คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : OVERLOAD || Prologue [100%]
Prologue
[ Special part : Trabfah ]
ผมนั่งอยู่ในผับซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการของครอบครัว แม่เปิดกิจการนี้ให้ผมดูแลเพราะรู้สันดานผมดี ว่าชื่นชอบการเป็นผีเสื้อราตรีมากแค่ไหน และก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผมเถลไถลไปไกลจนเสียผู้เสียคน ตลกดี ผมโตพอที่จะมีอิสระเป็นของตัวเองแล้วไม่ใช่หรือไง
“พี่ฟ้าทำอะไรอยู่เหรอคะ” เสียงหวานใสของผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีเดินเข้ามาหา เธอเป็นคนสวยน่ารักแต่ไม่ใช่คนเฟรนด์ลี่ และที่สำคัญคือเธอเป็นคู่หมั้นของผมเอง เธอมีชื่อสวยๆ ว่า ‘น้ำค้าง’
เธอเรียกผมว่า ‘พี่ฟ้า’ หรือชื่อเต็มๆ ที่ผมชอบให้คนอื่นเรียกก็คือ ‘ตราบฟ้า’
“เปล่าหรอก น้ำค้างมาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า” ผมขยับตัวให้เธอมานั่งลงข้างๆ
“คุณพ่อกับคุณแม่บอกให้มา” เธอบอกก่อนจะนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม เธอคล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมเคยหลงรักหมดทั้งหัวใจ ก่อนที่เธอคนนั้นจะทิ้งผมไปอย่างไม่ไยดี นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่คิดจะรักผู้หญิงคนไหนจริงๆ จังๆ อีก จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของคุณพ่อพาน้ำค้างมาทำความรู้จักกับผม และบอกว่าเธอคือว่าที่คู่หมั้น ผมตกลงทันทีเพราะน้ำค้างช่างเหมือนกับเธอคนนั้น ไม่ใช่ที่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นความรู้สึกเวลาอยู่ใกล้และนิสัยของเธอ
“อีกไม่นานผับจะเปิดแล้ว น้ำค้างกลับไปก่อนเถอะ ฝากบอกคุณอาด้วยว่าว่างๆ พี่จะแวะไปเยี่ยมท่าน” ผมบอกเพียงเท่านั้น ครอบครัวของเราสนิทสนมกันอย่างมาก ยิ่งมีเรื่องพันธะการหมั้นหมายเข้ามา ผมยิ่งไปอาจปฏิเสธการเข้าหาผู้ใหญ่
“ถ้าที่นี่ไม่ใช่ผับ น้ำค้างคงมานั่งบ่อยๆ ” เธอบอกพร้อมกับลุกออกไป คนที่เห็นจากภายนอกก็คงคิดว่าเราช่างเหมือนคู่รักกันเสียจริง ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีความรู้สึกแบบนั้นระหว่างเรา น้ำค้างเคยเหมือนจะเปิดรับผม แต่ก็เป็นตัวผมเองที่ปิดมันไป มันก็แค่เคยเหมือนเท่านั้น... ครั้งแรกผมคิดว่าน้ำค้างเหมือนผู้หญิงคนนั้น และสามารถจะมาแทนที่เธอได้แต่ผมก็คิดผิด ยังไงก็ไม่เหมือน...ผู้หญิงที่ผมทั้งเคยรักมากที่สุดและเกลียดมากที่สุดในตอนนี้
ผมสาบานกับตัวเองไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าถ้าเจอเธออีกครั้งผมจะสร้างรอยแผลและความเจ็บปวดให้เธอเจียนตาย ให้สาสมกับที่เธอทำไว้กับผม จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่ลืมสิ่งที่ตั้งใจไว้ แต่มันติดตรงที่ว่าผ่านมาแล้วสี่ปี ผมก็ไม่เคยได้เจอเธออีกเลย...
‘ฟ้ารักเราไหม? ’
‘รักสิ ฟ้ารักเจ้าขามากที่สุดเลย’
แกร๊ก
ผมเผลอบีบแก้วเหล้าในมือจนแตกเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน เธอหลอกผม หลอกให้ผมรักและทุ่มเททุกอย่าง จากนั้นเธอก็ทิ้งผมไป ไม่มีแม้แต่คำบอกลาหรือเหตุผลดีๆ สักข้อ
ผมมองเลือดที่ไหลอาบมือด้วยสายตาว่างเปล่า ผู้หญิงก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ใช้เสน่ห์หลอกล่อให้หลงใหลก่อนจะทิ้งไปอย่างเลือดเย็น แล้วทำไมผมต้องเห็นค่าของผู้หญิงอีกล่ะ?
