NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [REST] Jet On The Floor | กำราบรัก

    ลำดับตอนที่ #7 : Episode 6 {100%} H+

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 63








    Episode 6

     

    วันนี้ดีจัง ได้เห็นหน้าเธอ เจ็ทเอ่ยขึ้นในตอนที่ฉันหย่อนสะโพกลงบนเตียงข้างๆ เขา สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมานิดหน่อย แม้ว่ามันจะยังคงซีดเซียวอยู่ก็ตามที

    ใครใช้ให้หายหน้าไปล่ะฉันเอ่ยเสียงเบา แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนป่วยอย่างเขาได้ยิน ฉันใช้ผ้าชุบน้ำในกะละมังแล้วบิดหมาดๆ ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าให้เช็ดย้อนขึ้น ฉันก็ไม่ได้โง่งมเกินไป ไม่ยากนักหรอก

    ...ทันทีที่ผ้าสัมผัสกับผิวของเจ็ท เขาก็มีอาการสะดุ้งเล็กน้อย คงไม่แปลกหรอก ก็เนื้อตัวของเขาน่ะร้อนมาก

    หนาวไหมฉันเอ่ยถาม ในตอนที่กำลังตั้งอกตั้งใจเช็ดตัวให้เขาอย่างแผ่วเบา ฉันไม่กล้าลงน้ำหนักมือมากเกินไป จู่ๆ ก็เกิดกลัวขึ้นมาว่าเขาจะเจ็บ

    นิดหน่อย แต่สบายตัวขึ้นเยอะเจ็ทตอบฉัน สีหน้าเขาดูดีขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่คบกันมา ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์ที่เจ็ทป่วยแบบนี้เลย ถามได้ใช่ไหมนะ ว่าเขาไปทำอะไรมาถึงป่วยหนักถึงขั้นนี้?

    เธอไปทำอะไรมาถึงป่วยขนาดนี้ฉันถาม ขณะที่ใช้ผ้าเช็ดบริเวณซอกคอให้เขา เจ็ทไม่ได้ตอบในทันที เขาเหลืบตามองฉันก่อนจะหลบสายตาเหมือนคนมีความผิด

    ปฏิกิริยานี้คืออะไร?

    โหมงานแล้วก็ออกไปดื่มทุกคืน...เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีจะเอ่ยปาก ฉันจึงหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างแล้วจ้องหน้าเขานิ่งๆ แทน ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดปากพูด

    ...ฉันนิ่งงันกับคำตอบที่ได้ยิน ฉันควรจะพูดว่าไงดีนะ นี่เขาทำตัวเองชัดๆ เลย

    แต่เราไปดื่มแค่คนเดียวนะ ไม่ได้ชวนใครมานั่งด้วยท่าทางของเจ็ทในตอนนี้เหมือนกับเด็กน้อยที่รีบแก้ตัวกับแม่ เพราะกลัวถูกเข้าใจผิด เราแค่ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองคิดถึงเธอ...

    เธอเป็นเด็กอนุบาลหรือไงเนี่ยฉันถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาโตพอที่จะจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้แล้วไม่ใช่หรือไงกัน แล้วฉันก็ไม่เคยบอกว่าไม่ให้เขามาหาหรือติดต่อมาสักหน่อย เขาเลือกจะหายไปเองต่างหาก เจ็ทที่ฉันเคยรู้จัก ไม่ใช่ผู้ชายนิสัยเด็กเล็กแบบนี้เลยนะ

    ไม่รู้ พอเป็นเรื่องเธอแล้วมันอ่อนไหวเจ็ทบอกในตอนที่ฉันเริ่มเช็ดตัวให้เขาอีกครั้ง อ่า...ท่อนบนเช็ดหมดแล้ว เหลือท่อนล่าง...

    เธอเช็ดเองได้ไหม...เพราะมันแต่กังวลกับเรื่องตรงหน้า เลยไม่ได้มีปฏิกิริยาวูบไหวไปกับประโยคบอกเล่าของเขา ฉันยังมีความเขินอายอยู่มากเกี่ยวกับร่างกายของเจ็ท อยู่ดีๆ จะให้ไปลูบๆ คลำๆ

    อืม ไม่ดีมั้ง

    ไม่ไหวหรอก เราไม่สบาย แค่กๆ พูดจบเจ็ทก็ไอเสียยกใหญ่ เขานี่มัน เล่นใหญ่เกินเบอร์

    งั้นปล่อยให้มันเน่าไปแบบนั้นแหละฉันบอกพร้อมกับผละมือออกจากร่างกายของเขา เตรียมตัวจะลุกเพื่อเอากะละมังน้ำไปเททิ้ง แต่คนป่วยที่คิดว่าไร้เรี่ยวแรงกลับฉุดรั้งฉันเอาไว้ เจ็ทใช้แรงพอประมาณในการฉุดดึงฉันให้ลงไปหาตัวเขาเองเธอเล่นอะไรเนี่ย

    ฉันเอ่ยประท้วง เมื่อถูกโอบรัดให้อยู่ใกล้ชิดกับร่างกายที่ร้อนผ่าวของเขา เจ็ททำหน้าหงอยๆ ใส่ฉัน ซึ่งมันขัดกับท่อนแขนแข็งแรงของเขา ที่ทำหน้าที่เหมือนโซ่ตรวนพันธนาการฉันเอาไว้ไม่ยอมคลาย

    เธอจะปล่อยให้เราสกปรกเหรอ แบบนั้นเราไม่หอมนะเจ็ทบอกพร้อมมองสบตาฉัน ทันใดนั้นเขาก็กระพริบตาปริบๆ แถมยังทำปากยื่นน้อยๆ ให้ความรู้สึกน่าหยิกให้เนื้อเขียว...

