คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : OVERLOAD || Episode 1 [100%]
Episode 1
ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเจ็บร้าวทั่วทั้งร่าง การขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อยกลับเป็นเรื่องที่ยากลำบาก รู้สึกได้ว่ามีผ้าพันแผลเต็มไปหมดและรู้สึกหนักๆ ที่ข้อเท้า
ฉันตายหรือยัง?
มันคือประโยคแรกที่ฉันใช้ถามตัวเอง ถ้าตายๆ ไปได้ก็คงจะดี
“อึดเหมือนกันนี่” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ฉันพยายามลืมตาขึ้นมองแล้วกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัส ก่อนที่สายตาจะมองเห็นร่างของใครบางคน ช่างดูเลือนรางก่อนจะค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นในไม่กี่วินาทีต่อมา เขากำลังยืนมองอยู่ และแววตาของเขามันช่างว่างเปล่าเกินกว่าจะเข้าใจได้
เคร้ง
เสียงเหมือนกับโลหะกระทบพื้นดังขึ้นเมื่อฉันเริ่มขยับตัว ความหนักอึ้งที่ข้อเท้าทำให้ฉันเลื่อนสายตาลงไปมองก่อนจะพบกับโซ่เส้นใหญ่ที่พันธนาการข้อเท้าของตัวเองเอาไว้
“อ้อนวอนสิเผื่อฉันใจอ่อน” น้ำเสียงเย็นชายังคงดังต่อไปแต่ไร้เสียงตอบจากฉัน
ฉันมองไปรอบห้องอย่างสำรวจ มันเป็นเหมือนห้องเก็บของเก่าๆ ที่มีหยากไย่และฝุ่นเต็มไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งจุดที่ฉันนั่งอยู่ ข้าวของถูกวางระเกะระกะโดยไม่ได้รับการจัดระเบียบ ห้องนี้ราวกับถูกปิดตายไม่ได้ใช้งาน แสงสว่างรอดผ่านเข้ามาทางผนังที่ทำจากไม้ซึ่งเริ่มมีร่องรอยของการผุพัง
ฉันเลื่อนสายตากลับมามองตัวเอง ก่อนจะพบกับรอยฟกช้ำและแผลถลอกตามตัว บางแห่งถูกปิดด้วยผ้าก๊อซและมีรอยเลือดซึมออกมานิดๆ ความเจ็บระบมแผ่ไปทั่วร่างจนยากต่อการขยับตัว ศีรษะของฉันปวดหนึบและหนักอึ้ง
“จะเก่งไปได้แค่ไหนกัน...” เขาบอกพร้อมกับยืนมองอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน
“ขอโทรศัพท์...” ฉันหวังว่ามันคงยังไม่พัง ฉันใส่มันไว้ในกระเป๋าสะพายของตัวเองและกอดกระเป๋าไว้แน่นตอนที่กระโดดลงมาจากรถ ฉันควรจะโทรหาใครสักคน...
อย่างน้อยก็ต้องผู้จัดการร้านสะดวกซื้อที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ด้วย ฉันจะหายไปเฉยๆ แบบนี้ไม่ได้ แต่ในสภาพนี้ฉันเองก็คงฝืนไปทำงานไม่ไหว ดูจากสถานการณ์แล้วฉันเองก็ไม่รู้ว่าตราบฟ้าจะทำอะไรกับฉันบ้าง และไม่รู้เลยว่าเขาจะปล่อยฉันไปหรือเปล่า
“นี่เหรอ? มีสายโทรเข้ามาเยอะเลย...แต่บอกให้แล้วว่าไม่ว่าง” เขาบอกพร้อมกับชูโทรศัพท์ของฉันที่ตอนนี้อยู่ในมือเขาให้ดู
“ตราบฟ้า...” ฉันเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสิ้นหวัง มันทั้งแหบแห้งและระโหยโรยแรง
“เรียกอีกสิ” ตราบฟ้ายิ้มออกมาขณะที่เอ่ยตอบ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าดูเอาซะเลย
“...” ฉันเงียบลง ไม่ได้เอ่ยเรียกเขาอีก คิดว่าควรจะเก็บแรงไว้หาทางออกไปจากที่นี่
“ชอบฟังเสียงคนใกล้ตาย...แบบเธอ” แต่ตราบฟ้ายังคงพูดต่อ เขาบอกโดยไม่ละสายตาไปจากฉัน ตอนนี้สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาสักนิด เขาเปลี่ยนไปมาก...มากเกินกว่าจะเป็นตราบฟ้า...คนที่ฉันเคยรู้จัก
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” ฉันรวบรวมเรี่ยวแรงตอบกลับเขาอีกครั้ง
“ต้องพูด เพราะฉันจะฟัง” แต่ตราบฟ้าก็ตอบกลับมาอย่างคนที่สุดแสนจะเอาแต่ใจ
“...” คำถามมากมายผุดขึ้นในหัว แต่ฉันเลือกที่จะเก็บมันไว้ตามเดิม ถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร...
