NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [REST] Jet On The Floor | กำราบรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : Episode 4 { 100%}

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 63









    Episode 4

     

    เธอว่า...ถ้าพวกเราจูงมือลูกๆ ไปกินข้าวแบบนั้นบ้าง จะน่ารักมากไหม?

    ผ่านมาสองวันแล้ว แต่ประโยคนั้นของเจ็ทยังคงดังอยู่ในหัว ฉันไม่สามารถสลัดมันให้หลุดออกไปได้ ฉันไม่รู้เลยว่าตอนที่เขาเอ่ยประโยคนี้ เขามีสีหน้าแบบไหน และเขาต้องการแบบนั้นจริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นขำๆ หลังจากเช้านั้น ฉันกับเจ็ทก็ไม่ได้เจอกันอีก

    หว้า รอนานไหม! ” เสียงของคะนิ้งปลุกฉันให้ออกมาจากความคิด เรานัดเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง วันนี้เธอจะไปร้านสักของเจ็ท และร้องขอให้ฉันไปเป็นเพื่อนให้ได้ ฉันยังจำเรื่องราวที่ร้านเหล้าคืนนั้นได้ดี

    ที่บอกว่า...คะนิ้งแอบชอบเจ็ทมาตั้งแต่สมัยปีหนึ่ง และตอนนี้เธอก็อยากลองคุยกับเขาดู ในใจของฉันรู้สึกโหวงเหวงไปหมด และมีความอยากรู้อย่างมากว่าเจ็ทจะจัดการเรื่องนี้ยังไง

    ไม่นานหรอก สองชั่วโมงเองฉันตอบพร้อมแกล้งทำหน้าเอือมระอาใส่เธอ ถึงยังไงคะนิ้งก็คือเพื่อนของฉัน จะให้ฉันไปขัดขวางเธอก็คงทำไม่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเจ็ทมันก็ไม่เหมือนคนปกติ บางทีถ้าเขาลองคุยกับคะนิ้งในฐานะที่ไม่ใช่สายรหัสกัน เขาอาจจะรู้สึกดีกับคะนิ้งก็ได้

    ฉันช้าไปแค่สิบห้านาที แกต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนี้เลยเหรอคำพูดของคะนิ้ง ทำให้ฉันรู้ตัวว่าตอนนี้ความกังวลกำลังฉายชัดบนใบหน้า

    เครียดเรื่องสมัครงานอะ จบมาหลายเดือนแล้วยังหางานทำไม่ได้เลยฉันให้เหตุผลในเรื่องอื่น ไอ้เรื่องสมัครงานก็เครียดอยู่หรอก แต่คงไม่เครียดเท่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ผู้หญิงกี่คนเข้าหาเจ็ทฉันไม่เคยสน แต่พอรู้ว่าคนที่เป็นเพื่อนสนใจเขาอยู่ ในใจของฉันมันก็ร้อนรน มันคงเป็นเพราะฉันกลัว...กลัวว่าถ้าคะนิ้งรู้ความจริง เธออาจจะเกลียดฉัน

    ฉันอุตส่าห์ทาบทามให้มาทำงานที่บริษัทฉัน แกก็มาหยิ่งใส่คะนิ้งเอ่ยพร้อมมองค้อนใส่ฉัน ส่วนฉันก็ทำเพียงหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะตอบกลับไป

    ฉันอยากลองทำงานในสายที่เรียนมานี่หน่าฉันว่าพร้อมกับเข้าไปคล้องแขนเพื่อนสาวไว้ ด้วยท่าทางที่รู้ดีว่าเธอจะใจอ่อน

    ไม่เถียงกับแกละ รีบไปดีกว่า ป่านนี้พี่เจ็ทรอแย่คะนิ้งยิ้มกว้างออกมาทันทีที่พูดถึงเจ็ท ต่างจากฉันที่รู้สึกอึดอัดภายในใจ จะขอถอนตัวตอนนี้ก็รู้ดีว่าเพื่อนไม่มีทางยอมแน่ ฉันจึงทำได้แค่พยักเพยิดหน้าเออออไปกับเธอด้วย

    เป็นเพราะเราทั้งคู่ไม่เคยมาร้านสักของเจ็ท ก็เลยใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงที่หมาย ก็คือเลทจากเวลานัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง

    ขอโทษนะคะพี่เจ็ท พวกเราหาร้านไม่เจอน่ะค่ะทันทีที่เหยียบย่างเข้ามาในร้าน ก็เจอเจ็ทที่กำลังยืนรออยู่ด้วยท่าทางสงบนิ่ง พอเขาเลื่อนสายตามาเห็นพวกเรา รอยยิ้มเป็นมิตรก็ถูกส่งมาทันที แน่นอนว่าคะนิ้งขอโทษขอโพยเจ็ทยกใหญ่เลย

    ไม่เป็นไรครับ พี่มีเวลาว่างอีกเยอะเจ็ทตอบคะนิ้งพร้อมมองด้วยสายตาเอ็นดูอย่างเปิดเผย ก่อนที่ดวงตาคู่คมนั่นจะเลื่อนมามองฉัน พร้อมกับความวูบไหวเพียงเสี้ยววินาทีที่ปรากฏอยู่ในแววตาของเขา นั่งดูลายที่ชอบก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อเครื่องดื่มหน่อย

    แกคิดไว้ยังว่าจะสักรูปอะไรฉันหย่อนสะโพกลงบนโซฟารับแขก พร้อมเอ่ยถามคะนิ้งหลังจากที่เจ็ทเดินออกจากร้านไปแล้ว

