“...อาหารของเรา...”
บท } หนึ่งในตำนานที่มีตัวตนของเอเลเซีย “สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนประหาร”
(ตัวประกอบอีกตามเคย)
ชื่อ-นามสกุล } สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนประหาร
“ไอซาริส”
เพศ } หญิง
อายุ }
-
เผ่าพันธุ์ }
ปีศาจ-ดาร์กแฟรี่-มนุษย์
หมู่เลือด } -
อาชีพ } เพชฌฆาต
ฉายา }
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนประหาร
เล่าถึงตำนานตั้งแต่อดีตกาล ก่อนการกำเนิดแว่นแคว้นแห่งเอเลเซีย
ปรากฏหอคอยสูงเสียดฟ้าใกล้กับดินแดนแห่งเหมันต์ ณ ดินแดนซึ่งครั้งหนึ่งยังเป็นของราชาปีศาจ
เป็นสถานที่กั้นเขตแดนมนุษย์และสายเลือดแห่งความมืด ผู้ที่หลงข้ามผ่านเขตแดนทั้งสอง
จะถูกเชื้อเชิญไปยังหอคอยมรณะ ในยุคบุกเบิกดินแดน นักเวทย์แกร่งกล้าถือกำเนิดขึ้นในวารอฟ
เขาย่างก้าวเข้าสู่หอคอยปริศนาที่เล่าว่าเป็นต้นกำเนิดความชั่วร้ายและคดีคนหาย หอคอยปีศาจถูกเปิดออกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของเป็นครั้งแรก
“ไอซาริส” ก้าวออกมาด้วยสีหน้าราวกับฆาตกรโรคจิต ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่านั่นเป็นร่างของเด็กวัยไม่ถึงสิบขวบดี
นางมาพร้อมกลิ่นเหม็นเน่าและเสียงคำรามของเหล่านักโทษปริศนา นางเรียกหนึ่งในนั้นว่า
“พาลาทิส” ดังชื่อเทพอัศวินผู้โด่งดังในกาลก่อน แต่สภาพตอนนี้ราวกับก้อนเนื้อประหลาดที่มีเพียงเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเมื่อโซ่คล้องคอแกว่งไกว
"ไอซาริส” เป็นจอมเวทย์โบราณ ที่แม้แต่ปีศาจยังไม่อาจยอมรับได้
ทว่านางไม่อาจเข้าใจความเป็นไปใดๆ ในโลกได้เลย หน้าที่ของนางมีเพียงสังหารผู้ที่เข้าใกล้เขตแดน ระงับเสียงกรีดร้องของเหล่านักโทษ และเติมเต็มท้องให้อิ่มเท่านั้น จอมเวทย์ร่ายเวทย์กักกั้น
“ไอซาริส” ไม่ได้ต่อต้าน นางปิดประตูและอาศัยอยู่อย่างสงบ ทว่าคดีคนหายรอบเขตหอคอยก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทางวาลรอฟประกาศเขตโดยรอบเป็นพื้นที่หวงห้าม นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
“ไอซาริส” ปล่อยลูกๆ ของตนออกมาฆ่าล้างประชาชนในแถบนั้น หลังเกิดการสังหารโหดโดยกลุ่มนักโทษปีศาจราชาแห่งวาลรอฟตัดสินใจเป็นมิตรกับ
“ไอซาริส” พระองค์ประกาศเขตหอคอยเป็นพื้นที่หวงห้าม ใช้เวทมนตร์โบราณครอบเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของ
“ไอซาริส” และมอบนักโทษประหารเป็นของกำนัลแก่นางทุกวันพระจันทร์เต็มดวง พิธีนี้มีขึ้นเนินนานนับพันปี
