คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บุรุษเสเพล
บทที่ 4
บุรุษเสเพล
ช่างเป็นเช้าวันใหม่ที่แสนจะสดชื่นสำหรับเซเนตตรา แม้ว่าเมื่อคืนเพิ่งจะผ่านเรื่องเลวร้ายขนาดเฉียดตายก็ตาม เจ้าชายซาร์กอนสั่งให้คนจัดที่พักให้เธอแถมมีคนดูแลพร้อม แล้วเช้าวันนี้ก็มีอาหารการกินอย่างดีมาวางเต็มโต๊ะเบื้องหน้า ซึ่งเธอก็ไม่ขัดศรัทธาจัดการกับอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยงเกลา เมื่อจัดการกับอาหารเรียบร้อย เธอก็ถูกเชิญให้ไปพบกับผู้เป็นเจ้าของสถานที่ที่ให้การต้อนรับอย่างดียิ่งขนาดนี้
ร่างสูงสง่า ใบหน้าคมสันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเธอก้าวเข้าไปเจ้าชายหนุ่มก็ยิ้มรับพลางเอ่ยถาม
“เป็นยังไงบ้าง ?” น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกจะเอ็นดูเด็กหนุ่มอยู่ไม่น้อย
“ก็ดีครับ กินอิ่ม นอนหลับ อาหารอร่อยที่นอนสบาย” ได้ฟังคำตอบเจ้าชายซาร์กอนยิ่งขยับยิ้มมากขึ้น ‘เจ้าหนุ่มนี่ประสาทแข็งไม่เลว ขนาดเพิ่งเฉียดความตายมาหมาด ๆ ยังไม่ขวัญผวาเลยซักนิด’
เจ้าชายซาร์กอนนึกพลางชี้บอกให้เด็กหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านตรงข้าม
“เมื่ออยู่สบายก็ดีแล้ว ถือว่าเป็นการขอโทษที่องค์ราชินีทำรุนแรงกับเจ้าก็แล้วกัน” เจ้าหนุ่มพยักหน้ารับแล้วก็ชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“แล้วเรื่อง.....” เซเนตตรายังเอ่ยไม่ทันจบ เจ้าชายซาร์กอนก็ช่วยต่อให้อย่างเข้าใจความคิด
“ท่านเซนรอนจะมาถึงวินเดเนียวันนี้ แล้วข้าก็ต้องการฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดจากเจ้าอีกครั้ง อีกอย่างข้าอยากรู้สถานการณ์ทางบาลันเทียร์ขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร”
เซเนตตราจึงเริ่มลำดับเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เจ้าชายหนุ่มฟังอีกครั้ง
“สถานการณ์ไม่ดีเลยซินะ” เจ้าชายซาร์กอนสรุปกับตัวเองหลังจากฟังจบ
“ความจริงที่ท่านเซนรอนมาที่นี่ก็เพื่อจะหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน พักนี้ข่าวลือเกี่ยวกับการกลับมาของราชาปีศาจหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังมีปีศาจออกมาเพ่นพ่านมากกว่าแต่ก่อน” เจ้าชายหนุ่มบอกพลางถอนใจยาว
“แต่จุดที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือที่บาลันเทียร์นั่นแหละ”
“แล้วจะทำอย่างไรต่อไปครับ ?” เซเนตลองถามหยั่งเชิง
“คงต้องปรึกษากับท่านเซนรอนและสภาเวทอีกครั้ง บางทีอาจต้องเดินทางไปบาลันเทียร์” คำตอบจากเจ้าชายซาร์กอนทำให้เซเนตตรานึกยิ้มอยู่ในใจ เพราะเท่ากับว่างานที่ได้รับมอบหมายมาสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งนี่สิ จะทำยังไง
“เอ่อ....เจ้าชายครับ”
“มีอะไร ?”
“เจ้าชายคงเคยได้ยินคำทำนายแห่งมหาปราชญ์ใช่ไหมครับ ?”
“เคยสิ มีอะไรหรือ ?”
