ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักตามหลัก...แสบ

    ลำดับตอนที่ #2 : แสบ...ยกสอง

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 49


    เล่ห์รักตามหลัก…แสบ

    2

    'เดิ่น' ในภาษาอีสานบ้านผม หมายถึงลานกว้าง ๆ ที่มักใช้ทำกิจกรรมได้หลากหลาย ร้าน 'กลางเดิ่น' ที่ท่านแม่ผม 'นัดบอด' ก็กินความตามนั้น เพราะร้านอาหารกึ่งคาราโอเกะแห่งนี้ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาเลยทีเดียว…อ๊ะ…แต่อย่าคิดว่าอยู่อย่างนี้แล้วจะไม่มีคนมาหาความสำราญนะครับ ตรงกันข้าม ร้านกลางเดิ่นตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะมาก…ก… กล่าวคือ สถานที่ตั้งร้าน เป็นทางผ่านจากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง ถึงสามเส้นทางเลยทีเดียว

    เวลาทุ่มสิบห้าที่ผมเหยียบย่างเข้าร้าน เป็นเวลาที่คนค่อนข้างพลุกพล่าน …ความจริงจะว่าไปแล้วผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการดูตัวแบบนิยายน้ำเน่าที่แม่ผมทำไหรอก …แต่ไอ้ความเป็นคนรักษาคำพูด และไม่อยากทำร้ายน้ำใจใครทำให้ผม 'จำเป็น' ต้องมาปฏิบัติภาระกิจนี้ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ผมก็คอยปลอบตัวเองตั้งแต่ออกจากบ้านว่า 'เดี๋ยวเดียวน่า'

    ผมสอดส่ายสายตาหาคู่นัดของผม…คู่นัดที่คุณน้ำรินท่านไม่ได้บอกรูปพรรณสัณฐานเสียด้วย คิดมาถึงตงนี้ผมก็อยากจะขออนุญาติคุณผู้อ่านยกมือขึ้นเกาศีรษะสักหลาย ๆ แกรกก่อนนะครับ…ก็แหม…มันค่อนข้างจะจนปัญญาสักหน่อย มาเจอคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา…แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่งโต๊ะเบอร์ไหน เป็นคุณจะทำยังไงล่ะครับ !

    แต่ผมก็ไม่ต้องรอนานหรอกครับ แค่ผมเกา 'ว่าที่' ที่อยู่ของเหาได้สักแกรกสองแกรก ผมก็รู้สึกท้ายทอยเย็นวาบ ความรู้สึกขณะนั้น เหมือนนิยายผีที่ผมเคยอ่านยังไงยังงั้นเลยครับท่าน !

    ผมค่อย ๆ หันกลับไปอย่างช้า ๆ ชนิด ดับเบิ้ลสโลว์โมชั่น ทันทีที่สายตาผมหันไปจ๊ะเอ๋กับคนที่นั่งจ้องผมอยู่ตรงโต๊ะมุมสุดของร้าน ผมถึงได้ร้องอ้ออยู่ในใจ ว่าเหตุไฉนผมถึงรู้สึกเย็นท้ายทอย…

    ผู้หญิงผมหยิกฟูตีโป่งทรงคุณหญิงออกงาน ผูกคาดอย่างเก๋ไก๋ด้วยผ้าสีส้มสะท้อนแสงผืนโต ซึ่งดูเหมือนจะเข้าชุดกับเสื้อแขนย้วยสีเดียวกัน ใบหน้ากว่าครึ่งถูกบดบังไว้ด้วยแว่นตาสีชาอันโต(ทั้งที่เป็นเวลาฟ้ามืด !) แต่ก็ดูไม่เด่นเท่าไฝเม็ดเป้งตรงมุมปากของเจ้าหล่อน

    คุณจะรู้สึกยังไงไม่ทราบ…แต่ผม…ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น…เปล่านะครับอย่าเข้าใจผิดว่าผมรสนิยมย้อนยุคนา…ที่ผมบอกว่าหัวใจจะหยุดเต้นน่ะ ก็เพราะผมพาลคิดไปว่า ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นคือ 'หนูหงษ์' ของคุณน้ำรินแม่ผม ผมจะขอกลั้นใจตายเสียตรงนี้เลย…สาบานไม่เชื่อขอให้คนอ่านรวยเอ้า !

    เอ…ผมเกรงว่าคนอ่านชักจะเริ่มรวยแล้วแฮะ(ยังไงเสียอย่าลืมแบ่งผมบ้างนะคร๊าบ) เพราะคุณเธอที่แต่งตัวได้เปรี้ยวจนเสียวฟันนั่นน่ะ  ยกมือขึ้นขยับแว่นอันโต ก่อนจะลุกเดินมาที่ผมทันที…ซวยล่ะสิ !

