ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ซ่อนรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : หัวใจดวงร้าวของสาวขี้เหร่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 51


    เล่ห์ซ่อนรัก

    1.2

    หัวใจดวงร้าวของสาวขี้เหร่(2)

    ‘คอฟฟี่ตรีทิพ’ เป็นร้านกาแฟตั้งอยู่ใจกลางสถานประกอบธุรกิจหลายขนาด การจัดร้านเรียบง่ายไม่มีของตกแต่งมากมายรกตา กอปรกับทางร้านมีอินเตอร์เน็ตไร้สายให้บริการ ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจจึงมักใช้เป็นสถานที่พูดคุยเรื่องงานในบรรยากาศสบาย ๆ และความเป็นกันเองของเจ้าของร้านก็ทำให้ร้านมีลูกค้าประจำค่อนข้างเยอะ กระนั้นเจ้าของร้านก็ยังไม่ยอมขยายสาขาไปที่ไหน แม้จะมีลูกค้าบางกลุ่มมารบเร้าให้ไปเปิดก็ตาม

    ร้านกาแฟร้านนี้เป็นหนึ่งในความภูมิใจของคุณตรีทิพ เพราะสร้างขึ้นจากนำพักน้ำแรงของตัวเอง หลังจากคุณอัมพุชสามีเสียชีวิตกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถ ทิ้งลูกสาววัยกำลังซนให้ดูแล คุณตรีทิพต้องใช้เวลาหลายปีทีเดียวกว่าจะฮึดสู้เปิดร้านกาแฟโดยมีกำลังใจจากลูกสาวตัวน้อยเป็นแรงผลักดัน ล้มลุกคลุกคลานจนตั้งตัวได้มั่นคงและลูกสาวทั้งสองคนเรียนจบหมดภาระหนักอึ้งแล้ว คุณตรีทิพจึงแยกออกมาอยู่คอนโดมิเนียมใกล้กับร้านโดยให้เหตุผลกับลูกสาวทั้งสองว่าเพื่อให้อิสระในการใช้ชีวิตกับลูกสาว...แต่ตรีประดับลูกสาวคนโตกลับดักคออย่างรู้ทันว่า คนที่อยากเป็นอิสระกับชีวิตโสตคือผู้เป็นแม่มากกว่า

    ตอนนี้ ณ โต๊ะมุมลึกสุดของร้าน มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเพียงลำพัง บนโต๊ะมีกล่องใบใหญ่วางอยู่ของในกล่องบางส่วนโผล่ให้คนมองทายถูกว่าเป็นอุปกรณ์สำนักงาน คุณตรีทิพถือถาดบรรจุแก้วกาแฟหอมกรุ่นไปวางลงตรงหน้าลูกสาวคนเล็กก่อนยกกล่องลงวางกับพื้น

    “กำลังเสียใจที่ตัดสินใจปุบปับอยู่หรือไง?” คำถามนั้น ทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังทำหน้ามุ่ยเงยหน้าขึ้นมอง

    “เปล่าหรอกแม่...หวายกำลังคิดว่าทำยังไงถึงจะไม่เสียฟอร์มถ้าหวายจะบอกแม่ว่าอยากได้งานที่แม่เสนอให้เมื่อวานน่ะ” คำตอบของตรีปวายทำให้คนเป็นแม่หัวเราะชอบใจก่อนบอกว่า

    “ไม่ต้องฟอร์มหรอกน่า เรามันคนกันเอ๊ง กันเองไม่ต้องคิดมาก หวายลาออกน่ะถูกแล้วล่ะ แม่ยังคิดเลยว่าลาออกช้าไปด้วยซ้ำ” คุณตรีทิพบอกยิ้ม ๆ ตรีปวายถอนหายใจเบา ๆ

    “แปลกนะแม่...พอหวายได้ยินที่เขานินทาแบบนั้น ไอ้ความเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีที่คิดถึงเขาน่ะมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้” คนเป็นแม่เอื้อมมือไปตบหลังมือลูกสาวเบา ๆ อย่างปลอบโยน

    “ถ้าอย่างนั้นที่หวายรู้สึกกับเขามาตลอดก็คงไม่เรียกว่าความรักหรอก” คุณตรีทิพบอกเบา ๆ “หวายไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาให้ความสำคัญเหมือนที่เขาทำ หวายแค่ปลื้มใจแล้วก็หลงชั่ววูบเท่านั้นเอง ส่วนอาการเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีน่าจะเป็นเพราะหวายยังไม่อยากยอมรับว่าที่หวายคิดเข้าข้างตัวเองทั้งหมดน่ะมันไม่จริง” ตรีปวายได้แต่พยักหน้ารับคำอธิบายของผู้เป็นแม่

