ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Song of Starlight : ลำนำแห่งแสงดาว

    ลำดับตอนที่ #12 : ลำนำแห่งแสงดาว

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 50


     

    บทที่ 12

    ลำนำแห่งแสงดาว

     

    ทั้งคณะออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่  กลุ่มหมอกหนาทึบที่ลงหนักตั้งแต่กลางคืนบัดนี้ยังไม่จางลงแม้แต่น้อย   สภาพรอบตัวทึบทึมชวนอึดอัด

     

    ไอ้ป่านี่มันน่าจะชื่อป่าหมอกมากกว่าป่าหลงลืม     เซเนตตราบ่น

     

    หมอกลงหนาอย่างนี้ทุกวันหรือไงนะ

     

    เอาน่า  มีหน้าที่เดินก็เดินไปเถอะ   บ่นอยู่ได้   คนอื่น ๆ เขาไม่เห็นจะบ่นอะไรเลย     เฮรอสว่ามาจากด้านหลังทำให้เซเนตตราสงบปากสงบคำไปได้บ้าง

     

     

    ยิ่งเดินลึกเข้าไปต้นไม้ยิ่งขึ้นเบียดเสียดหนาแน่นขึ้นทุกที     สัตว์ป่าหน้าตาประหลาดหลายชนิดโผล่มาให้เห็นวอบแวบแล้วก็หนีไกล   

     

    นี่!  ได้ยินเสียงอะไรไหม ?    เซเนตตราเงียบไม่ได้นาน

     

    ได้ยินอะไรอีกล่ะ ?    เฮรอสที่เดินขึ้นมาขนาบข้างเอ่ยถาม

     

    เสียงซ่า ๆ เหมือนน้ำตก    น่าจะใช่นะ  เสียงน้ำตกแน่ ๆ

     

    ข้าก็คิดว่างั้น

     

    อยู่ข้างหน้าเราใช่ไหม ?   

     

    ใช่  อยู่ข้างหน้าเรานี่เอง  อีกไม่ไกลเท่าไหร่หรอก

     

     

    ไม่ไกลจริง ๆ อย่างที่เฮรอสบอก    เพียงเดินไม่ถึงชั่วโมงคณะเดินทางก็พบกับน้ำตกเล็ก ๆ สายหนึ่ง   ไหลลงมาจากชะง่อนผาสูง กลายเป็นลำธารสายเล็ก ๆไหลวนไปบรรจบเป็นบึงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป     แต่นั่นไม่น่าประหลาดใจเท่าบริเวณรอบ ๆ ริมบึงแห่งนั้นคือสวนดอกไม้หลากหลายสีสัน  ที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล

     

    โอ๊ย!  ทำไมมีสวนดอกไม้สวย ๆ อยู่ในป่าแบบนี้เนี่ย      เซเนตตราอุทานอย่างตื่นเต้น

     

    สวยจังเลย!”    ลาเซียเองก็ชื่นชมตามวิสัยของหญิงสาว   แถมตรงดิ่งเข้าไปหาสวนดอกไม้นั้นก่อนใครเพื่อน

     

    ลาเซีย!  ระวังนะ     เจ้าชายซาร์กอนเอ่ยเตือน  เพราะจากบทเรียนหลายครั้งที่ผ่านมา

     

    ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายอะไร      มาร์รานบอก   เขาสัมผัสไม่พบกับพลังชั่วร้ายอะไรเลย

     

    งั้นก็ดี   เราหยุดพักกันก่อนดีกว่า    เจ้าชายซาร์กอนบอก  และเป็นคำที่เซเนตตราเฝ้ารอคอยเพราะอยากจะวิ่งไปดูเจ้าสวนดอกไม้นั่นใจจะขาด   แต่ติดที่ตนเองอยู่ในร่างผู้ชาย    ขืนทำแบบนั้นคงได้ถูกสงสัยแย่

     

     

    เซเนตตราเดินดูดอกไม้หลากหลายสีนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ   ดอกไม้ในอุทยานที่ปราสาทบาลันเทียร์ยังไม่งดงามเท่าที่นี่เลยด้วยซ้ำ          สวยอย่างกับมีใครมาจัดตกแต่งไว้มากกว่าเป็นฝีมือของธรรมชาติที่สร้างสรรค์

     

    โอ๊ย!  อย่าเหยียบข้านะ!”     เสียงเล็กแหลมดังขึ้น    เซเนตตราสะดุ้งตกใจพลางเหลียวซ้ายแลขวาหาที่มาของเสียง

     

    ข้าอยู่นี่    ก้มหน้าลงมาซิ!”    เสียงนั้นบอกต่อไป    เธอก้มลงตามคำบอกก็เห็นเจ้าตัวอะไรชนิดหนึ่งที่ดูคล้ายกับคนตัวเล็กมาก  ความสูงเพียงแค่ฝ่ามือเธอ   เบื้องหลังเป็นปีกสีสวยคล้ายดอกไม้จนแทบจะแยกไม่ออก    ร่างเล็กจ้อยนั้นนั่งอยู่บนดอกไม้ดอกหนึ่งที่อยู่ต่ำสุด

     

    เจ้าเป็นตัวอะไรน่ะ ?    เซเนตตราถามอย่างสนใจ

     

    เจ้านี่โง่จริงเชียว    ข้าคือภูตแห่งดอกไม้     เจ้าตัวเล็กนั้นบอกไม่สบอารมณ์ที่เธอไม่รู้จัก

     

    เบลล่าอย่าเสียมารยาทกับแขก!”      อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นดูจะเป็นผู้ใหญ่กว่า   ร่างเล็ก ๆ อีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในระหว่างช่อดอกไม้    แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากเจ้าตัวที่เห็นอยู่ก่อน  เพียงแต่เจ้าตัวนี้แลจะเป็นผู้ใหญ่กว่า

     

    โอ้!   องค์ราชินีของข้า   ในที่สุดท่านก็มาเยี่ยมเยือนพวกเรา     เจ้าตัวมาใหม่อุทานแถมโผบินขึ้นมาเกาะที่แขนเซเนตตราอย่างยินดี

     

    เฮ้ย!   อะไรของเจ้าน่ะ   ราชินีอะไรที่ไหน  ข้าเป็นผู้ชายนะ!”     หญิงสาวในร่างชายร้องลั่นพาให้คนอื่น ๆ หันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น    และเสียงนั้นก็เรียกให้เจ้าภูตตัวเล็ก ๆ ตัวอื่นโผบินขึ้นมาเหนือมวลดอกไม้   ตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้นมีทั้งเด็ก  หนุ่มสาว   และผู้เฒ่าผู้แก่   วงจรชีวิตดูจะไม่ต่างจากชาวพิภพเท่าไหร่    และที่น่ายินดีกว่านั้นก็คือทุกตัวท่าทางเป็นมิตร

