คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เซเลน่า ดวงดาราแห่งบาลันเทียร์
บทที่ 14
เซเลน่าดวงดาราแห่งบาลันเทียร์
บุคคลทั้งแปดกับเสือดำในร่างคนนั่งชุมนุมอยู่ในห้องเดียวกันในโรงแรมเล็ก ๆ ของหมู่บ้าน เนื่องจากไม่มีห้องว่างเหลืออยู่เลย ส่วนเจ้าม้าเฮทเทอร์นั้นคอกม้าของทางโรงแรมยังพอมีที่ให้พักอยู่ได้
“ผู้คนกำลังเร่งรีบเดินทางเพื่อให้ห่างจากอาณาจักรบาลันเทียร์” โซเนปบอกข่าวที่ได้รับมาจากการพูดคุยซักถามพนักงานในโรงแรม
“ข่าวลือเรื่องการกลับมาของราชาปีศาจลูเนซาราสมีมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกที่อพยพบอกว่าหมู่บ้านทางเหนือขึ้นไปซึ่งติดกับป่าอาถรรพ์ตอนนี้ร้างไปแล้ว
“ทางบาลันเทียร์ไม่ทำอะไรกันมั่งหรือไง ?” เจ้าชายซาร์ลูมานถามอย่างไม่ชอบใจนัก เป็นเหตุให้ ‘คนบาลันเทียร์’ คนหนึ่งมองเขม่นแต่ไม่กล้าโต้กลับ
“คิดว่าคงเกินกำลังมากกว่า เหล่าปีศาจออกอาละวาดมากจนเกินกำลังเหล่าจอมเวทที่บาลันเทียร์มีอยู่ จอมเวทจากอาณาจักรอื่นกว่าจะเดินทางมาสมทบก็ต้องใช้เวลาพอสมควร” เซเนตตราพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุน
“แต่ก็ควรจัดการให้ดีกว่านี้” เจ้าชายซาร์ลูมานตำหนิ
ยังไม่ทันที่เซเนตตาจะเปิดประเด็นโต้แย้ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น อาเลฟเป็นฝ่ายเดินไปเปิด พูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ก็เดินนำบุรุษผู้หนึ่งเข้ามาในห้อง
“นาธาน!”
บุรุษผู้นั้นหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าของเสียงเป็นหนุ่มหน้ามนที่เขาไม่รู้จัก
“ข้าเองไง เซเนต...จำไม่ได้เหรอ” หนุ่มเจ้าของนาม ‘นาธาน’ ทำหน้างงหนักกว่าเดิม
“เออ ช่างเถอะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่เหรอ ?”
“ข้าได้รับบัญชาจากท่านจอมปราชญ์เฮกาแห่งบาลันเทียร์ให้มารับคณะของเจ้าชายซาร์กอนแห่งวินเดเนีย ซึ่งเราได้ส่งเซเนต....เฮ้ย!....เจ้า....เจ้า....เซเนตตะ.....” คำพูดนั้นหลุดออกมาไม่หมดเพราะถูกเจ้าของนามกระโดดล็อกคอปิดปากเสียก่อน นาธานดิ้นขลุกขลักกว่าจะสะบัดหลุดออกมาได้ก็แทบแย่
“ทำบ้าอะไรของเจ้า! ข้าเกือบหายใจไม่ออก”
“จำข้าได้แล้วใช่ไหมล่ะ ?” เซเนตตราส่งยิ้มหวานประจบ นาธานมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา
“ทำไมเจ้ามีสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ !?” นาธานยังงงไม่หาย
“เอาน่า แล้วข้าจะเล่าให้ฟังทีหลัง มาว่ากันเรื่องธุระของเจ้าเถอะ ทุกคนเขารอฟังอยู่” นาธานหันไปมองคนอื่น ๆ ก็เห็นว่าตนถูกมองอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มกระแอมกระไอปรับบุคลิกท่าทีเสียใหม่น้อมศรีษะลงนิดเป็นเชิงขออภัย
