ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ซ่อนรัก

    ลำดับตอนที่ #10 : คุณหมอคะ...หวายนอนไม่ค่อยจะหลับ 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 52


    เล่ห์ซ่อนรัก

    5.2

    คุณหมอคะ...หวายนอนไม่ค่อยจะหลับ(2)


    อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเช้า ล่วงเข้าช่วงบ่าย เมฆครึ้มจึงเริ่มกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำโปรยสาย แต่บรรยากาศมัวซัวไม่ได้ทำให้หมู่เรือนไทย สถานที่ตั้งของสำนักพิมพ์เอเดนพับลิชชิ่งดูสดในคึกคักน้อยลง อาจเพราะทั้ง ‘เอเดน’ และ ‘อีฟ’ ต่างก็ปิดเล่มพร้อมสำหรับการวางแผง วันนี้จึงถือได้ว่าเป็นวันสบาย ๆ ของคนในสำนักพิมพ์

    ห้องรับรองแขกของสำนักพิมพ์ตอนนี้ล้นหลามไปด้วยคนสวน บ้างครึ่งนั่งครึ่งนอนเล่นเกมกดกันอย่างเมามัน บ้างนอนเอกเขนกบนโซฟาสีสดคุยกันอย่างออกรสชาติ วงสนทนาที่กินพื้นที่ใหญ่สุดในห้องกลายเป็นการปรึกษาหารือเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์คุณหมอชื่อแปลกให้กับน้องใหม่ของสวนอย่างตรีปวาย

    “ขอบคุณพี่ ๆ มากเลยนะคะ คำแนะนำแต่ละข้อเป็นประโยชน์สำหรับหวายมากเลยค่ะ” หญิงสาวบอกยิ้ม ๆ พลางเก็บสมุดจดซึ่งรวมหลากคำถามจากการแนะนำของ ‘พี่ ๆ’ ลงกระเป๋า

    “ไม่เป็นไรหรอกน้องหวาย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้สบายมาก” เปอร์เซ็นต์บอกยิ้ม ๆ

    “ถ้าต้องการคนถ่ายรูป ฝนพร้อมสำหรับงานนี้เสมอนะหวาย” สายฝนบอกอย่างกระตือรือร้น

    “เก็บอาการหน่อยก็ดีนะคุณช่างภาพอย่าให้คนมองออกสิว่า ช่างภาพของสวนเราชีกอกันหมด” อิสินทรแย้งเรียบ ๆ แต่คำแย้งของเขาทำให้ทั้งวงสนทนาหัวเราะกันครืนใหญ่ สายฝนได้แต่ถลึงตามองอย่างหมายมาด

    “งั้นหวายขอจรลีก่อนนะคะ...แบบว่าตอนนี้ไฟสุมทรวงอยากสัมภาษณ์คุณหมอเร็ว ๆ ค่ะ” ตรีปวายเอ่ยหลังจากหัวเราะหัวใคร่กับคำพูดของอิสินทร

    “วันหลังก็มั้งหวาย วันนี้ฝนตกไปมาลำบากนะ” สายฝนแย้งพร้อมบุ้ยใบ้ให้เพื่อนร่วมงานมองสายฝนโปรยปราย หลายคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “ไม่ลำบากหรอกฝน ตกหนักกว่านี้หวายก็เคยลุยมาแล้วล่ะ อย่าลืมสิว่าปักษ์หน้าหวายต้องลงคอลัมน์ใหม่แล้ว แต่หวายยังตื้อหมอโหไม่สำเร็จเลย ต้องเร่งมือ” ตรีปวายบอกยิ้ม ๆ พลางผุดลุกขึ้น “ฝากบอกพี่หอมกับพี่หม้อด้วยนะคะ” หล่อนฝากข้อความถึงทะนนซึ่งพากรรดึกไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล เมื่อหลายคนฟังพยักหน้ารับ ตรีปวายก็ออกเดินทางจากสำนักพิมพ์ด้วยความรื่นเริงใจ

     


    ฝนโปรยปรายบางเบาทำให้ตรีปวายตัดสินใจใช้รถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพแทนความตั้งใจที่จะใช้รถแท็กซี่เป็นพาหนะพาหล่อนไปเฝ้า...เอ๊ย...ตามติดชีวิตเป้าหมาย อาจเพราะอยู่ในช่วงเริ่มงานภาคบ่าย กอปรกับฝนตกจึงทำให้รถบนถนนค่อนข้างเบาบาง อาศัยความชำนาญในการใช้มอเตอร์ไซค์และรู้เส้นทางลัด เมื่อตรีปวายพารถเคลื่อนมาจอดยังที่จอดรถของโรงพยาบาลเป้าหมาย ร่องรอยความเปียกชื้นจากฝนจึงมีเพียงข้างหน้าเท่านั้น หญิงสาวถอดหมวกกันน็อกออกวางไว้ตะกร้าหน้ารถ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกซึ่งหมาดชื้นผึ่งคร่อมหน้ารถ ตรวจเช็คเอกสารว่ารอดพ้นจากความชื้นได้แล้วตรีปวายก็ก้าวตรงไปยังอาคาร ‘กึกก้องโอฬาร’ อย่างไม่ลังเล

    ตรีปวายส่งยิ้มนำให้ด่านแรกซึ่งรีบดีดตัวจากท่าง่วงซึมเป็นกระตือรือร้นทันทีที่เห็นหล่อน สายตาจ้องเขม็งของพาแลงทำให้หญิงสาวรู้สึกดีมากกว่าจะอึดอัด

