ตอนที่ 23 [End]
คือ..ความรัก
"เช่าเต๊นท์สำหรับสามคนครับ" ผมพูดด้วยเสียงสุภาพพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ พยายามทำเป็นไม่เห็นดวงตาขำของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกัน
ผมถือกระเป๋าเดินตรงไปยังเต๊นท์ที่กางอยู่ริมอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศที่เห็นคุ้มค่ากับการเดินทางมาถึงแม่ฮ่องสอน ผมรู้แล้วว่าเพราะอะไรเมฆถึงชอบปางอุ๋ง มันสงบเงียบและสวยงาม
"หญ้าชอบไหม"
"อืม" ผมพยักหน้า
"สุขสันต์วันเกิด"
"พรุ่งนี้ อย่าบอกว่าเมฆจำผิดวันนะ" ผมแกล้งแซวอีกฝ่ายรู้ดีว่าเมฆไม่ได้ลืม เดือนก่อนเมฆถามผมว่าพอจะลางานวันศุกร์กับจันทร์ได้ไหมจะชวนไปเที่ยวปางอุ๋ง พอถามว่าเมื่อไหร่ ผมก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะพามาเที่ยวในวันเกิด
"หึๆ" เมฆหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ว่าผมแซวเล่น ผมจึงแบมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย
"แต่ถ้าอวยพรวันนี้เลยไหนของขวัญวันเกิดของผมครับ"
"ที่นี่ไง"
"แล้วไป" ผมอมยิ้ม ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์
"แล้วไปอะไรครับ" เมฆสใช้สองมือจับหน้าผมให้เงยขึ้นสบตา
"ก็แล้วไป..นึกว่าเมฆจะตอบว่ายืนอยู่ตรงนี้ไงของขวัญของหญ้าซะอีก"
"หึๆ" เมฆหัวเราะในลำคอ ถ้าไม่เป็นเพราะห่างออกไปมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งอยู่หน้าเต๊นท์ ผมคงโดนจูบหน้าผากแบบที่อีกฝ่ายชอบทำเวลามันเขี้ยวผมไปแล้ว
"ไปเดินเล่นกันไหม"
"ไป" ผมตอบรับทันที อยากเดินถ่ายรูปอ่างเก็บน้ำก่อนที่พระอาทิตย์จะตก เพราะกว่าเราจะมาถึงก็เกือบสามโมงเย็นแล้ว เมฆเอากระเป๋าเดินทางของผมกับของตัวเองใส่ไว้ในเต๊นท์ แย่งกระเป๋ากล้องของผมไปสะพายเพื่อปล่อยให้ผมเดินเล่นสบายๆ
อากาศเย็นทำให้ผมเพลินกับการถ่ายรูป เมฆเดินตามผมไปเรื่อยๆ โดยไม่บ่นหรือเร่งให้ถ่ายเร็วขึ้น บ่อยครั้งที่ผมแอบถ่ายรูปเมฆตอนอีกฝ่ายเผลอ โดยเฉพาะเมื่อสายตาคู่นั้นหันมามอง ดวงตาที่อ่อนแสงลงดูอบอุ่นจนผมอดบันทึกเอาไว้ไม่ได้
เมื่อท้องฟ้าเป็นสีชมพูอมส้มและดวงอาทิตย์เคลื่อนลงต่ำ เมฆก็ชวนผมเดินกลับไปที่เต๊นท์ ผมยังสนุกกับการถ่ายรูปจึงยังไม่วางกล้อง หันกลับมาอีกทีหน้าเต๊นท์ก็มีเตาหมูกระทะตั้งอยู่ ผมยกยิ้มกว้างรีบเดินไปหา อากาศเย็นๆ บรรยากาศดีๆ กับหมูกระทะ มันเข้ากันที่สุดแล้ว
"อร่อย" ผมชมเปาะ เรื่องรสชาติถือว่าใช้ได้ แต่ผมว่าเป็นเพราะอากาศและบรรยากาศรอบข้างด้วยเลยรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าที่อื่น
"ผมสั่งมาสองชุดหญ้ากินเลย"
"จะขุนผมเหรอ" ผมมองเมฆด้วยสายตาล้อเลียน
"เปล่า ตอนนี้ก็กอดเต็มมือดีอยู่แล้ว"
