ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Song of Starlight : ลำนำแห่งแสงดาว

    ลำดับตอนที่ #3 : เหยื่อสังเวย

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 50


     

    บทที่ 3

     

    เหยื่อสังเวย

     

    เมื่อเวลาผ่านความโกรธก็เริ่มลดลง   เรี่ยวแรงที่เดินดุ่มมาแต่แรกก็พลอยลดลงตามไปด้วย   ความวู่วามขาดการยั้งคิดจึงน้อยลงตาม    ความคิดที่ถูกความโกรธบดบังก็เริ่มแล่น

     

    จริงซิ!   ยังไม่รู้เลยว่าพ่อมดขาวแห่งนาดีนชื่ออะไร   เซเนตตราชะงักเท้าที่ก้าวเดิน

     

    หรือจะกลับไปถามก่อน    ไม่ได้จะไปง้อทำไมกับคนใจดำ  ที่เห็นแก่ตัวพรรค์นั้น       พูดเองเออเองเสร็จสรรพ

     

    แล้วถ้าไม่ง้อจะรู้ได้ยังไงล่ะ    พอก้าวเดินไปได้ซักครู่ก็เริ่มมีปัญหาใหม่

     

    หรือว่าจะกลับไปถามดี       เด็กหนุ่มหันกลับหากแล้วก็หยุดอย่างลังเล

     

    ไม่เห็นต้องง้อเลย    ถามใคร ๆ เอาก็ได้    พ่อมดขาวมีชื่อเสียงขนาดนั้นน่าจะเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว    เมื่อสรุปได้ดังนั้นเจ้าตัวก็หันกลับตั้งท่าจะเดินต่อ   แต่แล้วก็เริ่มรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ    ป่ารอบด้านดูแปลกไปไม่เหมือนที่เธอจำได้      เมื่อครู่สภาพของป่าไม่เป็นแบบนี้    ดูเหมือนเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่จะโอบล้อมเข้ามาทุกด้าน    เซเนตตราสูดลมหายใจยาวแล้วเดินตรงไปเบื้องหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไร  หากแล้วก็รู้สึกว่าบริเวณเบื้องหลังเธอมีการเคลื่อนไหว  เธอหันขวับไปทันที

     

    ทุกอย่างยังนิ่งเป็นปกติแต่ดูเหมือนต้นไม้รอบ ๆ จะบีบใกล้เข้ามายังกับต้นไม้พวกนี้มันขยับเดินได้   

     

    เซเนตตราลองขยับก้าวอีกครั้งแล้วหันกลับทันควัน  ทุกอย่างนิ่งสนิทหากแต่ต้นไม้ที่รายล้อมดูเหมือนจะขยับใกล้บางต้นกิ่งใบยังไหว    รอบด้านถูกบีบแนวให้เข้ามาใกล้มากขึ้น

     

    นี่มันป่าบ้าอะไรกันเนี่ย!”    บ่นพลางสายตาก็พยายามมองหาเส้นทางที่ผ่านมาแต่ก็แยกไม่ออกเสียแล้วว่าเป็นทางไหน      ตอนนี้สิ่งที่คิดได้คือต้องไปให้พ้นจากป่าแห่งนี้ก่อน

     

    นึกให้ออกสิ   นึกให้ออก  จะทำยังไง  โอ๊ย!”     ยิ่งเหตุการณ์บีบรัดเจ้าตัวยิ่งคิดอะไรไม่ออก

     

    โธ่เอ๊ย! ในเวลาอย่างนี้  คิดสิคิด      เธอบ่นอย่างขัดใจ    ขาดคำเสียงหัวเราะก็ดังกึกก้องรอบบริเวณ   มันสะท้อนสะท้านไปมาจนจับทิศทางไม่ได้

     

    อ่อนหัด    อ่อนหัดจริง ๆ

     

    ใครน่ะ!   ออกมานะ     เซเนตตราหมุนหาทิศทางของเสียงแต่ไม่พบ

     

    บาลันเทียร์หาคนมีฝีมือกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไงถึงส่งเจ้ามา ?    เสียงนั้นถามอย่างเย้ยหยัน

     

    ออกมานะ !”    เสียงหัวเราะยิ่งดังก้องก่อนร่างชายผู้หนึ่งจะปรากฏตัวออกมา    ดวงตาสีซีดจับมองร่างเด็กหนุ่ม

     

    กระจอกอย่างเจ้า  ไม่เห็นจะต้องให้ข้าลงมือเองเลย    เฮ้อ!”

