คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เจ้าชายผู้เย็นชา
บทที่ 6
เจ้าชายผู้เย็นชา
เซเนตตราขยับตัวด้วยความอึดอัด ต้นเหตุเพราะมีสายตาคู่หนึ่งคอยวนเวียนจับจ้องมองมาด้วยความสงสัย ไม่คิดว่าโลกมันจะแคบได้ขนาดนี้
เมื่อคืนเธอเดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นเธอในสภาพหญิงสาว และวันนี้ต้องมาพบเจอกับผู้ชายคนเดิมในสภาพเด็กหนุ่ม ทำให้อดร้อน ๆ หนาวๆ ไม่ได้ กลัวว่าความลับจะแตก ในเมื่อเฮรอสนั้นจำเธอได้แบบไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
“ท่านมาร์ราน จอมเวทแห่งนาดีน” เจ้าชายซาร์กอนแนะนำบุรุษหนุ่มเบื้องหน้าให้รู้จัก เซเนตตราส่งยิ้มนำไปก่อน มาร์รานมองพินิจเด็กหนุ่มแล้วทำท่าคล้ายพยายามนึก
“ข้าเคยพบเจ้ามาก่อนหรือเปล่า ?” ผู้มีฉายาว่าพ่อมดขาวแห่งนาดีนเอ่ยทัก ทำเอาอดสะดุ้งในใจไม่ได้
“เปล่านี่...ข้าอยู่แต่ในบาลันเทียร์ เพิ่งออกมาเป็นครั้งแรก คงไม่เคยพบท่านหรอก”
“แต่ข้ารู้สึกคุ้นหน้าเจ้าอย่างบอกไม่ถูก เจ้ามีพี่สาวหรือน้องสาวบ้างหรือเปล่า ?”
“ไม่มีครับ ข้าไม่มีพี่น้องที่ไหน” เซเนตตรายืนยัน ตีหน้าซื่อได้เป็นปกติ
“ช่างเถอะ ข้าอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่เจ้าคล้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่ข้าพบเมื่อคืนนี้มาก”
“แต่ข้าเป็นผู้ชายนะครับ”
“อือ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้ชาย” มาร์รานบอก และเหมือนระฆังช่วยชีวิต เพราะองค์ราชาแห่งวินเดเนียก้าวเข้ามาในห้องประชุม ตามติดมาด้วยท่านเซนรอนแห่งอาร์เซนโทเฟีย และอีกหลายคนที่เซเนตตราไม่รู้จัก ทำให้พ่อมดขาวแห่งนาดีนหมดความสนใจในตัวเด็กหนุ่ม หัวข้อสนทนาจึงเปลี่ยนประเด็นไปสู่เรื่องราวที่กำลังเป็นที่น่าวิตกอยู่ในขณะนี้
ร่างสูงเด่นเป็นสง่ายืนเอามือไพล่หลัง มือหนึ่งถือหนังสือเล่มเล็ก ใบหน้าคมคายกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มก้มลงสนใจอยู่กับหนังสือในมือ สายลมอ่อน ๆ พัดโชยทำให้เรือนผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยปลิวน้อย ๆ ท่ายืนหยัดตรงไม่สนใจกับสิ่งใดรอบตัว
“เจ้าก็มัวแต่สนใจหนังสือ!” น้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้นเบื้องหลัง หากร่างสูงยังคงสงบนิ่ง
“รู้บ้างไหม เจ้าชายคนอื่น ๆ เขาแซงหน้าเจ้าไปหมดแล้ว”
“เจ้าซาร์กอนมันประจบพ่อเจ้าจนเป็นที่ไว้วางใจ แล้วดูเจ้าซิ วัน ๆ ก็นั่งอ่านแต่หนังสือ หนังสือมันช่วยให้เจ้าได้เป็นราชาหรือไงกัน!” เสียงไม่พอใจยังบ่นต่อไป หากไร้การตอบสนองจากคนฟัง
“ซาร์ลูมาน! เจ้าฟังแม่อยู่หรือเปล่า !?” คราวนี้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม เจ้าชายหนุ่มถอนใจพลางปิดหนังสือในมือลง หันกลับมา
“ข้าได้ยินที่ท่านแม่พูดทุกอย่าง” เสียงเรียบ ๆ ตอบกลับ
“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบรับ ปล่อยให้แม่พร่ำพูดคนเดียวอยู่ได้!”
