คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : สัตว์ภูต
บทที่ 13
สัตว์ภูต
หลังจากผ่านเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว ไม่มีใครซักคนข่มตาหลับได้ลงถึงจะเหน็ดเหนื่อยเพราะสูญเสียพลังไปมากมายจากการต่อสู้กับกองทัพภูตดำ และแม้จะย้ายสถานที่พักแรมให้พ้นจากกองซากของเหล่าภูตดำแล้วก็ตาม ทั้งหมดนั่งพักกันไปเงียบ ๆ ดูเหมือนแต่ละคนจะมีเรื่องในใจให้ครุ่นคิด มีเพียงเฮรอสที่เอนตัวลงนอนโดยอิงซบอยู่กับเจ้าม้าเฮทเทอร์ต่างหมอน
แขกอีกหนึ่งตัวนอนหมอบอยู่ห่างออกไปโดยไม่สนใจผู้ใด นาน ๆ ทีถึงจะผงกหัวขึ้นมาทำท่าเหมือนกำลังฟังเสียงอะไรซักอย่าง แต่ซักพักก็หมอบซบลงตามเดิม
เจ้าชายซาร์กอนเหลือบมองเจ้าเสือดำตัวใหญ่แล้วหันกลับมามองสบตามาร์ราน
“ท่านคิดว่าไง ?”
“มันแปลก ๆ นะ หญิงสาวลึกลับกับเสือดำตัวใหญ่ที่ฟังภาษาคนรู้เรื่อง”
“ใช่ โดยเฉพาะนางเป็นหญิงสาวจากป่าหลงลืมที่ไม่มีชาวพิภพอาศัยอยู่” โซเนปเสริม
“ป่าหลงลืมมีคนอาศัยอยู่แต่จะใช่ชาวพิภพหรือเปล่าก็อีกเรื่อง” เจ้าชายซาร์ลูมานเอ่ยค้านเรียบ ๆ ทำให้ทุกคนหันมามอง
“จำกันไม่ได้หรือว่า ใครกันที่มีเชื้อสายแห่งป่าหลงลืม ?”
“เฮรอส!” เจ้าชายซาร์กอนอุทานอย่างนึกได้
เซเนตตราลืมสิ่งที่ตัวเองกำลังครุ่นคิดไปทันใด หันมาตั้งใจฟัง
“ข้าเองก็เคยได้ยิน แต่นานมาแล้ว หญิงสาวผู้มาจากป่าหลงลืม จริงสินะ” มาร์รานพึมพำกับตัวเอง
“ข้าเคยเห็นนาง เท่าที่จำได้นางเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เฮรอสน่ะถอดนางออกมาไม่มีผิด แต่นอกนั้นนางก็เหมือนชาวพิภพคนอื่น ๆ” เจ้าชายซาร์กอนทบทวนความทรงจำจากวัยเยาว์ สายตาชำเลืองมองผู้ถูกกล่าวถึงที่ซบนอนเงียบอยู่ข้างม้าของตัวเอง
“ถ้าไม่นับไอ้เรื่องประหลาด ๆ อย่างพูดคุยกับสัตว์ได้เป็นเรื่องเป็นราวนั่น หรือบางครั้งเขาก็รู้เรื่องบางเรื่องที่เราไม่รู้”
“แต่เฮเลน่าก็พูดกับเจ้าเสือดำนั่นรู้เรื่องไม่ใช่หรือคะ เหมือนท่านเฮรอส” ลาเซียให้ความเห็น
“นั่นสินะ”
“แสดงว่าที่ป่าหลงลืมนี่มีคนอาศัยอยู่จริง ๆ แต่คนพวกนี้อยู่นี่ไหน และเป็นชาวพิภพหรือเปล่านี่สิคือเรื่องที่น่าสงสัย ลำนำที่นางขับนั่นอีก” โซเนปตั้งข้อสังเกต
“ไม่ลองถามเฮรอสดูล่ะ” เซเนตตราเสนอเพราะไม่รู้เรื่องราวชีวิตของเฮรอสมาก่อน
“เจ้าตัวเขาอาจจะรู้ก็ได้”
“ไม่รู้หรอก” เจ้าชายซาร์กอนบอก
“แม่ของเฮรอส นางตายตั้งแต่เขาห้าขวบเท่านั้น เด็กกว่าข้าหลายปีเชียวละ แม่ข้าจึงรับเฮรอสมาดูแลแทนไงล่ะ เพราะฉะนั้นเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของตัวเองเลย หน้าตาเป็นยังไงอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เซเนตตราฟังแล้วก็อดหันไปมองคนที่นอนหลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับใครเขาไม่ได้
‘เฮ้อ! จะสงสารดีไหมเนี่ย’
