ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wicked Baby

    ลำดับตอนที่ #1 : ฉากที่ไม่พึงประสงค์

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 52


    "มั่นใจนะจ๊ะ ว่าลูกจะอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆ "

    "แน่นอนค่ะ แม่ถามหนูมาเป็นสิบๆ รอบแล้วนะ =_=" ฉันตอบอย่างหน่ายๆ การมาอยู่ห้องหรูๆ ที่เรียกให้ดูดีว่าคอนโดมิเนียม มันจะลำบากตรงไหนกัน ในเมื่อไอ่ตึกบล็อกสี่เหลี่ยมนี่มันมีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก เซอร์วิสต่างๆ มากมายก่ายกอง แล้วยังมีช็อปกับมินิมาร์ทอยู่ชั้นล่างด้วย มองไม่ออกจริงๆ ว่ามันลำบากตรงไหน -_-

    "แหม ลูกแม่ทั้งคนจะห่วงมันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่จ๊ะ ว่าแต่หนูจะไม่กลับไปอยู่ที่บ้านกับเรน่าจริงๆ เหรอ" แม่จะห่วงลูกมันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่ของแม่นี่เกินไปหน่อย -_-;

    "แม่คะหนูอายุสิบแปดแล้วนะ -.- มั่นใจได้เลยว่าหนูสามารถดูแลตัวเองได้ อีกอย่างหนูอยากลองใช้ชีวิตแบบนี้มานานแล้วด้วย มันน่าตื่นเต้นออกนะคะ>_< หนูว่าแม่น่าจะรีบลงไปหามาร์กนะคะเขารออยู่ชั้นล่างนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็ใกล้จะถึงไฟลต์ไปฮังการีของแม่แล้วนะ -_-" ฉันไล่ทางอ้อม มาร์กเป็นใครน่ะเหรอ? เขาเป็นสามีใหม่ของแม่น่ะ เพิ่งแต่งกันไม่นานก่อนหน้านี้ฉันไปอยู่กับแม่ มาร์ก และเรน่าลูกสาวของเขาที่บ้านของพวกเขาในอังกฤษกับที่เมืองไทยมาสักระยะหนึ่งแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ดีนะ แต่ว่า... ฉันแค่อยากลองใช้ชีวิตอิสระดูก็เท่านั้น มาร์กเป็นคนดีและอบอุ่นมากและดูเหมือนเขาจะรักแม่มากด้วย

    "อ่า... นั่นสินะ งั้นแม่ไปก่อนนะ ถ้ามีปัญหาโทรหาแม่นะเอวีญ" แม่ดูนาฬิกาข้อมือ Gucci ที่มาร์กเพิ่งจะซื้อให้ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ก่อนจะรีบบอกลาแล้วก้าวเร็วๆ ไปที่ลิฟต์ จริงๆ ถ้าแม่ไม่ถามประโยคเดิมซ้ำๆ กับฉัน ป่านนี้คงเดินเล่นใน Duty free สบายอารมณ์ไปแล้ว

    "ค่า! -0-" ฉันตะโกนตอบแม่ที่เดินจากไปอย่างรีบร้อน ในที่สุดฉันก็มีชีวิตอิสระ >_< ตอนอยู่ที่อังกฤษฉันต้องหมกตัวอยู่แต่ที่บ้านกับโรงเรียน หรือบางทีก็ออกมาเที่ยวไม่ก็ช็อปปิ้งกับเพื่อนบ้าง ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของแม่กับคนของแม่ ยกเว้นกรณีที่ฉันแอบหนีเที่ยวบ้างตอนกลางคืนน่ะนะ -_-; แต่พอมาอยู่เมืองไทยหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของมาร์กไม่นาน ฉันก็อ้อนวอนแม่มาอยู่คนเดียวได้สำเร็จ -..- V