    “สวัสดีค่ะคุณพี่ อากาศวันนี้ชวนให้กลับไปนอนที่บ้านเนอะ” ตรีปวายทักทายอย่างร่าเริง แต่คนถูกทักทายกลับนิ่งเฉย สีหน้าเรียบสนิท มีเพียงสายตาเขม็งจับจ้องยังร่างของผู้บุกรุกชนิดไม่วางตา แม้จะแปลกใจแต่ตรีปวายก็พยายามไม่สนใจ หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนก้าวเท้าต่อหมาเดินเข้าไปในอาคาร...มือใหญ่ของพาแลงยื่นมากางกั้นทันทีที่หล่อนขยับตัว หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย

    “วันนี้คุณหมอมีแขก สั่งไว้ว่าห้ามรบกวนครับ” คำตอบขึงขังจากพาแลงไม่ทำให้ตรีปวายย่อท้อ

    “คุณพี่ขา คุณน้องไม่ได้จะไปรบกวนคุณหมอนะคะ...เอาล่ะ ๆ คุณน้องรับทราบว่าคุณหมอมีแขกไม่ยุ่งด้วยก็ได้ แต่ขอคุณน้องเข้าไปข้างในนั่งพักสักหน่อยได้ไหมคะคุณพี่ขา...แบบว่าคุณน้องเดินทางกรำฝนมารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวพิกล ขอนั่งพักสังเกตอาการตัวเองสักแป๊บนะค้า” ตรีปวายอ้อนเสียงหวาน พาแลงหรี่ตากวาดมองอย่างพินิจ ร่องรอยความเปียกเด่นชัดในสายตา สีหน้าซีดปากสั่นแม้ดูเหมือนแกล้งแต่ก็ทำให้พาแลงพยักหน้าพลางลดมือลงอย่างเสียไม่ได้

    ตรีปวายส่งยิ้มหวานจ๋อยแทนคำขอบคุณ หญิงสาวแกล้งทำตัวสั่นยามเดินผ่านหน้า รปภ.หนุ่ม เก้าอี้สีสดตั้งเรียงเป็นแถวสำหรับให้ญาติคนไข้หรือผู้มาติดต่อโรงพยาบาลได้นั่งพักเป็นที่หมายของตรีปวาย เมื่อหามุมสงบเหมาะสำหรับการนั่งสังเกตการณ์ได้แล้วหล่อนก็เริ่มทำงาน...นั่นคือการรอ

    นาฬิกาข้อมือบอกตรีปวายว่าขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงไม่ขาดไม่เกิน ผู้คนยังคลาคล่ำส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจ พยาบาลต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างขะมักเขม้นน่าชื่นชม ชุดสีขาวสะอาดเคลื่อนไหวท่ามกลางกลุ่มผู้คนเหมือนแกะขนปุยวิ่งวนไปมา ตรีปวายได้แต่หัวเราะขำความคิดตัวเองหญิงสาวหันไปสอดส่ายสายตาหาเป้าหมายซึ่งแม้จะรู้ว่าหมอหนุ่มนามแปลกจะไม่ลงมาให้เห็นแต่ก็อดมีความหวังไม่ได้

    หลังจากนั่งคอยืดคอยาวสลับกับก้มลงอ่านสคริปซึ่งได้มาจากคำแนะนำของเพื่อนร่วมงานแล้ว ตรีปวายก็ประสบความสำเร็จในการรอคอย ร่างสูงของชายหนุ่มเป้าหมายโดดเด่นในสายตาทันทีที่เขาเดินออกจากลิฟต์ ใบหน้าละมุนของชายหนุ่มทำให้คนมองอดยิ้มไม่ได้...รอยยิ้มของตรีปวายเจื่อนไปเมื่อพบว่าข้างกายของชายหนุ่มตอนนี้มีร่างสูงเพรียวของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเคียง...การพูดคุยยิ้มหัวของหมอหนุ่มกับหญิงสาวคนนั้นทำให้ตรีปวายทำได้เพียงมองตามจนทั้งคู่เดินลับสายตา

    ...ปฏิเสธสายตาไม่ได้ว่ายามทั้งคู่ยืนเคียงกันเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก...

    ตรีปวายแทบไม่รู้สึกตัวว่าหล่อนเผลอเดินตามคู่กิ่งทองใบหยกออกมาไกลแค่ไหน รู้ก็ต่อเมื่อมือใหญ่ของพาแลงยื่นมากางกั้นอีกครั้ง

    “จอดครับคุณ ห้ามตามครับ” ตรีปวายสะดุดเท้า แต่สายตายังคงมองตามชายหนุ่มหญิงสาวชนิดไม่คลาดสายตา

    “ใครกันน่ะคุณพี่...สวยจัง” หญิงสาวถามเหม่อ ๆ พาแลงมองเป้าสายตาของหญิงสาว ร้องอ๋อก่อนหันกลับมาบอก

    “อ๋อ คุณไอยเรศครับ แขกประจำของหมอเล็ก ว่ากันว่าคนนี้แหละครับแฟนหมอเล็ก” คำอธิบายหลัง ‘อ๋อ’ ของพาแลงกระแทกหัวใจตรีปวายจนเอียงกะเท่เร่

