ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวงรักภรรยาลับ

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 1 (1) แรกพบ... อยากได้ [ฝ้ายขออนุญาตลงเนื้อหานะคะ] 100%

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 58


    ร่างสูงใหญ่ของคนที่กำลังนั่งด้วยท่าทีสบายๆ อยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่น ทำให้เท้าบางที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องชะงักเล็กน้อย เมื่อได้เห็นคนตรงหน้าที่ช่วยเหลือเธอก่อนห้าชัดเต็มตาขึ้น

    “ใส่เสร็จแล้วใช่ไหม” เสียงกห้าวเอ่ยถาม โดยที่ใบหน้าของเขายังคงก้มมองสมาร์ตโฟนเครื่องบางในมืออยู่

    “ค่ะ” เสียวหวานเอ่ยเบาๆ

    “คือ... ฉันขอบคุณคุณมากนะคะสำหรับความช่วยเหลือ”

    เรียวหน้าหล่อเหลาของหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มค่อยๆ เงยขึ้นมา ซึ่งทำให้ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาประสานสบเข้ากับดวงตาคู่งามของหญิงสาวที่จ้องมองมายังเขาอยู่ก่อนแล้ว

    “ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ

    ท่าทีเรียบเรื่อยของเขาทำให้วาดดาวเริ่มทำตัวไม่ถูก แต่สิ่งที่ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกคือแววตาของลายหนุ่มในตอนนี้ ที่ทำให้เธอเริ่มไม่อยากอยู่ในครรลองสายตาคมกริบที่มองมายังเธอ ด้วยแววตาของเขามันวาววับราวกับสิงโตที่กำลังจ้องจะขย้ำเหยื่อ

    “แล้วฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณมาเสียเวลาแบบนี้”

    “คุณจะไปอยู่ที่ไหน” อยู่ดีๆ เขาก็โพล่งถามเธอขึ้นมาดื้อๆ

    “คะ” ดวงหน้าสวยของคนถูกถามซึ่งบัดนี้ไร้แว่นสายตาสุดเชยบดบังความงามของเธอแสดงสีหน้างงงวยออกมาทันที 

    ชายหนุ่มมีท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของวาวดาว

    “พอดีว่าเมื่อกี้ผมยืนฟังคุณคุยกับพนักงานของทางบริษัทอสังหาฯ เลยรู้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องที่อยู่”

    แต่ชายหนุ่มเก็บงำสิ่งหนึ่งไว้ คือการที่เขารับรู้เรื่องราวเรื่องอื่นๆ ของเธออย่างละเอียดแทบจะหมดจด แม้แต่จำนวนเงินในบัญชีของเธอก็ไม่ใช้ปัญหา เพราะคนของเขาสามารถที่จะเสาะหาเรื่องราว ทุกอย่าง ของเธอมารายงานให้เขาทราบ ตามที่เขาสั่ง ซึ่งเรื่องราวของเธอถูกส่งผ่านมาทางเอกสารที่ทางเลขาฯ ของเขาส่งมาให้ในอีเมลเมื่อสักครู่ ทำให้เขารู้ว่าในตอนนี้หญิงสาวตรงหน้ากำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่บ้าง...

    “ฉัน.... ใช่ค่ะ... ตอนนี้ฉันกำลังมีปัญหา” เธอบิดมือไปมาขณะเอ่ย พร้อมกับหลบเลี่ยงสายตาของชายหนุ่มด้วยการก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง “แต่คิดว่าฉันจะจัดการทุกอย่างได้ค่ะ”

    “คุณมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า”

    “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังคะ” คำพูดชะงักอยู่ที่ปลายลิ้น เมื่ออยู่ๆ ร่างสูงก้าวมายืนตรงหน้าพร้อมกับที่เขาแผ่ไอเสน่ห์ของบุรุษเพศออกมาโลมเล้ารอบกายของเธอ จนทำให้ร่างกายของเธอเกินปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น และผลจากอารมณ์บางอย่างของหญิงสาวก็ส่งให้ดวงหน้าสวยจัดแดงซ่านขึ้นอย่างที่เจ้าตัวมิอาจห้ามร่างกายของตัวเองเองไว้ได้