     

    โอ้ชาวพิภพผู้มาเยือน     นานแค่ไหนที่ข้าไม่เคยได้พบ       ภูตดอกไม้ที่ดูจะอาวุโสที่สุดเอ่ยออกมา   

     

    พวกเจ้าคือภูตดอกไม้ซินะ     เคยได้ยินแต่ในตำนาน   ไม่เคยเห็นตัวจริง

     

    เผ่าพันธุ์แห่งภูตดอกไม้เหลืออยู่ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น    ด้วยเพราะความกรุณาแห่งองค์ราชาที่ได้สร้างสวนแห่งนี้ให้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเรา

     

    องค์ราชา ?   องค์ราชาที่ไหน !?     เจ้าชายซาร์กอนถามด้วยความสงสัย

     

    องค์ราชาแห่งเรา

     

    ก็นั่นแหละ   ราชาที่ไหนล่ะ?    หรือองค์ราชาเซธารอส    โซเนปถามย้ำ

     

    ราชาผู้มืดบอด   ผู้ขลาดกลัวและโง่เขลา    เสียงประสานกันเซ็งแซ่   ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มขมวดบึ้งไม่พอใจ

     

    ดูเหมือนพวกเจ้าจะเกลียดชังเซธารอสนะ   ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ปราบราชาปีศาจ    เป็นคนที่ทำให้แดนพิภพสงบสุขอีกครั้ง     มาร์รานลองถามบ้าง

     

    โกหก  ตลบตะแลง   ทรยศและหักหลัง   นั่นคือเซธารอส      ภูตตัวน้อยกล่าว

     

    ทำไมเจ้าจึงกล่าวหาราชาเซธารอสเช่นนั้น ?    

     

    นั่นคือความจริงที่ไม่มีใครรู้ต่างหาก    เหล่าภูตผู้เฒ่ากล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

     

    งั้นช่วยเล่าความจริงที่เราควรรู้ให้ฟังหน่อยได้ไหม ?  

     

    เสียใจด้วยผู้มาเยือน    ด้วยพันธะสัญญาและเวลาที่กำหนด   พวกท่านจะได้รู้เมื่อถึงเวลา   ในอีกไม่นานนี้แหละ    เวลาแห่งคำทำนายใกล้จะมาถึงแล้ว

     

    พูดวกไปเวียนมาเป็นปริศนาอยู่ได้   แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะรู้เรื่อง     เซเนตตราบ่น     เหล่าภูตตัวน้อยยิ้มรับ

     

    อย่าใจร้อน  ราชินีของข้า    ท่านจะได้รู้แน่นอน

     

    ข้าเป็นผู้ชาย   ผู้ชาย  นี่เห็นไหม   เป็นราชินีได้ยังไง   แล้วข้าก็เป็นคนธรรมดาด้วย      เธอโวยวาย    ไม่รู้เจ้าภูตตัวจิ๋วพวกนี้ทำไมถึงเรียกให้เธอเป็นราชินีของพวกมันไปได้     โซเนปหัวเราะขำขันในขณะที่คนอื่นกลั้นยิ้มไปตาม ๆ กัน

     

    เอาเถอะ   พวกเจ้าไม่บอกอะไรก็ไม่เป็นไร   ขอเราหยุดพักที่นี่ชั่วครู่ก็แล้วกัน   ไม่นานเราจะไป     เจ้าชายซาร์กอนเอ่ยปากขออนุญาตเจ้าของสถานที่

     

    เชิญตามสบายผู้มาเยือน     ถึงแม้เราจะไม่ชอบเซธารอส   แต่ไม่รังเกียจชาวพิภพคนอื่น ๆ   เชิญพวกท่านพักผ่อนกันตามสบาย   สถานที่แห่งนี้ปลอดภัยไม่มีอันตรายใด ๆ  แน่นอน     ภูตดอกไม้ผู้เฒ่าบอก    

     

    หลังจากนั้นพวกภูตดอกไม้ทั้งหลายต่างก็บินแยกย้ายกันไป    มีบ้างที่คอยเมียงมองมาทางเหล่าชาวพิภพอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่เข้ามาวุ่นวาย

     

     

    เฮรอสแยกตัวออกมาห่างจากกลุ่มเดินเล่นอยู่ริมน้ำ     ภูตดอกไม้ตนหนึ่งบินตามมาหยุดอยู่เบื้องหน้า    ชายหนุ่มยิ้มให้พลางยื่นมือออกไป     ภูตตัวน้อยบินมาหยุดลงที่ฝ่ามือนั้น   พลางคุกเข่าลงแสดงอาการคารวะ

     

    ราชาแห่งข้า   พวกเราดีใจที่ท่านมาเยือน

     

    ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ?

     

    เพราะความกรุณาแห่งองค์ราชา   พวกเราเหล่าภูตดอกไม้มีความสุขดี   เอรอสยิ้ม

     

    ราชาแห่งข้า     อาคมแห่งกระจกผนึกมนตรากำลังเสื่อมลง     พวกเราได้รับข่าวนี้จากสายลม   จะทำอย่างไรกันดี      เจ้าภูตตัวน้อยถามอย่างวิตก

     

    เจ้าก็รู้   ทุกอย่างเป็นไปตามพันธสัญญาแห่งราชา   ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำตามเงื่อนไข     เราก็ทำอะไรไม่ได้

     

    แต่พวกเขาจะทำสำเร็จหรือ ?

     

    คิดว่าสำเร็จไหมล่ะ ?       เฮรอสย้อนถาม     เจ้าภูตตัวน้อยทำท่าครุ่นคิดแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏ

     

    สาวน้อยคนนั้น  น่ารักใช่ไหมราชาแห่งข้า

     

    เจ้าคิดว่าแค่ความสวยงามจะทำให้ข้าหลงใหลได้หรือ ?