    “แฟน...เหรอ...” หญิงสาวเสียงแผ่วหวิว

    “แค่ข่าวลือเท่านั้นแหละครับ เท่าที่ผมดู ๆ อยู่นี่ไม่เห็นหมอเล็กจะมีท่าทีอะไรมากไปกว่าที่เห็นหรอกครับ” พาแลงบอกซื่อ ๆ แต่นั่นก็เหมือนกระแสน้ำพัดหัวใจของตรีปวายให้เอียงกลับที่เดิม

    “แต่ใคร ๆ ก็พูดกันว่าในบรรดาผู้หญิงที่เทียวไล้เทียวขื่อคุณหมออยู่  คุณไอซ์น่ะมีภาษีดีที่สุดเลยล่ะครับ ผมยังแอบเชียร์อยู่เลย ผมเคยได้ยินคุณพยาบาลศิราถามคุณหมอเล็กว่าคุณไอซ์อยู่ตำแหน่งไหน คุณหมอยิ้ม ๆ ก่อนบอกว่ายกตำแหน่ง ‘เพื่อนสนิทชนิดพิเศษ’ ให้เลยล่ะครับ จะว่าไปผมว่าคุณน่าจะเคยเห็นหน้าเธอตามสื่อต่าง ๆ เธอดังมากเลยนะครับ ล่าสุดก็ละครเวทีการกุศลเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง ไงครับ คุณไอซ์เธอเล่นเป็นทองกวาว โอ้โห ยอดบริจาคถล่มทลายจนคนจัดงานอิ่มบุญไปตาม ๆ กันเลยล่ะครับ...แหม...ไอ้ผมก็พูดซะอย่างกับไปเห็นมากับตา จริง ๆ แล้วก็ว่าตามที่ได้ยินเขาคุยกันมานั่นแหละครับ” พาแลงอธิบายจนยาวเหยียด ตรีปวายฟังแล้วได้แต่พยักหน้ารับเนือย ๆ

    จะว่าไปหล่อนก็รู้สึกคุ้นหน้าของหญิงสาวคนนั้นอยู่มิใช่น้อย แม้จะเป็นคนไม่ค่อยติดตามข่าวบันเทิงมากนัก แต่ละครเวทีเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง ที่พาแลงบอกเล่าก็โด่งดังสนั่นฟ้าเมืองไทยเสียจนแม้แต่เด็กอนุบาลก็รู้จัก คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ กับข่าวใหม่ที่ได้รับ ‘เพื่อนสนิทชนิดพิเศษ’ อย่างที่ รปภ.หนุ่มว่า ให้ตีความกลับไปกลับมากี่รอบตรีปวายก็บอกได้ว่าความหมายก็คือแฟนของหมอหนุ่มชื่อแปลกแน่นอน

    “สมกันเนอะ” ตรีปวายพึมพำต่อ สายตายังจับจ้องอยจู่จุดสุดท้ายที่หมอหนุ่มกับหญิงสาวแสนสวยเดินลับหายไป

    “จะว่าสมก็สมแหละครับ คุณไอซ์แกดี๊ ดีนะครับ มีน้ำใจ ชอบซื้อขนูกขนมมาฝากผมเสมอ เวลาแกมาหาหมอเล็กตอนแรกผมก็มองว่าแกคงหยิ่ง ถือตัว แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย คุณไอซ์เป็นกันเองมากครับ พูดจาปราศรัยกับทุกคน ใจดีจริง ๆ นะครับ เมื่อคราวที่แล้วแกยังซื้อผ้าถุงมาให้ผมบอกว่าฝากไปให้แม่ผมที่บ้านนอก...คนสวยใจดี...ผมโชคดีจริง ๆ ที่ได้เกิดมาเห็น” พาแลงพูดต่อ

    ...สวย รวย เก่ง ใจดีมีเมตตา...อะไรจะตรงกับความต้องการของตลาดอย่างนี้นะ ! ตรีปวายคิดอย่างห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม

    ตรีปวายแทบจำไม่ได้ว่าหล่อนลากสังขารอันเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเพราะได้รับรู้ความจริงมาถึงร้านคอฟฟี่ตรีทิพตั้งแต่เมื่อไร ภาพของผู้เป็นแม่เอ่ยทักทายก่อนมีสีหน้าตกอกตกใจกับสภาพเปียกม่อล่อกม่อแล่กจากฝนซึ่งเทกระหน่ำทันทีที่หล่อนออกจากโรงพยาบาลคล้ายเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของหล่อน การกุลีกุจอเข้ามาประคองราวกับหล่อนเป็นคนไข้หนักเจียนตาย หลังมืออบอุ่นซึ่งประทับลงบนหน้าผากนูนเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ตรีปวายรับรู้ได้ นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่หล่อนเห็นคล้ายละครใบ้ที่มีคุณตรีทิพแสดงอยู่คนเดียว

     


    ตรีประดับสะบัดร่มเบา ๆ เพื่อให้เม็ดฝนซึ่งเกาะอยู่ไม่สร้างความเปียกชื้นมากนักเมื่อนำมาแขวนไว้ข้างประตูทางเข้าร้านคอฟฟี่ตรีทิพ ในร้านปิดไฟเกือบหมดเนื่องเพราะเลยเวลาปิดร้านมานานโข หญิงสาวเดินตรงไปยังส่วนห้องพักผ่อนของผู้เป็นแม่อย่างคุ้นเคย คุณตรีทิพซึ่งก้าวออกจากห้องพักสีหน้าขมวดยุ่งพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ พยักหน้ารับการยกมือไหว้ของลูกสาวคนโต

