ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Song of Starlight : ลำนำแห่งแสงดาว

    ลำดับตอนที่ #8 : รอยทรายใต้แสงจันทร์ 1

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 50


    บทที่  8

     

    รอยทรายใต้แสงจันทร์ 1

     

    หลังจากออกเดินทางได้สามวัน   คณะเดินทางมุ่งสู่บาลันเทียร์ก็หยุดพัก ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองอัลดินา   ซึ่งเป็นเมืองชายแดนติดต่อกับทะเลทรายแสงจันทร์      คณะเดินทางหยุดพักเพื่อจัดหาเสบียงอาหารเพิ่มเติมและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางข้ามเขตทะเลทรายแสงจันทร์และป่าหลงลืม     เพราะเมื่อออกจากเมืองนี้ไปก็จะไม่มีที่พักอาศัยและเสบียงอาหารต่าง ๆ  นั้นหาได้ยาก

     

    หลังจากอาหารเย็น  เจ้าชายซาร์กอนก็กางแผนที่อีกครั้งเพื่อตรวจดูเส้นทางที่มุ่งจะไป

     

    คืนนี้เราจะพักเอาแรงที่นี่ก่อน    พรุ่งนี้ตอนเช้ามืดจึงจะออกเดินทาง   จากนี้ไปเราจะหยุดพักในช่วงกลางวัน  และเดินทางในช่วงเย็น

     

    ทำไมเราถึงไม่เดินทางไปเรื่อย ๆ เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ล่ะครับ ?    

     

    คนเดียวที่มักมีข้อสงสัยอยู่เสมอ      เซเนตตรา

     

    อากาศในทะเลทรายแสงจันทร์นั้นร้อนจัดจนอันตรายเกินกว่าที่เราจะฝืนเดินทางในช่วงกลางวัน     เจ้าชายซาร์กอนให้คำอธิบาย

     

    แหม!  อย่างนี้น่าจะชื่อทะเลทรายสุริยันมากกว่าทะเลทรายแสงจันทร์     คนช่างสงสัยยังมีปัญหาต่อไป 

     

    ไว้คืนพรุ่งนี้เจ้าก็จะรู้ว่าทำไมถึงชื่อทะเลทรายแสงจันทร์    ซาร์กอนบอกอย่างอารมณ์ดี    ในขณะที่คนเดียวที่นั่งเงียบ   บำเพ็ญตนเหมือนคนใบ้ลุกขึ้นยืน

     

    เจ้าจะไปไหนน่ะ  ซาร์ลูมาน ?

     

    ข้าจะไปพักผ่อน     ให้คำตอบแล้วก็เดินจากไปโดยไม่สนใจใคร ๆ อีก 

     

    เจ้าชายซาร์กอนยิ้ม  ไม่ได้ถือสาหาความ   แล้วหันไปบอกกับทุกคน

     

    พวกเจ้าก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ   พรุ่งนี้เรายังต้องเดินทางกันอีก    จบคำเจ้าชายซาร์กอน      คนอื่นๆ จึงแยกย้ายกันไปห้องของตน

     

     

    หลังจากที่ต้องนอนหลับมาบนรถม้ามาเกือบตลอดการเดินทางจากวินเดเนียมาถึงทะเลทรายแสงจันทร์     คืนนี้เป็นคืนแรกที่เซเนตตราได้สัมผัสกับเตียงนอนอันนุ่มอุ่นสบาย     หญิงสาวในร่างชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงของตัวเอง      โซเนปเพื่อนร่วมห้องนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ  พลางหันมาถามคนที่ทำท่าจะหลับตั้งแต่หัวถึงหมอน

     

    เจ้าจะนอนแล้วเหรอ ?