     

    คงไม่     แต่ถ้าสาวน้อยคนนั้นเป็นสตรีแห่งคำทำนาย   มันก็ไม่แน่ใช่ไหมราชาแห่งข้า    

     

    เฮรอสยิ้มแต่ไม่ตอบคำใด      ซ้ำยังปล่อยมือที่ลองรับร่างจิ๋วนั้นให้ร่วงลงไป     ร่างเจ้าภูตตัวน้อยร่วงหล่นลงไปกว่าคืบก่อนจะตั้งตัวได้    

     

    นางกำลังมาทางนี้     ข้าไปก่อนละ   เจ้าตัวจิ๋วว่าพลางขยับปีกบินจากไปอย่างรวดเร็ว

     

     

    เฮรอส!   ทำอะไรอยู่น่ะ ?      เซเนตตราเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึง

     

    ข้าก็ดูอะไรเรื่อยเปื่อย    ว่าแต่เจ้าเถอะมีอะไร

     

    เปล่า   ข้ารำคาญเจ้าโซเนป   ล้ออยู่ได้   มันน่าขำตรงไหน   เจ้าภูตพวกนี้ก็เหมือนกัน   บอกตั้งหลายครั้งว่าเป็นผู้ชาย ๆ  แล้วก็ไม่ใช่ราชินีอะไรก็ไม่เชื่อ   เรียกกันอยู่นั่นแหละ    เซเนตตราบ่น  พลางทรุดลงนั่งริมบึง   ทำให้ชายหนุ่มนั่งลงตาม

     

    เจ้าว่าข้าเหมือนผู้หญิงมากนักเหรอ ?    เซเนตตราหันมาถาม

     

    เจ้าก็เคยแต่งเป็นผู้หญิง   ก็สวยดีนี่

     

    เจ้าว่าสวยเหรอ ?      คราวนี้คนถามเพิ่มความอยากรู้มากขึ้นไปอีก   มองอีกฝ่ายอย่างลุ้นคำตอบ

     

    สวยแบบแปลก ๆ     

     

    แปลกยังไง  พูดให้ดีนะ!”      เซเนตตราขยับอย่างเอาเรื่อง

     

    จะไม่แปลกได้ยังไง  ก็เจ้าเป็นผู้ชายแต่ดันแต่งเป็นผู้หญิง  หรือว่าไม่แปลก       เซเนตตราได้แต่กัดฟันแอบเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ    จะโพล่งออกไปว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้     แหม แต่ว่าเธอเป็นผู้หญิงจริง ๆ นะ   ทำไมหาว่าเธอสวยแปลกไปได้ล่ะ    เซเนตตรานั่งจ๋อยมากกว่าเดิม   เฮรอสเอื้อมมือมาโอบไหล่อย่างให้กำลังใจ

     

    เอาน่า    ตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าจะเป็นหญิงหรือชาย   แล้วค่อยมานั่งกลุ้มว่าจะสวยดีหรือจะหล่อดี

     

    คำปลอบได้ผลชงัด   เซเนตตราเลิกซึมแต่หันมาผลักเจ้าคน ให้กำลังใจจนพลัดตกน้ำไป

     

    ข้าไม่ชอบให้ใครแต๊ะอั๋ง  จำเอาไว้!”     พ่อหนุ่มหน้ามนบอกแล้วสะบัดจากไป  ปล่อยให้เฮรอสสำลักกระอักกระไออยู่ในน้ำนั่นเอง  

     

     

     

    คณะของเจ้าชายซาร์กอนเริ่มเดินทางต่อโดยภูตดอกไม้ชี้ทางออกจากป่าหลงลืมให้    เหล่าภูตยังเตือนพวกเขาให้ระวัง ภูตดำ   ที่กำลังอาละวาดอยู่ทางเหนือของป่าหลงลืม     เหล่าภูตย้ำนักย้ำหนาถึงความร้ายกาจของพวกมัน    

     

    พวกภูตดอกไม้นี่เป็นมิตรดีนะ    ไม่เห็นเหมือนภูตอื่น ๆ ที่เราเคยเจอเลย    เซเนตตราว่าพลางนึกถึงความน่ากลัวของภูตแสงจันทร์ที่เคยประสบมาแล้ว

     

    ทำไมพวกภูตดอกไม้นั่นถึงกล่าวว่า   ราชาเซธารอสโกหก  ตลบตะแลง   ทรยศหักหลัง ?    โซเนปเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบมานาน

     

    มันต้องมีสาเหตุมาจากอะไรซักอย่าง

     

    นั่นสิ   เจ้าเป็นจอมปราชญ์น่าจะคิดออกนะ     เซเนตตราช่วยเสริม

     

    ข้าน่ะแค่ตำแหน่งจอมปราชญ์  ไหนเลยจะสู้องค์ราชินีแห่งภูตดอกไม้ได้!”    โซเนปย้อนทันควัน    เซเนตตรากระโจนเข้าใส่แต่ติดที่เฮรอสคว้าตัวไว้ทัน   การวางมวยจึงไม่เกิดขึ้น    ท่านจอมปราชญ์หัวเราะเยาะที่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ได้

     

    เจ้าเป็นถึงจอมปราชญ์แล้วนะโซเนป    อย่ามัวหาเรื่องทะเลาะกับเด็กอยู่เลย     เฮรอสบอก

    เด็กเหรอ!   เจ้าว่าข้าเป็นเด็กเหรอเฮรอส    คราวนี้เปลี่ยนคู่กรณีจากจอมปราชญ์มาเป็นท่านชายเสเพลแทน

     

    ก็เด็กกว่าข้าแหละ!”

     

    แต่ข้าไม่เด็กกว่าโซเนปแน่!”      เฮรอสหัวเราะ  แต่ยังไม่ทันได้ว่าอย่างไรเพราะเสียงดุ ๆ ที่ดังขึ้น

    นี่  เมื่อไหร่พวกเจ้าจะสงบปากสงบคำกันได้ซะที   จะโวยวายอะไรกันนักหนา!”    

