ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Song of Starlight : ลำนำแห่งแสงดาว

    ลำดับตอนที่ #5 : พ่อมดขาวแห่งนาดีน

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 50


    บทที่ 5

    พ่อมดขาวแห่งนาดีน

     

              ลาเซีย!”    หญิงสาวเจ้าของนามหันมาตามเสียงเรียก   เมื่อเห็นว่าเป็นใครหญิงสาวก็ส่งยิ้มหวานมาให้พลางเอ่ยทักทาย

     

                ท่านเฮรอส     มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ?     ลาเซียถามอย่างยินดี

     

                ทำยังกับไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน   ก็อยู่กันแค่นี้แท้ ๆ    เซเนตตรานึกค่อนขอดอย่างหมั่นไส้

     

                ไม่ได้เจอกันตั้งนาน   สวยขึ้นทุกครั้งที่ได้พบนะเจ้าน่ะ     เฮรอสเอ่ยชม   ทำเอาใบหน้าของผู้ฟังขึ้นสีสวยรอยยิ้มที่ส่งให้เพิ่มความหวานมากขึ้น

     

                ท่านก็ยังปากหวานไม่เปลี่ยน

     

                ใครว่าข้าปากหวาน   ข้าพูดความจริงต่างหาก    ลาเซียยิ้มรับ   หากดวงตาคู่สวยมีแววรู้เท่าทัน    หญิงสาวเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง

     

                ท่านคงมาร่วมงานวันพรุ่งนี้ ?

     

                ฮื่อ!   ท่านพี่ซาร์กอนอยากให้ข้าอยู่ด้วย     ว่าแต่พ่อของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง    ข้าไม่ได้แวะไปเยี่ยมเยียนท่านเสียนาน

     

                ท่านพ่อสบายดีค่ะ    แต่ตอนนี้ยุ่ง ๆ เรื่องข่าวลือ    ท่านเฮรอสเองก็คงทราบละมังว่าเขาลือกันว่าอย่างไร     หญิงสาวย้อมถาม

     

                ถ้าในวินเดเนียนี่ข่าวลือเรื่องภัยพิบัติเมื่อ800ปีก่อนกำลังจะกลับมายังไม่มากเท่ากับเมืองอื่นๆพวกชาวเมืองก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรนักหนา   

     

                ข้าได้ข่าวว่าแถบนอกเมืองออกไปรวมถึงอาณาจักรที่อยู่ใกล้กับป่าอาถรรพ์ข่าวลือเรื่องนี้หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะไม่มีใครกล้าเดินทางไป    ลาเซียบอก

     

                ก็ลือกันไป    ดูเหมือนเฮรอสไม่ค่อยจะเชื่อถือนัก

     

                ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ     เซเนตตราพึมพำกับตัวเอง และเสียงนี้ทำให้ลาเซียหันมามองอย่างสนใจ    เฮรอสเห็นสายตาสนใจใคร่รู้จึงเอ่ยแนะนำ

     

                ลาเซียนี่คือเซเนต    มาจากบาลันเทียร์    เซเนตนี่ลาเซียธิดาจอมเวทแห่งวินเดเนีย     รอยยิ้มหวานหยิบยื่นไมตรีมาให้   ทำให้เซเนตตราส่งยิ้มตอบที่เคยนึกหมั่นไส้ค่อนแคะในใจหายไปเป็นปลิดทิ้ง

     

                ข้าได้ยินท่านพ่อพูดถึงผู้มาจากบาลันเทียร์   เป็นเจ้านี่เอง    ลาเซียกล่าวทักทาย

     

                ครับ     เซเนตตรารับคำ

     

                บาลันเทียร์อยู่ติดกับป่าอาถรรพ์นี่นา    ตอนนี้ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างคะ ?     ลาเซียชวนสนทนา

                ตอนข้าจากมา เขตอาคมที่ครอบคลุมป่าอาถรรพ์ดูเหมือนจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว  พื้นที่ที่เคยเป็นเมืองรอบๆ ป่าอาถรรพ์ตอนนี้กำลังถูกป่ากลืนกิน   อาณาเขตแห่งป่าขยายวงกว้างจนน่ากลัว   ตอนนี้จอมเวทในบาลันเทียร์คงกำลังวุ่นวายกับการพยายามจำกัดการขยายตัวของป่าอาถรรพ์   ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง

     