“ขออภัย ข้าเสียมารยาทไปหน่อย ข้ามาจากท่านจอมปราชญ์เฮกา มารับพวกท่านเข้าสู่บาลันเทียร์ครับ”
“จอมปราชญ์ของท่านรู้ได้ยังไงว่าพวกเราเดินทางมาถึงแล้ว ?” เจ้าชายซาร์กอนซักถามด้วยความข้องใจ
“ท่านเฮกาเป็นผู้รอบรู้ครับ เรื่องแค่นี้ท่านทำนายได้ เชิญเจ้าชายและคณะออกเดินทางเถอะครับ ข้าเตรียมรถม้าไว้พร้อมแล้ว”
ดังนั้นคณะเดินทางจึงออกเดินทางมุ่งสู่บาลันเทียร์ในค่ำคืนนั้นเอง
ภาพปราสาทหินอ่อนสีขาวอันงามตระหง่านบนยอดเขาล้อมรอบด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมนั้นว่างามแล้วหากยังเปรียบไม่ได้กับภาพหญิงสาวนางหนึ่งที่เยื้องกรายลงมาจากบันไดขั้นบนสุดทันทีที่รถม้าจอดเทียบ
หญิงสาวในชุดสีทองยาวละพื้น ดวงหน้างามรับกับดวงตาสีฟ้าสดใส และผมยาวหยักหยิกสีทองที่ม้วนเกล้าขึ้นไปบนศรีษะได้รูป ไรผมสีอ่อนละลงมาเคลียแก้มนวล ร่างของนางดุจมีรัศมีสีทองเปล่งประกายอยู่โดยรอบ พาให้ผู้ที่ได้เห็นต่างนิ่งอึ้งตะลึงค้างกับความงามอันเหนือกว่าหญิงใดที่เคยพบมา
“เป็นไง ตะลึงค้างกันเป็นแถว เจ้าหญิงเซเลน่าแห่งบาลันเทียร์ งามมากใช่ไหมล่ะ ?” เซเนตตราถามแกมหัวเราะเมื่อเห็นอาการของหนุ่ม ๆ ร่วมคณะ แต่ไร้คำตอบจากหนุ่มแม้แต่คนเดียว
“ดวงดาราแห่งบาลันเทียร์ หญิงที่งดงามที่สุดในแดนพิภพ” โซเนปพึมพำราวกับต้องมนต์
“นับว่าเป็นบุญตาที่ได้เห็น” มาร์รานเองก็ตะลึงค้างไปเหมือนกัน
ไม่มีใครซักคนละสายตาจากภาพเบื้องหน้า ลาเซียชำเลืองมองเจ้าชายซาร์กอนอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก เมื่อเหลียวไปมองคนอื่น ๆ ก็เห็นมีอาการเดียวกัน จะมีก็แต่เฮรอสที่มองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตายิ้ม ๆ ไม่ได้มีอาการตกตะลึงเหมือนกับคนอื่น ๆ
‘เอ ความงามขนาดที่แม้เธอเองเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ยังตะลึงแล แต่ทำไมท่านเฮรอสยังเฉยอยู่ได้นะ น่าแปลกจริงเชียว!” ลาเซียคิดแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา
“เชิญครับ เจ้าหญิงมารอต้อนรับพวกท่านด้วยตนเองเชียว” นาธานบอกแล้วเดินนำทั้งคณะเข้าไป
รอยแย้มยิ้มงดงามประดับอยู่บนใบหน้านวล น้ำเสียงเสนาะใสกล่าวต้อนรับด้วยไมตรี
“ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่บาลันเทียร์” ดวงตาคู่งามเบือนมาสบกับเจ้าชายซาร์กอน
“ขอบคุณพวกท่านสำหรับน้ำใจที่หยิบยื่นให้แก่บาลันเทียร์ ข้าได้สั่งให้คนจัดห้องพักให้พวกท่านแล้ว หากขาดเหลือสิ่งใดโปรดบอก”
“พวกเรามาที่นี่ด้วยเรื่องสำคัญที่ทางบาลันเทียร์แจ้งไป โปรดอย่ากังวลเรื่องความสะดวกสบายของพวกเราเลย” เจ้าชายซาร์กอนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
“นั่นสิ ข้าอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับป่าอาถรรพ์และกระจกผนึกมนตราว่าขณะนี้เป็นอย่างไร ?”