     

    คราวนี้เจ้าชายซาร์ลูมาน อดรนทนไม่ไหวต้องหันมาดุ    เฮรอสและเซเนตตราจึงเงียบกริบไม่มีใครเอ่ยปากอะไรอีก    ขณะที่โซเนปหัวเราะ   เดินชมนกชมไม้เหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย    

     

     

    ล่วงเลยเวลาจนบ่ายคล้อยหมอกที่จางลงเริ่มหนาขึ้น    ป่าทั้งป่าเริ่มกลับมาวังเวงอีกครั้ง     เสียงใบไม้ไหว   และเงาวูบวาบปรากฏให้เห็นตลอดทางเดิน     แต่ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าตื่นเต้นมากกว่านั้น   เซเนตตราก็เริ่มจะชินกับไอ้ที่วูบไปวาบมานี่เสียแล้วจึงไม่รู้สึกอะไรอีก

     

    เราคงต้องหาที่เหมาะ ๆ พักแล้วละ    อีกไม่นานก็จะมืดแล้ว    เจ้าชายซาร์กอนบอกมาจากหัวขบวนซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้าน   

     

    เมื่อได้สถานที่เหมาะ  มาร์รานจึงจัดการกางเขตอาคม   หลังจากเสร็จสิ้นอาหารเย็นกันแล้ว  ทุกคนต่างเตรียมตัวนอนเพื่อเก็บแรงไว้เดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น  

     

     

    เสียงหวีดแหลมดังขึ้นกลางดึกทำเอาทั้งคณะสะดุ้งตื่น       ต่างเหลียวหาที่มาของเสียงแสบแก้วหูนั่น   และก็พบ   ที่นอกเขตอาคมของมาร์ราน     ท่ามกลางความมืดและสายหมอกดวงตาสีแดงก่ำดวงใหญ่ปรากฏอยู่ล้อมรอบในความมืด

     

    ตัวอะไรน่ะ ?     ลาเซียเอ่ยถาม   พร้อมขยับเข้าไปใกล้เจ้าชายซาร์กอน

        

    เจ้าชายซาร์ลูมานเรียกคฑาประจำตัวมาถือไว้พึมพำร่ายเวทก่อให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้า     ภาพอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏชัดแก่สายตา

     

     

    นอกเขตอาคมขณะนี้ถูกล้อมด้วยปีศาจอัปลักษณ์    ตัวมันมีขนาดเท่าตัวคนแต่หน้าตาบิดเบี้ยวจนไม่ได้ส่วน   ผิวหนังตะปุ่มตะป่ำสีดำมะเมื่อม   แขนขายาวเก้งก้าง   ดวงตาสีแดงฉานกลมโต   กลิ่นสาบสางโชยตลบอบอวล  

     

    อะไรไม่ร้ายเท่ามันไม่ได้มีเพียงตัวเดียว!   แต่มีเป็นสิบยี่สิบตัวเลยทีเดียว

     

    ไอ้ตัวนี่ละมั้ง  ภูตดำที่พวกภูตดอกไม้บอกเรา     มาร์รานเอ่ยหลังจากพินิจลักษณะเจ้าตัวที่เต้นล้อมอยู่ภายนอก    ไม่สามารถเข้ามาภายในได้

     

    เอาไงกับมันดี ?      เจ้าชายซาร์กอนหารือ

     

    มันไม่กลัวแสงซะด้วย      โซเนปให้ความเห็นเพราะจากอาคมแห่งแสงที่เจ้าชายซาร์ลูมานใช้   ไม่มีภูตดำตัวไหนถอยห่างออกไปเลย

     

    มันจะเข้ามาในเขตอาคมได้ไหม ?    เซเนตตราถามมองเจ้าตัวอัปลักษณ์นั่นอย่างหวั่น ๆ

     

    เขตอาคมของข้าไม่ใช่เวทกระจอก ๆ ที่จะฝ่าเข้ามาได้ง่าย ๆ กับแค่ภูตไม่กี่ตัวแค่นี้    มาร์รานบอกด้วยความมั่นใจ

     

    ก็แล้วไป  ข้าแค่ถามเฉย ๆ    เซเนตตราพึมพำ   เฮรอสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะ

     

    ที่เจ้าถามมันเหมือนดูถูกเขานี่

     

    ไม่ได้ดูถูก   ข้าถามเพื่อความมั่นใจมันผิดตรงไหน      เซเนตตราบ่น

     

     

    ร่างทะมึนของเหล่าภูตดำยังเดินวนเวียนอยู่รอบเขตอาคม   แม้จะเข้ามาไม่ได้แต่มันก็ไม่ละความพยายาม    เสียงหวีดร้องแสบแก้วหูยังดังเป็นระยะ ๆ เมื่อพวกมันแตะถูกอาคมของพ่อมดขาวแห่งนาดีน      ฝ่ายที่อยู่ในเขตอาคมเองก็แทบไม่ได้หลับได้นอนจากการเดินวนเวียนและเสียงร้องของพวกมัน

     

    เอาไงดี   ขืนเป็นอย่างนี้ไม่ได้หลับกันแน่ ?     เจ้าชายซาร์กอนหันมาปรึกษาคนอื่น ๆ แต่สีหน้าดูไม่ทุกร้อนเท่าไหร่เลย

     

    จัดการกับพวกมันซะก็สิ้นเรื่อง!”     เจ้าชายผู้เย็นชาแต่ใจร้อนท่านว่าหน้าตาเฉย

     

    ถ้ามันมีแค่ที่เห็นก็ไม่เป็นไรหรอก   แต่ถ้ามันมีเป็นร้อยก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ   โซเนปแย้ง

     

    โซเนปพูดถูก   ค่ำมืดอย่างนี้เสี่ยงเกินไป      มาร์รานเห็นด้วยกับโซเนป  ไม่มีท่าทีว่าอยากจะออกไปโรมรันกับเจ้าภูตดำข้างนอกเลยซักนิด

     

    แล้วจะทนหนวกหูอยู่แบบนี้เหรอ    ข้าไม่ทนด้วยหรอก    เจ้าชายซาร์ลูมานว่า  แล้วก้าวออกจากเขตอาคมโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น

     

     

    เมื่อร่างสูงของเจ้าชายแห่งวินเดเนียก้าวพ้นเขตอาคม  เจ้าภูตดำที่คอยทีอยู่ก็กระโจนพรวดเข้าใส่  เจ้าชายหนุ่มตวัดคฑาเพียงครั้งเดียว   สายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงผ่าลงมาโดนเจ้าตัวแรกที่เข้ามา    เสียงหวีดร้องอย่างเจ็บปวด   ร่างเจ้าภูตดำมีไฟลุกท่วมตัว  

     

    ไม่กลัวแสงแต่กลัวไฟซินะ      รอยยิ้มที่หาได้ยากจากเจ้าชายซาร์ลูมานนั้นเหี้ยมเกรียม

     

    งั้นข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้!”

