คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : PLAYFUL || Prologue [100%]
Prologue ||
“พี่กำลังจะบอกโมนาว่า...จะถอนหมั้นเหรอคะ?
”
ฉันกำลังหัวเสีย หัวเสียจริงๆ
คู่หมั้นที่หมั้นกันมาเนิ่นนาน จู่ๆ
ก็จะมาขอถอนหมั้นเพราะต้องการกลับไปหาแฟนเก่าของเขาแบบเต็มตัว
เรื่องนี้ฉันรู้อยู่เต็มอก เขาเจ้าชู้แค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันก็รู้
และก็รู้ด้วยว่าในหัวใจของเขาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนนอกจาก ‘เธอ’ คนนั้น
แม้แต่ฉันเองก็ไม่เคยเข้าถึง ตลกสิ้นดี
“โมนาขอคิดดูก่อนนะคะพี่เอเดน
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องปรึกษาผู้ใหญ่ด้วยค่ะ” ฉันตอบกลับไปก่อนจะเป็นฝ่ายกดตัดสาย
ไม่ต้องการจะฟังประโยคโน้มน้าวจิตใจอะไรจากเขาอีก
จริงอยู่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราก็แค่แสดงตัวเป็นคู่หมั้นที่รักกันมาก
หวานชื่นแบบสุดๆ ครั้งหนึ่งฉันก็เคยตกหลุมรักเขา
แต่คนอย่างฉันไม่ต้องการเป็นตัวแทนของใคร ฉันไม่อยากเป็นเงาของผู้หญิงคนนั้น
ฉันเลยเลือกถอนความรู้สึกของตัวเองกลับมา
แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าพี่เอเดนไม่ใช่ของฉันนี่
จู่ๆ จะมีใครไม่รู้มาฉกไป ใครจะยอม
พลั่ก!
“เฮ้ย! เดินยังไงวะนังนี่”
เพราะเอาแต่หัวเสียทำให้ฉันหันหลังกลับไปชนกับกลุ่มผู้ชายที่กำลังจะเดินผ่านไปแบบเต็มๆ
จนล้มก้นกระแทกพื้น ส่วนไอ้ผู้ชายตรงหน้าก็สบถอย่างหัวเสียโดยไม่มีน้ำใจคิดช่วยฉัน
“ขอโทษ! ” ฉันชักสีหน้านิดๆด้วยความโกรธก่อนจะเอ่ยขอโทษออกไป
ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากพื้นด้วยตัวเองในขณะที่ผู้ชายกลุ่มเดิมก็ยังไม่เดินไปไหน
ฉันเลือกจะช่างมันในใจก่อนจะจัดการปัดฝุ่นออกไปจากกระโปรงนิสิตของตัวเอง
“นี่มันดาวนิเทศนี่หว่า” เสียงหนึ่งในนั้นกระซิบกับเพื่อนด้วยเสียงที่ไม่เบานัก
ฉันถอนหายใจออกมาหนึ่งทีแล้วเลือกจะเดินออกไปให้พ้นจากตรงนี้
ฉันไม่สนใจหรอกว่าคนพวกนั้นเป็นใคร หรือว่าจะมีหน้าตายังไง เพราะสุดท้ายแล้วฉันก็ไม่คิดจะจดจำบุคคลที่ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับตัวฉัน
“เดี๋ยวดิน้อง คุยกับพวกพี่ก่อน”
หนึ่งในนั้นเดินมาดักหน้าฉันอย่างไร้มารยาท
ฉันใช้สายตาไม่พอใจมองเขาแต่ดูว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่สะทกสะท้าน
แถมยังมีรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงอีกด้วย นี่พวกเรากำลังยืนอยู่ในสถาบันการศึกษานะ
ช่วยเก็บอาการกันหน่อย
“ไม่คุยค่ะ ไม่มีอะไรต้องคุย”
ฉันบอกก่อนจะเลือกเดินผ่านคนตรงหน้าไป แต่กลับโดนใครบางคนรั้งแขนเอาไว้อย่างถือวิสาสะ
“แค่ขอโทษแล้วจบเหรอ? ” ฉันหันกลับไปมองคนที่รั้งแขนฉันเอาไว้
สายตาบ่งบอกว่าไม่พอใจการกระทำของเขาอย่างชัดเจน ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะชื่อ ‘มังกร’ เห็นเพื่อนๆในคณะตามหวีดบ่อยๆ หน้าตาดีมาก