“ให้พูดก็พูด ก่อนจะไม่มีโอกาส” น้ำเสียงนี้ดูจะรำคาญที่เห็นว่าฉันไม่เอ่ยอะไรออกมาสักที
“ทำไมไม่ปล่อยให้ตาย” ฉันเงยหน้าขึ้นในขณะที่ถามและสบตากับเขาโดยตรง มนุษย์เราสามารถพูดคำโกหกได้มากมายแต่แววตาไม่สามารถโกหกได้ ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจเคยได้ยินกันไหม?
และแววตาของตราบฟ้าไม่เคยโกหกฉันสักครั้ง
“ไม่สนุก...ยังไม่ได้ทรมานให้สาแก่ใจ” เขาเอ่ยมันออกมาภายใต้ใบหน้าที่เฉยชาแต่สง่างามนั่น
“...” ฉันจ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น แต่ฉันกลับเจอแค่ความว่างเปล่า เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ผู้ชายที่ดีและรักฉันมากคนนั้นเขาหายไปแล้ว ฉันคงต้องโทษตัวเองที่ทำให้เขาหายไปสินะ
“มาดูกันหน่อยว่าฉันจะใช้ประโยชน์อะไรจากร่างกายของเธอได้บ้าง” เขาบอกก่อนจะเอียงคอมองเล็กน้อยอย่างสำรวจ ร่างกายฉันเห่อร้อนไปหมดเมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองมาอย่างจาบจ้วง สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ช่วงหน้าอกของฉัน ฉันเลื่อนสายตาตามเขาก่อนจะผวาตะครุบสาบเสื้อไว้ ฉันเพิ่งเห็นว่ากระดุมมันขาดไปสองถึงสามเม็ด รอยถูกกระชากมากกว่า...
“...” แม้แต่สภาพปางตายแบบนี้ เขาก็ยังไม่คิดจะสงสารกันเหรอ
“แอบสำรวจนิดหน่อยตอนเธอยังไม่ฟื้น สวยดี...” ใบหน้าของฉันเห่อร้อนหลังจบประโยคของเขา ตราบฟ้าที่ฉันเคยรู้จักเขาอ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษมากกว่านี้ แม้แต่คำพูดเขาก็ไม่เคยล่วงเกินฉัน
“แค่ฉันทิ้ง นายต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ...” ฉันเริ่มมีความกรุ่นโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว อยากจะเข้าไปทุบไหล่กว้างๆ นั่นให้สาแก่ใจ แต่แค่เรี่ยวแรงจะโต้เถียงกับเขายังแทบจะไม่มี
“แค่ทิ้ง...เหรอ? ” ตราบฟ้าเอียงหน้าเล็กน้อยในขณะที่ถาม ไม่นานนักก็เอ่ยต่อ “เธอหลอกให้ฉันรักจนหัวปักหัวปำแล้วก็ทิ้งฉันไปโดยไม่ลา ไม่คิดจะไยดี”
“ฉันเปล่านะ...” ฉันรีบปฏิเสธข้อกล่าวหาของเขา ฉันไม่ได้หลอกเขา ฉันไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นสักครั้ง
“เปล่า? แล้วอะไร! ” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อตราบฟ้าออกเสียงคล้ายจะตวาด ดูเขาจะโมโหมาก แต่มันก็เกิดแค่เพียงชั่ววูบก่อนทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง มันดูสงบจนน่ากลัว
“นายไม่อยากรู้เหตุผลหรอก” ฉันเลื่อนสายตาไปทางอื่นในขณะที่พูด
“ฉันบอกเธอแบบนั้นเหรอ” แต่น้ำเสียงเรียบนิ่งนั่นก็สวนกลับมาแทบจะทันที “ฉันบอกเธอเหรอ? ”
“...” เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ฉันเลือกใช้ความเงียบแทนคำตอบ
“คิดแทนทำไม? ” ฉันเลือกที่จะเงียบมากกว่าโต้ตอบเพราะไม่อยากทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันเลือกมันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่มากไปกว่าเดิมเสียอีก “ถามก็ตอบ ต้องใช้อะไรง้างปากก่อนไหม! ”
