ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Song of Starlight : ลำนำแห่งแสงดาว

    ลำดับตอนที่ #14 : เซเลน่า ดวงดาราแห่งบาลันเทียร์

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 50


     

    บทที่ 14

     

    เซเลน่าดวงดาราแห่งบาลันเทียร์

                   

    บุคคลทั้งแปดกับเสือดำในร่างคนนั่งชุมนุมอยู่ในห้องเดียวกันในโรงแรมเล็ก ๆ  ของหมู่บ้าน  เนื่องจากไม่มีห้องว่างเหลืออยู่เลย   ส่วนเจ้าม้าเฮทเทอร์นั้นคอกม้าของทางโรงแรมยังพอมีที่ให้พักอยู่ได้

     

    ผู้คนกำลังเร่งรีบเดินทางเพื่อให้ห่างจากอาณาจักรบาลันเทียร์     โซเนปบอกข่าวที่ได้รับมาจากการพูดคุยซักถามพนักงานในโรงแรม

     

    ข่าวลือเรื่องการกลับมาของราชาปีศาจลูเนซาราสมีมากขึ้นเรื่อย ๆ    พวกที่อพยพบอกว่าหมู่บ้านทางเหนือขึ้นไปซึ่งติดกับป่าอาถรรพ์ตอนนี้ร้างไปแล้ว

     

    ทางบาลันเทียร์ไม่ทำอะไรกันมั่งหรือไง ?      เจ้าชายซาร์ลูมานถามอย่างไม่ชอบใจนัก     เป็นเหตุให้ คนบาลันเทียร์    คนหนึ่งมองเขม่นแต่ไม่กล้าโต้กลับ

     

    คิดว่าคงเกินกำลังมากกว่า   เหล่าปีศาจออกอาละวาดมากจนเกินกำลังเหล่าจอมเวทที่บาลันเทียร์มีอยู่    จอมเวทจากอาณาจักรอื่นกว่าจะเดินทางมาสมทบก็ต้องใช้เวลาพอสมควร    เซเนตตราพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุน

     

    แต่ก็ควรจัดการให้ดีกว่านี้     เจ้าชายซาร์ลูมานตำหนิ

     

    ยังไม่ทันที่เซเนตตาจะเปิดประเด็นโต้แย้ง    เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น      อาเลฟเป็นฝ่ายเดินไปเปิด   พูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ก็เดินนำบุรุษผู้หนึ่งเข้ามาในห้อง

     

    นาธาน!”

     

    บุรุษผู้นั้นหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าของเสียงเป็นหนุ่มหน้ามนที่เขาไม่รู้จัก

     

    ข้าเองไง   เซเนต...จำไม่ได้เหรอ       หนุ่มเจ้าของนาม นาธาน ทำหน้างงหนักกว่าเดิม

     

    เออ    ช่างเถอะ    จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร   ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่เหรอ ?

     

    ข้าได้รับบัญชาจากท่านจอมปราชญ์เฮกาแห่งบาลันเทียร์ให้มารับคณะของเจ้าชายซาร์กอนแห่งวินเดเนีย   ซึ่งเราได้ส่งเซเนต....เฮ้ย!....เจ้า....เจ้า....เซเนตตะ.....        คำพูดนั้นหลุดออกมาไม่หมดเพราะถูกเจ้าของนามกระโดดล็อกคอปิดปากเสียก่อน     นาธานดิ้นขลุกขลักกว่าจะสะบัดหลุดออกมาได้ก็แทบแย่

     

    ทำบ้าอะไรของเจ้า!  ข้าเกือบหายใจไม่ออก

     

    จำข้าได้แล้วใช่ไหมล่ะ ?       เซเนตตราส่งยิ้มหวานประจบ    นาธานมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา

     

    ทำไมเจ้ามีสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ !?   นาธานยังงงไม่หาย

     

