คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คดีที่ 1 : BLUE BEARD (II)
Assasino Café
อลัน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเพิ่งต้อนรับแขกที่เข้ามา
เขาเผยรอยยิ้มชวนหลงใหลให้กับเหล่าลูกค้าผู้หญิง "ผมขอตัวก่อนนะครับคุณผู้หญิง"
อลัน ค้อมร่างอันสูงใหญ่ของตนก่อนจะหันหลังกลับไปยังหลังร้าน แล้วชะโงกหน้าเข้าไปในครัว " เฮ่ เรเวนอยู่ไหนน่ะ" ร่างสูงใหญ่ถาม คาเรส หัวหน้าพ่อครัวผู้กำลังทำออมเล็ตให้ลูกค้า
"แอบอู้อยู่ห้องพักด้านหลังนู่น" ชายผมแดงพูดโดยไม่มองหน้าคนถาม ทั้งยังพลิกออมเล็ตกลางอากาศอย่างชำนาญ
"อีกแล้วเหรอ แต๊งกิ้วที่บอกนะ"
หลังจากได้คำตอบเขาก็ไม่รอช้า เร่งรุดหน้าไปยังห้องพักที่เป็นเสมือนห้องแต่งตัวรวมกันไปด้วย ทางไปห้องนั้นเป็นโถงทางเดินแคบๆก่อนจะมีบันไดลงไปชั้นใต้ดินซึ่งประตูนั้นทำจากเหล็กเป็นทรงโค้ง ดูราวกับห้องขังมากกว่าจะเป็นห้องพักผ่อนเสียอีก ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปเขาก็ได้กลิ่นเหม็นของคลอรีนและกาวฟุ้งออกมา
เมื่อเดินเข้าไปสิ่งที่ท้าวเหยียบโดนก็คือพื้นที่ทำจากหิน ด้านซ้ายขวาประกอบด้วยตู้ล็อคเกอร์สีดำเรียงรายอยู่ ผนังห้องเป็นสีปูนเปล่าที่ไม่ได้แต่งแต้มใดๆ โดยสุดทางมีโต๊ะยาวสีขาวตั้งอยู่ โดยที่ตรงนั้นมีร่างของเด็กสาวตัวเล็กนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีกระดูกของสิ่งมีชีวิตบางอย่างประกอบอยู่ โดยมีเสียงก๊อกแก๊กของการใช้เครื่องมือจัดแต่งกระดูก เด็กสาวผมสีขาวขุ่นกำลังประกอบกระดูกโดยใช้ลวดกับกาวเป็นตัวช่วยในการยึดรูปทรงของมัน
ร่างสูงเดินจ้ำเข้ามาหาเธอช้าๆอย่างไม่รีบเร่ง ก่อนที่จะก้มลงกอดคอเธออย่าถือวิสาสะพร้อมกับยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหู
"นี่...อยากให้ฉันลักพาตัวเธอไปรึเปล่า"เขาพูดเสียงหวานออกมาราวกับกำลังหว่านเสน่ห์
"เอาเวลาไปพูดคำพวกนั้นกับลูกค้าไป เกะกะ" ว่าแล้วเด็กสาวก็ยกศอกขึ้นกระแทกคออีกฝ่ายดัง ปัก จนเจ้าตัวต้องถอยออกมากุมคอตัวเอง
"เจ็บนะ" เรเวนไม่ยอมตอบอะไรพร้อมกับยังต่อส่วนประกอบของกระดูกช่วงหางอยู่ "กำลังประกอบตัวอะไรอยู่น่ะ"
"กิ้งก่า"
"ต่อผิดหลายจุดเลยนะ เดี๋ยว คาเรส ก็ว่าเอาหรอก"
"คนที่ไม่ได้เรียนแพทย์อย่างคุณดันมารู้เรื่องแบบนี้มันน่าขนลุกชะมัด"
"ขอบคุณที่ชมนะ"ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะก้มลงมองใกล้ๆ แล้วพูดว่า "เป็นการบ้านที่ คาเรส ให้มาเหรอ"
"ไปให้พ้นน่า"
"ขอปฎิเสธ" เขาหัวเราะออกมาเบาๆนั่นสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่ได้ยินเป็นอย่างมาก แม้ว่าเด็กสาวจะยังทำหน้านิ่งอยู่ก็ตาม อลันเป็นคนฝากให้ คาเรส ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยแพทย์เป็นคนให้ความรู้กับเรเวน ที่เป็นหน้าใหม่ของร้าน แม้เธอจะต่อต้านอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าเรียนรู้ได้เร็วทีเดียว เขามองเธอที่ค่อยๆทำงานในมือด้วยความปราณีตและใจเย็นแม้ปากจะเอาแต่บ่นเขาก็ตาม "ถึงจะทำการบ้านก็เถอะแต่แอบออกมาจากหน้าร้านแบบนี้ไม่ดีเลยนะ"
"..."เขาถูกเธอเมินในทันทีแต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะพูดต่อ
