คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แสบ...ยกสอง
เล่ห์รักตามหลัก แสบ
2
'เดิ่น' ในภาษาอีสานบ้านผม หมายถึงลานกว้าง ๆ ที่มักใช้ทำกิจกรรมได้หลากหลาย ร้าน 'กลางเดิ่น' ที่ท่านแม่ผม 'นัดบอด' ก็กินความตามนั้น เพราะร้านอาหารกึ่งคาราโอเกะแห่งนี้ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาเลยทีเดียว อ๊ะ แต่อย่าคิดว่าอยู่อย่างนี้แล้วจะไม่มีคนมาหาความสำราญนะครับ ตรงกันข้าม ร้านกลางเดิ่นตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะมาก ก กล่าวคือ สถานที่ตั้งร้าน เป็นทางผ่านจากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง ถึงสามเส้นทางเลยทีเดียว
เวลาทุ่มสิบห้าที่ผมเหยียบย่างเข้าร้าน เป็นเวลาที่คนค่อนข้างพลุกพล่าน ความจริงจะว่าไปแล้วผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการดูตัวแบบนิยายน้ำเน่าที่แม่ผมทำไหรอก แต่ไอ้ความเป็นคนรักษาคำพูด และไม่อยากทำร้ายน้ำใจใครทำให้ผม 'จำเป็น' ต้องมาปฏิบัติภาระกิจนี้ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ผมก็คอยปลอบตัวเองตั้งแต่ออกจากบ้านว่า 'เดี๋ยวเดียวน่า'
ผมสอดส่ายสายตาหาคู่นัดของผม คู่นัดที่คุณน้ำรินท่านไม่ได้บอกรูปพรรณสัณฐานเสียด้วย คิดมาถึงตงนี้ผมก็อยากจะขออนุญาติคุณผู้อ่านยกมือขึ้นเกาศีรษะสักหลาย ๆ แกรกก่อนนะครับ ก็แหม มันค่อนข้างจะจนปัญญาสักหน่อย มาเจอคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่งโต๊ะเบอร์ไหน เป็นคุณจะทำยังไงล่ะครับ !
แต่ผมก็ไม่ต้องรอนานหรอกครับ แค่ผมเกา 'ว่าที่' ที่อยู่ของเหาได้สักแกรกสองแกรก ผมก็รู้สึกท้ายทอยเย็นวาบ ความรู้สึกขณะนั้น เหมือนนิยายผีที่ผมเคยอ่านยังไงยังงั้นเลยครับท่าน !
ผมค่อย ๆ หันกลับไปอย่างช้า ๆ ชนิด ดับเบิ้ลสโลว์โมชั่น ทันทีที่สายตาผมหันไปจ๊ะเอ๋กับคนที่นั่งจ้องผมอยู่ตรงโต๊ะมุมสุดของร้าน ผมถึงได้ร้องอ้ออยู่ในใจ ว่าเหตุไฉนผมถึงรู้สึกเย็นท้ายทอย
ผู้หญิงผมหยิกฟูตีโป่งทรงคุณหญิงออกงาน ผูกคาดอย่างเก๋ไก๋ด้วยผ้าสีส้มสะท้อนแสงผืนโต ซึ่งดูเหมือนจะเข้าชุดกับเสื้อแขนย้วยสีเดียวกัน ใบหน้ากว่าครึ่งถูกบดบังไว้ด้วยแว่นตาสีชาอันโต(ทั้งที่เป็นเวลาฟ้ามืด !) แต่ก็ดูไม่เด่นเท่าไฝเม็ดเป้งตรงมุมปากของเจ้าหล่อน
คุณจะรู้สึกยังไงไม่ทราบ แต่ผม ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น เปล่านะครับอย่าเข้าใจผิดว่าผมรสนิยมย้อนยุคนา ที่ผมบอกว่าหัวใจจะหยุดเต้นน่ะ ก็เพราะผมพาลคิดไปว่า ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นคือ 'หนูหงษ์' ของคุณน้ำรินแม่ผม ผมจะขอกลั้นใจตายเสียตรงนี้เลย สาบานไม่เชื่อขอให้คนอ่านรวยเอ้า !
เอ ผมเกรงว่าคนอ่านชักจะเริ่มรวยแล้วแฮะ(ยังไงเสียอย่าลืมแบ่งผมบ้างนะคร๊าบ) เพราะคุณเธอที่แต่งตัวได้เปรี้ยวจนเสียวฟันนั่นน่ะ ยกมือขึ้นขยับแว่นอันโต ก่อนจะลุกเดินมาที่ผมทันที ซวยล่ะสิ !