    "พี่หมอกใช่มั้ยค้า" เสียงแหลมเล็ก ฟังแล้วเหมือนดัด ๆ ยังไงพิกลทักขึ้น…เล่นเอาผมขนลุกซู่เลยทีเดียว

    "คะ…ครับ"

    ผมตอบเสียงแผ่ว ๆ  เพราะยังรู้สึกตกใจ พร้อมกับแสบตาไปพร้อมกัน มิน่า เจ้าหล่อนถึงใส่แว่น สงสัยคงแสบตาสีเสื้อตัวเองเหมือนกัน

    แล้วผมก็ต้องแสบตารอบสอง เมื่อเจ้าหล่อนแย้มยิ้ม…จนเห็น…ฟันทอง… ครับ …ฟันทองของแท้พราวไปทั้งปาก…แม่เจ้าโวย…สุดยอดไปเลยครับท่าน…เฮี้ยนสุดยอดครับ

    "ต๊าย…ดีใจจังค่ะ หงษ์นึกว่าพี่หมอกจะไม่ยอมมาซะแล้ว"

    เจ้าหล่อนร้องเสียงแหลม พลางกระโดดเกาะหมับเข้าที่แขนผม ก่อนจะลากกูลู่กูถังไปยังโต๊ะที่คุณเธอเพิ่งจะเดินจากมา

    "หงษ์มารอตั้งแต่หกโมงแน่ะคะ…แหม…ตื่นเต๊น ตื่นเต้นนะคะเนี่ย คุณป้าช่างคิดอะไร กะติ๊ก…กะติกนะคะ"

    คุณน้องหงษ์พูดพร้อมกับยกมือปิดปากหัวเราะคิกคักชอบใจ พลางดึงผมให้นั่งเก้าอี้ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะวิ่งกระวีกระวาดไปนั่งฝั่งตรงข้าม

    "อะไรกะติกนะ?" ผมเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเกรงว่าหูจะฟังเพี้ยนเป็น 'กระติบ'

    "แหม…พี่หมอกก็ ไม่รู้จักหรือคะ โลกะติกน่ะ" เจ้าหล่อนว่าพลางกระเง้ากระงอด  ท่าทางนั้นทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พร้อมกับพยายามทำความเข้าใจกับความ 'โรแมนติก' ที่เพี้ยนจนเสียรูป

    "พี่หมอกหิวหรือยังคะ หงษ์น่ะ ยังไม่หิวหรอกค่ะ เพราะช่วงที่นั่งรอหงษ์ก็กินอะไรเล่น ๆ ไปบ้างแล้ว แต่พี่หมอกคงหิวแล้วมั้ง งั้นหงษ์สั่งอาหารเลยละกันนะคะ…น้อง ๆ อ้าว…มาพอดี พี่สั่งอาหารหน่อยนะ เอา…ผัดวุ้นเส้นขี้เมา กุ้งทอดเกลือ ต้มโคล้งปลากรอบ ยำทะเลรวมมิตร ข้าวเปล่าสองที่ แล้วก็…ที่สำคัญลืมไม่ได้ เบียร์เย็น ๆ หนึ่งขวดนะจ๊ะน้องจ๋า"

    ผมคงจะทำหน้าตาพิลึกพิลั่นพอสมควร เพราะพอเจ้าหล่อนร่ายรายการจบโดยไม่หยุดพักหายใจหายคอ คุณน้องหงษ์สุดเฮี้ยนก็หันกลับมาสงสัยใคร่รู้

    "เป็นอะไรไปค้า พี่หมอกขา…เอ๊ะ…หรือว่าไม่ชอบอาหารที่หงษ์สั่งคะ…เปลี่ยนก็ได้นะคะ…น้อง ๆ " คุณเธอโบกไม้โบกมือเรียกพนักงานจนผมต้องคว้ามือไว้

    "ไม่ต้องหรอกครับ พี่ทานได้"

    ผมห้ามเสียงหลง ก่อนจะรู้สึกเอะใจที่คนหัวฟูตรงหน้า ก้มหน้างุด ผมมองการเขินของเจ้าหล่อนแล้วก็หันกลับมองมือตัวเองที่กำลังกุมมือของคุณน้องไว้เสียแน่น …ผมรีบปล่อยทันที

    "แหม…พี่หมอกเนี่ยละก็"

    คุณน้องหงษ์พูดอย่างเอียงอาย พร้อมกับชักมือกลับอย่างช้า ๆ ก่อนจะม้วนตัวไปมาชนิดน้องโม ธาราทิพย์ นักยิมนาสติกลีลาที่ตัวอ่อนมาก ต้องมาขอคำแนะนำ …ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่…กลุ้มครับกลุ้ม หวังว่าไอ้อุบัติเหตุเมื่อครู่ คงไม่ทำให้น้องหงษ์หยกเธอเข้าใจผิดว่าผมมีใจนะเนี่ย…เฮ้อ…