                ดูเหมือนองค์ราชาแห่งวินเดเนียเองก็วิตกในเรื่องนี้นะคะ     วินเดเนียอาจจะส่งจอมเวทไปช่วยกางเขตอาคมกักป่าอาถรรพ์     แต่ข้าก็ยังไม่รู้อะไรแน่นอนจึงให้คำตอบไม่ได้

     

                ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงดี   เซเนตตราเอออวยตาม  เพราะเธอก็หวังให้เป็นเช่นที่ลาเซียกล่าว     แค่กางเขตอาคมกักป่าอาถรรรพ์ก็ต้องใช้พลังเวทมหาศาลอยู่แล้ว  ขืนต้องพบเจอกับภัยพิบัติในตำนานที่เล่าขานถึงการกลับมาของราชาปีศาจมิมอดม้วยกันหมดหรือ

     

                ข้าคงต้องขอตัวก่อน    เมื่อครู่ท่านพ่อให้คนมาตาม   อาจจะมีธุระอะไรให้ข้าทำ     ลาเซียเอ่ยขึ้นเมื่อสนทนากันได้ซักพัก    นางหันไปล่ำลาเฮรอสก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้เซเนตตราแล้วร่างงามก็เยื้องกรายผ่านไป

     

                มองจนเหลียวหลังเลยนะ       เฮรอสว่าแกมหัวเราะเพราะเห็นเซเนตตราเหลียวมองตามไปไม่วางตา

                ก็นางสวย

     

                มองน่ะมองได้   แต่ระวังหน่อย   ลาเซียน่ะเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ในวินเดเนียหลายคน

                รวมทั้งเจ้าด้วยว่างั้นเหอะ    เซเนตตราดักคอ

     

                ก็อาจเป็นได้       ชายหนุ่มไม่ตอบรับหรือปฏิเสธพลางบอกต่อ

     

                แต่ที่ให้ระวังไม่ใช่ให้ระวังข้า   แต่ระวังหนุ่ม ๆ คนอื่นต่างหาก  เพราะแต่ละคนที่มาชอบลาเซียน่ะ  ลูกขุนนางคนใหญ่คนโต   บางคนก็เป็นถึงจอมเวทด้วยซ้ำ   

     

                อ้อ!  เข้าใจละ     เซเนตตราพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจเหตุการณ์   แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนักเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีวันคิดจีบลาเซียแน่นอน    แต่ถ้าเธอเป็นผู้ชายนั่นมันก็อีกเรื่อง

     

                ไปกันเถอะ  เฮรอสชวนพลางคว้าข้อมือคนตัวเล็กกว่าที่ไม่ทันตั้งตัวลากให้ตามไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวายให้ปล่อยของอีกฝ่าย

     

                  มุมหนึ่ง    มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองคนทั้งคู่อยู่อย่างประสงค์ร้าย

     

     

     

                บ้า!  บ้าที่สุด!”    เซเนตตราได้แต่นึกอย่างคลั่งแค้น     เบื้องหน้าเธอขณะนี้รายล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา    ทุกคนอยู่ในอาภรณ์หรูหราแพรวพราว     เครื่องแต่งกายแสดงถึงยศศักดิ์    ดวงหน้าของผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส   สนทนากันอย่างออกรส   ในขณะที่เธอถูกทิ้งให้ยืนเป็นเบื้อใบ้ไม่รู้จักใครซักคน

     

                เธอถูกพามา ทิ้ง  ไว้ภายในงานเลี้ยงขององค์ราชาแห่งวินเดเนีย      โดยเจ้าชายซาร์กอนและท่านชายเฮรอส    รายแรกน่ะยังพออภัยเพราะมีภาระหน้าที่ของเจ้าชายรัชทายาท   ต้องคอยต้อนรับแขก    แต่ก่อนจะไปยังมีน้ำใจฝากฝังเธอไว้กับเฮรอส   

     

                แต่เฮรอสนี่สิ  พ่อเจ้าประคุณทิ้งเธอไปหาสาวสวยหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจที่เจ้าชายซาร์กอนได้ฝากฝังไว้   มันน่านัก!   แล้วดูซิไอ้ท่านชายบ้านั่น    หายหัวไปกับสาวคนไหนก็ไม่รู้    ปล่อยให้เธอยืนคว้างอยู่คนเดียวท่ามกลางงานเลี้ยงหรู ๆ แบบนี้