    “มีอะไรหรือเปล่าคะแม่?” ตรีประดับเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่

    “ยัยหวายน่ะสิเป็นอะไรก็ไม่รู้ เปียกฝนกลับมาแม่ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ ตัวก็รุม ๆ เหมือนจะมีไข้ นี่แม่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ บังคับให้กินยาแล้วนอนมันก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ” ตอบลูกสาวคนโตเสร็จก็ถอนหายใจยืดยาว

    “ให้ตรีคุยกับน้องหน่อยดีมั้ยแม่?” หญิงสาวออกความเห็นเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเมื่อฟังคำบอกเล่าจากผู้เป็นแม่ คุณตรีทิพส่ายหน้าน้อย ๆ

    “อย่าเลยลูก ให้น้องพักก่อนดีกว่า นี่แม่กลัวจะไม่หลับเลยให้กินยานอนหลับไปเม็ดหนึ่ง” คุณตรีทิพบอก

    “โอ้โห ถึงขั้นนั้นเลยเหรอคะแม่?” ตรีประดับอุทานตาโต

    “ก็ใช่น่ะสิ...ก็ยัยหวายนอกจากจะไม่ยอมตอบคำถามแม่แล้วมันยังตาลอยเคว้งคว้างน่ากลัวด้วยนะ” ผู้เป็นแม่บอกเล่าพลางทำท่าขนลุก

    “ว้า...แล้วพรุ่งนี้ตรีจะทำไงดีล่ะแม่ ตรีว่าจะชวนยัยหวายไปเป็นเพื่อนซะหน่อย” ตรีประดับบ่นหงุบหงับ

    “ถอนฟันใช่มั้ยล่ะ” คุณตรีทิพดักคอ อมยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวคนโตพยักหน้ารับ “ตรีไปคนเดียวเถอะลูก แม่ว่ายัยหวายคงไปกับตรีไม่ได้หรอก ถึงน้องจะไม่เป็นไข้แต่เหม่อแบบนั้นจะชวนเสียเรื่องมากกว่า แล้วคืนนี้ก็ค้างกันที่ร้านนี่แหละเผื่ออาการยัยหวายแย่กว่าที่เห็นจะได้ช่วยกัน” คุณตรีทิพสรุป โดยมีตรีประดับพยักหน้ารับเนือย ๆ


    เสียงไอเบา ๆ จากคนที่เดินงัวเงียออกจากห้องตรงมายังส่วนครัวทำให้คุณตรีทิพซึ่งกำลังง่วนอยู่กับหม้อข้าวต้มหันกลับไปมอง เมื่อเห็นสภาพยู่ยี่ทั้งเสื้อผ้าหน้าปผมของลูกสาวคนเล็กแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

    “เป็นไงมั่งลูก เพลียมั้ย? หิวหรือเปล่า?  เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย? ไข้ลดหรือยัง? วันนี้ไปทำงานไหวหรือเปล่าให้แม่โทรลางานให้มั้ย?” คำถามรัวถี่ยิบจนคนถูกถามต้องยกมือห้ามพร้อมกับทำปากพะงาบ ๆ คล้ายอยากพูดแต่ไม่มีเสียง ต้องกลืนน้ำลายหลายครั้งกว่าจะเปล่งเสียงแหบโหยตอบผู้เป็นแม่ได้

    “ดีแล้ว...หิว” เสียงแห้งโหยของตรีปวายทำให้คุณตรีทิพมีท่าทีตกอกตกใจ

    “ตายแล้ว เสียงแหบเป็นเป็ดเจ็บคอเลย พัก ๆ ๆ ๆ วันนี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น กินข้าวเสร็จแล้วแม่จะพาไปหาหมอ” คุณตรีทิพบอกเสียงเด็ดขาด ตรีปวายทำหน้าเมื่อยเดินตรงไปยังกระติกน้ำร้อน กดน้ำร้อนครึ่งแก้วก่อนเติมน้ำเย็นอีกครึ่งแก้ว เมื่อได้น้ำอุ่นกลั้วคอแล้วหล่อนก็กระแอมกระไอ

    “หวายไม่มีไข้แล้วแม่ แค่เจ็บคอเฉย ๆ” หญิงสาวบอก คุณตรีทิพทำหน้าไม่เชื่อ ก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังลูกสาวยกหลังมือขึ้นอังหน้าผาก

    “เนี่ยนะไม่มีไข้บ้านแก แล้วดูหน้าตาสิ โรยซะขนาดนั้นยังจะว่าตัวเองแค่เจ็บคอเฉย ๆ ไม่รู้ล่ะวันนี้แม่จะพาไปหาหมอ” ผู้เป็นแม่สรุป

    “หวายไปเองก็ได้” ตรีปวายบอกเสียงเข้มกว่าเดิมก่อนจะไอแค็กเมื่อพูดจบ

    “จะไปหาหมอโมโหแกล่ะสิ แม่ว่าถ้าแกไปหาหมอโมโหแทนที่เขาจะรักษาแกให้หายเขาอาจจะทำให้แกไม่กล้าโผล่หน้าให้เขาเห็นอีกเลยก็ได้” คุณตรีทิพว่าเหยียด ๆ

    “น่า...ก็ให้หวายไปหาหมอโหก่อนจะได้รู้จริงไปเลยไงแม่ว่าจะหายป่วยหรือหายไปจากโลกนี้ ไม่ลองไม่รู้นา” หญิงสาวพูดพลางไอขลุกขลัก คุณตรีทิพได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักอกด้วยรู้นิสัยลูกสาวคนเล็กดีว่ารั้นเพียงใด