    “ไปอยู่กับผม” ใบหน้าของ คนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ขณะเอ่ยชวนเธอไปอยู่ด้วย

    วาดดาวเงยหน้าขึ้นมองเขาทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยออก เพราะไม่แน่ใจว่าด้วยเอ็ฟเฟคต์จากการเป็นลมเมื่อครู่นี้ทำให้ความสามารถในภาษาอังกฤษของเธออ่อนด้อยลง จนอาจจะแปลสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาผิดเพี้ยนไป

    “คุณชวนฉันไปอยู่กับคุณงั้นเหรอคะ”

    “อือ” คนถูกถามทำเสียงขลุกขลักรับในลำคอ พร้อมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะตามด้วยการเอ่ยสั่งเธอหน้าตาเฉย “ไปเก็บของ”

    “ไม่ค่ะ” เธอปฏิเสธ พร้อมขยับเดินถ่อยไปด้านหลังเพื่อเว้นระยะห่างจากเจ้าของร่างสูง “ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดอะไร แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น และฉันมั่นใจว่าปัญหาของฉันก็ไม่น่าจะเป็นธุระอะไรของคุณ”

    “นี่คุณ!” ชายหนุ่มแกล้งทำท่าทีตกใจ เพื่อลื่นไหลตามท่าทีขู่ฟ่อของหญิงสาว “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คือตอนนี้... ผมเห็นว่าคุณเป็นคนไทย”

    “ฉันเป็นคนไทยแล้วทำไม” ดวงตาคู่สวยหรี่แคบลงเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวมองหน้าเขาอย่างพยายามที่จะค้นหาอะไรบางอย่างจากสีหน้าของชายหนุ่ม “แล้วนี่คุณทราบได้ยังไงคะว่าฉันเป็นคนไทย”

    “ผม... เอ่อ” เขารู้ว่าถ้าบอกไปว่าตัวเองสืบเรื่องของเธอมาหมดแล้ว เจ้าของดวงหน้าสวยหวานชวนมองตรงหน้าของเขาต้องไม่พอใจเป็นแน่ “ผม... พอดีตอนไปเอาคอนแทคเลนส์ให้คุณที่บนห้อง ผมบังเอิญเห็นพาสปอร์ตของคุณ”

    “แต่ฉันว่าฉันเก็บพลาสปอร์ตเอาไว้ในลิ้นชักข้างหัวนอน แล้วมันก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับที่ที่กล่องใส่คอนแทคเลนส์ของฉันวางอยู่เลยนะคะ เมื่อกี้ที่ขึ้นไปคุณคงไม่ได้รื้อห้องของฉันใช่ไหม” เธอถามเขาเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงที่หญิงสาวใช้นั้นมีร่อยรอยคาดคั้นอยู่ในที

     “ผมไม่ได้ค้นห้องคุณ” เขาตอบตามตรง เพราะเขาไม่ได้ค้นห้องเธอจริงๆ แต่ชายหนุ่มทำในสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นนั่นคือรื้อขุดค้นประวัติของเธอ  “ที่ผมชวนคุณไปอยู่ด้วยแบบนี้ก็เพราะผมรู้สึกเห็นใจคุณ”

    “ทำไมคุณต้องมาเห็นใจฉัน”

    “เพราะผม... ไม่รู้สิ” ชายหนุ่มตอบพร้อมไหวไหล่หนาเบาๆ ด้วยท่าทีสบายๆ  “ก็แค่เห็นใจ”

    ดวงตาคู่สวยของวาดดาววูบขึ้นโดยไฟโทสะ ก่อนที่มันจะดับวูบลงในเสี้ยววินาทีต่อมา  “ฉันขอบคุณสำหรับความเวทนาที่คุณมอบให้นะคะ แต่คุณไม่จำเป็นต้องมาสงสารฉัน”