แต่นิสัยแบดมาก นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้
“ไม่จบก็เรื่องของพวกคุณค่ะ
ฉันทำตามมารยาททางสังคมที่ดีไปแล้ว” ฉันบอกพลางบิดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา
แต่มันไร้ผลเมื่อผู้ชายที่น่าจะชื่อมังกรนี่ไม่ยอมคลายมือออกจากแขนฉัน
“ปากดีว่ะนังนี่
เอาไปเป็นของเดิมพันคืนนี้ดีปะไอ้กร” ฉันได้ยินเพื่อนในกลุ่มของเขาพูดขึ้น
ก่อนที่มังกรจะกระตุกยิ้มออกมาหนึ่งทีแล้วตอบกลับไป
“ดี กำลังเครียดๆ เรื่องของเดิมพันคืนนี้พอดี”
ฉันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ พวกนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร
แต่สัมผัสได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีและเกี่ยวข้องกับตัวฉันแน่นอน
“ปล่อยฉันด้วยค่ะ
คุณกำลังเข้าข่ายคุกคาม...”
“ใครสนวะ ” ทั้งๆ
ที่ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยคดีแต่เขากลับสวนขึ้น นี่มันไร้มารยาทของแท้จริงๆ
“นายไม่รู้ใช่ไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร?
” คราวนี้ฉันเลือกจะใช้บารมีของพ่อขึ้นมาปกป้องตัวเอง
พ่อของฉันเป็นนักธุรกิจชื่อดังและเป็นที่เคารพนับถือพอสมควร
“ก็เป็นพ่อเธอไง ถามควายๆ ”
คำตอบของเขาทำให้ฉันรู้สึกช็อกพอสมควร
เขาควรทำตัวให้มันเป็นสุภาพบุรุษมากกว่านี้หน่อย ได้ข่าวหรอกว่าแบด
แต่ไม่คิดว่าจะถ่อยถึงขั้นนี้
“เออ
ก็ถ้าไม่อยากมีปัญหากับพ่อฉันก็ปล่อยเดี๋ยวนี้ไอ้ขยะ! ” ฉันตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความรู้สึกโกรธจัด
ไม่เคยมีใครกล้าทำกับฉันถึงขนาดนี้ ไอ้ผู้ชายพวกนี้มันเป็นใคร
“มึงด่ากูเหรอ! ” มังกรตวาดขึ้นพร้อมทำท่าจะฟาดฝ่ามือใส่หน้าฉัน มันแย่มากที่บริเวณนี้ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมาสักเท่าไหร่
“ไอ้กรใจเย็น ของเสียหมด” มีผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มเข้ามาจับแขนข้างนั้นของมังกรไว้
“กูว่าปล่อยแม่งไปเหอะ
พ่อนังนี่เส้นใหญ่อยู่นะ” ผู้ชายอีกคนในกลุ่มสนับสนุน
“กูต้องกลัวเหรอ? ถุ้ย! ” มังกรบอกก่อนจะยิ้มเยาะ เขาเกือบจะถ่มน้ำลายใส่เท้าฉันด้วยซ้ำ
“แก...” ฉันรู้สึกโกรธจัดจนพูดอะไรไม่ออก
สิ่งแรกที่ฉันอยากจะทำตอนนี้คือโทร.ไปหาคนของพ่อให้มาจัดการไอ้ขยะสังคมนี่ซะ
“อย่าเล่นตัวมาก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
มังกรขยับตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะเรียกว่าเบียด ฉันรู้สึกเหมือนมีของแหลมบางอย่างจ่ออยู่บริเวณท้อง
พอหลุบตาลงมองก็รู้สึกใจหายวาบ
โลหะแหลมคมในมือของมังกรถูกจ่อมาที่ตัวฉันอย่างแนบเนียน
ถ้าไม่สังเกตจริงๆคงไม่มีใครรู้แน่ว่าฉันกำลังถูกผู้ชายคนนี้ใช้มีดจี้
ไอ้คนพวกนี้มันพกของแบบนี้เข้ามาในสถาบันการศึกษาได้ยังไง!