    เธออย่ามาแอคติ้ง คนอย่างเธอ...ฉันดิ้นขลุกขลักอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เจ็ทยอมคลายวงแขนของเขาโดยง่าย

    คนอย่างเรา? เจ็ทเลิกทำหน้าไร้เดียงสาใส่ฉัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเลิกคิ้วมองแทน

    ไข้หวัดก็ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก อย่ามาสำออยหน่อยเลยฉันตอบอย่างหมั่นไส้ ก็ท่าเขาคุกคามฉันได้ในระดับนี้ คงไม่ป่วยตายไปง่ายๆ หรอก

    เราก็คนนะเธอ เจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาเจ็ทเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง เขาใช้สองมือสอดรองศีรษะของตัวเองไว้ แล้วมองฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แต่ถ้าไม่อยากจะดูแลเรา เธอก็ต้องรักษาเราให้หายก่อน

    ตลก เธอทำตัวเองแท้ๆ แล้วเราไม่ใช่หมอ รักษาเธอไม่ได้หรอกฉันตอบพร้อมตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้ง เจ็ทน่ะชอบตีมึนทุกครั้งเลย เขาทำเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีปากเสียงกันมาก่อน นั่นทำให้ความรู้สึกผิดมันตกผลึกอยู่ในใจของฉัน เพราะฉันรู้ดีว่าต้นเหตุของความขัดแย้งมันก็มาจากตัวฉันเอง

    เธอมียาดีกว่าหมอ เชื่อไหม? ฉันขมวดคิ้วและหันกลับไปมองเจ็ททันที ยาดี?

    จะเล่นลูกไม้อะไรอีกล่ะ เราไม่เล่นกับเธอหรอกนะฉันบอกอีกครั้ง เจ็ทน่ะไม่เคยมีเรื่องบังเอิญในชีวิตหรอก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมักเป็นความตั้งใจของเขาทั้งหมด

    เราจริงจังมาก ไม่เล่น แต่ว่า...เจ็ทเว้นประโยคไว้จนคนฟังอย่างฉันต้องแอบลุ้นตาม แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ยอมพูดต่อ

    แต่ว่าอะไรฉันมักกลายเป็นคนใจร้อนทุกครั้งที่อยู่กับเขา

    แต่เราต้องอาบน้ำก่อน เดี๋ยวไม่หอมแล้วเจ็ทก็พาฉันวกกลับมาเรื่องนี้อีกครั้ง คือจะให้ฉันเช็ดตัวให้ได้เลย?

    เธอเดินไปอาบน้ำเองเลย ดูท่าจะไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนี่ฉันบอกพร้อมกับเดินหนีออกจากตรงนี้ ไม่หันกลับไปฟังเสียงโอดโอยของเจ็ทอีก

    เราป่วย แค่กๆ ไม่มีแรงเลย อย่าใจร้ายสิ แค่กๆ ยัง...ยังไม่หยุดเล่นใหญ่

    แผนเยอะขนาดนี้ ไม่น่าตายง่ายๆ หรอก ดูแลตัวเองไปเลยฉันบอกพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำ วันนี้เหนียวตัวมาก อากาศร้อนใช้ได้เลย ดูท่าจะเปิดเครื่องปรับอากาศไม่ได้ด้วย เพราะมีคนป่วยหมกตัวอยู่บนเตียง

    งั้นก็อาบด้วยกันฉันที่กำลังก้าวขาเข้ามาในห้องน้ำต้องสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงของคนที่คิดว่ากำลังนอนซมอยู่บนเตียงในระยะประชิด เมื่อหันกลับมาด้านหลังก็พบว่าเจ็ทยืนห่างออกไปไม่ถึงคืบ คนป่วยที่ไหนจะคล่องแคล่วขนาดนี้!

    เธอ...ริมฝีปากของฉันฉันที่กำลังจะต่อว่าเขา กลับถูกฉกฉวยทุกคำพูดไปด้วยริมฝีปากร้อนจัดนั่น เจ็ทจู่โจมฉันอย่างรวดเร็ว และมันเต็มไปด้วยความรู้สึกโหยหา จนแม้แต่ฉันก็สัมผัสถึงมันได้

    เราไม่ใช่คนดีนัก ไม่สนหรอกนะว่าเธอจะติดไข้หรือเปล่า...เสียงกระซิบของเจ็ทดังขึ้นชิดริมฝีปากของฉัน หลังจากที่เขาเมตตาให้ฉันได้มีเวลาหายใจ

    ...ฉันพยายามที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ไม่รู้เลยว่าระหว่างผิวกายกับอารมณ์ของเขา อย่างไหนมันร้อนมากกว่ากัน ยิ่งคำพูดถัดมาของเจ็ท มันส่งผลให้หัวใจของฉันทำงานอย่างหนัก

    ตอนนี้เลย เราขอ...

    อะ...ฉันถูกเจ็ทไล่ต้อนจนกระทั่งแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงผนังเย็นเฉียบของห้องน้ำ เธอป่วยอยู่นะ...