“ลำนำที่นางร้องมันหมายถึงอะไร ?” โซเนปยังคาใจเกี่ยวกับเพลงที่ได้ฟัง
“ทำไมกองทัพภูตดำเป็นร้อย ๆ ตัวถึงได้หนีกระเจิดกระเจิงเพียงแค่ได้ยินเสียง.....เขาลืม เขาเลือน ตัวข้า” โซเนปพึมพำบทหนึ่งของลำนำที่ได้ยิน
“มันเกี่ยวพันอะไรกับป่าหลงลืมหรือเปล่านะ” โซเนปพยายามลำดับเรื่องราวแต่ดูเหมือนว่าเงื่อนปมต่าง ๆ ยังผูกกันแน่นไม่สามารถแก้ปมเหล่านั้นออกมาได้เลย
“ใกล้สว่างแล้ว พักผ่อนกันก่อนเถอะ เก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้” มาร์รานบอกในที่สุดเมื่อไม่เห็นว่าการนั่งขบคิดอยู่อย่างนี้จะช่วยให้นึกอะไรได้
“แล้วเจ้านั่นล่ะ ?” เซเนตตราส่งสายตาไปทางเจ้าเสือดำตัวใหญ่อย่างไม่ไว้ใจ เกรงว่าตื่นชึ้นมาอีกทีจะลงไปอยู่ในท้องเสือเรียบร้อยแล้ว
“ข้าจะอยู่ยามให้เองครับ” อาเลฟอาสา
“แน่ใจหรือว่าไหว ?”
“ครับ ข้าไม่เป็นไร อีกไม่เท่าไหร่ก็เช้าแล้ว”
“งั้นตามใจก็แล้วกัน แต่ถ้าไม่ไหวปลุกข้าหรือคนอื่น ๆ ขึ้นมาอยู่แทนก็ได้นะ” เจ้าชายซาร์กอนตามใจองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์
“ครับ” อาเลฟรับคำ แต่ละคนจึงแยกไปหามุมสงบเพื่อพักผ่อนเอาแรง
เสือดำตัวใหญ่เดินนำหน้าห่างไปไกลเห็นเพียงบั้นท้ายสีดำที่แกว่งไหวอยู่ริบ ๆ ทั้งกลุ่มพยายามเร่งฝีเท้าตามแต่ระยะห่างระหว่างกันยังเท่าเดิม
“ไอ้เจ้าเสือบ้านั่นมันจะรีบไปไหนของมันหนักหนา” เซเนตตราบ่นพึมพำกับตัวเอง อากาศยังหนาวเย็นแต่กลับรู้สึกร้อนเพราะการเร่งฝีเท้าให้ทันร่างปราดเปรียวเบื้องหน้า
เจ้าเสือดำจะได้ยินหรือเปล่าไม่รู้แน่ แต่มันเริ่มชะลอฝีเท้าลง คณะที่ตามหลังมาจึงตามทันในระยะไม่ห่างเท่าแรก ๆ ที่ออกเดินทาง
เฮทเทอร์เจ้าม้าขาวจอมหยิ่งของเฮรอสวิ่งแซงเหล่าคณะเดินทางขึ้นไปเทียบข้างเจ้าเสือดำที่ตัวขนาดพอ ๆ กันโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัว ซึ่งผิดวิสัยสัตว์ที่ปกติต้องกลัวสัตว์กินเนื้ออย่างเสือดำ แต่นี่เจ้าสัตว์สองชนิดที่มีความต่างกันอย่างมากกำลังเดินเคียงกันไปยังกับมันกำลังสนทนากันอยู่งั้นแหล่ะ
“เจ้าว่าม้ากับเสือนี่มันคุยกันรู้เรื่องไหม ?” เซเนตตราอดความสงสัยไม่ได้หันไปถามเฮรอสที่เดินรั้งท้าย
“รู้เรื่อง” เฮรอสบอกหน้าตาเฉย พอเห็นหน้าตาสงสัยของคนชวนคุยก็บอกต่อ
“ก็มันกำลังคุยกันอยู่นั่นไง”
“แล้วมันคุยกันเรื่องอะไรล่ะ ?” เซเนตตราถามหน้าตาเฉยบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าจะตอบว่ายังไง
“เรื่องทั่ว ๆ ไป ข่าวคราวจากสายลม อะไรทำนองนี้แหล่ะ”
“ข้าเชื่อแล้วละว่าเจ้ามันแปลกจริง ๆ อย่างที่คนอื่นเขาว่ากัน” เซเนตตราพึมพำกับตัวเองอย่างปลง ๆ พลางเดินขึ้นไปขนาบข้างโซเนป
“เป็นไง ?” โซเนปเอ่ยทักเมื่อเซเนตตราเร่งฝีเท้าขึ้นมาทัน
“เจ้าว่าเจ้าเสือดำนั่นน่ะ มันฟังภาษาพวกเรารู้เรื่องหรือเปล่า?”
