NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [REST] Jet On The Floor | กำราบรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue {100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 839
      52
      10 ก.ค. 63








    Prologue ||

    เสียงเพลงแนวอกหัก เปิดคลอไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนของร้านเหล้า ซึ่งเป็นร้านประจำของฉันกับแก๊งเพื่อนตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย  คืนนี้ก็ยังมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจนแน่นร้านเช่นเคย

    ทำไมร้านเหล้าชอบเปิดเพลงอกหักวะเสียงของ ขิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ฉัน ใบหน้าสวยเฉี่ยวนั่นล่อตาบรรดาผู้ชายในร้านได้เป็นอย่างดี

    ลองถามเจ้าของร้านดีไหม? ฉันตอบพร้อมดันแก้วเหล้าที่ชงเองกับมือไปตรงหน้าของเพื่อนรัก

    เอาจริงไหมหว้า เดี๋ยวให้ไอ้ใหม่ไปถาม นางอยากดีลเจ้าของร้านนี่เป็นประโยคถัดมาของ คะนิ้ง พร้อมกับเสียงโวยวายของ ปีใหม่

    ดีลที่หน้าแกสิ ไม่กินของเก่าย่ะปีใหม่เอ่ยพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกอย่างเอาเป็นเอาตาย ปีใหม่กับเจ้าของร้านเหล้าแห่งนี้เคยคุยๆ กันอยู่พักหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่พวกฉันจับได้ซะก่อนว่าเขามีแฟนแล้ว แต่ก็แปลกที่ปีใหม่ยังคงชวนพวกเรามาเที่ยวที่ร้านนี้ ไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว หรือยังมีความหวังอะไรอยู่ในใจกันแน่

    อย่าขยี้เพื่อน เพื่อนไม่ได้คิดอะไรหรอก เพื่อนแค่มากินเหล้าขิงเริ่มพูดอีกครั้งหลังจากจัดการเหล้าในแก้วนั้นจนเกลี้ยง ไม่รู้ว่าทันเอะใจบ้างไหม ว่านั่นคือเหล้าเพียวๆ

    เงียบไปเลยพวกแก เพื่อนชั่วปีใหม่มองหน้าพวกเราตาขวาง สงสัยจะจี้ใจดำมากไปหน่อย

    อย่ามามองฉัน ฉันไม่รู้เรื่องฉันบอกพลางเบนสายตาไปทางอื่น ทำท่าราวกับตัวเองไม่รู้ไม่เห็นใดๆ ทั้งที่ในใจก็แอบผสมโรงไปกับคนอื่นด้วย ขอเป็นคนดีในสายตาเพื่อนก็แล้วกัน

    ลูกหว้า แกมันเพื่อนที่ดี แกมันเพื่อนตัวอย่าง พวกแกจำและนำไปใช้บ้างปีใหม่บอกพร้อมทำตาเป็นประกายระยิบระยับใส่ฉัน แต่ความสนใจของฉันถูกดึงไปยังผู้ชายสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านแทน พวกเขาตัวสูง และมีหน้าตาที่จัด...ว่าหล่อมาก หล่อจัดๆ คนหนึ่งดูนิ่ง ส่วนอีกคนแผ่รังสีความอันตรายมาแต่ไกล แต่ไม่สามารถฟันธงได้เลยว่าใครมีเสน่ห์มากกว่ากัน

    เฮ้ยๆ นั่นพี่รหัสคะนิ้งนี่หว่าเสียงของขิงปลุกทุกคนให้ตื่นตัว

    หือ พี่เจ็ทเหรอ? คะนิ้งรีบหันไปยังทิศทางของผู้มาใหม่ เป็นเพราะเธอนั่งหันหลังให้ประตูร้าน จึงไม่แปลกที่ฉันและขิง ซึ่งนั่งหันหน้าไปทางประตูร้านจะสังเกตเห็นพวกเขาก่อน อ้าว พี่เจ็ท หวัดดีค่ะ

    คะนิ้งเอ่ยทักทายผู้ชายที่ชื่อ เจ็ทซึ่งบังเอิญที่เขาเดินมาหยุดอยู่ที่ตรงโต๊ะข้างๆ ที่ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิง หน้าตาสวยมากคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว อ่า...ต่อมความรู้สึกของฉันมันคงจะไวแค่ผู้ชายหน้าตาดี