    “อาจจะใช่อย่างที่แม่บอกล่ะมั้ง...เพราะตอนนี้ในหัวหวายคิดอยู่อย่างเดียวว่า...ต้องเอาคืนให้ได้” หญิงสาวบอกเสียงขุ่น คุณตรีทิพได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ

    “อย่าไปจองเวรให้เป็นกรรมเลยหวาย...แล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ แม่ว่าตอนนี้หวายเตรียมตัวเริ่มงานใหม่ดีกว่า เดี๋ยวแม่จะโทรหาคุณกรรดึกบอกว่าหวายพร้อมสำหรับคอลัมน์ใหม่แล้ว” ไม่พูดเปล่าคุณตรีทิพยังลุกขึ้นเดินจากไปเพื่อทำตามคำพูดอีกต่างหาก ตรีปวายได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง

    หญิงสาวหลับตาเพื่อจะพบว่าภายใต้ความมืดมิดที่หล่อนคิดว่าจะช่วยให้หลุดพ้น กลับมีแต่คำว่า...แก้เบื่อ...ทำบุญ...สะท้อนกลับไปกลับมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายเมื่อรู้ว่าความพยายามสลัดสองคำนั้นทิ้งไม่สำเร็จ ตรีปวายก็ตัดสินใจลืมตา...สู้ความจริง

    โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ตรีปวายได้แต่เหลือบตาขึ้นมองคนส่งให้ด้วยความสงสัย

    “คุณกรรดึกอยากคุยกับหวายน่ะ” ผู้เป็นแม่บอกยิ้ม ๆ ก่อนเดินจากไปต้อนรับลูกค้าเมื่อลูกสาวรับโทรศัพท์มาถือ ตรีปวายยกโทรศัพท์แนบหูเอ่ยทักทาย

    “สวัสดีค่ะ ตรีปวายค่ะ”

    “สวัสดีค่ะ เห็นคุณทิพเรียกคุณว่าหวาย คะเนอายุคร่าว ๆ น่าจะเป็นน้องงั้นพี่หอมขออนุญาตเรียกน้องหวายนะคะ ดูกันเองดี” เสียงตอบกลับแสนร่าเริงและเป็นกันเองทำให้ตรีปวายอดรู้สึกดีไม่ได้

    “ได้ค่ะไม่มีปัญหา” หล่อนตอบกลับ

    “ค่ะ งั้นพี่ขอเข้าประเด็นหลักของเราเลยนะคะ...สรุปว่าหวายสนใจจะเป็นคอลัมน์นิตย์คนใหม่ของอีฟแล้วใช่มั้ยคะ?” ตรีปวายสูดลมหายใจก่อนตอบอย่างหนักแน่นว่า

    “ค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้นพี่อยากให้หวายแวะมาที่สวน...เอ๊ย...สำนักพิมพ์เพื่อคุยรายละเอียดแล้วก็เจอตัวเป็น ๆ กันสักหน่อย ไม่ทราบว่าหวายจะสะดวกวันไหนดีคะ?”

    “พรุ่งนี้ได้เลยค่ะ หวายไม่อยากว่างนานจะฟุ้งซ่านเปล่า ๆ” ท้ายประโยคหญิงสาวตั้งใจบอกกับตัวเอง

    “ดีเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พบกันที่สำนักพิมพ์นะคะ ว่าแต่หวายมาถูกหรือเปล่าคะ?”

    “ไม่มีปัญหาค่ะพี่หอม หวายเคยไปแถวนั้นบ่อยพรุ่งนี้พบกันค่ะ” ปลายสายรับคำและกดปิดสัญญาณการติดต่อแล้ว ตรีปวายวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนเบือนสายตาออกไปมองนอกกระจกใส

    ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ ทุกคนดูรีบเร่งไม่มีใครสนใจใคร หญิงชราคนหนึ่งเดินงกเงิ่นมายังริมฟุตบาทเป้าหมายคงเป็นการข้ามถนน แต่เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องเริ่มงานในช่วงบ่ายจึงไม่มีรถคันไหนหยุดหรือชะลอเพื่อให้คนได้ข้าม แม้ว่าทางม้าลายจะอยู่ตรงจุดนั้น หญิงสาววัยทำงานกลุ่มใหญ่เดินมาหยุดรอข้ามถนนอยู่ใกล้หญิงชรา ทุกคนแต่งตัวแต่งหน้าสวยงาม และกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ  หลายนาทีทีเดียวกว่าจะมีหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงก้าวลงบนพื้นถนนหลังจากยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาแล้ว