มาร์รานเอ่ยถึงเป้าหมายสำคัญที่พวกเขาเดินทางมา
“พวกท่านเดินทางมาเหนื่อย ๆ ควรได้พักผ่อน ส่วนเรื่องที่ท่านถามนั้นหลังจากที่พวกท่านได้พักผ่อนแล้วท่านจอมปราชญ์แห่งอาณาจักรข้าจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดให้พวกท่านทราบ เชิญค่ะ” จบคำกล่าวของเจ้าหญิงแห่งบาลันเทียร์ หญิงงามอีกหลายนางก็ปรากฏตัวขึ้นน้อมคำนับเชิญให้คณะเดินทางเข้าไปพักผ่อนด้านในไม่มีใครเอ่ยคัดค้านความต้องการของเจ้าหญิงเซเลน่า เหลือเพียงเซเนตตราที่ยืนรีรอจนคนอื่นๆ ผ่านไปหมด
“เซเนตตรา นั่นเจ้าใช่ไหมนั่น ?” เจ้าหญิงเซเลน่าเอ่ยถาม ดวงตาคู่งามไม่ค่อยจะมั่นใจนัก
“ข้าเองเจ้าหญิง เป็นไง ข้าเปลี่ยนไปมากไหม ?” เซเนตตราหัวเราะสนุก
“ข้าเกือบจำไม่ได้ ตอนแรกที่ท่านเฮกาบอกว่าเจ้าเปลี่ยนร่างเป็นชายข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลย” นางยิ้ม มองร่างเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอย่างพินิจ
“จะว่าไปก็ยังเหลือเค้าเดิมอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าเป็นหญิง ก็คงไม่รู้หรอกว่าเป็นเจ้า”
“นาธานยังจำข้าไม่ได้เลย” เซเนตตราคุยอวด แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะนึกสงสัยอย่างที่เคยสงสัยมาแล้ว นาธานและเจ้าหญิงเซเลน่ารู้จักกับเธอมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเห็นเธอในร่างผู้ชายยังจำแทบไม่ได้ แต่ทำไมเฮรอสกลับจำได้ทันทีทั้งที่ไม่เคยเห็นเธอในร่างผู้หญิงมาก่อนด้วยซ้ำ
“มีอะไรเหรอ ?”
“เปล่า ไม่มีอะไร เออ! เจ้าหญิง พวกที่ข้าพามานั่นน่ะไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นหญิง เวลาเจอหันท่านเรียกข้าว่าเซเนตนะ”
“ทำไมล่ะ? กลับมาถึงบาลันเทียร์แล้วเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้แล้วนี่”
“ข้าไม่อยากให้พวกนั้นรู้ว่าข้าเป็นหญิง มันวางตัวไม่ถูก” เจ้าหญิงเซเลน่าได้ฟังถึงกับหัวเราะ
“แล้วเจ้าจะปิดบังไปถึงเมื่อไหร่ ?”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่บางทีอาจไม่จำเป็นแล้วก็ได้ ข้าพาพวกเขามาถึงบาลันเทียร์แล้วนี่ ก็เท่ากับว่าหมดหน้าที่ข้าแล้ว ช่างเถอะข้าขอไปหาท่านเฮกาก่อน” เซเนตตราเอ่ยขอตัว
“ไปเถอะ ท่านเฮกาคงกำลังรอเจ้าอยู่เหมือนกัน”
เซเนตตราเดินลัดเลาะผ่านแนวกำแพงสูง อีกฝากหนึ่งเป็นดงไม้ขึ้นเป็นแนวขนานไปกับกำแพงที่ทอดยาวล้อมรอบหอคอยแห่งปราชญ์ ทางเดินสายเล็ก ๆ นั้นไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรไปมา แต่เป็นเส้นทางที่เธอใช้เข้าออกหอคอยแห่งนี้เป็นประจำ
ทางเส้นนี้สิ้นสุดลงที่ตรงประตูเล็ก ๆ ด้านหลังกำแพงหอคอยแห่งปราชญ์ เซเนตตราเคาะประตูเรียกยามเฝ้าให้เปิดรับ แต่กว่าจะทำให้ยามเฝ้ายอมรับว่าเธอคือเซเนตตราได้ก็แทบแย่
ห้องกว้าง ภายในอัดแน่นไปด้วยชั้นหนังสือที่วางเรียงซ้อนกันจนเต็มห้อง กึ่งกลางมีโต๊ะและเก้าอี้ แต่ก็เต็มไปด้วยตำรามากมายที่วางซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ
ผู้เฒ่าเบลจอมเวทแห่งบาลันเทียร์ยืนอยู่ภายในห้องกับจอมปราชญ์สาวเฮกา หญิงสาวผู้มีผมทอง ดวงตาสีม่วงเข้มดูลึกลับชวนหลงใหล เมื่อเซเนตตราเปิดประตูเข้าไปก็ได้รับรอยยิ้มหวานเป็นการต้อนรับ