“ไอซาริส” ยังอยู่ในหอคอย แต่ผู้คนภายนอก และราชวงศ์ที่เปลี่ยนแปรกำลังลืมเด็กหญิงอสุรกาย
ณ ที่แห่งนั้น อาหารของ “ไอซาริส” เริ่มหร่อยหรอ อีกไม่นาน นางจะสร้างภัยพิบัติครั้งใหม่แก่ผู้คน
ลักษณะทางกายภาพ }
ตามบันทึกโบราณ โดยกลุ่มศึกษาวรรณกรรมเรื่องเล่าสมัยกลาง กล่าวว่า “ไอซาริส”
เป็นเด็กหญิง อายุราวแปดขวด ร่างเล็ก ผิวสีเกล็ดหิมะเกลี้ยงเกลาราวกับถือกำเนิดขึ้นจากพระแม่ธรณีแห่งวาลรอฟ
นัยน์ตาดั่งกวางน้อยในฤดูใบไม้ผลิ อบอุ่น อ่อนโยน กระจ่างจ้าราวสีใบไม้อ่อน ใบหน้าของนางยังเยาว์แม้จะผ่านกาลสมัยหลายยุค
น่าทะนุถนอม เหล่าสตรีเห็นเป็นบุตรี บุรุษหลงจนลืมตน
เส้นผมสีทองราวสีสันอันงดงามของดวงตะวัน
ทรงเครื่องนุ่งสีขาวผ่องดั่งเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ มือหนึ่งถือโซ่ตรวน
อีกข้างทรงคทายาวรีสีหม่น ส่วนยอดกอรปจากมนต์หิมะ
มีบุรุษที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนักโทษเคียงข้าง ดังเจ้าหญิงบนหอคอยสูง
บันทึกของหัวหน้าศาสนจักรโอรีน ผู้อ้างตนว่าเป็นหนึ่งในเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์จอมเวทย์เปิดหอคอยมรณะ
กล่าวว่า เด็กปีศาจคนนั้นมีหน้าตาราวกับเทพธิดา ดวงตาสีหญ้าแข็งกร้าว
รอบตัวนางมีกลิ่นความตายและซากศพ นางมีข้ารับใช้เป็นปีศาจดุร้าย
ปีศาจพวกนั้นฆ่าคนได้ พวกมันคอยปกป้องนางอย่างกับพ่อแม่ ไอ้พวกก้อนเนื้อ
ราชาแห่งวาลรอฟทำสัญญากับสัตว์ประหลาด ข้าอยากให้พระองค์คิดผิด
แต่นั้นจะเป็นหายนะของเราและดินแดนใกล้เคียง
บันทึกของทายาทรุ่นที่สามของจอมเวทย์ผู้เปิดและผนึกหอคอย
ท่านปู่เล่าว่า นางเป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่น่าสงสารเท่านั้น นางเหมือนมนุษย์ทุกประการ
แต่เวทย์ของนางไม่สงบ ชีพจรราบเรียบดังไม่มีชีวิต
ปู่ข้าไม่เห็นควรต้องห้ำหั่นกับนางโดยไม่จำเป็น แต่เบื้องหลังนางน่าหวาดกล้วแท้
ซากศพเนืองนองกับกลิ่นเนื้อเน่า นางประทังชีวิตด้วยซากพวกนั้น เนื้อตัวสกปรก
ผ้าขาวดำคล้ำ นั่นเป็นเลือดของเหยื่อ
นางปฏิบัติต่อนักรบผู้เป็นนักโทษของนางเป็นอย่างดี นางไม่ได้กินพวกเขา แค่ล่าม
บังคับให้ทำตามคำสั่ง และคุ้มครองนาง นางเป็นภูติผีที่รักสงบ อย่าลืมนาง
อย่าให้นางออกจากหอคอย
จากบันทึกหลายฉบับเชื่อว่า
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนประหารเป็นนามยกย่องที่กษัตริย์วาลรอฟมอบแก่นาง
และเรียกกันมาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติส่วนตัว } ลูกสาวของราชาปีศาจผู้ตั้งตนขึ้นทางทิศเหนือกับมนุษย์นางหนึ่งซึ่งเป็นลูกเสี้ยวดาร์กแฟรี่