    เมื่อหญิงสาวหน้าตาดีก้าวลงบนพื้นถนนมือเรียวสวยก็ยกขึ้นห้ามรถด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ และเมื่อหยุดให้ทั้งกลุ่มก็วิ่งพลางร้องกรี๊ดกร๊าดข้ามถนนอย่างร่าเริง...หญิงสาวแสนสวยกลุ่มนั้นไม่ได้เผื่อน้ำใจให้หญิงชราที่กำลังก้าวตามเลยแม้แต่น้อย รถยนต์จอดให้กลุ่มสาวสวยเดินข้ามแต่ไม่อยู่รอจนหญิงชราผ่าน เมื่อพ้นกลุ่มหญิงสาวคนขับก็กระชากรถอย่างรวดเร็ว หญิงชราต้องลนลานถอยกลับไปยืนบนฟุตบาทเช่นเดิม

    ตรีปวายถอนหายใจเหนื่อย ๆ โลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย คิดพลางหล่อนก็ผุดลุกขึ้นตั้งใจจะไปช่วยให้หญิงชราได้ข้ามถนน ตรีปวายทำได้เพียงลุกยืน เพราะสายตาซึ่งยังจับจ้องอยู่เพียงหญิงชรานั้นพบว่าข้าง ๆ หญิงชราตอนนี้มีชายหนุ่มตัวสูงคนหนึ่งตรงเข้าช่วยเหลือ หญิงสาวค่อย ๆ ทรุดนั่งสายตายังจับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มกับหญิงชราฝั่งตรงข้าม

    ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวเรียบง่าย เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์เก่าขาดสีซีด รองเท้าผ้าใบเก่าคร่ำช่างดูแตกต่างจากการกระทำยิ่งนัก หมวกแก้ปปีกยาวที่เขาสวมอยู่บดบังหน้าตาไปกว่าครึ่ง แม้เมื่อเขาพาหญิงชราข้ามมาส่ง รับการขอบใจจนเดินจากกันไปแล้วตรีปวายที่เฝ้าสังเกตอยู่ได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าแวบสองแวบ สิ่งสะดุดตามากกว่าสีผิวขาวจัดคือหนวดเครารกรุงรัง ตรีปวายถอนหายใจอย่างเสียดายเมื่อทิศที่ชายหนุ่มมุ่งไปไม่ได้มาทางร้านกาแฟ

    “ตกลงว่าไงลูก?” เสียงมาพร้อมกับการทรุดนั่งฝั่งตรงข้ามเรียกตรีปวายให้กลับมาสู่ความจริง

    “เริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ” หญิงสาวตอบเบา ๆ ผู้เป็นแม่ฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี

    “แหม...รวดเร็วทันใจดีจริง ๆ ว่าแต่...ไอ้ซองขาวบนโต๊ะที่หวายวางไว้ก่อนมาน่ะ...ยังไม่ออกฤทธิ์อีกเหรอ?” คำถามของคุณตรีทิพทำให้หญิงสาวเหยียดยิ้มพลางไหวไหล่ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโชว์

    “หวายปิดเสียงแล้วตั้งระบบสั่นไว้น่ะแม่” หล่อนว่าพลางยื่นโทรศัพท์ให้คุณตรีทิพซึ่งรับไปดูพร้อมกับทำตาโต

    “โอ้โห ทั้งเบอร์ที่ทำงาน เบอร์ส่วนตัวโทรกันกระจุยเลยแฮะ...หวายสำคัญมาก ๆ เลยนะเนี่ย” คุณตรีทิพว่ายิ้ม ๆ

    “ก็แหงล่ะสิแม่ หวายเป็นทุกอย่างนี่นา ชงกาแฟก็ได้ ยกของก็ได้ เป็นแมสเซนเจอร์ก็ได้ ทำความสะอาดห้องน้ำก็ได้ แถมยังเป็นของแก้เบื่อ แล้วก็เป็นที่สำหรับทำบุญด้วย” หญิงสาวเอ่ยพลางหัวเราะขื่น ๆ

    “มันจบแล้วล่ะหวาย...ไปเริ่มสิ่งใหม่ ๆ กับคนใหม่ ๆ ดีกว่าลูก” คุณตรีทิพปลอบ

    “ไม่ค่ะ!” ตรีปวายเสียงกร้าว “ไม่จบง่าย ๆ แค่นี้หรอก หวายไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นใครหรอกนะ...แค่จำไม่ลืม!”

