ ฉันไม่รับรองความปลอดภัยของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้แน่ เข้าใจใช่ไหมคะ ทุกคนเข้าใจฉันใช่ไหม

    นี่มันอะไรวะเนี่ยประโยคนี้เหมือนเจ็ทแค่พึมพำกับตัวเอง เขามองหน้าฉันอีกทีก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์แล้วออกจากห้องไป ก็สงสารอยู่หรอกนะ ผู้ชายหน้าตาดีมาก แบบว่าหล่อจัดๆ ยังไม่ได้แต่งงาน ยืนเลือกซื้อผ้าอนามัยท่ามกลางสายตาประชาชน

    ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกแล้ว

    โอ้ยยย ปวดท้องฉันเกลียดมาก เกลียดร่างกายตัวเอง และอิจฉาผู้หญิงบางคนที่ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานจากการปวดท้องในทุกๆ เดือน ฉันตัดสินใจลุกไปหาน้ำอุ่นในครัว หวังพึ่งพาให้มันช่วยผ่อนความเจ็บปวดนี้ โชคดีที่เจ็ทมีกระติกน้ำร้อนอยู่

    นั่งข่มความทรมานไปครึ่งชั่วโมง เจ็ทก็ยังไม่กลับขึ้นมา ใต้คอนโดมีมินิมาร์ทอยู่ กะตามเวลาแล้วไม่น่าใช้เวลาถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำไป นี่เขาเหาะไปซื้อของให้ฉันถึงสวรรค์เลยหรือไงนะ

    Me : กลับมายัง?

    Jet_TatToo : แปบ

    Jet_TatToo : เลือกอยู่

    ยังไงนะ? อีกทีสิคะพี่เจ็ท พี่ยืนเลือกผ้าอนามัยครึ่งชั่วโมง?

    ฉันแทบจะขว้างมือถือทิ้งไปด้วยความเหนื่อยใจ แต่พยายามปลอบตัวเองว่า เขาเป็นผู้ชาย ไม่แปลกหรอกเนอะ ที่จะซื้อผ้าอนามัยไม่เป็น

    มันยากเย็นตรงไหนเหรอเจ็ท แค่หยิบๆ มาแล้วไปจ่ายเงินไม่ได้หรือไง!

    Jet_TatToo : มันมีหลายยี่ห้อ มีแบบมีปีกด้วย

    Jet_TatToo : เธอใช้แบบไหน

    ฉันกดเปิดอ่านข้อความจากเขา แล้วกดออกมาจากแอปพลิเคชั่นไลน์ทันที เอาเป็นว่าปล่อยไปตามเวรตามกรรมก็แล้วกันนะ

    หลังจากผ่านไปอีกเกือบยี่สิบนาที เจ็ทกลับมาพร้อมกับผ้าอนามัยหลากหลายยี่ห้อ ยาสำหรับแก้ปวดประจำเดือนหนึ่งแผง และผลไม้สดจากร้านรถเข็น ฉันมองสิ่งของทั้งหมดพลางถอนหายใจ มีใครจะจ้างรีวิวไหมคะ ค่าจ้างไม่แพงแน่นอน

    ก็เธอไม่ยอมบอกว่าใช้แบบไหนเจ็ทนั่งลงข้างๆ ฉันพร้อมกับอธิบาย หลังจากที่เขาเห็นฉันทำหน้ายุ่ง อารมณ์แปรปรวนเพราะฮอร์โมนไม่พอ ยังจะต้องมาหงุดหงิดกับไอ้มนุษย์เพศชายนี่ด้วยเหรอเนี่ย

    ขอบใจแต่คนอย่างฉันก็มีมารยาทมากพอ ถือซะว่าประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้อีกหลายเดือน พอได้ยินคำขอบคุณจากฉัน เขาก็ทำท่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัวแทน

    ส่วนตัวฉันเองก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองเหมือนกัน เกิดเป็นมนุษย์เพศหญิงนี่มันลำบากจริงๆ ซับซ้อนชิบหายอย่างที่เจ็ทพูดนั่นแหละ