“นายจะมาอยากรู้ไปทำไม ทุกอย่างมันก็ผ่านมานานแล้ว ขุดคุ้ยขึ้นมามันจะช่วยอะไรได้ มันช่วยให้ฉันไม่ทิ้งนายหรือไง” ในที่สุดฉันก็ตอบโต้ออกไปจนได้...
หมับ!
ตราบฟ้าเดินตรงเข้ามาหาก่อนจะคว้าข้อมือฉันไปบีบไว้แน่นแล้วกดร่างฉันลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนฉันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ มันเป็นผลจากการกระทำที่โง่เขลาด้วยการกระโดดลงจากรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง แต่ดูท่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจกับอาการบาดเจ็บของฉันสักนิด
“รู้ไหม บาดแผลบนตัวเธอมันกระตุ้นให้ฉันอยากรังแก...” เขาบอกพร้อมกับใช้สายตาคู่คมนั่นจ้องลึกเขามาในดวงตาของฉัน ความสะใจและเย้ยหยันฉายชัดแบบไม่ปิดบัง
“...” เมื่อมองสบตากับเขา ฉันมองไม่เห็นผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักเลยแม้แต่นิด
“ยิ่งเกลียดเธอมากเท่าไหร่ ยิ่งอยากทำให้เธอเละคาอกฉัน” ตราบฟ้าโน้มตัวลงมากระซิบลงที่ข้างหู
“ถ้าคิดว่าทำแล้วทุกอย่างมันดีขึ้น...ก็ทำ” ฉันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อร่างสูงเริ่มซุกไซร้ใบหน้าลงมาที่ซอกคอ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดลงมาบนผิวของฉัน
“อย่าท้า...” ลมหายใจอุ่นร้อนนั่นปัดเป่าบริเวณซอกคอ แต่มันกลับไม่ได้สร้างความรู้สึกใดให้หัวใจที่ด้านชาของฉัน
“ทำแล้วก็ปล่อยฉันไปตามทางของฉันสักที...” สิ้นประโยคคำพูดของฉันเป็นเสี้ยวนาทีที่การกระทำของเขาหยุดลงก่อนที่มันจะเริ่มดำเนินต่อ ความรุนแรงเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ เขาสัมผัสฉันไปทุกสัดส่วนแบบที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัส ทั้งรุนแรง ป่าเถื่อน จาบจ้วงและแข็งกระด้าง ตราบฟ้าใช้ฝ่ามือหนาของเขาสัมผัสผิวกายของฉันผ่านเนื้อผ้า
“ฉันไม่มีทางปล่อยเธอจนกว่าเธอจะขาดใจตาย” น้ำเสียงของตราบฟ้าดูจะพอใจมากที่ได้เห็นสภาพทุเรศลูกตาของฉันในตอนนี้
“...” ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงจนได้กลิ่นคาวและรสเฝือนของเลือด
“โง่” อาจจะจริงก็ได้ที่ฉันมันโง่ โง่เกินจะเยียวยาได้แล้ว
“...” โง่ที่ต่อให้ในตอนนี้ตราบฟ้าจะเกลียดฉันมากแค่ไหน หัวใจของฉันก็ยังเรียกหาเขาอยู่
“กรีดแขนตัวเองดูไหมเผื่อฉันพอใจ” เขาบอกหลังจากผละตัวออกห่างจากฉันแล้ว ครั้งนี้สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความหงุดหงิด
“...” ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป เลือกที่จะเงียบอยู่เหมือนเดิม ส่วนหนึ่งเพราะเหนื่อยกับการต้องต่อปากต่อคำกับคนพาล อีกส่วนก็เพราะความบอบช้ำที่ได้รับทั้งทางกายและทางใจ