     

    ก็นอนสิ   พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่ดึก    นอนเอาแรงดีกว่า

     

    อย่าเพิ่งเลยน่า    ไหน ๆ ก็มาถึงเมืองชายแดนทั้งที    ออกไปเปิดหูเปิดตากันเหอะ

     

    คำชวนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมปราชญ์แห่งอาณาจักรวินเดเนียทำเอาเซเนตตราอ้าปากค้างพูดไม่ออกไปชั่วครู่

     

    จะไปหาข่าวเหรอ ?     ยังพยายามคิดในแง่ดี   คนฉลาด ๆ เขาต้องรอบรู้  ฉับไวกับข่าวสาร

     

    เปล่า   จะออกไปเที่ยวต่างหาก      จอมปราชญ์ท่านว่าหน้าตาเฉย    เซเนตตรางันเกินงงไปเรียบร้อยแล้ว  มหาอาณาจักรวินเดเนียหาคนฉลาดกว่านี้ไม่ได้หรือไรถึงไปคว้าเอาคนแบบโซเนปมาเป็นจอมปราชญ์

     

    เมื่อครู่ข้าถามพนักงานแล้ว    เขาว่าที่นี่มีที่เที่ยวอยู่แห่ง  น่าสนใจ     ไปกันเหอะ

     

    เอ่อ.....     เซเนตตราพูดไม่ออก

     

    ไปน่า.....อย่าทำตัวเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายหน่อยเลย      ขืนเชื่อเจ้าชายซาร์กอน  ชีวิตก็อับเฉากันพอดี     นั่น   ฟังท่านจอมปราชญ์ท่านว่า     แล้วในที่สุดเธอก็ต้อง ไป  ตามที่ท่านจอมปราชญ์ตัวแสบคะยั้นคะยอ

     

     

     

    ที่น่าเที่ยวของท่านจอมปราชญ์แห่งมหาอาณาจักรวิเดเนีย  คือ ร้านเหล้า   หรือจะเรียกให้ถูก  คือ หอนางโลมแบบเดียวกับที่เซเนตตราเคยเห็นมาแล้ว    แต่ที่นี่ดูจะไม่ครึ้กครื้นเท่า     แถมสถานที่ก็ไม่กว้างขวางเท่าด้วย    ลูกค้าที่นั่งอยู่ตามโต๊ะต่าง ๆ แต่ละคนหน้าตาปะยี่ห้อนักเลง   อันธพาลเสียส่วนใหญ่  แม้บางส่วนจะเป็นพวกพ่อค้าที่ควบคุมกองคาราวานผ่านตามเมืองต่าง ๆ    เมื่อมีหนุ่มหน้าตาดีสองคนก้าวเข้ามาในร้านจึงเป็นจุดสนใจของผู้คนในร้านเป็นพิเศษ    โดยเฉพาะโซเนป   ที่นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว  เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ยังบ่งบอกว่าเป็นพวกชนชั้นสูง

     

    เจ้าหนุ่มผมทองตาสีฟ้าเดินนำไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่     ไม่สนใจสายตาของผู้ใด     หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยนางหนึ่ง   เข้ามากุลีกุจอต้อนรับ  พลางเอ่ยถามอย่างเอาใจ

     

    นายท่านจะดื่มอะไรดีคะ ?      ปากถาม   สายตาก็โปรยเสน่ห์เชิญชวน    ในขณะที่หญิงสาวอีกนางขยับเข้ามาทางเซเนตตราที่ตอนนี้แทบอยากจะเอาหัวโขกพื้นให้รู้แล้วรู้รอดไป

     

    ไม่น่าหลวมตัวมาเลยด้วยจริง ๆ

     

    รอยยิ้มกรุ้มกริ่มถูกแจกจ่ายไปยังสาว ๆ พลางเอ่ยปากสั่งอาหารและเครื่องดื่ม   มาดของท่านจอมปราชญ์ตอนนี้แทบจะไม่ผิดจากเฮรอสท่านชายเจ้าสำราญเท่าไหร่เลย

     

        เป็นอะไรเซเนต   ไม่สนุกเหรอ ?     โซเนปเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนร่วมโต๊ะมีสีหน้าเซ็ง ๆ    ข้างกายของคนถามมีสาวสวยสองนางคอยปรนนิบัติ    เดิมทีหญิงสาวอีกคนก็ทำท่าจะเบียดกระแซะมาทางเซเนตอยู่เหมือนกัน  แต่ถูกเด็กหนุ่มปฏิเสธอย่างเด็ดขาด    เจ้าหล่อนจึงหันไปสนใจกับอีกหนึ่งหนุ่มแทน