    เอาน่า   แล้วข้าจะเล่าให้ฟังทีหลัง    มาว่ากันเรื่องธุระของเจ้าเถอะ   ทุกคนเขารอฟังอยู่      นาธานหันไปมองคนอื่น ๆ ก็เห็นว่าตนถูกมองอยู่ก่อนแล้ว   ชายหนุ่มกระแอมกระไอปรับบุคลิกท่าทีเสียใหม่น้อมศรีษะลงนิดเป็นเชิงขออภัย

     

    ขออภัย   ข้าเสียมารยาทไปหน่อย      ข้ามาจากท่านจอมปราชญ์เฮกา    มารับพวกท่านเข้าสู่บาลันเทียร์ครับ

     

    จอมปราชญ์ของท่านรู้ได้ยังไงว่าพวกเราเดินทางมาถึงแล้ว ?     เจ้าชายซาร์กอนซักถามด้วยความข้องใจ

    ท่านเฮกาเป็นผู้รอบรู้ครับ    เรื่องแค่นี้ท่านทำนายได้     เชิญเจ้าชายและคณะออกเดินทางเถอะครับ     ข้าเตรียมรถม้าไว้พร้อมแล้ว    

    ดังนั้นคณะเดินทางจึงออกเดินทางมุ่งสู่บาลันเทียร์ในค่ำคืนนั้นเอง

     

    ภาพปราสาทหินอ่อนสีขาวอันงามตระหง่านบนยอดเขาล้อมรอบด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมนั้นว่างามแล้วหากยังเปรียบไม่ได้กับภาพหญิงสาวนางหนึ่งที่เยื้องกรายลงมาจากบันไดขั้นบนสุดทันทีที่รถม้าจอดเทียบ       

     

    หญิงสาวในชุดสีทองยาวละพื้น     ดวงหน้างามรับกับดวงตาสีฟ้าสดใส   และผมยาวหยักหยิกสีทองที่ม้วนเกล้าขึ้นไปบนศรีษะได้รูป    ไรผมสีอ่อนละลงมาเคลียแก้มนวล     ร่างของนางดุจมีรัศมีสีทองเปล่งประกายอยู่โดยรอบ    พาให้ผู้ที่ได้เห็นต่างนิ่งอึ้งตะลึงค้างกับความงามอันเหนือกว่าหญิงใดที่เคยพบมา

     

    เป็นไง   ตะลึงค้างกันเป็นแถว   เจ้าหญิงเซเลน่าแห่งบาลันเทียร์    งามมากใช่ไหมล่ะ ?    เซเนตตราถามแกมหัวเราะเมื่อเห็นอาการของหนุ่ม ๆ ร่วมคณะ    แต่ไร้คำตอบจากหนุ่มแม้แต่คนเดียว

     

    ดวงดาราแห่งบาลันเทียร์    หญิงที่งดงามที่สุดในแดนพิภพ      โซเนปพึมพำราวกับต้องมนต์

     

    นับว่าเป็นบุญตาที่ได้เห็น     มาร์รานเองก็ตะลึงค้างไปเหมือนกัน

     

    ไม่มีใครซักคนละสายตาจากภาพเบื้องหน้า    ลาเซียชำเลืองมองเจ้าชายซาร์กอนอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก    เมื่อเหลียวไปมองคนอื่น ๆ ก็เห็นมีอาการเดียวกัน   จะมีก็แต่เฮรอสที่มองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตายิ้ม ๆ   ไม่ได้มีอาการตกตะลึงเหมือนกับคนอื่น ๆ  

     

    เอ   ความงามขนาดที่แม้เธอเองเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ยังตะลึงแล  แต่ทำไมท่านเฮรอสยังเฉยอยู่ได้นะ    น่าแปลกจริงเชียว!”     ลาเซียคิดแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา

     

    เชิญครับ     เจ้าหญิงมารอต้อนรับพวกท่านด้วยตนเองเชียว     นาธานบอกแล้วเดินนำทั้งคณะเข้าไป

     