นางให้กำเนิดเด็กอัปลักษณ์ที่ดำรงชีวิตด้วยเลือดต่างน้ำนม
นางมีสัญชาตญาณสัตว์ป่าอาหารหยดแรกมาจากเต้ามารดาของนาง
บิดาทิ้งนางในหอคอยนั้นกับข้ารับใช้ชาวปีศาจ พวกมันเป็นอาหารของนาง
ทาสชาวมนุษย์ถูกส่งเข้ามาแทนจำนวนคนที่ลดลงไป นี่ก็อาหารนางเช่นกัน
สิ่งเดียวที่เด็กน้อยไม่กินคือพวกสัตว์ ราชาปีศาจทิ้งนางลงใต้ในที่สุด
นางต้องยังชีพด้วยตนเอง ครั้งนั้นข้ารับใช้ผู้ภักดีตนหนึ่งล่อล่วงผู้คนเข้าเป็นอาหารให้นางมากมาย
สอนให้นางเลี้ยงอาหาร กินเนื้อ แต่เมื่อมนุษย์หวาดกลัวหอคอย เขาก็กลายเป็นอาหารนางไปโดยที่นางไม่รู้ตัว
“พาลาทิส” อัศวินซึ่งบุกเข้ามาในปราสาทด้วยพละกำลังอันกล้าแกร่งของเขา ทว่ารอบกายเด็กหญิงเต็มไปด้วยมนตราปั่นป่วนซึ่งส่งผลกับสมองของสิ่งมีชีวิต
“พาลาทิส” คลุ้มคลั่ง ทว่าเด็กหญิงไม่อยากให้เขาหายไป คนแรก
เหยื่อคนแรกที่บุกเข้ามาหานางโดยไร้คำเชิญ
นางซึ่งไม่รู้จักการปองร้ายหลงรักเขาจากความรู้สึกส่วนลึก มีผู้คนมากมายตามหา “พาลาทิส”
เหล่านั้นล้วนเป็นเหยื่อ และนักโทษ หาสำคัญ เด็กหญิงซึ่งไม่มีชื่อผู้นั้นให้ “พาลาทิส”
อยู่เคียงข้างตลอดเวลา ยามเมื่อมนตรากัดกร่อนจิตเขาอย่างรุนแรง นักโทษจะกรีดร้องชื่อ
“ไอซาริส” ออกมา นางยึดคำนั้นเป็นนาม แม้ปัจจุบันลิ้นของเขาจจะไม่อาจเปล่งเสียง “ไอซาริส”
ได้อีก เพียงคำราม “ฮืม ฮืม” ราวกับสัตว์ป่า
ประตูบ้านของ “ไอซาริส”
เปิดออกโดยไม่ได้รับคำเชิญอีกครั้ง
โดยจอมเวทย์ผู้มีผมและตาสีเดียวกับผลึกน้ำแข็งและท้องฟ้า
นางรักใคร่ชายผู้นี้เช่นกัน ชายซึ่งพยายามสื่อสารกับนางจนเข้าใจ
นางปล่อยอาหารกลับสู่ฝูงของมันเป็นครั้งแรก “ไอซาริส” พบจอมเวทย์อีกสองถึงสามครั้ง
แต่ละครั้งสังขารช่างร่วงโรยไปอย่างรวดเร็ว
นางตกลงใจจะดื่มเลือดของนักโทษที่วาลรอฟไม่ต้องการ จอมเวทย์ไม่ได้กลับมาอีก
มีเพียง “พาลาทิส” ของนางที่ยังภักดีจวบจนปัจจุบัน
นิสัยโดยละเอียด }
นิสัยจากการสันนิษฐาน โดยกลุ่มวิจารณ์วรรณคดี “ไอซาริส” เป็นเด็กขาดความรัก
เป็นเหตุผลให้นางจองจำพาลาทิส นางรักทุกคนที่เข้าหานางและนางมองเห็น เป็นไปได้ว่า
นางรักเหยื่อเหมือนที่เรารักสัตว์เลี้ยง แต่นางไม่สามารถทนสัญชาตญาณล่าของนางได้
นางกินทุกอย่างเมื่อนางหิว โดยเฉพาะเมื่อนางเป็นดาร์กแฟรี่
จากการสันนิฐาษโดยไม่รู้ถึงลักษณะเด่นของสายพันธุ์ของบิดา คาดว่า “ไอซาริส”
มีร่างกายแบบมนุษย์โดยสายเลือดมารดา เป็นภูติที่คงไว้ซึ่งร่างกายอันเยาว์วัย