     

    เอาเหอะ   เชิญเจ้าตามสบาย      เซเนตตราบอกพลางหันไปมองบรรยากาศรอบ ๆ   ตัว    บนเวทีขณะนี้การแสดงกำลังจะเริ่ม     

     

    เสียงพูดคุยฉอเลาะข้าง ๆ ยังดำเนินต่อไป

     

    ท่านมาจากไหนหรือคะ ?    หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยถามพลางรินเหล้าส่งให้

     

    ข้ามาจากอาณาจักรวินเดเนีย     โซเนปตอบ   รับจอกทรงสูงนั้นมาจิบ    ใบหน้าแย้มยิ้มอารมณ์ดี   ตั้งแต่เดินทางมาด้วยกันเธอยังไม่เคยเห็นท่านจอมปราชญ์หงุดหงิดอารมณ์เสียเลยซักครั้ง

     

    วินเดเนียกับอัลดินาไกลกันตั้งเยอะ    ท่านมาทำอะไรที่เมืองชายแดนอย่างนี้คะ?

     

    ข้าจะข้ามไปบาลันเทียร์

     

    บาลันเทียร์!”    เสียงอุทานอย่างตกใจก่อนที่สองสาวจะมองสบตากัน

     

    มีอะไรหรือ ?     โซเนปเอ่ยถาม   ตีสีหน้าประหลาดใจได้อย่างแนบเนียนเสมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ ทั้งสิ้น

     

    ก็ตอนนี้ที่นั่นมีข่าวลือไม่ค่อยจะดีน่ะสิคะ      ตอนนี้เซเนตตราละความสนใจจากเวทีหันมาตั้งใจฟังด้วยอีกคน

     

    พวกกองคาราวานที่เคยเดินทางไปที่นั่นบอกว่า  เดี๋ยวนี้มีปีศาจดุร้ายออกอาละวาดจับผู้คนไปกินตั้งมากมาย     แถมพักนี้ข่าวลือเรื่องราชาปีศาจกำลังจะกลับมายิ่งหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ   บาลันเทียร์ก็อยู่ใกล้กับป่าอาถรรพ์ก็เลยไม่มีใครกล้าเดินทางไปที่นั่นกัน     ฝ่ายเล่า   บอกด้วยสีหน้าหวาดหวั่น     แต่หนุ่มผมทองยกเหล้าขึ้นจิบเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับคำบอกเล่านั้น

     

    เอ.....ถ้าท่านจะไปบาลันเทียร์    ทำไมถึงใช้ทางเส้นนี้ละคะ ?

     

    ทำไมล่ะ    มันใกล้ไม่ใช่เหรอ   ข้ามทะเลทรายแสงจันทร์    ตัดเข้าป่าหลงลืมแล้วก็ถึงบาลันเทียร์พอดี    ไม่ต้องอ้อมให้เหนื่อย     โซเนปว่าไปเรื่อย  เหมือนไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อน

     

    ข้าว่าท่านใช้เส้นทางอ้อมดีกว่านะ     ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่าทะเลทรายแสงจันทร์น่ะไม่มีใครอยากข้ามไปหรอก   ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว

     

    ตอนนี้มีอะไรหรือ ?

     

    หลายวันมานี่  ทะเลทรายแสงจันทร์ดูเหมือนจะเกิดพายุทรายหรืออย่างไรก็ไม่รู้     แต่จากเมืองนี่สามารถมองเห็นกลุ่มฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายจนท้องฟ้าเหนือทะเลทรายแสงจันทร์มืดทะมึนดูน่ากลัว!”

     

    มีพายุทรายแบบนี้บ่อยไหม ?