"นี่สนใจกันหน่อยสิ"
เรเวน หันมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจนักพร้อมทำสายตาค้อนกลับไป
"คุณมีธุระอะไร"
"อยากมาคุยเรื่องคดี เคราน้ำเงินน่ะ"
"นั่นมันหน้าที่ของตำรวจไม่ใช่รึไง แถมถ้าให้เทียบควรจะให้ คาเรส กับ ราล์ฟ ที่มีความสามารถด้านนี้ไปจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ" คาเรสนั้นถนัดการตรวจสอบศพที่ยังใหม่หรือเพิ่งตายได้ไม่นาน ส่วนราล์ฟนั้นถนัดดูศพที่เริ่มมีการเน่าเปื่อยแล้วหรือเสียชีวิตมาเป็นเวลานานแล้ว ส่วนเรเวนนั้นไม่ได้ถนัดด้านไหนเป็นพิเศษเพราะเธอยังเป็นแค่เด็กใหม่ซึ่งเข้ามาที่นี่ได้ไม่ถึงปี
"สองคนนั้นยุ่งนี่นา"
"คุณอยากจะมาก่อกวนผมมากกว่า" เด็กผมขาวบ่นอุบ "แถมข้อมูลเรื่องนักล่ากระดูกที่คุณให้มาก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้สักอย่าง"
"เอาน่า ฉันมีเหตุผลนะ เธอรู้ใช่ไหมว่าทำไมเธอถึงถูกยอมรับให้เข้ามาอยู่กับพวกเรา"
"..."เธอไม่ได้สนใจจนสุดท้ายเขาจึงต้องพูดต่อ
"เพราะเธอเป็นเหยื่อล่อฆาตกรชั้นดียังไงล่ะ"
เรเวน ได้ยินดังนั้นจึงวางมือจากสิ่งที่กำลังทำพร้อมหันมามอง แล้วพูดว่า "ตามหาคนร้ายไม่เจองั้นเหรอ?"
"อืม แต่รู้ชื่อของคนร้ายแล้ว ชื่อ โรบิ้น อายุ 46 ปี ทำอาชีพเป็นพนักงานบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์แห่งหนึ่งน่ะ"
"ชื่ออย่างกับพระเอกในนิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเลยนะ"
"เขาหายตัวไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหลังจากคดีการเสียชีวิตของชายที่ชื่อ เบญจามิน เขาไม่โผล่ไปทั้งที่บ้านและที่ทำงาน หลักฐานการมีตัวตนอยู่ของเขาก็หายไปหมด"
"...หายไปอย่างเป็นปริศนางั้นเหรอ"
"แล้วก็มีจดหมายขู่ส่งไปหาคนสองคน หนึ่งในนั้นคืออดีตแฟนเก่าของภรรยาของผู้ร้ายคนที่ 5 ชื่อ เอ็ดมัน กับภรรยาคนล่าสุดของ โรบิน...ชื่อว่าเอเลน"
"แล้ว?"
"ตำรวจเลยทำการคุ้มครองสองคนนี้อยู่โดยอยากให้เราช่วยด้วยพร้อมกับช่วยหาตัวคนร้ายที่กำลังปองร้ายสองคนนี้"
"นี่คุณบ้ารึไง" .. ถึงจะโดนด่าแผดเสียงใส่ตรงๆแสกหน้า แต่เขาก็ยังยิ้มให้ "ผมต่อสู้กับใครไม่ได้เหมือนกับคุณหรอกนะ จะให้ผมไปช่วยคุ้มกันยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ "
"ฉันรู้ ฉันถึงจะเป็นคนคุ้มครองเธอไง ส่วนเธอก็เป็นเหยื่อล่อ" เขาคว้ามือเล็กมาก่อนจะจุมพิตลงบนหลังมือนั้นอย่างอ่อนโยน"ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี"
"ไม่อยากได้ยินคำนั้นจากปากคนอย่างคุณ ที่เคยลักพาตัวผมหรอกนะ" เธอสะบัดมือออกทันที "จะให้ผมทำอะไร"
"อยากให้ไปลองคุยกับพยานสองคนนี้หน่อยน่ะเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง"
"ข้อแลกเปลี่ยนล่ะ"
อลันยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงราวกับมั่นใจว่าเธอจะต้องตอบตกลง
"ฉันจะพาไปเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารสุดแพงร้านโปรดของเธอที่ ซอย 12 พร้อมกับวันหยุด 2 วัน"
"..."เธอจ้องเขานิ่งๆสักพักก่อนตอบ หลังจากเงียบไปได้สิบวินาที"..ก็ได้"