"พี่หมอกใช่มั้ยค้า" เสียงแหลมเล็ก ฟังแล้วเหมือนดัด ๆ ยังไงพิกลทักขึ้น เล่นเอาผมขนลุกซู่เลยทีเดียว
"คะ ครับ"
ผมตอบเสียงแผ่ว ๆ เพราะยังรู้สึกตกใจ พร้อมกับแสบตาไปพร้อมกัน มิน่า เจ้าหล่อนถึงใส่แว่น สงสัยคงแสบตาสีเสื้อตัวเองเหมือนกัน
แล้วผมก็ต้องแสบตารอบสอง เมื่อเจ้าหล่อนแย้มยิ้ม จนเห็น ฟันทอง ครับ ฟันทองของแท้พราวไปทั้งปาก แม่เจ้าโวย สุดยอดไปเลยครับท่าน เฮี้ยนสุดยอดครับ
"ต๊าย ดีใจจังค่ะ หงษ์นึกว่าพี่หมอกจะไม่ยอมมาซะแล้ว"
เจ้าหล่อนร้องเสียงแหลม พลางกระโดดเกาะหมับเข้าที่แขนผม ก่อนจะลากกูลู่กูถังไปยังโต๊ะที่คุณเธอเพิ่งจะเดินจากมา
"หงษ์มารอตั้งแต่หกโมงแน่ะคะ แหม ตื่นเต๊น ตื่นเต้นนะคะเนี่ย คุณป้าช่างคิดอะไร กะติ๊ก กะติกนะคะ"
คุณน้องหงษ์พูดพร้อมกับยกมือปิดปากหัวเราะคิกคักชอบใจ พลางดึงผมให้นั่งเก้าอี้ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะวิ่งกระวีกระวาดไปนั่งฝั่งตรงข้าม
"อะไรกะติกนะ?" ผมเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเกรงว่าหูจะฟังเพี้ยนเป็น 'กระติบ'
"แหม พี่หมอกก็ ไม่รู้จักหรือคะ โลกะติกน่ะ" เจ้าหล่อนว่าพลางกระเง้ากระงอด ท่าทางนั้นทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พร้อมกับพยายามทำความเข้าใจกับความ 'โรแมนติก' ที่เพี้ยนจนเสียรูป
"พี่หมอกหิวหรือยังคะ หงษ์น่ะ ยังไม่หิวหรอกค่ะ เพราะช่วงที่นั่งรอหงษ์ก็กินอะไรเล่น ๆ ไปบ้างแล้ว แต่พี่หมอกคงหิวแล้วมั้ง งั้นหงษ์สั่งอาหารเลยละกันนะคะ น้อง ๆ อ้าว มาพอดี พี่สั่งอาหารหน่อยนะ เอา ผัดวุ้นเส้นขี้เมา กุ้งทอดเกลือ ต้มโคล้งปลากรอบ ยำทะเลรวมมิตร ข้าวเปล่าสองที่ แล้วก็ ที่สำคัญลืมไม่ได้ เบียร์เย็น ๆ หนึ่งขวดนะจ๊ะน้องจ๋า"
ผมคงจะทำหน้าตาพิลึกพิลั่นพอสมควร เพราะพอเจ้าหล่อนร่ายรายการจบโดยไม่หยุดพักหายใจหายคอ คุณน้องหงษ์สุดเฮี้ยนก็หันกลับมาสงสัยใคร่รู้
"เป็นอะไรไปค้า พี่หมอกขา เอ๊ะ หรือว่าไม่ชอบอาหารที่หงษ์สั่งคะ เปลี่ยนก็ได้นะคะ น้อง ๆ " คุณเธอโบกไม้โบกมือเรียกพนักงานจนผมต้องคว้ามือไว้
"ไม่ต้องหรอกครับ พี่ทานได้"
ผมห้ามเสียงหลง ก่อนจะรู้สึกเอะใจที่คนหัวฟูตรงหน้า ก้มหน้างุด ผมมองการเขินของเจ้าหล่อนแล้วก็หันกลับมองมือตัวเองที่กำลังกุมมือของคุณน้องไว้เสียแน่น ผมรีบปล่อยทันที
"แหม พี่หมอกเนี่ยละก็"
คุณน้องหงษ์พูดอย่างเอียงอาย พร้อมกับชักมือกลับอย่างช้า ๆ ก่อนจะม้วนตัวไปมาชนิดน้องโม ธาราทิพย์ นักยิมนาสติกลีลาที่ตัวอ่อนมาก ต้องมาขอคำแนะนำ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ กลุ้มครับกลุ้ม หวังว่าไอ้อุบัติเหตุเมื่อครู่ คงไม่ทำให้น้องหงษ์หยกเธอเข้าใจผิดว่าผมมีใจนะเนี่ย เฮ้อ
"ขอโทษครับ" ผมเอ่ยตามมารยาท พยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด
"ไม่เป็นไรค่า หงษ์ชอบ แบบปากว่ามือถึงเนี่ย ฮิ ฮิ" เอากะคุณเธอสิครับ ท่าหัวเราะของน้องหงษ์ ทำให้ผมถึงกับผวา เพราะมันสามารถมองเห็นฟันทองซี่ในสุดเลยทีเดียว แถมเสียงหัวเราะดัด ๆ นั่น ยังชวนขนหัวลุกชอบกล !