    “แล้วมันต่างกันตรงไหนยะ” คนเป็นแม่ว่าพลางส่ายหน้าอย่างระอา

    “สักวันหนึ่งพวกนั้นจะรู้สึก...ว่าทำให้คนขี้เหร่โกรธจะมีโทษยังไง...คอยดูไปสิ!” หญิงสาวว่าพลางพร้อมกับตบโต๊ะเสียงดังจนคนร่วมโต๊ะสะดุ้ง

    “เอาเถอะ ๆการเอาคืนของหวายคงอีกนานกว่าจะถึงคราว วันนี้แม่ว่าหวายกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานใหม่ดีกว่านะ...ของกล่องนี้เอาไว้ที่ร้านนี่แหละ เย็นนี้แม่จะแวะเอาไปส่งแล้วก็เลี้ยงฉลองการลาออกของหวายด้วยซะเลยดีมั้ย?” คุณตรีทิพพูดกลั้วยิ้ม ตรีปวายพยักหน้ารับก่อนคว้ากระเป๋าสะพายและกุญแจรถขึ้นมาถือ

    “ตกลงค่ะแม่...งั้นเจอกันที่บ้านนะคะ” เมื่อคุณตรีทิพรับคำหญิงสาวก็ก้าวออกจากร้านตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นคร่อมสตาร์ทและขับออกไปอย่างรวดเร็ว


    หมู่เรือนไทยซึ่งมีต้นไม้ใหญ่น้อยสร้างความร่มครึ้มปรากฏชัดแก่สายตาเมื่อก้าวผ่านรั้วไม้ระแนงเข้ามา จำนวนรถหลากชนิดจอดเรียงรายอยู่ในโรงรถทำให้ตรีปวายพอเดาออกว่าน่าจะมีคนมาทำงานบ้างแล้วหญิงสาวเลื่อนรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดข้างชอปเปอร์คันโตก่อนเดินขึ้นเรือน ตั้งแต่ก้าวเข้ามาหล่อนยังไม่เจอส่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนเลยสักตัว...เอ๊ย...สักคน

    “สวัสดีค่ะ...มีใครอยู่มั้ยคะ?” สิ้นคำถามของตรีปวาย ความเคลื่อนไหวก็เกิดขึ้นทันทีราวกับรอเวลานี้มาแสนนานบ้านที่ดูเงียบเชียบเมื่อครู่ตอนนี้มีเสียงคนวิ่งตึงตังโครมครามมาจากทั่วสารทิศ ประตูแต่ละห้องที่เห็นปิดสนิทตอนนี้กำลังทยอยเปิดพร้อมกับใบหน้าของใครหลายคนโผล่สลอนออกจากช่องประตู

    “ยินดีต้อนรับคร้าบ!” เสียงระเบ็งเซ็งแซ่มาพร้อมกับรอยยิ้มและการกรูกันออกมาจากห้องเพื่อมายืนอยู่ต่อหน้าแขกผู้มาเยือน ตรีปวายได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ เมื่อหลายคนพยายามยื่นมือมาคว้ามือหล่อน ดีว่าหล่อนรู้ทันชักมือไปเก็บไขว้อยู่ข้างหลังทันที

    “เก็บอาการชีกอหน่อยโว้ย! เอะอะเหมือนไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างนั้นแหละ!” เสียงดังกว่าใครเพื่อนมาพร้อมกับร่างสูงของชายหนุ่มซึ่งก้าวมายืนอยู่หน้ากลุ่มคนทั้งหมด ใบหน้าคมคร้ามมีไรหนวดเขียวเป็นปื้นคล้ายเพิ่งได้รับการโกนมาใหม่หมาด ผมยาวระต้นคอถูกรวบมัดไว้ลวก ๆ เมื่อเห็นคนทั้งกลุ่มซาเสียงลงบ้างแล้วเขาจึงหันมาพูดกับแขกสาว

    “สวัสดีครับ คุณคงเป็นคุณตรีปวาย ผมทะนนยินดีที่ได้รู้จักครับ” พูดพลางยิ้มแถมยื่นมือมาหมายแชคแฮนด์ตรีปวายยิ้มตอบก่อนยกมือไหว้

    “สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณกรรดึกค่ะ” การตอบรับของหล่อนทำให้ชายหนุ่มที่เหลือส่งเสียงโห่ฮาทะนนซึ่งยื่นมือเก้อและค่อย ๆ ชักมือกลับมารับไหว้ก่อนหันไปถลึงตาให้คนอื่น