“ไอ้เคน ไปเอารถมาให้ไว” ฉันยืนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้น ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จริงๆ
เพราะมีบารมีของพ่อคุ้มหัวเลยไม่มีใครกล้ามาทำแบบนี้กับฉัน
ชั่วชีวิตมีแต่คนคอยประคบประหงมเอาใจ พวกผู้ชายแทบจะคลานเข่าเข้าหาฉันด้วยซ้ำไป
“เข้าไป อย่าลีลา” ไม่ถึงสิบนาที รถแต่งแสนโฉบเฉี่ยวก็เข้ามาจอดเทียบใกล้ๆ
ฉันถูกมังกรผลักให้เข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยมีเขาและเพื่อนๆ ตามเข้ามานั่งขนาบ
มีผู้คนผ่านไปมาบางตา ฉันพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
แต่ดูเหมือนไม่มีใครคิดจะสนใจอะไร
“จะพาฉันไปไหน” ฉันตัดสินใจถามขึ้นหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยด้วยความเร็วราวๆ
สิบนาทีได้แล้ว
“สนามแข่ง” และนั่นเป็นคำตอบของมังกร
“ไปทำไม? ” สนามแข่งที่ว่าคงไม่พ้นสนามแข่งรถ
เคยได้ยินแว่วๆ ว่ามีสนามแข่งรถเถื่อนอยู่แถวๆ มหาวิทยาลัย
นักแข่งส่วนมากก็คือพวกนิสิตของมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่
“ถึงก็รู้เอง ไม่ต้องเสือกถาม”
ฉันได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ไม่กล้าเหวี่ยงวีนใส่คนพวกนี้หรอก
อย่างน้อยฉันก็ยังเป็นคนที่รักชีวิตตัวเองอยู่
ฉันนั่งอยู่ในรถราวๆ ครึ่งชั่วโมงได้
ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวมายังสนามแข่งรถแห่งหนึ่ง เป็นสนามแข่งแบบดินลูกรัง ดูป่าเถื่อนเหมาะสมกับกลุ่มผู้ชายข้างๆ
ฉันในตอนนี้แหละ
“ไอ้พวกนั้นมายังวะ” ฉันได้ยินพวกเขาคุยกัน แต่ไม่ได้สนใจว่าเรื่องอะไร
ตอนนี้ฉันกำลังกวาดสายตาสำรวจสถานที่แห่งนี้เพื่อหาทางหนี
ที่นี่มีรถแข่งจอดอยู่นับสิบคัน และก็มีกลุ่มคนหลายกลุ่มด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้หรือเปล่า
“มาแล้ว อยู่ทางนู้น” ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้วด้วย พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงแน่ๆ
ฉันเหลือบมองกระเป๋าใบเล็กของตัวเองที่อยู่ในรถอีกครั้ง ในนั้นมีโทรศัพท์ เงิน
และบัตรต่างๆ น่าเสียดายที่ฉันยังหาโอกาสขยับตัวไปไหนไม่ได้เพราะมีดปลายแหลมที่จ่ออยู่ด้านหลัง
อย่างน้อยฉันก็อาจจะโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากพี่เอเดนได้
ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่เดินชนคนหนึ่งคน
มันทำให้ฉันมาตกอยู่ในสภาพแสนอันตรายแบบนี้
“กรี๊ดดด ทำบ้าอะไรของแกฮะ!
” เพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกถึงน้ำเย็นๆ ไหลราดลงมาจากศีรษะ
ภาพที่เห็นคือมังกรกำลังเทน้ำเย็นจากขวดราดลงบนตัวฉัน
ไอ้สารเลว!
“ทำให้ของเดิมพันดูมีราคา
อืม...แบบนี้ค่อยดูน่าสนใจขึ้นอีกหน่อย” เสียงผิวปากและเสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากพวกผู้ชายที่ยืนอยู่รอบๆ
ตัวฉัน ทำให้ฉันต้องรีบยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไว้ เสื้อนิสิตเวลาเปียกน้ำมาไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเลย
ออกไปจากตรงนี้ได้เมื่อไหร่ฉันจะบอกให้พ่อจัดการพวกมันแน่
“เฮ้ย ได้เวลาแข่งแล้วเว้ย”
เสียงคนในกลุ่มดังขึ้น
“ไอ้เวรนั่นเอาอะไรมาเดิมพัน”
มังกรเลิกสนใจฉันแล้วหันไปพูดกับเพื่อนของเขา
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีเพื่อนๆ ของเขาเขาอีกสองคนที่คอยขนาบข้างฉันเอาไว้
“รถมึง ที่มันยึดไปคราวก่อน”
“ดี...กูจะเอารถคืนให้ได้
คืนนี้เอาทั้งรถทั้งผู้หญิง” มังกรตอบด้วยเสียงที่ดูมั่นใจว่าตัวเองจะชนะ
ก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกขยะแขยง ฉันไม่อยากให้มันเป็นฝ่ายชนะเลย
แต่เอาจริงๆ ฝ่ายไหนชนะก็ไม่ดีกับตัวฉันทั้งนั้น
ขอให้แหกโค้งรถคว่ำตายไปทั้งคู่เลยละกัน!
“เฮ้ย ลากนังดาวนิเทศมานี่”
มังกรที่เดินนำออกไปกลางสนามตะโกนบอกคนที่เหลือรวมทั้งฉัน
ไอ้ผู้ชายคนนี้ไม่รู้วิธีให้เกียรติเพศแม่เลยหรือไง
แบบนี้มันเรียกแบดบอยไม่ได้แล้ว นี่มันเถื่อน ถ่อยและสถุนต่างหาก
ฉันพยายามขืนตัวไม่เดินไปตามแรกฉุดกระชากของคนพวกนี้
แต่แรงฉันจะไปสู้แรงของผู้ชายสองสามคนได้ยังไง
สุดท้ายแล้วฉันก็ถูกลากให้มายืนอยู่กลางสนามแข่งท่ามกลางผู้ชายเกือบสิบชีวิต
ดูเหมือนจะแยกออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มของมังกรกลุ่มหนึ่ง แล้วก็กลุ่มที่น่าจะเป็นคู่แข่งของมังกรอีกกลุ่มหนึ่ง
จะยังไงก็แล้วแต่นะ ที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ๆ ฉันต้องมายืนเลยสักนิด
“คืนนี้เอาอะไรมาเดิมพันล่ะไอ้กิ้งกือ”
ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินออกมา เขาจับจ้องมาที่มังกรด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแฝงด้วยความกวนประสาท
ฉันแอบลอบมองเขานิดหน่อย ใบหน้าหล่อคมคาย
ผิวขาวซะจนฉันอดเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ ดวงตาที่ดูยิ้มแย้มตลอดเวลานั่นทำให้เขาดูเป็นผู้ชายอารมณ์ดี
“ของดี” มังกรพูดแค่นั้นก่อนจะกระชากแขนฉันที่ยังคงยกแขนขึ้นมากอดตัวเองให้ออกมายืนข้างๆ
เขา ฉันได้ยินเสียงของผู้ชายหลายคนอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น