    "ขอโทษครับ" ผมเอ่ยตามมารยาท พยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด

    "ไม่เป็นไรค่า…หงษ์ชอบ แบบปากว่ามือถึงเนี่ย…ฮิ…ฮิ"  เอากะคุณเธอสิครับ ท่าหัวเราะของน้องหงษ์ ทำให้ผมถึงกับผวา เพราะมันสามารถมองเห็นฟันทองซี่ในสุดเลยทีเดียว แถมเสียงหัวเราะดัด ๆ นั่น ยังชวนขนหัวลุกชอบกล !

    ตลอดเวลาของการรับประทานอาหารของผมกับน้องหงษ์…คงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครเป็นคนที่มีความสุขที่สุด แน่นอนว่าไม่ใช่ผมแน่ ๆ  น้องหงษ์หยกผูกขาดการสนทนาตลอดรายการ โดยมีผมนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ตอบรับบ้างเป็นบางครั้ง พยักหน้ารับเป็นบางคราว สำหรับอาหารมากมายที่น้องหงษ์เธอสั่งมา ผมก็แตะ ๆ บ้างนิดหน่อยพอเป็นพิธี ไม่ใช่ไม่ชอบ หรือไม่อร่อยหรอกครับ แต่ผมไม่อยากแย่งน้องหงษ์เธอ…

    ครับ…อาหารเต็มโต๊ะเกลี้ยงเกลาชนิดสุนัขมองหน้า ทั้ง ๆ ที่คุณน้องหงษ์เธอบอกว่าเธอรองท้องไปบ้างแล้วนะเนี่ย…แถมพอคำสุดท้ายถูกกลืนลงคอ ตามด้วยน้ำแก้วใหญ่ คุณน้องเธอก็เรอเอิ้ก …อย่างชนิดไม่อายใครแม้แต่น้อย….

    ความช่างพูด ช่างเจรจาของน้องหงษ์ ความจริงผมว่าน่าจะพอรู้ได้จากขนาดไฝตรงมุมปากของคุณน้องเธอนั่นแหละแต่การพูดของเธอทำให้ผมรู้ว่า น้องหงษ์เรียนจบแค่ ป.4 (ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าสมัยนี้ ยังเหลือคนเรียนจบ ป.4 อยู่อีก แต่ดูจากรสนิยมการแต่งตัวของคุณเธอแล้ว ก็พอรู้ละนะ) ตอนนี้ไม่ได้ทำงานเตรียมตัวเป็นแม่บ้าน (อันนี้คุณน้องแกพูดอย่างเต็มปากเต็มคำแถมชม้อยตามาทางผมจนผมต้องรีบหันไปมองทางอื่นทันที) เธอย้ำมาหลายครั้งว่าเป็นคนรักเด็ก และอยากเห็นสังคมมีแต่สันติภาพ (เอ…ชักเหมือนประกวดนางงามแฮะ) ถ้าได้ตำแหน่งจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด…เฮ้ย…ว่าแล้วไง

    _*_!

    ผมกลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่มหลังจากขับรถไปส่งน้องหงษ์ลงตรงปากซอย ผมไม่ได้เป็นคนไร้น้ำใจขนาดนั้นนะครับ แต่คุณน้องเธอนั่งยัน (ก็ตอนนั้นเธอนั่งอยู่ในรถ) ว่าจะลงตรงนี้ ผมก็ไม่ขัดข้องรีบจอดให้ลงทันที

    เปิดประตูเข้าบ้าน คุณน้ำรินนั่งรอต้อนรับพร้อมกับเจ้าเหนือที่ยังคงคุยโทรศัพท์กระซิบกระซาบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก กิจวัตรประจำวันของมันแหละ…ถ้าสายไม่ร้อนหรือไม่โดนแหนบ จ้างมันก็ไม่วาง

    "เป็นไงลูก น้องหงษ์น่ารักมั้ย" คุณน้ำรินถามทันทีเมื่อผมทรุดนั่ง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนตอบคำถาม

    "ก็…ดีครับ" เป็นไงครับคำตอบผม สั้น ๆ แต่ครอบคลุมทุกคำถาม ยังไงเสียผมก็ยังไม่อยากทำลายน้ำใจแม่ผมหรอกครับ ยิ่งเห็นสายตาคาดหวังอย่างนั้น ตอบเอาใจไว้ก่อน แม้จะตรงข้ามกับหัวใจ แต่ผมไม่อยากให้คืนนี้มันยาวนานมากเกินไปนัก