“ก็อาจเป็นได้” โซเนปยังไม่ปักใจ
“เจ้าม้านั่นก็แปลก มันไม่กลัวเสือจะกินเอาหรือไง ?” เซเนตตรายังมีเรื่องให้สงสัยต่อ
“ก็คนให้เขาบอกว่ามันไม่กินเหมือนกับสัตว์ทั่ว ๆ ไป” เสียงบอกจากเบื้องหลัง
“แล้วจะไว้ใจได้ยังไง ถึงยังไงมันก็เป็นสัตว์อยู่ดีแหล่ะ เผื่อมันนึกอยากจะกินพวกเราขึ้นมาล่ะ ?”
“ไม่หรอก ถึงมันจะกินคนอื่นแต่รับรองว่าไม่กินเจ้าแน่” เฮรอสยืนยันยิ้ม ๆ
“ทำไม ?”
“มันกลัวจะติดโรคช่างสงสัยจากเจ้าไงล่ะ” โซเนปช่วยต่อให้ ส่งผลให้คนช่างซักหน้างอพึมพำบ่นกับตัวเองไปตามเรื่อง โซเนปจึงหันมาสนทนากับเฮรอสแทน
“ท่านคิดยังไงเรื่องหญิงสาวลึกลับกับเสือดำในป่าหลงลืม” โซเนปถามลองเชิง
“อย่างข้าจะต้องคิดอะไร ข้าปล่อยหน้าที่เรื่องคิดเรื่องแก้ปัญหาให้ท่าน ท่านพี่ซาร์กอนมิดีกว่าเหรอ คนไม่เอาไหนอย่างข้าเทียบกับเจ้ากับท่านพี่ไม่ได้แน่ ๆ”
“แต่ข้าว่า บางครั้งท่านก็ช่วยพวกเราในหลาย ๆ เรื่องนะ”
“ดูเหมือนเจ้าจะพยายามยกย่องให้ข้าเป็นคนเก่งซะจริง”
“ข้าว่าท่านก็เก่งพอตัวนั่นแหล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเอาตัวรอดจากกองทัพภูตดำได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วยหรอก” เฮรอสไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มเฉยเสีย โซเนปจึงจำต้องหยุดซักถาม
เจ้าเสือดำหยุดเมื่อมาถึงริมลำธาร มันหันมามองผู้ที่ติดตามมาเบื้องหลัง แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น!
“หยุดพักกันที่นี่แหล่ะ” เสียงสั่งดังมาจากเจ้าเสือดำตัวนั้น ทุกสายตาจับอยู่ที่ร่างของมันด้วยความประหลาดใจปนระแวง
“เป็นอะไรกันล่ะ ไม่เหนื่อยหรือไง อุตส่าห์พาหาทำเลที่พักดี ๆ ให้แล้วนะ” มันบอกห้วน ๆ ดวงตาสีแดงฉานชักเริ่มไม่สบอารมณ์
“สะ..เสือ...พูดได้” เซเนตตราอุทาน
“ก็พูดได้น่ะสิ มันมีปัญหาอะไรหรือไง !?” มันย้อนถาม
“มีสิ! เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ ปีศาจปลอมแปลงมาใช่ไหม!?” เจ้าชายซาร์ลูมานถามพลางเรียก คฑามาถือไว้ในมือเตรียมพร้อม
“เฮอะ! ชาวพิภพ ! เห็นอะไรแปลกจากที่ตัวเองเคยเห็นก็กล่าวหาว่าเป็นปีศาจ สิ่งชั่วร้าย รู้เอาไว้เถอะเจ้าหนู โลกนี้ยังมีอะไรที่เจ้าไม่รู้อีกเยอะ” เจ้าเสือดำว่าอย่างไม่สนใจกริยาฮึดฮัดของอีกฝ่าย
“เจ้าเรียกใครว่าเจ้าหนู!”