    อืมเจ็ทตอบกลับมาแค่นั้น ฝ่ามือของเขาลูบไล้ร่างกายของฉันผ่านเนื้อผ้า ความหวามไหวไล่ระดับขึ้นมาในห้วงอารมณ์ของฉัน จะว่าไปแล้ว...ตัวฉันเองก็โหยหาเขาอยู่ลึกๆ เหมือนกัน

    เธอ...เจ็ทผละมือออกไปจากร่างกายของฉัน เขายื่นหน้ามาจุมพิตที่หน้าผากของฉันเบาๆ ก่อนจะย่อตัวมาอุ้มฉันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เขาพาฉันมาถึงเตียงในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ผิวกายของเขายังมีความร้อนรุ่มของพิษไข้อยู่ ในตอนที่ฉันพะว้าพะวงอยู่กับอาการป่วยของเขา ร่างของฉันก็ถูกบรรจงวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างเปลือยเปล่าของเขาจะตามมาทาบทับเอาไว้

    คิดถึง...มากเสียงกระซิบแหบพร่าของเจ็ท ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงมากกว่าเดิม ฉันรู้ดีว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่าง แต่ฉันก็ไม่สามารถทำใจให้ชินได้เลย เจ็ทในยามนี้ ฮอต มาก ฉันคิดว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะทนต่อเสน่ห์ของเขาไปได้หรอก แม้แต่ตัวฉันเองยังแพ้ราบคาบทุกครั้งไป

    ...ฉันไม่ได้ตอบกลับเป็นคำพูด แต่เลือกจะใช้สองแขนของตัวเองยกขึ้นโอบรอบคอของเจ็ท ก่อนจะออกแรงโน้มใบหน้าของเขาลงมาเพื่อรับจุมพิตจากฉัน ฉันต้องยอมรับจากใจจริงๆ ว่าตัวฉันเองก็คิดถึงเขามาก เจ็ทจรดริมฝีปากลงมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับอารมณ์ของเราที่พุ่งพล่าน ทุกสัมผัสจากเจ็ท ปลุกเร้าอารมณ์ของฉันได้ดีเสมอ

    ลูกหว้า...ใบหน้าแดงก่ำของเขาแสดงออกถึงความทรมานอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพราะอาการป่วย แต่เป็นอารมณ์ที่พุ่งสูงของเขา ฉันรู้ดีว่าใบหน้านั้นต้องการอะไร ฝ่ามือของฉันยกขึ้นลูบไล้ร่างกายของเจ็ทตามสัญชาตญาณ เสียงครางต่ำอย่างพอใจของเขาสร้างรอยยิ้มให้กับฉัน

    เธอ...ร้อนจังนะฉันท้วงเบาๆ ในตอนที่เจ็ทรีบร้อนจัดการกับเสื้อผ้าบนร่างกายของฉัน




    CUT SCENE H+




    พี่เจ็ท...ลืมใส่เหรอฉันเอ่ยถามในจังหวะที่เจ็ททิ้งตัวลงมาทาบทับ แน่นอนว่าเจ็ทเข้าใจคำถามของฉัน เขาหอบแรงมาก เนื้อตัวของเขายังคงร้อนผ่าวจากพิษไข้

    อืมเจ็ทตอบรับแค่นั้น ริมฝีปากของเขายังคงพรมจูบอยู่บริเวณซอกคอของฉันซ้ำๆ

    พอแล้วนะฉันบอกพร้อมกับดันร่างหนาออกจากตัว ซึ่งเจ็ทก็ยอมพลิกตัวลงไปนอนข้างๆ อย่างว่าง่าย

    ครั้งนี้ไม่ดื้อแฮะ...

    ความเครียดขึงกำลังเล่นงานฉัน ครั้งนี้เจ็ทไม่ได้ป้องกัน นั่นแปลว่าฉันจะต้องเป็นฝ่ายป้องกันตัวเองแทน จะว่าเป็นความประมาทของฉันก็ได้ที่ไม่ได้ซื้อยาคุมมากิน แต่นั่นก็เป็นเพราะฉันกับเขาไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียงกันบ่อย และทุกครั้งเจ็ทจะป้องกันเสมอ ฉันเลยชะล่าใจ ไม่คิดว่าครั้งนี้เขาจะลืมขึ้นมา

    ทำไมขมวดคิ้วนิ้วเรียวของเขากดคลึงบริเวณหว่างคิ้วของฉัน อ่า...ฉันกังวลจนแสดงออกทางสีหน้าอีกแล้ว

    ต้องไปซื้อยาคุมฉุกเฉินฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลอย่างปิดไม่มิด

    ซื้อทำไมคราวนี้เจ็ทเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงข้างมามองฉัน มือของเขาลูบผมของฉันเล่นเบาๆ โหมดอบอุ่นอ่อนโยนนี่มันมาจากไหนกันนะ เราไม่เคยนอนคุยกันแบบนี้มาก่อน นั่นทำให้ฉันเกิดความประหม่าเล็กๆ

    เธอไม่ได้ป้องกัน เราต้องป้องกันตัวเองฉันตอบคำถามของเขา

    ครั้งเดียว ไม่เป็นไรหรอกเจ็ทสบตากับฉัน แต่คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้ฉันสบายใจขึ้นเลย

    ประมาทเกินไปแล้วฉันตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวเล็กน้อย ทำไมเขาชอบทำท่าไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่เรื่อย

    เลี้ยงเด็กก็น่าสนุกดี ไม่คิดงั้น? ประโยคที่ออกมาจากปากเขา เล่นเอาฉันตกใจมาก

    ไม่คิดใช่ ฉันตอบกลับไปแทบจะทันที ฉันเพิ่งเรียนจบ งานก็ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ทันจะเปิดตัวแฟน จู่ๆ ก็มาตั้งท้อง ไม่รู้จะต้องตอบคำถามของคนรอบตัวยังไงดี ฉันยังอยากมีชีวิตที่อิสระ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ของฉันกับเขามันจะยาวนานมากแค่ไหน

    นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเขาบอกพร้อมกับดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด อารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาของเจ็ท ทำเอาฉันมึนงง และไล่ตามไม่ทัน แต่ก็อย่างที่เขาบอก วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว

     

     

    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ในอ้อมกอดของเจ็ท มันรู้สึกดีมาก... นับเป็นครั้งแรกเลยที่ตื่นมาแล้วเจอเขานอนอยู่ข้างๆ ความสัมพันธ์ของเรามันจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ใช่ไหมนะ เปลี่ยนไปในรูปแบบที่ดีขึ้น

    ...ฉันใช้ปลายนิ้วชี้ลากไปตามสันจมูกของคนที่กำลังหลับไม่ยอมตื่น ใบหน้ายามหลับของเจ็ทดูดีมากเลย เขาเหมือนเด็กผู้ชายตัวน้อย ไม่มีออร่าผู้ชายอันตรายเหมือนตอนตื่นนอน

    น่ารักจัง...

    มองนานแล้ว ตกหลุมรักบ้างหรือยังจู่ๆ คนที่ฉันคิดว่ากำลังหลับลึกก็ลืมตาขึ้น ฉันรีบดึงมือตัวเองกลับมา แต่ก็ช้ากว่าเจ้าของอ้อมกอดนี้ เจ็ทคว้ามือฉันเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะจรดริมฝีปากลงบนปลายนิ้วชี้ที่ฉันใช้สัมผัสเขา อ่า...ขนอ่อนฉันลุกซู่เลย

    ตื่นมาก็เพ้อเจ้อเลยนะฉันตอบเขาเบาๆ ใบหน้ากำลังเห่อร้อนจากสายตาของเจ็ทในเช้านี้

    หน้าแดงใหญ่แล้วเจ็ทเมินประโยคของฉัน เขากระชับอ้อมกอดพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ ท่าทางดูมีความสุขเสียเต็มประดา สายตาที่ใช้มองมาก็ดูอบอุ่นซะจนหัวใจของฉันเต้นรัว

    อย่าบอกนะว่าฉันมองเจ็ทมากไป จนตกหลุมรักเขาขึ้นมาบ้างแล้ว

    อ่า...ไอ้ความรู้สึกนี้มันคือความรักหรือเปล่า ฉันตกหลุมรักแฟนของตัวเองอยู่หรือเปล่านะ

    เพราะอากาศมันร้อนต่างหาก ไม่ได้เปิดแอร์ฉันบอกพร้อมขยับตัว พยายามจะพาร่างของตัวเองออกไปจากอ้อมแขนแสนอบอุ่นนี้ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อย ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกำลังมีไข้อ่อนๆ เลย แล้วดูเจ็ทสิ หน้าตาเขาแจ่มใสมาก แถมเนื้อตัวก็ไม่ร้อนเหมือนเมื่อคืนแล้วด้วย

    วันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่าเจ็ทถาม เขายังไม่ยอมคลายอ้อมกอด และตัวฉันเองก็ขี้เกียจจะขัดขืนแล้วด้วย ปล่อยไปตามธรรมชาติก็แล้วกัน

    ไม่มีแพลน ว่าจะนอนฉันตอบ จริงๆ แอบคิดไว้ว่าวันนี้จะลองนั่งหาที่สมัครงานอีกครั้ง ถ้ามันหาไม่ได้จริงๆ บางทีฉันอาจต้องกลืนน้ำลายตัวเองแล้วไปขอความช่วยเหลือจากกำปั้น เฮ้อ รู้สึกไม่ชอบใจความคิดนี้ของตัวเองนิดๆ แฮะ

    งั้นนอนด้วยกันเจ็ทกระชับอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะกดลงมาสูดดมกลุ่มผมของฉันเบาๆ บ้าจริง ฉันไม่ได้สระผมมาสองวันแล้ว!

    เธออย่ามาทำอะไรน่าขนลุกนะฉันบอกพร้อมพยายามดันเขาให้ออกห่าง ถึงมันจะไม่เคยได้ผลเลยก็เถอะ การอยู่ใกล้ชิดกับเจ็ทในระดับนี้ มันส่งผลไม่ดีกับหัวใจของฉันเลย

    เจ็ทไม่ได้ตอบกลับมาเป็นคำพูด ฉันได้ยินเสียงหัวเราะอย่างนึกสนุกมาจากตัวเขา ก่อนที่ร่างสูงจะคว้าผ้าห่มตวัดขึ้นคลุมเราไว้ทั้งคู่

    เธอ! ” ฉันโวยวายพลางพยายามดึงผ้าลง แต่แรงของฉันมันสู้แรงของเจ็ทไม่ได้เลย บ้าบอที่สุด

    เรียกพี่เจ็ทอีกสิ อยากฟังน้ำเสียงของเจ็ทในยามนี้ บ่งบอกว่าเขากำลังมีความสุขมากที่ได้กลั่นแกล้งฉัน

    ไม่! มันอึดอัดนะเธอถ้าใครคิดว่าการนอนคลุมโปงมันสบาย เชิญคุณคิดไปคนเดียวเลย สำหรับฉันนี่มันทำให้หายใจค่อนข้างลำบากเลยนะ ถ้าเจ็ทยังไม่หยุดแกล้ง ฉันจะข่วนเขาทั้งตัวเลยคอยดู ถ้าไม่หยุดเราจะใช้กำลังแล้วนะ! ”

    โอ๊ะ...น่ากลัวจังเลยนะครับถึงจะพูดแบบนั้น ใบหน้าร่าเริงของเขาก็ไม่ได้สลดลงแม้แต่น้อย ราวกับว่าเจ็ทรู้อยู่แล้วว่าฉันทำอะไรเขาไม่ได้นอกจากข่มขู่เท่านั้น