     

    ไฟที่ลุกโชนส่งผลให้ภูตดำตัวอื่นชะงัก  คราวนี้แต่ละตัวแยกเขี้ยวขาววับ   ดวงตาลุกวาบยิ่งกว่าเดิม   พวกมันเลิกสนใจอย่างอื่น  ทุกตัวเดินเข้ามาล้อมกรอบเจ้าชายซาร์มานอย่างจะขยี้ให้แหลกลาญ         คราวนี้เจ้าชายหนุ่มโยนคฑาขึ้นไปบนอากาศ     คฑาสีเงินส่องแสงเจิดจ้าแล้วหายวับไป    ผู้เป็นเจ้าของกางมือออกทั้งสองข้าง  ลูกไฟดวงใหญ่ปรากฏที่มือแล้วถูกขว้างออกไปยังกลุ่มภูตดำที่ดาหน้าเข้ามา

     

     

    เซเนตตราดูการต่อสู้ระหว่างเจ้าชายซาร์ลูมานกับภูตดำอย่างลุ้นระทึก      แต่พอหันไปมองคนอื่น ๆ ก็เห็นแต่ละคนดูไม่ทุกข์ร้อนกันเท่าไหร่    มาร์รานกับเจ้าชายซาร์กอนนั่งคุยกันด้วยท่าทางสบาย ๆ  นาน ๆจึงจะหันไปมองการต่อสู้เสียทีหนึ่ง     จะมีก็แต่ลาเซียกับเธอละมั้งที่กังวลกับการต่อสู้ครั้งนี้

     

    นี่   ไม่ห่วงเจ้าชายซาร์ลูมานกันมั่งเหรอ ?      เซเนตตราเอ่ยถามเฮรอสที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุด

     

    ตอนนี้ยังไม่น่าห่วงหรอก

     

    หมายความว่าไง ?

     

    ก็ถ้าพวกภูตดำมีจำนวนแค่นี้ละก้อ  ไม่น่าห่วง  อีกเดี๋ยวท่านพี่ก็จัดการเรียบร้อย    เฮรอสทอดสายตาไปทางฉากการต่อสู้ที่ดูเหมือนตอนนี้ฝ่ายภูตดำจะเริ่มล่าถอย   พลางอธิบายต่อ

     

    แต่ถ้ามันมีกันเป็นร้อย ๆ ตัวก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

     

    งั้นก็ขอให้มันมีแค่นี้ก็แล้วกัน      

     

    ก็ไม่แน่      เฮรอสว่ายิ้ม ๆ     ในขณะที่รอบตัวเซเนตตราตอนนี้บรรยากาศสบาย ๆ ของแต่ละคนมลายหายไปสิ้น  แต่ละคนขยับอย่างตื่นตัว  เพราะเสียงหวีดแหลมดังก้องสะท้อนสะท้านกลับไปกลับมาเสียงนั้นดังขึ้นรอบทิศ   มาพร้อมกับเสียงย่ำเท้าหนัก ๆ ของสิ่งมีชีวิตเป็นร้อย ๆ ชีวิตที่เคลื่อนตัวผ่านป่าอันหนาทึบเคลื่อนใกล้เข้ามา

     

    เจ้าพวกนี้เป็นแค่กองหน้าของมันเท่านั้นแฮะ   กำลังตามมาอีกเป็นกองทัพเลย      

     

    เฮรอสหันมาบอกเซเนตตราที่ไม่ได้สนใจฟังอะไรอีกแล้ว     

     

    มาร์รานลุกขึ้นยืนพร้อมเจ้าชายซาร์กอน และอาเลฟก้าวออกจากเขตอาคมเตรียมตัวตั้งรับ     สีหน้าโซเนปและลาเซียไม่ค่อยดีนัก

     

    พวกนั้นจะทำอะไร  ทำไมไม่กลับเข้ามาในเขตอาคมนี่ก่อนที่พวกมันจะมาถึง ?      เซเนตตราถามอย่างไม่เข้าใจ

     

    ถ้ามันมากันมากมายขนาดนั้นละก้อเขตอาคมต้านไม่ไหวแน่    ภูตดำพวกนี้มันมีพลังสลายเวทอยู่ด้วย   ทางเดียวตอนนี้คือ สู้   โซเนปว่าพลางลุกขึ้นอีกคน

     

    เซเนตกับท่านเฮรอสอยู่ในเขตอาคมนี่แหละ     ข้าจะออกไปช่วยพวกนั้น         โซเนปบอกก่อนจะก้าวออกไปพร้อมกับลาเซีย     ทิ้งเซเนตตราที่ยังไม่แน่ใจในเหตุการณ์ไว้กับเฮรอส

     

    ทำไมเขาไม่ให้เราออกไปช่วยกันล่ะ ?      เธอถามคนเดียวที่พอจะพึ่งได้ในขณะนี้

     

    ออกไปก็เป็นตัวเกะกะเขาเปล่า ๆ   การจะเอาชนะภูตดำได้ก็คือใช้เวทแห่งไฟ   เจ้าใช้ได้ไหมล่ะ ?    เฮรอสย้อนถาม   อย่าว่าแต่ใช้ได้ไหมเลย   แค่เวทพื้น ๆ ง่าย ๆ เธอยังใช้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  จำผิดจำสับสนอยู่บ่อย ๆ   แล้วที่เธอใช้ลูกแก้วบาลันเทียร์ได้นั้นก็เป็นเรื่องประหลาดใจอย่างถึงที่สุดอยู่แล้ว

     

     

    ภาพการต่อสู้ระหว่างคนห้าคนกับกองทัพภูตดำเป็นร้อย ๆ ตัวนั้นน่าพรั่นพรึง    ภูตตัวหนึ่งล้มลงตัวอื่นก็เบียดเข้ามาโรมรันแทนจนผู้ใช้เวททั้งห้าเริ่มอ่อนแรงลงในขณะที่กองทัพภูตดำหนุนเข้ามาเรื่อย ๆ  

     

    เขตอาคมของมาร์รานเริ่มอ่อนแรงลงตามเจ้าของอาคมเพราะมีเจ้าภูตดำบางส่วนเดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ  

     

    เขตวงแห่งอาคมแคบลง ๆ !

     

    มาร์รานคงคุ้มครองพวกเราพร้อมกับต่อสู้ไปด้วยไม่ไหวแน่    เฮรอสบอกหลังจากยืนดูการต่อสู้มาได้พักหนึ่ง    สีหน้าชายหนุ่มดูเหมือนไม่ได้วิตกกังวลกับสถานการณ์คับขันที่เกิดในขณะนี้

     

    แล้วเราทำยังไงล่ะ ?     เซเนตตราร้อนใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

     

    ใช้ลูกแก้วแห่งบาลันเทียร์ได้ไหม ?    เธอลองถาม

     

    ไม่ได้!   เจ้าเพิ่งใช้พลังไปจนเกือบหมดมาครั้งนึงแล้ว    ขืนใช้เจ้าอาจตายได้

     

    ก็ไหนว่ามันเป็นดวงแก้วแห่งศรัทธา!”