    น้องนิ้ง ไม่ได้เจอกันนานเลยครับเขาผละตัวจากโต๊ะข้างๆ แล้วเดินมาเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะของพวกฉันแทน สายตาและรอยยิ้มเป็นมิตรถูกส่งให้กับทุกคน แต่เสน่ห์แบบผู้ชายอันตรายนี่ไม่ได้หายไปเลย

    ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังว่าพี่รหัสกับน้องรหัสคุยอะไรกันบ้าง ฉันเลือกจะเสพบรรยากาศภายในร้านแทน แต่ก็ทันได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา และสายตาที่จับจ้องมาที่ฉันโดยเฉพาะ

    อย่ากลับดึกนักนะครับถ้าไม่สังเกต ก็เหมือนคำบอกลาทั่วๆ ไป ตามประสารุ่นพี่ แต่ถ้าสังเกตสักนิด นั่นคือประโยคคำสั่ง เป็นคำสั่งที่ควรทำตามถ้าไม่อยากถูกลงโทษ

    หล่ออะ สมัยเรียนว่าหล่อแล้ว ตอนนี้หล่อกว่ามาก กรี๊ดดดคะนิ้งทำท่ากรี๊ดกร๊าด เมื่อพี่รหัสของตัวเองกลับไปนั่งกับเพื่อนของเขาแล้ว

    อยากดีล ฉันอยากดีลพี่เจ็ทปีใหม่เป็นอีกคนที่ชายตามองไปทางพี่รหัสรูปหล่อโต๊ะข้างๆ ผิดจากฉันกับขิงที่โฟกัสไปที่ผู้ชายอีกคนมากกว่า เขาคือ พันศรอดีตเคยเป็นเทพบุตรสุดหล่อประจำมหาวิทยาลัย ตอนนี้กิตติศัพท์เรื่องรูปร่างหน้าตาของเขาก็ยังกระฉ่อนไปทั้งมหาวิทยาลัยอยู่

    พวกแกแย่งพี่เจ็ทกันไปนะ ฉันอยากได้พี่พันศรมากกว่าขิงบอกพร้อมกับโคลงแก้วเหล้าในมือตัวเอง พร้อมกับสายตาที่เหลือบไปยังผู้ชายที่หมายปองเป็นระยะ

    หน็อย ไม่เจียมตัว หมายปองเทพเจ้านี่เป็นคำพูดของปีใหม่

    ฝันไปเถอะว่าพี่เขาจะมองอะ ฉันยังไม่เคยเห็นพี่เขาสนใจผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนเลยคราวนี้คะนิ้งก็หันมาเม้าท์ด้วย หืม อรรถรส

    เทพเจ้ามีไว้บูชา กินไม่ได้หรอก ได้แต่มองห้ามลูบคลำฉันเอ่ยขึ้น ในขณะที่สายตาก็ไม่ได้ละออกมาจากโต๊ะข้างๆ ก็แหม อาหารตาทั้งนั้น ดูหุ่นแน่นๆ นั่นสิ ถ้าได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงมันจะดีขนาดไหนนะ

    ร้ายนะ คำพูดคำจาของหล่อนขิงทำเสียงจิ๊จ๊ะ ปากบอกห้ามลูบคลำ แต่สายตาแทะโลมไม่หยุด

    ...ฉันก็อยากจะหัวเราะให้กับประโยคของเพื่อนหรอกนะ ถ้าไม่รู้สึกถึงสายตาไม่พอใจจากใครบางคน ฉันเลือกจะดึงสายตากลับมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาในร้าน

    ว่าไงวัยรุ่น อาภัพรักนักนะเขาเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆ ตัวนั้น และเสียงของเขาก็ดังมากพอที่จะทำให้พวกเรา ที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ยินไปด้วย ถ้าจำไม่ผิดเพี้ยนไป เหมือนเขาจะชื่อว่า...ชิน ชินจังละมั้ง ใบหน้าติดหวานนั่นกำลังหัวเราะราวกับสนุกสนาน ว่าแต่ใครในกลุ่มนั้นอาภัพรักนะ? รูปร่างหน้าต่างราวกับผลงานชั้นยอดแบบนั้น ยังมีคนทิ้งได้ลงคออีกเหรอ

    อืม มนุษย์โลกนี่มันน่ากลัวจริงๆ

    ฉันมองไปทางพวกเขาอย่างสนอกสนใจ บอกตามตรงว่ามันน่าสนใจกว่าแก้วเหล้าตรงหน้าซะอีก และเป็นอีกครั้งที่ถูกสายตาไม่พอใจของใครบางคนจับจ้อง อ่า...ดุเหมือนหมา