    “เฮ้  สาวน้อย อย่าเพิ่งโมโหสิ ผมเห็นใจคุณจริงๆ ที่ผมเห็นใจคุณมันคงเพระว่าผมเข้าใจว่าการถูกไล่ออกจากบ้านมันเป็นยังไง”

    แต่เขาไม่ได้ใส่รายละเอียดว่าบ้านที่ถูกไล่ออก คือบ้านของคู่นอนหุ้มสะบึ้มที่เขามีสัมพันธ์สุดเร่าร้อนด้วย แต่อยู่ๆ สามีเก่าที่กำลังพยายามของคืนดีของหล่อนดันเสนอหน้าโผล่มา ซึ่งพอเห็นว่าเมียเก่าของตัวเองนอนอยู่กับเขาบนเตียงที่มันเคยนอน ไอ้บ้านั้นก็เกิดคลั่งขึ้นมา ขนาดไล่ยิ่งเขาราวกับเห็นว่าเขาเป็นกระต่ายป่า

    ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องวิ่งแล่นไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่หน้าบ้าน โดยที่ทั้งตัวไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น เพราะในตอนนั้นเขาจำเป็นต้องเลือกว่าจะเลือกหยิบฉวยอะไรระหว่างเสื้อ กางเกง หรือกุญแจรถ

    และแน่นอนว่าสถานการณ์คาบเกี่ยวความเป็นและความตายแบบนั้นเขาไม่มีเวลาอาย... สิ่งเดียวที่คิดคือการรอดตาย เขาเลยเลือกที่จะพุ่งไปหยิบกุญแจรถ โดยไม่แคร์ว่าตัวเองจะต้องโป๊ขณะวิ่งล่อนจ้อนไปยังรถของเขาซึ่งจอดอยู่ข้างถนนในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยผู้คนออกมาวิ่งออกกำลังและเด็กๆ ที่มารอขึ้นรถโรงเรียนหน้าบ้าน... แน่นอนว่าเขารับรู้ได้จากหางตาตอนขับรถออกมจากบริเวณนั้นว่าคนที่กำลังยืนมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นต่างก็มองตามรถของเขาด้วยแววตาพรั่นพรึง

    “คุณเคยถูกไล่ออกจากบ้าน... เหมือนฉัน” น้ำเสียของเธอบอกชัดว่าไม่เชื่อ เพราะชายหนุ่มตรงหน้าดูยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าคนอย่างเขาจะต้องมาผจญกับสถานการณ์เลวร้าวเช่นเธอ.. เพราทุกอย่างในตัวของเขาแม้แต่บุคลิกบางอย่างก็บอกให้เธอรู้ว่าคนอย่างเขาไม่น่าจะมีฐานะที่เข้าข่ายธรรมดาเลย

    เจ้าของเรียวหน้าหล่อเหลาพยักรับแรงๆ และพยายามกัดกระพุ้งแก้มเอาไว้ไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้ม

    “ใช่ไง ผมถึงได้อยากช่วยเหลือคุณ เพราผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ ไปอยู่กับผมเถอะนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนิ่งไร้การวอนขอใดๆ  

    “แต่ว่าฉัน”

    “แค่ชั่วคราว ไปอยู่ที่บ้านกับผม”

    “ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรออกคะ”

    “ทำไม” น้ำเสียงของเขาเริ่มบอกถึงความไม่พอใจของชายหนุ่ม เพรามันทั้งห้วน ทั้งกระด้าง

    “คือฉัน... ฉันกับคุณเราไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วฉันจะไปอยู่บ้านคนแปลกหน้าแบบนั้นได้ยังไงคะ”

    “เรื่องมากชะมัด” เรียวปากสุดเซ็กซี่ของหนุ่มตาฟ้าขมุบขมิบบ่น

    “อะไรนะคะ”

    “เปล่า ผมกำลังร้องเพลง”

    “ร้องเพลงงั้นเหรอคะ”

    “ช่างผมเถอะ เอาอย่างนี้ตอนนี้คุณมีงานไหม”

    ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีว่าถ้าเธอตอบว่ามี นั้นก็จะแปลว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาก็กำลังโกหก  เพราะในข้อมูลที่เขาได้มานั้นหญิงสาวเจ้าของดวงหน้าสวยคมดูแปลกตา ตอนนี้เธอกำลังแตะฝุ่นตกงาน พร้อมกับที่มีเงินในธนาคารของเธอมีไม่ถึงสองร้อยเหรียญ

    ซึ่งจำนวนดังกล่าวเป็นไปได้ยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ในมหานครที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอย่างนิวยอร์ค และเขาเองก็มั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้าเธอรู้เรื่องความลำบากที่ตัวเองต้องเผชิญต่อจากนี้เป็นอย่างดี... ดูได้จากสีหน้าเผือดสีและไร้ความหวังของเธอในตอนนี้

    “ตกลงตอนนี้คุณมีงานทำไหม” เขาถามซ้ำเมื่อเธอยังเอาแต่เงียบ

    คำถามของเขาทำให้วาดดาวเผลอขบฟันลงบนกลีบปากของตัวเอง ก่อนจะยอมตอคำถามของเขาเมื่อเธอปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปเกือบครึ่งนาที “ตอนนี้ฉันยังไม่มีงานทำค่ะ”

    “งั้นดี”

    “ยังไงคะ”

    “ไปทำงานกับผม”

    “ทำอะไรคะ”

    “พอดีตอนนี้ผมกำลังหาแม่บ้านทำความสะอาดบ้านอยู่พอดี คุณไปทำงานให้ผม ส่วนเรื่องบ้านในฐานะที่คุณเป็นคนดูแลทำบ้านให้ผมผมมีที่อยู่ให้คุณ”

    “อะไรนะคะ”

    “ต้องให้พูดซ้ำจริงๆ ไหม ถ้าต้องพูดซ้ำ กรุณาไปเอาน้ำมาให้ผมหน่อยได้ไหม คิดว่าถ้าต้องพูดอีกรอบคอผมคงแห้งแน่ๆ”

    “แล้วทำไมไม่เอาตอนที่พูดซะยืดยาวเมื่อกี้ไปพูดซ้ำประโยคก่อนหน้าให้ฉันฟังใหม่แทนล่ะคะ”

    ชายหนุ่มหรี่ตาลง ขณะที่มุมปากของเขาเชิดขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ ที่เกือบจะมองไม่ออกว่าเขากำลังยิ้มอยู่ “ปากเก่ง”

    วาดดาวมองหน้าสบตาเขานิ่ง “ยังจะรับน้ำอยู่ไหมคะ”

    “แล้วผมต้องพูดซ้ำให้คุณฟังอีกไหมล่ะ”

    “ไม่ต้องค่ะ” เธอเผลอกระแทกเสียงใส่เขา

    เจ้าของร่างสูงมองสบประสานสายตาเธอด้วยแววตานิ่งอย่างรอคอย “ตกลงคุณจะรับข้อเสนอของผมไหม”

    “แต่ฉันว่าเราสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน มันคงจะไม่ดี”

    “เวลาที่คุณไปสมัครงาน คุณคาดหวังที่จะรู้จักคนเป็นเจ้าของกิจการมาก่อนงั้นเหรอ”

    “ก็ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” เธอมองเขาด้วยแววตาค้นคว้า “แต่ฉัน... คุณไม่กลัวว่าฉันจะเป็นหัวขโมยหรือมิจฉาชีพเหรอคะ”

    ไหลหนาไหวขยับเบาๆ ด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ถ้าเกิดคุณยกเค้าบ้านผมจริงๆ ผมก็คงต้องถือว่าเป็นการซื้อประสบการณ์แต่ถ้าคุณเป็นห่วงกลัวแทนผมแบบนี้ งั้นมีวิธีง่ายๆ แค่คุณเอาพลาสปอร์ตมาไว้กับผม เอาพลาสปอร์ตมาเป็นหลักประกันแค่นี้เอง” เขาพูดง่าย