    "เห็นมั้ย แม่บอกแล้วว่าหนูหงษ์ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหนักหนา นิสัยก็ดี พูดก็เพราะ กิริยามารยาทก็เรียบร้อย แม่ว่าเหมาะกะแกที่สุดเลยเจ้าหมอก"

    คุณน้ำรินพูดจบแล้วก็หัวเราะชอบอกชอบใจ โดยไม่หันมามองผมเลยสักนิดว่าจะทำตาโตเป็นไข่ไดโนเสาร์ หรืออ้าปากกว้างกว่าอุโมงค์รถไฟกับคำบรรยายลักษณะน้องหงษ์ของคุณท่าน…ให้ตายเถอะ…แม่ผมโดนอะไรบังตาหนอ ถึงได้เห็นผู้หญิงอย่างน้องหงษ์ดีเลิศประเสริฐศรีขนาดนั้น แถมสรรพคุณต่าง ๆ ก็ช่างตรงข้ามกันอย่างกับฟ้าปะทะเหวเสียอย่างนั้น

    ผมจะทำอะไรได้ละทีนี้ได้แต่เพียงส่งยิ้มแหย ๆ ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำนอน ปล่อยให้แม่ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับยัยเหนือชอบเม้าท์อยู่ข้างหลัง วันนี้ผมโชคร้ายมามากแล้ว ขอนอนหลับให้สนิทชนิดไม่ฝันสักหน่อยเถอะครับ

    -_-,

    อากาศยามเช้าแสนสดใส กับต้นหมากรากไม้ในสวนที่กำชูดอกออกผลให้เจ้าของได้ชื่นใจ สร้างความสดชื่นให้กับผมได้เป็นอย่างดี เป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วละครับ สำหรับการตื่นเช้า แล้วก็ตรวจดูผลงานของตัวเอง ช่วงนี้ไม่ใช่เวลาเก็บเกี่ยวหรือต้องให้น้ำให้ปุ๋ย คนงานในสวนผมจึงเหลือไม่กี่คนส่วนใหญ่ก็เด็กในค่ายมวยพ่อผมแหละครับ นอกจากเด็กพวกนี้จะได้เงินพิเศษแล้ว ยังเป็นการฝึกกล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วนให้แข็งแรง ถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้ทั้งเหงื่อ ได้ทั้งเงินทีเดียว

    ผมเดินหิ้วกระติกกาแฟร้อน ๆ โดยหวังใจว่าจะไปนั่งละเลียดจิบพร้อมกับบรรยากาศตอนเช้าที่ศาลาริมบ่อปลา แต่แล้วผมก็ต้องชะงัก สถานที่สุดโปรดของผมมีคนจับจองเสียแล้วถึงสามคน หนึ่งคือเจ้าน้ำเหนือตัวแสบตัวป่วน อีกคนคือหนูอินหรืออินถวาเพื่อนซี้ยัยเหนือ…ส่วนอีกคน…คุณพระ…ช่วยไอ้หมอกด้วยเถอะ….

    ผู้หญิงผมยาวดำขลับเป็นมันถึงกลางหลัง บอกให้รู้ว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของเป็นอย่างดี ใบหน้ารูปไข่บรรจุดวงตากลมโตสดใส ปากเต็มอิ่มน่าสัมผัส กับจมูกนิด ๆ ช่างรับกันได้อย่างเหมาะเจาะ ไล่เรื่อยมาถึงลำคอระหง ทรวงอกอิ่มเอวคอดสะโพกผาย…โอย…หัวใจผมจะวาย…สุดยอดนางในฝัน…เธอเป็นใครกันเนี่ย

    "อ้าว น้าหมอก จะใช้สถานที่เรอะ" ยัยเหนือทักผม …แต่โทษทีครับ ผมไม่ฟังมันหรอก คำพูดของยัยเหนือเหมือนลมพัดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา…เพราะผมยังคงยืนอึ้งเป็นอิเหนาตอนรับไว้บุษบาอยู่เลย กระทั่งโดนสะกิดจนแทบคะมำนั่นแหละ

    "น้าหมอก…ตื่นได้แล้ว ไหนอวดนักอวดหนาไงว่าตื่นเช้าแล้วสดชื่น โม้นี่หว่า" ยัยเหนือกวนประสาทผม แม้จะไม่พอใจผมก็ยังไม่กล้าว้ากมันเหมือนอย่างเคย …ไม่ได้สิครับต่อหน้านางในเสปคต้องเป็นคนดีเข้าไว้

