ประสบการณ์ ม.ต้น - ประสบการณ์ ม.ต้น นิยาย ประสบการณ์ ม.ต้น : Dek-D.com - Writer

    ประสบการณ์ ม.ต้น

    ม.ต้นเป็นอีกช่วงเวลาที่ยาวนานกับสิ่งมากมายที่โลกเริ่มทดสอบเรา ทุกคนมีประสบการณ์และอุดมการณ์เป็นของตัวเอง และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ฉันได้รับมา อยากให้ผู้อ่านได้รับข้อคิดและแน่นอนเพื่อความเพลิดเพลิน ไป!!

    ผู้เข้าชมรวม

    38

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    38

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  อื่นๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ส.ค. 67 / 13:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวขี้มึนท่านหนึ่งที่ผ่านช่วง ม.ต้นมาและแน่นอนฉันไม่ได้จบม.ต้นมากับแค่ใบประกาศยานียบัตรแค่ใบๆหนึ่ง แต่สิ่งที่ฉันแบกรับมาด้วยคือ “ประสบการณ์อันแสนหอมหวาน ครื้นเครง และ…เศร้าหมอง”

    ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์นี้สามารถให้ข้อคิดดีๆกับผู้อ่านได้

    ประสบการณ์ทำให้คนเติบโต…คำนี้เป็นจริงได้เสมอหากคุณเลือกจะพัฒนา

    นี่เป็นผลงานแรกของดิฉันจาก “ไม่สิ้นสุด” 

    หมายเหตุ## อ้างอิงจากประสบการณ์โดยตรงและมีข้อคิดเห็นแสดงถึงทัศนคติส่วนตัวหากพลาดประการใดขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ

    หากพร้อมแล้วตีลังกาไปอ่านพร้อมกันเล้ย! เฮ้ยๆอย่าทำจริงนะหยอกๆ

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ประสบการณ์ ม.ต้น 

       

      หวัดดีฮัฟฟ ก่อนที่จะเริ่มกันดิฉันขอถามคุณว่า “เมื่อคุณเห็นรูปนี้คุณมักนึกถึงอะไร?” และสิ่งนั้นคือสิ่งที่คุณนั้นรักและหวงแหนที่สุดและแน่นอนว่าคิดถึงที่สุด..

      “สิ่งที่ฉันทำสำเร็จ…”

             สิ่งแรกที่ฉันภูมิใจมากๆคือ การเรียนของฉันแม้ว่าตัวฉันจะรายล้อมด้วยสิ่งล่อใจหรือกิจกรรมอันวุ่นวายแต่ฉันก็ยังสามารถแบ่งเวลาผ่านพ้นมันมาได้ซึ่งตอนนั้นฉันแทบจะถอดถอนใจทุกครั้งที่เห็นคะแนนตัวเองออกมาทว่า..ฉันได้พูดบางอย่างกับตัวเองไว้ว่า “เวลาไม่สามารถย้อนกลับมาได้” ฉันเลยสู้มาตลอดจนกระทั่ง…ฉันจบการศึกษาในแต่ละปี ผลของการกระทำในวันนั้นทำให้ฉันรวม GPA 4.00 มาได้ตลอดปีการศึกษาซึ่งมันส่งผลมากมายต่อตัวฉัน ณ วันนี้ ฉันอยากขอบคุณตัวตนของฉันในวันนั้นที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ 

             ส่วนเคล็ดลับเรียนดีคะแนนดี:ส่งงานให้ครบและเป็นงานที่ดีที่สุดโดยการแบ่งเวลา,ให้ความสำคัญกับการสอบทุกระดับและทุกวิชาห้ามมองว่าวิชาง่ายๆไม่ต้องอ่านหรือทบทวนก็สอบได้,แบ่งเวลาให้เป็นและมีวินัยและแน่นอนต้องมีแรงบันดาลใจ (หาแรงบันดาลใจว่าทำไมต้องตั้งใจเรียน เช่น เพราะอยากเก่ง อยากเข้ามหลาลัย อยากเป็นเหมือนไอดอล และจำไว้ว่าความทะเยอทะยานไม่ใช่กิเลสเสมอไปเพราะบางทีมันเป็น “วิสัยทัศน์และเป้าหมาย”)

             และอย่างที่สองที่ฉันภูมิใจคือ การพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะด้านอารมณ์ความคิดทัศนคติและความประพฤติ ปกติแล้วฉันเป็นคนอารมณ์ร้อนม๊วก และตอนนั้นทำให้ฉันไม่ค่อยมีใครเข้าใกล้มากนักและยังทะเลาะงอลแง้นกับเพื่อนบ่อยมาก รวมไปถึงมีปากเสียงกับคนใกล้ตัว ทว่า…โชคดีที่ฉันชอบเรียนรู้และพัฒนา ฉันได้พบครูท่านหนึ่ง ท่านสอนวิชาพระพุทธศาสนา แหน่ะ! ได้ยินแค่นี้คงคิดว่าน่าเบื่อหล่ะสิ ไม่ๆ ครูท่านนี้ที่ฉันกล่าวถึงนั้นน่าสนใจกว่าที่คิด… 