ฉันไม่ได้สบตาพวกเขาแต่เลือกจะหลุบตามองพื้นแทน
ตอนนี้ฉันสามารถพูดอะไรออกไปได้บ้าง ถ้าฉันขัดขืน มังกรจะทำร้ายฉันหรือเปล่า
แล้วถ้าฉันขอให้พวกผู้ชายอีกกลุ่มช่วย พวกเขาจะช่วยฉันจริงๆ เหรอ
“นี่ตกอับถึงขนาดเอาผู้หญิงมาเป็นของเดิมพันแล้วเหรอวะ”
เสียงของคนที่ฉันยืนประจันหน้าด้วยส่อแววความไม่พอใจ
ดูท่าทางเขาคงจะเป็นคนดีกว่ามังกร งั้นเขาก็น่าจะช่วยเหลือฉันได้
“นั่นมันเรื่องของกู
คืนนี้กูจะเอารถคืน มึงเตรียมใจเถอะ” มังกรบอกก่อนจะเปลี่ยนมาโอบเอวฉันแทน
และนั่นทำให้ฉันรีบสะบัดตัวออกจากสัมผัสของเขา “นังนี่
อยากลองดีเหรอไงวะ! ”
“ช่วยฉันด้วยค่ะ...” ฉันวิ่งไปหลบด้านหลังของผู้ชายที่ดูเป็นคนดีมากกว่ามังกร
ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้แล้วล่ะ
“ของเดิมพันของแกวิ่งมาให้ฉันช่วยว่ะ
นี่แกไปฉุดผู้หญิงมาหรือไง” ผู้ชายตรงหน้าเอี้ยวตัวมามองฉันนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปพูดกับมังกร
“ไร้สาระ นังนี่มันเด็กฉัน
น้อยใจที่ฉันเอามาเป็นของเดิมพันก็เลยงอแงแบบนั้นแหละ” มังกรเอ่ยขึ้นด้วยประโยคที่เขาแต่งขึ้นมาเอง
ฉันไปเป็นเด็กของเขาตอนไหนกัน น้อยใจจนงอแงเหรอ? ไม่ได้พิศวาสเลยสักนิด
“นายโกหก
ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายทั้งนั้น นายนั่นแหละบังคับฉันมา! ” ฉันสวนกลับไปทั้งที่ยังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของผู้ชายอีกคน
“อย่าน้อยใจไปเลยน่า
ยังไงคืนนี้ฉันก็ต้องชนะ เธอไม่ต้องกลัวว่าจะได้ไปกับผู้ชายอื่นหรอก” ฉันอยากจะตะโกนออกไปสักคำหนึ่ง ‘ตอแหล! ’
“นายนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ
แต่งเรื่องเก่งกว่าผู้หญิงหน้าด้านบางคนอีก” ฉันตอบโต้กลับไปอย่างเหลืออด
อย่างน้อยในพื้นที่ที่ฉันยืนอยู่ตอนนี้ก็ปลอดภัยมากกว่ามังกร
“คือ...ไปเคลียร์กับผัวเธอก่อนไหม?
” ผู้ชายตรงหน้าเอี้ยวตัวกลับมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกวนประสาท
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้น
นายปัญญาอ่อนหรือไง หมอนั่นพูดอะไรก็เชื่อไปหมดเหรอคะ” คราวนี้ฉันเลือกจะสบตากับคนตรงหน้าพร้อมต่อว่าไปอีกเล็กน้อย
“เอ้า เดี๋ยวถ้าฉันเชื่อเธอ
ไอ้กิ้งกือมันก็ด่าฉันปัญญาอ่อนแบบที่เธอด่าฉันน่ะสิ” เขาอ้าปากค้างไปสองสามวิก่อนจะตอบกลับมา
นี่เขาตั้งใจกวนอารมณ์ฉันอยู่หรือเปล่า
“หน้าตาดูฉลาด
นายน่าจะแยกแยะได้นะคะ ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง” ฉันบอกไปแค่นั้นและแอบเหลือบมองมังกรไปด้วย
“เหรอ แต่เพื่อนๆ
ฉันชอบด่าฉันโง่อะ” แต่ผู้ชายตรงหน้าก็ตอบกลับมาหน้าตาเฉย
“นี่นาย...”