    ฉันว่าจะสักชื่อพี่เจ็ทฉันรู้สึกว่าตัวแข็งทื่อแบบอัตโนมัติทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากเพื่อน เป็นการบอกอ้อมๆ ว่าฉันชอบพี่เขาจริงๆ

    อ่อ...ก็ลองดูสมองของฉันหยุดทำงานชั่วคราว ประมวลคำพูดอะไรออกมาไม่ได้ นอกจากคำตอบโง่ๆ ที่ถูกเอ่ยออกไป

    แกก็สักเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ลายแบบมินิมอลพวกนี้น่ารักมากเลย

    ฉันไม่อยากเจ็บตัวอะ ขอปฏิเสธนะนี่แทบเป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ฉันปฏิเสธคะนิ้ง ตามปกติกลุ่มเรามักจะเออออไปด้วยกันเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องกิน เรื่องเที่ยว และอีกหลายอย่าง คงเพราะพวกเรามีความชอบที่เหมือนกัน เลยทำให้พวกเราเข้ากันได้ดี เป็นกลุ่มที่แทบไม่มีเรื่องขัดแย้งกันเลย

    น้ำตาจะไหล ฉันโดนคนสวยปฏิเสธ! ”

    แอคติ้ง! ” ฉันบอกพร้อมกับย่นจมูกใส่คะนิ้ง แต่ดูเหมือนปฏิกิริยาของฉันยิ่งทำให้คะนิ้งชอบใจ

    คุยอะไรกัน หัวเราะคิกคักเชียวเจ็ทที่เพิ่งกลับเข้ามาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ในมือของเขามีกาแฟสามแก้ว พี่ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรกันเลยซื้อมอคค่ามาให้คะนิ้ง ส่วนคาราเมลลาเต้เย็นนี่...ของลูกหว้า

    ขอบคุณค่ะพี่เจ็ท แต่พี่เจ็ทเดาแม่นนะคะเนี่ย ลูกหว้าเขาชอบคาราเมลลาเต้ที่สุดค่ะคะนิ้งเอ่ยพลางมองมาทางฉันที่นั่งเงียบ รู้สึกเหมือนกับทำอะไรไม่ถูก ถึงเจ็ทจะพูดเหมือนกับว่าสุ่มซื้อมา แต่เขาก็จำได้ว่าฉันชอบดื่มกาแฟอะไร

    ขอบคุณค่ะ...ฉันเอ่ยขึ้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาท เจ็ทส่งยิ้มให้ฉัน ทำเหมือนกับเราเป็นพี่น้องร่วมสถาบันที่บังเอิญได้มาเจอกัน

    อ่า...น่าหงุดหงิดใจจังเลย

    เลือกได้หรือยังครับว่าจะสักลายอะไร? เจ็ทหันไปถามคะนิ้ง ก่อนจะเลื่อนสายตามามองฉันอีกครั้ง

    เลือกได้แล้วค่ะ แต่เหมือนพี่เจ็ทจะเสียค่ากาแฟฟรีไปแก้วหนึ่ง เพราะยัยเพื่อนตัวดีนี่ไม่ยอมสักด้วยน่ะสิฉันที่ตกเป็นจำเลยชั่วคราวทำได้เพียงส่งยิ้มแหยๆ ฉันไม่ได้มีความสนใจในเรื่องรอยสัก จะไม่ขอฝืนใจตัวเองตามเพื่อนแล้วกันนะ

    ไม่หรอกครับ ความชอบของคนเราไม่เหมือนกันเจ็ทเอ่ยยิ้มๆ กับคะนิ้ง อย่าบังคับฝืนใจใคร

    อืม...นั่นสิคะคะนิ้งตอบพลางเอียงคอน้อยๆ นี่ฉันเป็นส่วนเกินของบทสนทนานี้หรือเปล่านะ หรือจะแกล้งๆ ขอตัวออกไปเดินเล่นแล้วกลับหอพักเลยดี? แต่ถ้าทำแบบนั้น คะนิ้งได้งอนฉันแน่

    ไหนบอกพี่สิ ว่าจะสักลายอะไรตรงไหนเจ็ททำให้บรรยากาศที่เริ่มจืดชืด กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ดูแล้วทั้งสองคนคุยกันถูกคอดี ยิ่งรู้สึกเป็นส่วนเกินเข้าไปใหญ่เลย นี่ฉันมาทำอะไรตรงนี้กันนะ

    นิ้งว่าจะสักที่สีข้างด้านขวาค่ะ จะสักเป็นชื่อ...ยังไม่ทันที่คะนิ้งจะพูดได้จนจบประโยค เสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนเสียก่อน ค่ะ ตอนนี้เลยเหรอคะ?