    เธอนี่มัน...ฉันยังไม่ทันเอ่ยต่อว่าต่อขานเขาได้จนจบประโยค ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นไลน์เข้ามาขัดซะก่อน ปล่อยเราก่อน

    ฉันโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม โดยมีเจ็ทยินยอมแต่โดยดี เมื่อหยิบมือถือมาดู ก็รู้สึกได้เลยว่าความสดใสบนใบหน้าของตัวเองมันจางลง อาจจะจางลงจนคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังสัมผัสได้

    ไปไม่ไปเจ็ทเอ่ยถาม หลังจากที่เขาชะโงกหน้ามาจ้องดูหน้าจอมือถือในมือของฉัน เป็นข้อความจากปีใหม่ ที่นัดให้ฉันไปเจอที่ร้านเหล้าร้านประจำในคืนนี้ รู้อยู่หรอกว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่ก็ทำใจได้ยากลำบากอยู่ดี

    อื้มฉันตอบรับเบาๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด สิ่งที่ฉันต้องทำตอนนี้คือเคลียร์ใจกับเพื่อนๆ และยอมรับผลที่มันจะตามมา

    เจ็ทไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วกระชับอ้อมกอดของตัวเอง ความอบอุ่นของเขาช่วยเบาเทาความหนาวสั่นในใจของฉันได้พอประมาณ และฉันก็ได้แต่เฝ้าภาวนาให้ทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ฉันไม่อยากจะสูญเสียอะไรสักอย่างในชีวิต

     

     

    ร้านเหล้า XXX

    10:45 P.M.

     

    ฉันมาถึงที่หมายก่อนเวลานัดเล็กน้อย คืนนี้ฉันอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาวสีซีด ไม่ใช่ว่าฉันแต่งตัวไม่สนสภาพอากาศ แต่ว่าร่องรอยจางๆ ที่เจ็ททำเอาไว้เกือบทั่วตัว มันปรากฏชัดเกินกว่าที่คนอื่นจะไม่สังเกตเห็น

    ส่วนตัวต้นเหตุน่ะ พอตกเย็นเขาก็กลับออกไป ไม่พูดอะไรกับฉันสักคำ แถมสนใจมือถือมากกว่าฉันซะอีก

    อืม ช่างมันละกัน...

    ฉันส่งข้อความเข้าไปในไลน์กลุ่มแล้ว ว่าตอนนี้กำลังนั่งรอทุกคนอยู่ในร้าน ทุกคนเปิดอ่าน แต่ไร้ซึ่งคนตอบกลับมา

    มันก็ทำให้รู้สึกแย่นิดหน่อย...

    หว้า...ฉันเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ พบว่าขิงกำลังเดินมาทางนี้ ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนจาง ฉันยิ้มให้เพื่อนนิดๆ ในตอนที่เดินมาหย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆ สองคนนั้นยังไม่ถึงเหรอ

    ฉันไม่ได้ตอบกลับเป็นคำพูด แต่ส่ายหน้าให้เพื่อนน้อยๆ ถ้าเทียบกันจริงๆ เพื่อนในกลุ่มที่ฉันสนิทมากที่สุดก็คือขิง และแน่นอนว่าปีใหม่กับคะนิ้งก็สนิทกันมากกว่าพวกเราด้วย พอลองมาย้อนคิดดูแบบนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ช่างเปราะบางซะจนน่าใจหาย

    ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ปีใหม่กับคะนิ้งก็เดินเข้ามาในร้าน สีหน้าของพวกเธอเรียบเฉยจนฉันไม่กล้าคาดเดา

    ไม่ได้ออกมารวมตัวกันพักหนึ่งแล้ว คืนนี้ตีอะไรดี พรุ่งนี้ฉันไม่มีงานเช้าขิงเอ่ยขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศ หลังจากที่ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบมานานนับหลายนาที

    พวกฉันแค่มาคุยแปบเดียวอะ คุยเสร็จก็กลับปีใหม่เป็นคนตอบ พวกเราทั้งสี่ ยังไม่มีใครแตะแก้วเหล้าตรงหน้าเลยสักคน ฉันนั่งเงียบ ส่วนคะนิ้งก็ยิ่งอึมครึม เธอไม่เหลือบสายตามามองฉันเลยแม้แต่นิดเดียว

    น่าเสียดายนะ...ขิงหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเป็นคนแรกที่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบแก้เก้อ

    จะคุยอะไรก็คุยเถอะ พรุ่งนี้ฉันต้องเข้าประชุมแต่เช้าคะนิ้งเอ่ยปากในที่สุด พร้อมกับสายตาของเธอที่เลื่อนผ่านมายังฉัน

    งั้นเข้าเรื่องเลยนะปีใหม่เลื่อนสายตามองเพื่อนทุกคนก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ฉัน ซึ่งนั่งประจันหน้ากับเธออยู่ พวกเราไม่โอเคมากๆ เลย กับการที่โดนเพื่อนสนิทโกหกอะลูกหว้า

    ...ฉันเงียบ ไม่มีอะไรที่จะแก้ตัว เข้าใจได้ว่าไม่มีใครอยากจะรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก

    ไม่พูดอะไรสักหน่อยเหรอ อธิบายสักหน่อยก็ยังดีเธอยังคงพูดต่อ ในขณะที่ขิงกับคะนิ้งต่างก็นั่งเงียบ

    ไม่มีอะไรจะอธิบาย ก็เป็นอย่างที่พวกแกเข้าใจนั่นแหละฉันตอบกลับไป และคะนิ้งก็แค่นหัวเราะออกมาแทบจะในทันที

