ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดอกท้อโรยรา...วาสนาเบ่งบาน

    ลำดับตอนที่ #1 : 01 | มังกรน้อยแห่งแดนประจิม [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 159
      10
      3 มี.ค. 65


     

     

    01

    มังกรน้อยแห่งแดนประจิม

     

         ในค่ำคืนยามดึกท่ามกลางความเงียบสงัดแห่งทะเลชิไห่แดนประจิม ซึ่งเป็นดินแดนของเผ่ามังกรขาว เผ่ามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนสวรรค์ สตรีตัวน้อยแอบย่องเบาเข้าไปยังคลังเก็บอาวุธวิเศษในไป๋หลงกง มือเล็กค่อยๆผลักบานประตูบานใหญ่ให้เปิดออกพลางหลุบมองยามเฝ้าประตูทั้งสองที่นอนหลับใหลเพราะต้องคาถาหลับใหลที่นางแอบร่ำเรียนมาจากผู้เฒ่าปลามังกร
         “ไป๋เจี้ยน...” เสียงเล็กพึมพำออกมาน้อยๆพร้อมกระหยิ่มยิ้มย่อง สายตาจับจ้องไปยังอาวุธวิเศษหนึ่งเดียวตรงหน้าที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
         ‘อย่าแตะต้องมันจนกว่าจะถึงเวลา’
         เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นในหัวแต่นางก็หาใส่ใจไม่ ทำไมต้องรอจนถึงเวลา ของวิเศษชิ้นนี้เป็นของนางมิใช่หรอกหรือ ทำไมต้องห้ามมิให้นางแตะต้อง ของๆ นางย่อมต้องเป็นของๆ นาง หวงไปทำไมกัน
         “โอ้ย! ” มือเล็กเอื้อมไปหาอาวุธตรงหน้าอย่างตื่นเต้นก่อนจะถูกเขตอาคมป้องกันของกระบี่ดีดเสียกระเด็นหงายหลังพร้อมร้องโอดโอย พื้นดินแลผืนน้ำสั่นสะเทือนพร้อมเสียงกึกก้องของอัสนีที่ดังลงมาถึงก้นทะเลสาบชิไห่
         “จูเอ๋อร์! ” เสียงตวาดดังกึกก้องไปทั้งไป๋หลงกง สตรีตัวน้อยค่อยๆ หันกลับไปมองทางต้นเสียงช้าๆ ก่อนจะรู้สึกสะท้านไปทั้งสรรพางค์กาย บุรุษผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งแดนประจิมกำลังยืนทำหน้าถมึงทึง จับจ้องมายังนางด้วยดวงตาวาวโรจน์ ข้างๆ กายเขามีบุรุษอ่อนวัยกว่าอีกหนึ่งและสตรีผู้มีอำนาจสูงสุดอีกหนึ่ง
         “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่...” น้ำตาที่ไม่รู้ผุดมาจากไหนเอ่อคลอหน่วยตาเมื่อนึกถึงชะตากรรมของตัวเองต่อจากนี้ ก้นของนางคงได้ระบมอีกแล้ว!
          ไม่น่าเลย คาถาหลับใหลไม่น่าหมดฤทธิ์ไวถึงเพียงนี้เลย!
         “ไป๋จูนะไป๋จู หาเรื่องใส่ตัวโดยแท้” นางได้ยินเสียงของมารดาซึ่งเป็นถึงราชินีแห่งเผ่ามังกรขาวเอ่ยขึ้นเบาๆ ราวระอาใจในขณะที่นางโดนผู้เป็นพี่ชายที่อายุห่างกันราวแสนปีหอบขึ้นมาจากพื้นและเหน็บไว้ข้างเอวราวนางเป็นลูกสุนัข
         “ไป๋อวี้ปล่อยข้าลง พี่จะทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้” สตรีตัวน้อยโวยวายพลางดิ้นไปมาหวังเพียงว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของนางจะทำให้นางสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของพี่ชายไปได้
         “เงียบเดี๋ยวนี้ไป๋จู พ่อจะกักบริเวณเจ้าสามหมื่นปี” คำว่ากักบริเวณทำเอาสตรีตัวน้อยตาเหลือกลาน นางเพิ่งจะมีอายุสี่หมื่นปีเท่านั้นกลับต้องมาถูกกักบริเวณแทนการออกไปเที่ยวเล่น
         “ท่านพ่อ สามหมื่นปีเชียวหรือ” นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งแดนประจิม ใยจริงไม่มีอภิสิทธิ์เฉกเช่นเซียนน้อยตนอื่นๆเล่า
         “ไป๋อวี้ นำคำสั่งของพ่อป่าวประกาศทั่วแดนประจิม หากผู้ใดพบเห็นองค์หญิงไป๋จูนอกตำหนักจูหลง ให้จับตัวกลับมาส่ง ณ ไป๋หลงกงทันที” แต่แทนที่บิดาจะสนใจ กลับกลายเป็นประกาศออกไปทั่วแดนประจิมว่านางถูกกักบริเวณ
         น่าขายหน้านัก!
     