    ...ฉันนิ่งฟัง ละเลียดกาแฟแก้วโปรดอย่างเงียบเชียบ เจ็ทเองก็เงียบเช่นกัน มีเพียงแค่เสียงของคะนิ้งที่โต้ตอบกับปลายสาย

    พอดีมีเอกสารด่วนเข้ามา ต้องรีบกลับไปจัดการเธอเอ่ยพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังจากคู่สนทนาวางสายไปแล้ว เรื่องสัก...เดี๋ยวเรานัดกันใหม่อีกทีนะคะ ฉันไปก่อนนะแก

    ได้ครับเจ็ทตอบรับ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มใจดีฉาบไว้

    อื้อ ไว้เจอกันฉันเอ่ยตอบพลางโบกมือลาเพื่อนสาวที่รีบร้อนออกจากร้านไป แบบนี้เขาเรียกว่าเสียฤกษ์ไหมนะ อืม...วันนี้เป็นวันที่ดูวุ่นวายใจดี

    เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะจู่ๆ เจ็ทที่นั่งเงียบไปอึดใจหนึ่งก็เอ่ยออกมา ฉันที่กำลังมองตามแผ่นหลังของเพื่อนจนลับตา จึงค่อยๆ เลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่เขาแทน

    เธอกินข้าวคนเดียวไม่เป็นเหรอ? ฉันย้อนถาม พักนี้เราชักจะตัวติดกันมากเกินความจำเป็น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างจากกันเหมือนเมื่อก่อน จะได้ไม่มีความรู้สึกแปลกปลอมแทรกแทรงขึ้นมาอีก

    อยากกินข้าวกับแฟนไม่ได้เหรอ? ฉันหรี่ตามองคนที่ยอกย้อนกลับมา แถมส่งยิ้มใสซื่อมาให้อีกด้วย อืม เจ็ท นายกลัวอารมณ์เรางั้นเหรอ

    ถามจริง ช่วงนี้เธอเป็นอะไร ทำไมชอบทำตัวแปลกๆ

    ก็ปกติดีนี่เจ็ทตอบพร้อมกับยักไหล่ ราวกับว่านี่คือเรื่องปกติธรรมดา

    ไม่ เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ฉันเอ่ยค้าน เขาลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนเราแทบไม่เคยสนใจกันเลย ไม่มีการมานั่งปรึกษาเรื่องอนาคต หรือต้องมาง้องอน บอกเลิกกันก็ไม่สะทกสะท้าน ไม่มีความหึงหวง ไม่รู้สึกหวั่นไหวหรือใจเต้นบ่อยๆ เหมือนกับช่วงนี้

    เพราะเมื่อก่อนนั่นแหละที่มันแปลกเจ็ทพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขึ้น ใบหน้าที่จริงจังขึ้นอย่างเฉียบพลันนั่นทำเอาฉันอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ พวกเรามาคบกันแบบเปิดเผยดีไหม

    ...ไม่แน่ใจว่านี่คือคำร้องขอ คำถาม หรือว่าคำสั่งกันแน่

    เราลองคิดทบทวนมาหลายวันแล้ว เราอยากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมันเหมือนคู่รักปกติ...

    อย่าใช้คำว่าคู่รัก พวกเราสองคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักกันหรือเปล่าฉันเอ่ยขัด ฉันไม่กล้าจะใช้คำว่าคู่รักในความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดของพวกเรา เราก็แค่คบกันเหมือนเป็นแฟน แต่เราไม่ได้รักกัน...

    ...อีกอย่าง...ตอนนี้คะนิ้งอยากจะคุยกับเจ็ท ถ้าเราสองคนเปิดเผยความสัมพันธ์ขึ้นมา ฉันกลัวว่าจะมองหน้าคะนิ้งไม่ติด ไหนจะขิงกับปีใหม่ ฉันกลัวเสียเพื่อน ฉันกลัวว่าจะต้องโดดเดี่ยวอีกครั้ง

    ปล่อยให้มันเป็นไปตามปกติของมันนั่นแหละ เธอไม่ต้องพยายามเปลี่ยนมันหรอก

    เธอจะสร้างกำแพงทำไมเจ็ทสวนขึ้นทันทีที่ฉันพูดจบประโยค หน้าตาเขาดูจริงจังมากกว่าเดิม อาจจะพ่วงความไม่พอใจเอาไว้ด้วย เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกออกไปจากการสนทนาในครั้งนี้

    ส่วนฉันเองก็หลุบตามองแก้วคาราเมลลาเต้ในมือ รู้สึกว่ามันไม่อร่อยอีกต่อไป ความสัมพันธ์ของพวกเรานี่เรียกได้ว่า สามวันดีสี่วันไข้จริงๆ  และเหมือนต้นเหตุมันก็มาจากตัวของฉันเองทุกครั้ง ฉันต้องเปลี่ยนแปลงในจุดนี้ของตัวเองไหมนะ แต่ว่า...ความสัมพันธ์ของพวกเรา มันคุ้มค่าที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า

    สมมติว่าถ้าเจ็ทเปิดใจให้คะนิ้งเข้ามา ความสัมพันธ์แปลกๆ นี่ก็คงต้องจบลง อ่า...พอคิดแบบนี้แล้วรู้สึกแย่จังแฮะ คงเพราะฉันคบกับเจ็ทมาหลายปี เลยมีความผูกพันกับเขาอยู่บ้างละมั้ง พอคิดว่าจากนี้จะไม่ได้อยู่ข้างๆ กัน มันเลยรู้สึกโหวงเหวง รู้สึกชาไปทั้งตัว

    Rrr Rrr

    แรงสั่นของมือถือที่อยู่ในกระเป๋า ทำให้ฉันหลุดออกมาจากความคิดของตัวเองอีกครั้ง ฉันมองหน้าจอมือถือด้วยสายตาที่ว่างเปล่า หลังจากเห็นชื่อของสายเรียกเข้าในครั้งนี้ แต่ถึงยังไงก็ต้องกดรับ มันเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

    ฮัลโหลฉันกรอกเสียงลงไป รออยู่หลายวินาทีปลายสายจึงตอบกลับมา อืม รู้แล้ว ขอบคุณค่ะ

    เราคุยกันเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ก่อนที่ปลายสายจะกดวางไป ฉันหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาแล้วลืมตาขึ้น ฉันชอบทำแบบนี้เวลารู้สึกอึดอัด ไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรฉันได้บ้าง ฉันแค่ต้องการผ่อนคลายเท่านั้น