             คำพูดหนึ่งที่ฉันจำได้คือ “การให้อภัยคือหนทางแห่งความสุข” ตอนแรกฉันงุนงงมากทว่าวันนึงกลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดมากระตุ้นอารมณ์ร้อนนั่นของฉันทำให้ฉันแทบจะสมองบริแตกออกมาเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้จากอารมณ์ความโกรธทว่า..คำพูดนั้นกลับตีหัวฉันเบาๆทำให้ฉันเดินหนีออกไปและค่อยๆปล่อยวาง คิดเสียว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะมาทำให้เราดำดิ่งลงทางลบ ฉันใช้เวลามาหลายปีจน…ลบมันออกไปได้ จนท้ายที่สุดฉันกลายเป็นคนที่มีความสุขแทบทุกวัน(สุขจนหลอน)และฉันก็สามารถรักษาเพื่อนดีๆไว้ได้เสมอมา  

             และแน่นอนว่าหากอารมณ์ไม่ดีเราก็จะไม่มีแรงที่จะไปทำสิ่งต่างๆที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ ฉะนั้นจำไว้ว่าอารมณ์ลบนั้นคือสิ่งที่ร้ายที่สุดที่จะทำร้ายคุณและคนรอบกายของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับวัยรุ่นวัยนี้คือ ความคิด! เพราะคำนี้จะกระตุ้นพฤติกรรม และอารมณ์ของคุณ “หยุดพิจารณาคนอื่น แต่จงพิจารณาตนเพื่อ..เติบโต..”

             และอย่างสุดท้ายที่ฉันทำสำเร็จคือ “เปิดโอกาสให้ตัวเอง” เท่าที่ฉันกล่าวมาข้างต้นว่าฉันเป็นคนชอบเรียนรู้ สิ่งนี้เลยเริ่มลากฉันยาวออกไปเรื่อยๆจนเป็นผลพลอยได้อันยิ่งใหญ่ จากสิ่งที่ฉันไม่รู้ ไม่เคยทำกลายเป็นรู้ทุกอย่างและเป็นทุกอย่างแม้ว่าอาจจะใช้เวลาไปบ้างแต่มันคุ้มค่ามากเพราะมันสะท้อนบางอย่างกลับมาหาฉัน และสิ่งนั้นคือ “การค้นพบตัวเอง” ฉันค้นพบตัวเองจากกิจกรรมต่างๆมากมายที่ฉันไม่เคยรู้และที่มากไปกว่านั้น มันทำให้เป้าหมายของฉันชัดเจนกว่าเดิมมากๆ ที่ผ่านมาฉันเคยฟังนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า เมื่อเราอายุยังน้อยอย่ากลัวที่จะลองแม้ว่ามันจะล้มเหลวแต่มันคือหนทางอีกทางที่จะสำเร็จได้ และตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันตีโจทย์นี้แตก ฉันลองหลายอย่างมากจนรู้ว่าตัวฉันชอบ,ไม่ชอบอะไร ต้องการ,ไม่ต้องอะไร หากเรารู้ถึงความต้องการเหล่านี้เราก็จะเข้าใจตัวเองได้มากขึ้นและแน่นอนว่าจะดึงพลังงานบวกมาที่เราเยอะมาก

      และอีกอย่างที่ฉันอยากแนะนำ คือการทดสอบ MBTI กดเพื่อทดสอบ= (แบบทดสอบบุคลิกภาพ คำอธิบายประเภทบุคลิกภาพ ความสัมพันธ์ และคำแนะนำด้านอาชีพฟรี! | 16Personalities) เป็นเว็บไซต์ที่สามารถบ่งบอกตัวตนของคุณซึ่งอาจเป็นตัวช่วยอีกอย่างที่จะช่วยคุณค้นพบและเข้าใจตัวเองมากขึ้น

      เอาหล่ะพูดถึงแต่เรื่องที่น่ายินดีมามากแล้ว ลองมาเรื่องที่ฉันเสียดายกับเวลาในอดีตบ้าง…

      เรื่องแรก “ความรักวัยรุ่น” เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องสำหรับวัยรุ่นหลายคน ฉันก็เป็นวัยรุ่นขี้มึนคนหนึ่งที่อยากลองให้ความรู้สึกดีๆกับคนคนหนึ่ง ขอยาดตัดข้อค้านทุกอย่างนะ555นี่เพียงอดีตเท่านั้น ข้อดีมันก็มีแหละแต่ข้อเสียก็ใช่ธรรมดา หน่ะ! เอาอีกล่ะเขียนเองเครียดเอง มาๆเข้าเรื่อง