    แกทำแบบนี้ทำไมหว้า แกก็รู้นี่ว่าคะนิ้งชอบพี่เจ็ทบทสนทนายังคงดำเนินต่อไปโดยปีใหม่ ฉันเผลอจิกมือตัวเองจนรู้สึกเจ็บ คำตอบแบบไหนถึงจะดี

    เราคบกันมานานแล้วฉันเอ่ยตอบ รู้สึกอึดอัดและไม่รู้ว่าต้องรังสรรค์คำตอบแบบไหนออกมาดี ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรออกไป ก็ดูเหมือนเพื่อนสาวทั้งสองจะไม่พอใจทั้งนั้น

    เหรอ? คบตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ทำไมพวกฉันสามคนไม่รู้เลยคราวนี้เป็นคะนิ้งที่เอ่ยปากกับฉัน สายตาที่เธอใช้มองมา มันมีทั้งความผิดหวัง เจ็บปวดและตัดพ้อ

    เหมือนแกไม่เห็นว่าเราเป็นเพื่อนเลยนะ ตั้งใจปกปิดขนาดนี้ฉันเม้มปาก หัวสมองคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ มันคงผิดมากเลยใช่ไหม ทุกคนคงมองฉันเป็นเพื่อนแย่ๆ คนหนึ่งไปแล้ว

    แกเห็นฉันเป็นตัวตลกใช่ไหม เห็นฉันไปชอบแฟนแก เห็นฉันพยายามจะเข้าหาเขา ลับหลังแกคงสนุกมากเลยสินะเหมือนกับว่าตอนนี้คะนิ้งไม่สามารถจะกดเก็บคำพูดของตัวเองไว้ได้

    ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่ไม่รู้จะบอกยังไง เรื่องนี้มันซับซ้อนฉันพยายามที่จะอธิบายอย่างใจเย็นที่สุด

    มันไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก แกก็แค่ไม่เห็นพวกฉันเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง เพื่อนกันเขามีอะไรก็ต้องบอกกันบ้างสิ แต่ที่แกทำ คือเลือกจะปิดเงียบ พวกฉันดูโง่มากใช่ไหมในสายตาแกอะเสียงของคะนิ้งเริ่มดึงดูดผู้คนในร้าน สายตาหลายคู่เริ่มโฟกัสมายังโต๊ะของเรา

    เรื่องนี้ฉันไม่ออกความเห็นนะ แต่ช่วยคุยกันอย่างใจเย็นหน่อยเถอะขิงที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น

    ใครจะใจเย็นได้แบบแก คะนิ้งเสียใจมากนะ อกหักไม่พอ ยังรู้สึกเหมือนกับถูกหักหลังจากคนที่เรียกว่าเพื่อนอีกฉันหลุบตามองแก้วเหล้าตรงหน้า หลังจากที่จบประโยคของปีใหม่ นี่มันแย่ มันแย่ยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้ ดูเหมือนพวกเธอจะไม่เข้าใจในการกระทำของฉัน

    ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้พวกแกรู้สึกไม่ดีนะ ฉันขอโทษฉันพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิดที่มากัดกินอยู่ในใจ เรื่องนี้ฉันกังวลมาโดยตลอด แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกทุกคนดีไหม เพราะความสัมพันธ์ของฉันกับเจ็ทมันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก มันแปลกซะจนตัวฉันเองก็ไม่เคยจะเข้าใจ

    อย่ามาขอโทษ ถ้าตั้งใจปกปิดมานานเกือบสี่ปี อย่ามาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ฟังแล้วคลื่นไส้คราวนี้แววตาของคะนิ้งเปลี่ยนไป ฉันรู้สึกได้ถึงความโกรธจนอาจถึงขั้นเกลียดฉายชัดในแววตาของเธอ

    ฉัน...ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยอะไรต่อ เสียงโหวกเหวกก็ดังมาจากทางเข้าร้าน ร่างสูงของผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคนปรากฏอยู่ตรงนั้น

    นั่นมันกลุ่มเพื่อนของเจ็ท...

    และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ฉันสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปเช็คกับคนที่คิดว่าเขายังนอนพักอยู่ในห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้กดส่งด้วยซ้ำ น้ำเสียงที่จำได้ดีก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อมากและชอบมีรังสีผู้ชายอันตรายอยู่รอบตัว

    อ้าว บังเอิญจังเลยนะสาวๆ เจอกันอีกแล้วเจ็ทเอ่ยทักทายพวกเราด้วยรอยยิ้มที่มองดูผ่านๆ แล้วเหมือนเป็นมิตร พร้อมๆ กับกลุ่มเพื่อนของเขาที่เดินมายังด๖ที่เยื้องไปทางด้านหลัง

    ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะ...

    แน่ใจเหรอคะพี่เจ็ท ว่ามันแค่ความบังเอิญน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนักถูกส่งมาจากปีใหม่ และเธอก็ถูกคะนิ้งใช้สายตาห้ามปรามในทันที แต่การจาบจ้วงคนอย่างเจ็ท มันไม่ได้จบลงอย่างสงบสุขแบบนั้นหรอก

    ถ้าพี่อยากให้มันบังเอิญ มันก็คือความบังเอิญครับ เจ็ทตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและน้ำเสียงที่ดูไร้พิษภัยแต่แววตาของเขาในยามนี้ แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่คุ้นชิน

    แล้วมันบังเอิญที่พี่เจ็ทคบกับลูกหว้ามาสี่ปีด้วยไหมคะ? คราวนี้คนที่ตอบโต้ออกมาคือคะนิ้ง ซึ่งฉันค่อนข้างจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าเสี่ยงมีปัญหากับเขา ก็เธอดูชอบเจ็ทมากถึงขนาดนั้น