    ชีวิตเกรดสิบสองของเอวีญคนนี้ต้องเต็มที่สุดๆ อ้อ! ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมฉันถึงพูดไทยได้ แม่ฉันเป็นคนไทย ส่วนพ่อเป็นคนอังกฤษ แล้วก็บังเอิ๊ญบังเอิญที่อดีตภรรยาของมาร์กก็เป็นคนไทย แม่กับมาร์กเลยสานสัมพันธ์กันเร็วมาก บางทีฉันยังคิดเลยว่ามาร์กมีบางส่วนที่คล้ายพ่อ ถึงแม่จะเป็นคนไทย แต่ด้านภาษานี่แม่คล่องปรื๋อซะยิ่งกว่าคนอังกฤษบางคนเสียอีก -V-

    ฉันโยนสัมภาระจำพวกกระเป๋าเดินทางลงบนพื้นอย่างลวกๆ ก่อนจะกระโดดลงบนเตียงหนานุ่มที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แล้วกลิ้งไปมาอย่างสบายอารมณ์ -..-

    ฉันกดรับสายโทรศัพท์เมื่อริงโทนเพลงโปรดดังขึ้น

    "สวัสดีค่ะ เอวีญ มิดเดิลตัน รับสายค่ะ" ฉันกรอกชื่อนามสกุลตัวเองลงไปยังปลายสายเสร็จสรรพโดยไม่ต้องรอให้เขาถาม อย่าหาว่าฉันบ้านะ แต่ฉันเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ นอกจากแม่และยัยเคธี่เพื่อนสนิทฉัน ฉันยังไม่ได้ให้เบอร์ใครยกเว้นกรอกลงไปในเอกสารของไฮสกูลที่เมืองไทยไว้ใช้ในการติดต่อ ดังนั้นมันต้อเป็นที่ไฮอยู่แล้ว

    [สวัสดีครับ นี่จาก Santa Maria High School ฝ่ายเอกสารนะครับ] เสียงทุ้มๆ จากปลายสายตอบกลับมา

    "ค่ะ"

    [วันนี้เวลาสิบสามนาฬิกาช่วยนำเอกสารที่ให้กรอกมายื่นที่แผนกเอกสารตะวันตกด้วยนะครับ ทางเรามีความจำเป็นที่จะต้องขอรับรายละเอียดส่วนนั้นไปใช้ในการบรรจุรายชื่อลงสายชั้น เพราะฉะนั้นช่วยนำมันมาด้วยนะครับ]

    "ค่ะ สิบสามนาฬิกาที่แผนกเอกสารตะวันตกนะคะ" ฉันทวนเพื่อความมั่นใจ

    [ครับ] จากนั้นปลายสายก็ตัดสายไป

    ฉันเอื้อมไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะข้างๆ เตียง ก่อนจะคุ้ยๆ หาเอกสารอย่างลวกๆ อยู่สักพักแต่ก็หาไม่เจอ จนในที่สุดฉันก็เทของทั้งหมดลงบนเตียง ผลของมันน่ะเหรอ...

    เยี่ยม! เยี่ยมมาก... -_-

    ฉันลืมเอามา! สงสัยจะลืมไว้ที่บ้านของมาร์กแน่ๆ ได้ข่าวว่าฉันเพิ่งบอกแม่ไปว่าดูแลตัวเองได้สบายๆ แต่ดันลืมเอกสารสำคัญเนี่ยนะ! อ๊ายยย ทำไมฉันถึงได้เซ่อซ่าอย่างนี้ ทุเรศจริงๆ T^T

    สงสัยจะต้องกลับไปเอาซะแล้ว ตอนนี้คงไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากพวกเมดกับยัยเรน่าสินะ-_-; จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะเกลียดอะไรยัยนั่นหรอกนะ แต่เธอดูแรงๆ ไปหน่อยก็เท่านั้นเอง

    จากนั้นฉันเลยหยิบกุญแจรถแล้วตรงดิ่งไปกดลิฟต์ ก่อนจะเดินไปยังรถสปอร์ตสีขาวสุดที่รัก ที่แม่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ฉันทั้งรักทั้งหวงทั้งหลงมันแบบสุดๆ เลยนะ >_< แหม... กว่าจะอ้อนแม่ให้ซื้อคันนี้ให้นี่นานอยู่นะ -.- อย่ามัวพูดพร่ำทำเพลงอยู่เลย ตอนนี้ต้องรีบไปบ้านมาร์กแล้ว

    30 นาทีผ่านไป...