     
         วันเวลาผ่านไปอย่างแสนน่าเบื่อหน่าย สตรีตัวน้อยทำได้เพียงนั่งถอนหายใจทิ้งไปวันๆ นางถูกกักบริเวณอยู่แต่ภายในตำหนักจูหลงมาร่วมสิบวันแล้ว ดูท่าคราวนี้บิดาจะโกรธนางจริงๆ แค่นางคิดจะขโมยกระบี่ของตนเอง ทำไมบิดาต้องโกรธนางถึงเพียงนี้
         “เสี่ยวจู...” น้ำเสียงของไป๋อวี้ผู้เป็นพี่ชายทำให้นางละสายตาจากบรรดาต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกปลูกขึ้นในตำหนัก ร่างสูงสง่าแสนงดงามของผู้เป็นพี่เดินมาหย่อนกายนั่งลงข้างๆ นาง
         “มาทำไม ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน” น้ำเสียงเล็กเอ่ยบอกก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง พี่ชายนางดีกับนางทุกอย่าง เว้นเสียแต่ชอบทำตามคำสั่งของท่านพ่อ พวกมังกรเฒ่า กฎระเบียบเคร่งครัดแม้แต่กับเด็กสาวตัวเล็กๆ เช่นนาง
         “ข้ามีลูกกวาดมาฝาก” ไป๋อวี้ยังคงหลอกล่อนางเพื่อขอคืนดี
         “ข้าไม่สนใจของเด็กๆ พรรค์นั้นหรอก” นางตอบอย่างถือตัวทั้งที่ตนก็ยังเด็กนักเมื่อเทียบอายุขัยกับเหล่าเทพเซียนท่านอื่นๆ ในสี่สมุทรแปดดินแดนนี้
         “เป็นลูกกวาดจากแดนมนุษย์ รสชาติหวานอร่อยนัก” คราวนี้นางหันขวับกลับไปทางผู้เป็นพี่ทันที ลูกกวาดจากแดนมนุษย์นั้นถูกลิ้นนางนัก ไป๋อวี้เคยนำมาฝากนางอยู่สองสามครั้งเวลาเขาเดินทางไปยังโลกมนุษย์
         “ข้าจะคิดซะว่าท่านมาขอคืนดีอย่างจริงใจ” นางกล่าวแล้วคว้าหมับเข้าที่ลูกกวาดบนฝ่ามือของพี่ชาย ไป๋อวี้หัวเราะในท่าทางของผู้เป็นน้องสาวก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง
         “กระบี่ไป๋เจี้ยน เป็นอาวุธวิเศษของเผ่ามังกรขาว นับแต่ครั้งเทพบิดรมอบมันให้ท่านพ่อหลังสงครามเผ่ามารในครั้งนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นมันอีก...จนกระทั่งวันที่เจ้าเกิด”
         “เพราะมันเป็นของข้า! ” เสียงเล็กรีบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอาวุธวิเศษอานุภาพสูง
         “ใช่ เสี่ยวจู กระบี่ไป๋เจี้ยนเป็นของเจ้า กระบี่เลือกนายของมันเอง” ผู้เป็นพี่ยังคงพูดต่อด้วยท่าทางใจดีของเขา “อาวุธวิเศษเป็นอาวุธของผู้มีบุญญาธิการสูง เจ้าเป็นเช่นนั้นน้องพี่”
         “ในเมื่อเป็นของข้า ใยจึงไม่มอบให้ข้าเล่า” นางยังคงเอ่ยถามอย่างคับข้องใจ
         “เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะใช้อาวุธที่มีอานุภาพเช่นนี้ เจ้าจะต้องฝึกตนเสียก่อน” มือหนาของพี่ชายเอื้อมมาขยี้ผมนางเบาๆ อย่างเอ็นดู
         “ฝึกตน? ” ช่างเป็นถ้อยคำที่ฟังดูยุ่งยากนักในความคิดของสตรีตัวน้อยๆ เช่นนาง ทำไมชะตากรรมขององค์หญิงแห่งไป๋หลงกงถึงได้ยากลำบากนักนะ มีแต่คนอยากจะเกิดมาสูงศักดิ์ เกิดมาก็ได้เป็นเซียน แต่ใครเล่าจะรู้บ้างว่ามันลำบากยากเข็ญกว่าที่คิดเสียอีก อีกไม่นานนางก็ต้องผ่านด่านทดสอบแห่งสวรรค์เป็นเซียนชั้นสูง ท่านแม่เคยบอกว่าไป๋อวี้ พี่ชายของนางนั้นผ่านด่านสวรรค์เป็นเซียนชั้นสูงเมื่อตอนอายุหนึ่งแสนห้าหมื่นปี แต่ทำไมท่านแม่ถึงทำนายไว้ว่านางจะได้เป็นเซียนชั้นสูงตอนอายุเจ็ดหมื่นปี
         นี่มันเร็วกว่าไป๋อวี้เกินครึ่ง!
         “ในเมื่อข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของเผ่าเรา ข้าจะสอนเจ้าด้วยตนเอง กระบี่ไป๋เจี้ยน เป็นกระบี่ที่มีอานุภาพทำลายล้าง แม้เผ่ามังกรขาวจะเชี่ยวชาญบุ๋น ไม่เชี่ยวชาญบู๊ แต่ก็พอมีวิชาติดตัวกันอยู่บ้าง”
         “หากข้าฝึกตนแล้ว ข้าจะเอากระบี่ไปกวัดแกว่งเล่นได้ใช่หรือไม่? ” นางถามผู้เป็นพี่อย่างใคร่รู้ ดวงตาใสแจ๋วเปล่งประกายเต็มไปด้วยความหวัง
         “เสี่ยวจู ไป๋เจี้ยนไม่ใช่ของเล่น...” นางเห็นสีหน้าและแววตาระอาใจปรากฏบนใบหน้าของพี่ชายยามที่เขาเอ่ยถ้อยวาจา
         แบบนี้ก็ไม่สนุกเลยน่ะสิ!
     