    ตั้งแต่เด็กมาแล้วตรีปวายซึ่งซนเข้าขั้นทโมนมีสุขภาพแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากลงว่าได้ป่วยแล้วก็มักจะเข้าขั้นหนักหนาสาหัสจนต้องนอนให้น้ำเกลือกันเลยทีเดียว การแทงเข็มเพื่อหาจุดเส้นเลือดสำหรับให้น้ำเกลือเป็นจุดเริ่มต้นของการกลัวเข็มของตรีปวาย นั่นทำให้เมื่อเกิดการเจ็บป่วยคราใดหญิงสาวมักจะปล่อยให้หายเองโดยให้เหตุผลว่า ‘เป็นเองได้ก็หายเองได้’ อย่างดีที่สุดก็คือการกินยาเม็ดรักษาตามอาการเท่านั้น

    “จะดีหรือหวาย แม่อยากให้หวายพักสักหน่อยนะ” คุณตรีทิพแย้งเสียงอ่อน แม้จะรู้ว่าไม่สำเร็จ

    “ไม่ได้หรอกแม่ หวายยังไม่ได้คุยกับหมอโหเป็นเรื่องเป็นราวเลย กำหนดเล่มที่จะลงคอลัมน์ก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย” ตรีปวายตอบพลางไอ

    “แต่แม่ว่า...”

    “หวายก็ว่าจะกินข้าวแล้วก็กินยา แล้วหวายก็พกยาอม ยาน้ำแก้ไอไปเยอะ ๆ ถ้าหวายไม่ไหวจริง ๆ หวายจะโทรหาแม่ดีมั้ย?” ตรีปวายออกความเห็นก่อนที่ผู้เป็นแม่จะทันได้แย้งจบประโยค คุณตรีทิพได้แต่มองค้อนก่อนจะโบกไม้โบกมือและเดินหน้าตูมจากไป กริยาที่ลูกสาวรู้ได้ว่า...งอน

    ตรีปวายอมยิ้มมองตามแผ่นหลังของผู้เป็นแม่ คิดในใจว่าเย็นนี้ก่อนกลับจะแวะซื้อครีมหน้าเด้งเจ้าประจำมาฝากผู้เป็นแม่สักกระปุก อารมณ์บูดคงจะคลี่คลายลง คิดได้ดังนั้นหล่อนก็จัดการกับอาหารเช้า ไม่ลืมกินยาที่แม่แสนงอนเตรียมไว้ให้ และไม่ลืมหยิบกล่องยาอมแก้ไอพร้อมขวดยาน้ำแก้ไปติดมือไปก่อนออกไปทำงาน แม้ผู้เป็นแม่จะไม่ทัดทานแต่ตรีปวายก็เลือกใช้บริการแท็กซี่แทนที่จะขับมอเตอร์ไซค์ไปเอง

     

    โรงพยาบาลเป้าหมายของตรีปวายคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหมือนเช่นเคย อาจจะดูหนาตาขึ้นบ้างเนื่องเพราะฤทธิ์ฝนโปรยเมื่อวันวาน ตรีปวายไอขลุกขลักพลางขยับกระเป๋าสะพายก้าวมายังตึกกึกก้องโอฬารด้วยอาการลากเท้าเนือย ๆ ส่วนหนึ่งของอาการเนือยอาจเพราะความเพลียจากการออกแรงไอซึ่งเริ่มถี่ขึ้นมาตลอดการเดินทาง กับอีกหนึ่งคือความคิดในสมองยังคงวิ่งวุ่นวนอ่อนล้าเกี่ยวกับเรื่องหญิงสาวแสนสวยนามไอยเรศเมื่อวานนี้ ตรีปวายหยุดเดินโดยอัตโนมัติเมื่อเดินทางมาถึงประตูทางเข้าตึก เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มทักทายโดยไม่ต้องเดาว่ามีใครรออยู่ และหล่อนก็เดาแม่นเสียด้วย

    พาแลงยืนทำท่าทางขึงขังรวมทั้งสีหน้าจริงจัง สายตาจ้องเขม็งมายังร่างของตรีปวายมีแวววูบไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มของแขกประจำ สีหน้าซีดเซียวของหญิงสาวทำให้ รปภ.หนุ่มอดขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้

    “สวัสดีค่าคุณพี่” ตรีปวายเอ่ยทัก เสียงแหบแห้งของหล่อนสำทับด้วยการไอโขลก ๆ ทำให้คิ้วขมวดของ รปภ.หนุ่มคลายจากความสงสัย

    “วันนี้หมอเล็กไม่อยู่ครับ” คำตอบของพาแลงทำให้รอยยิ้มของตรีปวายสลดลงวูบหนึ่ง

    “งั้นเหรอ...น่าเสียดายจัง แต่ไม่เป็นไรคุณน้องไปหาหมอคนอื่นรักษาไข้ให้ก่อนก็ได้” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดาย “ว่าแต่คุณหมอเค้าจะเข้ามาอีกกี่โมงคะคุณพี่? แบบว่าถึงไม่ได้สัมภาษณ์ ไม่ได้คุยก็ขอให้ได้เห็นหน้าหมอ...เอ๊ย...ให้คุณหมอได้เห็นหน้าสักหน่อยก็คงดี” ตรีปวายบอกพร้อมยิ้มเรี่ย ๆ พาแลงเริ่มมีสีหน้าอึดอัดใจจนเห็นได้ชัด หนำซ้ำยังหลบสายตาจับจ้องของตรีปวายจ้าละหวั่น นั่นทำให้หญิงสาวกลายเป็นฝ่ายขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใดอย่างใจนึก บรรยากาศอิหลักอิเหลื่อก็ถูกคั่นโดย...

