ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Assasino Café : Assasin คาเฟ่ฆาตกร

    ลำดับตอนที่ #5 : คดีที่ 0 : BACK STORY [RAVEN] บทที่ 3 : IMMURE III

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 64


    Assasino Café

    คดีที่ 0  

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

    BACK STORY

    [RAVEN]


    บทที่ 3

    IMMURE III




              “ฉันไปทำงานก่อนนะ”


     


                เขาบอกกับเธอซึ่งกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาตัวโปรดที่เธอมักจะไปนั่งเล่น ยังคงไม่มีท่าทีตอบรับราวกับจะบอกว่ารีบๆออกไปได้แล้วอย่างไงอย่างงั้น


     


     


              แล้วก็เป็นอีกวันที่เขาไปทำงาน วันนี้เป็นวันสุดสัปดาแล้วแต่คงจะไม่ได้เลิกงานเร็วนักเพราะสุดสัปดานี่แหละคือช่วงที่ลูกค้าชุกชุมนัก ตลอดการบริการลูกค้าในวันนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เขาต้องพูดหว่านเสน่ห์สาวๆด้วยคำพูดน่ากลัวอย่างที่ต้องทำประจำ และกระแสตอบรับที่ดีนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาดีใจมากนัก เหมือนเป็นแค่หน้าที่เท่านั้นเอง


     


     


              วันนี้อลิเซียเข้ามาหาเขาพร้อมกับเล่าเรื่องการหายตัวไปของเด็กสาวในช่วงนี้ด้วยท่าทีตื่นเต้น ดูเหมือนจะมีประกาศคนหายมามากกว่า 3 คนแล้วในสัปดานี้ ยังตามจับคนร้ายไม่ได้ แถมตอนนี้เริ่มมีการตรวจตาอย่างเข้มงวด บางทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องทำอะไรได้แล้ว


     


     


              ในวันนี้ก็บังเอิญสะดุดตาไปเห็นลูกค้าน่าสนใจเข้า พวกเธอเป็นกลุ่มเด็กสาว ทุกคนไว้ผมสีดำยาวตรง ปิดหน้าปิดตา ผิวขาวเนียนละเอียด สวมชุดนักเรียน ม.ปลาย โดยมีเสื้อคอเต่าสีดำใส่ไว้ด้านใน ทำให้ยิ่งดูมืดมน ปลายเล็บทาเล็บสีดำ มีปลาสเตอร์ติดที่หัวเข่าและตามตัวเต็มไปหมด คงจะเป็นแก๊งวัยรุ่นอะไรพวกนั้น พวกเธอแต่งตัวสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวเหล่านั้นดูสูงกว่านัยตัวเล็กที่อาศัยอยู่ที่บ้านเขานิดหน่อยบางทีอาจจะอายุใกล้เคียงกันด้วย


     


     


     


    .


     


    .


     


    .


     


    ...


     


             


     


     


                ทันทีที่เขาเลิกงานเขาก็ตัดสินใจเดินตรงกลับบ้านในทันที เขาเช็คกล้องวงจรปิดแล้ว ดูเหมือนเธอจะแอบเข้าห้องน้ำไปอีกตามเคย เขาสาวเท้าเร็วๆเพราะอยากจะรีบกลับบ้าน ตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงกว่าแล้ว เขาควรจะรีบกลับเพราะวันนี้เขาไม่ได้เอารถมาเพราะมันเกิดเสียขึ้นมาซะงั้น


     


     


              เขาเดินเร่งฝีเท้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งใกล้ถึงบ้าน ใจก็เริ่มพองโตขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


     


     


              “ฉันกลับมาแล้ว”


     


     


              ผมยังพูดคำเดิมทุกครั้งที่กลับมาบ้าน แน่นอนว่าไม่มีใครตอบกลับมา เขาเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นเป็นอันดับแรก ไม่พบใคร... ตามด้วยห้องครัวและห้องอาหาร ก็ยังไม่พบอีก เขาจึงมุ่งตรงไปยังห้องน้ำตามเคย และเมื่อลองบิดลูกบิดประตูก็พบว่ามันล็อกเช่นเดิม เขาจึงเคาะประตูตามมารยาท