ตลอดเวลาของการรับประทานอาหารของผมกับน้องหงษ์ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครเป็นคนที่มีความสุขที่สุด แน่นอนว่าไม่ใช่ผมแน่ ๆ น้องหงษ์หยกผูกขาดการสนทนาตลอดรายการ โดยมีผมนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ตอบรับบ้างเป็นบางครั้ง พยักหน้ารับเป็นบางคราว สำหรับอาหารมากมายที่น้องหงษ์เธอสั่งมา ผมก็แตะ ๆ บ้างนิดหน่อยพอเป็นพิธี ไม่ใช่ไม่ชอบ หรือไม่อร่อยหรอกครับ แต่ผมไม่อยากแย่งน้องหงษ์เธอ
ครับ อาหารเต็มโต๊ะเกลี้ยงเกลาชนิดสุนัขมองหน้า ทั้ง ๆ ที่คุณน้องหงษ์เธอบอกว่าเธอรองท้องไปบ้างแล้วนะเนี่ย แถมพอคำสุดท้ายถูกกลืนลงคอ ตามด้วยน้ำแก้วใหญ่ คุณน้องเธอก็เรอเอิ้ก อย่างชนิดไม่อายใครแม้แต่น้อย .
ความช่างพูด ช่างเจรจาของน้องหงษ์ ความจริงผมว่าน่าจะพอรู้ได้จากขนาดไฝตรงมุมปากของคุณน้องเธอนั่นแหละแต่การพูดของเธอทำให้ผมรู้ว่า น้องหงษ์เรียนจบแค่ ป.4 (ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าสมัยนี้ ยังเหลือคนเรียนจบ ป.4 อยู่อีก แต่ดูจากรสนิยมการแต่งตัวของคุณเธอแล้ว ก็พอรู้ละนะ) ตอนนี้ไม่ได้ทำงานเตรียมตัวเป็นแม่บ้าน (อันนี้คุณน้องแกพูดอย่างเต็มปากเต็มคำแถมชม้อยตามาทางผมจนผมต้องรีบหันไปมองทางอื่นทันที) เธอย้ำมาหลายครั้งว่าเป็นคนรักเด็ก และอยากเห็นสังคมมีแต่สันติภาพ (เอ ชักเหมือนประกวดนางงามแฮะ) ถ้าได้ตำแหน่งจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เฮ้ย ว่าแล้วไง
_*_!
ผมกลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่มหลังจากขับรถไปส่งน้องหงษ์ลงตรงปากซอย ผมไม่ได้เป็นคนไร้น้ำใจขนาดนั้นนะครับ แต่คุณน้องเธอนั่งยัน (ก็ตอนนั้นเธอนั่งอยู่ในรถ) ว่าจะลงตรงนี้ ผมก็ไม่ขัดข้องรีบจอดให้ลงทันที
เปิดประตูเข้าบ้าน คุณน้ำรินนั่งรอต้อนรับพร้อมกับเจ้าเหนือที่ยังคงคุยโทรศัพท์กระซิบกระซาบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก กิจวัตรประจำวันของมันแหละ ถ้าสายไม่ร้อนหรือไม่โดนแหนบ จ้างมันก็ไม่วาง
"เป็นไงลูก น้องหงษ์น่ารักมั้ย" คุณน้ำรินถามทันทีเมื่อผมทรุดนั่ง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนตอบคำถาม
"ก็ ดีครับ" เป็นไงครับคำตอบผม สั้น ๆ แต่ครอบคลุมทุกคำถาม ยังไงเสียผมก็ยังไม่อยากทำลายน้ำใจแม่ผมหรอกครับ ยิ่งเห็นสายตาคาดหวังอย่างนั้น ตอบเอาใจไว้ก่อน แม้จะตรงข้ามกับหัวใจ แต่ผมไม่อยากให้คืนนี้มันยาวนานมากเกินไปนัก
"เห็นมั้ย แม่บอกแล้วว่าหนูหงษ์ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหนักหนา นิสัยก็ดี พูดก็เพราะ กิริยามารยาทก็เรียบร้อย แม่ว่าเหมาะกะแกที่สุดเลยเจ้าหมอก"
คุณน้ำรินพูดจบแล้วก็หัวเราะชอบอกชอบใจ โดยไม่หันมามองผมเลยสักนิดว่าจะทำตาโตเป็นไข่ไดโนเสาร์ หรืออ้าปากกว้างกว่าอุโมงค์รถไฟกับคำบรรยายลักษณะน้องหงษ์ของคุณท่าน ให้ตายเถอะ แม่ผมโดนอะไรบังตาหนอ ถึงได้เห็นผู้หญิงอย่างน้องหงษ์ดีเลิศประเสริฐศรีขนาดนั้น แถมสรรพคุณต่าง ๆ ก็ช่างตรงข้ามกันอย่างกับฟ้าปะทะเหวเสียอย่างนั้น