    สายเรียกเข้าเมื่อกี้มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีสถานะเป็น แม่ของฉัน เป็นแม่ที่ไม่มีความผูกพัน ไร้ซึ่งความอบอุ่น ไม่เคยแสดงออกถึงความรัก ฉันรู้ว่าเรามีสถานะเป็นแม่ลูก แต่ฉันไม่รู้ว่าเรามีสายใยของแม่และลูกอยู่หรือเปล่า ทุกวันนี้นอกจากเงินที่ถูกเจียดมาให้ใช้ในแต่ละเดือน เราก็ไม่เคยติดต่อกัน ฉันไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าแม่ของตัวเองมาหลายปีแล้ว

    แม่เหรอฉันหันไปมองเจ็ทที่กำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว เขายืนกอดอก ใช้หลังพิงผนังร้านไว้ ชอบทำตัวเป็นวิญญาณเร่ร่อน แว่บไปแว่บมาตลอดเลยนะ

    อื้อฉันตอบรับ เจ็ทรู้สถานการณ์ระหว่างฉันกับแม่ ไม่แปลกถ้าเขาเห็นท่าทางของฉันแล้วจะเดาออก

    ไปขับรถเล่นกันเถอะเขาบอกพร้อมกับตรงเข้ามาคว้าข้อมือฉันเพื่อฉุดให้ลุกตาม

    ว่างเหรอฉันเดินตามหลังเจ็ทอย่างว่าง่าย ขับรถเล่นก็ดี น่าจะช่วยให้ผ่อนคลายได้มากอยู่

    ว่างมาก เคลียร์เวลาไว้โดยเฉพาะถ้าวันนี้คะนิ้งไม่มีงานด่วนเข้ามา เวลาตอนนี้ก็คงจะเป็นเวลาของเธอ ทำไมชอบขมวดคิ้ว มีเรื่องอะไรกวนใจเธออยู่

    เรื่อยเปื่อยอะฉันตอบตอนที่เข้ามานั่งในรถของเจ็ทแล้ว แต่ดูเหมือนคำตอบของฉันจะยังไม่เป็นที่พอใจของเขา

    เรื่องคะนิ้ง? จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา เล่นเอาฉันแอบตกใจอยู่เหมือนกัน จะเสียสละให้เพื่อนเหรอ หยุดความคิดตัวเองซะ

    ...ฉันไม่ได้ตอบโต้ แต่กำลังหรี่ตามองเจ็ทอย่างพิจารณา เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว หรือแค่จะโยนหินถามทางเท่านั้น

    เรื่องที่เพื่อนเธอชอบเรา เรารู้ แต่เราไม่ได้ชอบเพื่อนเธอ เธอรู้หรือยัง? เจ็ทอาจจะอ่านใจฉันได้ เขาถึงได้พูดทะลุกลางปล้องขึ้นมาแบบนี้

    แต่เราว่า...

    อย่ายัดเยียด เราไม่ชอบเจ็ทไม่รอให้ฉันได้อธิบายเหตุผล เขาขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตึงเครียดใช้ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันยอมเก็บคำพูดของตัวเองแล้วกลืนลงคอไป ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไร แต่ฉันกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เห็นดีตรงไหน แต่มุมปากของฉันกลับปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ

     

     

    เจ็ทบอกว่าจะพาไปขับรถเล่น คงจะขับเพลินไปหน่อย ตอนนี้ฉันถึงมายืนอยู่ในสวนสัตว์แบบนี้ แถมยืนอยู่หน้ากรงชะนีอีกด้วย

    เขาว่าชะนีเป็นสัตว์รักเดียวใจเดียวเจ็ทที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น สร้างความประหลาดใจให้ฉันไม่น้อยเลย ตอนเด็กๆ ฉันเคยได้ยินคนพูดว่าชะนีร้องหาแต่ผัว แล้วก็เอาไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่ชอบวิ่งตามผู้ชาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชะนีกลับเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว

    รู้เยอะเหมือนกันนะฉันหันไปชมคนข้างๆ ที่ตอนนี้สายตาของเขากำลังโฟกัสไปยังชะนีคู่หนึ่ง แต่ว่าคนอย่างเจ็ทน่ะนะ...

    เสิร์ชจากกูเกิ้ลเมื่อกี้อย่าไปคาดหวังอะไรจากเขาเลย

    ...ฉันเลือกจะเดินไปทางอื่น ปล่อยเจ็ทให้ชื่นชมกับความรักของสัตว์โลกอยู่ตรงนั้น

    สบายใจขึ้นบ้างไหมเจ็ทที่รีบก้าวขาตามมาเอ่ยถามขึ้น ฉันหันหน้าไปมองเขาที่เดินอยู่ข้างๆ พลางพยักหน้าตอบเขาน้อยๆ

    ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกดีขึ้น แต่ไม่มั่นใจว่าตอนกลับห้อง ฉันจะคิดฟุ้งซ่านอีกไหม ภายในใจลึกๆ แล้ว ฉันก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อกับแม่ที่รักและคอยห่วงใย คอยอยู่ข้างๆ ในวันที่ฉันเจอเรื่องแย่ๆ คอยกอดให้ความอบอุ่นในวันที่ฉันต้องการ แต่ในความเป็นจริงของชีวิตฉัน มันช่างสวนทาง