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อลัน ก็ขับรถพาเธอมาส่งถึงที่หมาย
เริ่มแรกเขาพาเธอให้ไปพบกับ เอ็ดมัน ที่บ้านก่อน โดยที่มีตำรวจหนึ่งนายยืนจดพร้อมเปิดเครื่องอัดเสียงระหว่างการสนทนาเอาไว้ ส่วนอีกสองคนก็คอยเฝ้าอยู่นอกบ้าน
บ้านของ เอ็ดมัน ไม่ได้ใหญ่โตอลังการอะไร เป็นบ้านทำด้วยปูนที่สามารถหาได้ทั่วไป พวกเขากำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่มีโซฟาสีน้ำเงินตัวยาวสองตัวตั้งอยู่ โดยที่ เรเวน สวมเสื้อกาวนั่งไขว่ห้างอยู่ข้างๆ อลัน ซึ่งนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ทำตัวตามสบายราวกับเป็นเจ้าของบ้าน โดยที่ เอ็ดมัน นั่งอยูเพียงลำพังตรงกลางโซฟาตัวยาว เขานั่งถ่างขาพร้อมกับกุมมือตนเองห้อยอยู่ตรงหว่างขา
"คุณเคยเจอกับ คุณโรบิ้น มาก่อนสินะครับ" เรเวนเริ่มสอบสวน ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งราวกับหุ่นยนต์
"ครับ พวกเราเจอกันตอนที่ผมชวนแฟนเก่าไปทานข้าว เธอชื่อ อลิส...หรือที่พวกคุณเรียกว่าอดีตภรรยาของคุณโรบิ้น"
"ครับ ภรรยาคนที่ 5"
"คือ...มันออกจะน่าอาย พอดีผมแอบนัดเธอเพราะอยากปรับความเข้าใจกันแต่ก็ถูกเขาจับได้ พูดตามตรงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขู่จะฆ่าผม ตอนแรกผมก็นึกว่าจะแค่ขู่เล่นๆ แต่ตำรวจได้บอกผมว่าเขาได้ก่อคดีฆ่าคนจริงๆ"
"จดหมายขู่ที่เขาส่งมาเป็นแบบไหนครับ"
"เขาตัดตัวอักษรมาจากสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับลงในจดหมาย เขียนว่า 'แกจะต้องตาย' น่ะครับ"
"ขอดูได้ไหมครับ?"
"ได้ครับ"ว่าแล้วเขาก็หันไปคุยกับตำรวจ ก่อนที่จะนำจดหมายซึ่งเป็นหลักฐานทางคดีใส่ในซองพลาสติกที่ซีนอย่างดียื่นไปให้กับเด็กสาว เรเวนหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมกับพลิกมันไปมา แต่ไม่มีท่าทีว่าจะหยิบออกมาแต่อย่างใด ทางด้านเจ้าของบ้านก็หยิบแก้วน้ำเปล่ายกขึ้นดื่มด้วยสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย
"เข้าใจล่ะ...ขอบคุณมาก" พอเธอส่งหลักฐานคืนตำรวจ เธอก็ยื่นมือไปหาพยานอีกครั้ง "ผมขอยืมมือถือของคุณได้ไหมครับ"
"เอ๋? ทำไมเหรอครับ"
"คุณจะปฎิเสธก็ได้นะหากคุณลำบากใจ เพราะผมไม่ได้บังคับอะไร"
"ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรหรอกครับ เชิญเลยครับ"
ชายหนุ่มที่มีท่าทีดูไม่มั่นใจหยิบโทรศัพท์ไปให้เธอพร้อมปลดล็อครหัสให้ ก่อนที่เรเวนจะเริ่มเช็คดูอะไรบางอย่าง
"นี่ พวกนายไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพยานนะ" ตำรวจคนที่คอยจดบันทึกอยู่เริ่มบ่น ก่อนที่ อลัน จะเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองราวกับจะบอกให้เขาเงียบพร้อมขยิบตาให้
เรเวน ไสลด์หน้าจออยู่ไม่นานก็คืนโทรศัพท์ให้กับเจ้าของ
"ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะรุดหน้าไปยังประตูทางออกเพื่อไปหาพยานคนถัดไปอย่างไม่รีรอทักทายใคร ทำเอาคนโดยรอบทำหน้าฉงนกันไปหมด โดยเฉพาะตำรวจที่แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างรุนแรง
"อ้อ แล้วก็"ก่อนที่เธอจะออกจากห้องไปเธอก็หันมาบอกเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า
ความคิดเห็น