     

    ใช่!  มันคือดวงแก้วแห่งศรัทธา    แต่มันก็ต้องอาศัยพลังของผู้ครอบครองมันด้วยซึ่งเจ้าตอนนี้ไม่มีพลังพอจะใช้ได้หรอก

     

    แล้วจะให้ทำยังไง    เซเนตตราถามอย่างหงุดหงิด

     

    มานี่เถอะ    เฮรอสบอกพลางคว้าข้อมือคนตัวเล็กกว่าลากให้ตามมา   ชายหนุ่มเดินมาหยุดเบื้องหน้าเจ้าม้าเฮทเทอร์จอมหยิ่ง

      

    เฮทเทอร์  ข้าฝากด้วยนะ  

     

    เฮรอสบอกพลางส่งคนตัวเล็กกว่าขึ้นไปบนหลังเจ้าม้าขาว      เจ้าเฮทเทอร์ที่ไม่เคยยอมให้ใครแตะตัวนอกจากเฮรอสกลับยอมให้เธอขึ้นไปอยู่บนหลังมันอย่างง่ายดาย

     

    กอดคอเฮทเทอร์ไว้อย่าให้ตกลงมาเท่านั้นก็พอ    ถ้าทำได้รับลองว่าภูตดำไม่มีวันทำอันตรายเจ้าได้

     

    แล้วเจ้าล่ะ !?     

     

    เอาน่า   ข้าน่ะเรื่องเอาตัวรอดไม่เคยเป็นรองใครอยู่แล้ว    เฮรอสบอกยิ้ม ๆ   เขตอาคมหดเล็กลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หายไป    เหล่าภูตดำที่เดินวนเวียนพุ่งเข้าใส่เหยื่อทันที!

     

    เฮรอสเบี่ยงตัวหลบ    ในขณะที่เจ้าเฮทเทอร์ตะกุยขาหน้าขึ้นเตะเจ้าภูตดำตัวหนึ่งกระเด็นไปไกล เซเนตตราทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดคอเจ้าม้าขาวไว้มั่น     ดวงหน้าซบอยู่กับแผงคออันหนานุ่มไปด้วยขนยาวสีขาวราวปุยเมฆ     เจ้าเฮทเทอร์ทั้งสะบัดทั้งดีดทำเอาเหล่าภูตดำได้แต่คอยเมียงมองล้อมรอบ   ไม่มีตัวไหนกล้าเข้ามาในระยะเหวี่ยงถึงของเจ้าม้าจอมหยิ่งซักตัว  ได้แต่คอยจด ๆ จ้อง ๆ อยู่วงนอก   เซเนตตราหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงสะบัดแต่ก็พยายามกอดยึดไว้แน่น    แม้ใจจะนึกเป็นห่วงเจ้าของม้าแต่ก็ไม่มีโอกาสจะหันไปดูว่าตอนนี้เฮรอสเป็นเช่นไรหรือหลบไปทางไหน 

     

     

    แต่สิ่งที่เซเนตตราคาดไม่ถึงก็คือเฮรอสไม่ได้หลบหลีกเอาตัวรอดแต่หยุดยืนรอ     เหล่าภูตดำพากันโถมเข้าใส่ชายหนุ่มหมายขย้ำให้จมเขี้ยว    หากกรงเล็บแหลมคมนั้นเพียงเฉียดใกล้ก็บังเกิดเปลวไฟสีขาวลุกพรึบติดลามทั่วร่างน่าเกลียดน่ากลัวนั้น   พวกมันดิ้นทุรนทุรายกรีดร้องก่อนร่างเหล่านั้นจะค่อย ๆ สลายกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวหายไปกับความมืดรอบตัว    พวกมันที่เหลือต่างถอยกรูด   มันสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่ไม่บังควรแตะต้องจากคนที่เคยคิดว่าเป็น เหยื่อ

     

    แม้ทางฝ่ายเฮรอสเหล่าภูตดำต่างถอยกรูด   แต่ในทิศตรงข้ามฝ่ายเจ้าชายซาร์กอนและคนอื่น ๆ กำลังต่อสู้กับกองทัพปีศาจอัปลักษณ์ที่หนุนเนื่องกันมาอย่างไม่ขาดสาย     แต่ละคนหันหลังชนกันหันหน้าสู้กับวงล้อมที่ขยับวงแคบเข้ามาเรื่อย ๆ     แม้จะเรืองเวท  และเก่งกล้าแค่ไหนแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเป็นธรรมดา    หากทอดเวลาออกไปพวกเขาจะยิ่งคับขันขึ้นเรื่อย ๆ   พวกมันโจมตีเข้ามาไม่ขาดสายจนไม่มีเวลาจะหยุดพักด้วยซ้ำ

     

     

    ท่ามกลางวิกฤตยิ่งกว่าครั้งไหนของคณะเดินทาง   เสียงเสนาะกังวานใสดังขึ้นเหนือเสียงกรีดร้องของเหล่าภูตดำ    บทเพลงอันแสนเศร้าที่คล้ายจะลอยล่องมาตามสายลม

     

    ค่ำคืน       เหน็บหนาว     มืดมิด

    ชีวิต          ไร้สิ้น           ความหวัง

    มีเพียง       แสงดาว       พร่างพราว

    ส่องสกาว    บนฟ้า         หม่นมัว

    ข้าเหงา      ข้าเศร้า        ข้าทุกข์

    ความสุข    หลีกเร้น      ใจข้า

    เปล่าเปลี่ยว  ไร้คน       พึ่งพา

    มองหา      เห็นแต่       แสงดาว

    เขาลืม    เขาเลือน     ตัวข้า

    เจ็บนัก    เจ็บหนา      ใจเอ๋ย

    มีเพียง     แสงเจ้า       ดาวเอย

    ไม่เคย     หลบเร้น      ลืมเลือน

    ตัวข้า      อยู่เดียว       เปลี่ยวเหงา

    เพียงเจ้า   ที่เฝ้า          คอยห่วง

    แสงดาว   นับหมื่น       พันดวง

    ปลอบทรวง    ที่เหงา     เศร้าตรม

     

     