     


     


               “นี่ เปิดประตูหน่อยสิ”


     


     


              ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงเคาะอีกรอบนึง แต่ก็ยังไม่มีใครโต้ตอบกลับมา เขาจึงเอาหูแนบกับประตูก็ได้ยินเสียงน้ำไหล สงสัยจะอาบน้ำอยู่ เขาคงไม่ควรจะไปรบกวนเธอ


     


               เขาทำท่าหันหลังจะเดินจากไปแต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เธอใช้ฝักบัวไม่เป็นไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นทุกครั้งเขาจึงต้องเปิดน้ำแช่ในอ่างให้เธออาบ เขาจึงรีบกลับไปที่ประตูแล้วเคาะประตูเสียงดัง


     


     


              “คุณหนูได้ยินรึเปล่า เปิดประตูหน่อย”


     


     


              ปังๆๆ


     


               ยังคงไม่มีสัญญาณตอบรับ


     


              “นี่ไม่ตลกนะเปิดประตูสิ!!”


              ปังๆๆๆๆ!!!


     


     


              “คุณหนู!!!!”


     


     


              เขาพยายามเคาะเรื่อยๆแต่ไม่มีเสียงตอบรับจนในที่สุดเขาก็ถอยหลังออกมาแล้วใช้ข้างลำตัวและไหล่พุ่งชนกับประตูเพื่อพังเข้าไป เขากระแทกได้สองสามทีประตูก็เปิดออก


     


     


     


              ทันทีที่เข้าไปก็ได้ยินเสียงซ่าจากฝักบัว ม่านถูกเปิดทิ้งไว้และไม่พบใครนอกจากเขาที่อยู่ภายในห้อง เขานิ่งไปก่อนจะรีบตั้งสติเดินออกจากห้องน้ำไป


     


     


             “คุณหนู!!”


     


               เขากลับออกมาที่ห้องโถงแต่ก็ไม่พบใคร


     


            “คุณหนูอยู่ที่ไหน!!!”


     


     


           เขาเริ่มลนเมื่อหาเธอไม่เจอ จึงตัดสินใจเข้าไปในห้องของตัวเอง...ไม่มี


     


         เขาเริ่มหากระทั่งห้องเก็บของ ห้องทำงาน ห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน แต่ก็ไม่มี


     


     


              ไม่มี  ไม่มี   ไม่มี....


     


     


              เขาเดินกลับออกมานอกห้องใต้ดินก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอันคุ้นเคย เขากุมขมับพยายามนึกว่าเธอจะไปที่ไหน อะไรที่เขาพลาดไป ต้องมีอะไรสักอย่างสิ เขาพยายนึก แต่ก็นึกไม่ออก เขาจึงเริ่มเรียบเรียงเหตุการณ์ขึ้นมาในหัวช้าๆ ตั้งแต่เช้า ไปที่ทำงาน จนกลับมาถึงบ้าน เขาจำได้ว่าเขาเช็คดูแล้วว่าตอนบ่ายโมงเธอมานั่งเล่นที่โซฟตัวเดิมเหมือนเมื่อวานนี้....


     


     


              ...เหมือนเมื่อวาน?


     


     


               เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเช็คกล้องวงจรปิดของเมื่อวานและวันนี้ในเวลาประมาณบ่ายโมงเหมือนกัน ผลที่ปรากฎ......เป็นภาพตรงกันเป๊ะๆอย่างไม่มีผิดเพี้ยน


     


     


              โครม!!! เขาถีบโต๊ะกาแฟเสียงดังด้วยความฉุนเฉียวแม้ใบหน้าจะยังคงนิ่งงัน


     


     


              โดนเล่นซะแล้ว เขายีเส้นผมยาวๆของตนเองจนยุ่งไปหมด ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ประตูบ้านและหน้าต่างทุกบานก็ล็อกอยู่ เธอจะแอบออกไปได้ยังไง...