ผมจะทำอะไรได้ละทีนี้ได้แต่เพียงส่งยิ้มแหย ๆ ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำนอน ปล่อยให้แม่ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับยัยเหนือชอบเม้าท์อยู่ข้างหลัง วันนี้ผมโชคร้ายมามากแล้ว ขอนอนหลับให้สนิทชนิดไม่ฝันสักหน่อยเถอะครับ
-_-,
อากาศยามเช้าแสนสดใส กับต้นหมากรากไม้ในสวนที่กำชูดอกออกผลให้เจ้าของได้ชื่นใจ สร้างความสดชื่นให้กับผมได้เป็นอย่างดี เป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วละครับ สำหรับการตื่นเช้า แล้วก็ตรวจดูผลงานของตัวเอง ช่วงนี้ไม่ใช่เวลาเก็บเกี่ยวหรือต้องให้น้ำให้ปุ๋ย คนงานในสวนผมจึงเหลือไม่กี่คนส่วนใหญ่ก็เด็กในค่ายมวยพ่อผมแหละครับ นอกจากเด็กพวกนี้จะได้เงินพิเศษแล้ว ยังเป็นการฝึกกล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วนให้แข็งแรง ถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้ทั้งเหงื่อ ได้ทั้งเงินทีเดียว
ผมเดินหิ้วกระติกกาแฟร้อน ๆ โดยหวังใจว่าจะไปนั่งละเลียดจิบพร้อมกับบรรยากาศตอนเช้าที่ศาลาริมบ่อปลา แต่แล้วผมก็ต้องชะงัก สถานที่สุดโปรดของผมมีคนจับจองเสียแล้วถึงสามคน หนึ่งคือเจ้าน้ำเหนือตัวแสบตัวป่วน อีกคนคือหนูอินหรืออินถวาเพื่อนซี้ยัยเหนือ ส่วนอีกคน คุณพระ ช่วยไอ้หมอกด้วยเถอะ .
ผู้หญิงผมยาวดำขลับเป็นมันถึงกลางหลัง บอกให้รู้ว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของเป็นอย่างดี ใบหน้ารูปไข่บรรจุดวงตากลมโตสดใส ปากเต็มอิ่มน่าสัมผัส กับจมูกนิด ๆ ช่างรับกันได้อย่างเหมาะเจาะ ไล่เรื่อยมาถึงลำคอระหง ทรวงอกอิ่มเอวคอดสะโพกผาย โอย หัวใจผมจะวาย สุดยอดนางในฝัน เธอเป็นใครกันเนี่ย
"อ้าว น้าหมอก จะใช้สถานที่เรอะ" ยัยเหนือทักผม แต่โทษทีครับ ผมไม่ฟังมันหรอก คำพูดของยัยเหนือเหมือนลมพัดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะผมยังคงยืนอึ้งเป็นอิเหนาตอนรับไว้บุษบาอยู่เลย กระทั่งโดนสะกิดจนแทบคะมำนั่นแหละ
"น้าหมอก ตื่นได้แล้ว ไหนอวดนักอวดหนาไงว่าตื่นเช้าแล้วสดชื่น โม้นี่หว่า" ยัยเหนือกวนประสาทผม แม้จะไม่พอใจผมก็ยังไม่กล้าว้ากมันเหมือนอย่างเคย ไม่ได้สิครับต่อหน้านางในเสปคต้องเป็นคนดีเข้าไว้
"ตื่นแล้ว ๆ ว่าแต่แกเถอะ นึกยังไงถึงตื่นเช้าแล้วนึกยังไงเข้ามาก่อกวนที่สวนแต่เช้าเนี่ย" ปากผมถามแต่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าชวนฝันของหญิงสาวคนนั้น ไม่ยักหลบตาแฮะ แถมส่งสายตาประหลาด ๆ มาให้อีกต่างหากแล้วรู้สึกสายตาแบบนี้มันดูเหยียด ๆ ยังไงพิกล ผมคิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย คนเพิ่งจะเคยพบกันจะมามองอย่างนั้นได้ไง ผมปลอบตัวเอง
"ไม่ได้มาก่อกวนซะหน่อย เหนือแค่จะขอยืมเป็นที่ติวเท่านั้นเอง" ยัยเหนือบอกเหตุผล ผมหันมายิ้มให้หลานก่อนจะขับเข้าไปใกล้สะกิดเบา ๆ ยัยเหนือเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาแสดงคำถาม
"อะไรน้า?" มันรู้แกวกระซิบถามผมเบา ๆ "แนะนำหน่อยสิ" ผมกระซิบตอบพร้อมกับส่งสายตาไปยังสาวสวยผมยาวที่ตอนนี้อมยิ้มหน่อย ๆ โอว แม่คุณช่างน่ารักจริง ๆ
"อ๋อ " ยัยเหนือลากเสียงยาว "แฮ่ม ลืมแนะนำไป น้าหมอกขา นี่ " ยัยเหนือเว้นจังหวะพลางผายมือส่งเป็นการแนะนำ "อินค่ะ เพื่อนเหนือเอง เรานัดติวกันวันนี้" ยัยเหนือพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง มันแกล้งผม ผมรู้
"ยัยเหนือ!" ผมกระซิบเสียงลอดไรฟัน ยัยตัวแสบหันมาแสยะยิ้ม ก่อนจะกระซิบตอบผมว่า
"ห้าร้อย" ดูมันสิครับท่าน นิสัยงกอย่างนี้ถ่ายทอดสปีชี่ส์มาจากพี่น่านเด๊ะ ๆ เลย
"สองร้อย" ผมต่อรอง
"สี่ร้อย" คราวนี้ผมส่ายหน้าบ้าง เมื่อเห็นผมไม่ยอมตกลง ยัยเหนือทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบอกว่า "สามร้อยห้าสิบ" ผมขอลดคราวนี้ยัยเหนือส่ายหน้าดิกพร้อมกับขยับถอยห่าง ผมรีบคว้าแขนมันไว้ด่วนจี๋
"เอ้า เท่าไหร่ว่ามา" ผมบอกอย่างใจป้ำ เห็นรอยยิ้มเป็นต่อของมันแล้วผมก็รู้สึกเสียว ๆ แต่ทำไงได้ เจอเสปคถูกใจยังไงก็ขอล้อคไว้ก่อน
"พันหนึ่งขาดตัว ถ้าไม่ก็โนเค" ไหมล่ะ ผมว่าแล้วอย่างเจ้าเหนือเรอะจะยอมขาดทุน
"ตกลง" ผมตอบทันที เพราะคิดไว้แล้ว่า ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องมีใบเบิกทาง ยัยเหนือยิ้มอย่างพอใจ เมื่อได้รับคำตอบ มันหันกลับมาย้ำเสียงเขียว
"เย็นนี้นา"
"เออ" ผมรีบรับปาก นั่นแหละยัยเหนือถึงยอมหันกลับไปโก่งคอกระแอม
"แฮ่ม ๆ แอ่น แอ๊น ลืมแนะนำไป น้าหมอก นี่พี่เต พี่สาวอิน ติวเตอร์เราเองแหละ" ยัยเหนือแนะนำ ผมยิ้มกระชับมิตรส่งไปทันที
"พี่เตคะ นี่น้าหมอก น้าคนสุดท้องของเหนือเองค่ะ" พี่เตของยัยเหนือส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ผมพร้อมกับยกมือไหว้จนผมรับไหว้แทบไม่ทัน
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ น้าหมอก" เสียงนุ่ม ๆ ชวนฝันที่ตอบกลับมา ทำให้ผมสะดุดตรง 'น้าหมอก' นี่แหละครับ
"เรียกพี่ก็ได้มั้ง อย่าให้ถึงกับน้าเลยนะครับ เรียกน้าให้สองคนนั้นเค้าเรียกไปดีกว่า" ผมรีบออกตัว โธ่ อยู่ต่อหน้าสาวสวย ใครมันจะไปยอมแก่ละครับ และอีกอย่าง ความจริงผมก็ยังไม่แก่สักหน่อย อย่างผมเนี่ยเขาเรียกว่า 'หนุ่มจัด' ต่างหากละครับ พี่เตของยัยเหนือ ซึ่งกลายเป็นน้องเตของผม ยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับหลบตา ท่าทางนั้นทำให้ผมต้องรีบเปลี่ยนกริยาเสียใหม่
คุณน้องเตไม่ยักกะตอบคำถามผมแฮะ กลับส่งยิ้มหวาน ๆ ประหลาด ๆ มาให้ผมแทน แต่ถึงจะประหลาดยังไง ก็ยังสวยอยู่ดีละครับ
"เรียกพี่ได้ไหม แล้วพี่จะให้กินขนมหมื่นห้า ถ้าเรียกน้าลดมาห้าพัน เรียกลุงเลิกกัน ." เสียงร้องประสานเสียงดังขึ้นจากสองตัวแสบ ผมหันไปมองปรามเพื่อให้ทั้งคู่หยุด ก่อนจะหันกลับมาทางน้องเตอีกครั้ง
"จะติววิชาอะไรกันครับ" ผมพยายามเก็กเสียงให้ดูหล่อที่สุด น้องเตยิ้มสวยก่อนจะบอกผมเบา ๆ ว่า