“แล้วเจ้าชายเชื่อเรื่องแสงแห่งความหวังไหม ท่านคิดว่ามีจริงหรือเปล่า?” ซาร์กอนนิ่งคิดอย่างตรึกตรอง
“ตอบยากนะ ถ้าบอกไม่เชื่อก็จะเป็นการลบหลู่ท่านมหาปราชญ์จนเกินไป แต่ถ้าบอกว่าเชื่อมันก็ไม่มีอะไรที่พอจะเชื่อได้ อะไรคือแสงแห่งความหวังที่ท่านมหาปราชญ์กล่าวถึง คน สิ่งของ อาวุธ มันเป็นได้ทั้งนั้น ข้ารู้แต่ว่าความหวังมันจะยังอยู่กับเราตราบใดที่เรายังไม่หมดหวัง แล้วตราบเท่าที่เรายังไม่หมดหวัง ความสำเร็จก็จะเป็นของเรา” ดวงตาสีมรกตจับตามองเจ้าชายซาร์กอนอย่างชื่นชมพลางนึก
‘นั่นสินะ!’ ตราบใดที่เรายังไม่หมดหวัง เราก็ยังมีหวัง เธอมัวแต่คิดว่า ‘แสงแห่งความหวัง’ ที่กล่าวถึงนั้นต้องเป็นคน ความจริงแล้วมันอาจเป็นอะไรก็ได้ที่สามารถใช้จัดการกับราชาปีศาจได้
“ทำไมจู่ ๆ ถึงถามเรื่องคำทำนายและแสงแห่งความหวังขึ้นมา ?” เจ้าชายเอ่ยถาม
เซเนตตราชั่งใจอยู่ชั่วครู่ แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วและท่าทางเจ้าชายซาร์กอนก็เป็นคนน่าคบคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะบอก
“ข้าได้รับคำสั่งจากท่านเฮกาจอมปราชญ์แห่งบาลันเทียร์ให้ตามหาแสงแห่งความหวัง”
“หือ! หมายความว่าไง จอมปราชญ์แห่งบาลันเทียร์รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องแสงแห่งความหวังงั้นหรือ !?”
“ข้าก็ไม่รู้ ท่านเฮกาบอกแต่ว่าลูกแก้วบาลันเทียร์จะทำให้ได้พบแสงแห่งความหวัง” เจ้าชายซาร์กอนฟังอย่างครุ่นคิด
“ลูกแก้วแห่งบาลันเทียร์งั้นหรือ
ลูกแก้วบาลันเทียร์เป็นของศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน กล่าวกันว่าองค์ราชาเซธารอส ใช้มันเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ที่สะกดอำนาจราชาปีศาจ”
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามในตำนาน !?”
“ใช่! ลูกแก้วบาลันเทียร์ ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในหอคอยแห่งปราชญ์ในบาลันเทียร์ คฑาแห่งแสงหรือที่เรียกอีกชื่อว่าคฑามหาเวทถูกเก็บรักษาไว้ในวิหารอาร์เซนโทเฟีย และของอย่างสุดท้ายก็คือกระจกผนึกมนตราที่ใช้กักขังราชาปีศาจ” เซเนตตราฟังแล้วกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสจับต้องของวิเศษในตำนาน
“งั้นก็แปลว่า ลูกแก้วบาลันเทียร์ตอนนี้อยู่กับเจ้า ?” เซเนตตราพยักหน้ารับ เจ้าชายซาร์กอนจึงเอ่ยต่อแม้จะยังติดใจสงสัยในบางเรื่อง
“แล้วเจ้าพบแสงแห่งความหวังหรือเปล่า มันคืออะไร ?” เซเนตตราส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่เมื่อเห็นความสงสัยในแววตาของเจ้าชายรูปงามจึงอธิบายต่อ
“ข้าใช้ลูกแก้วนำทางตามคำที่ท่านเฮกาบอก แต่ลูกแก้วพาข้าหล่นตุ้บลงไปที่หอแสงจันทร์ที่เป็นสำนักนางโลมนั่น ผู้คนตั้งมากมาย ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าใครหรืออะไรคือแสงแห่งความหวัง แถมยังซวยเจอเจ้าหนุ่มชีกอ ลามก เห็นแก่ตัวอีกต่างหาก” ตอนท้ายอดจะบ่นถึง ‘คนไร้น้ำใจ’ คนนั้นไม่ได้