“ท่านแม่จะให้ข้าทำอะไรก็บอกมาเถอะ” เจ้าชายซาร์ลูมานถามอย่างไม่กระตือรือร้นนัก ดวงหน้าคมเข้มสงบ เฉย ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ให้ปรากฏ
“ทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วพ่อเจ้าจะเห็นว่าเจ้าเก่งกล้าสามารถเหนือกว่าเจ้าชายซาร์กอน และก็เหนือกว่าเจ้าชายคนอื่น ๆ ด้วย”
“ข้าก็ทำอยู่นี่ไง” เสียงเรียบ ๆ ตอบ
“ด้วยการหมกมุ่นอยู่กับตำราอย่างนี้น่ะหรือ” ราชินีนาเกียเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนดูถูก
“ไม่ละ แม่ไม่คิดว่าการที่เจ้าอ่านหนังสือมากมายจะทำให้เป็นราชาได้ เจ้าต้องแสดงความสามารถทางอื่นให้ทุกคนเห็น เจ้าต้อง.............”
“ท่านแม่ ข้ามีทางของข้า” เจ้าชายซาร์ลูมานเอ่ยขัดการพร่ำพรรณนาที่เขาได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน ที่บอกให้เขาต้องทำอย่างโน้น ทำตัวอย่างนี้ เพื่อให้ท่านพ่อรัก เพื่อให้ได้เป็นราชา!
“ข้าขอตัวก่อน” เขาบอกพลางก้มศีรษะทำความเคารพผู้เป็นมารดา
“ซาร์ลูมาน แม่ยังพูดไม่จบนะ!” ราชินีนาเกียทักท้วงอย่างไม่พอใจ
“ข้าจะรีบไปทำให้ท่านพ่อพอใจ ตามประสงค์ของท่านแม่ไงล่ะ” ร่างสูงกล่าวแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ราชินีนาเกียยืนหงุดหงิดอยู่ตรงนั้นเพียงผู้เดียว
“เจ้าลูกไม่เอาไหน! ถ้ารอแต่เจ้า อีกกี่ปีกี่ชาติถึงจะได้เป็นราชาแห่งวินเดเนีย”
เจ้าชายซาร์ลูมานก้าวเดินมาตามทางโดยไม่สนใจจะทักทายกับใคร ใบหน้าเรียบเฉย สงบนิ่งจนดูเหมือนดุ ทำให้เหล่าทหารและนางกำนัลในปราสาทต่างพากันหลบวูบ ความจริงเจ้าชายหนุ่มไม่เคยว่ากล่าวหรือลงโทษผู้ใด แต่เพราะความนิ่งเฉย สงบจนถึงขั้นเย็นชาต่อบุคคลรอบข้าง รวมถึงดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ฉายแววครุกรุ่นยามโกรธ และแม้จะมีรูปโฉมงดงามสมชายชาญ หากการดำรงตนสันโดษ ทำให้เหล่าข้ารับใช้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ถ้าไม่จำเป็น และดูเหมือนเจ้าชายซาร์ลูมานเองก็ไม่ได้สนใจเสียด้วยว่าใครจะคิดอย่างไร
“ท่านพี่! จะรีบร้อนไปไหน ?” เสียงเอ่ยทักดังจากเบื้องหลัง แต่เมื่อหันไปมองกลับไม่พบผู้ใด
“ข้าอยู่บนนี้” เจ้าชายซาร์ลูมานแหงนหน้าขึ้นมองตามเสียง ก็พบภาพเฮรอสที่นั่งเอกเขนกพิงกิ่งไม้อยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่เขาเดินผ่านมา
“เจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้น ?” ซาร์ลูมานเอ่ยถามเสียงเรียบ กึ่งตำหนิ
“ข้าหาที่นอนเล่นน่ะ” เฮรอสบอกด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ขัดกับผู้รับฟังอย่างสิ้นเชิงที่คิ้วเริ่มขมวด
“เจ้าโตแล้วนะเฮรอส จะทำอะไรก็ให้มันเหมาะสมกับสถานะตัวเองหน่อย”
“ก็เพราะคิดนั่นแหละข้าถึงขึ้นมานอนเล่นบนนี้ ถ้าไม่คิดข้าอาจไปนั่งหลับอยู่หน้าห้องประชุมแล้วก็ได้” เฮรอสบอก พอเห็นความสงสัยในแววตาที่เคยสงบเยือกเย็นก็อธิบายต่อ