    ฉันกลับก่อนดีกว่า ดึกแล้ว ฉันคว้ากระเป๋าของตัวเองมาถือไว้แล้วผุดลุกขึ้น และไม่ลืมจะวางเงินค่าเหล้าไว้บนโต๊ะ อยู่ต่อไม่ไหว เบื่อหน่ายสายตา

    เดี๋ยวๆ ฉันเพิ่งมาถึงไม่ทันจะครบชั่วโมง แกรีบไปไหนเป็นขิงที่ฉุดรั้งข้อมือของฉันเอาไว้ ฉันน่ะอยากจะนั่งลงใจแทบขาด ไม่คุ้มค่าเหล้าเลยจริงๆ ใครใช้ให้โผล่มาร้านเดียวกันนะ นรกแตกจริงๆ

    คุณพี่รหัสเขาบอกอย่ากลับดึก ลืมเหรอ? ฉันเท้ามือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะพร้อมกับตวัดสายตาไปยังโต๊ะข้างๆ สายตาคมดุคู่นั้นจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่ตรงมุมปากของเขา

    พออกพอใจมากเลยสินะ...

    เดี๋ยวนะ แกต้องเชื่อฟังพี่เจ็ทขนาดนั้นเลยเหรอเสียงคะนิ้งเอ่ยขึ้นไม่ดังนัก คงกลัวจะไปกระทบหูของคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เข้าละมั้ง

    นั่งจ้องตาเขียวปั๊ดแบบนั้น จะอยากนั่งต่อไหมล่ะ ไปละๆฉันแอบแขวะบางคนพร้อมตัดบทกับเพื่อนๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก ก็จงใจให้เขาได้ยินนั่นแหละ เดินผละจากมาได้ไม่ไกลก็ยังได้ยินเสียงของปีใหม่ดังตามไล่หลัง

    แปลกๆ นะ พวกแกว่างั้นไหม

    ใช่ พี่รหัสคนนั้นนั่นแหละมันแปลก ไม่ใช่ตัวฉัน

    ฉันกลับมาถึงหอพักของตัวเองในเวลาไม่ถึงชั่วโมง โชคดีที่หอพักของฉันและร้านเหล้านั่นอยู่ในละแวกของมหาวิทยาลัยที่ฉันเพิ่งจบมา ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันตัวผืนหนึ่ง พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่คอยซับน้ำจากผมที่เพิ่งสระ ฉันเลือกหยิบชุดนอนแบบเชิ้ตคอวี สีขาว ออกมาสวม สายตาเหลือบมองชุดนอนผ้าซาตินในตู้สองสามตัว ที่ใครบางคนซื้อมาให้ อยากให้ฉันใส่มากเลยเหรอ ถามจริงเถอะ?

    ฉันนั่งใช้ไดร์เป่าผมอยู่ปลายเตียง สมองก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า เหล้ายังไม่ทันได้ครึ่งกระเพาะเลย ฉันแทบไม่รู้สึกถึงความมึนเมาเลยด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นการหารค่าเหล้ากับเพื่อนๆ ก็เถอะ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองกินไม่คุ้มค่ากับที่จ่ายไป

    แกร๊ก

    ความคิดของฉันหยุดลง หลังจากที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนอันตรายกำลังมาเยือน ฉันหันไปมองผู้มาเยือนที่กำลังก้าวเข้ามา สายตาคมดุนั่นจับจ้องมาที่ฉัน นึกอยากจะยึดกุญแจสำรองคืนซะจริง

    ผู้หญิงประเภทไหน นั่งจ้องผู้ชายคนอื่นต่อหน้าแฟนมาถึงก็เปิดประเด็น ทีเวลาเขาหว่านเสน่ห์ใส่ผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่เห็นจะว่าอะไรเขาเลย

    นี่เรายังเป็นแฟนกันอยู่เหรอเจ็ทฉันหยุดการกระทำทุกอย่าง แล้วเลือกจะเงยหน้าจ้องตาเขาแทน อืม เขาชื่อเจ็ท เป็นพี่รหัสของคะนิ้ง และเป็นแฟน(ซึ่งฉันเกือบลืม)ที่คบกันมาเกือบสี่ปีแล้ว คบหากันแบบที่ไม่มีใครรู้สักคน เป็นความสัมพันธ์ที่เฮงซวยดี แต่พวกเราก็เต็มใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ฉันไม่แคร์ว่าเขาจะไปควงใคร เขาไม่แคร์ว่าใครจะเข้ามาจีบฉัน ไม่รู้ว่าเขาหรือฉันที่มันห่วยแตก