“เรากำลังรอเจ้าเซเนตตรา” จอมปราชญ์สาวเอ่ยทักทาย
“อัสซูร์เทพโปรดคุ้มครองท่านจอมปราชญ์ ท่านผู้เฒ่า”
“โปรดคุ้มครองเจ้าเช่นกัน นั่งลงก่อนเถอะ” เฮกาบอกพลางชี้มือไปที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
จอมปราชญ์สาวหันไปหยิบกาน้ำชารินใส่ถ้วยส่งให้ผู้มาใหม่ เซเนตตราพึมพำขอบคุณ ในขณะที่จอมปราชญ์สาวเดินกลับมานั่งลงเบื้องหน้า
“เจ้าคงมีเรื่องอยากถามข้า” จอมปราชญ์สาวเป็นฝ่ายเริ่มเปิดการสนทนา
“แต่ข้าขอให้เจ้าเล่าเหตุการณ์หลังจากที่เจ้าใช้ลูกแก้วบาลันเทียร์ให้ข้าฟังก่อน ได้ไหม ?”
เซเนตตราพยักหน้ารับแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลง ผู้เฒ่าเบลและจอมปราชญ์สาวต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่ได้ผลจริง ๆ ซินะ” ผู้เฒ่าเบลพึมพำ
“น่าแปลก ทำไมลูกแก้วบาลันเทียร์จึงนำเจ้าไปพบกับผู้ชายธรรมดา ๆ แบบนั้น” จอมปราชญ์สาวครุ่นคิด
“ข้าคงต้องขอพบหน่อยแล้วท่านชายเฮรอสคนนี้” นางหมายมั่น
“เอ่อ...ตอนนี้ข้าถามได้แล้วใช่ไหม ?” เซเนตตราถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“ได้ เจ้าอยากถามอะไรล่ะ ?”
“โซเนปบอกข้าว่า ไมใช่ทุกคนที่ใช้พลังจากลูกแก้วบาลันเทียร์ได้ และคนที่ใช้ได้ก็อาจถูกดูดพลังไปจนหมดและอาจถึงตายได้ ในขณะที่.....” เซเนตตรามองสบตาเฮกาแล้วกล่าวคำถามออกมา
“ท่านบอกข้าว่าลูกแก้วบาลันเทียร์จะปกป้องผู้ครอบครอง”
“ใช่ ข้าพูดแบบนั้น ลูกแก้วบาลันเทียร์จะปกป้องผู้ที่เป็นเจ้าของมันที่แท้จริง” สีหน้างุนงงของเซเนตตราทำให้จอมปราชญ์สาวยิ้มปลอบใจพลางอธิบายต่อ
“ลูกแก้วบาลันเทียร์เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่ใช้ปราบราชาปีศาจ กล่าวกันว่าลูกแก้วบาลันเทียร์นั้นเป็นสมบัติของมหาปราชญ์ดาไรอัส เหมือนกับที่คฑามหาเวทคือสมบัติแห่งมหาราชาเซธารอส ผู้ครอบครองดวงแก้วที่แท้จริงก็คือผู้ที่มีสายเลือดแห่งมหาปราชญ์ดาไรอัส ซึ่งก็คือสายเลือดศักดิ์สิทธิ์”
เซเนตตราพยายามคิดตาม
“สายเลือดศักดิ์เป็นที่ต้องการของเหล่าปีศาจ และผู้ใช้เวทฝ่ายชั่วร้าย เพราะเลือดอันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะช่วยเพิ่มพลังเวทให้แข็งแกร่งขึ้นอีกเท่าตัว ในปัจจุบันนี้จึงเหลือสายเลือดศักดิ์สิทธิ์น้อยเต็มที ดังนั้นสายเลือดศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นสิ่งที่ต้องพิทักษ์ไว้เพราะความเกี่ยวเนื่องตามคำทำนาย สายเลือดศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งหมาย นำแสงแห่งความหวังให้กลับมา”
นางทวนคำทำนายบทสุดท้ายของมหาปราชญ์ดาไรอัส จอมปราชญ์สาวถอนใจยาวพลางเอ่ยต่อ
“บันทึกของอาณาจักรอื่นอาจกล่าวถึงสายเลือดศักดิ์สิทธิ์และลูกแก้วบาลันเทียร์ แต่บันทึกที่เก็บรักษาไว้ในหอคอยแห่งปราชญ์ ณ อาณาจักรบาลันเทียร์นี้ถือว่าถูกต้องที่สุดเพราะเป็นการบันทึกโดยมหาปราชญ์ดาไรอัส ในบันทึกนั้นได้กล่าวคำทำนายดังที่ข้าได้กล่าวไปแล้ว” ยิ่งฟังเซเนตตรายิ่งงงหนัก หรือคนฉลาด ๆ เขาต้องพูดอะไรที่มันฟังเข้าใจยากแบบนี้