    กองทัพภูตดำหวีดร้องประสานกันเซ็งแซ่     ท่าทางพวกมันเหมือนตื่นกลัวอะไรบางอย่างที่น่ากลัวยิ่ง   เจ้าปีศาจอัปลักษณ์ที่ไม่กลัวแม้ไฟเวทที่แผดเผาพวกมันได้กลับแตกฮือกระจัดกระจายเผ่นหนีกันลนลานไม่คิดชีวิต    เพียงชั่วเวลาไม่นานรอบบริเวณที่เคยเป็นสมรภูมิต่อสู้ก็เหลือแต่ซากดำเกรียมนับร้อยร่างกองทับกันระเกะระกะ  

     

    เจ้าชายซาร์กอน   มาร์ราน  เจ้าชายซาร์ลูมาน   โซเนป   ลาเซีย  และอาเลฟยืนงงกับเหตุการณ์ที่พลิกกลับกะทันหัน      เสียงกังวานหวานนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ  

     

    ……………เขาลืม      เขาเลือน     ตัวข้า

    เจ็บนัก     เจ็บหนา      ใจเอ๋ย

    มีเพียง     แสงเจ้า       ดาวเอย

    ไม่เคย     หลบเร้น      ลืมเลือน……..

     

    เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ   แล้วท่ามกลางความมืด  หญิงสาวนางหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา    ร่างบางระหงคล้ายมีรัศมีสีขาวห่อหุ้มร่างกายไว้เพราะในแม้ในความมืดยังสามารถมองเห็นร่างนั้นได้ชัดถนัดตา     ใบหน้างดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์    ชุดขาวยาวที่สวมใส่ดูบางเบาจนเหมือนร่างนั้นกำลังลอยเลื่อนเข้ามาใกล้    ผมดำยาวแผ่สยายลงมารับกับนัยน์ตาสีนิลระยับ     

     

    หากความงามของนางนั้นยังไม่น่าตื่นตะลึงเท่าพาหนะที่นางใช้    ร่างใหญ่โตดำทะมึน   ขนยาวเป็นมันเลื่อม   กับดวงตาสีแดงก่ำราวสีเลือด!

     

    เสือดำตัวใหญ่!’

     

    ใช่!   นางนั่งอยู่บนหลังเสือดำที่สูงใหญ่พอ ๆ กับม้า   ท่าเดินย่างก้าวของมันดูถมึงทึงน่าเกรงขาม    

     

    มาร์รานอยากจะทรุดลงนั่งให้หายเหนื่อยแต่ก็ทำไม่ได้  เพราะเบื้องหน้าเขาขณะนี้คือหญิงสาวลึกลับที่สามารถขับไล่ภูตดำได้ด้วยเสียงขับลำนำของนางเท่านั้น     แล้วนางเป็นศัตรูหรือว่าเป็นมิตรกันแน่!  

     

    ร่างบนหลังเสือดำนั้นเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกจับตามอง   เสียงกังวานหวานแกมเศร้านั้นหยุดลง    เจ้าเสือดำหมอบลงอย่างแสนรู้  หญิงสาวก้าวลงจากหลังมันพร้อมรอยยิ้มรื่นเริงโปรยแจกจ่ายไปทั่ว

     

    ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งท่านพ่อมดขาวแห่งนาดีน     น้ำเสียงแกมเยาะหยันแบบนี้เขาเคยได้ยินมาแล้ว    หญิงสาวลึกลับที่เขาพบในป่าเมื่อคืนวาน   มาร์รานบอกกับตัวเอง

     

    เจ้าเป็นใคร !?

     

    แหม!  พูดกับผู้มีพระคุณอย่างนี้ได้อย่างไรกัน    ข้าชักจะน้อยใจซะแล้วสิ      ร่างงามขยับเดินเข้ามาใกล้

     

    เจ้ารู้จักนางหรือมาร์ราน ?   เจ้าชายซาร์ลูมานเอ่ยถามอย่างระแวง   สายตายังไม่คลาดไปจากร่างงาม

     

    รู้จักที่ไหนเล่า   เพิ่งเจอครั้งนี้ครั้งที่สองเท่านั้น    มาร์รานปฏิเสธ

     

    ไม่ต้องกังวลเจ้าชายซาร์ลูมาน    ข้ามาอย่างมิตร   ไม่อยากเป็นศัตรูกับคนใจแข็งเช่นท่าน     นางเอ่ยเรียกชื่อเจ้าชายหนุ่มได้ถูกต้องโดยไม่ต้องให้ใครแนะนำ

     

    เจ้าชายรูปงามผู้มากด้วยน้ำใจ  เจ้าชายซาร์กอน       จอมปราชญ์ผู้หยั่งรู้อดีต  อนาคตแต่ไม่รู้ชะตาตัวเองโซเนป    จอมเวทสาวผู้เชี่ยวชาญเวทรักษา   และยอดองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์อาเลฟ     นางไล่รายชื่อไปทีละคนได้ถูกต้องทำเอาเจ้าของชื่ออึ้งกันไปหมด

     

    ตายแล้ว   ข้านี่เสียมารยาทจริงเชียว!”     เสียงอุทานนั้นเห็นได้ชัดว่าเสแสร้ง

     

    ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย    ข้าชื่อเฮเลน่า      การแนะนำตัวของนางไม่ช่วยให้รู้อะไรมากกว่าเดิม

    เจ้าเป็นใคร ?      มาร์รานถามซ้ำพยายามใจเย็น

     

    ข้าเหรอ......ข้าคือผู้หยั่งรู้อดีต...อนาคต...เหมือนกับท่านจอมปราชญ์โซเนปนั่นแหละ      หญิงสาวนามเฮเลน่าบอกพลางหัวเราะ

     

    เจ้าเป็นปราชญ์งั้นเหรอ ?       โซเนปมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

     

    ข้าไม่ใช่ปราชญ์     คำว่าปราชญ์เป็นคำที่ใช้เรียกพวกฉลาด  รู้มากของชาวพิภพ....แต่สำหรับข้า.......    นางหยุดไม่พูดต่อมีเพียงรอยยิ้มปนหยันส่งให้  

     

    เฮรอสเดินเข้ามาสมทบกับกลุ่มของเจ้าชายซาร์กอนพร้อมกับเซเนตตราทำให้การสนทนานั้นชะงักไป      หญิงสาวลึกลับก้มศีรษะให้นิด ๆ เสมือนเป็นการทักทายกึ่ง ๆ ทำความเคารพแต่ไม่พูดว่าอะไร    ก่อนสายตานางจะแปรมาจับที่ร่างของหนุ่มคนหลัง    สายตาที่ทอดมองเพ่งพินิจจนคนถูกมองชักจะอึดอัด        รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้

     