     

                เซเนตตราคว้าน้ำสีสวยขึ้นดื่มเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด    แต่แล้วก็ต้องสำลักพรวดเพราะเจ้าน้ำสีสวยมันขมบาดคอแถมร้อนวาบผ่านลำคอลงไป

     

                เธอวางแก้วลงทันทีทั้งที่ยังกระอักกะไอไม่หยุด

     

                บ้าจริง!    เหล้าก็ไม่บอก    เห็นสีสวยนึกว่าน้ำหวาน   เซเนตตราบ่นอย่างหงุดหงิด

                เสียงสนทนาต่าง ๆรอบตัวเงียบกริบจนผิดสังเกต    เซเนตตราเงยหน้าขึ้นหันมองก็พบกับสายตาที่มองมา    บางคนขบขัน   บางคนป้องปากซุบซิบนินทา    หากอีกหลายคนมองอย่างดูถูก    เธอฝืนยิ้มส่งให้แล้วค่อย ๆ เลี่ยงหลบออกมาหลบยืนที่มุมห้องอันปราศจากสายตาสนใจของใคร ๆ   เฝ้าสังเกตความเป็นไปภายในงาน

     

                นั่น !   เฮรอสยืนคุยระรี้ระริกอยู่กับสาวงามนางหนึ่ง    เจ้าบ้านั่นลืมเธอสนิท  แม้แต่จะแวะเวียนมาดู   เซเนตตราละสายตาจากภาพที่ชวนอารมณ์เสียนั้นมองไปทางอื่น  

     

                ภาพหญิงชายที่ยืนจับคู่สนทนากันทำให้เกิดความคิดสนุก ๆ!   

               

     

                ท่านเฮรอส!”      น้ำเสียงหวานใสบอกความยินดีดังจากเบื้องหลัง    ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของนามหันไปตามเสียงเรียก   แล้วก็แทบเซผงะหงายหลังเพราะถูกโถมเข้ากอดจากหญิงสาวนางหนึ่ง      ใบหน้าที่ซุกซบอยู่แทบอกทำให้ไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นใคร     แต่ชุดที่สวมใส่นั้นชวนสะดุดตาด้วยความรัดรึงบางเบา   แถมสีสันก็ฉูดฉาดตัดกับความขาวนวลของผู้สวมใส่    เล่นเอาหนุ่ม ๆ หลายคนกลืนน้ำลาย

     

                ท่านช่างใจดำนัก    บอกว่าจะไปหาข้าที่หอแสงจันทร์แล้วก็ไม่เห็นไป   หลอกให้ข้ารอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ

     

                หญิงสาวผู้กอดก่ายแนบชิดรำพึงรำพันเสียงไม่เบาเลย   พาให้ยิ่งเป็นจุดสนใจมากขึ้น      เฮรอสยังยืนนิ่งยอมให้อีกฝ่ายกอดโดยไม่คิดจะผลักไส    หรือจะเป็นเพราะช็อกทำอะไรไม่ถูกไปแล้วก็ไม่รู้    เซเนตตราซ่อนยิ้มโดยใช้อกกว้างเป็นที่กำบัง

     

                ไหนท่านบอกว่าข้าไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ของท่านไง    คนอื่นๆ น่ะจืดชืดไร้รสชาติ     สู้ลีลาของข้าไม่ได้    ยังไม่ทันไรท่านก็ลืมเสียแล้ว    คำต่อว่าต่อขานต่อไปยิ่งหนัก

     

                ท่านเฮรอส!”    คราวนี้เสียงโกรธเกรี้ยวดังจากหญิงสาวอีกผู้หนึ่งที่ยืนฟังอยู่ด้วย    เจ้าหล่อนหายจากอาการตกตะลึงตาค้าง   แต่ตอนนี้ใบหน้าสวย ๆ แดงก่ำด้วยความโกรธ

     

                ผู้หญิงคนนี้มันเป็นใคร!   กริยามารยาททราม     แต่งตัวก็เหมือนกับแม่พวกผู้หญิงชั้นต่ำ      ร่างที่ซบอยู่แนบอกผละออกทันควันหันไปโต้ตอบอย่างไม่เกรง

     

                ถึงจะชั้นต่ำแต่ก็มีทีเด็ดมากกว่าผู้หญิงชั้นสูงจืดชืดอย่างเธอก็แล้วกัน    เจ้าของชุดชวนน้ำลายหกท้าวเอวหมับเตรียมเอาเรื่องในขณะที่สาวงามกรีดร้องลั่นงาน   เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ   