    รอยแย้มยิ้มงดงามประดับอยู่บนใบหน้านวล      น้ำเสียงเสนาะใสกล่าวต้อนรับด้วยไมตรี

     

    ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่บาลันเทียร์     ดวงตาคู่งามเบือนมาสบกับเจ้าชายซาร์กอน

     

    ขอบคุณพวกท่านสำหรับน้ำใจที่หยิบยื่นให้แก่บาลันเทียร์      ข้าได้สั่งให้คนจัดห้องพักให้พวกท่านแล้ว   หากขาดเหลือสิ่งใดโปรดบอก

     

    พวกเรามาที่นี่ด้วยเรื่องสำคัญที่ทางบาลันเทียร์แจ้งไป   โปรดอย่ากังวลเรื่องความสะดวกสบายของพวกเราเลย    เจ้าชายซาร์กอนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม

     

    นั่นสิ     ข้าอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับป่าอาถรรพ์และกระจกผนึกมนตราว่าขณะนี้เป็นอย่างไร ?  

    มาร์รานเอ่ยถึงเป้าหมายสำคัญที่พวกเขาเดินทางมา

     

    พวกท่านเดินทางมาเหนื่อย ๆ  ควรได้พักผ่อน    ส่วนเรื่องที่ท่านถามนั้นหลังจากที่พวกท่านได้พักผ่อนแล้วท่านจอมปราชญ์แห่งอาณาจักรข้าจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดให้พวกท่านทราบ  เชิญค่ะ        จบคำกล่าวของเจ้าหญิงแห่งบาลันเทียร์   หญิงงามอีกหลายนางก็ปรากฏตัวขึ้นน้อมคำนับเชิญให้คณะเดินทางเข้าไปพักผ่อนด้านในไม่มีใครเอ่ยคัดค้านความต้องการของเจ้าหญิงเซเลน่า     เหลือเพียงเซเนตตราที่ยืนรีรอจนคนอื่นๆ ผ่านไปหมด

     

    เซเนตตรา   นั่นเจ้าใช่ไหมนั่น ?       เจ้าหญิงเซเลน่าเอ่ยถาม      ดวงตาคู่งามไม่ค่อยจะมั่นใจนัก

    ข้าเองเจ้าหญิง    เป็นไง   ข้าเปลี่ยนไปมากไหม ?    เซเนตตราหัวเราะสนุก

     

    ข้าเกือบจำไม่ได้    ตอนแรกที่ท่านเฮกาบอกว่าเจ้าเปลี่ยนร่างเป็นชายข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลย     นางยิ้ม  มองร่างเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอย่างพินิจ

     

    จะว่าไปก็ยังเหลือเค้าเดิมอยู่บ้าง    แต่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าเป็นหญิง  ก็คงไม่รู้หรอกว่าเป็นเจ้า

     

    นาธานยังจำข้าไม่ได้เลย    เซเนตตราคุยอวด   แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะนึกสงสัยอย่างที่เคยสงสัยมาแล้ว    นาธานและเจ้าหญิงเซเลน่ารู้จักกับเธอมาตั้งแต่เด็ก   แต่เมื่อเห็นเธอในร่างผู้ชายยังจำแทบไม่ได้    แต่ทำไมเฮรอสกลับจำได้ทันทีทั้งที่ไม่เคยเห็นเธอในร่างผู้หญิงมาก่อนด้วยซ้ำ

     

    มีอะไรเหรอ ?

     

    เปล่า  ไม่มีอะไร   เออ!  เจ้าหญิง   พวกที่ข้าพามานั่นน่ะไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นหญิง   เวลาเจอหันท่านเรียกข้าว่าเซเนตนะ

     

    ทำไมล่ะ?    กลับมาถึงบาลันเทียร์แล้วเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้แล้วนี่

     

    ข้าไม่อยากให้พวกนั้นรู้ว่าข้าเป็นหญิง   มันวางตัวไม่ถูก    เจ้าหญิงเซเลน่าได้ฟังถึงกับหัวเราะ

     

    แล้วเจ้าจะปิดบังไปถึงเมื่อไหร่ ?