     

    ตั้งแต่ข้าจำความได้  ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ    เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้หรอก

     

    แต่ข้าว่าทะเลทรายแสงจันทร์ยังไม่น่ากลัวเท่าป่าหลงลืม    อีกนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาบ้าง

     

    ทำไมล่ะ ?     คราวนี้เซเนตตราเอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่

     

    ก็เมื่อหลายวันก่อนมีคาราวานผ่านมาทางนี้   พวกนั้นเล่าให้ฟังว่าได้เดินทางผ่านป่าหลงลืมตามเส้นทางปกติที่เคยใช้กันนั่นแหละ   แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งเดินหมอกยิ่งปกคลุมหนาทึบจนแทบจะมองไม่เห็นทางทั้ง ๆ ที่ยังเป็นเวลากลางวัน   แล้วทีนี้นะ     คนเล่าชักมีอารมณ์ร่วมในเหตุการณ์   สีหน้านั้นหวาดหวั่นเหมือนกับว่าเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ตอนนั้นซะเอง

     

    จู่ ๆ ดวงไฟมากมายก็ปรากฏขึ้น    มันลอยวูบวาบอยู่ในป่า     เท่านั้นยังไม่พอยังมีเสียงหวีดหวิวคล้ายเสียงคร่ำครวญ     บางทีก็เป็นเสียงกู่ร้อง   ดังก้องไปมา   บางทีก็เงียบหายไป   พวกกองคาราวานงี้สับสนหวาดกลัวกันหมด

     

    แล้วพวกนั้นทำยังไงกันล่ะ ?

     

    ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ   เพราะจู่ ๆ ก็มีเสียงขับลำนำประหลาดดังมาจากไหนก็ไม่รู้    คล้ายจะดังมาจากบนฟ้าจับทิศทางไม่ได้   ฟังแล้วสลดหดหู่  อ้างว้าง   เหมือนกับว่าคนที่ขับลำนำนั้นจมอยู่กับความทุกข์ทน  อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว  และเงียบเหงา

     

    แล้วไงต่อ      เซเนตตราเร่ง

     

    พอเสียงขับลำนำดังขึ้น     ดวงไฟที่ลอยวูบวาบไปมาก็หายไป     เสียงหวีดหวิววังเวงต่าง ๆ ก็หายไปด้วย     พวกกองคาราวานจึงรีบเร่งเดินทางให้พ้นจากป่าหลงลืม     พอใกล้จะพ้นเขตป่าหลงลืมเจ้าเสียงปริศนานั่นก็ค่อย ๆ จางหายไป!”

     

    อืม .......น่าสนุกนะ     โซเนปที่นิ่งฟังบอก    ดวงตาพราวระยับเหมือนได้ของเล่นที่ถูกใจ

     

    สนุกบ้าอะไรล่ะ!”        เซเนตตวาดแว๊ด     สถานการณ์อย่างนี้ยังว่าน่าสนุก    ขนาดพวกกองคาราวานใช้เส้นทางปกติที่เดินผ่านไปมายังเจอดี   แล้วนี่คณะของเธอต้องตัดผ่านใจกลางป่าหลงลืมเลยทีเดียว

     

    ยังไม่ทันจะว่าอย่างไรต่อไป    เสียงหนึ่งก็หันเหความสนใจของคนทั้งร้านให้หันไปมอง ณ  จุด ๆ เดียวกัน

     

    โครม!   เพล้ง!”      เสียงโครมครามดังมาจากมุมหนึ่งของร้าน     ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของสาว ๆ ที่ตื่นตกใจ    ข้าวของ  โต๊ะเก้าอี้ล้มกระจัดกระจายจากการวิวาทกันของคนกลุ่มหนึ่ง

     

     

    อะไรกันน่ะ ?    เซเนตตราเอ่ยถามคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่รอบนอกที่แน่ใจได้ว่าพ้นรัศมีอันตรายจากลูกหลง

     

    เจ้าราฟมันมีเรื่องกับคนต่างถิ่น      หนึ่งในกลุ่มคนมุงหันมาบอก   

     

    เซเนตตราชะเง้อดูเหตุการณ์   เห็นชายในชุดคลุมแบบนักเดินทางกำลังต่อสู้กับกลุ่มชายฉกรรจ์แบบห้ารุมหนึ่ง    แต่ฝ่ายถูกรุมคงมีฝีมือพอตัวเพราะยังสามารถยืนหยัดต้านทานได้โดยไม่เพรี่ยงพล้ำ    