“ข้ามารอท่านพี่ซาร์กอนที่เข้าประชุมเรื่องราชาปีศาจกำลังจะกลับมาน่ะ”
“ไม่คิดว่าเจ้าจะสนใจเรื่องแบบนี้ด้วย”
“โธ่! มันน่าสนใจน้อยอยู่หรือ ราชาปีศาจในตำนานเมื่อ 800 ปีก่อนกำลังจะกลับมา อยากเห็นจังเลย” น้ำเสียงคนอยากเห็นตื่นเต้น เจ้าชายซาร์ลูมานมองผู้มีศักดิ์เป็นน้องแล้วถอนใจ ความจริงเกิดเป็นเฮรอสก็ดีไปอย่าง แค่สนุกไปวัน ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ไม่ต้องถูกกดดัน บีบคั้นจากบรรดาลูก ๆ ทั้งหลายของท่านพ่อ ไหนจะการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นสารพัด เฮรอสรอดพ้นจากเรื่องเหล่านี้ก็เพราะว่าไม่ใช่เจ้าชายคนสำคัญ แถมยังไม่ใช่ลูกรักของท่านพ่อ ออกจะเป็นลูกชังเสียด้วยซ้ำ ท่านพ่อแสดงออกอย่างชัดแจ้งเสมอมาว่าไม่เคยใยดีเฮรอสแม้แต่น้อย
“ท่านพี่!” เสียงเรียกร้อนรน แถมลดระดับความดังลงจนแทบจะกลายเป็นกระซิบดึงให้เขาละจากความคิดตัวเอง
“ท่านพี่อย่าบอกใครนะว่าข้าอยู่บนนี้” เฮรอสบอกก่อนจะกระเถิบตัวหายเข้าไปในกิ่งก้านใบไม้ที่หนาทึบยิ่งขึ้น
เจ้าชายซาร์ลูมานกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็พบสาเหตุของการหลบแวบแบบกะทันหันของอีกฝ่าย พอเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แต่รอยยิ้มน้อยนิดที่หายากก็สลายไปอย่างรวดเร็วเมื่อคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้
“อ้าว! ซาร์ลูมาน” องค์ราชาแห่งวินเดเนียเอ่ยทัก เจ้าชายซาร์ลูมานก้มศีรษะลงเพื่อทำความเคารพ
“ประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือครับ ?”
“เราได้ข้อตกลงกันแล้ว ทั้งพ่อทั้งท่านเซนรอนเห็นตรงกันว่าจะส่งจอมเวทระดับสูงของอาณาจักรเราและอาร์เซนโทเฟียไปช่วยบาลันเทียร์ เราจะตามหากระจกผนึกมนตราและกางเขตอาคมสะกดไอปีศาจไว้”
“ข้าขอร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย” ซาร์ลูมานรับอาสาโดยไม่ลังเล ราชาแห่งวินเดียเนียยิ้มกว้างอย่างพอใจ
“ดี เจ้าช่างกล้าหาญนัก !” องค์ราชาตบบ่าบุตรชายอย่างรักใคร่ ก่อนจะหันไปอีกทาง
“ซาร์กอนเจ้าได้สมาชิกฝีมือดีมาคนหนึ่งแล้ว” เจ้าชายซาร์กอนยิ้มรับ ในขณะที่สีหน้าท่าทางของเจ้าชายซาร์ลูมานนั้นไม่ปรากฏอารมณ์ใด ๆ แม้แต่นิด
“งั้นเจ้าก็เตรียมตัวเถอะ เราต้องรีบ....” ราชาแห่งวินเดเนียพูดยังไม่ทันจบเพราะใบไม้ที่ร่วงกราวและเสียงกิ่งไม้หัก ตามมาด้วยเสียงอุทาน
“โอ๊ย!” เงาร่างหนึ่งหล่นวูบลงมา โชคดีที่เจ้าชายซาร์ลูมานไหวทันจึงพึมพำคาถาเสกเบาะหนานุ่มขึ้นมารองรับได้ทัน ไม่อย่างนั้นอาจมีการบาดเจ็บสาหัสเกิดขึ้น
“เฮรอส! เจ้าขึ้นไปทำอะไรอยู่บนนั้น!” ร่างสูงใหญ่นอนแผ่หลาหมดสภาพอยู่บนเบาะ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้น มือข้างหนึ่งยังกุมท้องเนื่องจากจุก แต่ยังส่งยิ้มแจกจ่าย
“เอ่อ...อัสซูร์เทพโปรดประทานพร ท่านพ่อ”
“ข้าถามว่าเจ้าขึ้นไปทำไมบนนั้น ?”