     

    ก็ไม่รู้เหมือนกัน     แต่บางทีอาจไม่จำเป็นแล้วก็ได้   ข้าพาพวกเขามาถึงบาลันเทียร์แล้วนี่  ก็เท่ากับว่าหมดหน้าที่ข้าแล้ว   ช่างเถอะข้าขอไปหาท่านเฮกาก่อน     เซเนตตราเอ่ยขอตัว

    ไปเถอะ   ท่านเฮกาคงกำลังรอเจ้าอยู่เหมือนกัน    

     

     

    เซเนตตราเดินลัดเลาะผ่านแนวกำแพงสูง    อีกฝากหนึ่งเป็นดงไม้ขึ้นเป็นแนวขนานไปกับกำแพงที่ทอดยาวล้อมรอบหอคอยแห่งปราชญ์     ทางเดินสายเล็ก ๆ นั้นไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรไปมา   แต่เป็นเส้นทางที่เธอใช้เข้าออกหอคอยแห่งนี้เป็นประจำ  

     

    ทางเส้นนี้สิ้นสุดลงที่ตรงประตูเล็ก ๆ ด้านหลังกำแพงหอคอยแห่งปราชญ์    เซเนตตราเคาะประตูเรียกยามเฝ้าให้เปิดรับ   แต่กว่าจะทำให้ยามเฝ้ายอมรับว่าเธอคือเซเนตตราได้ก็แทบแย่

     

    ห้องกว้าง   ภายในอัดแน่นไปด้วยชั้นหนังสือที่วางเรียงซ้อนกันจนเต็มห้อง   กึ่งกลางมีโต๊ะและเก้าอี้  แต่ก็เต็มไปด้วยตำรามากมายที่วางซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ

     

    ผู้เฒ่าเบลจอมเวทแห่งบาลันเทียร์ยืนอยู่ภายในห้องกับจอมปราชญ์สาวเฮกา    หญิงสาวผู้มีผมทอง  ดวงตาสีม่วงเข้มดูลึกลับชวนหลงใหล     เมื่อเซเนตตราเปิดประตูเข้าไปก็ได้รับรอยยิ้มหวานเป็นการต้อนรับ

    เรากำลังรอเจ้าเซเนตตรา    จอมปราชญ์สาวเอ่ยทักทาย

    อัสซูร์เทพโปรดคุ้มครองท่านจอมปราชญ์    ท่านผู้เฒ่า

     

    โปรดคุ้มครองเจ้าเช่นกัน   นั่งลงก่อนเถอะ     เฮกาบอกพลางชี้มือไปที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง

     

    เรามีเรื่องต้องคุยกัน   

     

    จอมปราชญ์สาวหันไปหยิบกาน้ำชารินใส่ถ้วยส่งให้ผู้มาใหม่    เซเนตตราพึมพำขอบคุณ    ในขณะที่จอมปราชญ์สาวเดินกลับมานั่งลงเบื้องหน้า

     

    เจ้าคงมีเรื่องอยากถามข้า   จอมปราชญ์สาวเป็นฝ่ายเริ่มเปิดการสนทนา

     

    แต่ข้าขอให้เจ้าเล่าเหตุการณ์หลังจากที่เจ้าใช้ลูกแก้วบาลันเทียร์ให้ข้าฟังก่อน   ได้ไหม ?

     

    เซเนตตราพยักหน้ารับแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด    เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลง  ผู้เฒ่าเบลและจอมปราชญ์สาวต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด

     

    ไม่ได้ผลจริง ๆ ซินะ    ผู้เฒ่าเบลพึมพำ

     

    น่าแปลก   ทำไมลูกแก้วบาลันเทียร์จึงนำเจ้าไปพบกับผู้ชายธรรมดา ๆ แบบนั้น    จอมปราชญ์สาวครุ่นคิด

    ข้าคงต้องขอพบหน่อยแล้วท่านชายเฮรอสคนนี้     นางหมายมั่น

     

    เอ่อ...ตอนนี้ข้าถามได้แล้วใช่ไหม ?      เซเนตตราถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

     

    ได้   เจ้าอยากถามอะไรล่ะ ?     