    "ตื่นแล้ว ๆ ว่าแต่แกเถอะ นึกยังไงถึงตื่นเช้าแล้วนึกยังไงเข้ามาก่อกวนที่สวนแต่เช้าเนี่ย" ปากผมถามแต่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าชวนฝันของหญิงสาวคนนั้น …ไม่ยักหลบตาแฮะ…แถมส่งสายตาประหลาด ๆ มาให้อีกต่างหากแล้วรู้สึกสายตาแบบนี้มันดูเหยียด ๆ ยังไงพิกล…ผมคิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย คนเพิ่งจะเคยพบกันจะมามองอย่างนั้นได้ไง…ผมปลอบตัวเอง

    "ไม่ได้มาก่อกวนซะหน่อย เหนือแค่จะขอยืมเป็นที่ติวเท่านั้นเอง" ยัยเหนือบอกเหตุผล ผมหันมายิ้มให้หลานก่อนจะขับเข้าไปใกล้สะกิดเบา ๆ ยัยเหนือเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาแสดงคำถาม

    "อะไรน้า?" มันรู้แกวกระซิบถามผมเบา ๆ "แนะนำหน่อยสิ" ผมกระซิบตอบพร้อมกับส่งสายตาไปยังสาวสวยผมยาวที่ตอนนี้อมยิ้มหน่อย ๆ …โอว…แม่คุณช่างน่ารักจริง ๆ

    "อ๋อ…" ยัยเหนือลากเสียงยาว "แฮ่ม…ลืมแนะนำไป น้าหมอกขา นี่…" ยัยเหนือเว้นจังหวะพลางผายมือส่งเป็นการแนะนำ "อินค่ะ…เพื่อนเหนือเอง เรานัดติวกันวันนี้" ยัยเหนือพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง…มันแกล้งผม ผมรู้

    "ยัยเหนือ!" ผมกระซิบเสียงลอดไรฟัน ยัยตัวแสบหันมาแสยะยิ้ม ก่อนจะกระซิบตอบผมว่า

    "ห้าร้อย" ดูมันสิครับท่าน นิสัยงกอย่างนี้ถ่ายทอดสปีชี่ส์มาจากพี่น่านเด๊ะ ๆ เลย

    "สองร้อย" ผมต่อรอง

    "สี่ร้อย" คราวนี้ผมส่ายหน้าบ้าง เมื่อเห็นผมไม่ยอมตกลง ยัยเหนือทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบอกว่า "สามร้อยห้าสิบ" ผมขอลดคราวนี้ยัยเหนือส่ายหน้าดิกพร้อมกับขยับถอยห่าง ผมรีบคว้าแขนมันไว้ด่วนจี๋

    "เอ้า…เท่าไหร่ว่ามา" ผมบอกอย่างใจป้ำ เห็นรอยยิ้มเป็นต่อของมันแล้วผมก็รู้สึกเสียว ๆ แต่ทำไงได้ เจอเสปคถูกใจยังไงก็ขอล้อคไว้ก่อน

    "พันหนึ่งขาดตัว…ถ้าไม่ก็โนเค" ไหมล่ะ ผมว่าแล้วอย่างเจ้าเหนือเรอะจะยอมขาดทุน

    "ตกลง" ผมตอบทันที เพราะคิดไว้แล้ว่า ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องมีใบเบิกทาง ยัยเหนือยิ้มอย่างพอใจ เมื่อได้รับคำตอบ มันหันกลับมาย้ำเสียงเขียว

    "เย็นนี้นา"

    "เออ" ผมรีบรับปาก นั่นแหละยัยเหนือถึงยอมหันกลับไปโก่งคอกระแอม

    "แฮ่ม ๆ แอ่น…แอ๊น…ลืมแนะนำไป น้าหมอก นี่พี่เต พี่สาวอิน ติวเตอร์เราเองแหละ" ยัยเหนือแนะนำ ผมยิ้มกระชับมิตรส่งไปทันที

    "พี่เตคะ นี่น้าหมอก น้าคนสุดท้องของเหนือเองค่ะ" พี่เตของยัยเหนือส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ผมพร้อมกับยกมือไหว้จนผมรับไหว้แทบไม่ทัน

    "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ น้าหมอก" เสียงนุ่ม ๆ ชวนฝันที่ตอบกลับมา ทำให้ผมสะดุดตรง 'น้าหมอก' นี่แหละครับ

     "เรียกพี่ก็ได้มั้ง อย่าให้ถึงกับน้าเลยนะครับ เรียกน้าให้สองคนนั้นเค้าเรียกไปดีกว่า" ผมรีบออกตัว…โธ่ …อยู่ต่อหน้าสาวสวย ใครมันจะไปยอมแก่ละครับ และอีกอย่าง ความจริงผมก็ยังไม่แก่สักหน่อย อย่างผมเนี่ยเขาเรียกว่า 'หนุ่มจัด' ต่างหากละครับ พี่เตของยัยเหนือ ซึ่งกลายเป็นน้องเตของผม ยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับหลบตา ท่าทางนั้นทำให้ผมต้องรีบเปลี่ยนกริยาเสียใหม่