“คือว่าข้า....คือ อ้อ...ท่านพ่อข้าขออาสาไปบาลันเทียร์ด้วย” เฮรอสพูดไปคนละเรื่อง
“เจ้าจะไปบาลันเทียร์! “ ราชาแห่งวินเดเนียอุทานอย่างเผลอตัว หากพอรู้สึกตัวก็ระงับกริยาให้เป็นปกติ
“ไม่ได้! เจ้าจะไปเป็นตัวเกะกะเขาทำไม นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นสนุก ๆ นะ”
“รับรองว่าข้าจะไม่ทำตัวเกะกะ เป็นภาระให้ใคร” เฮรอสยังพยายาม
“ไม่! เจ้าไม่ต้องหาเหตุผลมาอ้าง ยังไงเจ้าก็ไม่เหมาะจะไปอยู่แล้ว”
“ครับ” เฮรอสรับคำอย่างเงื่องหงอย องค์ราชาเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ เจ้าชายซาร์กอนเข้ามาตบไหล่เพื่อปลอบใจ
“เพราะท่านพ่อเป็นห่วงเจ้า ถึงไม่อยากให้ไป”
“ข้าเข้าใจ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว ข้ามีงานอีกหลายอย่างต้องรีบจัดการให้เสร็จก่อนจะไปบาลันเทียร์” เจ้าชายซาร์กอน บอกแล้วผละไปอีกคน ตอนนี้จึงเหลือเพียงเฮรอส เจ้าชายซาร์ลูมาน และเซเนตตราเท่านั้น เซเนตตรานั้นยืนสงบปากสงบคำฟังอย่างเดียวมาโดยตลอด
เจ้าชายซาร์ลูมานปรายตามองเด็กหนุ่มแปลกหน้า แต่ไม่พูดอะไร ทำท่าจะผละจากไปอีกคน
“ท่านพี่” เฮรอสเอ่ยเรียก
“นี่เซเนตมาจากบาลันเทียร์ เซเนตนี่คือเจ้าชายซาร์ลูมาน พี่ชายข้า”
เซเนตตราส่งยิ้มทักทายแต่ได้รับตอบมาเพียงสายตาเย็นชาเฉยเมย เจ้าชายซาร์ลูมานไม่เอ่ยคำใด เดินจากไปเสียเฉย ๆ ปล่อยให้เซเนตตรายิ้มเก้ออยู่ฝ่ายเดียว
“หยิ่งชะมัด!” เด็กหนุ่มบ่นไม่พอใจ
“ใคร ?” เฮรอสหันมาถาม
“ก็ท่านพี่ซาร์ลูมานของเจ้านั่นแหละ!”
“คนหยิ่งของเจ้าเขาอาสาไปช่วยบาลันเทียร์นะ”
“เอาเถอะ ถ้าหยิ่งแล้วช่วยทำประโยชน์ได้ก็ปล่อยให้หยิ่งต่อไปเถอะ” เซเนตตราสรุป
“ท่านพี่ซาร์ลูมานเป็นบุตรของราชินีนาเกีย” เฮรอสบอกมาลอย ๆ
“อะไรนะ!”
“นอกจากหัวช้าแล้ว ยังหูไม่ดี” คนถูกหาว่าหูไม่ดีหน้าหงิก ตาขุ่น แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้ายังยิ้มระรื่น
“ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองได้ ท่านพี่กับราชินีนาเกียน่ะไม่มีอะไรเหมือนกันเลยซักอย่าง”
เฮรอสให้คำรับรองที่เซเนตตราเองไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ก็เจ้าหนุ่มที่ให้คำรับรองน่ะ มันเชื่อถือได้ซักเท่าไหร่กันเชียว!
“เฮ้อ! น่าเสียดายข้าไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย” เฮรอสบ่นมาอีก
“ถามจริง ๆ เถอะ เจ้าไม่เก่งอะไรบ้างเลยหรือ เวทมนตร์ ดาบ ?”