"คณิตศาสตร์ค่ะ" พูดจบเธอก็หลบตาผมนั่นทำให้ผมรู้สึกตัวว่า ผมคงแสดงความรู้สึกโจ่งแจ้งเกินไป ผมปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอย่างยากเย็นอีกแล้ว โธ่ ก็เวลาเจอคนที่ถูกใจอย่างจังแบบนี้ คนที่ไม่ค่อยเก็บความรู้สึกอย่างผม มันเก็บไม่ค่อยมิดเสียด้วยสิ
"เออ แล้วทานอะไรกันหรือยังครับนี่ สนใจทานข้าวด้วยกันมั้ยครับ" ผมกลบเกลื่อนอาการด้วยมารยาทแบบไทย ๆ นั่นคือ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่อยากรบกวน" น้องเตปฏิเสธเสียงนุ่ม
"โอ้ย ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ ดีซะอีกผมจะได้มีเพื่อนกินข้าว นะครับ" ผมรีบรุก
"ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ..อีกอย่าง เราก็กำลังจะย้ายที่เรียนกันพอดี" น้องเตปฏิเสธผมอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าเกรงใจสุดฤทธิ์ ซึ่งผมมองแล้วเห็นว่าน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
"อ้าว ทำไมไม่เรียนที่นี่ซะละครับ" ผมถามงง ๆ หัวใจหล่นวูบเพราะกำลังนึกอยู่ว่า คงได้มีโอกาสใกล้ชิดสาวสวยนามน้องเตทั้งวัน
"คือ เต เพิ่งนึกได้ว่าลืมเอาหนังสือที่จะสอนน้องมาน่ะค่ะ อีกอย่างที่นี่ก็ไม่มีกระดานด้วย เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะคะ" น้องเตบอกผมด้วยสีหน้าเกรงใจ คำพูดของน้องเตจุดความหวังในหัวใจริบหรี่ของผมทันที
"งั้นโอกาสหน้าพี่หวังว่าจะมีโอกาสเลี้ยงข้าวน้องเตสักมื้อนะครับ" เห็นมั้ยครับว่าผมเป็นสิงห์ปืนไวขนาดไหน
"เอ่อ ก็ได้ค่ะ ไว้คราวหน้า" น้องเตบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับจะเดินเลี่ยง ผมรีบชิงดักหน้าไว้ก่อน โธ่ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ นัดนี้มันยังไม่กระจ่าง ถึงผมจะรู้สึกเสียใจหน่อย ๆ กับการทำให้น้องเตตกใจ แต่ผมต้องทำครับ เพื่อหัวใจผมเอง
"เดี๋ยวครับเดี๋ยว แล้วคราวหน้าเนี่ย เมื่อไหร่ดีครับ แล้วผมจะติดต่อน้องเตได้ยังไง คือ แบบว่า ไม่มีเบอร์นะครับ" ผมอธิบายเชิงรุกให้หน้าสวย ๆ ที่กำลังตระหนกนั้นคลายลง น้องเตช่างเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลเหลือเกิน เพราะพอผมพูดจบปุ๊บ เธอก็ยิ้มหวานรับปั๊บ
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเตจะฝากเหนือมาแล้วกันนะคะ ลาล่ะค่ะ" พูดจบเธอก็เดินผ่านผมไป ชั่วขณะที่เฉียดกราย ผมอุปาทานได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่สะดุดใจได้อย่างประหลาดจากเธอ
"น้าหมอก เย็นนี้อย่าลืม พันหนึ่ง" ยัยเหนือกระซิบเสียงเหี้ยม ก่อนจะผละจากไป แล้วมันก็ชะงักก่อนจะถอยหลังกลับมากระซิบอีกรอบว่า "ถ้าอยากได้รายละเอียดเยอะกว่านี้ ต้องอีกเท่าตัว" พูดจบมันก็วิ่งปรูดไปไม่ให้ผมได้ต่อรอง ยัยหลานเนื้อเค็ม เหมือนแม่บวกยายยังไงยังงั้นเล้ย ผับผ่า
แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าลงทุนแล้วได้ในสิ่งที่ต้องการ เท่าไหร่ผมยอมทุ่มอยู่แล้ว เฮ้อ ผมชักอยากให้พระอาทิตย์ตกเร็ว ๆ จริงแฮะ .