“ความเงียบไม่ได้ช่วยให้ฉันปล่อยเธอไปหรอก” เขาบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมด้วยการกระแทกประตูปิดตามหลังอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น ก็ดีแล้วที่เขาออกไป...ฉันเหนื่อยเกินไปที่จะต่อกรกับพายุอารมณ์ของเขา ฉันปล่อยน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ให้รินไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ การกลับมาพบกันอีกครั้งช่างมีแต่ความเจ็บปวด ความอ่อนล้าบวกกับความเจ็บระบมทำให้ฉันเผลอหลับไปอีกครั้งก่อนจะตื่นขึ้นมาหลังจากโดนสาดด้วยของเหลวที่เย็นจัด
“หลับสบายดีไหม? ” เสียงเข้มกระซิบที่ข้างหูในขณะที่ฉันทำได้แค่นอนนิ่งๆ ตอนนี้ร่างกายของฉันเจ็บจนขยับตัวไม่ได้มากกว่าครั้งแรกที่ตื่นเสียอีก
“...” ฉันทำได้แค่เพียงตัดพ้ออยู่ในใจ แต่ไม่คิดจะเอ่ยออกมาให้เขาได้ยิน
“ลุกขึ้นมากินข้าว อย่าเพิ่งสำออย” เขาบอกก่อนจะฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นอย่างไม่ปรานีปราศรัย จนฉันเผลอครางออกมาด้วยความเจ็บปวด “เจ็บเหรอ...โง่เอง”
“...” ฉันไม่ตอบแต่เอื้อมมือไปหยิบจานข้าวลากเข้าหาตัว อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่อยากทำอะไรโง่ๆ อย่างที่ตราบฟ้าคอยย้ำเตือนด้วยการอดอาหารเพื่อประชดเขาหรอก แต่สิ่งที่ฉันได้กลับมาคือจานข้าวที่มีแต่ข้าวเปล่า ฉันเงยหน้าขึ้นมอง เผื่อเขาจะพูดอธิบายอะไรบ้าง
“กินซะสิ” เขาบอกก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง และกลับมาด้วยจานอาหารที่มีกลิ่นหอมน่ากินในมือ ให้เดาจากกลิ่นคงเป็นผัดกะเพรา ฉันก้มลงมองจานข้าวของตัวเองอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจตักข้าวเข้าปาก
ท่องไว้สิเจ้าขา กินเพื่อให้มีชีวิตอยู่ เธอจะตายด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ได้เด็ดขาด
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตสุขสบายเกินไปเหรอ แค่ข้าวเปล่าจานเดียวก็ทำเป็นกินไม่ได้
ฉันได้แต่บ่นตัวเองในใจในขณะที่กลืนข้าวลงคออย่างยากลำบาก เบื้องหน้ามีตราบฟ้าที่กำลังนั่งกินข้าวผัดกระเพราอย่างเอร็ดอร่อย กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูกฉันจนท้องร้องอีกครั้ง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ฉันใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อฝืนกินข้าวในจานให้หมดแม้มันจะไม่มีความอร่อยอยู่เลย
“เอาไหม...ของเหลือ” ตราบฟ้าบอกหลังจากลุกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมกับยื่นจานผัดกะเพราที่เหลืออยู่น้อยนิดมาให้ ฉันมองอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจรับมา ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง เมื่อก่อนฉันไม่เคยเข้าใจประโยคที่ว่า ‘กินข้าวทั้งน้ำตา’ แม้กระทั่งตอนที่เลิกกับเขาไปเมื่อสี่ปีก่อน แต่ในวันนี้ฉันเข้าใจอย่างรู้ซึ้งแล้วว่ารสชาติมันเป็นยังไง...