    ไปนอนพักก่อนไหม เดี๋ยวทำเสร็จจะไปปลุกเจ็ทเอ่ยขึ้นในตอนที่ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำ ในมือของเขามีกะละมังใส่ผักอยู่ เขาเป็นผู้ชายที่ทำอาหารเก่งและอร่อยมาก เรื่องนี้ฉันเพิ่งค้นพบเมื่อตอนมาที่คอนโดของเขาครั้งล่าสุด

    และมีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้

    ที่ฉันมั่นอกมั่นใจแบบนี้ เพราะเจ็ทเป็นคนบอกกับฉันเอง

    อยากจะร้องว้าวอย่างประทับใจ แต่ไม่ดีกว่า เดี๋ยวเขาจะเหลิง

    ไม่ล่ะ จะนั่งตรงนั้นฉันส่ายหน้าพร้อมชี้นิ้วไปยังโซฟาตัวเดิม ไม่อยากนอน ตอนนี้มีความรู้สึกอยากอ้อน ตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่นึกครึ้มอยากจะอ้อนคนตรงหน้า แต่ฉันก็ปลอบใจตัวเองว่า มันคงเป็นผลมาจากฮอร์โมนที่แปรปรวนของฉันเอง

    เจ็ทไม่ได้ตอบอะไรอีก เขาทำเพียงพยักหน้าแล้วหันหลังเดินกลับเข้าครัวไป ฉันได้ผลไม้สดที่เจ็ทซื้อขึ้นมาเมื่อกี้รองท้องเพื่อกินยา อาการปวดท้องก่อนหน้าจึงทุเลาลงไปบ้าง โชคดีที่ไม่ได้ปวดมากจนแทบทนไม่ไหวเหมือนครั้งก่อน ฉันใช้เวลาคิดทบทวนทุกอย่างอยู่ในใจ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตกจริงๆ กับพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิมในช่วงนี้ของเจ็ท

    นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันแรกที่เจอกับเขา จนกระทั่งเราตกลงเป็นแฟนกันแบบเงียบๆ

    ครั้งแรกที่ได้เจอกับเขา คงเป็นวันแรกที่ฉันก้าวขาเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในฐานะนักศึกษาละมั้ง  ฉันยังเป็นสาวน้อยวัยละอ่อนที่เดินแบบโง่ๆ จนส้นรองเท้าเข้าไปขัดตะแกรงเหล็กที่ใช้ครอบท่อระบายน้ำ มันสุดแสนจะอับอาย ไม่มีใครยื่นมือมาช่วย มีแต่เสียงฮือฮาและเสียงหัวเราะ แล้วตอนนั้นฉันก็ได้เจอกับเจ็ทที่เดินเข้ามาช่วย จำได้ว่าเขาหล่อมาก แต่สายตาของเขาที่มองมา แปลความได้ว่าฉันมันช่างโง่เขลาสิ้นดี

    หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างแยกย้าย ไม่ได้มีความประทับใจใดๆ ให้กัน และไม่มีการเฝ้าฝันถึงอัศวินขี่ม้าขาวอะไรทั้งนั้น สายตาที่บ่งบอกว่ารำคาญและมองฉันเป็นผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งยังตราตรึงใจอยู่เลย แต่คนเรามักมีเรื่องตลกร้ายเกิดขึ้นในชีวิต ฉันแอบชอบเพื่อนผู้ชายในคณะอยู่คนหนึ่ง เขาทำดีกับฉันทุกอย่างจนฉันเกือบคิดแล้วว่าเราจะได้คบหากัน

    ในวันสอบปลายภาควันสุดท้ายก่อนจะขึ้นปีสอง ฉันเห็นเขาเดินมากับผู้ชายคนหนึ่ง มันคงเป็นเรื่องปกติถ้าเขาไม่เดินเกาะแขนกันแบบกระหนุงกระหนิง แถมยังหอมแก้มกันอีกด้วย บอกเลยว่าเวลาที่เจอเรื่องนี้กับตัวเอง มันช็อคมาก สมองเบลอไปหมด