    ฉันมีแม่ แต่ไม่เคยได้รับความรัก ฉันเกิดมาจากความผิดพลาด ไม่เคยรู้เลยว่าใครคือพ่อ แม่เคยพูดใส่หน้าตอนสมัยมัธยมต้นว่า เขายอมอุ้มท้องเพื่อคลอดฉันออกมาก็เป็นบุญคุณมากแล้ว จำได้ว่าวันนั้นฉันร้องไห้อย่างหนัก รู้สึกเหมือนความรู้สึกและความฝันถูกทำลายลง

    ...ฉันหันไปมองเจ็ทอีกครั้ง เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่ฝ่ามือฉันหลุบตาลงมองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะพบว่าเจ็ทกำลังกุมมือของฉันไว้อย่างหลวมๆ เขาไม่ได้หันมามองฉัน สายตาของเขายังคงสอดส่องไปยังสัตว์หลากหลายชนิด ในตอนนั้นฉันยอมที่จะกุมมือเขาตอบ

    ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในใจตอนนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก

    เดินเล่นต่อได้ไม่นาน พวกเราก็จำเป็นต้องเดินทางกลับ เพราะทางสวนสัตว์กำลังจะปิด น่าเสียดายที่ฉันยังไม่ได้เข้าไปดูในอควาเรียม แต่เจ็ทบอกว่าครั้งหน้าเขาจะพามาใหม่ ท่าทางของเขาเหมือนกับคุณพ่อที่พูดเพื่อปลอบใจลูกสาววัยสามขวบ

    เรากลับมาถึงหอพักของฉันในเวลาเกือบสามทุ่ม แน่นอนว่าแวะหาอะไรลงท้องกันมาเรียบร้อยแล้ว ในใจของฉันตอนนี้อยากจะทุ่มตัวลงบนเตียงมาก แต่ทั้งคราบเหงื่อและมลพิษต่างๆ ที่เจอมาทั้งวัน ทำให้ต้องตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำแทน ส่วนเจ็ท...ฉันเห็นว่าเขากำลังให้ความสนใจกับมือถือในมือของตัวเองอยู่

    พอเข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำ ภาพที่ฉันเมาวันนั้นก็ปรากฏขึ้นเป็นฉากๆ เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว ทุกอย่างดูติดตาไปหมด การที่เมาแล้วยังหลงเหลือสติอยู่มันไม่ดีแบบนี้นี่เอง ทำอะไรไว้ก็จำได้เกือบทั้งหมด นับว่าวันนั้นฉันห้าวหาญไม่ใช่น้อยที่คิดแหย่เจ็ท

    เธอ...เสียงของเจ็ทที่ดังอยู่หน้าห้องน้ำ ทำให้ฉันหยุดการกระทำทุกอย่างลง เพื่อรอฟังว่าเขาต้องการพูดอะไร เรามีนัดกับเพื่อน จะกลับมาดึกๆ นะ

    ไม่ต้องกลับมาแล้ว เราอยากพักผ่อนความอ่อนเพลียทำให้ฉันตอบกลับไปแบบนั้น ฉันเป็นคนที่เวลานอน จะมีประสาทสัมผัสค่อนข้างไว ถ้าเจ็ทกลับมาอีกในตอนดึก ฉันต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเปิดปิดประตูแน่

    ไว้เจอกันฉันอ้าปากอยากจะก่นด่าเขา แต่เสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปทำให้กลืนทุกคำลงคอ เจ็ทก็คือเจ็ท ถ้าเขายืนยันว่าจะกลับมา ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเขาทำให้ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก ฉันจะนั่งต่อว่าเขาไปจนถึงเช้าเลย

     

     

    [ Special part : Jet ]

     

    หลังจากกลับมาถึงหอพักของลูกหว้า ผมก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเป็นครั้งแรกของวัน หลังจากที่ระหว่างทางมันส่งเสียงแจ้งเตือนซะถี่ยิบ แน่นอนว่าแจ้งเตือนเหล่านั้นมาจากแชตกลุ่มของแก๊งเรา ที่ไอ้ชินเป็นคนสร้างขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว

    Chin : วันนี้นัดตี้กันเถอะเพื่อนรักกก

    TubTim : ตี้เก่ง

    Chin : ร่างกายต้องการแอลกอฮอล์อะคนสวยจ๋า

    Phunsorn : แอลกอฮอล์ล้างแผลไปพลางๆ ก่อน

    Chin : ทับทิม สามีหมายเลข1 ของเธอรังแกฉันแล้ว

    TubTim : อยากให้สมน้ำหน้า?

    Chin : เจ็ทททท

    Chin : แวอายูววววววว

    Chin : เจ็ทททททททท

    Phunsorn : กกสาวหรือเปล่า

    TubTim : @Jet_TatToo อย่านอกใจ

    Phunsorn : @Jet_TatToo กบฏ?

    Chin : @Jet_TatToo คนทรโยศศศ

    ผมส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากที่แชตดังกล่าวผ่านเข้าสู่สายตา ไอ้ชินเป็นคนที่พลังงานเหลือเฟือที่สุด แล้วก็ชอบนัดเพื่อนไปกินเหล้า แน่นอนว่ามันเป็นคนที่คออ่อนที่สุด ขนาดทับทิมที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในแก๊ง ยังดื่มเก่งกว่ามันเยอะ

    Me : คิดถึง?