    “อีกสักครู่คงออกมาครับตอนนี้กำลังเทคแคร์เจ้าตัวเล็กอยู่” ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ “เชิญคุณตรีปวายนั่งก่อนครับ” เขาว่าพลางผายมือไปยังเก้าอี้รับแขกสีสันสดใสก่อนหันไปบอกชายหนุ่มที่เหลือซึ่งกำลังจ้องหญิงสาวตาเป็นมัน

    “ส่วนพวกคุณทั้งหลายกรุณาไสเศียรกลับไปทำงานได้แล้วนะครับ...คุณตรีปวายมาประจำอีฟไม่ใช่เอเดน” สิ้นคำนั้นสีหน้าของแต่ละคนแสดงความผิดหวัง ส่งเสียงฮือฮาประท้วงพอเป็นพิธีก่อนจะแยกย้ายกันกลับห้อง ตรีปวายได้แต่อมยิ้ม...ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีผู้ชายมองหล่อนด้วยความเสียดายแบบนี้เป็นครั้งแรก...อา...รู้สึกดีพิลึก หญิงสาวคิดยิ้ม ๆ ก่อนเดินไปทรุดนั่งบนเก้าอี้ ทะนนเดินตามมานั่งบนเก้าอี้อีกตัว

    “ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว ดีใจที่พบตัวจริงนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ

    “แหม...มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันยิ่งใหญ่มากเลยนะคะ ทั้ง ๆ ที่ความจริงก็แค่ผู้ช่วยเท่านั้นเอง” ตรีปวายบอกเหนียม ๆ

    “สำหรับผมไม่เคยสนใจว่าเขาจะอยู่ตำแหน่งไหน ผมสนใจผลงานมากกว่า และชิ้นงานของ ‘ของคุณ’ ที่ผมเคยอ่านก็ทำให้ผมอยากได้คุณมาร่วมงานด้วยมาก ๆ งานของคุณไม่ควรอยู่เพียงเบื้องหลัง” คำพูดของทะนนทำให้ตรีปวายเปิดเยิ้มกว้างขวางอย่ายินดี ประโยคของทะนนที่เน้นย้ำยังทำให้หล่อนอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้...คนรู้ลึกเท่านั้นถึงจะรู้ว่างานชิ้นไหนหล่อนเป็นคนทำโดยเจ้าของคอลัมน์ตัวจริงมีหน้าที่เพียงแปะชื่อเมื่องานเสร็จ หัวใจที่ซบเซามาตั้งแต่เมื่อวานเริ่มกระเตื้องขึ้นมาหน่อย ๆ เพราะถูกเติมความปลื้มใจเข้าไปรินรด

    “ขอบคุณค่ะ...คำพูดของคุณทำให้ฉันปลื้มอย่างบอกไม่ถูก” หญิงสาวบอกตามตรง ทะนนแกล้งทำหน้าขรึม

    “อย่าหลงรักผมเลยนะครับ...ผมแต่งงานแล้วแถมกำลังจะเป็นคุณพ่อด้วย...อีกอย่าง...ผมเป็นโรค ‘เกลียใจเมง’ ขั้นรุนแรงด้วยครับ” ท้ายโยคชายหนุ่มแกล้งกระซิบกระซาบ ตรีปวายหัวเราะกิ๊กก่อนบอกว่า

    “แค่แอบรักก็หมดสิทธิ์แล้วค่ะ...ขี้เหร่ขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะมามองล่ะคะ”

    “ถ้าอย่างน้องหวายเรียกขี้เหร่...ก็หมายความว่าคนสวยสูญพันธ์ไปแล้วล่ะ” คนพูดไม่ใช่ทะนน แต่เป็นหญิงสาวที่เพิ่งก้าวขึ้นเรือนมา ทะนนผุดลุกเพื่อเดินไปรับทันที ตรีปวายเองก็พลอยลุกตามไปด้วย

    “แหม...ไม่ต้องทำเหมือนหอมเป็นวีรสตรีเพิ่งเสร็จสิ้นการรบได้มั้ยคะ ลุกรับพรึ่บเล่นเอาเขินเลย” กรรดึกบอกยิ้ม ๆ ก่อนเดินมาทรุดนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับเชื้อเชิญคนที่เหลือให้นั่ง ทะนนขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ก่อนยื่นมือไปลูบท้องนูนของภรรยาอย่างรักใคร่

    ตรีปวายมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเป็นสุขอย่างไม่สามารถอธิบายได้ หล่อนไม่ได้รู้จักคนทั้งคู่เป็นการส่วนตัว รู้เพียงแค่ว่านิตยสารเอเดนเป็นนิตยสารที่คนในวงการรู้จักกันดีด้วยเนื้อหาในเล่มและด้วยนางแบบปกซึ่งสร้างความฮืออาได้ตลอด ทะนนซึ่งเป็นเจ้าของก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ก่อนหน้านั้นชายหนุ่มขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าชู้เป็นหนักหนา จนเมื่อไม่นานมานี้เสือหนุ่มก็สิ้นลายด้วยการสยบจากหญิงสาวนามกรรดึก งานแต่งงานเล็ก ๆ จัดขึ้นที่บ้านสวนเมื่อปลายปีที่แล้ว แม้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ในรอบปีแต่คนที่ไปร่วมงานต่างก็กลับมาพร้อมกับเสียงลือถึงความเรียบง่ายแต่เก๋ไก๋ของงานและของชำร่วยเล่มหนา หลังงานแต่งงานไม่นานนิตยสารสำหรับผู้หญิงชื่อ ‘อีฟ’ ภายใต้เครือเอเดนก็ผุดขึ้นสร้างความฮืออาได้ไม่แพ้ฉบับปฐมฤกษ์ของเอเดน เพราะเอานายแบบสุดฮอตมาเปลือยท่อนบนขึ้นปก และจนถึงวันนี้ก็ยังคงเส้นคงวาในการสร้างความฮือฮาไม่เปลี่ยนแปลง

    “กินอิ่มแล้วเหรอครับคุณลูก...ช่วงนี้คุณลูกกินจุเป็นพิเศษเลยนะครับ” ทะนนว่ายิ้ม ๆ กรรดึกส่งค้อนให้ก่อนหันมาหาหญิงสาวอีกคน

    “สวัสดีค่ะน้องหวาย ขอโทษที่ทำให้คอยนานนะคะ คือว่าพี่หอม...เอ๊ย...ลูกหิวบ๊อย บ่อยน่ะค่ะ” ว่าพลางลูบท้องนูนแผ่วเบาประกอบ ตรีปวายหัวเราะก่อนถามว่า

    “กี่เดือนแล้วคะ?”

    “เจ็ดเดือนกับอีกยี่สิบเจ็ดวันครับ” คนตอบคือว่าที่คุณพ่อซึ่งดูเหมือนภูมิใจหนักหนาเมื่อได้แนะนำลูกในท้อง

    “แหม...นับซะละเอียดเลยนะคุณพ่อคนใหม่” กรรดึกว่าอย่างหมั่นไส้ ทะนนแสร้งทำหน้าเหลอหลาก่อนตอบว่า

    “ก็ผมทำเองทุกขั้นตอนที่นา...รับรองว่าแม่นยำและถูกต้อง” คำตอบของชายหนุ่มทำให้คนฟังทั้งคู่ต่างอึ้งงันไปครู่ใหญ่ก่อนที่ต่อมาตรีปวายจะค่อย ๆ หลุดเสียงหัวเราะขณะที่คุณแม่คนใหม่ผิวแก้มเป็นสีเข้ม

    “ไปทำงานได้แล้ว...นี่คนของอีฟไม่ใช่เอเดน!” กรรดึกแว้ดกลบเกลื่อนอาการเขิน ทะนนหัวเราะเบา ๆ แต่ยอมลุกโดยดี ก่อนเดินจากไปเขาไม่วายก้มลงจูบท้องนูนของภรรยาแรง ๆ แถมเลยมาจูบแก้มภรรยาหนัก ๆ อีกฟอด ทะนนผิวปากอย่างอารมณ์ดีแม้จะมีเสียงแว้ดของกรรดึกไล่ตามหลังไปติด ๆ ก็ตาม

    “เขาเห่อลูกน่ะค่ะ” กรรดึกหันกลับมาพูดแก้เกี้ยวกับหญิงสาวอีกคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ตรงหน้า

    “น่ารักจะตายไปค่ะ แต่หวายดูท่าแล้วคงไม่ได้เห่อแค่ลูกกระมังคะ เห็นทีจะเห่อแม่ของลูกด้วย” ตรีปวายเย้า คนฟังหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ได้ปฏิเสธ “น่าอิจฉาจังนะคะ...ผู้หญิงที่มีโอกาสได้ทำหน้าที่เป็นเมียเป็นแม่” หญิงสาวพูดต่อเสียงขื่น

    “ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสทั้งนั้นแหละค่ะ” กรรดึกแย้ง ตรีปวายส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

    “เว้นหวายไว้คนเถอะค่ะ...หน้าตาอย่างหวายคงไม่มีคนให้โอกาสหรอก” พูดจบตรีปวายก็หลุบตาลงมองมือตัวเอง ความคิดไพล่ไปวนเวียนอยู่กับคำนินทาของผู้ชายที่หล่อนเคยชื่นชม กรรดึกลอบสังเกตอาการของหญิงสาว ถอนหายใจแผ่วเบาก่อนเอื้อมมือไปแตะหลังมือหญิงสาวเบา ๆ