(ปรับได้นะคะเหตุผลต่างๆ) พื้นฐานมนตราปั่นป่วน คาดว่า “ไอซาริส”
ไม่สามารถควบคุมได้ นางอาจไม่รู้ว่าตนมีอำนาจใด ไม่รู้วิธีใช้ และควบคุม
“ไอซาริส” เป็นปีศาจที่รักสงบเมื่อท้องนางอิ่มนางจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
มีความเป็นไปได้สูงว่านางมีความสามารถในการควบคุมแทรกแซงจิตใจ
จากพฤติกรรมของพาลาทิส ซึ่งยังมีความทรงจำบางส่วนของตนเหลืออยู่ แต่ก็ทำตามคำสั่งนางราวกับทาส
นี่เป็นเวทมนตร์บริสุทธิ์ราวกับขีดจำกัดทางสายเลือด ไม่อาศัยการร่ายและสำนึกรู้ตน
ซึ่งเป็นข้อสรุปว่า “ไอซาริส” มีลักษณะของสัตว์ป่ามากกว่ามนุษย์
สิ่งที่ชอบ
พาลาทิส และอาหารของนาง จอมเวทย์ผู้นั้น
เกลียด ความเดียวดาย
กลัว พาลาทิสหายไป
ลักษณะการต่อสู้ }
ไอเวทมนตร์ประหลาดที่โอบล้อมอยู่จะแทรกซึมเข้าไปในระบบประสาทผ่านการหายใจ
ผลด้านลบของมันจะสร้างความหวาดกลัวและภาพหลอนแก่ผู้สูดดม เมื่อไอเวทย์ทำลายเซลล์ประสาทได้และจะเชื่อมต่อกับความต้องการของ
“ไอซาริส” นางควบคุมนักโทษได้อย่างต้องการ และพวกเขาเป็นกำลังพลที่แข็งแกร่งของนาง
เพิ่มเติม }
นักโทษที่ “ไอซาริส” โปรดปราน เมื่อตายไปตามอายุไข เวทมนตร์ซึ่งคงสภาพระหว่างเซลล์จะหลอกพวกมันว่าตนยังมีชีวิตอยู่
เหล่านักโทษจึงไม่เคยตาย ได้แต่อยู่รับใช้และผจญกับความทรงจำอันเจ็บปวด
“ไอซาริส”
ไม่รู้เกี่ยวกับอารมณ์มนุษย์นางสั่งให้นักโทษมีอารมณ์อื่นใดไม่เป็นนอกจากพฤติกรรมทางกายภาพเท่านั้น
นักโทษจะคอยปกป้อง
“ไอซาริส” ราวกับโปรแกรมพื้นฐานที่ถูกป้อนให้หุ่นยนต์
มนตราของ “ไอซาริส”
สามารถต้านทานได้โดยนักเวทย์ระดับสูง เทียบเท่าผู้นำกิลด์ และจอมปราชญ์
หากไม่ใช่เวทมนตร์แล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าเมื่อสูดดมจะทำให้เห็นภาพหลอนและสูญเสียความทรงจำบางส่วน
คทาของ "ไอซาริส" ใช้ถือและเสกเวทย์หิมะ อานุภาพไม่ร้ายแรงมาก มักใช้ให้สัญญาณเหล่านักโทษ เป็นของจอมเวทย์ผู้ผนึกเธอ เขาให้มันเป็นของกำนัล และเป็นสื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวอีกชิ้นหนึ่ง
นอกจากนี้ในปราสาทยังมีอาวุธอีกหลายชนิดซึ่งเคยเป็นของเหยื่อในกาลก่อน หลายชิ้นทรงอานุภาพ คทาที่เธอถือเช่นกัน เพียงมีผู้ใช้ที่เหมาะสม
บทสัมภาษณ์ผปค.
สวัสดีค่า
จะถามว่าถ้าไม่ติดจะรับกลับหรือให้ยัดบทให้ดีคะ
ANS,
เหมือนเดิมค่า ไม่มีที่ลงเราจะไม่บังคับ แต่อยากเห็นคนมาลงดั้นพานางออกจากหอคอยเหมือนกัน555
ต้องการให้ลูกมีคู่มั้ยคะ?
ANS,
ไม่ดีกว่า เราเชื่อว่าไรท์หาให้ไม่ได้แน่เลย
ความคิดเห็น