    Chin : รีบมาเลยมึง กูรออยู่ร้านแล้ว

    Me : มีงรีบอะไร วันนี้จะแดกเหล้าวันสุดท้ายเหรอ

    Chin : สัด

    Chin : กูเหงา กูไม่มีคู่

    Phunsorn : ไอ้เจ็ทมี?

    Me : อืม

    ผมพิมพ์ตอบกลับไปแค่นั้น พอเงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือ ก็เห็นว่าลูกหว้าถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว วันนี้เธอดูเพลียๆ คงอยากจะอาบน้ำนอน ความจริงผมเองก็อยากจะล้มตัวนอนเหมือนกัน  แต่ตอนนี้มีหลายอย่างอยากปรึกษาเพื่อนๆ มากกว่า เช่น ทำยังไงให้ผู้หญิงตกหลุมรัก

    Chin : What!!!

    Phunsorn : หืม?

    TubTim : สามีหมายเลข 2 มาคุยกันหน่อย

    Me : ขอเวลาสักครึ่งชั่วโมง

    ผมวางมือถือในมือลง เดินไปที่หน้าห้องน้ำเลยเอ่ยเรียกคนด้านในเบาๆ เธอ เรามีนัดกับเพื่อน จะกลับมาดึกๆ นะ

    ไม่ต้องกลับมาแล้ว เราอยากพักผ่อนแต่คำตอบของเธอไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจสำหรับผมเท่าไหร่ ผมรู้ว่าวันนี้เธอค่อนข้างจะเหนื่อย แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะรบกวนเธอสักหน่อย

    ไว้เจอกันผมตอบแค่นั้น ก่อนจะเร่งรีบเดินออกมาจากห้อง เพราะวันนี้สภาพอารมณ์ของเธอไม่ค่อยดีนัก ไม่อยากจะปล่อยเธอเอาไว้คนเดียว ผมอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

     

    ร้านเหล้า XXX

     

    ผมเดินทางมาถึงสถานที่นัดหมายในเวลาครึ่งชั่วโมงจริงๆ ที่นี่ไม่ได้ไกลจากหอพักของลูกหว้านัก โชคดีที่ค่อยข้างดึกแล้ว การจราจรเลยไม่เป็นอุปสรรคนัก บางทีผมก็แอบคิดว่า พวกเราสามารถนัดกันที่อื่นนอกจากร้านเหล้าได้บ้างไหม?

    ทันทีที่เจอหน้ากัน ทับทิมก็ทักทายอย่างเป็นมิตร ว่าไงพ่อหนุ่ม แอบมีสาวไม่บอกเพื่อนฝูงเหรอ?

                   ผมเดินเข้าไปหาผองเพื่อนที่นั่งรอกันอยู่ที่โต๊ะมุมสุด ขาดแต่พันศรเท่านั้น ปกติมันตัวติดกับทับทิมจะตาย น่าแปลกที่วันนี้มันปล่อยทับทิมไว้คนเดียวได้ด้วย

    มาคนเดียวเหรอวะไอ้ชินบอกพร้อมกับสอดส่องสายตาไปทั่ว ขี้เสือกจริงๆ

    มึงเห็นใครขี่คอกูมาไหม? มันไม่ได้ตอบ แต่ถลึงตาแล้วก็ปาเม็ดถั่วที่เป็นกับแกล้มใส่ผมแทน แล้วนี่สามีหมายเลขหนึ่งของเธอไปไหน

    คราวนี้ผมเปิดปากถามทับทิมที่กำลังตั้งใจแกะเมล็ดแตงโม ทุ่มเทที่สุด...

    อยู่ในห้องน้ำเธอเงยหน้าขึ้นมานิดนึงก่อนจะตอบกลับ

    ไม่ตาม? ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้ชิน เพราะที่ว่างข้างทับทิมเป็นของพันศร หวงอย่างกับเป็นผัวเขา คิดว่าผมไม่รู้ความคิดมันหรือไง ในโลกนี้คงมีแค่ไอ้ชินที่ไม่รับรู้อะไรเลย

    ทับทิมเป็นผู้หญิง จะไปห้องน้ำชายได้ไง ไอ้โง่ผมปาถั่วใส่ไอ้คนข้างๆ ทันที ไม่มีบทแต่เสือกพูดนัก

    มึงไม่ต้องพูดผมบอกพร้อมจับแก้วเหล้ากรอกปากมันไปอีกที

    อย่ามาเบี่ยงประเด็น สาวที่ไหน ชื่ออะไร? คราวนี้ทับทิมเงยหน้าขึ้นมามองผม เธอจ้องหน้าผมเหมือนกับกำลังอ่านความในใจของผมอยู่ อ่านใจคนอื่นนี่เก่งจัง แต่ใจของตัวเองดันไม่ได้เรื่อง เหอะ

    เออ ใช่ๆ ทำไมไม่พามาด้วย กูอยากเจอไอ้ชินบอกอย่างระริกะรี้ มันก็แค่อยากส่องและเผาผมให้ผู้หญิงของผมฟังเท่านั้นแหละ

    มึงนี่ขี้เสือกจริงๆ เสียงของพันศรดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเท้าเข้ามา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ทับทิมในที่สุด ผมมองหน้าเพื่อนแล้วได้แต่เอ่ยชมมันในใจ โคตรหล่อ โคตรรวย แต่อ่อนหัดนัก

    มึงไม่เสือกเลยดิ มาเสนอหน้าอยู่ตรงนี้อะไอ้ชินโต้กลับ

    กูแค่อยากได้ความรู้พันศรตอบก่อนจะเบนสายตาไปหาสาวสวยข้างๆ ที่ตอนนี้นั่งจ้องหน้าผมแบบเอาเป็นเอาตาย