“ข้าบอกเจ้าว่าลูกแก้วบาลันเทียร์จะปกป้องเจ้าของที่แท้จริงใช่ไหม ?” เซเนตตราพยักหน้าตอบรับ
“เจ้าของที่แท้จริงขณะนี้ก็คือข้า ผู้สืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์” เซเนตตราอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
“อาจจะฟังเป็นการเห็นแก่ตัว แต่ข้าก็มีเหตุผล หน้าที่ของข้าคือการเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงในป่าอาถรรพ์และการผนึกเวทเพื่อสกัดกั้นรอยร้าวของกระจกผนึกมนตรา” นางยิ้มเมื่อเห็นสีหน้างงงันของผู้ฟัง
“เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ไม่แปลกเพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีในบันทึกหรือตำราเล่มไหน แต่มันเป็นหน้าที่ที่สืบต่อกันมาของทายาทสายเลือดศักดิ์สิทธิ์เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว เมื่อครั้งมหาราชาเซธารอสกักขังลูเนซาราสจอมมารเมื่อแปดร้อยปีก่อนนั้น ได้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น”
“ข้อผิดพลาดอะไรเหรอ ?” เซเนตตราอดถามไม่ได้
“ไม่มีใครรู้” จอมปราชญ์เฮกาตอบแล้วกล่าวต่อไป
“ข้อผิดพลาดนั้นทำให้อาคมที่ผนึกกระจกผนึกมนตราไม่สมบูรณ์ และในทุก ๆ ห้าสิบปีอาคมที่ผนึกไว้ก็จะค่อย ๆ เสื่อมลง จึงเป็นหน้าที่ของผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ต้องคอยตรวจสอบและสะกดรอยร้าวที่เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเหมือนครั้งก่อน ๆ” เฮกากล่าวพลางทอดถอนใจอย่างหนักอก
“ทำไมล่ะ ?”
“ข้าสะกดรอยร้าวนั้นแล้วแต่ไม่อาจหยุดยั้งมันได้ กระจกผนึกมนตรากำลังปริร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นไอความชั่วร้ายแผ่กระจายมากขึ้นจนขณะนี้ป่าอาถรรพ์แทบจะกลายเป็นดินแดนแห่งปีศาจ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ส่งข้าไปตามหาแสงแห่งความหวัง ในเมื่อข้า..... ?”
“เจ้าไม่ใช่สายเลือดศักดิ์สิทธิ์.......นั่นแหล่ะที่ข้าบอกว่ามันอาจเป็นการเห็นแก่ตัว ข้าไม่อาจคลาดสายตาจากป่าอาถรรพ์ได้ แต่คำทำนายแห่งมหาปราชญ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะละเลย ข้าจึงต้องหาตัวแทนซึ่งก็คือเจ้า”
ดวงตาสีม่วงเข้มมองสบกับเซเนตตรา พร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ส่งให้
“ข้าถ่ายทอดพลังส่วนหนึ่งไปสู่เจ้า เพื่อให้เจ้าสามารถใช้พลังจากลูกแก้วบาลันเทียร์ได้แต่ก็คงจะไม่ได้เต็มที่นัก แต่เจ้าก็ทำให้ข้าแปลกใจเหมือนกันนะที่สามารถใช้พลังจากลูกแก้วได้ขนาดนั้นโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ”
เซเนตตราได้แต่เงียบไม่รู้จะพูดอะไร
“ข้าต้องขอโทษเจ้า”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ท่านมีความจำเป็นจริง ๆ นี่”
“เจ้าตอบแบบนี้ยิ่งทำให้ข้าไม่สบายใจเพราะความจริงแล้วสายเลือดศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่มีข้าเพียงคนเดียว” จอมปราชญ์สาวกล่าว
“สายเลือดศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งคนในแดนพิภพ เจ้าหญิงเซเลน่า แห่งบาลันเทียร์”
“เจ้าหญิงเซเลน่า!”