^_^
เสียงตึงตังขึ้นบันได ทำกระท่อมไม้ไผ่สะเทือน ชนิดไม่กลัวทรุด จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าเหนือ หลานตัวแสบของผม แต่วันนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นพิเศษที่รู้ว่าน้ำเหนือมา ทำไมนะรึ แหะ แหะ ก็เจ้าเหนือจะพาความลับคับหัวใจมาให้ผมได้กระจ่างไงครับ น้ำเหนือเปิดประตูเยี่ยมหน้าเข้ามามองเมียง พอเห็นผมอยู่หน้าคอมฯ มันก็กระโดดผลุงมานั่งเก้าอี้ตัวโปรดพร้อมกับแบมือกระดิกยิก ๆ ยื่นมาหน้าผม
"อะไร?" ผมทำไก๋ ยัยเหนือถอนหายใจพรืดใหญ่
"ธ่อ เงี้ยแหละคนแก่ ยังไม่ทันข้ามวันเล้ย ลืมซะแระ สมองปลาทองจริงเลย" เห็นมั้ยครับ มันหาทางด่าผมจนได้ยัยตัวแสบ
"ก็ด้าย ไม่จ่าย ก็ไม่ต้องรู้รายละเอียดล่ะ" ไม่พูดเปล่ายัยเหนือดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ผมต้องรีบเอาแบงค์พันไปโบกสะบัดตรงหน้ามันนั่นแหละ ยัยตัวแสบถึงได้ยิ้มออก คว้าแบงค์จากมือผมเก็บพับใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถอยกลับไปนั่งที่เดิม ผมรีบย้ายเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้าม โน้มหน้าเข้าไปใกล้กระซิบถามมันเบา ๆ (ยังกะเป็นความลับระดับชาติเชียวนะเนี่ย)
"ว่าไงรายละเอียด"
เจ้าเหนือยิ้มอย่างเป็นต่อก่อนจะแบมือมาตรงหน้าผม ผมมองแววตาเจ้าเล่ห์ของมันอย่างรู้ทัน
"อะไร ยังไม่อ้าปากเลย ต้องจ่ายแล้วเรอะ" ผมท้วงเบา ๆ
"เขาเรียกว่าใบเบิกทางไงน้า ไม่มากหรอกร้อยเดียวเอง" น้ำเหนือต่อรอง ผมส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหยิบแบงค์ร้อยยื่นให้ยัยตัวแสบที่กรีดแบงค์ก่อนพับเข้ากระเป๋า ผมรอฟังอย่างใจจดจ่อ
"พี่เตน่ะ ชื่อจริงชื่อสเลเต เป็นพี่สาวอินถวาลูกสาวคนโตของพ่อผู้ใหญ่โกสนกะแม่ราตรีไง จำได้ปะ" น้ำเหนือเริ่ม ผมครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะนึกได้ว่าเคยได้ยินชื่อ
"สเลเต ชื่อแปลกดีนะ แล้วไงต่อ"
"ก็พี่เตเนี่ยแหละ เค้าเพิ่งเรียนจบจากกรุงเทพ ตอนนี้กลับมาเป็นคุณครูสอนอยู่โรงเรียนอนุบาล " เจ้าเหนือหยุดกึกเหมือนโดนสับสวิตซ์น้ำลาย แต่กลไกมือยังทำงาน เพราะยังคงยื่นมาแบตรงหน้าผมได้ พอผมวางแบงค์ร้อย กลไกน้ำลายมันก็ทำงานต่อ
"พี่เตเป็นผู้หญิงนิสัยดี ถึงดีมาก แต่เห็นนิ่ง ๆ อย่าคิดว่าหงิม ๆ เป็นแมวเซานะ พอถึงเวลาโหดก็ใช่ย่อยเหมือนกัน เหนือเคยเจอที โห น่ากลัวกว่าแม่อีก พี่เตชอบสีฟ้าที่สุด ชอบอ่านหนังสือนิยายเป็นชีวิตจิตใจ รักความยุติธรรม รักเด็ก ๆ ๆ ๆ ๆ"
เสียงเจ้าเหนือเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จนผมต้องวางแบงค์ร้อยอีกใบ ก็ยังตกร่องเหมือนเดิม กระทั่งมีแบงค์ร้อยห้าใบเรียงซ้อนกันอยู่ในมือนั่นแหละ ยัยตัวแสบถึงได้พูดต่อ
"อีกอย่างนะน้าหมอก สำคัญมั่กมาก" ยัยเหนือว่าหน้าตาจริงจัง จนผมต้องขยับไปใกล้มันอีก
"อะไร?"