     


     


               เขาพยายามหลับตานึก เพื่อจะนึกให้ออก จนกระทั้งเขาเบิกตาโพลงแล้วเดินไปจนสุดห้องโถงก็พบกับรูปภาพ สตรีในชุด  ซิสเตอร์ยืนอยู่ในรูปแบบแนวตั้งด้วยขนาดเต็มตัว เธอกุมมือไว้ที่หน้าอกและหลับตาพริ้มราวกับสวดภาวนา แล้วในตอนนั้นเองที่เขากดนิ้วลงบนไม้กางเขนในมือที่เธอกุมไว้ ไม้กางเขนถูกดันลึกเข้าไปก่อนที่กรอบรูปจะเด้งเข้าหาตัวเขาเผยด้านหลังของรูปภาพที่เป็นกองหิมะและต้นไม้  ใช่แล้วมันเป็นประตูลับที่เขาใช้ออกไปข้างนอกในยามฉุกเฉิน เขาเดาว่าเธอน่าจะออกไปทางนี้ มันยิ่งชัดเจนเมื่อเห็นรอยเท้าเล็กๆบนหิมะที่ปกคลุมพื้นอยู่


     


     


              ระหว่างที่เธอทำความสะอาดบ้านเธอคงบังเอิญไปเจอทางลับนี้เข้า แล้วเธอจะไปไหนในเวลาแบบนี้กัน เขาเริ่มหลับตานึกอีกครั้งจนกระทั่งฉุกคิดขึ้นมาได้


     


     


              วันนี้เป็นวันศุกร์


     


              ‘มีตำนานประจำเมืองว่า หากเข้าไปคุยกับเด็กสาวที่นั่งอยู่ที่สวนสาธารณะ A เก้าอี้ตัวที่ 4 ตอน 6 โมงเย็นทุกวันศุกร์ จะถูกเทพลักตัวไปยังปรโลก’


     


     


             ทั้งเรื่องที่ชอบไปนั่งอ่านหนังสือที่โซฟา ทั้งเรื่องที่อาบน้ำไม่เป็น ทั้งเรื่องที่ชอบไปอยู่ในห้องน้ำเพราะไม่มีกล้อง


     


     


              ทั้งหมดคือเรื่อง ‘โกหก’


              เป็นแผนที่จะได้แอบหนีออกไปในคืนวันศุกร์ได้อย่างแนบเนียน ไร้ข้อผิดพลาด


     


     


     


     


     


              แต่ว่าเธอบาดเจ็บอยู่จากการที่เขาบีบคอเธอ แถมสีผมสีตาของเธอก็เด่นซะขนาดนั้นเขาต้องสังเกตุเห็นบ้างสิ


     


              บาดเจ็บเหรอ...


     


               หรือว่าพวกเด็กนักเรียนที่แต่งตัวประหลาดในชุดคอเต่านั่น นั่นก็…


              และถ้าหากเธอรู้ถึงประตูลับของเขา เธอก็ต้องรู้ด้วยว่าเขาทำงานที่ไหนและทำงานอะไรอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าล็อกห้องทำงานไว้แล้วแต่เธอต้องแอบเข้าไปได้แน่ๆ


     


     


     


               ตึง!!!


     


     


               โธ่เว้ย


     


     


               เขาใช้เท้าถีบโต๊ะอีกครั้งจนเกือบไปกระแทกกับทีวี เขาโดนต้มซะเปื่อยจนไม่รู้จะพูดยังไง


     


     


               ไม่รอช้าเขารีบรุดหน้าเดินออกจากบ้านในทันทีพร้อมกับตรงไปที่ สวนสาธารณะ A อย่างรีบเร่ง เมื่อเขาใช้รถไม่ได้เขาจึงใช้แท็กซี่ในการมุ่งตรงไปแทน แต่แม้จะเร่งรีบเพียงใด สวนสาธารณะนั้นอยู่ไกลจากบ้านเขาระดับนึง และกว่าเขาจะออกมาจากบ้านก็เวลาปาไป 6 โมง 20 แล้ว เวลาที่เขาไปถึงจึงเป็นเวลาเลย 6 โมง ครึ่งไปแล้ว