     

    โซเนปบอกข้าว่า  ไมใช่ทุกคนที่ใช้พลังจากลูกแก้วบาลันเทียร์ได้   และคนที่ใช้ได้ก็อาจถูกดูดพลังไปจนหมดและอาจถึงตายได้   ในขณะที่.....     เซเนตตรามองสบตาเฮกาแล้วกล่าวคำถามออกมา

     

    ท่านบอกข้าว่าลูกแก้วบาลันเทียร์จะปกป้องผู้ครอบครอง

     

    ใช่   ข้าพูดแบบนั้น     ลูกแก้วบาลันเทียร์จะปกป้องผู้ที่เป็นเจ้าของมันที่แท้จริง        สีหน้างุนงงของเซเนตตราทำให้จอมปราชญ์สาวยิ้มปลอบใจพลางอธิบายต่อ

     

    ลูกแก้วบาลันเทียร์เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่ใช้ปราบราชาปีศาจ    กล่าวกันว่าลูกแก้วบาลันเทียร์นั้นเป็นสมบัติของมหาปราชญ์ดาไรอัส   เหมือนกับที่คฑามหาเวทคือสมบัติแห่งมหาราชาเซธารอส      ผู้ครอบครองดวงแก้วที่แท้จริงก็คือผู้ที่มีสายเลือดแห่งมหาปราชญ์ดาไรอัส  ซึ่งก็คือสายเลือดศักดิ์สิทธิ์

     

    เซเนตตราพยายามคิดตาม

     

    สายเลือดศักดิ์เป็นที่ต้องการของเหล่าปีศาจ  และผู้ใช้เวทฝ่ายชั่วร้าย  เพราะเลือดอันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะช่วยเพิ่มพลังเวทให้แข็งแกร่งขึ้นอีกเท่าตัว    ในปัจจุบันนี้จึงเหลือสายเลือดศักดิ์สิทธิ์น้อยเต็มที   ดังนั้นสายเลือดศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นสิ่งที่ต้องพิทักษ์ไว้เพราะความเกี่ยวเนื่องตามคำทำนาย     สายเลือดศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งหมาย   นำแสงแห่งความหวังให้กลับมา

     

    นางทวนคำทำนายบทสุดท้ายของมหาปราชญ์ดาไรอัส     จอมปราชญ์สาวถอนใจยาวพลางเอ่ยต่อ

     

    บันทึกของอาณาจักรอื่นอาจกล่าวถึงสายเลือดศักดิ์สิทธิ์และลูกแก้วบาลันเทียร์    แต่บันทึกที่เก็บรักษาไว้ในหอคอยแห่งปราชญ์    อาณาจักรบาลันเทียร์นี้ถือว่าถูกต้องที่สุดเพราะเป็นการบันทึกโดยมหาปราชญ์ดาไรอัส   ในบันทึกนั้นได้กล่าวคำทำนายดังที่ข้าได้กล่าวไปแล้ว     ยิ่งฟังเซเนตตรายิ่งงงหนัก   หรือคนฉลาด ๆ เขาต้องพูดอะไรที่มันฟังเข้าใจยากแบบนี้   

     

    ข้าบอกเจ้าว่าลูกแก้วบาลันเทียร์จะปกป้องเจ้าของที่แท้จริงใช่ไหม ?     เซเนตตราพยักหน้าตอบรับ

     

    เจ้าของที่แท้จริงขณะนี้ก็คือข้า    ผู้สืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์    เซเนตตราอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก

     อาจจะฟังเป็นการเห็นแก่ตัว      แต่ข้าก็มีเหตุผล    หน้าที่ของข้าคือการเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงในป่าอาถรรพ์และการผนึกเวทเพื่อสกัดกั้นรอยร้าวของกระจกผนึกมนตรา        นางยิ้มเมื่อเห็นสีหน้างงงันของผู้ฟัง   

     

    เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ไม่แปลกเพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีในบันทึกหรือตำราเล่มไหน    แต่มันเป็นหน้าที่ที่สืบต่อกันมาของทายาทสายเลือดศักดิ์สิทธิ์เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว        เมื่อครั้งมหาราชาเซธารอสกักขังลูเนซาราสจอมมารเมื่อแปดร้อยปีก่อนนั้น   ได้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น

     

    ข้อผิดพลาดอะไรเหรอ ?    เซเนตตราอดถามไม่ได้

     

    ไม่มีใครรู้      จอมปราชญ์เฮกาตอบแล้วกล่าวต่อไป     

     

    ข้อผิดพลาดนั้นทำให้อาคมที่ผนึกกระจกผนึกมนตราไม่สมบูรณ์  และในทุก ๆ ห้าสิบปีอาคมที่ผนึกไว้ก็จะค่อย ๆ เสื่อมลง    จึงเป็นหน้าที่ของผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ต้องคอยตรวจสอบและสะกดรอยร้าวที่เกิดขึ้น    แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเหมือนครั้งก่อน ๆ     เฮกากล่าวพลางทอดถอนใจอย่างหนักอก

     

    ทำไมล่ะ ?    

     

    ข้าสะกดรอยร้าวนั้นแล้วแต่ไม่อาจหยุดยั้งมันได้     กระจกผนึกมนตรากำลังปริร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นไอความชั่วร้ายแผ่กระจายมากขึ้นจนขณะนี้ป่าอาถรรพ์แทบจะกลายเป็นดินแดนแห่งปีศาจ

     

    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ส่งข้าไปตามหาแสงแห่งความหวัง    ในเมื่อข้า..... ?

     

    เจ้าไม่ใช่สายเลือดศักดิ์สิทธิ์.......นั่นแหล่ะที่ข้าบอกว่ามันอาจเป็นการเห็นแก่ตัว      ข้าไม่อาจคลาดสายตาจากป่าอาถรรพ์ได้     แต่คำทำนายแห่งมหาปราชญ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะละเลย     ข้าจึงต้องหาตัวแทนซึ่งก็คือเจ้า     

    ดวงตาสีม่วงเข้มมองสบกับเซเนตตรา      พร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ส่งให้

     

    ข้าถ่ายทอดพลังส่วนหนึ่งไปสู่เจ้า  เพื่อให้เจ้าสามารถใช้พลังจากลูกแก้วบาลันเทียร์ได้แต่ก็คงจะไม่ได้เต็มที่นัก    แต่เจ้าก็ทำให้ข้าแปลกใจเหมือนกันนะที่สามารถใช้พลังจากลูกแก้วได้ขนาดนั้นโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ

    เซเนตตราได้แต่เงียบไม่รู้จะพูดอะไร

     

    ข้าต้องขอโทษเจ้า

     

    ไม่เป็นไรหรอก    ก็ท่านมีความจำเป็นจริง ๆ นี่

     

    เจ้าตอบแบบนี้ยิ่งทำให้ข้าไม่สบายใจเพราะความจริงแล้วสายเลือดศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่มีข้าเพียงคนเดียว      จอมปราชญ์สาวกล่าว   

     

    สายเลือดศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งคนในแดนพิภพ     เจ้าหญิงเซเลน่า  แห่งบาลันเทียร์

     

    เจ้าหญิงเซเลน่า!”