     

    ลักษณะบางอย่างของชายในชุดคลุมคุ้นความรู้สึกเซเนตตรายิ่งนัก     ยังไม่ทันจะนึกอะไรต่อไป  ปลายดาบคมวับก็ตวัดเข้าใส่     ร่างในชุดคลุมก็ว่องไวพอตัวเพราะเบี่ยงตัวหลบได้หวุดหวิด    แต่ปลายดาบนั้นก็เฉี่ยวถูกผ้าคลุมหน้าที่ปิดไว้ขาด   เผยให้เห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุม

     

    เฮ้ย!”     เซเนตตราร้องลั่นพร้อม ๆ กับหนึ่งในกลุ่มฝ่ายรุมตวัดดาบเข้าใส่เพื่อซ้ำ ชายหนุ่มที่เสียหลักล้มลงไปกระแทกโต๊ะข้าง ๆ

     

    ไวเท่าความคิด   เธอคว้าขวดเหล้าใกล้มือขว้างออกไปสกัดปัดทิศทางของดาบให้เฉไป     คราวนี้เป้าหมายของกลุ่มกลุ้มรุมจึงหันมาทางเธออีกคน!

     

    เฮรอส!   เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?       เซเนตตราสู้ไปถามไปพลาง

     

    อย่าเพิ่งถามได้ไหม    ช่วยกันก่อนเหอะน่า     เฮรอสตอบแล้วก้มหลบดาบที่ตวัดเข้าใส่อย่างเฉียดฉิว

     

    เจ้าไม่พกดาบติดตัวบ้างเลยหรือ !?      เซเนตตราคว้าไม้หวดดาบในมือเจ้าคนหนึ่งหลุดกระเด็นไป

     

    หึ   ข้าไม่เคยพกอาวุธ  

     

    เจ้าบ้าเอ๊ย!”    เซเนตตราตะโกนด่าอย่างหัวเสีย     สายตายังสอดส่ายคอยระวังศัตรูที่ดาหน้าเข้ามา     ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะมีแค่ห้าคน  แต่ตอนนี้ไหงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวก็ไม่รู้

     

    เหตุการณ์ทำท่าจะคับขัน    แต่แล้วจู่ ๆ เหล่าชายฉกรรจ์ที่กระเหี้ยนกระหือรือจะรุมสกรัมทั้งเธอและเฮรอสก็หันไปตะลุมบอนกันเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    เซเนตตรายืนถือไม้ค้าง  มองเหตุการณ์กลับตาลปัตรเบื้องหน้าด้วยความงุนงง

     

    มัวตะลึงอยู่ได้   รีบเผ่นเร็วเข้า   เวทลวงตาของข้าอยู่ได้ไม่นานนักหรอกนะ!”     เสียงบอกดังขึ้นข้างตัว    แล้วมือหนึ่งก็คว้ามือคนที่มัวแต่ยืนงงลากให้วิ่งตามไป

     

     

     

    ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง    ร่างสามร่างวิ่งตามกันมาในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง    ไกลจากสถานที่เกิดเหตุพอสมควร      เจ้าคนที่วิ่งรั้งท้ายสุดร้องเรียกอย่างเหนื่อยหอบ

     

    หยุด!  .....หยุดก่อน....ข้า....ข้าไม่ไหวแล้ว…..”        เซเนตตราบอกแล้วทรุดลงนั่งอย่างหมดแรงตรงข้างกำแพงที่ทอดยาวนั่นเอง

     

    เออ...ข้าก็ไม่ไหวเหมือนกัน      โซเนปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ  หอบจนตัวโยน

     

    คงไม่มีใครตามมาแล้วมั้ง     ตัวต้นเหตุของการวิ่งหนีครั้งนี้บอกพลางนั่งลงอีกคนแต่กลับไม่มีอาการเหนื่อยหอบให้เห็น    ทั้งเซเนตตราและโซเนปที่นั่งหอบแข่งกันไม่ทันสังเกต