     
     
         ฤดูกาลเปลี่ยนผัน กาลเวลาล่วงผ่านไปนับสามหมื่นปี มังกรน้อยเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นมังกรวัยแรกแย้ม วันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดี ไป๋จูแสนซุกซนกำลังจะได้เลื่อนขึ้นเป็นเซียนชั้นสูง
         “จูเอ๋อร์ อดทนหน่อยนะลูก” ราชินีมังกรขาวลูบเรือนผมนุ่มของบุตรีเบาๆ อย่างต้องการปลอบโยน การต้องอัสนีด่านสวรรค์นั้นเจ็บปวดเข้ากระดูก หากเป็นคนธรรมดาหรือมีตบะไม่แกร่งกล้าพอก็อาจถึงขั้นสิ้นชีพดับสูญ
         “ท่านแม่อย่าห่วง ข้าแข็งแกร่งมาก” กลับกลายเป็นนางเสียเองที่ปลอบมารดาให้เบาใจ ตลอดสามหมื่นปีที่ถูกกักบริเวณ นางได้ใช้เวลาไปกับการเคี่ยวกร่ำฝึกตน ร่ำเรียนวิชาและบำเพ็ญเพียร จากสตรีตัวน้อยกลับกลายเป็นสตรีแรกแย้มผู้งดงามและแข็งแกร่งด้วยบุญญาธิการของนางเอง
         “รีบขึ้นไปด้านบน ใกล้ถึงเวลาเต็มที” ราชาไป๋หลงเอ่ยเตือนบุตรสาวของตน การเผชิญด่านเคราะห์สวรรค์ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่บุตรีของตนกลับทำท่าไม่ทุกข์ไม่ร้อน นั่นคงเพราะนางยังไม่รู้ฤทธิ์แห่งด่านสวรรค์
         ราชามังกรไป๋หลงและราชินีมังกร รวมถึงบุตรชายคนโตและเหล่าข้าราชบริพารที่มียศตำแหน่งต่างพากันพุ่งทะยานขึ้นเหนือทะเลชิไห่จนเกิดระลอกคลื่นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ คนที่ปิดรั้งท้ายคือไป๋จู มังกรสาวแรกแย้ม บุตรีแห่งราชาไป๋หลงที่ต้องเข้ารับการทดสอบด่านสวรรค์ในวันนี้
         “ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องอยากขอ” หลังจากเท้าเหยียบย่างสู่ผืนดิน ไป๋จูก็หันไปหาบิดาพร้อมเอ่ยเจตจำนง
         “จูเอ๋อร์ เจ้าจะขอสิ่งใดจากข้า”
         “ครบสามหมื่นปีแล้วที่ท่านกักบริเวณข้า หลังจากรับอัสนีด่านสวรรค์ ข้าจะขอออกท่องเที่ยวชดเชยเวลาสามหมื่นปี ท่านคิดเห็นอย่างไร” เวลาสามหมื่นปีนี้องค์หญิงไป๋จูแห่งแดนประจิมเติบโตขึ้นมาก จากเด็กสาวแสนซนกลับกลายเป็นสตรีแรกแย้มที่มีความสง่างามและรักษากิริยาได้ดีจนผิดหูผิดตา
         “ไว้เราค่อยคุยกันอีกทีหลังจากที่เจ้าผ่านด่านสวรรค์ได้แล้ว” สิ้นประโยคของราชาไป๋หลง เมฆดำทะมึนก้อนมหึมาก็เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือทะเลชิไห่ เสียงฟ้าคำรามดังก้องจนผืนดินและผืนน้ำสั่นสะเทือน มีแสงสว่างวิบวับเจิดจ้าสลับกับเสียงคำราม