     

    ใช่   นอกจากข้าแล้วก็เหลือเพียงนางซึ่งสืบเชื้อสายมาจากองค์ราชินีที่สิ้นไป     เจ้าหญิงเซเลน่าจึงเป็นอีกผู้หนึ่งที่สามารถใช้พลังจากลูกแก้วบาลันเทียร์ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับตัวเอง    แต่การส่งนางไปยังดินแดนห่างไกลโดยไม่ทราบจุดหมายนั้นเป็นการกระทำที่เสี่ยงเกินไป       จอมปราชญ์สาวเฮกาพูดเพียงแค่นั้นเซเนตตราก็เข้าใจ    

     

    เหตุผลที่พูดมาทั้งหมดถ้าจะพูดง่าย ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมก็คือ      สายเลือดศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งสูงค่าเกินกว่าจะนำไปเสี่ยงกับคำทำนายที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่    ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกเธอ  ผู้ไม่มีความสำคัญใด ๆ เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน!

     

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเจ้าโกรธข้าหรือไม่ ?    เซเนตตรานิ่งคิดอย่างชั่งใจ

     

    ข้าเข้าใจความจำเป็นของพวกท่านดี

     

    แม้จะตอบออกไปแบบนั้นแต่ใจหนึ่งก็อดน้อยใจไม่ได้      ถึงจะยอมรับความจริงว่าตัวเองนั้นไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่างก็ตาม

     

    ถ้างั้นตอนนี้ข้าก็หมดหน้าที่แล้ว 

     

    เจ้าทำได้ดีเซเนตตรา     อย่างน้อยเราก็ได้มาร์รานพ่อมดขาวแห่งนาดีนมาช่วยอีกแรงหนึ่ง    ข้าสัมผัสได้ถึงความหวังที่มาพร้อมกับคณะเดินทางนี้

     

    ข้าขอคืนลูกแก้วบาลันเทียร์ให้กับเจ้าของที่แท้จริง      เซเนตตราบอกพลางหยิบลูกแก้วออกมาวางบนโต๊ะ   ดวงแก้วสีขาวส่องประกายเจิดจ้าดุจจะตอบรับเจ้าของของมัน

     

    ข้าจะทำให้เจ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิม

     

    เซเนตตราไม่คัดค้านใด ๆ  หน้าที่ของเธอเสร็จสิ้นลงแล้ว   เซเนตควรหายไปเสียที    จบการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบ   ให้ทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน    กลับสู่ชีวิตจริงที่เธอคือเซเนตตรา   เด็กสาวกำพร้า     ผู้ดูแลหอตำราในหอคอยแห่งปราชญ์     ลูกศิษย์ที่ไม่ได้ความของผู้เฒ่าเบลจอมเวทแห่งบาลันเทียร์          เซเนตตราถอนใจยาว   หลับตาลงเมื่อแสงจากลูกแก้วเจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ

     

    จะมีใครในคณะของเจ้าชายซาร์กอนนึกถึงเธอบ้างหรือเปล่านะ!”

     

     

    ร่างเล็กแบบบางของเด็กสาวผู้หนึ่งนั่งเหยียดยาวอยู่ใต้โคนไม้ใหญ่ใกล้กับทะเลสาบสีมรกตอันเป็นสีเดียวกับสีตาของคนที่มองเหม่อ    ผมสีน้ำตาลยาวหยักหยิกยุ่งเหยิงถูกขมวดพันไว้ง่าย ๆ ด้วยเกลียวเชือก   ใบหน้าขาวนวลขะมุกขะมอมพอ ๆ กับชุดแบบผู้ชายที่สวมใส่        ภาพผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไม่ได้อยู่ในความคิดคำนึงดูเหมือนว่าเด็กสาวจะคิดอะไรที่ไกลตัวออกไป   

     

    มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ?     เสียงทักที่ดังจากเบื้องหลังทำให้คนถูกทักหันกลับมา    ผู้ทักคือหญิงสาวผู้อยู่ในวัยใกล้เคียงกันหากความงามแห่งนางปรากฏชัดบดบังความงามในสิ่งอื่น ๆ เสียสิ้น  เจ้าหญิงเซเลน่า