     

    ผ่านไปชั่วครู่เมื่อความเหนื่อยเริ่มจางหาย   ความสงสัยก็เข้ามาแทนที่

     

    เฮรอส   เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?    เซเนตตราตั้งคำถาม

     

    ก็.....น่าจะเดาได้นะ

     

    ท่านตามพวกเรามาเหรอ ?    โซเนปถามได้ตรงจุด

     

    จะว่างั้นก็ได้

     

    เท่าที่ข้ารู้    องค์ราชาไม่ให้ท่านไปบาลันเทียร์ ?    เฮรอสพยักหน้ารับ

     

    แต่เจ้าก็มา     เซเนตตราเอ่ยถามบ้าง  เจ้าขัดคำสั่งองค์ราชา

     

    ท่านพ่อห้าม  แต่ข้าไม่ได้รับปากว่าจะไม่ตามนี่นา

     

    เจ้ารับปาก     เซเนตตราไม่ยอมแพ้เพราะได้ยินมากับหู

     

    ข้าบอกแค่ว่าครับ    ไม่ได้บอกว่าไม่ตามซะหน่อย    เฮรอสบอกหน้าตาเฉยทำเอาเซเนตตราเถียงไม่ออก

     

    เจ้านี่มัน.....กะล่อนตลบตะแลงจริง ๆ      ในที่สุดก็หาคำสรรเสริญได้    โซเนปกลั้นหัวเราะอย่างอดไม่อยู่

     

    ข้ายังไม่ได้ขอบใจเจ้าที่ช่วยเหลือ    เฮรอสหันมากล่าวกับจอมปราชญ์แห่งวินเดเนีย

     

    แค่นิดหน่อยน่า

     

    เจ้าทำอะไรกับเจ้าพวกนั้นน่ะ ?    เซเนตตราหันไปถามท่านจอมปราชญ์อย่างเพิ่งนึกได้

     

    สร้างภาพลวงตาน่ะ    ให้พวกมันเห็นพวกเดียวกันเองเป็นศัตรู  แต่ใช้ได้ไม่นานหรอกเพราะข้าไม่ถนัดใช้เวทประเภทการต่อสู้     โซเนปอธิบาย   ถึงบอกให้รีบเผ่นไงล่ะ    ว่าแต่ท่านเถอะทำไมไปมีเรื่องกับพวกนั้นได้ ?

     

    ขวางหูขวางตากันนิดหน่อยน่ะ    ไม่มีอะไรมาก

     

    ข้าเพิ่งรู้นะว่าท่านก็มีฝีมือในการต่อสู้พอตัว      โซเนปเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะไม่เคยเห็นท่านชายที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบุรุษเสเพลแห่งวินเดเนียทะเลาะวิวาทกับใครมาก่อน

     

    ถ้าข้าอยู่ในวินเดเนียก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้หรอก     เฮรอสบอกง่าย ๆ ซึ่งหมายความว่าที่วินเดเนียนั้นตำแหน่งท่านชายของเขาใคร ๆ ก็รู้กันดีจึงไม่มีนักเลงที่ไหนอยากจะหาเรื่องด้วย   แต่ออกนอกอาณาจักรมามันก็อีกเรื่อง

     

    แล้วนี่ท่านพักที่ไหน?  

     

    ก็ที่เดียวกับพวกเจ้านั่นแหละ    เฮรอสตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์         ทำเอาเซเนตตราชักสังหรณ์ใจว่ารอยยิ้มนั้นต้องมีเบื้องหลังอะไรบางอย่าง

     

     

     

    แล้วก็เป็นอย่างที่สังหรณ์ใจไว้   เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นคือเฮรอสยังไม่มีที่พัก   และตอนนี้ก็ไม่มีห้องพักว่างทำให้โซเนปตัดสินใจให้ทั้งหมดพักอยู่รวมกัน    แล้วตอนนี้ ตัวปัญหา   ก็มานั่งยิ้มระรื่นอยู่ที่เตียงของเธอ

     