     

                เฮรอสเห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่จึงคว้าตัวคนตรงหน้าให้หันมาคุยกัน

     

                นี่เจ้า......    คำพูดขาดหาย    สีหน้าที่ยังเกลื่อนด้วยรอยยิ้มปนขำขันในคราวแรกเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวตัวต้นเรื่องชัด ๆ      นัยน์ตาคู่คมวาววับด้วยความโกรธ

     

                เล่นบ้า ๆ แบบนี้ทำไม     แล้วคำพูดคำจาพวกนั้นไปจำมาจากไหน!?    คนถูกถามเป็นฝ่ายงงเสียเอง      ยังไม่ทันได้ตอบ  เสื้อคลุมตัวยาวก็คลุมทับลงมา   และยังไม่ทันจะคิดอะไร  ร่างทั้งร่างก็ถูกลากปลิวไปตามแรงของเฮรอส  ทิ้งผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดยืนตะลึงค้างไว้เบื้องหลัง

     

     

     

                ปล่อย!   ข้าบอกให้ปล่อย ไม่ได้ยินหรือไง!”      คนตัวเล็กกว่าพยายามสะบัดให้หลุดจากการฉุดลากแต่ไม่เป็นผลหนำซ้ำยังถูกเกาะกุมไว้หนักขึ้น     เฮรอสลากเธอพ้นจากความอึกทึกของงานเลี้ยงมาสู่บริเวณสวนอุทยานที่มีแสงสว่างเพียงลางเลือนและร้างไร้ผู้คน

     

                ทำไม   ทีเมื่อกี้เจ้ายังโผมากอดข้าก่อนเลย     เฮรอสบอกแกมหัวเราะ   ดูผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่มาก  ใช่  เมื่อครู่เล่นเอาเธอนึกกลัวสายตาดุ ๆ คู่นั้นจริง ๆ

     

                ก็ตอนนี้ข้าไม่อยากกอดท่านแล้วนี่     ท่านอยากจะไปคุยกับสาวที่ไหนก็ไปเถอะ

     

                แต่ตอนนี้ข้าอยากคุยกับเจ้า      เซเนตตราชักพูดไม่ออก    อย่าบอกนะว่าเฮรอสเกิดสนใจเธอเข้าแล้ว

     

                แหม!   แต่ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ      คงไม่ว่างคุยกับท่าน   ไว้วันหลังก็แล้วกันนะ     เซเนตตราบอกพลางขยับเตรียมตัวเผ่นแต่อีกฝ่ายไวกว่าเพราะคว้าตัวเธอไว้จับให้หันมาเผชิญหน้ากัน

     

                ยังเล่นไม่เลิกใช่ไหม ?     เสียงเข้มเน้นหนัก    ดวงตาสีนิลดำขลับมองเขม็งจนเธอไม่กล้าสบตา

     

                เล่นอะไรกัน   ท่านนี่ละก้อ    เซเนตตราแสร้งตีหน้าซื่อส่งยิ้มหวานนำไปก่อน   

     

    วันนี้ข้ามีธุระจริง ๆ  ไว้วันหลังเถอะนะ   ท่านไปหาข้าได้ที่หอแสงจันทร์    ข้าอยู่ที่นั่นแหละ     หญิงสาวบอกส่ง ๆ ไปเพื่อเอาตัวรอด     ถ้าเกิดจะไปหาจริง ๆ หาให้ตายจ้างก็ไม่เจอ

     

                อยากเป็นผู้หญิงพวกนั้นมากหรือไง !”    

     

                แหม   พูดอะไรอย่างนั้นละคะ   ข้าก็เป็นจริง ๆ นี่นา   ข้าน่ะ....!”     เซเนตตราพูดยังไม่ทันจบ   และความคิดที่จะหาทางเอาตัวรอดก็แทบจะมลายไปจากใจเพราะริมฝีปากร้อนที่ทาบทับลงมา

     

                เธอช็อกค้างทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ   จนเฮรอสเป็นฝ่ายผละจาก   เซเนตตราหน้าแดงก่ำตลอดลำคอ

     

                เจ้า!...เจ้ามัน....     เธอนึกหาคำพูดไม่ถูก   ได้แต่ยืนเนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธ

     

                จะเลิกเล่นหรือยัง....ถ้ายัง.....     เฮรอสหยุดคำพูดไว้แค่นั้นแต่สายตากรุ้มกริ่มที่กวาดไปทั่วร่างหญิงสาวที่บัดนี้เสื้อคลุมตัวยาวหล่นลงไปกองอยู่กับพื้นชวนให้คิดเอาเองว่าจะเกิดอะไรต่อไป

                เจ้ามันบ้า   เจ้าคนเฮงซวย  เจ้า...    เซเนตตราพูดไม่ออก   โกรธจนร้องไห้

     

                ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก     เฮรอสบอกแกมหัวเราะ   ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร     เขาก้มลงเก็บเสื้อคลุมที่หล่นลงไปกองอยู่ที่พื้นขึ้นมาคลุมทับให้    แต่ตอนนี้เซเนตตราไม่สนใจแล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาพใด

     

                เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ!   นี่เจ้ารู้งั้นหรือ ?    น้ำตาหยุดไหล   ดวงตาสีมรกตลุกวาบดั่งมีเปลวไฟเผาผลาญอยู่ภายในด้วยความโกรธที่เพิ่มดีกรีกว่าเดิมอีกสิบเท่า

     

                เจ้ารู้ว่าข้าคือ...

     

                เซเนต     เฮรอสต่อให้ยิ้ม ๆ

     

                ทั้ง ๆ ที่รู้แต่ยังทำอย่างนี้งั้นเหรอ   เจ้า...เจ้ามัน...    เซเนตตรากำหมัดแน่น   อยากจะตะบันหน้าร่างสูงที่อยู่ตรงหน้านัก

     

                เจ้ามันไม่เลือกผู้หญิงผู้ชายเลยงั้นเหรอ!”

     

                เลือก   ทำไมจะไม่เลือก    เฮรอสบอกหน้าตาเฉย

     

                ก็ตอนนี้เจ้าเป็นผู้หญิง    ใครเขาใช้ให้เจ้าเล่นพิเรนทร์แบบนี้ล่ะ      ชายหนุ่มเสริมพลางหัวเราะ    ในขณะที่เซเนตตราโกรธจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปเรียบร้อยแล้ว

     

                เอาน่า   ไม่สึกหรอไปเท่าไหร่หรอก   กลับไปเป็นผู้ชายแบบเดิมน่ะดีแล้ว     เฮรอสบอกอย่างรอมชอม    แววตายังไหวระริกด้วยอารมณ์ขัน

     

                เซเนตตราข่มความรู้สึกที่อยากหาอะไรฟาดหน้าหล่อ ๆ นั่น    กลับหลังหันเดินจากสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไม่ให้ระเบิดออกมาที่เสียไปนั่นถือว่าให้ทานก็แล้วกัน

     

                เฮ้!  อย่าลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยล่ะ   เดี๋ยวคนเขาจะรู้กันหมดว่าเจ้าน่ะ   ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง!”

     

                ไม่ทนอะไรอีกแล้ว!   เซเนตตราคว้าก้อนหินที่อยู่แถวนั้นขว้างโครมอย่างไม่ยั้ง    ฝ่ายนั้นหลบวูบไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ค่อย ๆ ห่างหายไป     ทิ้งให้เธอยืนหอบตัวโยนอยู่คนเดียว

     

                ไอ้คนบ้า!”

     

                อุทยานกว้างใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง   เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงดังเพียงแว่ว ๆ  พอความโกรธจางลง   อะไรบางอย่างก็สะดุดใจ    ทำไมเฮรอสจึงจำเธอได้    แม้หน้าตาตอนเป็นชายและเป็นหญิงจะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่   แต่รูปร่างทรวดทรงองค์เอวนั้นเปลี่ยนไปทุกอย่าง    คนทั่วไปคงต้องลังเลกันบ้างว่าเป็นคน ๆ เดียวกันหรือไม่    แต่นี่เฮรอสไม่มีความลังเลเลยซักนิด   มันเพราะอะไรกัน!