แค่ก แค่ก ผมไอออกมาเพราะสำลักผักที่เพิ่งทานเข้าไป เล่นเองเจ็บเองคือผมไม่เคยเปลี่ยนเลย
"หึๆ"
ผมมองแรงร่างสูงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ บางทีก็มันเขี้ยวท่าทางสบายๆ ของอีกฝ่าย
กว่าปาร์ตี้หมูกระทะจะจบลงท้องฟ้าก็เริ่มเป็นสีน้ำเงิน เราจัดการเก็บเตาคืน เก็บกวาดด้านหน้าเต๊นท์ ให้เรียบร้อยก่อนเดินไปอาบน้ำ อากาศเย็นทำให้ผมเผลอห่อตัวเข้าหากัน เมฆจึงดึงผมเข้าไปกอดไหล่ ความอบอุ่นจากร่างกายไม่สามารถช่วยได้มากนัก แต่ความอบอุ่นในใจให้ความรู้สึกที่ดีมาก
เมื่อกลับมาที่เต๊นท์ ผมจัดการปูเสื่อที่ด้านหน้า ตามด้วยผ้าห่มเนื้อนุ่มเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น อีกผืนวางไว้สำหรับคลุมขาหรือห่มตอนอากาศหนาว ข้อดีของการขับรถมาเองคือเอาของมาได้มากเท่าที่เราต้องการ
เมฆหยิบถุงของทานเล่นกับกล่องเก็บอุณหภูมิใส่เครื่องดื่มออกมาวาง รวมถึงตะเกียงไฟฟ้าที่นำมาเตรียมไว้เพื่อใช้หลังจากเจ้าหน้าที่ปิดไฟตอนสี่ทุ่ม เมฆเปิดฝากระป๋องเครื่องดื่มส่งให้ผม เรานั่งข้างกันบนผ้าห่ม
ค่ำคืนผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ไม่น่าเบื่อ โชคดีที่คนไม่มากนักเพราะไม่ใช่วันหยุดยาว เต๊นท์จึงตั้งห่างกันออกไปพอให้มีพื้นที่ส่วนตัว สามารถคุยกันได้โดยไม่ต้องลดเสียงลง
เรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ รำลึกถึงความหลังระหว่างเราสมัยเรียนมหา'ลัย ผมขำทั้งตัวเองทั้งเมฆ อย่างน้อยก็เป็นตลกร้ายที่ยังหัวเราะได้
"มีครั้งหนึ่งผมเดินตามหญ้าด้วย" เมฆพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
"เดินตามผมเหรอ" ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน นึกไม่ออกว่ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น
"ใช่ ผมเห็นหญ้าเดินออกจากตึก ผมเลยเดินตามไปเรื่อยๆ"
"นี่ผมเป็นพวกไม่มีเซ้นส์ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมหัวเราะขำตัวเอง “ทำไมไม่เห็นรู้สึกตัวเลย"
"ผมเดินตามห่างๆ ไม่ได้เข้าไปใกล้หญ้ามาก"
"ฟังแล้วเหมือนไม่ใช่เมฆเลย" สี่ปีที่ผมจำได้เมฆจะส่งยิ้มและเข้ามาทักเสมอถ้าเจอผม มีแค่ผมเท่านั้นที่แอบมอง
"ผมแค่อยากมองหญ้านานๆ เลยไม่ได้เข้าไปทัก"
"โธ่เอ๊ยย" ผมอุทานด้วยเสียงเหมือนขำอีกฝ่ายแต่จริงๆ หัวใจกำลังพองโต
"ผมก็เคยเดินตามเมฆนะ" ผมสารภาพบ้าง
"จริงเหรอ ผมไม่เห็นรู้ตัว"
"ใครว่าไม่รู้" ผมย่นจมูกเข้าหากัน "เมฆรู้ทุกทีมากกว่า ชอบหันมาทำเอาผมตกใจ เลยไม่เคยได้ตามเลย”
"หึๆ" เมฆหัวเราะเบาๆ ก่อนหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมา
"ผมมีอะไรจะให้หญ้าดู"
"อะไรเหรอ" ผมมองด้วยความสนใจ
เมฆหยิบกระดาษที่ถูกเคลือบพลาสติกเอาไว้อย่างดีส่งให้ผม แค่เห็นสีของกระดาษและตัวหนังสือผมก็รู้แล้วว่าคืออะไร รอยยิ้มจึงปรากฎขึ้น ผมรับมันมาจากเมฆ