      ข้อดีก็แน่นอนว่าได้ให้ความรู้สึกดีๆความรักใสๆ,กำลังใจที่มอบให้กันและข้อดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ประสบการณ์ที่ไม่ควรมี อ่ะงงอ่ะดิ! เพราะความสัมพันธ์นี้ทำให้ฉันวุ่นวายสุดๆ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากบอกเหล่าวัยรุ่นที่ยังไม่คิดจะมีแฟนสาวหรือแฟนหนุ่มว่า อย่าเอาชีวิตน้อยๆที่กำลังจะเบ่งบานไปผูกไว้กับใครเลยแกร เพราะมันไม่มีอิสระ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอแต่ถ้าคุณไม่สามารถรับข้อเสียอื่นๆที่ตามมาได้ฉันว่า..อย่าเลยดีกว่า อีกอย่างชีวิตนี้อีกยาวไกลยังมีอะไรมากมายที่รอให้คุณรีบเดินไปไขว่คว้า คุณเชื่อใจและรักผู้อื่นได้แต่สองสิ่งนี้ควรมอบให้ตัวคุณเองให้มากที่สุดเพราะบางทีมันเป็นแค่ภาพที่สมบูรณ์แบบชั่วคราวเท่านั้น…

      ฉันรู้สึกว่าคู่ที่สามารถคบกันได้นานมากๆและรักษาความมั่นคงในขณะเรียนนั้นได้คงมีน้อยจริงๆ แต่ในคำว่าน้อยมันก็มีเยอะอยู่นะ555 เอาเป็นว่าถ้ามีก็รักษาไว้ดีๆและแน่นอนว่ารักคนอื่นได้แต่อย่าลืมตัวเองนะแจ๊ะ แต่ถ้าไม่มีก็ช่างมันเถอะมีอะไรอีกมากมายรอคุณอยู่ ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นจนถึงปัจจุบันฉันก็ยังมีความคิดแบบนั้น ในความคิดส่วนตัวฉัน ฉันขอปิดประตูนี้ไว้ตลอดไปจนกว่าฉันจะถึงเวลาจริงๆเพราะความรู้สึกของฉันมันแพงมากฉันอยากเอาไว้ให้แค่คนที่รักฉันจริงๆ คนที่ฉันควรให้ความสำคัญจริงๆตอนนี้คือครอบครัวและเพื่อนรักของฉัน

      แต่อย่างไรก็ตามฉันก็ขอบคุณคนคนนั้นที่เคยอยู่เคียงข้างฉันจนแยกจากกันในที่สุด…เธอทำให้ฉันเติบโตขึ้นและฉันหวังว่าเขาจะได้รับประสบการณ์เหมือนฉันเช่นกัน…

      และอย่างสุดท้ายที่ฉันเสียดายและเสียใจคือ “ผู้ปกครอง” ที่ฉันเสียใจเพราะช่วงนั้นฉันเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าช่วง12-16คุณจะเริ่มต่อต้านผู้ใหญ่และมักคิดว่าตนนั้นถูกเสมอ… ฉันรู้สึกเสียใจที่มักคิดว่าท่านทั้งสองไม่เคยรักฉันจริงๆ บางทีมักจะบังคับฉันเพราะความต้องการของตัวเอง แต่ใครจะไปรู้หล่ะว่าที่ผ่านมาจุดประสงค์ของพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ท่านทั้งสองต้องการชี้ทางให้ฉัน  ช่วงม.3 ฉันเริ่มค่อยๆคิดด้วยความใจเย็นและเข้าใจอย่างละเอียด ฉันย้อนถึงสาเหตุทั้งหมดว่าทำไมฉันต้องโดนบ่นแทบทุกวัน ฉันลองทำตามไปบางส่วนกลับพบว่ามันดีจริงๆ พระเจ้า…ฉันโง่จริงๆ ตั้งแต่ที่ฉันคิดได้ฉันก็เริ่มใหม่ทั้งหมดทันที 

      ยังโชคดีที่ฉันคิดได้ไวไม่งั้นอาจทำให้ท่านทั้งสองเสียใจไปอีกนานและทำให้ฉันเสียคนไป…

      แต่!!! ด้วยความที่ฉันยังมีความดื้อดึงก็มีบางส่วนที่ฉันเลือกที่จะทำตามใจตัวเอง เพราะ…นั่นคือตัวตนของฉัน หากตัวตนของฉันไม่กระทบผลลบกับใครฉันก็จะทำมันต่อไปเพราะฉันค่อนข้างจะหวงแหนความเป็นตัวเองสุดๆ

      เอาหล่ะมาฝากไว้ประมาณนี้ หากถามว่า “อยากย้อนกลับไปแก้ไขอะไรมั้ย” ฉันขอตอบแบบตะโกนว่า ไม่! เพราะคนแบบฉันในอดีตทำให้เป็นฉันในปัจจุบัน ทุกประสบการณ์ที่ไม่ว่าจะล้มเหลวหรือสำเร็จล้วนเป็นส่วนที่สร้างตัวฉันในวันนี้และในวันนี้ฉันก็จะทำมันให้ดีขึ้นต่อๆไปเพื่อเป็นตัวฉันในเวอร์ชั่น “ตัวฉันในอนาคต”

      แล้วคุณหล่ะ? อยากกลับไปรึปล่าว?…

       

      นามปากกา ไม่สิ้นสุด

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×