     

    เจ้าเป็นใคร   แล้วต้องการอะไร       เซเนตตราถาม    พยายามมองหาทางหนีไปด้วยพร้อมกัน

     

    ไปกับข้า

     

    ข้าไม่รู้จักกับเจ้า   จะพาข้าไปไหน ?

     

    ไปกับข้าดี ๆ ดีกว่า    เจ้าไม่มีทางหนีข้าพ้น   เด็กหนุ่มขยับถอยห่าง    ท่าทางฝ่ายตรงข้ามยังดูสบาย ๆ ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย

     

    ข้ามีธุระ   ไปกับเจ้าไม่ได้หรอก   เธอปฏิเสธถอยห่างออกมาเรื่อย ๆ

     

    ถึงไม่อยากไปก็ต้องไป!”    ขาดคำขดเชือกก็ปรากฏในมือที่ยื่นออกมาก่อนเชือกจะพุ่งตรงมาเหมือนมีชีวิตเข้ามัดร่างของเด็กหนุ่มไว้แน่นหนาจนไม่สามารถกระดิกตัวไปไหนได้

     

    แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง    อัลซัสบ่นอย่างเบื่อ ๆ ที่งานนั้นง่ายเกินเหตุ   เขาสะบัดมือวูบร่างที่ถูกมัดตรึงอยู่เบื้องหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนร่างของชายหนุ่มจะค่อย ๆ สลายกลายเป็นกลุ่มควันแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว

     

     

     

    ร่างเด็กหนุ่มถูกมัดติดตรึงอยู่กับเสาหิน    มือสองข้างมัดโยงด้วยโซ่ตรวนเส้นใหญ่โยงติดกับผนังด้านข้าง   ปากก็ถูกมัดด้วยผ้าผืนหนาจนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้      ตรงหน้าเขาคือชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนคุยกันเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นด้วย

     

    ท่านจะเริ่มพิธีเมื่อไหร่  เดมาล ?    ราชินีแห่งวินเดเนียเอ่ยถาม

     

    คืนนี้เลย     คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเป็นเวลาที่อีกภาคหนึ่งขององค์อัสซูร์เทพมีพลังสูงสุด

     

    ท่านแน่ใจนะว่าตอนจับมันมาไม่มีใครเห็น

     

    แน่ใจครับ

     

    แล้วเฮรอสจะไม่สงสัยหรือว่าเจ้าเด็กนี่มันหายไปไหน ?    เดมาลลอบถอนใจไม่ให้ราชินีนาเกียสังเกตเห็น

     

    คนอย่างเฮรอสไม่สนใจอะไรท่านก็รู้    เขาสนใจเฉพาะเรื่องความสุขสนุกสบายของตัวเองเท่านั้นแหละ     

     

    นั่นซินะ    ข้าก็วิตกจนคิดไปได้ว่าเฮรอสอาจจะทำให้เราเสียแผน    มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว    ราชินีหัวเราะร่าค่อยคลายกังวลลง

     

    ท่านจัดเตรียมพิธีให้เรียบร้อย    งานเสร็จข้ามีของตอบแทนท่านอย่างงามแน่นอน     ราชินีนาเกียหัวเราะอย่างเบิกบานใจก่อนจะก้าวจากไป

     

    ภายในห้องเหลือเพียงเดมาลและเด็กหนุ่มที่ถูกมัดอยู่    ร่างในชุดขาวก้าวช้า ๆ เข้ามาหาคนที่ถูกมัดตรึง

     

    สงสัยใช่ไหมล่ะเจ้าหนุ่มว่าข้าจับเจ้ามาทำไม      เซเนตตราจ้องตาผู้พูดโดยไม่หลบ

     