    “พาแลง” เสียงเรียกทอดอ่อนทำให้ทั้งคนถูกเรียกและคู่สนทนาหันไปมอง ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวนามไอยเรศกำลังเดินส่งยิ้มสวยตรงมา ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเรียกกำลังมีแขก ตรีปวายถอยหลังไปยืนหลบฉากโดยอัตโนมัติ ประหม่าเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวผู้มาใหม่ค้อมศีรษะคล้ายขอบคุณแถมส่งยิ้มสวยมาให้ก่อนหันไปหาพาแลง

    “สวัสดีครับคุณไอซ์” พาแลงตะเบ๊ะขิงขังพร้อมเอ่ยคำทักทาย ไอยเรศยิ้มขำกับท่าทางของ รปภ.หนุมก่อนยื่นถุงผ้าใบเขื่องส่งให้

    “เอาของมาฝากจ๊ะ พอดีน้องชายเพิ่งกลับจากต่างประเทศ ซื้อเสื้อกันหนาวไว้เยอะแยะตอนอยู่โน่น กลับมาเลยขี้เกียจเก็บเสียอย่างนั้น นี่ก็ใกล้หนาวแล้วไอซ์คิดว่าคนทางบ้านพาแลงน่าจะใช้ได้” หญิงสาวบอกเสียงนุ่ม พาแลงมองถุงสลับกับใบหน้าของคนให้ด้วยความซาบซึ้ง ค่อย ๆ ยื่นมือไปรับ

    “ขอบคุณมากครับคุณไอซ์...เสื้อผ้าที่คุณไอซ์ให้มาคนทางบ้านผมชอบมากเลยครับ ถึงครอบครัวผมใส่ไม่ได้เราก็แจกต่อ ผมว่าถ้าคุณไอซ์แวะไปเยี่ยมหมู่บ้านผมจะต้องคุ้นตาราวกับอยู่ตู้เสื้อผ้าตัวเองแน่ ๆ เลยครับ” พาแลงบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอยเรศหัวเราะกิ๊ก

    “แหม พูดซะเห็นภาพเลยนะพาแลง เอาเถอะ ถ้ามีเวลาว่างไอซ์จะไปเยี่ยมตู้เสื้อผ้าที่พาแลงว่านะ แต่ตอนนี้อยากรู้จังเลยว่าหมอเล็กอยู่มั้ยจ๊ะ? ไอซ์โทรหาก็ไม่รับสายก็เลยเสี่ยงมาเผื่อเจอตัว” คำถามของหญิงสาวทำให้พาแลงอึ้งสนิท...นั่นเพราะ...เมื่อครู่เขาเพิ่งบอกหญิงสาวอีกคนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลว่าหมอหนุ่มในความต้องการออกไปธุระข้างนอก หากจะบอกไอยเรศว่าคุณหมอไม่อยู่น้ำหนักของถุงของฝากก็หนักหนาเอาการ อีกอย่างเขาก็เกรงว่าจะรับมือกับผู้หญิงอีกคนไม่ไหวด้วยรู้สึกมาตลอดว่าผู้หญิงคนนั้นมีอะไรบางอย่างชวนให้น่ากลัว...โดยเฉพาะอารมณ์

    “ไม่อยู่หรอกเหรอ?” ไอยเรศถามย้ำเมื่อเห็น รปภ.หนุ่มเงียบไป สีหน้าผิดหวังของหญิงสาวทำให้พาแลงรีบละล่ำละลัก

    “อยู่ครับอยู่...ตอนนี้อยู่ที่ห้องพักครับเชิญคุณไอซ์ได้เลยครับ” ได้รับคำตอบ ไอยเรศก็หน้าชื่นเอ่ยขอบใจเบา ๆ ก่อนเดินตรงไปยังจุดหมาย...โดยไม่รู้ว่าทิ้งให้ รปภ.หนุ่มพาแลงยืนขนลุกเกรียวกับสิ่งที่ต้องเผชิญเพียงลำพัง

    ตรีปวายนิ่งเงียบตลอดบทสนทนาระหว่างพาแลงกับไอยเรศ หล่อนใช้ช่วงเวลานั้นสังเกตอากัปกิริยาของหญิงสาวอีกคน รูปร่างสูงโปร่งดูดีได้สัดส่วนแม้อยู่ในชุดเสื้อยืดคอโปโลกับกางเกงยีนสีซีดทำให้ตรีปวายถอนหายใจเป็นอันดับแรก ใบหน้าเพรียวรับกับคิ้ว จมูก ปาก แม้จะมีเครื่องสำอางฉาบทาบางเบาแต่ก็ดูออกว่าสวยจริง โดยเฉพาะปากสวยรูปกระจับยามขยับเจรจานั่นทำให้ตรีปวายถึงกับเคลิ้มมอง