     ฉันเฮิร์ทมาก พวกคะนิ้งเลยพาไปย้อมใจที่ร้านเหล้า ที่นั่นเราเจอกลุ่มของเจ็ท แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจอะไรมากมาย จำแค่ว่าเขาคือพี่รหัสของคะนิ้ง ที่ผ่านมาฉันเอาแต่จมปลักอยู่กับคนๆ หนึ่ง จนไม่ได้ให้ความสนใจกับใคร และในคืนนั้นฉันก็ได้รู้ว่าพี่พันศรหล่อมาก นึกแล้วก็เสียดาย

    ย้อนกลับมาเรื่องที่ทำให้ฉันคบกับเจ็ท จำได้ลางๆ ว่าฉันเมาหนัก วิ่งออกไปอ้วกหน้าร้าน แล้วเจ็ทก็ดันออกไปคุยโทรศัพท์ตรงนั้นพอดี เขาเห็นสภาพเละเทะของฉันทุกอย่าง แต่กลับถามฉันว่า คบกันไหม

    ไม่รู้เพราะฉันเมา หรืออยากจะประชดความเจ็บปวด ฉันจึงตอบเขาไปว่า โอเค เราเป็นแฟนกัน

     

     

    หว้า...ลูกหว้าเสียงปลุกพร้อมแรงเขย่าเบาๆ ทำให้ฉันรู้ตัวว่าเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น สงสัยจะคิดเพลินมากไปหน่อย บวกกับฤทธิ์ของยาแก้ปวด

    เสร็จแล้วเหรอฉันยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ พร้อมเอ่ยถาม หลังจากได้กลิ่นอาหารหอมๆ ลอยมาแตะจมูก แค่ได้กลิ่นก็ทำท้องฉันร้องโครกครากแล้ว ฉันเป็นคนไม่ชอบทำอาหาร เรียกได้ว่าแค่ทอดไข่ยังกินไม่ได้เลย ขอโทษด้วยที่ไม่เก่งแบบแม่ศรีเรือน แล้วทำไมต้องแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้

    ฉันเอ่ยถามหลังจากได้มองเจ็ทแบบเต็มๆ ตา ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา กับกางเกงสแล็คสีเทาที่ดูเข้ากันดี

    วันนี้วันพิเศษ เลยอยากทำตัวพิเศษหน่อยเจ็ทบอกพร้อมกับยิ้มกริ่ม แต่ฉันก็ยังคงงงอยู่ดี วันนี้วันอะไร?

    วันเกิดเธอเหรอ? ฉันเอ่ยถามขึ้น ไม่ใช่สิ เจ็ทไม่ได้เกิดวันนี้สักหน่อย

    วันนี้วันครบรอบสี่ปีที่เราคบกันมาน้ำเสียงของเจ็ทดูจะขุ่นมัวขึ้น ต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ วันนี้วันครบรอบ? ให้ตายเถอะ ฉันไม่เคยมานั่งจดจำวันครบรอบของเราเลย เมื่อก่อนเขาก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง แล้วนี่เขาเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงได้สถาปนาวันครบรอบขึ้นมาแบบนี้

    อ๋อ งั้นเหรอแต่ดูเหมือนรีแอคชั่นของฉันจะไม่เข้าตาของเจ็ทสักเท่าไหร่ น้ำเสียงของเขาถึงดูนิ่งขึ้นกว่าเดิมขึ้นไปอีก

    จากนี้ก็จำเอาไว้ เรื่องสำคัญบอกตามตรงว่างงมาก เรื่องนี้สำหรับฉันมันดูเป็นเรื่องหยุมหยิม อีกอย่างนะ ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ชายคนไหนให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่าวันครบรอบเลยสักคน กลับกัน ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงต่างหากที่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิมพวกนี้