"ผมถือวิสาสะหยิบมาตั้งแต่วันนั้น เพราะหญ้าเขียนถึงผม"
กระดาษใบใหญ่ถูกตัดให้เล็กพอดี ตัวหนังสือสีฟ้ายังชัดเจน
จากปลายหญ้า ถึงก้อนเมฆ
ก็สนุกดีนะ
ผมคิดว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมจำเมฆได้ดีคือวันนั้น ผู้ชายร่างสูงผมยาวระต้นคอ มีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปากเสมอ ดูสบายๆ จนผมเคยคิดว่าผู้ชายคนนี้คงไม่เคยจริงจังกับอะไร และน่าจะเจ้าชู้อยู่ไม่น้อย แต่เพราะคืนนั้นผมถึงได้รู้ว่าเมฆใจดีแค่ไหน
"ตอนเขียนผมไม่คิดว่ามันจะถึงเมฆ"
"มันอาจจะเป็นแรงดึงดูดระหว่างเราก็ได้ เพราะตอนที่พี่สิทธิ์ให้เลือกคนถูกทำโทษ สายตาของผมก็มองไปที่หญ้า เหมือนกระดาษแผ่นนี้ ผมเห็นมันตอนที่หย่อนจดหมายของตัวเองลงไป ไม่เห็นว่าเขียนอะไร เขียนถึงใคร เห็นแค่ตัวหนังสือสีฟ้าก็สะดุดตาจนต้องหยุดมอง คนไปค่ายไม่ได้มีแค่หญ้าคนเดียว กระดาษก็ไม่ได้มีแค่ใบเดียว แต่ผมก็เห็นมัน"
ผมประสานสายตากับเมฆเราต่างยิ้มให้กัน ผมเองก็เชื่อแบบนั้น ยังจำความรู้สึกตอนที่เห็นเมฆบนรถไฟได้ เป็นผมเองที่ก่นด่าโชคชะตาแต่ตอนนี้ได้แต่นึกขอบคุณ
ห้าทุ่มห้าสิบห้านาที มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงไฟฟ้าที่เมฆเปิด เราหรี่มันคงให้พอแค่มองเห็นเพื่อไม่ให้แสงไปรบกวนนักท่องเที่ยวท่านอื่นในการชมดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
เมฆนอนหนุนตักผม เหยียดขาออกยาว จับมือผมไปประสานไว้บนอก
"พี่หญ้า"
"หือ?" ผมก้มลงมองใบหน้าที่หนุนอยู่บนตักเมื่ออีกฝ่ายเรียกผมแปลกๆ
"อีกห้านาทีหญ้าก็เป็นพี่ผมแล้ว"
ผมดีดหน้าผากเมฆเบาๆ โทษฐานที่ตอกย้ำความแก่กว่าของผม เมฆลุกขึ้นนั่ง หมุนตัวไปยังกล่องเก็บอุณหภูมิที่ใช้ใส่เครื่องดื่ม ผมคิดว่าเมฆจะหยิบกระป๋องน้ำเพิ่ม แต่ต้องแปลกใจที่อีกฝ่ายหันไปนาน พอจะเอ่ยปากถามเมฆก็หันกลับมาพร้อมเค้กก้อนเล็กที่วางอยู่บนถาดกระดาษสีฟ้าอ่อน ดวงตาของผมสว่างขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่หลุดลอดออกมาเบาๆ
"ไปซื้อตอนไหน"
"ตอนที่แวะซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต ผมคิดว่าหญ้าคงอยากเป่าเทียนวันเกิด"
เมฆปักเทียนลงบนเค้กก้อนเล็ก ใช้ไฟแช็กจุดจนเกิดแสงสีเหลืองนวลตา
"เลยเที่ยงคืนแล้ว สุขสันต์วันเกิดครับ"
เค้กถูกยื่นมาตรงหน้า ผมสบตากับเมฆด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข ก่อนหลับตาลงและยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอพร ก่อนจะเป่าเทียนเล่มนั้น เป็นวันเกิดที่ผมจะจดจำตลอดไป
"ขอบคุณครับ" ผมแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มของเมฆแผ่วเบาเพื่อแทนความรู้สึกตอนนี้ เมฆส่งยิ้มให้ผม ยื่นมือมาจับถาดเค้กวางลงบนผ้าห่ม ก่อนจับมือผมไปลูบเล่น