    ลิปสติกสีอ่อนทำให้อาการเคลิ้มมองของตรีปวายสะดุดกับร่องรอยบางอย่างเหนือริมฝีปากบนของหญิงสาวนามไอยเรศ จนแม้หญิงสาวคนนั้นเดินจากไปแล้วหล่อนก็ยังจมอยู่กับภวังค์...ความคิดยังวุ่นวนเมื่อมองเห็นสีหน้าหวาดหวั่นกอปรกับเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ รอบดวงหน้าของพาแลง แม้จะนึกเคือง รปภ.หนุ่มเพียงใด ตรีปวายก็ยังไม่มีอารมณ์ต่อกรด้วยในตอนนี้ หญิงสาวเพียงส่งยิ้มเซียว ๆ ให้และเดินจากไปโดยไม่เอ่ยคำใด อาการนั้นกลับทำให้พาแลงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแทนที่จะโล่งใจ เขาได้แต่มองส่งหญิงสาวจนลับสายตา

    ตรีปวายทรุดนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนซึ่งถูกจัดวางไว้บริเวณสวนหย่อมข้างตึกกึกก้องโอฬาร ขวดยาแก้ไอที่พกติดตัวมาด้วยถูกหยิบมาใช้แทนการอมยาแก้ไอเมื่อรู้สึกว่าอาการระคายคอเริ่มทวีคูณ ความคำนึงของตรีปวายยังคงหยุดอยู่บนร่องรอยเบาบางเหนือริมฝีปากแสนสวยนั่น

    ก่อนรับงานเขียนคอลัมน์นี้ตรีปวายทั้งอ่านบทความ หาข้อมูล ดูภาพประกอบจากทั้งหนังสือและอินเตอร์เน็ต บางเว็บไซต์ที่หล่อนเจอมีภาพเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมริมฝีปากทั้งจากการเกิดอุบัติเหตุ แก้ไขความพิการ หรือเพื่อความสวยงาม บางร่องรอยหลังผ่าตัดดูคล้ายกับร่องรอยเหนือริมฝีปากของหญิงสาวนามไอยเรศ...ความคิดของตรีปวายสะดุด...หรือว่า...ริมฝีปากนั้นผ่านการทำศัลยกรรมมา? ถ้าใช่จริงเป็นการศัลยกรรมแบบไหนกันนะ? หรือว่าคนทำศัลยกรรมให้จะเป็นหมอหนุ่มชื่อแปลก? หรือว่า....ความคิดของตรีปวายเตลิดลอย...

     


    “ตรงสวนหย่อมมีอะไรน่าสนใจหรือคะ?” เสียงถามทอดอ่อน ร่างสูงเพรียวเดินตามมายืนเคียงพร้อมกับสอดส่ายสายตาตามทิศซึ่งเจ้าของห้องยืนมองอยู่ก่อนแล้ว

    “เหมือนจะไม่สบาย...แล้วก็ยังดันทุรังอยู่ได้” มโหระทึกพึมพำเบา ๆ คล้ายไม่ได้ยินคำถาม

    “หมอเล็กคะ” ไอยเรศเอ่ยพร้อมยื่นมือไปสะกิดเบา ๆ แต่นั่นก็ทำให้ชายหนุมถึงกับสะดุ้ง

    “ครับ?!” มโหระทึกขานรับ รีบหันกลับมามองคนถาม สีหน้าของหญิงสาวทำให้เขาได้แต่ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยก่อนเอ่ยขอโทษ “ขอโทษครับผมไม่ทันได้ฟัง...เมื่อกี้คุณไอซ์ว่ายังไงนะครับ?” ไอยเรศหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางเก้อของชายหนุ่มซึ่งไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก

    “ไอซ์ถามว่าตรงสวนหย่อมมีอะไรน่าสนใจมากหรือคะ หมอเล็กถึงไม่ยอมฟังเรื่องความคืบหน้างานการกุศลคราวนี้ของไอซ์เลย ไอซ์เรียกตั้งหลายครั้งหมอเล็กก็เงียบเฉยจนไอซ์ต้องเดินมามองด้วยเนี่ย” หญิงสาวบอกกลั้วหัวเราะพร้อมกับชะแง้มองไปยังสวนหย่อมข้างล่างก่อนย่นจมูกอย่างน่ารัก “คนอยู่สวนหย่อมมองจากตรงนี้ตัวเล็กนิดเดียวเอง แล้วหมอเล็กรู้ได้ยังไงคะว่าเขาเหมือนจะไม่สบาย?” ไอยเรศถามต่อ และเป็นอีกครั้งที่มโหระทึกยกมือขึ้นลูบท้ายทอย

    “ก็...เมื่อวานฝนตกนี่ครับ” มโหระทึกตอบไปเรื่อยโดยไม่สนจว่าคนฟังจะเข้าใจหรือไม่

    ไอยเรศอดมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยไม่ได้ หล่อนเกือบหลุดปากเอ่ยถามออกไปแล้วถ้าเพียงแต่จะไม่ฉุกคิดได้ว่า ครั้งล่าสุดที่หลุดปากถามอย่างถือสิทธิ์ของความเป็นคนคุ้นเคย หล่อนโดนตอบกลับด้วยคำพูดที่หนักยิ่งกว่าฆ้อนตีแสกหน้า ระยะเวลาในการคบหาทำให้หญิงสาวรับรู้ว่า ความ ‘พิเศษ’ ที่หล่อนคิดว่ามีระหว่างหล่อนกับชายหนุ่มเป็นเพียงสิ่งที่หล่อนคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ระยะเวลาเหล่านั้นก็ทำให้หล่อนรู้ว่าอารมณ์ของเขาควรเลี่ยงที่จะเซ้าซี้