    เจ็ทเองก็เคยเป็นคนที่ไม่ใส่ใจเรื่องอะไรระหว่างเรา แต่มาตอนนี้เขากลับเปลี่ยนไปอย่างกับนี่ไม่ใช่ตัวเขา

    ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างของเจ็ท ที่กำลังเคลื่อนหายเข้าไปในครัว พลางยกมือขึ้นยีหัวตัวเองเบาๆ แปรปรวนกว่าอารมณ์ผู้หญิงเป็นเมนส์ ก็น่าจะเป็นผู้ชายที่ชื่อเจ็ทนี่แหละ

    ...ฉันตัดสินใจลุกตามเขามา และสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาในตอนนี้ ทำเอาฉันรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว บนโต๊ะกินข้าวขนาดสองคนของเจ็ท มีอาหารน่ากินอยู่สองสามเมนู มีไวน์แดงหนึ่งขวด มีแจกันดอกไม้และเทียนหอม แถมพื้นด้านล่างยังมีกลีบกุหลาบโรยเอาไว้ ไม่ได้ดูสกปรก แต่ชวนตะลึงมากกว่า

    เดี๋ยวก่อนเสียงของเจ็ทรั้งฉันที่กำลังจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมา นี่อะไร ฉันกำลังเป็นนางเอกซีรี่ย์ที่ถูกขอแต่งงานอยู่เหรอ... ของขวัญ เห็นมันสวยดี

    เจ็ทเปิดกล่องดังกล่าว ก่อนจะหยิบสร้อยเส้นเล็กที่มีจี้เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมา ฉันต้องซึ้งหรือเปล่านะ อันนี้เขาเรียกฉากโรแมนติกใช่ไหม ปกติฉันดูแต่หนังซอมบี้

    ขอบใจฉันเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อเจ็ทเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับลงมือใส่สร้อยดังกล่าวให้ฉัน ปลายนิ้วอุ่นร้อนของเขาเฉียดไปมากับผิวของฉัน มันส่งผลให้ฉันรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า แถมยังรู้สึกใจเต้นแรงอีกด้วย อยู่ดีๆ ฉันก็เกิดรู้สึกเขินเขาขึ้นมา บ้าไปแล้วแน่ๆ มันต้องเป็นเพราะว่าเจ็ทไม่เคยปฏิบัติกับฉันแบบนี้มาก่อน ฉันก็เลยรู้สึกตกใจจนใจเต้นแรง

    ใช่แน่ๆ มันต้องเป็นแบบนั้นนั่นแหละ

    สร้อยทำจากทองคำขาว รักษาดีๆ ด้วยนะเจ็ทบอกหลังจากผละห่างออกไปแล้ว

    ทองคำขาวนี่ขายได้กี่บาทฉันพึมพำในขณะที่กำลังก้มมองจี้รูปพระจันทร์เสี้ยว เพิ่งสังเกตว่ามีเพชรเม็ดเล็กอยู่ตรงกลาง สวยดีเหมือนกันนะ ฉันคิดว่าฉันถูกใจ

    ลองผ่าไฟแดงไหม เราสะดวกฉันเงยหน้าขึ้นไปมองผู้พูด ก่อนจะเห็นเจ็ทจับจ้องมาด้วยดวงตาไม่พอใจนัก เขาไม่พอใจอะไร?

    เธออยากตายเหรอฉันถลึงตาใส่เขา ผ่าไฟแดงบ้าบออะไรกัน เดี๋ยวนี้ชักจะหื่นใหญ่แล้วนะ

    อาหารเย็นหมดแล้วเจ็ทดูอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย ในตอนที่เราทั้งคู่นั่งประจำที่ของตัวเอง ฉันมองจานอาหารแสนน่ากินของตัวเองแล้วแอบกลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนน้ำย่อยอยากเริ่มทำงานอีกครั้ง และแน่นอนว่าฉันจะไม่ขัดใจกระเพาะตัวเอง