“เจ้าไม่รู้อะไร ข้านี่แหละเก่งที่สุดในแดนพิภพ” เฮรอสบอกแกมหัวเราะ ผู้ฟังแกล้งถอนออกมาดัง ๆ เพื่อให้คู่สนทนาได้ยิน
“งั้นก็ดีแล้วละที่เจ้าไม่ไป เพราะข้ากลัวว่าความเก่งของเจ้าจะทำให้เราไปไม่ถึงบาลันเทียร์”
“ถ้าข้าไม่ไป พวกเจ้าต่างหากจะไปไม่ถึงบาลันเทียร์” เฮรอสพึมพำเบา ๆ แต่เซเนตตราขยับเดินนำไปแล้วจึงไม่ทันฟังว่าชายหนุ่มพูดอะไร
เฮรอสเดินมาส่งเซเนตตราที่ห้องพักแขกแล้วแยกไปอีกทาง หญิงสาวในร่างเด็กหนุ่มผลักประตูไม้หนาหนักที่สลักลวดลายวิจิตรเข้าไปในห้องพัก เมื่อปิดประตูลง เธอก็พบว่าตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงที่เคยพบกันมาแล้วครั้งหนึ่ง!
ไม่ต้องรอว่าฝ่ายนั้นจะพูดอะไร เซเนตตรากลับหลังทันควัน เอื้อมมือไปที่ประตูเพื่อเปิดออก แต่ช้าไปเสียแล้วเพราะร่างทั้งร่างเหมือนถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็น แข็งค้างอยู่ในท่านั้น ลิ้นแข็งจนพูดไม่ออก
“งานจับเจ้านี่ช่างเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับข้าจริง ๆ” อัลซัสถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย พลางโบกมือ กลุ่มควันสีเทาค่อย ๆ ฟุ้งกระจายก่อนจะกลืนกินร่างทั้งสองให้หายเข้าไปในม่านควัน
ชั่วครู่กว่ากลุ่มควันนั้นจะจางหายไป ทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า!
ท่ามกลางแสงคบเพลิงที่ส่องให้ความสว่าง สะท้อนให้เห็นรูปสลักสูงใหญ่ หน้าตาหน้ากลัว ยืนถมึงทึงอยู่กลางห้อง ร่างเด็กหนุ่มถูกมัดมือมัดเท้าไว้บนแท่นบูชาพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการที่ผูกมัดไว้
“คราวนี้คงไม่มีใครสอดมือเข้ามาอีกนะ” ราชินีนาเกียเอ่ยด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม ดวงตาวาววับ
“ราชินีนาเกีย องค์ราชาห้ามท่านทำพิธีบูชายัญนะ ท่านจะขัดคำสั่งหรือ!” เซเนตตราเอ่ยถาม ยังพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากเชือกที่ผูกมัดอยู่
“ข้าไม่สนใจ!” นางเอ่ยอย่างไม่แยแส
“ถ้าข้าหายไปใคร ๆ ก็ต้องสงสัยท่าน” คนจะถูกจับเป็นเครื่องสังเวยพยายามถ่วงเวลา
“ไม่มีหลักฐาน จะทำอะไรข้าได้!” ราชินีนาเกียหัวเราะหยันอย่างลำพอง
“เดมาลเริ่มพิธีได้” ตอนท้ายนางหันไปออกคำสั่งจอมเวทคนสนิท
เสียงสวดดังก้องกังวานสะท้อนไปทั่วห้องแคบ ๆ นั้น เสียงที่กดดัน บีบคั้น และเยือกเย็นสุดขั้วหัวใจ มีดเล่มเล็กปลายแหลมคมถูกยกขึ้นจ่อที่อกเด็กหนุ่ม แววตาเหี้ยมเกรียมมองสบดวงตาสีมรกต รอยยิ้มกึ่งเยาะหยันแฝงความพึงพอใจปรากฏที่ริมฝีปากสวย
เซเนตตราหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม มีดคมวับถูกเงื้อขึ้นแล้วพุ่งปักลงไปสุดแรง!