    เหตุผลแรกๆ ที่ฉันเลือกคอนโดนั้นนอกจากมันสะดวกแล้วก็คือระยะทางมันไกลจากบ้านมาร์กพอสมควร ทำให้ฉันหวังนิดๆ ว่าแม่คงไม่ตามประกบฉันทุกวัน -_- และในที่สุดตอนนี้เราก็มาถึงบ้านของมาร์ก จริงๆ จะเรียกว่าบ้านมันก็ไม่ถูกนะ เพราะนี่มันก็คฤหาสน์ดีๆ นี่เอง ฉันจอดรถสุดสวาทไว้ที่ๆ จอดรถ แล้วตรงดิ่งเข้าไปข้างในทันที บรรดาเมดต่างกรูกันเข้ามาทำความเคารพตามระเบียบของบ้าน ซึ่งฉันมองว่า... ไร้สาระ!

    ฉันพยักหน้านิดๆ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน ก่อนจะบิดลูกบิดห้องที่เคยอยู่ตอนอยู่ที่บ้านหลังนี้ ฉันบิดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเขย่า ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ฉันค้นพบว่ามันล็อก!

    เยี่ยม!

    ทำไมชีวิตฉันถึงได้ซวยแบบนี้นะ...

    ปกติแม่ มาร์ก และเรน่าจะมีกุญแจสำรองนี่นา โอเค... นับว่าไม่แย่เท่าไรนัก ฉันแค่เดินไปเคาะห้องยัยนั่นแล้วขอยืมกุญแจมาเปิดแค่นั้นสินะ

    ก๊อกๆ...

    ไม่มีคนมาเปิด เอาใหม่

    ก๊อกๆ...

    ยังคงไร้ซึ่งผู้มาเปิด -_-

    ฉันเลยลองบิดลูกบิดดูแล้วพบว่ามันไม่ได้ล็อก

    "อา..." เอ่อ... เสียงเหมือนยัยเรน่า แต่น้ำเสียงแบบนี้มันอะไรยะ! ฉันคิดอย่างสงสัย เลยหันไปมองหายัยนั่น แต่มองไม่เห็นสักที เลยมองเยื้องๆ ไปที่เตียง OoO

    ยัยเรน่ากำลังกองอยู่บนตักของผู้ชายคนหนึ่ง มือของนายนั่นล้วงเข้ามาในบราลูกไม้สีดำของยัยเรน่า -///- ขณะที่อีกมือก็ไล้แผ่นหลังขาวๆ ของยัยนั่น ส่วนยัยเรน่าก็กดหน้าหมอนั่นลงบนหน้าอกขนาดบิ๊กไซส์ของตัวเอง O.o แล้วครวญครางอย่างน่าหวาดเสียว ฉันคิดว่าฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ในสถานการณ์นี้สุดๆ เลยนะ รีบออกไปก่อนดีกว่า อย่างน้อยก็เอ่อ... รอให้ยัยนั่นกับหมอนี่จัดการฉากบ้าๆ นี่ให้เรียบร้อย แต่มือฉันดันไปปัดโดนหนังสือเล่มหนึ่งหล่นลงมา สายตาสองคู่เลยมองมาที่ฉัน จริงๆ แล้วนายนั่นก็หล่อมากทีเดียวนะ -_-;

    "เอ่อ... ขอโทษทีนะที่มาขัดจังหวะ ฉันแค่จะมาเอากุญแจห้อง แต่เดี๋ยวค่อยมาใหม่ก็ได้ ^^" ฉันพยายามยิ้มอย่างพยายามมีไมตรี

    "อยู่บนโต๊ะนั่นน่ะ อ้อ! เสร็จแล้วช่วยล็อกประตูห้องฉันด้วยนะ" ยัยนั่นตอบกลับก่อนจะดึงนายหน้าหล่อเข้ามาจูบต่อก่อนจะจับมือหมอนั่นให้ล้วงลึกลงไปอีก เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าเธอแรงเหลือทน -_-