    เราทั้งคู่นั่งกินอาหารกันเงียบๆ กับบรรยากาศที่แปลกประหลาดในความรู้สึกของฉัน จะว่าอึดอัดก็ไม่ใช่ ตื่นเต้นก็ไม่เชิง อาหารอร่อยมาก แต่ฉันกลับกินไปได้แค่น้อยนิด

    กระเพาะแมวหรือไง กินเหมือนดมเจ็ทเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ฉันที่โซฟา หลังจากที่เขาอาสาเป็นคนเก็บกวาดครัว แน่ล่ะ ก็เขาเป็นคนคิดพิเรนทร์เองนี่หน่า

    ก็ไม่อร่อยอะ ไม่ถูกปากฉันแกล้งเขา เพราะรู้สึกหมั่นไส้

    งั้นเหรอ...แต่ปฏิกิริยาของเขาที่ตอบกลับมา ทำเอาฉันแอบรู้สึกผิด ใบหน้าหงอยๆ และน้ำเสียงเศร้าๆ นั่นมันอะไรน่ะ เขาทำให้ฉันรู้สึกว่า เขาคือเจ้าหมาตัวโตที่กำลังเศร้าสร้อยเพราะเจ้าของไม่รักอยู่

    ก่อนหน้านี้กินผลไม้ไปเยอะ ก็เลยไม่ค่อยหิวฉันนั่งอธิบาย ซึ่งปกติฉันก็ไม่เคยต้องมานั่งอธิบายอะไรให้เจ็ทฟังเลย หรืออีกนัยน์หนึ่งก็คือ เจ็ทไม่เคยอยากฟังคำอธิบายอะไรจากฉัน เขาแทบไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับตัวฉันด้วยซ้ำ ส่วนฉันเอง ก็ไม่ต่างจากเขานัก อยากกลับแล้ว ไปส่งหน่อยได้ไหม

    ฉันเอ่ยขึ้นตอนที่เจ็ทพยักหน้าให้กับคำอธิบายของฉัน สีหน้าของเขาดูดีขึ้นกว่าเมื่อกี้ อ่า...เลิกเป็นหมาแล้ว

    นอนที่นี่ก็ได้แต่คำตอบของเจ็ททำเอาฉันหันขวับไปมองเขา คอแทบจะเคล็ด แต่อยากแน่ใจว่าไม่ได้หูแว่วไปเอง

    ยังไงนะ? ฉันมองหน้าเขาด้วยสายตาตั้งคำถาม และเจ็ทก็จ้องตากลับมา พร้อมบอกจุดประสงค์แบบชัดเจน โดยค่อยๆ เน้นที่ละคำ

    นอน-ที่-นี่

    ...เอาล่ะ ฉันไม่เคยนอนค้างคืนกับเจ็ทมาก่อน ถึงเขาจะชอบหาเรื่องไป กอดฉันที่หอพักอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยอยู่จนถึงเช้า อยากกลับหอมากกว่า อยากไปอาบน้ำนอน

    ที่นี่มีห้องน้ำ มีเตียงให้นอนฉันยังคงนั่งสบตากับเจ็ทอยู่บนโซฟา และสายตาของเขาก็บ่งบอกว่าไม่คิดจะยอมรามือกับเรื่องนี้ง่ายๆ

    แต่ฉันไม่มีเสื้อผ้า...ชั้นในฉันเอ่ยขึ้นอีก รู้สึกกระอายอายนิดๆ

    มี เป็นตู้เลย

    ...ฉันกระพริบตาปริบๆ มองเขา มีเป็นตู้?