    “แต่ฉัน... ถ้าอย่างนั้น ฉันขอทำงานเพื่อแลกกับการได้อยู่บ้านของคุณ ฉันจะไม่เอาเงินค่าจ้าง”

    “แล้วคุณจะเอาเงินที่ไหนใช้ที่ไหนกิน”

    “ฉันก็คงต้องหางานพิเศษทำ”

    “เช่น” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่นัยน์ตาสีฟ้าจางกลับสะท้อนอารมณ์ไม่พอใจออกมา

    “แต่ถ้าคุณไม่สะดวกใจ ฉันว่าฉันไม่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ” เธอบอกเสียงรัวเร็วเมื่อเห็นแววตาของชายหนุ่ม

    “บอกผมมาว่างานที่คุณจะไปสมัครมันคืองานอะไร”

    “พนักงานต้อนรับ เด็กเสริฟ หรือไม่ก็พี่เลี้ยงเด็ก”

    “งั้นเอางี้ ตอนนี้น้องชายผมกำลังคบกับผู้หญิงไทย มันกำลังคิดจะเรียนภาษาไทย คุณไปสอนภาษาให้น้องชายผมช่วงเย็นหลังจากเรียนเสร็จ”

    “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังลงเรียนภาษาอยู่”

    “คุณบอกผมแล้ว” เขาโกหกหน้าตาย

    “ฉันบอกคุณแล้วเหรอคะ”เอถามด้วยเสียงงุนงงเพราค่อนข้างมั่นใจว่ายังไม่เคยบอกชายหนุ่มเรื่องนี้

    “อือ” ชายหนุ่มพยักหน้าแรงรับๆ เป็นการยืนยัน “ส่วนวันไหนที่ไม่มีเรียนก็อยู่เลี้ยงลูกสาวผมที่บ้าน”

    “คุณมีครอบครัวแล้ว” น้ำเสียงของวาดดาวในตอนนี้บอกให้รู้ว่าเธอคาดไม่ถึง ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะเลื่อนไปมองที่นิ้วมือซึ่งชายหนุ่มสอดเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง “คุณมีภรรยาแล้วใช่ไหมคะ”

    เมื่อไม่เห็นหลังฐานการแต่งงาน เสียงหวานก็เอ่ยถามเขาเพื่อความเเน่ใจ

    “ผมมีลูก” เขาบอกแค่นั้น

    การที่ได้รับรู้ว่าชายหนุ่มมีครอบครัวมันทำให้เธอโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ลึกๆ แล้วหัวใจของเธอกลับวูบโหวงแปลกๆ

    “ไปเอาเสื้อผ้าบางส่วนมาสิ แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาเก็บของย้ายไปอยู่กับผมที่บ้าน”

    “ไว้ฉันค่อยย้ายพร้อมขนเสื้อผ้าไปพรุ่งนี้เลยทีเดียวเลยไม่ได้เหรอคะ จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”

    “งั้นก็เก็บให้เสร็จวันนี้ จะได้ไปทีเดียว”

    “คุณค่ะ!” เธอเผลอเสียงดังใส่นายจ้างอย่างลืมตัว “ของฉันไม่ได้น้อยขนาดเก็บหมดภายในครึ่งชั่วโมงนะคะ”

    “ไปเก็บของซะ” พูดจบก็หมุนกายเพื่อเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา “ผมมีเวลาทั้งคืน ผมรอคุณได้”

    พอพูดจนขายาวๆ ของบาสเตียนก็ตวัดขึ้นมาเป็นไขว้ห้างด้วยท่าทีสบายๆ และผ่านคลายอย่างไร้การเคอะเขินใดๆ ราวกับเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้