“ก็เจ้านั่นแหล่ะ!” ขาดคำสุดที่ใครจะห้ามทัน คฑาในมือเจ้าชายซาร์ลูมานก็ตวัด ขุมพลังมหาศาลพุ่งเข้าใส่ร่างเจ้าเสือดำปากดีเข้าอย่างจัง
เสียงระเบิดดังตูมตามสะท้านสะเทือนลั่นป่ากลุ่มควันกระจายครอบคลุม หากเมื่อกลุ่มควันนั้นจางลงสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของทุกผู้คือ
..
ร่างสูงของชายหนุ่มผู้หนึ่งผู้ยืนจังก้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มควัน เส้นผมดำยาวถูกถักพันไว้รอบคอ ดวงตาสีแดงฉาน ดวงหน้าคมเข้ม ผิวคล้ำ
“เจ้าเป็นใคร !” เจ้าชายซาร์ลูมานถาม ในขณะที่คนอื่น ๆ เตรียมระวังตัว
“ข้าคือสัตว์ภูต!” ชายหนุ่มผู้นั้นตอบท่าทางภาคภูมิใจเสียหรือเกิน
“ทีคาล!?”
“ใช่ ชื่อของข้า....ทีคาล สัตว์ภูตของท่านเฮเลน่า”
“ว่าแล้ว ว่าเจ้าไม่ใช่ต้องไม่ใช่เสือดำธรรมดา” มาร์รานเอ่ยอย่างไม่ค่อยประหลาดใจเท่าใดนัก เจ้าชายซาร์ลูมานขยับคฑาในมือ
“แน่ใจหรือว่าจะสู้กับข้า ถ้าเจ้าเลือกจะสู้ ข้าก็ไม่มีความผิดที่ละเมิดคำสั่งไม่ทำร้ายพวกเจ้า” ทีคาล บอกยิ้ม ๆ ดวงตาวาวโรจน์เหมือนอยากทดสอบฝีมือเต็มทน
“แล้วท่านก็ว่าอะไรข้าไม่ได้ด้วย” มันส่งสายตาไปทางเฮรอส ซาร์ลูมานขยับตัวแต่โซเนปรีบขวางไว้
“อย่าเพิ่งวู่วามเจ้าชาย สู้กันไปก็ไม่มีประโยชน์ เราจะเสียแรงเปล่า”
“แต่มันท้าข้า!” เจ้าชายที่ได้ชื่อว่าเย็นชาแต่ดันเลือดร้อนมองอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“ข้าก็ไม่ได้อยากรังแกเด็ก แต่ถ้าอยากจะลองฝีมือข้าก็ยินดี” เจ้าเสือดำที่ตอนนี้กลายร่างเป็นคนว่าด้วยท่าทางกวนอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
“ทีคาล” เสียงเรียกเรียบ ๆ ดังจากเฮรอส มันถอนใจเฮือก
“ก็ได้ ๆ ข้าไม่สู้กับเจ้าก็ได้ ไว้เสร็จเรื่องคราวนี้ก่อนก็แล้วกัน อย่าเพิ่งรีบตายไปเสียก่อนล่ะ” ทีคาลว่าแล้วร่างชายหนุ่มก็ค่อย ๆสลายกลายเป็นกลุ่มควันสีดำก่อนจะรวมตัวกันเป็นร่างของเสือดำตัวเดิม มันสะบัดหางกระโจนทีเดียวข้ามลำธารหายไปในแนวป่าอีกด้าน
โซเนปมองเฮรอสอย่างสงสัยแต่อีกฝ่ายเดินไปวักน้ำในลำธารล้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ซาร์ลูมาน เก็บคฑาซะ” เจ้าชายซาร์กอนสั่ง เจ้าชายซาร์ลูมานจึงจำต้องทำตาม