"หญ้าจำได้ไหม วันนั้นหญ้าบอกผมว่าถ้าจะมีของติดไม้ติดมือมาให้เป็นรถหรือโฉนดที่ดินก็ดี แต่ผมบอกหญ้าว่าผมยังไม่มี"
หัวใจของผมเต้นโครมครามเมื่อเดาสิ่งที่เมฆจะพูดต่อไปได้ เมฆล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบแหวนออกมา
"สุขสันต์วันเกิดครับปลายหญ้าของผม" แหวนถูกสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย ความเย็นของโลหะที่สัมผัสนิ้วทำให้ผมอยากร้องไห้ บางครั้งความสุขก็ทำให้มีน้ำตา
"ขอบคุณครับ" ผมพูดเสียงแผ่วเบาราวกับมันดังมาจากที่ไกลแสนไกล
ผมมองแหวนที่อยู่บนนิ้ว มันเป็นแหวนทองคำขาวแบบเรียบ ตรงกลางฝังเพชรเม็ดเล็กๆ เป็นรูปสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ผมเงยหน้าขึ้นมองเมฆ
"คนสวนใหญ่ใช้สัญลักษณ์นี้แทนความรักที่ไม่สิ้นสุด แต่สำหรับผมมันแทนความรักของเรา"
"เมฆหมายถึง?" ผมยังไม่เข้าใจมันดีนัก
เมฆยิ้ม มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน จับมือผมที่สวมแหวนขึ้นมา
"ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้คบกันตั้งแต่แรก ถึงเส้นทางของเราจะวนเวียนผ่านกันไปมาแต่ในที่สุดเราก็ได้คบกัน ผมเลยคิดว่าความรักของเราเหมือนกับสัญลักษณ์นี้ เคยเข้าใกล้กันและเคยเดินห่างกันไป แต่สุดท้ายเราก็มาเจอกัน"
ผมมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จริงอย่างที่เมฆพูดมันเหมือนความรักของเรา
"หญ้าชอบไหม"
"ชอบมากที่สุด" ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเมฆด้วยดวงตาของคนที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่ง
"ขอบคุณมากนะ ผมจะรักษามันไว้อย่างดี"
"ผมก็เหมือนกันจะรักษาหญ้าไว้ให้ดีที่สุด"
ใบหน้าของผมร้อนผ่าวแม้เมื่อริมฝีปากร้อนแตะลงมาที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
"ทานเค้กกันเถอะ"
"อืม" ผมพยักหน้าเพราะเขินจนพูดอะไรไม่ออก
เค้กก้อนเล็กถูกตักกินช้าๆ เป็นช่วงเวลาเข้าสู่วันเกิดที่ผมมีความสุขมาก เราคุยกันไป ดูดาวบนท้องฟ้าไป เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่ตีสองผมก็เริ่มง่วงนอน
"นอนกันเลยไหม" ผมชวนอีกฝ่าย
"ง่วงเหรอ"
"อืม"
"งั้นหญ้านอนไปก่อนเดี๋ยวผมปลุก"
"เมฆไม่นอนเหรอ" ผมมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแปลกใจ
"ผมจะรอดูทางช้างเผือกให้หญ้า ขึ้นแล้วจะปลุกนะ"
ดวงตาของผมเบิกกว้าง ในที่สุดผมก็รู้ว่าทำไมเมฆถึงพาผมมาที่นี่ในวันเกิด เพราะเมฆสัญญากับผมไว้ว่าจะพามาดูทางช้างเผือกด้วยกัน
"เป็นอะไร" เมฆหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้ของผม
"ผมมีความสุข"
"หึๆ มานี่มา" เมฆดึงผมเข้าไปกอด ลูบหลังให้เบามือ