    สรุปวันนี้จะได้คำตอบไหม ทับทิมเอ่ยในขณะที่ยังไม่ละสายตาไปจากผม และเพื่อนอีกสองคนที่เหลือก็เริ่มหันมาจ้องผมเช่นกัน นี่กำลังกดดันผมถูกไหม? แต่ถึงพวกมันไม่กดดัน ผมก็ตั้งใจมาเล่าให้ฟังอยู่แล้ว ที่บอกลูกหว้าว่าอยากคบแบบเปิดเผย ผมไม่ได้พูดเล่นๆ หรอกนะ

    ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนๆ ฟัง และรีแอคชั่นของแต่ละคนก็ไม่ได้ต่างกันเลย เริ่มแรกก็รุมหัวกันด่าผม พอช่วงหลังๆ กลับทำหน้าสมเพชเวทนาใส่เสียอย่างนั้น

    โถ่ ไอ้ควาย เรื่อง่ายๆ แต่เจ็ทไม่รู้นี่เป็นประโยคแรกจากไอ้ชิน หลังจากที่ผมเล่าเรื่องทุกอย่างจนจบ

    มึงรักเขาแล้วเจ็ทพันศรย้ำเตือน มึงกลัวจะสูญเสีย มึงเป็นห่วงเขา ช่วงนี้มึงทำดีกับเขามากขึ้น ถูกไม่ถูก?

    ก็ใช่ช่วงนี้ผมอยากจะทำดีกับลูกหว้ามากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ และรู้สึกไม่ชอบใจเลยเวลาที่เธอบอกเลิก ทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่เคยแคร์คำว่าเลิกจากปากเธอด้วยซ้ำ

    ความจริงก็คือหวั่นไหวกับเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าแล้วใช่ไหม? คราวนี้ทับทิมเป็นคนถาม ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงวันที่เจอหน้าลูกหว้าครั้งแรก อ่า...วันนี้ส้นรองเท้าของเธอไปขัดกับตะแกรงท่อระบายน้ำ ผมเป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะรู้สึกสงสาร

     “อืม ก็สวยดี มองหน้าแล้วรู้สึกดี วันนั้นลูกหว้าค่อนข้างสะดุดตาผมมากทีเดียว แต่มันก็แค่นั้นแหละ

    กูว่าน้องเขาคล้ายแฟนเก่ามึงอยู่นะไอ้ชินเป็นคนเดียวที่รู้จักกับแฟนคนแรกของผม จะว่าไปก็คล้ายจริง...แต่ผมไม่ได้มองเห็นลูกหว้าเป็นภาพซ้อนของใครหรอกนะ เธอก็คือเธอ ส่วนคนในอดีตนั้น...ก็เป็นเพียงอดีต

    สรุปก็คือ ตอนแรกแค่รู้สึกดี แล้วก็คบกันมาแบบเฉยๆ แต่ตอนนี้ตกหลุมรักน้องเขาแล้ว? ทับทิมสรุปให้ผมฟัง ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องที่ว่าตอนนี้ผมตกหลุมรักลูกหว้า ผมไม่แน่ใจเลย เพราะกับแฟนคนแรกก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากนี้

    มึงไม่ได้คบน้องเขาเพื่อแทนใครใช่ไหม? พันศรเอ่ยถาม สีหน้าของมันตอนนี้ดูจริงจังมาก

    กูไม่รู้...ผมเอ่ยด้วยคำตอบโง่ๆ ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าทำไมวันนั้นถึงขอลูกหว้าคบ เป็นเพราะในคืนนั้น เธอคนนั้นโทร.เข้ามาหาผม แล้วบังเอิญลูกหว้าอยู่ตรงนั้นด้วยหรือเปล่า ผมคบลูกหว้าเพื่อหนีใจตัวเอง หรือเป็นเพราะผมรู้สึกดีกับเธอเลยขอเธอคบในคืนนั้น

    ผมไม่รู้ความรู้สึกในคืนนั้นเลยจริงๆ

    ไอ้เจ็ท มึงอย่าตอบแบบนี้นะเว้ยไอ้ชินบอกพร้อมกับทำท่าอยากจะบีบคอผม

    เจ็ท...อย่าทำให้เพื่อนผิดหวังทับทิมเอ่ยสมทบ

    กูไม่เคยสั่งสอนให้เพื่อนสันดานเสียไอ้พันศรบอก ตอนนี้สายตาของเพื่อนๆ กดดันผมอย่างมาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ตอบไม่ได้อยู่ดี ความรักมันคืออะไรเหรอ? คือความรู้สึกตามที่ผมเข้าใจมาตลอดหรือเปล่า

    ผมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ลืมตาดูโลก ส่วนพ่อก็เอาแต่ทำงาน ไม่เคยมีเวลามาใส่ใจกัน ผมอยู่อย่างโดดเดี่ยวและพยายามเข้มแข็งมาโดยตลอด จริงๆ ก็แค่เด็กที่ขาดความอบอุ่นคนหนึ่ง มีไอ้ชินเป็นเพื่อน และมีเธอคนนั้นที่คอยอยู่เคียงข้าง จนผมรู้สึกว่าเธอต้องเป็นคนที่ผมรักแน่ ผมอยากจะสร้างครอบครัวกับเธอ ครอบครัวที่ตัวผมในวัยเด็กวาดฝัน