    "อือ..." หมอนั่นคราง

    อ๊าย! บัดสีที่สุด (>_< )( >_<) ถึงฉันจะเป็นฝรั่งแต่ไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้นะยะ ฉันรีบคว้ากุญแจแล้วรีบวิ่งออกมาทันทีโดยไม่ลืมล็อกประตูห้อง ขืนพวกเมดแก่ๆ บางคนมาเห็นเข้าคงหัวใจวายตายพอดี

    ฉันรีบไขกุญแจแล้วหยิบเอกสารในแฟ้มกำมะหยี่บุปกสีแดงที่ไฮให้กรอกแล้วออกมาทันที เอ่อ... ประตูห้องยัยเรน่าก็ล็อกไปแล้ว แถมฉันยังไม่คิดจะเข้าไปคืนกุญแจในสภาวะนั้นหรอกนะ =[]= เอาเป็นว่าฝากคุณพ่อบ้านเอาไปคืนแล้วกัน

    จากนั้นฉันเลยเดินลงบันไดแล้วฝากคุณพ่อบ้าน โดยไม่ลืมกำชับว่าให้รอคืนตอนที่เพื่อนของหล่อน(ยัยนั่นบอกคุณพ่อบ้านว่าอย่างนั้น)กลับไปก่อน

    พอมาดูนาฬิกาฉันก็ต้องเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อเห็นเวลา เที่ยงสี่สิบห้า ซวยมาก ฉันคงต้องรีบบึ่งรถแบบสุดๆ ไปที่ไฮไม่งั้นมีหวังสายแน่ๆ ถึงฉันจะชอบแข่งรถตอนอยู่ที่ลอนดอน แต่นี่มันเมืองไทยนะ ขืนขับรถปาดซ้ายปาดขวางแล้วเหยียบเร็วปรี๊ด คุณตำรวจจราจรจะไม่มาลากฉันไปโรงพักเรอะ =_=

    แต่ยังไงถ้าคุณโปลิศจะลากฉันไปก็คงต้องยอม U_U เพราะตอนนี้ฉันเหยียบเกือบสองร้อย ปาดซ้ายปาดขวา จนป่านนี้รถข้างหลังคงก่นด่าฉันไปถึงบรรพบุรุษแล้ว ขอโทษนะทุกคนแต่ถ้าไม่ทันฉันไม่มีที่เรียนเลยนะ ถึงมาร์กจะเอาเงินฟาดหัวคนที่นั่นให้รับฉันเข้ากลางเทอมก็เถอะ TOT

    เอี๊ยด!

    ในที่สุดฉันก็หยุดการขับรถอันเร้าตำรวจในที่สุดเมื่อเข้าสู่บริเวณที่จอดรถของไฮ นับว่าโชคดีมากที่ตลอดเส้นทางฉันไม่ไปจ๊ะเอ๋กับคุณตำรวจเลยแม้แต่นายเดียว ฉันก้าวเท้าลงจากรถโดยไม่ลืมหยิบแฟ้มเอกสารไปด้วย

    (*O(*O(*O*)O*)O*)

    เอ่อ... -_-;

    หน้าฉันมีอะไรติดหรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงคนอื่นถึงมองมาทางฉันเนี่ย -_-; หรือว่าฉันจอดรถในที่ห้ามจอดOoO เอ๊ะ! ก็ไม่นี่ แล้วพวกนี้มองอะไรกัน -_-;; คงไม่ได้คิดจะมาขโมยน้องรถสุดที่รักของฉันไปหรอกนะ -_-+ ฉันหันไปมองพวกนั้นตาขวางๆ อย่างหวาดระแวง มีพวกผู้ชายกลุ่มหนึ่งซุบซิบกันแล้วมองมาทางฉัน -_-;