“ใช่ นอกจากข้าแล้วก็เหลือเพียงนางซึ่งสืบเชื้อสายมาจากองค์ราชินีที่สิ้นไป เจ้าหญิงเซเลน่าจึงเป็นอีกผู้หนึ่งที่สามารถใช้พลังจากลูกแก้วบาลันเทียร์ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับตัวเอง แต่การส่งนางไปยังดินแดนห่างไกลโดยไม่ทราบจุดหมายนั้นเป็นการกระทำที่เสี่ยงเกินไป” จอมปราชญ์สาวเฮกาพูดเพียงแค่นั้นเซเนตตราก็เข้าใจ
เหตุผลที่พูดมาทั้งหมดถ้าจะพูดง่าย ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมก็คือ สายเลือดศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งสูงค่าเกินกว่าจะนำไปเสี่ยงกับคำทำนายที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกเธอ ผู้ไม่มีความสำคัญใด ๆ เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน!
“เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเจ้าโกรธข้าหรือไม่ ?” เซเนตตรานิ่งคิดอย่างชั่งใจ
“ข้าเข้าใจความจำเป็นของพวกท่านดี”
แม้จะตอบออกไปแบบนั้นแต่ใจหนึ่งก็อดน้อยใจไม่ได้ ถึงจะยอมรับความจริงว่าตัวเองนั้นไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่างก็ตาม
“ถ้างั้นตอนนี้ข้าก็หมดหน้าที่แล้ว”
“เจ้าทำได้ดีเซเนตตรา อย่างน้อยเราก็ได้มาร์รานพ่อมดขาวแห่งนาดีนมาช่วยอีกแรงหนึ่ง ข้าสัมผัสได้ถึงความหวังที่มาพร้อมกับคณะเดินทางนี้”
“ข้าขอคืนลูกแก้วบาลันเทียร์ให้กับเจ้าของที่แท้จริง” เซเนตตราบอกพลางหยิบลูกแก้วออกมาวางบนโต๊ะ ดวงแก้วสีขาวส่องประกายเจิดจ้าดุจจะตอบรับเจ้าของของมัน
“ข้าจะทำให้เจ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิม”
เซเนตตราไม่คัดค้านใด ๆ หน้าที่ของเธอเสร็จสิ้นลงแล้ว เซเนตควรหายไปเสียที จบการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบ ให้ทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน กลับสู่ชีวิตจริงที่เธอคือเซเนตตรา เด็กสาวกำพร้า ผู้ดูแลหอตำราในหอคอยแห่งปราชญ์ ลูกศิษย์ที่ไม่ได้ความของผู้เฒ่าเบลจอมเวทแห่งบาลันเทียร์ เซเนตตราถอนใจยาว หลับตาลงเมื่อแสงจากลูกแก้วเจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ
“จะมีใครในคณะของเจ้าชายซาร์กอนนึกถึงเธอบ้างหรือเปล่านะ!”