    ไปนอนกับโซเนปโน่น     เธอขับไล่  ใครชวนก็ให้ไปนอนกับคนนั้น

     

    เตียงแคบ    เฮรอสให้เหตุผล

     

    นี่ก็แคบ

     

    เจ้าตัวเล็กกว่าโซเนป

     

    ข้า...      เซเนตตราขยับจะพูดแต่ถูกดักคอ

     

    เจ้านอนไม่ดิ้น  ข้ารู้

     

    ไปนอนพื้นโน่นไป

     

    พื้นเย็นจะตาย   ขืนนอนข้าก็แข็งตายกันพอดี    มันก็จริงอย่างที่เฮรอสบอกนั่นแหละ     แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วขืนเถียงกันต่อไปคงไม่ต้องนอนกันละ     แล้วเจ้าจอมปราชญ์ตัวดีนั่นก็ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหลับไปเรียบร้อยไม่ยอมรับรู้อะไรด้วยเลย

     

    นอนเหอะ   ข้าง่วงแล้ว !”     เฮรอสบอกแล้วล้มตัวลงนอนไม่สนใจคนที่ยังยืนลังเลตัดสินใจไม่ถูกอยู่ข้างเตียง    ในที่สุดเซเนตตราก็ตัดใจ   ซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเฮรอส  พร้อมทั้งนึกปลอบใจตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

     

    ยังไงตอนนี้เธอก็เป็นผู้ชาย   ผู้ชายกับผู้ชายนอนด้วยกันไม่เป็นไรหรอกน่า

     

     

     

    ท่ามกลางแสงคบไฟที่จุดให้แสงสว่าง   เปลวไฟไหววูบตามแรงลมส่องกระทบกับผนังห้องก่อให้เกิดเงาสลัวดูน่ากลัว      ชายร่างสูงในชุดขาวพึมพำสวดมนตร์   เบื้องหน้าคือกระจกบานใหญ่ที่บัดนี้ค่อย ๆ ปรากฏรอยฝ้าขุ่นมัวก่อนภาพจะค่อย ๆ ชัดขึ้น ๆ     เป็นกลุ่มหมอกหนาทึบขาวโพลนจนมองอะไรไม่เห็น     

     

    ทำไมเป็นแบบนี้!       ร่างที่เพ่งสายตามองดูกระจกเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด     อัลซัสเหลือบมองที่กระจกพลางเอ่ยอย่างถามใจเย็น

     

    ท่านมองเหตุการณ์ในกระจกเวทไม่เห็น ?

     

    ก่อนหน้านี้ข้ายังมองเห็น   แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่      ดวงตาสีม่วงเข้มฉายแววครุ่นคิด

     

    ต้องมีอะไรซักอย่างสกัดกั้นการรับรู้ของข้า

     

    ท่านคิดว่ามาร์รานจะรู้ ?

     

    ก็อาจจะเป็นไปได้    เพราะในจำนวนพวกที่มุ่งไปบาลันเทียร์   มาร์รานมีพลังเวทที่กล้าแข็งที่สุด   มันอาจจะรู้ว่ากำลังถูกติดตาม

     

    ท่านจะทำยังไง ?

     

    ถ้ามองไม่เห็นพวกมัน   ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรจากที่นี่ได้

     

    หมายความว่าท่านจะเดินทางตามพวกนั้นไป ?

     

    ใช่  แต่ข้าไม่ได้ตามพวกมัน   แต่จะไปรอมันอยู่ต่างหาก !”    เดมาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

     

    ท่านจะปะทะกับพวกนั้น ?     อัลซัสเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย

     

    ข้าไม่โง่ขนาดนั้นหรอกน่า     ในสามคนนั่น  คนที่น่ากลัวที่สุดก็คือมาร์ราน    แต่คนที่เก่งที่สุดก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน    ข้ามีแผนเล่นสนุกกับพวกมันแล้ว     ทะเลทรายแสงจันทร์ที่งดงามกำลังรอต้อนรับพวกมันอยู่อย่างใจจดใจจ่อทีเดียวละ!”

     

    playSound(); showPoll();

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×