    คุณน้องเตไม่ยักกะตอบคำถามผมแฮะ กลับส่งยิ้มหวาน ๆ ประหลาด ๆ มาให้ผมแทน …แต่ถึงจะประหลาดยังไง ก็ยังสวยอยู่ดีละครับ

    "เรียกพี่ได้ไหม แล้วพี่จะให้กินขนมหมื่นห้า ถ้าเรียกน้าลดมาห้าพัน เรียกลุงเลิกกัน…." เสียงร้องประสานเสียงดังขึ้นจากสองตัวแสบ ผมหันไปมองปรามเพื่อให้ทั้งคู่หยุด ก่อนจะหันกลับมาทางน้องเตอีกครั้ง

    "จะติววิชาอะไรกันครับ" ผมพยายามเก็กเสียงให้ดูหล่อที่สุด น้องเตยิ้มสวยก่อนจะบอกผมเบา ๆ ว่า

    "คณิตศาสตร์ค่ะ" พูดจบเธอก็หลบตาผมนั่นทำให้ผมรู้สึกตัวว่า ผมคงแสดงความรู้สึกโจ่งแจ้งเกินไป ผมปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอย่างยากเย็นอีกแล้ว…โธ่…ก็เวลาเจอคนที่ถูกใจอย่างจังแบบนี้ คนที่ไม่ค่อยเก็บความรู้สึกอย่างผม มันเก็บไม่ค่อยมิดเสียด้วยสิ

    "เออ…แล้วทานอะไรกันหรือยังครับนี่…สนใจทานข้าวด้วยกันมั้ยครับ" ผมกลบเกลื่อนอาการด้วยมารยาทแบบไทย ๆ นั่นคือ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่อยากรบกวน" น้องเตปฏิเสธเสียงนุ่ม

    "โอ้ย…ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ…ดีซะอีกผมจะได้มีเพื่อนกินข้าว…นะครับ" ผมรีบรุก

    "ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ..อีกอย่าง เราก็กำลังจะย้ายที่เรียนกันพอดี" น้องเตปฏิเสธผมอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าเกรงใจสุดฤทธิ์ ซึ่งผมมองแล้วเห็นว่าน่าเอ็นดูเป็นที่สุด

    "อ้าว…ทำไมไม่เรียนที่นี่ซะละครับ" ผมถามงง ๆ หัวใจหล่นวูบเพราะกำลังนึกอยู่ว่า คงได้มีโอกาสใกล้ชิดสาวสวยนามน้องเตทั้งวัน

    "คือ …เต…เพิ่งนึกได้ว่าลืมเอาหนังสือที่จะสอนน้องมาน่ะค่ะ…อีกอย่างที่นี่ก็ไม่มีกระดานด้วย เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะคะ" น้องเตบอกผมด้วยสีหน้าเกรงใจ…คำพูดของน้องเตจุดความหวังในหัวใจริบหรี่ของผมทันที

    "งั้นโอกาสหน้าพี่หวังว่าจะมีโอกาสเลี้ยงข้าวน้องเตสักมื้อนะครับ" เห็นมั้ยครับว่าผมเป็นสิงห์ปืนไวขนาดไหน

    "เอ่อ…ก็ได้ค่ะ…ไว้คราวหน้า" น้องเตบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับจะเดินเลี่ยง ผมรีบชิงดักหน้าไว้ก่อน …โธ่…ไม่ใช่อะไรหรอกครับ นัดนี้มันยังไม่กระจ่าง ถึงผมจะรู้สึกเสียใจหน่อย ๆ กับการทำให้น้องเตตกใจ…แต่ผมต้องทำครับ…เพื่อหัวใจผมเอง

    "เดี๋ยวครับเดี๋ยว…แล้วคราวหน้าเนี่ย เมื่อไหร่ดีครับ แล้วผมจะติดต่อน้องเตได้ยังไง…คือ…แบบว่า…ไม่มีเบอร์นะครับ" ผมอธิบายเชิงรุกให้หน้าสวย ๆ ที่กำลังตระหนกนั้นคลายลง…น้องเตช่างเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลเหลือเกิน เพราะพอผมพูดจบปุ๊บ เธอก็ยิ้มหวานรับปั๊บ