    แต่พักนี้ชักแปลก ดูเขาจะหงุดหงิดมากเป็นพิเศษเวลาฉันมองผู้ชายคนอื่น หรือมีผู้ชายคนไหนเข้ามาขายขนมจีบฉัน เพิ่งนึกหวงขึ้นมาหรือไงนะ

    ตลกเกินไป

    ถ้าไม่จัดซักที จะไม่ดีขึ้นเลยใช่ไหม? เจ็ทบอกพร้อมกับเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิด ฉันบอกแล้วไงว่าพี่รหัสของคะนิ้งน่ะแปลก ปกติเขาแทบไม่แสดงอารมณ์อะไรกับฉันเลย เราไม่น่าโคจรมาคบกันได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมถึงลงเอยแบบนี้ ถามว่าฉันรักเขาไหม ฉันก็ตอบไม่ได้ แต่ค่อนข้างเหม็นขี้หน้าในบางครั้งคือเรื่องจริง นึกอยากจะเลิกกันอยู่หลายครั้ง

    ไม่มีใครคิดจะรั้งกัน แต่ก็เป็นเราทั้งคู่ที่ไปจากกันไม่ได้ซะเอง

    หงุดหงิดมาจากไหน อย่ามาลงที่เราฉันบอกพร้อมกับเริ่มใช้ไดร์เป่าผมต่อ บางทีเขาอาจจะเมาแล้วไม่มีที่ลง เลยรีบแจ้นมาลงที่ฉัน

    แฟนนะคะ ไม่ใช่กระโถน

    แหม อยากจะพูดแบบนี้จัง แต่กระดากปากเกินไปหน่อย

    หงุดหงิดมาจากที่ร้านเหล้า เพราะนังตัวดีมันอ่อยผู้ชายพูดจบ เขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงแรงๆ เป็นการแสดงออกว่าไม่พอใจมาก ต้องการให้ง้องอน

    นังตัวดีที่ไหน มีแต่นังตัวน่ารักฉันรู้ว่าเขากำลังเอ่ยถึงฉันผ่านคำว่า นังตัวดีที่เขามักใช้เรียกฉันเวลามันเขี้ยว

    กวนตีนเก่งนะเดี๋ยวนี้ อยากให้หึงเหรอ? ฉันแทบจะทำไดร์เป่าผมหลุดมือ ฉันเนี่ยนะอยากทำตัวให้แฟนหึง? ขอโทษเถอะนะ ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง

    คิดก่อนพูดใช่ไหมเมื่อกี้? ฉันลดไดร์เป่าผมในมือลง แล้วหันหน้ากลับไปถามร่างสูงที่กำลังทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาเป็นอะไรไป

    ตั้งแต่บอกเลิกกันครั้งล่าสุด เมื่อประมาณสองเดือนก่อน ดูเจ็ทจะมีปฏิกิริยาเกี่ยวกับตัวฉันมากขึ้น และมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ฉันไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรมารองรับการกระทำของเขาในตอนนี้ จะให้คิดว่าเขารักฉันมากจนเริ่มทนไม่ได้ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นแบบนี้ ฉันก็คิดแบบนั้นไม่ลงจริงๆ

    ใช่ เขาไม่เคยแสดงออกให้เห็นเลยว่า รัก

    และตัวฉันเองก็ไม่ได้ต่างกัน...

    คิดแล้ว คิดมาตลอดทางเขาพูดพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกช้าๆ ก่อนจะพูดอีกว่า คิดว่าจะลงโทษยังไงดี

    เมาแล้วก็กลับคอนโดตัวเองไป รุ่มร่ามหัวใจของฉันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันรู้ว่าสายตาและท่าทาง รวมทั้งคำพูดของเขากำลังสื่อไปทางไหน แม้ว่าเราก็ เคยๆกันมาหลายครั้ง แต่หัวใจและร่างกายของฉันไม่เคยชินกับสัมผัสของเขาเลย