“ใครกันหนุ่มชีกอ ลามก เห็นแก่ตัว ?” เจ้าชายซาร์กอนถามยิ้ม ๆ เออหนอเจ้านี่คงยังไม่แตกเนื้อหนุ่ม มันถึงได้เห็นการเที่ยวหาความสำราญของผู้ชายเป็นเรื่องลามกไปได้
“ก็เจ้า....” เซเนตตราขยับจะตอบแต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก ตาจ้องเขม็งไปยังประตูที่เปิดกว้างไว้
“เฮ้ย!....มาได้ไง !?” เจ้าชายซาร์กอนหันไปตามสายตาเด็กหนุ่มก็พบตัวต้นเหตุ ร่างสูงในชุดสีฟ้าสว่างสดใสก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“เฮรอส เข้ามาสิ” เจ้าชายเอ่ยทักผู้มาใหม่ที่ก้าวเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ เมื่อเห็นสีหน้างุนงงไม่เลิกของเซเนตตราจึงเอ่ยแนะนำ
“นี่เฮรอส น้องชายข้า”
“น้องชาย!? งั้นเจ้าก็เป็น.....” เซเนตตราพูดไม่ออก
“ข้าไม่ใช่เจ้าชายหรอก” ผู้มาใหม่บอกอย่างเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่คนที่ได้ฟังมีสีหน้างุนงงหนักกว่าเดิม
“รู้สึกว่าเจ้าจะรู้จักเขาแล้วนะ” เจ้าชายซาร์กอนเดาจากท่าทีของทั้งสองฝ่าย
“เฮรอสเป็นน้องชายคนละแม่กับข้า แม่ของเขาไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ เขาก็เลยมีศักดิ์เป็นท่านชาย” ซาร์กอนทำหน้าที่อธิบาย
“แล้วก็เขานี่แหล่ะที่บอกข้าว่าราชินีนาเกียจับเจ้ามา ให้ข้าช่วยดูให้หน่อย” เซเนตตรามองซ้ายขวาสลับไปมาระหว่างเจ้าชายซาร์กอนกับ ‘ท่านชาย’ พยายามลำดับเรื่องราว
“นี่ก็หมายความว่า....เจ้ารู้ว่าข้าถูกจับมางั้นเหรอ ?” เฮรอสพยักหน้ารับ
“แล้วทำไมเจ้าไม่ช่วยข้าแต่แรก!” เด็กหนุ่มโวยวาย
“ปล่อยให้ข้าถูกจับไปแบบนั้น!”
“ข้าก็ช่วยมาบอกท่านพี่ให้ไปช่วยเจ้าแล้วไง” เฮรอสบอกหน้าตาเฉยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
“เรื่องอะไรข้าจะเสี่ยงให้เจ็บตัวเปล่า ๆ ในเมื่อยังมีวิธีช่วยเจ้าได้ง่าย ๆ สบาย ๆ กว่าตั้งเยอะอยู่”
เซเนตตราขบฟันนับหนึ่งถึงสิบอดกลั้นความโกรธที่พุ่งขึ้นสูง
‘เย็นไว้ เย็นไว้ ไหน ๆ เจ้านี่ก็เป็นผู้มีพระคุณ’ เธอเตือนตัวเองในใจ
..แต่นี่ถ้าเธอถูกจับฆ่าสังเวยเสียเดี๋ยวนั้น ก็คงตายไปนานแล้ว!’ แหม...ยิ่งนึกยิ่งโมโห
‘เย็นไว้ อีกฝ่ายเป็นถึงท่านชายเชียวนะ แล้วนี่ก็ต่อหน้าเจ้าชายเสียด้วย’ เซเนตตราข่มอารมณ์ตัวเองยิ้มให้อย่างหวานหยด แต่ดวงตาสีมรกตขุ่นขวาง ดูเหมือนเฮรอสจะไม่รู้สึก
“เอ....หรือว่าเจ้าคือเจ้าหนุ่มชีกอ จอมลามก คนเห็นแก่ตัวที่เซเนตพูดถึงเมื่อกี้นี้ ?” เจ้าชายซาร์กอนหันมาถาม พยายามกลั้นหัวเราะจนสุดความสามารถ
“แหม! เจ้าชื่นชมข้าขนาดนั้นเลยเหรอ ?” ท่านชายแห่งวินเดเนียหันไปถามคู่กรณี
“เขาเรียกว่าด่า ชัดเจนไหม” เซเนตตราช่วยอธิบายให้กระจ่างแจ้งไปเลย
“อืม....ชื่นชมจริง ๆ ด้วย” เจ้าของคำ ‘ชื่นชม’ พยักหน้าหงึกหงักเข้าข้างตัวเองเต็มที่ ทำเอาผู้เอ่ย ‘คำชื่นชม’ มองอย่างขุ่นเคืองหนักกว่าเดิม แต่ก่อนที่ศึกวิวาทะจะลุกลามไปกว่านี้ ผู้ตั้งตัวเป็นกรรมการก็เอ่ยขัด
“เฮรอส เจ้าอย่ามัวชวนเด็กทะเลาะอยู่เลย ว่าแต่มานี่จะอยู่นานแค่ไหน ?”