    ใจกล้าดีนี่   ข้าชอบ   แต่น่าเสียดายที่อายุไม่ยืน   หึ หึ  อย่าโทษข้าเลยนะ   ถ้าจะโทษก็โทษคนที่ส่งเจ้ามาที่นี่  และก็โทษตัวเจ้าเองที่ไม่มีความสามารถพอ     ดวงตาคู่สวยวาวโรจน์อย่างโกรธแค้น

     

    ภาวนาเข้าเถอะ    ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยเจ้าได้ในคืนนี้!”     เสียงหัวเราะดังก้องสะท้อนไปทั่วห้อง  ก่อนจะค่อย ๆ ดังห่างออกไปเพราะเจ้าของเสียงเดินจากไปแล้ว   ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเยียบเย็นวังเวง

     

    เซเนตตราลองขยับมือแต่ก็ไม่เป็นผล    โซ่ที่พันธนาการอยู่ใหญ่เกินกว่าจะกระชากให้หลุดได้ด้วยแรงปกติ    ต่อให้เป็นจอมพลังก็ยังยาก    และถ้าขืนทำอย่างนั้นแขนเธออาจจะหลุดไปเสียก่อนที่โซ่จะขาด

     

    สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือรอปาฏิหาริย์เพียงอย่างเดียวเสียละมั้ง!’     เธอคิดอย่างปลงตก     ระหว่างที่รออนาคตอันมืดมน     ความสงสัยบางประการก็จู่โจมเข้ามา

     

    ทำไมท่านเฮกาถึงเลือกเธอให้ทำหน้าที่นี้   ทำไมถึงไม่เลือกนักเวทคนอื่น ๆ ที่มีฝีมือดีกว่าเธอ  ใช่! บาลันเทียร์มีผู้เก่งกล้าเรืองอาคมมากมาย  อย่างเธอถือเป็นอันดับบ๊วยเลยก็ว่าได้  จอมเวทกับจอมปราชญ์แห่งอาณาจักรมีเหตุผลอะไรถึงเลือกเธอให้ทำงานสำคัญชิ้นนี้   งานที่หมายถึงความอยู่รอดของอาณาจักรบาลันเทียร์และยังหมายรวมถึงความอยู่รอดของชาวพิภพทั้งหมด

     

    พยายามคิดแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้   สุดท้ายความคิดก็วนเวียนอยู่ที่ว่า 

     

    คืนนี้จะรอดไหมเนี่ย

     

     

     

    บนแท่นหินที่ทำพิธี   เด็กหนุ่มผู้เป็นเครื่องสังเวยถูกมัดแขนโหนไว้กับเชือกเส้นยาวที่พาดกับรอกหมุน   เบื้องหลังของเขาคือรูปปั้นสูงใหญ่หน้าตาน่าเกลียดยืนถมึงทึงอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่สว่างวับวาม

     

    ใกล้เวลาหรือยังเดมาล ?   ราชินีนาเกียถามอย่างตื่นเต้น

     

    เกือบแล้ว     ประกายตาของเดมาลไหวระริกด้วยความยินดี   เวลาของเขาใกล้จะมาถึงแล้วซินะ  เวลาแห่งอำนาจ  เวลาแห่งความยิ่งใหญ่!

     

    เสียงพึมพำทำนองประหลาดดังกระชั้น   บรรยากาศโดยรอบบีบรัดชวนอึดอัด    เซเนตตรามองไปรอบกายด้วยความวิตก   กระแสคลื่นพลังที่บีบรัดอยู่ในขณะนี้ชวนให้หวาดหวั่นสิ้นดี

     

    จะตายที่นี่ไม่ได้!   ยังไงก็ตายไม่ได้!”   เธอคิดอย่างเร่าร้อน  ไม่ยอมเด็ดขาด   ชีวิตฉันจะจบลงเพราะพิธีบ้าๆ นี่ได้ยังไง!”