    สัมผัสที่ทั้งรุ่มร้อน หยาบกระด้างและอ่อนโยน ผสมปนเปกันไป เขาทำให้ฉันแทบคลั่งทุกครั้ง แน่นอนว่าฉันไม่เคยควบคุมตัวเองได้เลย ชอบเผลอตัวไปตามการชักนำของเขาอย่างไม่คิดปฏิเสธ

    คืนนี้นอนที่นี่ อยากนอนกอดถึงเช้าไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ ร่างสูงของเจ็ทก็ขยับเข้ามาตะครุบตัวฉัน อย่างไม่ต้องการให้หลีกหนีหรือบ่ายเบี่ยง ฝ่ามือหนาของเขายกขึ้นมาแตะแก้มฉันเบาๆ พร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดบริเวณซอกคอ

    ทำไมเราไม่เลิกกันไปซักทีนี่เป็นประโยคสุดท้ายของฉัน พร้อมกับกวาดสายตามองหน้าเขา ความโหยหาที่ไม่รู้ผุดมาจากไหนกำลังปะทุอยู่ภายในใจ

    นั่นสิ ทำไมเลิกกันไม่ได้...และนั่นเป็นประโยคสุดท้ายจากริมฝีปากหนา ก่อนที่เขาจะกดจูบลงมาอย่างหนักหน่วง ค่อยๆ เพิ่มความเร่าร้อนทีละนิด พร้อมกับใช้ความอ่อนหวานล่อลวงฉันให้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์

     

     

    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่รู้สึกว่ามีแสงจ้าส่องเข้ามาในห้อง พอหยิบมือถือขึ้นมา ก็เห็นหน้าจอบอกเวลาสิบโมงเช้านิดๆ รู้สึกปวดเมื่อยตัวจนไม่อยากขยับลุกไปไหน เหลือบตามองที่ว่างข้างๆ ก็รู้ได้ว่า คนที่คอยก่อกวนฉันทั้งคืนจากไปนานแล้ว

    อือ ทำตัวเหมือนลักกินขโมยกิน

    ฉันตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ จำได้ว่าตอนบ่ายโมงมีสัมภาษณ์งาน ตั้งแต่เรียนจบมา นี่เป็นที่แรกเลยที่เรียกฉันไปไปสัมภาษณ์ รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย ที่ตอนนี้กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงานเหมือนคนอื่นเขาแล้ว แต่แล้วเสียงแจ้งเตือนข้อความของแอปพลิเคชั่นไลน์จากมือถือ ที่วางไว้บนชั้นวางข้างเตียง ก็ทำให้ฉันชะงักกิริยาทุกอย่าง

    Jet_TatToo : เย็นนี้กินข้าวกัน

    ฉันขมวดคิ้วทันทีที่ข้อความนั้นปรากฏสู่สายตา นี่อะไร มันยังไง ผีเข้า? เจ็ทนึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงชวนฉันกินข้าว ฉันพยายามนึกย้อนไปถึงวันที่เรากินข้าวด้วยกันครั้งล่าสุด ซึ่งนั่นคือเมื่อสามปีที่แล้ว

    Me : ไม่แน่ใจ ว่าว่างไหม

    ฉันพิมพ์ตอบกลับไป สายตายังคงจับจ้องไปยังหน้าจอ แอบลุ้นนิดหน่อยว่าเขาจะตอบกลับยังไง

    Jet_TatToo : นัดหนุ่มไหน?

    Jet_TatToo : ยกเลิกนัดก่อน ผัวหลวงต้องการตัว

    ฉันแอบกลอกตาพร้อมถอนหายใจให้กับข้อความของเขา ก็จริงอยู่ที่ฉันมีผู้ชายหลากหลายเข้ามาจีบ และนัดไปเดทบ่อยๆ แต่ฉันก็มีอย่างอื่นต้องทำบ้างไหม ใจคอเขาจะคิดแค่ว่าฉันไม่ว่าง เพราะนัดผู้ชายไว้หรือไง

    Me : มีสัมภาษณ์งาน บ่ายโมงครึ่ง

    Jet_TatToo : ถึงเย็น?

    Me : ไม่แน่ใจ

    Jet_TatToo : ที่ไหน

    Me : มารับ?