    "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเตจะฝากเหนือมาแล้วกันนะคะ ลาล่ะค่ะ" พูดจบเธอก็เดินผ่านผมไป ชั่วขณะที่เฉียดกราย ผมอุปาทานได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่สะดุดใจได้อย่างประหลาดจากเธอ…

    "น้าหมอก…เย็นนี้อย่าลืม พันหนึ่ง" ยัยเหนือกระซิบเสียงเหี้ยม ก่อนจะผละจากไป …แล้วมันก็ชะงักก่อนจะถอยหลังกลับมากระซิบอีกรอบว่า "ถ้าอยากได้รายละเอียดเยอะกว่านี้…ต้องอีกเท่าตัว" พูดจบมันก็วิ่งปรูดไปไม่ให้ผมได้ต่อรอง…ยัยหลานเนื้อเค็ม …เหมือนแม่บวกยายยังไงยังงั้นเล้ย…ผับผ่า

    แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าลงทุนแล้วได้ในสิ่งที่ต้องการ เท่าไหร่ผมยอมทุ่มอยู่แล้ว…เฮ้อ…ผมชักอยากให้พระอาทิตย์ตกเร็ว ๆ จริงแฮะ….

    ^_^

    เสียงตึงตังขึ้นบันได ทำกระท่อมไม้ไผ่สะเทือน ชนิดไม่กลัวทรุด จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าเหนือ หลานตัวแสบของผม แต่วันนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นพิเศษที่รู้ว่าน้ำเหนือมา…ทำไมนะรึ แหะ แหะ ก็เจ้าเหนือจะพาความลับคับหัวใจมาให้ผมได้กระจ่างไงครับ น้ำเหนือเปิดประตูเยี่ยมหน้าเข้ามามองเมียง พอเห็นผมอยู่หน้าคอมฯ มันก็กระโดดผลุงมานั่งเก้าอี้ตัวโปรดพร้อมกับแบมือกระดิกยิก ๆ ยื่นมาหน้าผม

    "อะไร?" ผมทำไก๋ ยัยเหนือถอนหายใจพรืดใหญ่

    "ธ่อ…เงี้ยแหละคนแก่ ยังไม่ทันข้ามวันเล้ย ลืมซะแระ สมองปลาทองจริงเลย" เห็นมั้ยครับ มันหาทางด่าผมจนได้ยัยตัวแสบ

    "ก็ด้าย…ไม่จ่าย ก็ไม่ต้องรู้รายละเอียดล่ะ" ไม่พูดเปล่ายัยเหนือดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ผมต้องรีบเอาแบงค์พันไปโบกสะบัดตรงหน้ามันนั่นแหละ ยัยตัวแสบถึงได้ยิ้มออก คว้าแบงค์จากมือผมเก็บพับใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถอยกลับไปนั่งที่เดิม ผมรีบย้ายเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้าม โน้มหน้าเข้าไปใกล้กระซิบถามมันเบา ๆ (ยังกะเป็นความลับระดับชาติเชียวนะเนี่ย)

    "ว่าไงรายละเอียด"

    เจ้าเหนือยิ้มอย่างเป็นต่อก่อนจะแบมือมาตรงหน้าผม ผมมองแววตาเจ้าเล่ห์ของมันอย่างรู้ทัน

    "อะไร…ยังไม่อ้าปากเลย ต้องจ่ายแล้วเรอะ" ผมท้วงเบา ๆ

    "เขาเรียกว่าใบเบิกทางไงน้า …ไม่มากหรอกร้อยเดียวเอง" น้ำเหนือต่อรอง ผมส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหยิบแบงค์ร้อยยื่นให้ยัยตัวแสบที่กรีดแบงค์ก่อนพับเข้ากระเป๋า ผมรอฟังอย่างใจจดจ่อ

    "พี่เตน่ะ…ชื่อจริงชื่อสเลเต เป็นพี่สาวอินถวาลูกสาวคนโตของพ่อผู้ใหญ่โกสนกะแม่ราตรีไง จำได้ปะ" น้ำเหนือเริ่ม ผมครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะนึกได้ว่าเคยได้ยินชื่อ

    "สเลเต…ชื่อแปลกดีนะ แล้วไงต่อ"

    "ก็พี่เตเนี่ยแหละ เค้าเพิ่งเรียนจบจากกรุงเทพ ตอนนี้กลับมาเป็นคุณครูสอนอยู่โรงเรียนอนุบาล…" เจ้าเหนือหยุดกึกเหมือนโดนสับสวิตซ์น้ำลาย แต่กลไกมือยังทำงาน เพราะยังคงยื่นมาแบตรงหน้าผมได้…พอผมวางแบงค์ร้อย กลไกน้ำลายมันก็ทำงานต่อ