“คุณตราบฟ้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” พนักงานคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์เดินเข้ามาถาม แต่ผมก็ยกมือขึ้นเป็นการห้ามแล้วส่ายหน้าบอกประมาณว่าไม่เป็นไร
“เฮ้ย ไอ้ฟ้า ไอ้ทิมมันไปเจอสาวมาใหม่ว่ะ สวยชะมัด” เสียงเพื่อนๆ ของผมดังขึ้นมาจากทางประตูผับ เมื่อเลื่อนสายตาไปมองก็เห็นพวกมันกำลังให้ความสนใจกับอะไรบางอย่างในโทรศัพท์
“ชื่อเจ้าขานะเว้ย เรียนอยู่ศึกษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย R”
‘โตขึ้นฟ้าอยากเป็นอะไรเหรอ เจ้าขาอยากเป็นครู’
‘อยากเป็นคนที่เจ้าขารักไง’
ผมเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์จากพวกมันก่อนที่รูปของผู้หญิงคนหนึ่งจะกระทบเข้ากับสายตา เธอสวยสง่า ดวงตาสวยหวานคู่นั้นมีเสน่ห์จนทุกคนต่างหลงใหล ผิวเรียบเนียนขาวใสน่าสัมผัส ใบหน้าของผู้หญิงที่ผมไม่มีทางลืม
“ฮึ...” ในที่สุด...
ฉันหาเธอเจอแล้วนะ...เจ้าขา
[ Special part : End ]
เขามาได้ยังไง...
ฉันยืนมองผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนพิงรถหรูอยู่หน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนี้กำลังทำตัวเป็นเป้าสายตาให้กับทุกคน เขาหล่อและดูดี ส่วนสูงราวๆ ร้อยแปดสิบขึ้นไป เขาดูดีกว่าแต่ก่อนเสียอีก...
“เจ้าขายืนทำไรอะ ฉันหิวจะแย่แล้วนะ” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งสะกิดฉันเมื่อเห็นว่าฉันยืนเงียบ วันนี้ฉันกับเพื่อนๆนัดกันไว้ว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน แต่ดูท่าฉันคงจะไปไม่ได้แล้ว เขายังไม่ทันเห็นฉัน...หลบไปทางอื่นก่อนดีกว่า
“แกไปก่อนเลย เราจำได้ว่าอาจารย์นัดอะ ไว้คราวหน้านะ” ฉันรีบบอกปัดเพื่อน พลางหันซ้ายหันขวาหาทางหนีทีไล่
“อ้าว...” เพื่อนๆ มองมาด้วยความงุนงงและได้แต่พยักหน้าให้อย่างจำใจ ฉันรีบแยกตัวออกมาทันที ฉันจะไม่เสี่ยงเด็ดขาดแม้ว่ามันจะกลายเป็นฉันเบี้ยวนัดกับเพื่อนในกลุ่มทั้งที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่ว่าฉันก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น ฉันจะไปออกทางประตูหลังมหาวิทยาลัย ถึงแม้จะไกลพอสมควรหากจะกลับที่พัก แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับเขา ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกกลับไปตั้งหลักที่หอพักที่อยู่นอกมหาวิทยาลัย
ฉันถอนหายใจเมื่อเดินมาถึงหอพักซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ถ้าออกทางด้านหน้า แต่ฉันยอมอ้อมถ้ามันทำให้เราไม่ต้องเจอกันอีก ผู้ชายที่ฉันหนีเขามาตลอด บ่อยครั้งที่บังเอิญเจอกับเขาแต่ฉันก็พยายามหลบหน้า เขาไม่เคยเห็นฉันหรอกเพราะเขามักจะมากับผู้หญิงคนอื่น...
“หนีเก่งดีนะ” เสียงเข้มติดเย็นชาดังขึ้นก่อนที่สายตาของฉันจะปะทะกับร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงประตูทางเข้าหอพัก
ไม่จริง...