    พิมพ์ตอบกลับไปแล้วก็แอบกลั้นหายใจ ฉันถามออกไปได้ยังไง คนอย่างเจ็ทเนี่ยนะจะมารับฉัน ขนาดตอนที่ฉันติดฝนอยู่ในมหาวิทยาลัยเพราะทำงานถึงสี่ทุ่ม เขายังบอกให้ฉันเดินกลับเองเลย

    Jet_TatToo : อืม

    ฉันกระพริบตาอย่างงุนงง รู้สึกแปลกใจมาก ช่วงนี้เขาแปลกไปจริงๆ ฉันกดส่งที่อยู่ของบริษัทนั้นให้เขา พร้อมกับกดออกจากแอปพลิเคชั่น โดยไม่ได้สนใจต่อว่าเขาจะตอบกลับมาอีกไหม ฉันเหลือเวลาเตรียมตัวไม่มาก น้ำยังไม่อาบ ข้าวยังไม่กิน และบริษัทนั้นก็ไม่ใกล้เท่าไหร่ บวกกับการจราจรด้วยแล้ว ฉันไม่ควรจะมัวมาโฟกัสเรื่องอื่น เสร็จตรงนี้ค่อยว่ากัน

    ช่วงนี้เขาทำให้ฉันประหลาดใจหลายเรื่องทีเดียว

    ฉันมาถึงบริษัทที่เป็นที่หมายในเวลาบ่ายโมงยี่สิบแปดนาที เพราะมัวแต่พยายามปกปิดร่องรอยจากเจ็ท ที่ทำทิ้งไว้ทั่วตัวของฉัน บอกเลยว่าฉันโมโหเอามากๆ เกิดนึกคึกอะไรขึ้นมาถึงทิ้งรอยตีตราไว้ซะเด่นชัด ไม่เว้นแม้แต่นอกร่มผ้า และแน่นอนว่ามันส่งผลให้ตอนนี้ สีหน้าของฉันที่แสดงออกมามันไม่ค่อยจะดีนัก ฉันเป็นพวกเก็บอารมณ์ทางสีหน้าไม่เก่ง ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้สายตาหลายคู่จับจ้องมาพร้อมเสียงซุบซิบ

    ถ้าวันนี้สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน ฉันขอยกความผิดทั้งหมดให้เขา

    หลังจากรายงานตัวเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ทิ้งตัวนั่งลงเพื่อรอคิวสัมภาษณ์ เรียกได้ว่าฉันมาเป็นคนสุดท้ายเลยทีเดียว กวาดตามองผ่านๆ มีคนมารอสัมภาษณ์เกือบยี่สิบคน แต่ทางบริษัทรับเพียงคนเดียวเท่านั้น มือไม้ของฉันเย็นเฉียบไปหมด ลุ้นเหมือนตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย

    ฉันเรียนจบทางกราฟิกดีไซน์ มีหลายคนให้คำแนะนำว่าให้เก็บมันไว้เป็นงานอดิเรก แล้วหางานอื่นที่มั่นคงทำ แต่ตัวฉันก็แค่อยากจะลอง อยากจะหาประสบการณ์ให้ตัวเอง ถ้าถึงเวลาแล้วมันไม่เวิร์กจริงๆ ฉันจะยอมถอดใจ

    ทุกท่านคะ ตอนนี้บริษัทของเราได้บุคลากรตามที่ต้องการแล้ว ต้องขออภัยทุกท่านที่สละเวลามาในวันนี้ หวังอย่างยิ่งว่าในอนาคตเราจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน ขอบคุณค่ะสิ้นสุดประโยคของผู้หญิงหน้าตาดี ที่แต่งตัวภูมิฐานคนหนึ่ง เสียงฮือฮาของเหล่าประชากรที่นั่งรอสัมภาษณ์ก็ดังขึ้น ร่วมถึงฉันด้วย ประมาณด้วยสายตา ยังเหลือคนที่ยังไม่ได้สัมภาษณ์เกือบยี่สิบคน

    คือเหมือนกับทางบริษัทจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ทีละสามคน และแน่นอนว่าเพิ่งเข้าไปแค่สามคนแรกทั้งนั้น นี่มันบ้าเกินไปปะ? ถ้าจะคัดเลือกกันง่ายๆ แบบนี้ จะเรียกคนอื่นมาทำไมให้เสียเวลา เหอะ วันนี้มันเป็นวันที่น่าหงุดหงิดของฉันจริงๆ

    เฮงซวยฉันสบถเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากบริษัท หันกลับไปมองอย่างเจ็บใจเล็กน้อย แล้วยืนรอใครบางคนอยู่หน้าบริษัทเฮงซวยนี่ ใครบางคนที่มันบอกจะมารับ และวันนี้ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ฉันหงุดหงิด

    Jet_TatToo : เสร็จแล้ว?

    เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นไลน์ ทำให้ฉันยกมือถือขึ้นมาดู ถามแบบนี้ แสดงว่าเขาคงจะสิงสถิตอยู่ตรงไหนสักที่ รอบๆ บริษัทนี้

    Me : อือ

    Jet_TatToo : เดินมาร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม

    ฉันอ่านข้อความของเขา และเลือกจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋า เพื่อที่จะตรงไปยังร้านกาแฟที่เขาบอก เจอหน้าแล้วจะต้องเคลียร์เรื่องเมื่อคืนสักหน่อย คาใจฉันมาก เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็พบว่าเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งแนวสบายๆ มีกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

    กวาดตามองไปรอบหนึ่งก็เจอร่างเด่นสะดุดตาของเจ็ท เขานั่งอยู่ที่โต๊ะริมกระจก กำลังเพลิดเพลินกับกาแฟในแก้วของตัวเอง ท่าทางสบายอกสบายใจจนฉันหมั่นไส้ ฉันหงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว

    หน้าเหมือนตูดเขาทักทันทีที่ฉันทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับตัวเอง

    ทำรอยไว้ทำไมฉันถามเขาเสียงเบา พอให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น แต่ปฏิกิริยาของเจ็ททำให้ฉันอยากจะปรี๊ดแตก เขาทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น ราวกับงุนงงกับคำถามเสียเต็มประดา

    เสแสร้ง แสดงเก่งนัก!

    ของหวานหน่อยไหม จะได้อารมร์ดีขึ้นเจ็ทเลื่อนจานสตรอวเบอร์รี่ชีสเค้กมาตรงหน้าฉัน นอกจากจะไม่ตอบคำถาม เขายังเลือกจะเมินมันด้วยการเปลี่ยนเรื่องสนทนาเสียอย่างนั้น

    เจ็ท เราจริงจังมากฉันเลือกจะเมินชีสเค้กตรงหน้า ทั้งที่ใจส่วนหนึ่งก็เรียกร้องมาก

    ทำไมจะทำไม่ได้คราวนี้น้ำเสียงของเขาดูจริงจังขึ้นมานิดหน่อย ก็เธอเป็นของเรา

    ...ฉันเหมือนคนเป็นอัมพาตไปชั่ววูบหนึ่ง คำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเขามันทำให้ฉันสตั๊น

    อะ หม่ำ...หม่ำๆ เมื่อเห็นฉันเงียบ เจ็ทก็เลือกจะใช้ช้อนตักชีสเค้กในจานนั้นมาจ่อที่ปากของฉัน แค่นั้นไม่สาแก่ใจ เขายังทำเสียงเหมือนกำลังป้อนข้าวเด็กอีกด้วย

    ไม่กลัวใครมาเห็นหรือไงฉันถามอย่างไม่ค่อยชอบใจส่วนหนึ่ง และก็แปลกใจส่วนหนึ่ง เมื่อก่อนเขาระวังตัวจะตายไป เวลาเจอกันในที่สาธารณะ เขามักทำเหมือนฉันเป็นแค่อากาศธาตุ ไม่ก็ทักทายตามมารยาทในฐานะเพื่อนสนิทของคะนิ้ง แล้วนี่มันบ้าบออะไร เหมือนเขากำลังจะทำลายกฎที่พวกเราสร้างไว้ตั้งแต่เริ่มต้น

    อืม ไม่กลัว อยากเปิดตัวแล้ว"

                                 



    มาแล้ววว นิยายเรื่องใหม่ที่ตั้งใจเขียนมากๆ ชอบพล๊อตเรื่อง

    ชอบความประสาทแดกของพระ-นาง 

    เป็นแนวที่ไม่ได้หวานจ๋า แล้วก็ไม่ดราม่าจ๋าด้วย

    มาเถอะ หยุดอยู่บ้านก็มาอ่านเป็นเพื่อนกัน 

    จะตั้งใจเขียนไม่ดองลงไห #เกี่ยวก้อย


    PS. ได้ยินไหมลูกหว้า พี่เขาอยากเปิดตัวแล้ว

    อิพี่ทำน้อง งง และสับสนจนตาลายแล้วนะคะ อะไรสิงใจเธอ

    บทนี้เป็นบทนำ เนื้อหาจะสั้นๆ หน่อย อย่าว่าไรท์น้าาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×