    แต่ความฝันของผมมันคงไม่มีวันเป็นจริงขึ้นมาได้หรอก ฝันมันก็คือฝันเท่านั้น ลืมตาตื่นเพื่อเผชิญกับความจริงดีกว่า ผมคิดแบบนั้น

    เริ่มแรกมันเกิดจากอะไรไม่รู้ แต่ตอนนี้กูอยากให้เขาอยู่กับกูไปทั้งชีวิตผมเอ่ยตอบ ความสัมพันธ์นี้เริ่มแรกอาจจะแย่ แต่ผมอยากทำปัจจุบันและอนาคตให้มันดี อยากทำให้ลูกหว้ามีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆ ผม อยากให้เธอมีความสุขมากๆ จนไม่กล้าทิ้งผมไป เพราะกลัวว่าจะหาความสุขแบบนี้ไม่ได้อีก...ความสุขที่เกิดขึ้นจากผมคนเดียวเท่านั้น

    แล้วมึงรักเขาหรือเปล่าพันศรถามขึ้นอีก เพราะถ้ามึงไม่รัก การที่กักขังเขาไว้กับตัวเอง มันเป็นการทำร้ายเขา

    กูตอบไม่ได้ กูขอเวลาคิดก่อนผมบอก ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้แตะแก้วเหล้าแม้แต่นิดเดียว รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้กำลังจริงจังเรื่องลูกหว้ามาก จนไม่โฟกัสสิ่งอื่น

    คิดนานระวังเขาทิ้งไปมีใหม่ไอ้ชินพูดตอกย้ำในสิ่งที่ผมเป็นกังวล

    ผู้หญิงน่ะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย คงไม่ยอมอยู่มาจนถึงตอนนี้หรอกแต่แล้วคำพูดของทับทิมก็ทำให้ความมืดครึ้มที่กำลังก่อตัวในใจสลายหายไปบางส่วน

    แบบนี้ก็แปลว่าลูกหว้าอาจจะรักผมเหรอ?

    แต่การกระทำของเธอมัน...เดายากมาก

    เก็บไปคิดให้ดี ไอ้อ่อนหัดผมมองหน้าพันศร มันมีสิทธิ์อะไรมาว่าผม ในเมื่อตัวมันก็อ่อนหัดสิ้นดี!

     

     

    ผมกลับมาถึงห้องของลูกหว้าในเวลาตีสองนิดๆ ได้ดื่มมานิดหน่อยพอกรึ่มๆ ผมเดินเข้ามาด้านในห้อง พยายามลงฝีเท้าให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้คนที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงต้องสะดุ้งตื่น

    ย่องเบา เป็นขโมยหรือไงแต่กลายเป็นผมเองที่ต้องสะดุ้งโหยง เพราะเสียงงัวเงียของคนที่ผมคิดว่ากำลังหลับอยู่ เวลานอนนี่ประสาทสัมผัสไวมากจริงๆ นะผู้หญิงคนนี้

    เราทำให้ตื่นเหรอผมบอกพร้อมกับเดินไปเปิดไฟ พบว่าคนบนเตียงกำลังนั่งหยีตา เพราะตายังปรับแสงไม่ได้ ใบหน้าของเธอฉายชัดถึงความง่วงงุน สายตาของผมที่มองลุกหว้าในยามนี้มันเปลี่ยนไป คงเป็นเพราะได้ปรึกษากับเพื่อนๆ มาแล้วละมั้ง เลยได้รู้อะไรมากขึ้น

    ใช่ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องกลับมา เธอไม่ฟังเราเลยน้ำเสียงของลุกหว้าตอนนี้ติดงอแงนิดหน่อย ผมไม่ได้มองว่าน่ารำคาญ แต่รู้สึกว่ามันน่ารักมากต่างหาก น่ารักซะจน...

    ฟุ่บ

    ขอโทษนะครับน่ารักซะจนต้องพุ่งเข้าไปกอด

    อะไรของเธอเนี่ย ปล่อยเลยนะลูหว้าโวยวายขึ้นมาเบาๆ พลางพยายามแกะแขนผมออกจากตัวเอง ตัวเหม็น ไปอาบน้ำ อ๊ะ...! ”

    แต่เธอตัวหอมจังผมเอ่ยหลังจากกดจมูกลงไปที่ข้างแก้มนุ่มนิ้มนั่น แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

    แต่เธอตัวเหม็น! ” ลูกหว้าเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน ไม่รู้ว่าเธอกำลังเขินหรือโกรธกันแน่

    งั้นเราไปอาบน้ำก่อน แล้วจะกลับมาให้เธอหอมผมเอ่ยอย่างหยอกล้อ คนที่ง่วงงุนตอนนี้ดูท่าจะตาสว่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ไม่ต้อง เราไม่ได้อยากหอมเธอ! ”

    สักหน่อยน่า...ผมแกล้งรบเร้าคนที่อยู่ในอ้อมแขน แม้ว่าเธอจะพยายามผลักไสผมให้ออกห่าง แต่ระดับผมแล้ว มือเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก

    ไปไป๊! ” ผมหัวเราะลั่นเมื่อลูกหว้าเอ่ยปากอย่างหมดความอดทน

    เฮ้อ อยากเก็บช่วงเวลาแบนี้ไว้ตลอดไปเลย

     

    [ Special part : End ]






    P.S. มีเพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัวจริงๆ พิเจ็ท
    เอาล่ะ ถึงเวลาหรือเปล่า ถึงเวลาจะปวดตับกันหรือเปล่าาาาาา
    5555555555555555 เจอกันบทหน้าาาาาา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×