         “น่ากลัวดีเหมือนกันแฮะ เจ้าเมฆก้อนดำๆ นี่” ไป๋จูพึมพำกับตัวเองเบาๆ รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับเหตุการณ์ตรงหน้า
         “ทุกท่านโปรดถอยห่างออกมาจากองค์หญิง” ราชาไป๋หลงประกาศก้อง อานุภาพอัสนีด่านสวรรค์นั้นร้ายแรง แม้จะเป็นการทดสอบเฉพาะบุคคลแต่ผู้อื่นอาจได้รับผลกระทบได้หากอยู่ใกล้เกินไป
         เปรี้ยง!
         อัสนีสายแรงฟาดเปรี้ยงลงมายังร่างบางที่ยืนอยู่ริมหาด ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำเอานางเซไปหลายก้าว ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่าง เจ็บปวดลึกเข้ากระดูกดังที่บิดาและมารดาของนางบอกจริงแท้ ช่างโชคดีนักที่นางฝึกตนมาจนแข็งแกร่งเพียงพอ มิเช่นนั้นคงถูกปลิดลมหายใจไปตั้งแต่อัสนีสายแรกฟาดผ่านร่าง
         “จูเอ๋อร์...” นางได้ยินเสียงมารดาร้องเรียกเบาๆ อย่างสะท้อนใจ เพื่อเลื่อนเป็นเซียนชั้นสูงนางจะต้องอดทน เหลืออัสนีอีกเพียงสองสายเท่านั้น
         เปรี้ยง!
         เร็วเท่าความคิด อัสนีสายที่สองฟาดเข้าใส่ร่างนางอย่างรุนแรงจนเข่านางทรุดลงหนึ่งข้าง แต่นางยังสามารถยันกายไว้ได้อยู่ นางรู้สึกเหมือนภายในกายกำลังร้อนรุ่มราวถูกไฟผลาญ ความเจ็บปวดทวีขึ้นมากกว่าอัสนีสายแรกเสียอีก
         เอาน่าไป๋จู เหลืออัสนีอีกเพียงสายเดียวเท่านั้น!
         เปรี้ยง!
         อัสนีสายที่สามฟาดตามลงมารวดเร็วดั่งใจ คราวนี้ร่างนางทรุดฮวบนั่งลงไปกับพื้นจนต้องใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันไว้ เจ็บปวดเสียจนกระอักโลหิตออกมาอย่างมิอาจกลั้น ร้ายแรงนัก...สมแล้วที่เป็นด่านสวรรค์ การฝึกตนของนางไม่ได้สูญเปล่า ขอบคุณไป๋อวี้ที่พร่ำอบรมสั่งสอนนางมาร่วมสามหมื่นปี
         ในขณะที่นางพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ร่างกายที่แสนหนักอึ้งเมื่อครู่กลับเบาหวิว รัศมีเซียนส่องประกายเจิดจ้า
         ในตอนนี้ นางได้เลื่อนเป็นเซียนชั้นสูงอย่างสมบูรณ์แล้ว

         ไป๋จูยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนจะหมดสติไปในที่สุด ไม่พ้นไป๋อวี้ผู้เป็นพี่ชายต้องพากลับไป๋หลงกง ท่ามกลางความเป็นห่วงเป็นใยของราชาและราชินีแดนประจิม

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×