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจรู้ ฉันทำได้เพียงนั่งฟังเสียงฝนที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอก ตั้งแต่ที่ตราบฟ้าเดินออกจากห้องไปเขาก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีก ฉันคิดเอาเองว่าตอนนี้น่าจะเป็นช่วงค่ำหรืออาจจะดึกแล้วฉันก็ไม่แน่ใจ ห้องนี้ถูกปิดตาย หน้าต่างไม่สามารถเปิดออกได้เพราะถูกแผ่นไม้ตรึงขวางเอาไว้ แถมตอนนี้ในห้องยังมืดมากจนแทบมองอะไรไม่เห็น แสงที่เคยเล็ดลอดเข้ามาหายไปหมด ร่างกายฉันปวดระบมแต่ฉันก็ได้แต่กัดฟันฝืนทนต่อไปเท่านั้น ฉันจะตายตอนนี้ไม่ได้
ที่นี่ที่ไหนกันนะ แล้วเขาไปไหน?
นี่เป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวฉันมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่มันก็คงจะไม่ได้รับคำตอบจนกว่าคนที่ตอบได้จะกลับมาอีกครั้ง
แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ?
ความกลัวในจิตใจของฉันเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เขาบอกว่าเขาอยากจะทำให้ฉันทรมาน การทิ้งฉันไว้ที่นี่แล้วปล่อยให้อดข้าวอดน้ำ ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันก็นับว่าเป็นการทรมานที่ดีสำหรับเขา...
แอ๊ด...
เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ฉันหันกลับไปมองยังต้นเสียงก่อนจะพบร่างสูงสง่าของตราบฟ้าพร้อมตะเกียงในมือ
เขากลับมางั้นเหรอ...
“ร้องไห้ทำไม” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากเขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าของฉัน
ร้องไห้เหรอ?
ฉันยกมือขึ้นแตะแก้มจนสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นของหยาดน้ำตา มันไหลมาตอนไหนกันนะ แต่นั่นมันไม่สำคัญหรอก
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ” ฉันอ้อนวอนกับเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงแววตาที่ว่างเปล่า ต่อให้อ้อนวอนมากแค่ไหนมันก็คงจะเปล่าประโยชน์ เขากลายเป็นคนใจร้ายไปแล้ว
“หลังคารั่วเหรอ...” เสียงพึมพำดังมาจากร่างสูงก่อนที่แสงไฟจากตะเกียงจะถูกสาดส่องขึ้นไปด้านบนจนเผยให้เห็นหยดน้ำที่หยดลงมาจากหลังคา “ขอให้สนุก”
ตราบฟ้าบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง เขาทิ้งฉันไว้ในห้องมืดๆ นี่คนเดียว แถมเสียงฝนก็ดูจะตกหนัก แล้วไหนจะหลังคารั่วอีกล่ะ คงคิดจะทรมานฉันอีกละสินะ ฉันปล่อยให้หยาดน้ำตาหล่นลงมาหยดแล้วหยดเล่าแข่งกับสายฝน ความแค้นไม่เคยทำให้ใครมีความสุขหรอก
ตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บระบมและปวดเมื่อยตามตัวไปหมด คอแห้งผากราวกับคนขาดน้ำและอาการปวดหัวที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่าเป็นไข้เด็ดขาดนะเจ้าขา...” ฉันพึมพำปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเริ่มเย็นจัดขึ้นทุกขณะจนรู้สึกหนาวสั่น ฉันไม่ได้โง่เกินไปจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นไข้ สาเหตุคงเป็นอาการอักเสบจากบาดแผลตามตัว ฉันไม่รู้จะหายาแก้อักเสบและยาแก้ปวดได้ที่ไหนในเมื่อห้องนี้เป็นห้องเก็บของเก่าๆ
แอ๊ด...
เสียงประตูถูกเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างของตราบฟ้าและตะเกียงของเขา เขายืนมองฉันที่นั่งขดตัวอยู่ที่เดิมนิ่ง สักพักก็เดินมาไขกุญแจโซ่ที่ข้อเท้าของฉัน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบงัน ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างเรา
“ลุก” คำสั่งสั้นๆ ของเขาทำให้ฉันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ อาการปวดหัวเหมือนจะยิ่งปะทุขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหวแต่ฉันก็พยายามสะกดกลั้นตัวเองไม่ให้แสดงความเจ็บปวดออกมาต่อหน้าเขา ฉันเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีความอดทนได้มากถึงขนาดนี้ก็วันนี้นี่เอง
“...”
“บอกให้ลุกไง” ตราบฟ้ายังคงสั่งคำเดิมคือให้ฉันลุกขึ้น ฉันจำใจต้องลุกขึ้นช้าๆ อย่างยากลำบาก การต้องประคองร่างกายที่ปวดระบมและเต็มไปด้วยบาดแผลของตัวเองให้ลุกขึ้น โดยไม่เซหรือล้มลงไปมันช่างหนักหนาและสุดแสนจะทรมานจริงๆ
“...”
“ตามมา” เมื่อเห็นว่าฉันลุกยืนได้แล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินนำออกไป ฉันถอนหายใจอย่างปลงๆ ในโชคชะตาของตัวเอง แต่ละก้าวที่เดินตามหลังตราบฟ้า ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองพร้อมจะล้มลงไปทุกวินาที ตราบฟ้าเดินนำฉันผ่านทางเดินแคบๆ เข้ามายังบ้านหลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งเป็นสไตล์โมเดิร์น
“บ้านใครเหรอ” ฉันตัดสินใจเปิดปากถามเขาหลังจากที่เงียบมานาน ฉันแค่อยากให้สมองคิดเรื่องอื่นมากกว่ามาโฟกัสความเจ็บปวดของร่างกาย เผื่อว่ามันจะทำให้รู้สึกดีขึ้น
“ถ้ารู้แล้วได้อะไร? ” ตราบฟ้าหันกลับมาพร้อมกับกวาดสายตาคู่คมที่สื่อความหมายนั่นไปทั่วร่างของฉันอย่างไม่ปิดบัง ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาที่กระดุมขาดไปสองเม็ดแต่โชคดีที่ฉันเซฟตัวเองมากพอจะใส่เสื้อซับในไว้อีกชั้น
“รู้แล้วมันก็ทำให้ฉันเลิกสงสัยไง” ฉันตอบออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
“ไม่ใช่...หมายถึงถ้าเธอรู้แล้วฉันจะได้อะไรตอบแทน...” ตราบฟ้าบอกพร้อมกับก้าวเข้ามาประชิดตัวฉันอย่างรวดเร็วจนฉันไม่สามารถขยับหนีได้พ้น น้ำเสียงทุ้มเข้มเอ่ยอะไรสักอย่างที่สมองของฉันในตอนนี้มันประมวลผลไม่ทัน
“...”
“หอมแก้ม...”
“...”
“จูบปาก...”
“...”
“หรือตัวเธอที่อยู่ใต้ร่างของฉัน...”
Talk
อัพครบแล้วเน้อ เรื่องนี้เป็นอะไรที่ดราม่าจริงๆ แล้วมันจะสวีทกันได้ไหมเนี่ย สถานการณ์ยังคงตึงเครียดและจะเครียดต่อไป #โดนตบ
เป็นนางเอกเรื่องนี้ต้องอดทน กระโดดลงรถต้องไม่ตาย แค่สาหัส T^T
เจอกันใหม่อีพีหน้าาาาาาาาาา
ความคิดเห็น