    บังเอิญว่าคนที่พี่เลือกเป็นลูกหว้าดีกว่า เพราะจริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะจบความสัมพันธ์แค่สี่ปีอยู่แล้วครับฉันหันไปมองหน้าเจ็ทแทบจะทันที มันคือเรื่องจริง หรือเขาแค่พูดเพื่อเอาชนะกันแน่นะ

    เฮอะ...ทั้งๆ ที่คะนิ้งใกล้ชิดกับพี่มากกว่า มองพี่ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จัก...คะนิ้งเอ่ยขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดงเรื่อเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ทำไมพี่เจ็ทไม่มองมาที่คะนิ้งบ้างคะ คะนิ้งด้อยกว่าลูกหว้าตรงไหนกัน?

    พี่มองคะนิ้งมาตลอดนะเจ็ทตอบกลับ คราวนี้รอยยิ้มของเขาดูไม่ได้ปั้นแต่ง และเพราะประโยคคำพูดของเขา เหมือนทำให้บรรยากาศอึมครึมรอบตัวของคะนิ้งเบาบางลง ก่อนจะโหมกลับด้วยประโยคถัดมาของเขา มองในฐานะน้องสาวที่แสนน่ารักมาตลอด

    คะนิ้งไม่ได้อยากเป็นน้องสาวของพี่เจ็ท ไม่ได้อยากเป็น! ” เสียงหวานตวาดลั่นด้วยอารมณ์โกรธที่พุ่งสูง ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าเพื่อนสาวของตัวเองเป็นคนที่เอาแต่ใจ นั่นอาจเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียว โดนประคบประหงมและตามใจมาตั้งแต่เด็ก

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ฉันเห็นปฏิกิริยานี้ของเพื่อน

    คะนิ้ง แกใจเย็นก่อน คนมองทั้งร้านแล้วปีใหม่หันซ้ายหันขวา ก่อนจะรีบสะกิดคนที่นั่งข้างๆ ตัวเอง ตอนนี้สายตาของคนในร้านกำลังพุ่งเป้ามาทางพวกเราจริงๆ รวมทั้งบรรดาเพื่อนๆ ของเจ็ทด้วย สายตาของคนในกลุ่มนั้นตอนนี้ สื่ออกมาชัดเจนว่าพร้อมบอกมาก อืม...

    ใจเย็นก่อนครับน้องนิ้ง อย่าเพิ่งโรคคุณหนูกำเริบตอนนี้ ยังมีอะไรให้ฟังอีกเยอะเจ็ทเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะถือวิสาสะทิ้งตัวลงนั่งเบียดกับฉันบนโซฟาตัวเดียวกัน

    เธอ...ฉันเอ่ยท้วงเขาเบาๆ แต่คนอย่างเจ็ทไม่เคนใส่ใจเสียงประท้วงเล็กๆ จากฉันอยู่แล้ว เขามักจะทำทุกอย่างที่เขาพอใจจะทำโดยไม่สนใจฟังใครทั้งนั้นแหละ

    เชิญพูดต่อไปค่ะพี่เจ็ท เพราะคนอย่างนิ้ง...ในเมื่ออยากได้อะไรแล้ว นิ้งก็ต้องได้มันมาครอบครอง ต่อให้พี่กับลูกหว้าจะรักกันมากแค่ไหน นิ้งก็ไม่สนใจหรอกนะฉันและทุกคนนิ่งอึ้งไปกับประโยคถัดมาของคะนิ้ง หลังจากที่เธอแสดงอาการวีนแตกออกมาและสงบสติอารมณ์ตัวเองลงในเสี้ยวนาที นี่คือสิ่งที่เธอกลั่นกรองออกมา

    พอกันที ฉันนั่งเงียบมานานแล้ว ขอพูดหน่อยเหอะขิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันเอ่ยขึ้น สายตาของเธอจับจ้องไปยังเพื่อนสาวทั้งสอง เรื่องนี้ลูกหว้าไม่ได้ผิดไปทั้งหมด พี่เจ็ทเองก็ไม่ผิดที่เลือกลูกหว้า...

    ...ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบ ไม่สิ แทบจะทั้งร้านเลยด้วยซ้ำ

    คนที่ผิด ก็คือพวกแกทั้งคู่นั่นแหละ ใจแคบ อยากเอาชนะ อยากได้ของคนอื่น จุดประสงค์ที่แกโกรธลูกหว้าจริงๆ คืออะไรกันแน่ เพราะเพื่อนไม่ยอมบอกว่ามีแฟนแล้ว หรือเพราะแกอยากได้ผู้ชายของเพื่อน

    ขิง! ” เป็นอีกครั้งที่คะนิ้งตวาดออกมาด้วยความโมโหแล้วมองหน้าขิงอย่างเดือดดาล

    ทำไม มันแทงใจดำคุณหนูที่ถือคติอยากได้ก็ต้องได้ แบบแกหรือไง? ฉันเอื้อมมือไปแตะแขนเพื่อนสาวที่ตอนนี้ดูจะโกรธแทนฉันไปหมดแล้ว ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทเอาซะเลย ทำไมถึงหลบอยู่ด้านหลังของคนอื่น

    ฉันรู้ว่าแกสนิทกับลูกหว้ามากกว่า แต่คะนิ้งกับฉันก็เป็นเพื่อนแกเหมือนกันนะปีใหม่เอ่ยขึ้นมาบ้าง ฉันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของขิง ดวงตาของเธอในตอนนี้ฉายชัดว่าไม่พอใจเพื่อนสาวอีกสองคนมาก