"พี่เตเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ที่สุดในโลก เพราะที่พี่เตต้องกลับมาทำงานที่บ้าน เพราะถูกผู้ชายเจ้าชูหักอกมา" ยัยเหนือหน้าตาจริงจังประกอบคำอธิบาย ผมนึกเข่นเขี้ยวผู้ชายงี่เง่าคนนั้นอยู่ในใจ ไอ้ผู้ชายคนนั้นคงตาถั่วพิลึกที่มองข้ามผู้หญิงอย่างน้องเตไปได้ โดยไม่ให้ความสำคัญ แต่เอ จะว่าไปอย่างผมเนี่ย เข้าข่ายผู้ชายเจ้าชู้หรือเปล่าหนอ คงไม่ใช่หรอกมั้ง เพราะผมแค่ตกหลุมรักบ่อยเท่านั้นเอง
"แล้วอีกอย่างพี่เตเค้าชอบคนจริงใจนะน้าหมอก แบบว่าพูดตรง ๆ อะไรเงี้ย หมดล่ะ" เจ้าเหนือบอกง่าย ๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นจนผมตกใจ
"เฮ้ย อะไรวะ จ่ายไปตั้งเยอะได้นิดเดียวเอง" ผมโวยวาย
"ก็น้าจะอยากรู้อะไรอีกเล่า เอาไว้อยากรู้อะไรเพิ่มค่อยมาซื้อก็แล้วกัน เหนือหิวข้าวแล้ว" ยัยตัวแสบโวยกลับพร้อมกับจะเดินจากไป ผมรีบพรวดพราด เข้าไปขวางหน้าพร้อมกับโชว์แบงค์พันหลอกล่อ
"ถ้าแกตอบทุกข้อซักถาม ใบนี้เป็นของแก" ผมเกลี้ยกล่อม ก่อนจะเร่งเมื่อเห็นเจ้าเหนือจ้องแบงค์พันไม่วางตา "น่า ตกลงเหอะ" ได้ผลครับยัยตัวดีรีบคว้าเงินหมับ ก่อนจะขยับไปนั่งที่เดิมอย่างรวดเร็ว มันนั่งไขว่ห้างกอดอก พร้อมกับทำสีหน้าว่ารำคาญเสียเต็มประดา
"เอ้า น้าอยากรู้อะไรถามมา เดี๋ยวเหนือตอบให้ แต่ถ้าคำถามไหนตอบไม่ได้ น้าต้องมีค่าจ้างสืบนา"
เห็นมั้ยครับว่า คุณหลานท่านประเสริฐขนาดไหน แต่ในขณะนี้สำหรับผมแล้ว ใบหน้าสวยหวานกับผมยาวดำขลับของผู้หญิงชื่อแปลก กำลังบดบังกระเป๋าสตางค์ของผมอย่างมิดชิด แม้เจ้าเหนือจะกลับไปกินข้าวไม่ทันในวันนั้น แต่แบงค์หลายใบที่ปลิวจากมือผม ไปเข้ากระเป๋า ก็ทำให้คุณหลานอิ่มท้องไปหลายวัน
ผมไม่ได้เสียดมเสียดายเงินหรอกครับ อย่างไรก็คิดเสียว่าให้หลาน แลกกับเรื่องที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ แค่นี้เรื่องจิ๊บ ๆ แต่ คุณครับ ! ความสุขมาเยือนผมได้เพียงไม่กี่วัน ความทุกข์ก็เข้ามาแทรก ทุกข์ที่ว่าคือ 'หนูหงษ์' ไงครับ !
(_ _)
ความคิดเห็น