ฉันตัดสินใจหันหลังกลับแล้วออกแรงวิ่งให้เร็วที่สุด แต่วิ่งไปได้ไม่ถึงก้าวก็ถูกใครบางคนตะครุบแล้วกระชากกลับไปด้านหลังอย่างรุนแรงจนฉันเสียหลักล้มก้นกระแทกพื้น
“กลับมาเจอกันทั้งทีก็ให้ออกแรงเลยเหรอ? ” เขาย่อตัวนั่งลงตรงหน้าพร้อมกับมองมาอย่างเหยียดๆ
“...” ทันทีที่ประสานสายตากับเขา ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ใบหน้าของเขาในตอนนี้ฉายความร้ายกาจออกมามากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
“หอนี้ซ่อมซ่อไปหน่อยแถมเป็นหอพักหญิง...ฉันย้ายออกให้แล้วนะ” เขาว่าพลางใช้สายตากวาดมองไปทั่วร่างกายของฉันอย่างถือวิสาสะ
“นายไม่มีสิทธิ์นะ” ฉันหลุดพูดออกไปเป็นประโยคแรก ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่พบไม่คุยกับเขาอีก
“พูดได้แล้วเหรอ? ขึ้นไปเก็บของซะ” เขาบอกพร้อมกับยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงในขณะที่ฉันยังนั่งอยู่ที่พื้น ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างมองมาที่พวกเราเป็นตาเดียว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น...” ฉันบอกพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าเขาแล้วค่อยๆ เดินเข้าหอพัก สายตาของผู้คนโดยรอบต่างจับจ้องมาที่ฉัน ฉันอยากหายไปอีกครั้ง...หายไปจากโลกของเขาอีกครั้ง
“ฉันบังคับ...” หลังจากจบประโยคของคนด้านหลัง ร่างของฉันก็ลอยขึ้นจากพื้นไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา ฉันตกใจจนเผลอนิ่งค้างไปแบบนั้นหลายวินาที ปราการบางอย่างที่เคยสร้างขึ้นมาเหมือนกับกำลังพังทลายลงในชั่วพริบตา ฉันอยากหนีทั้งที่ความจริงก็โหยหามาตลอด บางทีที่ได้เจอกันอาจไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่ที่ยังไปวนเวียนอยู่ในที่เดิมๆ
“ตราบฟ้า...” นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่ฉันเรียกชื่อของเขา ชื่อที่ฉันโหยหาเสมอมา
“จำชื่อฉันได้ด้วยเหรอ” เขาบอกขณะที่จับฉันยัดใส่รถคันหรูท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมาอย่างสงสัย หากฉันร้องออกไปต้องมีคนมาช่วยฉันแน่ แต่ฉันกลับไม่ทำจนกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกมาจากจุดนั้น
“ฉันไม่เคยลืม...” ฉันก้มหน้าลงมองปลายนิ้วของตัวเองที่ตอนนี้กำลังจิกเกร็งอยู่บนหน้าขาทั้งสองข้าง
“เหมือนฉันเลย ฉันก็ไม่เคยลืมว่าเคยรักเธอมากแค่ไหน...และไม่มีทางจะลืมว่าตอนนี้เกลียดเธอมากแค่ไหน” น้ำเสียงเย็นชาถูกส่งมาจากคนข้างๆ ที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูง ฉันพยายามข่มความกลัวและความรู้สึกหลากหลายไว้ในใจแล้วแสดงออกมาเพียงใบหน้าเรียบนิ่ง
“จอดรถด้วย” ฉันตัดสินใจบอกในขณะที่สายตายังคงมองตรงไปข้างหน้า และความเร็วของรถก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย
“อยากลง? ” ตราบฟ้าเอ่ยถามโดยที่เขาไม่ได้ชายตามามองสภาพฉันในตอนนี้ด้วยซ้ำ
“...” ฉันไม่ได้ตอบเขา ความรู้สึกบางอย่างกำลังตีตื้นขึ้นมาจนจุกในอก ลมหายใจของฉันเริ่มติดขัดขึ้นมา
“โดดลงไปสิ” เขาบอกพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพิ่ม ฉันเก็บซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ภายในใจ รู้สึกดีนิดหน่อยที่ตอนนี้ถนนเส้นนี้โล่งไม่ค่อยมีรถวิ่ง แต่มันก็ไม่โอเคเท่าไหร่หรอกในความเร็วระดับนี้ เขาคิดว่าตัวเองกำลังแข่งรถอยู่เหรอ แล้วถ้าตำรวจมาเห็นเข้าล่ะ...