    แล้วลูกหว้ามันไม่ใช่เพื่อนแกกับคะนิ้งเหรอ ถึงได้ทำท่าโกรธเกลียดใส่กันขนาดนี้จบประโยคของขิง ทั้งโต๊ะเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เงียบจนได้ยินเสียงปรบมือชอบใจจากเพื่อนๆ ของเจ็ท ในตอนนี้ฉันกำหมัดแน่น ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรออกไปหรือเปล่า

    พอเถอะ...เรื่องนี้ ฉันไม่ควรให้ใครเข้ามาจัดการแทน สิ่งไหนที่มันผิด ฉันก็ควรรับผลด้วยตัวฉันเอง แต่ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ตรงฝ่ามือ ทำให้คำพูดต่างๆ ที่ตั้งใจจะเอ่ยออกมากระเจิงหายไปจนหมด พอหลุบสายตาลงต่ำก็เห็นฝ่ามือหนาของเจ็ท เขากำลังกุมมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของฉันไว้

    ถ้าการที่พี่กับลูกหว้าคบกันโดยไม่ได้บอกใครมันผิด พวกเราก็ต้องขอโทษทุกคนด้วย...ไม่ทันได้คิดมาก่อนว่าเรื่องของคนสองคนต้องมานั่งประกาศกับคนนอกด้วยน้ำเสียงของเจ็ทในตอนแรกดูสำนึกผิดมาก แต่ประโยคหลังของเขามัน... ส่วนเรื่องที่พี่ไม่เลือกคะนิ้ง มันคงจะเป็นความผิดร้ายแรงมากเลยใช่ไหมครับ แต่เวลาที่เราไม่ชอบอะไร เราก็ไม่เอาตัวไปอยู่กับสิ่งนั้น มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ

    ...เจ็ทในตอนนี้กำลังกุมมือฉันไว้ และเขากำลังทำน้ำเสียงที่ดูไร้เดียงสาใส่ทุกคน

    ถ้าเราไม่ชอบหมา เราควรจะเข้าไปเล่นกับมันหรือเดินหนีดีครับ? เจ็ทยังคงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มเสแสร้งที่เกลียดไม่ลง

    พี่เจ็ทกำลังด่าว่านิ้งเป็นหมาเหรอคะ? ดูเหมือนว่าคำพูดของเจ็ทจะสร้างความไม่พอใจให้คะนิ้งอีกแล้ว

    อะไรกันน้องนิ้ง พี่พูดถึงหมาอยู่ จะไปด่าน้องนิ้งได้ไงกันครับสีหน้าและน้ำเสียงของเจ็ทดูไม่ทุกข์ร้อน แม้ว่าคู่กรณีในตอนนี้พร้อมจะระเบิดใส่ได้ทุกเวลา พี่ไม่ชอบหมาเลย บางตัวมันก็ดี แต่บางตัวมันก็กัดไม่เลือก

    พอได้แล้วเธอฉันหันไปปรามเขา เจ็ทหันมายิ้มให้ฉันแล้วยักไหล่หนึ่งที

    ตอนนี้ก็ขอโทษแล้ว คุยกันรู้เรื่องแล้วเนอะ งั้นพี่พาแฟนพี่กลับก่อนนะครับเจ็ทบอกพร้อมกับฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นแทบจะทันที

    มันไม่จบง่ายไปหน่อยเหรอคะแต่ดูท่าทางแล้วคะนิ้งคงไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ เรื่องนี้คงเป็นประเด็นในวงสนทนาของผู้คนไปอีกสองสามวัน

    แล้วจะทำเรื่องง่ายให้มันยากทำไมครับ อย่าพยายามให้เหนื่อยเลย ถึงไม่มีลูกหว้า พี่ก็ไม่เลือกคะนิ้งอยู่ดีนั่นเป็นประโยคสุดท้ายของเจ็ท ก่อนที่เขาจะลากฉันออกมาจากร้านเหล้า ฉันไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังอีก ไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าและอารมณ์ของคนอื่นๆ เป็นยังไง

    ทำไมถึงตามมาฉันเอ่ยถามหลังจากนั่งเงียบอยู่ในรถของเจ็ทมาหลายนาที เจ็ทยังไม่ได้ขับรถออกไปจากบริเวณร้านเหล้า ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม

    แล้วทำไมจะต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียวเจ็ทหันมามองฉัน แววตาของเขาแอบตำหนิฉันเล็กน้อย

    ก็มันเป็นเรื่องระหว่างเพื่อนอะ แล้วเธอลากกลุ่มเพื่อนเธอมาด้วยทำไมฉันเอ่ย เหลือบสายตามองกระจกข้างรถก็เห็นกลุ่มเพื่อนของเขาอยู่ไม่ไกลนัก

    ใครลากกัน เรื่องบังเอิญทั้งนั้นเจ็ทยักไหล่พร้อมกับขับรถออกมาจากร้านเหล้าทันที เขานี่มัน...

    บังเอิญเหรอ ในชีวิตเขามันจะมีเรื่องบังเอิญกี่เรื่องกัน!

    .





    P.S. พี่เจ็ทฟาดเบาจังเลยอะ วันหลังเอาใหม่นะ 555555555555555555555
    พี่เจ็ทสายฟาด ไม่ใช่ฟาดเรียบ
    แต่ฟาดหน้าหงาย ก็มาดิค้าบบบ

    จำไว้นะทุกคน ทุกอย่างในชีวิตของเจ็ทไม่มีคำว่าบังเอิญ 555555555555
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×