“เคร้ง ๆ” เสียงโลหะตกกระทบพื้นหิน พร้อมกับเสียงสาธยายมนต์ที่หยุดลงอย่างกะทันหัน
“ใครบังอาจขัดขวางข้า!” ราชินีนาเกียตวาดอย่างกราดเกรี้ยว หันมองรอบตัว
“ข้าเอง” เสียงเรียบ ๆ ไร้อารมณ์ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าชายซาร์ลูมาน
“ซาร์ลูมาน! เจ้ามาได้ยังไง !?” ราชินีนาเกียตกใจที่จู่ ๆ ผู้เป็นโอรสก็ก้าวเข้ามากลางห้อง ชายหนุ่มไม่ตอบแต่กวาดสายตามองไปรอบห้อง แล้วหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มที่ถูกมัด
“ปล่อยเด็กนั่นเถอะท่านแม่”
“ไม่ได้ เจ้ากลับไปดีกว่าซาร์ลูมาน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
“เกี่ยวสิ ที่ท่านแม่กำลังทำอยู่ก็เพื่อข้าไม่ใช่หรือ ? เจ้าชายซาร์ลูมานย้อนถาม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดเหมือนน้ำนิ่งสงบ ยากที่จะหยั่งอารมณ์ความรู้สึกว่าเป็นอย่างไร
“ข้าไม่ชอบในสิ่งที่ท่านทำ”
“ถ้าไม่ชอบเจ้าก็ไม่ต้องยุ่ง กลับไปได้แล้ว”
“ข้าจะกลับ แต่จะพาเด็กนี่ไปด้วย”
“ไม่ได้! เจ้าเด็กนี่เป็นของข้า มันเป็นเครื่องสังเวย เจ้าจะเอามันไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ท่านแม่ ข้าอยากเป็นราชาด้วยความสามารถของข้าเอง ไม่ใช่ด้วยเครื่องสังเวย”
“เจ้าก็ใช้ความสามารถของเจ้าไป ข้าก็ใช้วิธีของข้า”
“ท่านอยากได้อำนาจ เห็นแก่อำนาจ มากกว่าข้าซึ่งเป็นลูกของท่านงั้นหรือ ?” พร้อมกับคำถามนี้ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
เป็นครู่กว่าราชินีนาเกียจะเอ่ยอะไรออกมาได้
“ที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อเจ้า”
“ทั้งหมดที่ท่านทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ข้า เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ”
“ซาร์ลูมาน!”
“ข้าขอร้อง ถ้าท่านแม่ยังเห็นว่าข้ามีความสำคัญอยู่บ้าง หยุดเรื่องนี้ซะ” เจ้าชายซาร์ลูมานเอ่ย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองสบผู้เป็นมารดานิ่งนาน ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปทางเด็กหนุ่ม พึมพำคาถา 2 3 คำ เชือกที่มัดอยู่ก็คลายออก
เจ้าชายหนุ่มพยักหน้าให้เซเนตตราเดินตามมา ทิ้งให้ราชินีนาเกียยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น
เดมาลทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองตามร่างสูงไปด้วยสายตาเจ็บแค้น
“เจ้าชายซาร์ลูมาน ซักวันเราต้องได้เห็นดีกัน!”
ท่ามกลางความมืด ร่างสองร่างเดินตามกันมาเงียบ ๆ ผ่านส่วนที่เป็นอุทยานกว้างของปราสาท รัดเลาะจนเข้าสู่บริเวณปราสาทที่มีห้องหับต่าง ๆ มากมาย จนมาถึงทางแยกหนึ่งที่เซเนตตราเริ่มจำได้แล้วว่านั่นเป็นทางนำไปสู่ห้องพักที่เจ้าชายซาร์กอนจัดไว้ให้เธอ
ร่างสูงที่เดินนำมาตลอดชะงักเท้าหยุดลงกะทันหัน ทำให้คนที่ก้มหน้าก้มตาจ้ำเดินเพื่อตามให้ทันเบรกไม่อยู่ ชนโครมเข้าให้
“หัดเดินดูทางซะบ้าง!” เสียงตำหนิดังมาจากเสาศิลาที่ยืนปักหลักไม่สั่นสะเทือนแม้แต่น้อย
“กลับถูกใช่ไหม ?”
“ครับ ข้าจำทางได้บ้างแล้ว” เซเนตตราก้มหน้ารับ
“ดี” เจ้าชายซาร์ลูมานทำท่าจะหันกลับ แต่เซเนตตรารีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ เจ้าชาย!” ร่างสูงหันกลับมามอง ใบหน้าสงบเฉย ราบเรียบเป็นปกติ
“เอ่อ...คือ...คือ...ข้าขอบคุณเจ้าชายที่ช่วยชีวิต” เซเนตตราบอกตะกุกตะกัก
“เก็บคำขอบคุณของเจ้าไว้เถอะ ข้าไม่ต้องการ” คำตอบเรียบ ๆ อย่างถือตัว พร้อมร่างสูงที่สะบัดผ้าคลุมเดินจากไป
เซเนตตรายืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น “นี่มันเจ้าชายบ้าอะไรเนี่ย!”
ความคิดเห็น