    “แต่ว่าฉันอยากย้ายไปบ้านคุณพรุ่งนี้” วาดดาวเอ่ยแสดงความต้องการของตัวเองออกมา หลังจากยืนรวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่ง เพราะท่าทีและลักษณะบางอย่างของเขาบอกให้เธอรู้ว่าคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นคนจอมเผด็จการและเอาแต่ใจมาก... ซึ่งเธอคงต้องใช้ความใจเย็นในระดับหนึ่งในการต่อกรกับคนอย่างเขา  “คุณกลับไปเถอะค่ะ ทิ้งที่อยู่ของคุณเอาไว้ให้ฉัน พรุ่งนี้ฉันจะไปบ้านคุณเอง”

     “ผมรอได้” เขาเอ่ย

    “มันจะดึกมากนะคะ ฉันไม่อยากรบกวนคุณ” เธอพยายามเอ่ยอย่างใจเย็น และสรรหาเหตุผลมาอ้าง โดยอิงว่าประโยชน์ทุกอย่างเพื่อเขา “คุณอุตสาห์ให้ที่อยู่ แถมยังกรุณาหางานให้ฉันอีก ฉันไม่อยากทำให้คุณต้องมาลำบากแบบนี้”

    “ใจดีจังนะ” เขาเอ่ยเสียงนิ่ง แต่คนฟังกลับรับรู้ถึงกระแสเสียงเย้ยหยันที่เร้นอยู่ในคำพูดของเขา “จะเก็บของส่วนตัวของคุณเองหรือต้องให้ผมไปช่วยกวาดเสื้อผ้าของใช้ของคุณยัดใส่กระเป๋า” “แต่ว่าของฉันเยอะนะคะ”

    “ผมถึงบอกไงว่าผมจะช่วยคุณเก็บของ แต่ผมขอบอกเอาไว้ก่อนนะว่าผมเป็นคนชอบงานง่ายๆ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะเก็บช่วยคุณคือของชิ้นเล็ก ผ้าน้อยๆ พับง่ายๆ ” เขาเอ่ยขณะมุมปากค่อยๆ เชิดขึ้นเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะ... เมื่อเห็นสีหน้าของวาดดาว

    “พอเลยค่ะ คุณไม่ต้องไปช่วยฉันหรอกค่ะฉันจะเห็บของของฉันเอง แล้วถ้าคุณอยากนั่งรอทั้งคืนก็เชิญ แล้วจะมาบ่นทีหลังไม่ได้นะ” วาดดาวย่นจมูกใส่เขา

    และด้วยท่าทีเมื่อครู่ของเธอ ทำให้คนเห็นอยากจะขบฟันลงบนจมูกได้รูปของเธอเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ แต่เพราะรู้ว่าทำแบบนั้น ไก่ ของเขาคงตื่นหนีไปก่อนแน่ๆ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะหลิ่วตาใส่เธอ

    “ผมรอได้” เขายืนยัน ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมากดเลื่อนเล่น เพื่อเป็นการตัดบทสนทนากับเธอ

    วาดดาวอยากจะขว้างอะไรใส่ศีรษะคนจอมเผด็จการด้วยความแค้น  แต่สิ่งที่หญิงสาวทำได้ในตอนนี้คือแลบลิ้นใส่เขา แล้วหมุนกายพร้อมกับกระทืบเท้าดังๆ เป็นการระบายอารมณ์

    โดยที่วาดดาวไม่รู้เลยว่ามีคนบางคนกำลังซ่อนรอยยิ้มของเขาเอาไว้

    “เด็กๆ มันทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยแบบนี้นี่เอง” วัวแก่สุดหล่อเอ่ยเบาๆ แต่ระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้หญ้าอ่อนที่เขาหวังจะเคี้ยวรู้ตัว

     

    ขออนุญาตลงตัวอย่างตอนต่อไปนิดๆ นะคะ  :) 
    “ไม่ต้องกลัวผม ผมไม่ใช่อาชญากร” ในเชิงเอกสาร... แต่พฤติกรรมบอกเลยว่าบางอย่างที่เขาทำเข้าขั้นการก่ออาชญากรรมเลยทีเดียว ชายหนุ่มลอบคิดในใจ “คุณไว้ใจผมได้ ผมไม่เอาคุณไปขายหรือไปฆ่าหรอก” 

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×