“เราหยุดพักกันก่อนเถอะ ข้าจะลองหาดูว่าแถวนี้พอจะมีอะไรที่เป็นเสบียงให้เราได้บ้าง”
เจ้าชายซาร์กอนบอกแล้วผละจากไปพร้อมอาเลฟ มาร์รานเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณ ในขณะที่โซเนปแยกไปอีกทางปล่อยให้เจ้าชายซาร์ลูมานยืนสงบสติอารมณ์ไปคนเดียว
เป็นนานกว่าเจ้าชายซาร์กอนจะเดินกลับมาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เมื่อมาถึงก็บอกกับทุกคน
“แถวนี้ไม่มีอะไรเป็นเสบียงให้เราได้เลย สัตว์แม้แต่ตัวเดียวก็ไม่เห็น ปลายังไม่มี”
“เจ้าทีคาลนั่นไง จับย่างกินน่าจะได้หลายมื้อ” เจ้าชายซาร์ลูมานเสนอหน้าตาเฉย
“จะบ้าหรือไง นั่นมันเสือดำนะ แถมเป็นสัตว์ภูต” เซเนตตราโวยวายเลยโดนสายตาพิฆาตของเจ้าชายซาร์ลูมานเข้าจัง ๆ ทำให้ต้องเงียบไป
“ได้ยินว่าใครจะจับข้าย่างกินเหรอ ?” เสียงถามดังมาจากอีกฝั่งของลำธารพร้อมกับการปรากฏร่างของเจ้าตัวที่กำลังจะถูกกินโดยเจ้าชายซาร์ลูมาน เบื้องหน้าของมันมีร่างกวางขนาดใหญ่วางเลือดโซมอยู่ด้วย
“ข้ารึอุตส่าห์ไปหาอาหารมาให้ กลับคิดจะกินข้าเสียนี่” ก่อนที่จะเกิดศึกระหว่างเสือกับคน มาร์รานก็รีบแทรกขึ้นเสียก่อน
“ขอบใจเจ้ามาก เราแค่พูดกันเล่น ๆ ไม่ได้คิดจำทำจริง ๆ หรอก” เซเนตตราได้แต่นึกในใจ มาร์ราน น่ะแค่เล่น ๆ แต่เจ้าชายนั่นท่าจะเอาจริง
“งั้นเหรอ ก็แล้วไป ข้าหาอาหารมาให้แล้ว จัดการกันต่อเองแล้วกันนะ” มันว่าแล้วผละจากไปอีกรอบ อาเลฟจึงข้ามฝั่งลำธารเพื่อไปจัดการแล่เนื้อกวางเอามาเป็นอาหาร
เบื้องหน้าของเซเนตตรายังมีเนื้อกวางย่างส่งกลิ่นหอมฟุ้ง แต่เธอกลับกลืนไม่ลง ถ้าไม่ต้องเห็นภาพก็คงไม่เป็นไร แต่มาเห็นภาพการแล่เนื้อต่อหน้าต่อตา แถมซากของมันยังกองอยู่อีกฝั่งยิ่งทำให้ทำใจยากเข้าไปอีก หญิงสาวในร่างชายลอบมองคนอื่น ๆ ก็ไม่เห็นใครมีอาการแบบเธอแม้แต่ลาเซียที่ดูเป็นผู้หญิงอ่อนหวานก็เถอะ
เซเนตตราถอนใจเฮือก ค่อย ๆ เดินเลี่ยงออกมานั่งที่ริมลำธารมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนึ่งยื่นมาเบื้องหน้าพร้อมผลไม้ผลใหญ่สีแดงสด เฮรอสนั่งลงข้าง ๆ
“เอ้า!” ชายหนุ่มยัดเยียดผลไม้ในมือให้
“ให้ข้าทำไม ?”