ร่างเล็กแบบบางของเด็กสาวผู้หนึ่งนั่งเหยียดยาวอยู่ใต้โคนไม้ใหญ่ใกล้กับทะเลสาบสีมรกตอันเป็นสีเดียวกับสีตาของคนที่มองเหม่อ ผมสีน้ำตาลยาวหยักหยิกยุ่งเหยิงถูกขมวดพันไว้ง่าย ๆ ด้วยเกลียวเชือก ใบหน้าขาวนวลขะมุกขะมอมพอ ๆ กับชุดแบบผู้ชายที่สวมใส่ ภาพผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไม่ได้อยู่ในความคิดคำนึงดูเหมือนว่าเด็กสาวจะคิดอะไรที่ไกลตัวออกไป
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ?” เสียงทักที่ดังจากเบื้องหลังทำให้คนถูกทักหันกลับมา ผู้ทักคือหญิงสาวผู้อยู่ในวัยใกล้เคียงกันหากความงามแห่งนางปรากฏชัดบดบังความงามในสิ่งอื่น ๆ เสียสิ้น ‘เจ้าหญิงเซเลน่า’
“ก็ไม่ได้ทำอะไร ข้าก็เล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย” คนถูกถามตอบหันกลับไปมองแผ่นน้ำตามเดิม มือหนึ่งหยิบกรวดก้อนเล็ก ๆ กว้างลงไปในทะเลสาบ
“ผลการประชุมเป็นไงบ้าง ?” คำถามตามมาเมื่อร่างของเจ้าหญิงคนงามทรุดลงนั่งข้าง ๆ
“จอมปราชญ์เฮกาอธิบายสถานการณ์ให้พวกเจ้าชายซาร์กอนฟังแล้วละ พวกเขาจะเดินทางเข้าสู่ป่าอาถรรพ์ ข้าก็จะไปด้วย” คำบอกเล่านี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไรให้กับเซเนตตรา
“แต่เรื่องของเจ้าไม่มีใครพูดตามที่เจ้าได้ขอร้องไว้” เจ้าหญิงเซเลน่าบอกแล้วมองหน้าคนที่นั่งฟังเงียบ
“พวกเขาถามถึงเจ้าด้วยนะ เจ้าจะไม่ไปพบพวกเขาซักครั้งเหรอ ?”
“ไม่ละ ปล่อยให้เซเนตหายไปเฉย ๆ น่ะดีแล้ว ข้าไม่ใช่คนสำคัญอะไร อีกหน่อยพวกเขาก็ลืมไปเอง”
ต่างฝ่ายต่างเงียบไปซักพัก เจ้าหญิงเซเลน่าจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“เซเนตตรา”
“มีอะไรเหรอ ?” เซเนตตราขานรับ สายตาเบือนมาสบกับดวงตาคู่งาม
“เจ้าว่าท่านเฮรอสเป็นคนยังไง ?” เซเนตตราอึ้งไปกับคำถามนั้น กว่าจะเรียบเรียงออกมาเป็นประโยคได้
“มีอะไรหรือเปล่าเจ้าหญิง ?” ดวงหน้างามของเจ้าหญิงเซเลน่าขึ้นสีสวย รอยยิ้มกึ่งเก้อเขินแต่ดวงตาพราวระยับ
“ไม่รู้สิ เพียงแต่ข้ารู้สึก.....แปลก ๆ บอกไม่ถูก เหมือนข้าเคยคุ้นกับเขามานานแสนนาน
..เจ้าเคยเดินทางร่วมกับท่านเฮรอสน่าจะพอรู้นิสัยใจคอบ้าง ?”
“เฮรอสน่ะเหรอ เหลาะแหละ รักสนุก ไม่ได้เรื่องได้ราวที่สุด แถมยังเจ้าสำราญอีกต่างหาก เอาไปเปรียบกับสองเจ้าชายแล้วแพ้หลุดลุ่ย” เซเนตตราวิจารณ์ไม่เหลือดี
“แต่ข้าว่าเจ้าชายซาร์กอนท่านเป็นผู้ใหญ่เป็นงานเป็นการไปเสียหมด ส่วนเจ้าชายซาร์ลูมานก็เคร่งขรึมจนข้าอึดอัดเวลาอยู่ต่อหน้าเขา เหมือนตัวเองถูกจับผิด” เจ้าหญิงเซเลน่าบ่น
“แล้วมาร์รานล่ะ ?”
“ท่านมาร์รานก็ดูเป็นคนอารมณ์ดีนะ ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา แต่เหมือนเป็นเพียงฉากหน้าเสียมากกว่า ข้าว่าเขามีอะไรลึก ๆ หลังรอยยิ้มนั่น” เซเนตตราถอนใจเฮือกอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น สงสัยเจ้าหญิงจะถูกเจ้าเฮรอสหว่านเสน่ห์เสียแล้ว เธอรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างประหลาด
*******************************
ความคิดเห็น