“ข้ามันคนไร้แก่นสาร ไม่มีงานการอะไรอยู่แล้ว จะอยู่จะไปเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ความพอใจ ก็ไม่แน่นะข้าอาจต้องระเห็จออกจากที่นี่ภายในวันนี้ก็ได้” เฮรอสบอกแกมหัวเราะ เจ้าชายคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ
“ข้าไม่ชอบให้เจ้าพูดแบบนี้”
“ท่านพี่ก็รู้ การอยู่ของข้าคงเป็นที่ไม่สบอารมณ์ของใคร ๆ อีกหลายคน อย่าให้งานฉลองต้องกร่อยซะเปล่าๆ เลย” ชายหนุ่มบอกอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนอันใด
“เฮรอส ท่านพ่อน่ะ....” เจ้าชายซาร์กอนยั้งคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อนึกได้ว่ามีอีกคนที่นั่งตาแป๋วฟังอยู่ด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ยังไงก็ไม่สมควรให้คนนอกมารับรู้
“ข้าไม่ได้คิดอะไรหรอก ก็แค่ไม่อยากรำคาญก็เท่านั้น”
“พรุ่งนี้ในงานพิธีข้าต้องการให้เจ้าอยู่ร่วมพิธีด้วย งานฉลองช่วงกลางคืนด้วยนะ” เจ้าชายมองสบตาผู้มีศักดิ์เป็นน้องอย่างคาดคั้น “ถือว่าข้าขอร้อง” เฮรอสถอนใจยาว หน้าตาบอกว่าเซ็งสุดชีวิต
“ท่านพี่ก็อย่างนี้ทุกที”
“ก็เพราะเจ้าเป็นอย่างนี้ทุกทีเหมือนกันน่ะซิ รับปากกับข้าได้แล้ว” เจ้าชายซาร์กอนเร่งเร้า แม้เฮรอสจะทำตัวไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เหลาะแหละเสเพลไปวัน ๆ แต่ซาร์กอนรู้ว่าเมื่อใดที่เฮรอสรับปากเขาก็จะทำตามนั้นเสมอ
“ก็ได้ ข้ารับปาก”
“ดี! เช้านี้ข้ามีประชุมเรื่องงาน เจ้าอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเซเนตไปก่อนก็แล้วกัน” เจ้าชายซาร์กอนบอกแล้วลุกจากไป
พอคล้อยหลังเฮรอสก็ถอนใจเฮือก
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าชายซาร์กอนจะเป็นพี่น้องกับเจ้า” เซเนตตราเปรยทำให้เฮรอสหันมามอง
“พูดอย่างงี้หมายความว่ายังไง ?”
“ก็พี่ชายออกดูดี ภาคภูมิ ดูน่านับถือขนาดนั้น แต่น้องชาย......เฮ้อ!” เซเนตตราแกล้งถอนใจดัง ๆ
“ข้าเป็นยังไง!?”
“เสเพล เหลาะแหละ เรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรสู้เจ้าชายซาร์กอนได้ซักอย่าง”
“ข้ารู้ ข้าไม่มีวันสู้ท่านพี่ได้หรอก ไม่ว่าจะเรื่องอะไรท่านพี่ก็เก่งกว่าข้าอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก ท่านพี่เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท ส่วนข้าก็แค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ภาระหน้าที่มันต่างกันอยู่แล้ว” เฮรอสบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ทุกข์ร้อน แต่คนฟังกลับรู้สึกผิดที่พูดออกไปแบบนั้น
“ก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่ดีซะทุกอย่าง อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีน้ำใจช่วยเหลือข้า”
“เจ้าเพิ่งว่าข้าใจดำไปเมื่อวานไม่ใช่เหรอ ?” เฮรอสย้อนถาม ทำเอาคนพยายามปลอบใจอารมณ์ฉุนกึกขึ้นมาอีกรอบ
“เออใช่! เจ้าน่ะมันใจดำอำมหิต เมื่อกี้นี้ถือว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน” มันทำท่างอนโดยลืมไปว่าตัวเองอยู่ในร่างของผู้ชาย ภาพที่ออกมาจึงดูประหลาดมากกว่าจะน่ารัก เฮรอสหัวเราะขำในท่าทางของมัน
“เอาน่า เลิกงอนเป็นผู้หญิงซะที ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ชายนะ ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันเถอะ” เฮรอสชวนพลางลุกขึ้น ในขณะที่เซเนตตราสะดุดใจกับคำพูดของชายหนุ่ม
“ที่เจ้าพูดหมายความว่ายังไง ?”