“กินเข้าไปเถอะน่า ทำเล่นตัวเดี๋ยวก็ไม่มีแรงเดินออกจากป่านี่หรอก” เซเนตตราพึมพำขอบใจรับผลไม้นั้นมา แต่พอจะกัดเข้าปากก็ชักสงสัย
“แล้วนี่มันคืออะไร กินแล้วไม่ตายแน่นะ” ถามเพื่อความแน่ใจ ป่าที่มีอะไรแปลก ๆ ขนาดนั้น ผลไม้คงไม่น่าไว้ใจนักหรอก
“กินไปเหอะน่า ถ้าไม่กินเดี๋ยวข้ากินเองนะ” เฮรอสบอกทำท่าจะแย่งกลับคืน แต่เซเนตตราดึงหลบทัน
ผลไม้ผลใหญ่หมดไปด้วยฝีมือเธอคนเดียว รสอันหวานช่ำชื่นใจทำให้ชักจะติดใจจึงเอ่ยถามคนหามาให้
“มันเรียกว่าอะไรที่เจ้าเก็บมาน่ะ ยังมีอีกไหม น่าจะเก็บเป็นเสบียงได้นะ”
“ไม่รู้สิ ข้าเห็นสีมันสวยดีเลยเก็บมาให้เจ้าทดลอง อืม....กินแล้วไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” คำถามซื่อ ๆ ของอีกฝ่ายทำเอาเซเนตตราอ้าปากค้าง
“นี่...นี่...เจ้าให้ข้ากินทั้งที่ไม่รู้ว่ามันกินได้หรือเปล่าเนี่ยนะ!” เฮรอสยิ้มรับแต่เซเนตตราแทบอยากจะตั้นหน้า
“บ้า! บ้าที่สุดเลย!” ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าดี
“กินคนเดียวหมดแล้วยังมาว่าอีก” ชายหนุ่มบ่น เซเนตตรากำหนัดแน่นสะบัดจากไปอย่างงอน ๆ เฮรอสยิ้มขำ
“ท่านไปยั่วนางแบบนั้น นางก็โกรธแย่” ร่างทีคาลปรากฏออกมาจากแนวป่าเดินตรงมาหาเฮรอสที่เพียงแต่ยิ้มไม่เอ่ยว่าอะไร
“เย็นนี้ก็ออกพ้นป่าหลงลืมแล้ว เจ้าจะไปกับพวกเราหรือเปล่า” เฮรอสเอ่ยถามหลังจากทีคาลเดินมาหมอบลงข้าง ๆ
“ท่านเฮเลน่าให้ข้ามาคอยดูแลท่าน”
“ข้าโตแล้วนะทีคาล ยังต้องดูแลอะไรกันอีก”
“แต่สำหรับท่านเฮเลน่า ท่านก็ยังเป็นเด็กชายตัวน้อย ๆ อยู่เสมอ” เฮรอสยิ้มไม่ต่อความแต่เปลี่ยนเรื่อง
“ข้าไม่อยากให้เจ้าถือสาท่านพี่ซาร์ลูมานนัก เขาเป็นคนอย่างนั้นเอง ใจจริงไม่มีอะไรหรอก”
“ข้าก็ไม่ได้ถือสา เพียงแต่เห็นว่ายั่วขึ้นก็เลยหาเรื่องแก้เซ็งก็เท่านั้น
.เฮ้อ....พวกชาวพิภพนี่แปลกนะ เห็นอะไรไม่เหมือนตัวเองเข้าหน่อยเป็นต้องตีหน้าว่าเป็นปีศาจไปเสียหมด ข้าไม่ชอบพวกนี้ก็เพราะแบบนี้แหล่ะ”
“ครึ่งหนึ่งของข้าก็เป็นสายเลือดของชาวพิภพนะ” เฮรอสท้วงยิ้ม ๆ เป็นผลให้เจ้าเสือดำสะบัดหน้าเชิดลุกหนีไปเสียเฉย ๆ
ตลอดการเดินทางในป่าหลงลืมตั้งแต่มีเจ้าเสือดำตัวใหญ่นาม ‘ทีคาล’ เป็นผู้นำทาง เส้นทางนั้นก็สงบราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้จะมีเงาวูบไหวไป ๆ มา ๆ บ้าง หรือบางทีก็ปรากฏดวงไฟตรงโน้นตรงนี้บ้าง แต่พอเจ้าเสือดำคำรามสิ่งเหล่านั้นก็วูบหายไปทันใด
กว่าคณะของเจ้าชายซาร์กอนเดินทางพ้นป่าหลงลืมก็เป็นเวลาเย็น แต่เจ้าชายซาร์กอนและมาร์รานลงความเห็นว่าจะแวะพักในหมู่บ้านข้างหน้าอันเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชายป่าหลงลืมของอาณาจักรบาลันเทียร์
เมื่อย่างเท้าเข้าสู่หมู่บ้านพวกเขาก็ถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ จากชาวบ้าน อาจเป็นเพราะสภาพการแต่งกายของแต่ละคนตอนนี้แทบจะไม่เหลือสภาพเดิมเมื่อเริ่มออกเดินทาง เสื้อผ้าขะมุกขะมอม คลุกฝุ่นจนดูเก่าซอมซ่อ แม้หน้าตาผิวพรรณจะขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัดก็ตามที
แต่ที่ดึงดูดสายตามากกว่านั้นก็คือ คณะเดินทางคณะนี้มีเสือดำตัวใหญ่เท่าม้าร่วมอยู่ในกลุ่มอย่างสง่าผ่าเผย ไม่สนใจอาการหวาดกลัวของคนรอบข้าง ยังไม่รวมเจ้าม้าแสนหยิ่งที่เดินเชิดหน้าชูคอตั้งท่าอย่างสง่างามมาในขบวนด้วย
“ทีคาล! ทำไมเจ้าไม่แปลงร่างเป็นคนปกติหา!?” เซเนตตราถามเจ้าเสือดำที่เดินด้วยความภาคภูมิอย่างเหลืออด
“ชาวบ้านเขาแตกตื่นกันใหญ่แล้ว!”