    ฉันไม่ใช่ลิงชิมแปนซีมาร้องเพลงโชว์นะยะ! >O< จะมองกันทำไม

    อย่าไปสนใจๆ ( >_<)(>_< ) ฉันก้าวเท้าไปที่แผนกเอกสารตะวันตกตามป้ายบอกทางที่ติดริมทางเดินทันที ที่นี่ดูดี ไม่สิมันดูหรูหรา ใช่หรูหรามันดูหรูหรามากๆ เลยล่ะ อาจจะพอๆ กับไฮสกูลที่ฉันเรียนตอนอยู่อังกฤษเลยด้วยซ้ำ ไฮสกูลที่ฉันเคยเรียนตอนอยู่ที่นั่นมีแต่พวกลูกท่านหลานเธอและก็พวกไฮโซกระเป๋าหนักที่เรียกตัวเองอย่างมั่นใจว่าเป็นพวกชนชั้นสูงเดินกันให้ว่อนไปหมด -_- พ่อแม่ของแต่ละคนยอมที่จะทุ่มเงินหลายล้านปอนด์เพื่อให้ลูกตัวเองได้เดินเฉิดฉายอยู่ที่นี่ รวมไปถึงใช้เงินไปวันๆ อย่างที่บอกได้ว่าไร้สาระสุดๆ แม้ที่นั่นจะดูไฮโซสุดๆ และมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย จากที่พูดมาก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าที่นี่คงไม่ต่างจากที่เดิมที่ฉันจากมาเท่าไรนัก

    เริ่มกันตั้งแต่ไอ้โดมสูงๆ ขนาดใหญ่ร่วมสิบที่ติดป้ายว่าศูนย์กีฬาและมีหมายเลขตามท้ายเป็นหนึ่งสองสามสี่และเรียงไปเรื่อยๆ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะสร้างไปทำไมหลายๆ ที่กัน -_- แล้วยังมีสระว่ายน้ำแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์อีก ฉันว่าจะข้างในหรือข้างนอกก็เลือกไปเลยไม่ดีกว่าหรือไงจะมาสร้างทำไมหลายๆ แบบทุกตึก

    ทั้งๆ ที่ฉันนึกว่ามาอยู่ไทยแล้วจะไม่ต้องใช้ชีวิตแบบเมื่อก่อนแล้วซะอีก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็บอกได้เลยว่า...

    ไม่แตกต่าง!

    พอเถอะสำหรับการบ่นเอายาวยืดเหมือนคนแก่ของฉัน ก่อนที่ทุกคนจะพากันพูดว่า หล่อนไม่พอใจแล้วจะมาเรียนทำไมฟะ! TOT เรารีบไปที่แผรกเอกสารตะวันตกกันดีกว่าเนอะ *O*

    ฉันก้าวเท้าไปในตึกที่คาดว่าน่าจะเป็นที่หมายแล้วไปที่ช่องที่น่าจะมีไว้ติดต่อธุระด้านเอกสารทันที

    "เอ่อ... ฉันเอาเอกสารมายื่นให้ตามนัดของที่นี่น่ะค่ะ ^^;" พนักงานของที่นี่หยิบเอกสารไปก่อนจะเปิดมันดูแล้วพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปกดโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงลงไปพูดกับคนที่น่าจะเป็นผู้ที่ติดต่อฉัน เมื่อคุยกันได้สักพักหล่อนก็หันมามองหน้าฉัน

    "เรียบร้อยแล้วค่ะ เปิดภาคเรียนใหม่วันที่ยี่สิบหกเดือนนี้นะคะ คุณสามารถดูรายชื่อว่าอยู่ห้องอะไรได้ที่บอร์ดหน้าฝ่ายเอกสารค่ะ" หล่อนหันมาพูดกับฉันแล้วฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่ดูเหมือนจะยิ้มมากไปหน่อยจนฉันเห็นรอยตีนกาเลย -_-;

    จากนั้นฉันเลยยิ้มตอบกลับไปแล้วพึมพำขอบคุณก่อนจะเดินกลับไปยังน้องรถสุดที่รักของฉัน แต่มานึกๆ ดูอีกทีฉันยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลยนี่นา งั้นก็แวะทานที่ Food Zone ของที่นี่ก่อนแล้วกัน อ้อ! เกือบลืมบอกไปถึงนี่จะเป็นช่วงปิดภาคเรียนแต่ที่นี่ก็ยังคึกคักและมีพวกนักเรียนกับคุณครูเดินกันว่อนไปหมด ฉันคิดว่าน่าจะมีการเปิดซ่อมล่ะมั้ง ทำให้บรรดาร้านรวงอำนวยความสะดวกต่างๆ เปิดทำการเป็นปกติ