     

    ก็ไม่ได้ทำอะไร    ข้าก็เล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย       คนถูกถามตอบหันกลับไปมองแผ่นน้ำตามเดิม   มือหนึ่งหยิบกรวดก้อนเล็ก ๆ กว้างลงไปในทะเลสาบ

     

    ผลการประชุมเป็นไงบ้าง ?     คำถามตามมาเมื่อร่างของเจ้าหญิงคนงามทรุดลงนั่งข้าง ๆ

     

    จอมปราชญ์เฮกาอธิบายสถานการณ์ให้พวกเจ้าชายซาร์กอนฟังแล้วละ      พวกเขาจะเดินทางเข้าสู่ป่าอาถรรพ์   ข้าก็จะไปด้วย     คำบอกเล่านี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไรให้กับเซเนตตรา

     

    แต่เรื่องของเจ้าไม่มีใครพูดตามที่เจ้าได้ขอร้องไว้       เจ้าหญิงเซเลน่าบอกแล้วมองหน้าคนที่นั่งฟังเงียบ

    พวกเขาถามถึงเจ้าด้วยนะ   เจ้าจะไม่ไปพบพวกเขาซักครั้งเหรอ ?

     

    ไม่ละ   ปล่อยให้เซเนตหายไปเฉย ๆ น่ะดีแล้ว    ข้าไม่ใช่คนสำคัญอะไร    อีกหน่อยพวกเขาก็ลืมไปเอง  

    ต่างฝ่ายต่างเงียบไปซักพัก   เจ้าหญิงเซเลน่าจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

     

    เซเนตตรา

     

    มีอะไรเหรอ ?     เซเนตตราขานรับ   สายตาเบือนมาสบกับดวงตาคู่งาม

     

    เจ้าว่าท่านเฮรอสเป็นคนยังไง ?    เซเนตตราอึ้งไปกับคำถามนั้น    กว่าจะเรียบเรียงออกมาเป็นประโยคได้

    มีอะไรหรือเปล่าเจ้าหญิง ?      ดวงหน้างามของเจ้าหญิงเซเลน่าขึ้นสีสวย    รอยยิ้มกึ่งเก้อเขินแต่ดวงตาพราวระยับ

     

    ไม่รู้สิ  เพียงแต่ข้ารู้สึก.....แปลก ๆ บอกไม่ถูก  เหมือนข้าเคยคุ้นกับเขามานานแสนนาน…..เจ้าเคยเดินทางร่วมกับท่านเฮรอสน่าจะพอรู้นิสัยใจคอบ้าง ?

     

    เฮรอสน่ะเหรอ    เหลาะแหละ   รักสนุก     ไม่ได้เรื่องได้ราวที่สุด  แถมยังเจ้าสำราญอีกต่างหาก   เอาไปเปรียบกับสองเจ้าชายแล้วแพ้หลุดลุ่ย       เซเนตตราวิจารณ์ไม่เหลือดี

     

    แต่ข้าว่าเจ้าชายซาร์กอนท่านเป็นผู้ใหญ่เป็นงานเป็นการไปเสียหมด    ส่วนเจ้าชายซาร์ลูมานก็เคร่งขรึมจนข้าอึดอัดเวลาอยู่ต่อหน้าเขา   เหมือนตัวเองถูกจับผิด     เจ้าหญิงเซเลน่าบ่น    

     

    แล้วมาร์รานล่ะ ?

     

    ท่านมาร์รานก็ดูเป็นคนอารมณ์ดีนะ  ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา  แต่เหมือนเป็นเพียงฉากหน้าเสียมากกว่า   ข้าว่าเขามีอะไรลึก ๆ หลังรอยยิ้มนั่น       เซเนตตราถอนใจเฮือกอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น        สงสัยเจ้าหญิงจะถูกเจ้าเฮรอสหว่านเสน่ห์เสียแล้ว    เธอรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างประหลาด

     

     

     

    *******************************

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×