     

    ราชินี  ได้เวลาแล้ว   ท่านจงนำมีดเล่มนี้ปักลงตรงหัวใจของเหยื่อสังเวย   รองเลือดของมันให้รูปปั้นนั่นดื่มกิน     เดมาลส่งมีดสั้นให้กับราชินีนาเกียที่รับมาถือไว้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาร่างเด็กหนุ่มที่ถูกมัดอยู่เบื้องหน้า

     

    อย่าโทษข้าเลยนะ   โทษสายเลือดในตัวเจ้าซะเถอะ    ราชินีนาเกียหัวเราะร่า   แววตาอำมหิต   มือของนางเงื้อขึ้นสูงเตรียมปักลงกลางอกเป้าหมาย

     

    หยุดนะนาเกีย!”    เสียงที่ดังก้องเบื้องหลังทำให้องค์ราชินีชะงักไปชั่วครู่แต่แล้วก็ตัดสินใจจ้วงแทงลงไปสุดแรง!   เซเนตตราหลับตาปี๋   งานนี้ไม่รอดแน่ !’

     

    เคร้ง!   เสียงกระทบกันของโลหะ   ทำให้ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง   ไม่เจ็บปวด  ไม่มีบาดแผล   เลือดก็ไม่ไหล  เด็กหนุ่มสำรวจตัวเองก่อนเงยหน้าขึ้นมองเหตุการณ์

     

    ฝ่าบาท!”      ราชินีนาเกียร้องอย่างตระหนก   แววตาไหวระริกด้วยความหวั่นเกรง    ขณะที่เดมาลถูกทหารร่างกำยำสองนายควบคุมตัวอยู่อีกทาง       

     

    ชายวัยกลางคนร่างสูงก้าวเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ หากทุกย่างก้าวฉายชัดถึงรัศมีแห่งอำนาจ    ข่มให้ผู้ที่อยู่รอบข้างด้อยลงไปถนัดใจ

     

    เจ้าจะสังหารเจ้าหนุ่มนั่นทำไม     มันทำความผิดอะไร ?

     

    เอ่อ.......คือว่าข้า............

     

    ทำไมจะต้องลงมือเอง ?

     

    เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ?     ดวงพักตร์องค์ราชาเคร่งขรึม   ต้องการคำตอบ

     

    คือ.....เจ้าเด็กนี่เป็น...เป็น....เครื่องสังเวยค่ะ        องค์ราชินีเสียงสั่น

     

    หือ....เครื่องสังเวยงั้นหรือ    เครื่องสังเวยอะไร !?

     

    เด็กนั่นมันมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์      ถ้าได้เลือดของมันมาเซ่นสังเวย   วินเดเนียจะเป็นมหาอาณาจักร    มั่นคงและเข้มแข็ง     น้ำเสียงราชินีนาเกียสามารถเกลื่อนได้เป็นปรกติ     เธอคิดหาทางออกได้แล้ว

     

    อย่างงั้นเหรอ ?

     

    ค่ะ    ท่านเดมาลบอกกับข้า    แต่ที่ต้องแอบทำก็เพราะข้าเกรงว่าท่านจะไม่เห็นด้วย   ที่ข้าทำทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับวินเดเนียจริง ๆ    สีหน้าราชาแห่งวินเดเนียครุ่นคิด  ทำเอาเซเนตตราที่ถูกมัดปิดปากฟังการสนทนาอยู่ใจแป้ว งานนี้จะรอดหรือจะถูกสังเวยต่อละเนี่ย  

     

    ท่านพ่อ   ข้าไม่เห็นว่าการที่วินเดเนียจะเข้มแข็งขึ้นจะเกี่ยวกับชีวิตเจ้าหนุ่มนี่ที่ตรงไหน   แล้วการที่เราใช้ชีวิตของคน ๆ หนึ่งเป็นเครื่องสังเวยเพื่อความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร  ข้าเห็นว่าไม่ถูกต้อง!”