    "พี่เตเป็นผู้หญิงนิสัยดี ถึงดีมาก แต่เห็นนิ่ง ๆ อย่าคิดว่าหงิม ๆ เป็นแมวเซานะ…พอถึงเวลาโหดก็ใช่ย่อยเหมือนกัน เหนือเคยเจอที โห…น่ากลัวกว่าแม่อีก พี่เตชอบสีฟ้าที่สุด ชอบอ่านหนังสือนิยายเป็นชีวิตจิตใจ รักความยุติธรรม รักเด็ก ๆ ๆ ๆ ๆ"

    เสียงเจ้าเหนือเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จนผมต้องวางแบงค์ร้อยอีกใบ…ก็ยังตกร่องเหมือนเดิม กระทั่งมีแบงค์ร้อยห้าใบเรียงซ้อนกันอยู่ในมือนั่นแหละ ยัยตัวแสบถึงได้พูดต่อ

    "อีกอย่างนะน้าหมอก…สำคัญมั่กมาก" ยัยเหนือว่าหน้าตาจริงจัง จนผมต้องขยับไปใกล้มันอีก

    "อะไร?"

    "พี่เตเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ที่สุดในโลก เพราะที่พี่เตต้องกลับมาทำงานที่บ้าน…เพราะถูกผู้ชายเจ้าชูหักอกมา" ยัยเหนือหน้าตาจริงจังประกอบคำอธิบาย ผมนึกเข่นเขี้ยวผู้ชายงี่เง่าคนนั้นอยู่ในใจ …ไอ้ผู้ชายคนนั้นคงตาถั่วพิลึกที่มองข้ามผู้หญิงอย่างน้องเตไปได้ โดยไม่ให้ความสำคัญ…แต่เอ…จะว่าไปอย่างผมเนี่ย เข้าข่ายผู้ชายเจ้าชู้หรือเปล่าหนอ…คงไม่ใช่หรอกมั้ง เพราะผมแค่ตกหลุมรักบ่อยเท่านั้นเอง

    "แล้วอีกอย่างพี่เตเค้าชอบคนจริงใจนะน้าหมอก แบบว่าพูดตรง ๆ อะไรเงี้ย…หมดล่ะ" เจ้าเหนือบอกง่าย ๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นจนผมตกใจ

    "เฮ้ย…อะไรวะ จ่ายไปตั้งเยอะได้นิดเดียวเอง" ผมโวยวาย

    "ก็น้าจะอยากรู้อะไรอีกเล่า…เอาไว้อยากรู้อะไรเพิ่มค่อยมาซื้อก็แล้วกัน เหนือหิวข้าวแล้ว" ยัยตัวแสบโวยกลับพร้อมกับจะเดินจากไป ผมรีบพรวดพราด เข้าไปขวางหน้าพร้อมกับโชว์แบงค์พันหลอกล่อ

    "ถ้าแกตอบทุกข้อซักถาม ใบนี้เป็นของแก" ผมเกลี้ยกล่อม ก่อนจะเร่งเมื่อเห็นเจ้าเหนือจ้องแบงค์พันไม่วางตา "น่า…ตกลงเหอะ" ได้ผลครับยัยตัวดีรีบคว้าเงินหมับ ก่อนจะขยับไปนั่งที่เดิมอย่างรวดเร็ว มันนั่งไขว่ห้างกอดอก พร้อมกับทำสีหน้าว่ารำคาญเสียเต็มประดา

    "เอ้า…น้าอยากรู้อะไรถามมา เดี๋ยวเหนือตอบให้ แต่ถ้าคำถามไหนตอบไม่ได้ น้าต้องมีค่าจ้างสืบนา"

    เห็นมั้ยครับว่า คุณหลานท่านประเสริฐขนาดไหน …แต่ในขณะนี้สำหรับผมแล้ว ใบหน้าสวยหวานกับผมยาวดำขลับของผู้หญิงชื่อแปลก กำลังบดบังกระเป๋าสตางค์ของผมอย่างมิดชิด แม้เจ้าเหนือจะกลับไปกินข้าวไม่ทันในวันนั้น แต่แบงค์หลายใบที่ปลิวจากมือผม ไปเข้ากระเป๋า ก็ทำให้คุณหลานอิ่มท้องไปหลายวัน

    ผมไม่ได้เสียดมเสียดายเงินหรอกครับ อย่างไรก็คิดเสียว่าให้หลาน…แลกกับเรื่องที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ แค่นี้เรื่องจิ๊บ ๆ …แต่…คุณครับ ! ความสุขมาเยือนผมได้เพียงไม่กี่วัน…ความทุกข์ก็เข้ามาแทรก…ทุกข์ที่ว่าคือ…'หนูหงษ์' ไงครับ !

    (_ _)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×