               

     

     

                เซเนตตราเดินไปคิดไปไม่ได้สนใจทิศทาง     มารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อปะทะเข้ากับอะไรอย่างหนึ่งทั้งแข็งแกร่งและสูงใหญ่   เธอเซผงะเกือบล้มแต่ถูกอีกฝ่ายโอบประคองไว้ได้ทัน   ยังงง ๆ ไม่หาย  เสียงนุ่มก็เอ่ยถาม   ท้ายเสียงดูเหมือนจะเจือความขบขันปนเอ็นดูอยู่ด้วย

     

                เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ?    เซเนตตราเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของวงแขนที่โอบประคองไว้    ชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าสดใสรับกับเรือนผมสีทองมองสบตายิ้ม ๆ     ร่างสูงนั้นอยู่ในชุดขาวยาวทั้งชุดดูภาคภูมิ

     

                เอ่อ...ข้า....ข้าไม่เป็นไร     เซเนตตราบอก  ขยับตัวถอยออกจากวงแขนนั้นทันที

     

                ขอโทษจริง ๆ  ข้าไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ที่นี่ในเวลานี้    ชายหนุ่มบอก

     

                ข้าต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่าที่เดินไม่ดูทางจนชนท่านเข้า      หญิงสาวบอก   มองจากการแต่งกายและท่าทีสุภาพของชายหนุ่มแล้วก็เดาได้ว่า    ชายผู้นี้คงเป็นพวกขุนนางของวินเดเนีย   ฉะนั้นอย่าให้เกิดปัญหาดีที่สุด

     

                เอ่อ...ข้าขอตัวก่อน   เซเนตตราเอ่ยขอตัวทำท่าจะผละไปแต่ถูกเรียกรั้งไว้

     

                เดี๋ยวก่อน      หญิงสาวหันกลับมามองอย่างจะถาม

     

                เจ้าอยู่ที่นี่หรือ ?     พอเห็นท่าทางงุนงงของเธอ   อีกฝ่ายจึงขยายความต่อ

     

                ข้าหมายถึง   เจ้าเป็นนางกำนัลในปราสาทนี่ ?

     

                ข้าไม่ใช่นางกำนัล      เซเนตตราตอบ   ยังไม่เข้าใจเจตนาของผู้ถามนัก

     

                งั้น...เจ้าเป็นธิดาของขุนนางท่านใด     ชายหนุ่มถามต่อไป     ดวงหน้ายังแย้มยิ้มใจดี

     

                ข้าไม่ใช่ธิดาขุนนาง    ไม่ใช่ลูกหลานใครที่นี่ทั้งนั้น   ขอตัวก่อน  ข้ามีธุระต้องทำ    เซเนตตราตัดบทแล้วเดินลิ่วจากไป

     

                เดี๋ยว!   ข้าคือมาร์รานแห่งนาดีน    เจ้าชื่ออะไร?    คำถามนั้นไร้คำตอบ  เพราะหญิงสาวเดินลับหายไปเสียแล้ว   ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนมองตามไปด้วยสายตาเกือบกึ่งอาวรณ์   ดวงหน้านั้นละมุนด้วยความพึงพอใจ

     

                เอาเถอะ    วินเดเนียไม่กว้างเกินไปสำหรับข้าหรอกนะสาวน้อย!”  

     

     

                ชายหนุ่มในชุดขาวยาวก้าวเข้ามาหยุดอยู่ ณ ลานกว้าง   เบื้องหน้าของเขาคือแท่นบูชาหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่   กระถางคบเพลิงตั้งวางเรียงรายรอบบริเวณ     ต่ำลงมาจากแท่นบูชา   ชายชราในชุดขาวเช่นเดียวกับชายหนุ่มยืนรออยู่อย่างสงบ    ผู้มาทีหลังน้อมศีรษะลงแสดงอาการคารวะ

     

                อัสซูร์เทพโปรดประทานพรแก่ท่าน

     

                อัสซูร์เทพโปรดประทานพรแก่เจ้าเช่นกัน     ผู้มากวัยกว่ากล่าวตอบ    ก้มศีรษะลงนิด ๆ เพื่อรับการคารวะ

     

                เจ้ามาถึงได้รวดเร็วดีจริง   มาร์ราน    จากนาดีนมาวินเดเนียถ้าเดินทางปกติคงใช้เวลาเป็นวัน

     

                เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน    อีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้ท่านเซนรอนต้องรอข้านาน ๆ    มาร์รานผู้มีฉายาว่าพ่อมดขาวแห่งนาดีนบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ    พลางเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น

     

                ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างครับ ?   