    เรามาลองชิมกันดีกว่าว่าอาหารที่นี่กับที่นู่น ที่ไหนจะอร่อยกว่ากัน -..-

    Food Zone ของที่นี่เป็นเหมือนห้างที่มีแต่ร้านอาหารเลย ตรงใจกลางเป็นโต๊ะกับเก้าอี้บุนวมอย่างดี รอบนอกนั้นมีร้านอาหารให้เลือกมากมายหลายเชื้อชาติ แต่ตอนนี้ฉันน่ะอยากกินอาหารไทยสุดๆ เลย

    ฉันก้าวเท้าไปยังร้านอาหารไทยร้านหนึ่งจากในบรรดาสามถึงสี่ร้านที่มีให้เลือกก่อนจะเดินตรงไปยังแคชเชียร์พร้อมกับสั่งกับสักสองสามอย่างกับข้าวสวยร้อนๆ *O* แคชเชียร์กดรายการแล้วบันทึกออเดอร์ของฉันลงไปพร้อมกับคำนวณราคาอาหารของฉันแล้วเก็บเงิน

    หลังจากนั้นประมาณห้านาทีฉันก็ได้อาหารสุดอร่อยมาไว้ในครอบครอง -V- ฉันเอามันมาวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปซื้อน้ำกีวี่ปั่นที่ร้านน้ำผลไม้ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก แล้วลงมือกินอย่างสบายอารมณ์

    จริงๆ ที่นี่ก็ไม่แย่เท่าไรนะ อย่างน้อยก็ยังมีของกินอร่อยๆ -..-

    แต่...

    ทำไมพวกนักเรียนที่นี่ถึงชอบมองหน้าฉันจังเลยนะ! รู้ไหมมันทำให้ฉันประหม่าแบบสุดๆ เลิกมองกันสักทีเถอะน่า ขนาดที่ฉันกำลังหงุดหงิดที่การกินไม่เป็นส่วนตัว เพราะถูกรบกวนด้วยสายตาของบรรดาผู้ชายในโรงอาหารก็มีชายหนุ่มที่ถือว่าดูดีคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆ และพูดกับฉัน

    "เอ่อ... ไฮ ฉันทิม เธอชื่ออะไรเหรอ" นายนั่นถาม

    "เอวีญ" ฉันตอบสั้นๆ โดยไม่ได้หันไปสนใจ ซึ่งก็คงทำให้นายนั่นเสียความมั่นใจไปไม่น้อย

    "ฉัน เอ่อ.. ฉันคิดว่าเธอสวยดี เพิ่งย้ายมาเหรอ"

    "ขอบคุณที่ชมนะ ใช่ ฉันเพิ่งย้ายมา -_-" ฉันจะเพิ่งย้ายมาหรือเป็นเด็กเก่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายฟะ! ถึงนายจะชมฉันก็เถอะ

    "เธอเป็นเด็กของพวกซีลหรือเปล่า หมอนั่นอยากถามเธอแบบนี้น่ะ" ชายหนุ่มผู้มาใหม่พูดก่อนจะตบไหล่ทิม

    "ไม่ ซีล... คืออะไร แมวน้ำเหรอ -_-?" ฉันถามอย่างสงสัย พลางมองหน้านายคนที่มาใหม่อย่างชักข้องใจ กล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นกิ๊กกับแมวน้ำกัน

    "ไม่ๆ มันเป็นชื่อกลุ่มน่ะ อ้อ! ฉันเวลนะ"

    "อืม... ถ้าพวกนายไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนแล้วกัน" ฉันตัดบทแล้วเดินจากมา แต่นายทิมอะไรนั่นก็ตะโกนไล่หลังมา

    "เอวีญ เธอจะรังเกียจไหมถ้าฉันจะขอเบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ หรือเฟซบุ๊ค"

    "ขอโทษทีนะฉันไม่เล่นเฟซบุ๊ค และไม่มีนโยบายแจกเบอร์หรืออีเมล์ให้คนแปลกหน้า" ฉันตอบกลับไปพลางเดินจากมา

    หึ! ฉันน่ะเกลียดพวกผู้ชายขี้หลีที่สุด -*-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×