    “ถ้างั้นไอซ์จะเอาคำตอบที่เราคุยกันไปบอกคุณป้านะคะ สงสัยว่าคงได้กรี๊ดกร๊าดกันทั้งสมาคมแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าหมอเล็กยอมร่วมงานด้วย” หญิงสาวเย้ายิ้ม ๆ

    “เพราะคุณแม่เคยเป็นนายกสมาคมหรอกครับ” มโหระทึกบอกเหตุผล

    “งั้นไอซ์ไม่กวนแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณหมอเล็กมากนะคะ” ไอยเรศเอ่ยพร้อมหยิบกระเป๋าเดินตรงไปยังประตู มโหระทึกรีบเดินไปเปิดประตูให้พร้อมกับเดินตามคล้ายเป็นการไปส่งแขก...มีเพียงเขาที่รู้ว่าจุดมุ่งหมายแห่งการลงไปข้างล่างทั้งที่บอกกับใคร ๆ ทั่วตึกว่าวันนี้เขาจะไม่ยอมออกจากห้อง...มี ‘ใคร’ เป็นสาเหตุแห่งการเปลี่ยนใจ

     

    มโหระทึกมายืดกอดอกอยู่ตรงหน้า รปภ.หนุ่มพาแลงหลังจากส่งหญิงสาวคนสวยนามไอยเรศเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงใหญ่ของเขาแม้ไม่ได้มีท่าทีคุกคาม แต่เมื่อมาอยู่ตรงหน้าพาแลงซึ่งสูงเพียงหัวไหล่ของเขาก็ทำให้ รปภ.หนุ่มอดหวาดหวั่นไม่ได้ พาแลงรีบตะเบ๊ะพร้อมรายงานข่าวรายวันเมื่อเห็นสายตาของคุณหมอหนุ่มเริ่มขุ่น

    “มาเหมือนเดิมครับ และผมบอกไปแล้วครับว่าหมอเล็กไม่อยู่”

    “แล้วเขาก็เชื่องั้นสิ” มโหระทึกถามเสียงเอื่อยคล้ายไม่ใส่ใจ ตรงข้ามกับโสตประสาทที่ขยับตื่นตัวเต็มที่

    “เอ่อ...เกือบเชื่อครับ แต่ว่า...คุณไอซ์เข้ามาพอดีต้องการพบหมอผมก็เลย...” เสียงเริ่มเจื่อนของพาแลงพร้อมกับสีหน้าสลด ทำให้มโหระทึกแทบจะไม่ต้องเดาเลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เขาถอนหายใจเบา ๆ แต่นั่นก็ทำให้พาแลงสะดุ้งเฮือก

    “เอ่อ...ผมว่าถึงคุณคนนั้นรู้ว่าหมออยู่ก็คงไม่ไปกวนหรอกครับ เมื่อวานช่วงบ่ายก็ตากฝนตัวเปียก มาวันนี้รู้สึกว่าจะเป็นไข้หวัด หน้าเซียวเสียงแหบเชียวครับ พอผมบอกว่าหมอไม่อยู่ก็ว่าจะไปหาหมอคนอื่นดูอาการให้...แหม...จะว่าไปแล้วผมก็รู้สึกขนลุกไม่หายเลยนะครับ ตอนที่ผมบอกคุณไอซ์ว่าหมออยู่บนห้อง ผมล่ะกลั้ว กลัว กลัวว่าคุณแกจะมาเล่นงานผม ที่ไหนได้ คุณแกแค่ยิ้มแห้ง ๆ ให้แล้วก็เดินสโหลสเหลจากไป อาการเหมือนเมื่อวานตอนเห็นหมอกับคุณไอซ์เลยล่ะครับ ...เอ...หรือแกจะถอดใจไม่ตื้อหมอแล้วก็ไม่รู้นะครับเนี่ย...เอ๊ะ...แต่ถ้าไปตื้อคนอื่นหมอเล็กก็ไม่ต้องรำคาญแล้วสิครับเนี่ย” พาแลงแจ้ว ๆ ประสาคนชอบพูด

    บางคำในประโยคของพาแลงกลับทำให้มโหระทึกรู้สึกตะหงิด ๆ ในหัวใจอย่างประหลาด และเพราะเจ้าความตะหงิด ๆ นั่นเองทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินจากความตั้งใจแรกที่จะเดินขึ้นตึกหลังฟังรายงานข่าวจบ...เขาเลือกเดินตรงไปยังสวนหย่อมข้างตึก

    คนที่นั่งไอโขลก ๆ จนหัวสั่นหัวคลอนสลับกับยกขวดน้ำยาแก้ไอขึ้นจิบเป็นระยะนั่น แม้จะนั่งหันข้าวให้เห็นเพียงเสี้ยวหน้า แต่คนมองก็เห็นว่ามันทั้งซีดเซียวและอิดโรย สายตาดูเหม่อลอยไม่สนใจสิ่งใดทำให้คำบางคำของพาแลงเมื่อครู่กระตุ้นเท้าให้ก้าวเข้าไปหา...คำที่มโหระทึกเองก็ไม่แน่ใจว่าจะดีใจหรือเสียใจหากว่ามันเป็นความจริงขึ้นมา

    ‘หรือแกจะถอดใจไม่ตื้อหมอแล้วก็ไม่รู้นะครับเนี่ย’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×