“เชอะ! ชาวพิภพที่ขลาดกลัวและโง่เขลา” เจ้าเสือดำเยาะหยัน
“เจ้าว่าใคร!”
“ข้าว่าชาวพิภพ” มันตอบ
“ข้าก็ชาวพิภพ แล้วเจ้ามันดีกว่าข้าตรงไหน ชาวพิภพไปทำอะไรให้เจ้าถึงต้องคอยดูถูก”
“เด็กอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร” ทีคาลไม่ลดราวาศอก
“ถึงข้าจะไม่รู้อะไรมากมายแต่ข้าก็ไม่เคยดูถูกใครเหมือนเจ้า”
“ข้าดูถูกใคร!
“ข้าไง เจ้าดูถูกข้า ข้าก็ชาวพิภพคนหนึ่ง”
“ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้า!” เท่านั้นทั้งคู่มาถกกันเรื่องใครเป็นฝ่ายดูถูกใคร โดยลืมสนใจไปแล้วว่าจะเป็นเป้าสายตาใครบ้าง เจ้าชายซาร์กอนถึงกับกุมขมับ ในขณะที่มาร์รานยืนมองด้วยความขบขัน
‘เออหนอ เจ้าหนุ่มหน้ามนนี่มันมีเรื่องเถียงกับทุกคนซิน่า ตั้งแต่เฮรอส โซเนป เจ้าเสือดำตัวใหญ่ที่พูดได้มันก็ยังไม่เว้น’
โซเนปหัวเราะชอบใจในขณะที่เจ้าชายซาร์ลูมานถอนใจเฮือกใหญ่
“ไร้สาระ!” ว่าแล้วเจ้าชายท่านก็เดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ คนอื่น ๆ จึงเคลื่อนขบวนตามไป ทิ้งไว้แต่หนึ่งคนกับหนึ่งเสือดำที่ยังเถียงกันไม่เลิก
“เฮ้! เจ้าหนึ่งคนกับหนึ่งตัว ถ้าเถียงกันเสร็จเมื่อไหร่ก็ตามไปนะ ข้าไปหาอะไรกินก่อนละ” เฮรอสที่รั้งท้ายบอกแกมหัวเราะ
“อ้อ! ทีคาล แปลงร่างซะด้วย ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านแตกตื่นมากกว่านี้” เฮรอสสั่งแล้วเดินผ่านไป เจ้าเสือดำถอนใจเฮือกพลางบ่นพึมพำ
“ฮึ!...ตามใจกันเหลือเกินนะ” ถึงจะบ่นแต่ร่างเสือดำก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหน้าคมเข้ม ในชุดดำสนิท ดวงตาสีแดงก่ำหันมามองเจ้าเด็กหนุ่มที่ยืนมองอยู่
“เอ้าเจ้าก็ไปได้แล้ว เร็ว ๆ เข้า อย่าชักช้าข้าไม่อยากซวย ไปเร็ว ๆ” ไม่พูดเปล่า เจ้าสัตว์ภูตจับไหล่คนตัวเล็กกว่าดันให้เดินหัวซุนนำไป
*********************************
ความคิดเห็น