    “หวาย...ฟังพี่หอมนะ คนเราทุกคนเกิดมาไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกนะ หน้าตาไม่ได้สำคัญเท่าสมองและหัวใจหรอก ถึงมันจะเป็นด่านแรกที่เรียกคนเข้ามาหาเรามากที่สุด แต่มันไม่สามารถคัดคนให้เราได้ สมองและหัวใจต่างหากที่ช่วยกลั่นกรอง”

    “แต่คนหน้าตาดีก็มีสิทธิ์เลือกก่อนไม่ใช่เหรอคะ” ตรีปวายแย้งบ้าง กรรดึกส่ายหน้าน้อย ๆ

    “ไม่จริงเสมอไปหรอกหวาย พี่หอมว่าผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์เลือกเท่ากันทั้งนั้น คนที่คิดว่าตัวเองขี้เหร่อย่างหวายอาจจะมีสิทธิ์เลือกมากกว่าด้วยซ้ำเพราะจะมองเห็นความจริงมากกว่าคนที่คิดว่าตัวเองสวย” กรรดึกย้ำอย่างมั่นใจ

    “แหม...พี่หอมกำลังทำให้หวายรู้สึกภูมิใจในความขี้เหร่ของตัวเองเลยนะเนี่ย” ตรีปวายบอกหลังจากถอนหายใจยืดยาว “พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะค่ะ หวายว่าเรามาคุยกันเรื่องคอลัมน์ใหม่ดีกว่านะคะ” หญิงสาวตัดบทและได้ผลดีเสียด้วยเมื่อคนฟังพยักหน้ารับและเริ่มเรื่องใหม่

    “คืออย่างนี้นะคะ อีฟของเราหวายก็คงพอจะทราบว่าเป็นนิตยสารสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ คอลัมน์เกี่ยวกับความสวยความงามก็ต้องมีอยู่แล้ว ทีนี้พี่หอมก็มองว่าคุณผู้หญิงในปัจจุบันชอบทำศัลยกรรมความงามกันเหลือเกิน บางคนทำมาแล้วก็ดูสวยดี แต่บางคนทำแล้วมีแต่ปัญหาบางคนถึงขั้นเสียชีวิตเพราะการทำศัลยกรรมความงาม พี่ก็เลยอยากเปิดคอลัมน์เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงามขึ้น จุดมุ่งหมายเพื่อให้คนอ่านได้รู้จักโลกของศัลยกรรมมากขึ้น เราจะนำเสนอทุกแง่มุมของศัลยกรรมทุกรูปแบบ พี่ตั้งชื่อคอลัมน์ไว้แล้ว ชื่อ ‘ก่อนสวยด้วยศัลย์’ หวายคิดว่าเหมาะมั้ย? ถ้าไม่ชอบใจเปลี่ยนได้นะตามสบายเลย” ตรีปวายพยักหน้ารับยิ้ม ๆ

    “หวายว่าก็เหมาะดีนะคะ แต่ว่าคอลัมน์แบบนี้เราน่าจะมีหมอเฉพาะทางเป็นที่ปรึกษาด้วยนะคะเพื่อช่วยเพิ่มความถูกต้องให้ข้อมูลก่อนออกสู่สายตาคนอ่าน” หญิงสาวออกความเห็น กรรดึกอมยิ้มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือสองข้างลูบท้องนูนเบา ๆ

    “พี่หอมโชคดีจังที่ได้หวายมาร่วมงานด้วย” ตรีปวายยิ้มขวยเขิน

    “อย่าเพิ่งชมสิคะ หวายยังไม่เริ่มงานเลย” กรรดึกหัวเราะเบา ๆ กับอาการเขินนั้น

    “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มแสดงผลงานให้ประจักษ์เลยจ้ะ...ขั้นแรกหาหมอเฉพาะทางเพื่อเป็นที่ปรึกษาคอลัมน์” ตรีปวายรับฟังพร้อมกับคว้าสมุดเล่มเล็กมาจดยิก ๆ

    “พี่หอมมีหมอที่คิดไว้หรือยังคะ?” ถามโดยไม่เงยหน้าแทนคำตอบกรรดึกยื่นนามบัตรไปวางตรงหน้าคนถาม ตรีปวายชะงักมือที่กำลังจดก่อนหยิบนามบัตรไปอ่าน