     


     


     


              เมื่อมาถึงที่หมายเขาก็รีบลงจากรถ เดินตรงไปยังเก้าอี้ตัวที่ 4 ของสวน อย่างไม่รอช้า แต่สิ่งที่เขาพบมีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลยแม้แต่คนเดียว


     


     


     


               หนีไปแล้ว? ไม่หรอก เขามั่นใจว่าเธอต้องมาที่นี่แน่ๆ แต่เธอจะไปที่ไหนได้ล่ะ หลังจากที่เขายืนครุ่นคิดสักพัก เขาก็นึกบางอย่างออกจึงเริ่มสำรวจตรอกมุมมืดต่างๆโดยรอบในทันที


     


     


               เขาดูช่องทีละช่องแต่ก็ไม่พบอะไรน่าสงสัยจนกระทั่งเขาเจอกับซอยมืดๆซอยหนึ่งที่มีบางอย่างแปลกๆ  บนพื้นหิมะนั่นเปียกชุ่มด้วยอะไรบางอย่างที่ดูเหนียวเหนอะ เขาจึงก้มลงเอามือแตะน้ำเมือกๆในที่มืดๆนั่นเพราะเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว...


     


     


    มันคือเลือด


     


     


     


                ถุงมือเขาชุ่มไปด้วยเลือดจนเขาต้องถอดมันทิ้ง แสดงถึงความสดใหม่ของเลือดที่เพิ่งหลั่งได้ไม่นาน ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในซอยนั้นอย่างไร้ซึ่งการเกรงกลัว พื้นนั้นเปียกชื้นเป็นแอ่งเต็มไปหมด แต่ไม่น่าจะใช่แค่เลือด น่าจะเป็นน้ำเสียจากขยะที่ทิ้งอยู่แถวนั้น มีหนูวิ่งเพ่นพ่านให้เห็นเป็นระยะ พร้อมเสียงอีกาที่ร้องเหมือนเตือนไม่ให้เขาเข้าไป แต่เขาก็ไม่ได้สนใจคำเตือนนั้น เขาเร่งฝีท้าวเดินต่อไป เข้าไปข้างในซอยลึกขึ้นเรื่อยๆ


     


     


              “อ๊ากกกกกกก!!!!!!!!”


     


     


     


             เสียงร้องของใครบางคนดังขึ้นจากสุดซอยด้านใน เขารีบเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปไม่สนกลิ่นเน่าเหม็นรอบกายอีกต่อไป ยิ่งเขาตรงลึกก็ยิ่งได้ยินเสียงดังของเสียงร้องตะโกนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่มันเป็นเสียงของผู้ชาย


     


     


     


              จนกระทั่งไปถึงสุดทางเขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบกับภาพตรงหน้า


     


     


               บนพื้นมีชายตัวสูงปานกลางผมสีน้ำตาลยาวถึงคอ นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นที่นองไปด้วยเลือดที่มีไม่มากนัก โดยที่ตรงหน้าเขามีร่างขอผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งยืนอยู่ เส้นผมสีขาวที่สู้กับสีของหิมะกับแผ่นหลังเล็กๆที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เธออยู่ในชุดนักเรียนโดยมีเสื้อคอเต่าสีดำไว้ด้านใน ในมือถือเข็มฉีดยาที่ดูใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย และยืนท่ามกลางหิมะด้วยเท้าเปล่า บนพื้นมีวิกผมสีดำยาวและรองเท้าส้นสูงกองอยู่ที่พื้นอีกด้าน เขามองแผ่นหลังนั้นด้วยความรู้สึกขนลุกไร้คำจะเอื้อนเอ่ย


     


     


     


               ลมพัดแรงจนผมสีขาวปรอทปลิวไสว ก่อนที่เสียงใสจะกล่าวออกมาอย่างเย็นชา


     


               “ตอบมา”


     


     


                “คุณคือนักล่ากระดูกรึเปล่า?”



     


     


     


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×