"หญ้าอยากเห็นไม่ใช่เหรอ ผมบอกแล้วว่าจะพาหญ้ามา"
"ขอบคุณนะ"
"อืม" เมฆพยักหน้า
ความง่วงที่มีอยู่หายไปสิ้น ผมตัดสินใจหยิบกล้องออกมาตั้งเพื่อรอถ่ายท้างช้างเผือกแรกที่ได้เห็น
เมฆดึงผมเข้าไปนั่งพิงอกระหว่างรอ กอดเอวไว้หลวมๆ หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้กันหนาว แม้เวลาจะเดินผ่านอย่างเชื่องช้า แต่ทุกนาทีที่ผ่านไปก็เต็มไปด้วยความสุข
“เมฆ” ผมเรียกอีกฝ่ายขึ้นมา
“ครับ” เสียงตอบรับดังริมหู
“ผมเป็นคนเขินง่ายเลยมักเลื่องที่จะพูดคำนี้ ไปใช้คำว่าชอบแทน แต่เมฆรู้ใช่ไหมว่าผมรักเมฆนะ”
“ผมรู้” ริมฝีปากของเมฆแตะลงที่ข้างแก้ม
“ผมก็รักหญ้า รักมากจริงๆ”
“ผมก็เหมือนกัน”
ผมวางมือลงบนแขนที่กอดกระชับเอว ความอบอุ่นจากร่างกายและหัวใจของเราถ่ายทอดสู่กัน ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า สิ่งที่รอคอยค่อยๆ ปรากฏให้เห็น ผมระบายยิ้มบนใบหน้าได้แต่จ้องมองมันด้วยความสุข เพียงแต่ผมกับเมฆไม่ใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าอีกต่อไป จริงอย่างที่เมฆบอก ผมก้มลงมองแหวนบนนิ้วของตัวเอง เราสองคนได้อยู่ด้วยกันแล้ว
ถึงตอนนี้ผมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ดึงดูดผมกับเมฆเข้าหากันไม่ใช่แรงโน้มถ่วง แต่คือ..ความรัก
สุขสันต์วันเกิดนะหญ้า ขอบคุณที่ไม่เคยตัดใจได้จริงๆ
:::: ♥ Happy Ending ♥::::
และอยากมีความรักแบบนี้จริงๆค่ะ เนื้อคู่ชั้นเมื่อไหร่จิมา!! ฮรือออ
ในขณะที่อากาศหน๊าวหนาว แต่ใจเราแสนอบอุ่นเนอะหญ้าเนอะ
ขอบคุณไรท์มาก ๆ เลยนะคะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคะ เป็นเรื่องที่น่ารักและอบอุ่นมากกกกกกกค่ะ
ไม่รู้จะอวยยังไง รู้แค่ว่าเขินไปกับหญ้าและเมฆ ไม่หวานจนเลี่ยนแต่หวานกำลังพอดี
พอมาอ่านเรื่องนี้เเล้วเราก็ซึ้ง ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่ตามส่งตามรับตามเอาใจได้นานๆโดยที่ไม่เบื่อหรือไม่รักเราน้อยลงเลย พี่หญ้าโชคดีเหลือเกิน~
สนุกมากๆ ค่ะ เป็นกำลังใจนะคะ
พร้อมยิ้มทั้งน้ำตาเลยเชียว
จะกลับมาอ่านอีกเราก็รู้หมดแล้วว่าเป็นไง มันทำให้อารมณ์ในการคาดเดาหายไปแต่ก็สนุกเหมือนเดิมนะ
ไรท์ไม่ปิดตอนปล่อยให้คนเร่ร่อนที่ผ่านทางมาได้อ่านอยู่เสมอๆ ทุกเรื่องที่ไรท์แต่ง ไรท์จะไม่ปิดตอน หรือติดเหรียญ
เราชอบมาก
เป็นเหตุทำให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะเปย์หนังสือ
อีบุ๊ค อะไรก็แล้วแต่
เราถูกนิยายเรื่อง พี่เหนือกับน้องแวนโก๊ะของเขา
ตกได้
จากนั้นก็บดิกาศตัวอ้วน
จากนั้นก็หนีไปไหนไม่ได้เลย
รักไรท์นะ
สู้ๆ
มันพิเศษมาก ของคุณมากๆค่ะไรท์
ชอบมากกคร้า อ่านไปยิ้มไปเข้าขั้นบ้า... 5555
ชอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี่นะคะ