    ปะ ดูกันเจ็ทคงจะเห็นความงุนงงบนใบหน้าของฉัน เขาก็เลยออกปากชวน พร้อมทั้งฉุดรั้งแขนฉันให้เดินตามไปยังห้องนอนชั้นบน เขาพาฉันเข้ามาในห้อง ลากดึงมาจนถึงหน้าตู้เสื้อผ้าหลังหนึ่ง จากนั้นเขาก็เปิดตู้ออกมา เผยให้เห็นเสื้อผ้าผู้หญิงที่อัดแน่นอยู่ภายใน ไม่ต่ำกว่ายี่สิบชุด

    ...สมองของฉันกำลังพยายามประมวลผล เสื้อผ้าใคร? ของฉันหรือสาวคนอื่นที่เขาพามาค้างคืนด้วย? เขาอยากจะไปมีใครฉันไม่เคยว่า แต่ถ้าจะให้ฉันมาใช้ของร่วมกับผู้หญิงพวกนั้น ฉันไม่โอเค แค่ใช้เขาร่วมกับคนอื่นก็เกินพอแล้ว

    มือหนึ่ง ไม่มีใครเคยใส่เจ็ทเอ่ยขึ้นเหมือนเห็นความสงสัยแปะไว้บนหน้าฉัน

    ซื้อมาใส่เองเหรอ เปลี่ยนรสนิยม? ฉันรู้ว่าคำถามของฉันมันช่างฟังดูกวนอารมณ์ แต่โลกเดี๋ยวนี้มันไว้ใจยาก เผลอแปบเดียว ผัวฉันก็เป็นเมียเขาไปแล้ว

    ปึง!

     เสียงปิดประตูตู้เสื้อผ้าที่ไม่เบานัก ดังมาจากร่างสูงที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

    ลองไหม?

    ไม่ล่ะฉันส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเข้าใจคำถามของเขาดี ลองไหมที่ไม่ได้แปลว่าลองเสื้อผ้าไหม

    เมื่อเห็นว่าฉันสงบปากสงบคำแล้ว เจ็ทก็เปิดตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง ฉันเห็นเขาไล่ดูเสื้อผ้าทีละชุด ก่อนจะหยิบกระโปรงชุดนอนแบบผ้าซาตินสีแดงเข้มมาให้ฉัน ตามด้วยชั้นในลายลูกไม้สีดำ...

    เจ็ท...ฉันอยากจะเอ่ยท้วง แต่เจ็ทก็ไม่ได้ใส่ใจจะหันกลับมาฟัง เขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาส่งให้ฉันอีกผืน

    ไปอาบห้องนู้นเจ็ทบอกพร้อมกับดันหลังฉันให้ออกจากห้อง

    เดี๋ยวๆ อาบห้องนี้ก็ได้ฉันขืนตัวเองเอาไว้ เข้าใจได้ดีว่าห้องนู้น ก็คือห้องนอนของเขา

    ไม่มีสบู่ ไม่หอมนะเจ็ทบอกฉันด้วยท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังล่อหลอกเด็กสามขวบไปอาบน้ำ

    ไม่เป็นไร ฉันตัวหอมอยู่แล้วและแน่นอนว่าฉันยังคงยืนกรานจะปักหลักอยู่ห้องนี้ ฉันยังไม่คุ้นชินกับเจ็ทในเวอร์ชั่นนี้เลย ขอร้องเถอะ ฉันไม่รู้ว่าจากนี้เขาจะสร้างความตื่นตระหนกตกใจอะไรให้กับฉันอีก

    ไหนลอง...ว่าจบ เจ็ทก็ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ ทำเอาคนที่ไม่ได้ตั้งตัวอย่างฉันยืนอ้าปากค้าง มองเขาตาโต ไม่หอมเลย ปะ อาบน้ำถูสบู่

    ...นี่มันอะไรกันเนี่ย!




    P.S. อัปช้า แต่ไม่ได้เทนะ แฮะๆ

    ไรท์บอกให้เจ็ทหยุด เจ็ทไม่หยุด เพราะไม่มีอะไรมากั้น

    ฮืออออออออออออ


    สุดท้ายขอบคุณคนที่หลงเข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับคนที่คอมเมนต์ กดใจด้วยนะคะ แล้วก็คนที่กดfav. นิยายเรื่องนี้ คุณเป็นกำลังใจชั้นดีเลย ฮือ ไรท์จะสู้กับตัวเองเพื่อทุกโคนนนนนน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×