“...” ฉันจิกเล็บพร้อมกับเกร็งตัวไว้แนบเบาะเมื่อเข้าถึงช่วงโค้งแต่เขาไม่ยอมลดความเร็ว เคยเห็นเวลาเขาแข่งรถกันไหมสภาพในตอนนี้เป็นแบบนั้นเลย
“โดดลงไปสินั่งทำอะไรอยู่” เขาบอกและยังไม่คิดที่จะมองหน้าฉันแม้แต่น้อย
“เกลียดถึงขนาดอยากฆ่าให้ตายเลยเหรอ” เป็นอีกครั้งที่ฉันเปิดปากถามเขา ฉันพยายามบังคับเสียงตัวเองให้เรียบนิ่งถึงแม้จะไม่ได้ผลเท่าไหร่ เป็นเพราะตอนนี้ฉันสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว ฉันมีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับรถนิดหน่อยโดยเฉพาะเวลาที่มันถูกเร่งความเร็วแบบนี้
“มากถึงขนาดไม่ยอมให้ตายง่ายๆ เลยล่ะ” น้ำเสียงของตราบฟ้าดูจะสะใจมาก
“...” ผิดกับฉันที่รู้สึกเจ็บลึกอยู่ภายในใจ
“เธอต้องทรมานก่อนตาย” ประโยคนั้นของเขาทำให้ฉันเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกชาแปร่งไปหมดทั้งตัว เขาคงเกลียดฉันไปแล้วจริงๆ
“ถ้านายต้องการแบบนั้น...” ฉันไม่ได้คาดหวังให้เขายังรักฉันอยู่ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเกลียดฉันเหมือนในตอนนี้ ฉันสามารถเลือกอะไรได้บ้าง ฉันสามารถเลือกทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุขได้บ้างหรือเปล่า
แกร๊ก
ฉันตัดสินใจเปิดประตูรถฝั่งตัวเองในตอนที่รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ฉันไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยตั้งแต่แรกทั้งๆ ที่ความกลัววิ่งไปทั่วร่าง แค่ไม่อยากแสดงความอ่อนแอและโง่เขลาให้เขาได้เห็น
ลมกระโชกพัดกระแทกเข้ากับใบหน้าของฉันจนเจ็บแสบไปหมด ฉันเหลือบมองข้างทางที่มองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรเพราะความเร็วของรถ ถ้าการที่ฉันกระโดดลงไปจะทำให้เขาลืมเรื่องเลวร้ายที่ฉันเคยทำฉันก็พร้อม ระหว่างเราจะได้จบลงไม่ติดค้างกันอีก ฉันรู้ว่านี่คือการกระทำที่โง่เขลามากที่สุด แต่ชีวิตฉันเคยมีทางเลือกอะไรด้วยเหรอ
ฟุ่บ
ฉันหลับตาลงแล้วตัดสินใจพุ่งตัวออกมาจากรถของเขาที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ความรู้สึกแรกคือความเจ็บปวดเกินจะทน ฉันรู้สึกได้ว่าร่างของตัวเองกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างจนเจ็บจุกไปหมดก่อนจะกลิ้งลงไปข้างทางอีกหลายรอบ
มันเจ็บ...
เจ็บมากๆ แต่มันก็คงไม่เท่ากับความเจ็บในใจของฉันในตอนนี้ ฉันลืมตาไม่ไหว รู้สึกได้ว่าลมหายใจของตัวเองมันโรยริน และคิดว่าตัวเองคงจะหมดสติในเร็วๆ นี้
แต่ก่อนที่ภาพจะตัดไป ฉันมองเห็นรางๆ ว่าเท้าของใครบางคนกำลังก้าวเข้ามา ฉันจำได้ว่าเป็นตราบฟ้า ฉันรู้แค่นั้นก่อนจะหมดสติไปจริงๆ
Talk
สวัสดีค่าาา ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่อง OVERLOAD เกินพิกัดรัก เป็นนิยายเก่าที่นำมาปรับปรุงเนื้อหาใหม่ และมีการปรับเปลี่ยนชื่อตัวละครไปบ้าง เป็นนิยายโรแมนติกดราม่าค่ะ ฝากติดตามด้วยน้าา
ความคิดเห็น