     

                อาณาจักรอื่นยังไม่น่าห่วงเท่าที่บาลันเทียร์   ที่นั่นมีอาณาเขตติดต่อกับป่าอาถรรพ์    หนำซ้ำยังเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีก   ข้าเกรงว่ากระจกผนึกมนตราอาจจะร้าว    เพราะจอมเวทที่ข้าส่งไปบาลันเทียร์เมื่ออาทิตย์ก่อนส่งข่าวมาว่ามีไอปีศาจที่รุนแรงมากแผ่ออกมาปกคลุมป่าอาถรรพ์    ยิ่งลึกเข้าไปเท่าไหร่ไอปีศาจยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น    พืชพันธุ์และสัตว์ในป่าอาถรรพ์เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว

     

                ถ้าผนึกอาคมถูกทำลายลง ?

     

                ข้าไม่แน่ใจว่าเราจะต้านทานจอมมารในตำนานที่ถูกกักขังได้หรือไม่     ท่านเซนรอนบอกอย่างไม่สบายใจ

     

                แต่เรายังมีคทามหาเวทกับลูกแก้วบาลันเทียร์   สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่เคยใช้ปราบจอมมารในตำนาน   มาร์รานแย้ง

     

                ใช่!   เรามีสมบัติศักดิ์สิทธิ์   แต่เจ้าก็รู้เหมือนที่ข้ารู้   ไม่มีใครดึงพลังจากคทามหาเวทหรือลูกแก้วแห่ง         บาลันเทียร์มาใช้ได้เต็มที่   แม้แต่ข้าผู้ปกครองมหาวิหารอาร์เซนโทเฟีย    คทามหาเวทจะทำให้ผู้ใช้มันมอดไหม้ด้วยพลังอันมหาศาลของมัน

     

                ข้าไม่เข้าใจ   ในเมื่อทั้งคทามหาเวทและลูกแก้วบาลันเทียร์เป็นสิ่งที่องค์ราชาเซธารอสใช้ปราบปีศาจ   มันก็น่าจะมีคนสามารถใช้ได้

     

                ข้าก็คิดเช่นนั้น    แต่คน ๆ นั้นเป็นใครกันล่ะ ?    คำถามนี้ทำเอามาร์รานนิ่งไปเพราะไมรู้จะตอบเช่นไร

     

                เรื่องนี้ทำให้ข้านึกถึงคำทำนายของมหาปราชญ์     ท่านเซนรอนเอ่ยหลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบงำอยู่ชั่วครู่

     

                เรื่องแสงแห่งความหวังหรือครับ ?

     

                ใช่ !  แสงแห่งความหวัง   หนึ่งเดียวที่จะหยุดยั้งภัยพิบัติในตำนาน

     

                ถ้าคำทำนายนั้นเป็นความจริง   เราก็ต้องตามหาผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งมันยากพอ ๆ กับขบปริศนาคำว่าแสงแห่งความหวัง  ว่ามันคืออะไร  และอยู่ที่ไหน     มาร์รานออกความเห็น  

     

    ผู้ปกครองอาร์เซนโทเฟียถอนใจยาวอย่างหนักอก   สายเลือดศักดิ์สิทธิ์ผู้สืบเชื้อสายจากมหาปราชญ์ดาไรอัส    ซึ่งจนถึงทุกวันนี้จะยังคงหลงเหลืออีกหรือไม่    ในเมื่อผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์เป็นที่หมายปองของเหล่าปีศาจ   ด้วยสายเลือดนั้นจะทำให้ผู้ที่ดื่มกินมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!   

     

    เซนรอนเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย   พึมพำอย่างเลื่อนลอย

     

    ถ้านี่คือสิ่งที่ท่านดาไรอัสทำนายไว้   และท่านล่วงรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต   ท่านก็น่าจะหาวิธีป้องกันสายเลือดของท่านให้ปลอดภัย  และยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้

     

    ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น     มาร์รานไม่ได้พูดความคิดที่อยู่ภายในใจออกมา     เขาไม่คิดจะรอแสงแห่งความหวัง  หรือสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ที่ได้กล่าวไว้ในคำทำนายแห่งมหาปราชญ์ดาไรอัส    มันเป็นการเฝ้ารอที่เลื่อนลอยจนเกินไป     สิ่งเดียวที่พึ่งพาได้อย่างแน่นอนและมั่นคงที่สุด คือ กำลังกายและกำลังสมองของตัวเองต่างหาก ! 

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×