“เฮ้ย คุยไรกันหนักหนาวะ
ส่งเด็กฉันมาแล้วเริ่มแข่งกันได้แล้ว” ฉันกำลังจะขยับปากพูดอีกแต่ก็มีเสียงของมังกรแทรกขึ้นซะก่อน
และนั่นมันก็ทำให้ไอ้ผู้ชายตรงหน้าเลือกที่จะดันตัวฉันส่งคืนไปให้ฝ่ายตรงข้าม
“ถ้าอยากให้ฉันช่วยจริงๆ
ก็ภาวนาให้ฉันชนะมันละกัน...” พร้อมกับก้มกระซิบเบาๆ
แค่พอให้ฉันกับเขาได้ยินกันแค่สองคน
“...” ฉันกัดริมฝีปากล่างเบาๆ
ก่อนจะถูกมังกรกระชากแขนกลับไป แล้วส่งต่อให้เพื่อนๆ ของเขาคุมฉันไว้ข้างสนามแทน
ก็ได้...ฉันจะเปลี่ยนจากแช่งให้แหกโค้งตายทั้งคู่ เป็นมังกรแหกโค้งตายคนเดียวก็ได้
เสียงเครื่องยนต์ที่ดังสนั่นทำเอาฉันรู้สึกปวดแก้วหู
รถของมังกรและผู้ชายคนนั้นตีคู่กันไปแบบไม่มีใครยอมใคร
พวกเขาเหยียบคันเร่งจนฝุ่นตลบไปทั้งสนามแข่งแล้วก็หายลับตาเข้าไปในความมืด
แต่ก็ยังพอได้ยินเสียงรถอยู่ ตอนนี้กฌได้แต่ภาวนาว่าใครจะโผล่มาเข้าเส้นชัยก่อนกัน
จู่ๆ
ก็รู้สึกใจเต้นแรงด้วยอาการลุ้นระทึกอย่างช่วยไม่ได้ ลึกๆ
แอบภาวนาให้ผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่มาถึงเส้นชัยก่อน
ยิ่งแสงไฟหน้ารถคันแรกที่สาดส่องมายิ่งทำเอาฉันแทบยืนไม่ติดที่
แต่...ฉันจำได้ว่าไอ้รถคันนี้มันเป็นของมังกร
“วู้ เก่งมากไอ้กร
ทิ้งระยะแบบไม่เห็นฝุ่นเลยโว้ย” เสียงเชียร์ของกลุ่มมังกรทำให้ฉันรู้สึกใจไม่ดีเท่าไหร่
“นี่...มังกรชนะแล้วเหรอ? ”
ฉันทำใจกล้าหันไปถามพวกเขาในตอนที่รถของมังกรกำลังจะเข้าสู่เส้นชัย
“เหลืออีกรอบ
แต่ทิ้งห่างขนาดนี้ยังไงก็ชนะ” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างผิดหวัง นี่ฉันเลือกพึ่งพาผิดคนใช่ไหมเนี่ย
หมอนั่นนี่ไม่ได้เรื่องเลย!
ฉันเลิกหวังในการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
แล้วเปลี่ยนเป็นกวาดสายตามองหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองแทน
ขั้นแรกฉันควรจะมองหาห้องน้ำ ฉันเห็นละครในทีวี
เวลาตัวเอกจะหนีจากการถูกจับตัวก็อ้างว่าอยากเข้าห้องน้ำทุกที
“นี่พวกนาย
ฉันปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำอะ ห้องน้ำอยู่ทางไหนเหรอ? ” ฉันปรับน้ำเสียงให้ดูอ่อนหวาน
และมันได้ผล พวกเขาละสายตาจากสนามแข่งรถมามองฉัน
“ไม่มี ต้องเข้าดงแล้วจ้ะคนสวย”
หนึ่งในนั้นตอบกลับมาพร้อมสายตาที่คุกคามฉันอย่างโจ่งแจ้ง
“เหรอ...ถ้างั้นบอกทางมาที
ฉันปวดท้องจนจะราดแล้ว” ฉันบอกพร้อมกับเสแสร้งทำท่าบิดตัวไปมา
ฉันน่ะ เรียนนิเทศ ภาควิชาเอกการแสดงนะ!