     

    เสียงหนึ่งดังขัด   พร้อมกับร่างสูงโปร่งสง่างามของชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้น      ใบหน้าอันละม้ายเหมือนองค์ราชาแห่งวินเดเนียทำให้เดาฐานะของชายหนุ่มผู้มาใหม่ได้ไม่ยาก

     

    เจ้าชายซาร์กอน!   ท่านกำลังสงสัยข้างั้นหรือ!”     ราชินีนาเกียถามผู้มาใหม่อย่างไม่พอใจ

     

    ใครจะกล้าคิดอย่างนั้นกับองค์ราชินีแห่งวินเดเนียได้   จริงไหม?     เจ้าชายหนุ่มย้อนถาม   รอยยิ้มอารมณ์ดียังระบายอยู่ทั่วใบหน้า    แววตาเป็นประกาย

     

    แต่ท่านพูดอย่างนี้ก็เหมือนไม่ไว้ใจข้า!”

     

    ข้าจะไม่ไว้ใจท่านเรื่องอะไร   ข้าก็พูดตามความเห็นของข้า   หรือว่าองค์ราชินีจะร้อนตัว

     

    เจ้า!”   นาเกียโกรธจนตัวสั่นขยับจะตอบโต้  หากแต่องค์ราชายกมือห้ามเสียก่อน

     

    เอาละ ๆ หยุดเถียงกันได้แล้ว   นาเกียข้าเข้าใจความหวังดีของเจ้า   แต่ข้าไม่ชอบวิธีที่เจ้าทำ   ข้าเป็นราชาผู้ปกครองอาณาจักร   หน้าที่ของข้าคือดูแลทุกข์สุขของชาวอาณาจักรไม่ใช่ก่อความทุกข์ให้กับคนในอาณาจักรของข้าเอง

     

    แต่เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนของอาณาจักรเรา    หนำซ้ำถ้าชีวิตคน ๆ เดียวสามารถช่วยให้อาณาจักรเรามั่นคง  เข้มแข็ง   ชาวอาณาจักรเราก็จะอยู่เย็นเป็นสุข   นี่ก็เป็นหน้าที่ของราชาเหมือนกันนะคะ    นาเกียยังไม่ยอมแพ้

     

    ข้าจะยอมเสียสละเมื่อถึงเวลาจำเป็นเท่านั้น   แต่ในขณะนี้ข้ายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น

     

    องค์ราชาเอ่ยอย่างเคร่งขรึม    ราชินีนาเกียไม่พอใจนักแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย

     

    คราวนี้ปล่อยไปก่อน   ไว้โอกาสหน้าก็ยังมี    นางนึกมาดหมายอยู่ในใจ  แต่ที่พูดออกมากลับเป็นอีกอย่าง

     

    งั้นข้าก็ไม่ขัด    ตามแต่ประสงค์ของท่านเถอะ

     

    ปล่อยเจ้าหนุ่มนั่น!”     เจ้าชายซาร์กอนสั่งการทหาร    

     

    เซเนตตราถอนใจอย่างโล่งอก   งานนี้รอดแล้วเรา      เด็กหนุ่มบิดข้อมือที่เพิ่งพ้นจากพันธนาการอย่างเมื่อยขบ    เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาหลายคู่ที่จับจ้องอยู่

     

    เจ้าชื่ออะไร ?     เจ้าชายซาร์กอนเอ่ยถาม  รอยยิ้มไมตรีถูกยื่นมาให้

     

    เซเนต   ข้าชื่อเซเนตครับ     เซเนตตราตอบพลางพินิจชายหนุ่มตรงหน้า  นี่เองเจ้าชายซาร์กอนที่เฮรอสพูดถึง  สง่าราศีสมกับเป็นเจ้าคนนายคนจริง ๆ

     

    เจ้ามาจากไหน ?

     

    ข้าเป็นคนอาณาจักรบาลันเทียร์       เจ้าชายหนุ่มขมวดคิ้ว

     

    บาลันเทียร์   อาณาจักรที่อยู่ติดกับป่าอาถรรพ์     แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่

     

    คือ....ข้ามารอพบท่านเซนรอนแห่งวิหารอาร์เซนโทเฟีย    สายตาคำถามของเจ้าชายหนุ่มทำให้เซเนตตราอธิบายต่อ

     

    ข้ามาจากท่านเฮกาจอมปราชญ์แห่งบาลันเทียร์   ท่านส่งข้าให้มาแจ้งข่าวกับทางวิหารอาร์เซนโทเฟียเกี่ยวกับคำทำนายแห่งปราชญ์ที่ได้ทำนายไว้      เจ้าชายซาร์กอนมองสบตากับองค์ราชาแห่งวินเดเนียแวบหนึ่ง