    ส่วนท่านนี้ก็เป็น......     รอยยิ้มของนางทำเอาเซเนตตรารู้สึกแปลก ๆ เหมือนนางล้วงลึกเข้าไปในจิตใจจนรับรู้เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ    เซเนตตราแทบจะกลั้นใจฟัง

     

    พ่อหนุ่มน้อยเซเนตผู้มาจากบาลันเทียร์      นางกล่าวยิ้ม ๆ ดวงตาสีนิลระยับเบือนไปสบกับดวงตาสีเข้มอีกคู่หนึ่งที่มองอยู่เช่นกัน

     

    ข้าพูดถูกใช่ไหมท่านชายเฮรอส ?    ชายหนุ่มยิ้มรับ

     

    ก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไม        เฮเลน่าหัวเราะขบขัน  ในขณะที่คนฟังคนอื่น ๆ ไม่รู้สึกขำเลยแม้แต่น้อย    ใครจะไปขำออกในเมื่อผู้หญิงลึกลับตรงหน้าเป็นใคร    มีจุดประสงค์อะไรในการปรากฏตัวครั้งนี้    ผู้หญิงที่เพียงแค่ปรากฏกายก็สามารถขับไล่กองทัพภูตดำได้ทั้งกองทัพย่อมไม่ธรรมดา!

     

    แหม!    อย่าหวาดระแวงกันขนาดนั้นเลยน่า      ชาวพิภพนี่ถ้าจะขี้ระแวงนะ    คงกลัวการโกหก  ทรยศหักหลังแบบที่พวกตัวเองชอบทำกันละมั๊ง      แม้จะพูดแกมหัวเราะแต่น้ำเสียงนั้นกระทบกระเทียบเยาะหยันจนทุกคนรู้สึกได้

     

    ไม่ต้องห่วง   ข้าไม่มีนิสัยแย่ ๆ แบบนั้นหรอก    มาร์รานบอกเรียบ ๆ

     

    เจ้าช่วยพวกเรา ?   เพราะอะไร ?       เจ้าชายซาร์กอนเอ่ยถามบ้าง   

     

    อย่าเข้าใจผิด    ข้าไม่ได้คิดช่วยชาวพิภพและก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะช่วย    แค่ข้าต้องทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น     

    หน้าที่อะไรของเจ้า   แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา   เจ้าชายซาร์ลูมานชักเริ่มรำคาญ   แต่เฮเลน่ายังยิ้มระรื่นสายตาที่ใช้มองเจ้าชายขี้หงุดหงิดนั้นคล้ายผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก

     

    หน้าที่พิทักษ์ราชาแห่ง.....    สายตานางปรายมาทางเซเนตตราและเฮรอสที่ยืนอยู่ใกล้กันแล้วนางก็หยุดคำพูดไปเสียเฉย ๆ     มาร์รานขยับจะเอ่ยถามแต่นางกลับโบกมือห้าม

     

    สนใจแต่เรื่องตัวเองดีกว่านะ      ที่นี่คือป่าหลงลืม    ไม่มีใครที่เข้ามาในป่าแห่งนี้แล้วออกไปได้ถ้าไม่มีผู้นำทาง    ถึงพวกท่านจะพิเศษกว่าชาวพิภพคนอื่น ๆ   และสามารถหาทางออกได้แต่ก็คงต้องใช้เวลาและเสี่ยงกับอันตรายมากมายพอสมควร    รอยยิ้มของนางออกจะเจ้าเล่ห์นิด ๆ

     

    คิดซะว่าข้ามีน้ำใจอยากจะช่วยพวกท่านให้ออกจากป่านี่เสียไว ๆ ก็แล้วกัน ?

     

    เจ้าจะช่วยยังไง ?      เจ้าชายซาร์กอนถาม

     

    ทีคาล!”       นางไม่ตอบแต่เรียกชื่อชื่อหนึ่ง     ร่างเสือดำตัวเขื่องที่หมอบอยู่ขยับลุกขึ้นเดินตรงมาหาผู้เรียกเหมือนรู้ภาษา

     

    ทีคาลเป็นเพื่อนของข้า     ข้าจะให้เขานำทางพวกท่านออกจากป่าหลงลืม     คำพูดของหญิงสาวปริศนาทำเอาผู้ฟังมองหน้ากัน

     

    แต่ว่าข้าจะไว้จ.......     มาร์รานยังไม่ทันเอ่ยจบ      เจ้าเสือดำตัวใหญ่ก็คำรามก้อง   น้ำเสียงทรงอำนาจของมันสะเทือนทั่วแผ่นดินก้องไปในความมืดมิด

     

    วางใจเถอะ    ทีคาลไม่ชอบอาหารแบบที่สัตว์ทั่วไปเขากินกันหรอก    ก็ตามใจพวกท่านนะ   ข้าเสนอทางเลือกให้แล้วไม่รับก็ตามใจ    พวกท่านตัดสินใจเองก็แล้วกัน     ข้าไปละ     นางบอกพลางหันหลังทำท่าจะจากไป 

     

      อ้อ!  ถ้าท่านไม่ต้องการความช่วยเหลือจากทีคาลก็บอกให้มันกลับได้เลยนะ    นางหันมาบอกอย่างเพิ่งนึกได้แล้วก็หายไปในความมืดอย่างรวดเร็วท่ามกลางความงุนงงของคณะเจ้าชายซาร์กอนที่ไม่มีใครรั้งนางไว้ได้  

     

    เฮเลน่า   นางเป็นใครกันแน่ ?      มาร์รานเอ่ยขึ้นคล้ายจะถามคนอื่น ๆ

     

    ใช่   นางเป็นใคร    แล้วลำนำที่นางร้องเมื่อครู่นั่นอีก    มันคืออะไร    มันต้องมีความหมายอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่ ๆ      โซเนปพยายามคิด  เหตุใดเพียงแค่ได้ยินเสียงเพลงเหล่าภูติดำถึงได้ลนลานหนีหายไปหมดแบบนั้น

     

    เซเนตตราปิดปากสนิท  ไม่เอ่ยคำใดตั้งแต่เข้ามาสมทบกับคณะ      เธอรู้สึกเหมือนเคยได้ยินลำนำบทนั้นจากที่ไหนมาก่อน

     

    .....เขาลืม      เขาเลือน     ตัวข้า

    เจ็บนัก     เจ็บหนา      ใจเอ๋ย..

     

    เธอต้องเคยได้ยินแน่ ๆ  แต่มันจากที่ไหนกันล่ะ!?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×