“เฮ้ย มึงพาคนสวยไปปลดทุกข์ที กูจะรอเชียร์ไอ้กร”
“ไม่ได้นะ! เกิดพวกนายแอบดูฉันล่ะ
ฉันเป็นผู้หญิงนะ...” ฉันบอกอย่างร้อนรนแล้วทำท่าเหนียมอาย
ฉันรู้สึกว่าแอคติ้งที่ร่ำเรียนมามีประโยชน์แบบนี้แหละ
“เรื่องมากว่ะนังนี่...”
“เฮ้ยๆๆ มาแล้ว! ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนรวมถึงฉันด้วย
ฉันชะเง้อมองตามสายตาหลายๆ
คู่ก่อนจะเห็นไฟหน้ารถของรถคันหนึ่งกำลังพุ่งตรงมายังเส้นชัย
มันจะเป็นรถใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่มังกร
“...” ฉันค่อยๆ
เหลือบมองรอบข้างแล้วปลีกตัวออกมาในจังหวะที่ทุกคนเผลอได้อย่างแนบเนียน
พอเห็นว่าไม่มีใครทันสังเกตก็รีบออกตัววิ่งมาจากจุดนั้นทันที
ยังดีที่พระจันทร์ในคืนนี้ค่อนข้างสว่างเลยทำให้ฉันพอจะมองเห็นอะไรได้บ้าง
ฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากจุดนั้นอย่างระมัดระวัง ป่านนี้พวกเขาคงจะรู้ตัวและเริ่มออกตามหาฉันแล้ว
สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ ไม่แน่ใจว่าจะพอมีที่ให้ฉันหลบคนพวกนั้นบ้างไหม
ฉันเหลียวไปมองด้านหลังเป็นระยะ
อาการเหนื่อยหอบเริ่มจะมากขึ้นทุกที ฉันยังมองเห็นถนนใหญ่อยู่ไกลลิบๆ อยู่เลย
แถมตอนนี้ฉันเห็นว่ามีรถคันหนึ่งกำลังขับออกมาจากสนามด้วย ภาวนาขอให้ไม่ใช่มังกร
แต่ไม่ว่าจะเป็นใครฉันก็ไม่อยากให้มาเจอฉันในสภาพแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
เจ็บใจชะมัดที่กระเป๋าของฉันยังคงอยู่บนรถของไอ้ชายเถื่อนกลุ่มนั้น
ฉันไม่ได้เสียดายอะไรหรอก
แต่มันทำให้ฉันติดต่อใครสักคนที่รู้จักไม่ได้เลย
“แฮ่ก...” ฉันหยุดยืนหอบอย่างก้าวขาต่อไม่ไหว
รู้สึกว่าร้อนวูบวาบและคอแห้งผากไปหมด
รถคันนั้นเริ่มใกล้เข้ามาจนฉันต้องรีบกวาดตามองหาที่หลบซ่อน แต่ฉันอยากจะบ้าตาย
ตรงนี้มันโล่งมาก ไม่มีที่ให้ฉันซ่อนตัวเลย!
อัปแล้วจ้าาาาาาาาา
เรื่องนี้โมนาเป็นนางเอก แล้วพระเอกใครอะ ดูเอา!
เจอกันใหม่ชาร์ปหน้าาาาาาาา
ไม่สะดวกคอมเม้นต์ กดให้กำลังใจก็ได้งับ
ความคิดเห็น