     

    ว่าต่อไปซิ

     

    เขตอาคมที่กางกั้นป่าอาถรรพ์กับแดนพิภพเริ่มเสื่อมลงแล้ว   ตอนนี้มีเหล่าปีศาจออกมาอาละวาดมากมายจนทางบาลันเทียร์ยากจะต้านทาน

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?      องค์ราชาถามอย่างร้อนใจ

     

    ราว ๆ 2 เดือนก่อนครับ    มันเริ่มจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณรอยต่อป่าอาถรรพ์กับแดนพิภพ

     

    งั้นก็เรื่องใหญ่ละ     องค์ราชาหันไปบอกกับเจ้าชายซาร์กอน

     

    แล้วเรื่องที่เจ้าคือผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ล่ะ   จริงไหม ?

     

    สายเลือดศักดิ์สิทธิ์คืออะไรหรือครับ ?     เซเนตตราย้อนถามด้วยไม่รู้จริง ๆ   องค์ราชากับเจ้าชายซาร์กอน มองสบตากันอีกครั้งเหมือนจะบอกอะไรกันบางอย่าง

     

    อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้   สายเลือดศักดิ์สิทธิ์ใช่ว่าจะพบได้ง่าย ๆ    เอาเถอะ   เรื่องนี้เอาไว้ก่อน   ส่วนเรื่องทางบาลันเทียร์ข้ารับปากจะจัดการให้    ตอนนี้เจ้าอยู่ในความดูแลของซาร์กอนไปก่อนก็แล้วกัน     องค์ราชาตัดสิน   ในขณะที่ผู้ฟังทั้งเดมาลและราชินีนาเกียแม้ไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าแสดงออก

     

    แยกย้ายกันไปได้แล้ว    สั่งแล้วองค์ราชาก็กลับออกไปพร้อมราชองครักษ์     เจ้าชายซาร์กอนพยักหน้าให้เด็กหนุ่มที่เกือบเป็นเหยื่อสังเวยให้ตามไป      บริเวณนั้นจึงเหลือเพียงราชินีนาเกียและเดมาล

     

    ต้องเจ้าชายซาร์กอนแน่ ๆ  มันคอยจับผิดเราอยู่    น่าเจ็บใจนัก  เกือบสำเร็จอยู่แล้วเชียว!”

     

    เรายังมีโอกาส    เดมาลเอ่ยหลังจากเงียบฟังมาโดยตลอด

     

    โอกาส!   ฝันไปเถอะ   เจ้าซาร์กอนมันสงสัยข้าแบบนี้  มันกัดไม่ปล่อยแน่  แล้วมันก็จัดการไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนเจ้าเฮรอสด้วย    ราชินีนาเกียตวาด

     

    อีกหลายวันกว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะออกจากวินเดเนีย       ตราบใดที่มันยังไม่พ้นจากวินเดเนีย  ตราบนั้นเรายังมีโอกาส    เดมาลบอกอย่างใจเย็น

     

    งั้นเจ้าก็มีหน้าที่สร้างโอกาสนั้น      ราชินีนาเกียบอกแล้วสาวเท้าจากไปอย่างหงุดหงิด

     

    แน่นอน   โอกาสสำหรับข้า   ข้าต้องหามันได้อยู่แล้ว     เดมาลพึมพำกับตัวเองแล้วก้าวตามไป

     

     

    ภายในบริเวณลานกว้างเหลือแต่ความเงียบสงบ   ในเงามืด  ณ มุมหนึ่งที่ไม่มีใครทันสังเกต   เงาร่างสูงในชุดดำที่กลืนไปกับความมืดรอบตัวยืนนิ่งเฝ้าดูเหตุการณ์มาโดยตลอด

     

    ถือว่าข้าช่วยให้งานของเจ้าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งก็แล้วกันนะเซเนต   ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือมันเป็นหน้าที่ของเจ้าโดยเฉพาะ   ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะทำยังไง  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×