    “พี่ได้ข่าวมาเพียงเล็กน้อยว่าคุณหมอคนนี้เป็นหมอเฉพาะทางที่เก่งมากอายุยังน้อยแต่ฝีมือการเย็บแผลเนี้ยบอย่าบอกใคร แว่วว่าจบจากเมืองนอกด้วยทุนส่วนตัวแต่พอใจทำงานในโรงพยาบาลของรัฐมากกว่าเอกชนคนนี้หาตัวยากมาก แล้วก็ไม่ใช่หมอศัลยกรรมความงามด้วย”

    “อ้าว...ถ้าเขาไม่ใช่หมอศัลยกรรมความงามแล้วเราจะเชิญเขามาทำไมล่ะคะ?” ตรีปวายถามด้วยความสงสัย

    “หวายอย่าลืมว่าคอลัมน์เราคือก่อนสวยด้วยศัลย์ โลกของหมอศัลย์ไม่ได้มีเพียงศัลยกรรมความงามนะจ๊ะ...เดี๋ยวพี่จะเอาเอกสารให้ไปศึกษาก่อนก็แล้วกันนะ หวายจะได้เข้าใจมากขึ้น แต่ยังไงก็ตามนะ...พี่ล่ะอยากให้คุณหมอคนนี้เป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับการศัลยกรรม ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับศัลยกรรมความงามน่ะพี่ติดต่อไว้แล้วล่ะ หมอคนนี้ว่ากันว่าทำสวยได้เป็นธรรมชาติมากที่สุด หวายน่าจะรู้จักนะออกทีวีบ่อยจะตายเวลามีข่าวเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมน่ะ คุณหมอทำบุญไง” คำอธิบายของกรรดึกทำให้ตรีปวายพยักหน้ารับหงึกหงัก...หมอชื่อสั้นแถมฟังแล้วดูเหมือนจะสูงอายุคนนี้ แท้จริงยังหนุ่มแน่น แถมหน้าตาดีไม่แพ้ดาราเกาหลีที่กำลังดัง หญิงสาวเคยเห็นคัตเอาท์ขนาดยักษ์ซึ่งมีคุณหมอหนุ่มเป็นพรีเซนเตอร์เชิญชวนให้คนไปทำศัลยกรรมความงามที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ตรีปวายยังเคยค่อนแคะรูปนั้นในใจว่า...แทนที่คนจะแห่ไปหาเพราะหมอเก่งจะกลายเป็นแห่ไปหาเพราะหมอหล่อ

    “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคุณหมอคนนี้ยังติดต่อไม่ได้...แล้วจะให้หวายเป็นคนติดต่อใช่มั้ยคะ?” หญิงสาวถามหลังจากพลิกนามบัตรสำรวจรายละเอียด

    “ลำพังแค่ติดต่อได้น่ะไม่เท่าไหร่หรอกนะจ๊ะ...หวายต้องใช้ความพยายามชนิดม้าก มากเชียวล่ะ...ทำยังไงก็ได้นะหวาย แต่คอลัมน์นี้เราต้องได้หมอคนนี้ร่วมด้วย!” กรรดึกบอกด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมกับกำมือประกอบ สีหน้ามุ่งมั่นประกายตาวับวาวของว่าที่คุณแม่ทำให้ตรีปวายหัวเราะแหย ๆ หล่อนก้มลงมองนามบัตรอีกครั้ง

    ความรู้สึกบางอย่างจู่โจมเขามาทันทีเมื่อก้มลงอ่านนามบัตรอีกครั้ง ทั้งชื่อและนามสกุลของหมอเจิดจรัสอยู่ในคลองสายตา ความรู้สึกนั้นบอกตรีปวายว่ามันมีเค้ายุ่งยากอบอวลอยู่ทั่วนามบัตร ยิ่งได้ฟังสรรพคุณของหมอคนนี้จากปากเจ้าของนิตยสารอีฟหญิงสาวก็ได้แต่กังวลหน่อย ๆ  แต่ความที่เป็นคนชอบความท้าทาย ตรีปวายก็ได้แต่พยักหน้าให้กำลังใจตัวเอง...เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน...หญิงสาวคิดอย่างมุ่งมั่นก่อนหรี่ตามองนามบัตรอีกครั้งพร้อมกับส่ายหน้าน้อย ๆ ...แค่ชื่อก็ส่อแววประหลาดซะแล้ว...เวลามีคนเรียกตำแหน่งตามด้วยชื่อจะรู้สึกประหลาดแค่ไหนนะ...

    คุณหมอมโหระทึก  กึกก้องโอฬาร!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×