“อะไรล่ะ ?” เฮรอสย้อนถามหน้าซื่อ ในขณะที่อีกฝ่ายจ้องเขม็ง
“ก็ที่บอกว่าตอนนี้ข้าเป็นผู้ชาย พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ?”
“ก็เจ้าเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ ?” เฮรอสถามกลับ ดวงตาเป็นประกายอย่างที่คนมองอ่านไม่ออก
“ใช่ !”
“เป็นผู้ชายทำท่างอนแบบผู้หญิงมันไม่เหมาะรู้ไหม ใครเห็นเข้าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นกระเทย เฮ้ย!”
ชายหนุ่มร้องลั่นเพราะหมัดเล็ก ๆ ลอยวูบ ดีแต่เขาสามารถรับไว้ได้ทัน มือเล็กจึงถูกมือใหญ่กำรวบไว้มั่น
“ใจเย็น ๆ น่า ข้าไม่ได้ว่าเจ้าซักหน่อย ก็แค่เตือนให้ทำท่าทำทางให้เหมือนผู้ชายหน่อยก็เท่านั้น”
เฮรอสว่าแกมหัวเราะ พร้อมทั้งออกแรงลากเจ้าคนตัวเล็กกว่าให้เดินตามไปแต่ได้รับการขัดขืนจากคนถูกลาก
“นี่ไม่ต้องลาก ข้าเดินเองได้!” เซเนตตราบอกพลางพยายามแกะมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจยังลากต่อไปเรื่อย ๆ ท่าทางจะสนุกเสียด้วยซ้ำ
“นี่! ผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือกันมันดูแปลก ๆ นะ” พยายามยกเหตุผลมาอ้างแต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะทำหูทวนลม แถมไม่จูงเปล่ายังโอบบ่าคนตัวเล็กเข้ามาใกล้พาเดินไปด้วยกันหน้าตาเฉย
เซเนตตราหน้าแดงก่ำจากความรู้สึกภายใน พยายามจะสะบัดให้หลุด แต่รู้สึกว่ามือเฮรอสจะทากาวเหนียวหนึบเพราะแกะเท่าไหร่ก็ไม่หลุดซักที
“สะบัดสะบิ้งเป็นผู้หญิงอีกแล้วนะเจ้าน่ะ”
“ก็ข้า.....” เซเนตตราขยับจะเถียงแต่นึกได้จึงยั้งไว้ทัน เฮรอสไม่ถามต่อแต่รอยยิ้มทั้งปากและตามีแววขำขันอย่างปิดไม่มิด
“ก็ข้าไม่ชอบทำแบบนี้กับผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง” เซเนตตราหาทางเลี่ยงไปจนได้ แล้วยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรต่อมือที่เหนียวหนึบเหมือนทากาวเมื่อครู่ก็ปล่อยจากบ่าพร้อมกับเจ้าของมือเดินล้ำไปข้างหน้าอย่างไม่คิดจะรอคนตัวเล็กกว่าแต่อย่างใด เซเนตตรามองตามสายตาของชายหนุ่มก็พบกับสาเหตุ
สาวงามนางหนึ่งกำลังเดินผ่านมาทางนี้ ต้องเรียกว่าสาวงามเพราะหญิงสาวที่เห็นนั้นรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ปากคอคิ้วคางรับกันได้อย่างเหมาะเจาะกับดวงตาสีฟ้าคู่สวย ผมยาวหยักสีทองดูนุ่มสลวยยาวสยายจนถึงกลางหลัง แม้เซเนตตราจะเคยเห็นผู้หญิงที่ได้รับการขนานนามว่า ‘งามที่สุดในพิภพ’ มาแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับละว่าหญิงสาวผู้นี้ก็ติดอันดับต้น ๆ ของสาวงามแห่งพิภพเช่นกัน
‘เฮ้อ! ทำไมโลกนี้ถึงมีแต่คนสวย’ แล้วกะโปโลอย่างเธอจะเอาอะไรไปสู้เขาละนี่ เซเนตตราคิดอย่างติดจะน้อยใจหน่อย ๆ เพราะเจ้าท่านชายจอมเสเพลแห่งวินเดเนียนั้นผละจากเธอไปหาหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่คิดจะใยดีเธอแม้แต่น้อย!
“ไอ้ท่านชายบ้า ทั้งชีกอทั้งใจดำ เห็นผู้หญิงสวย ๆ เป็นไม่ได้ บ้าที่สุด!” หญิงสาวคิดโดยลืมไปสนิทว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ในคราบผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์
ความคิดเห็น