ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์จันทรา มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #14 : เริ่มต้นเกมแห่งชะตา 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.52K
      13
      5 มิ.ย. 50

    บทที่ 14

     

    เริ่มต้นเกมแห่งชะตา2

     

    ช่วยข้าด้วย....ช่วยข้าที.....ปล่อยข้าออกไปที    น้ำเสียงครวญคร่ำแว่วมาตามสายลมร้อน   จัสมินสะดุ้งเฮือกหญิงสาวเหลียวมองรอบตัวดุจจะหาที่มาแห่งเสียง   แต่พอตั้งใจฟังก็คลับคล้ายเสียงนั้นจะเงียบไป

     

    เป็นอะไรหรือเปล่า ?    เสียงถามห่วงใยดังมาจากคนที่นั่งใกล้   สายตาที่มองตรงมาทางหญิงสาวแสดงความอาทรจนปิดไม่มิด  และหญิงสาวอีกนางหนึ่งก็สังเกตเห็นเช่นกัน

     

    ไม่เป็นไรค่ะ   คงเป็นเพราะอากาศร้อนจัดก็เลยเพลีย    

     

    จะไม่สบายหรือเปล่า  สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยตั้งแต่เช้า   ฮัดซันขยับเข้ามาทำท่าคล้ายจะใช้มือสัมผัสกับแก้มนวลหากนึกได้ว่าเป็นการไม่สมควรจึงชะงัก

     

    คงแค่ตกใจเท่านั้น   ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มันเลยติดตา

     

    ก็ไม่น่าจะเข้าไปดูเลยนี่น้า     เสียงคล้ายจะสมน้ำหน้าดังมาจากหญิงสาวที่นั่งมองตรงมาตาเขม็ง   สายตาบอกความขุ่นเคืองใจอย่างชัดเจนโดยไม่คิดจะปิดบัง

     

    เบนดาฮาร่า!”    ผู้เป็นพี่ชายเรียกด้วยเสียงหนักเป็นเชิงเตือน    ผู้เป็นน้องจึงจำต้องเงียบไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมาอีก

     

    พักซักนิดดีไหม   บ่าย ๆ เราค่อยเดินทางตอนนี้ก็สายมากอยู่ดี     เบซาร์หันไปถามน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเมื่อครู่จนคนฟังจับกระแสนั้นได้  จัสมินส่ายหน้าพลางบอก

     

    ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ  เดี๋ยวหลับตาไปในรถก็ได้     เบนดาฮาร่ามองอย่างหมั่นไส้   ไม่รู้ทำไมใคร ๆ จะต้องคอยกลุ้มรุมเอาใจนักหนา    ถ้าไม่ใช่ธิดาท่านอับดุลลาคงไม่ได้รับการประคมประหงมกันขนาดนี้แน่    พี่ชายเธอก็คน   ไหนจะฮัดซันอีก    เผลอทีไรเป็นต้องคอยส่งสายตาไปให้

     

    ให้เขาออกเดินทางกันเถอะ   ฉันอยากจะให้ถึงนครคาเธย์เร็ว ๆ เหมือนกัน     

     

    เอางั้นก็ได้   ผมจะไปบอกให้พวกนั้นเก็บของขึ้นรถเตรียมตัวเดินทางกันต่อก็แล้วกัน    ฮัดซันบอกแล้วขยับลุกออกไปจากเต็นท์พัก   เบนดาฮาร่าลุกตามไปด้วยโดยไม่สนใจสายตาคนอื่น ๆ

     

    จัสมินมองเปลวแดดที่สะท้อนกับพื้นทรายก่อเกิดเป็นไอระยิบระยับ    เธอรู้สึกมึนงง  หูเหมือนได้ยินเสียงแผ่ว ๆ แว่วมาอีกครั้ง   เสียงที่คร่ำครวญทุกข์ทน 

     

    ช่วยข้าด้วย....ปลดปล่อยข้าที    และก็แบบเดิมพอตั้งใจฟังเสียงนั้นก็เงียบไปหากพอไม่สนใจเสียงนั้นก็ดังแผ่ว ๆ อยู่ปลายหู

     

    มาหาข้า......มาปลดปล่อยข้า    ท่ามกลางไอแดดภาพเงาพร่าเลือนปรากฏคล้ายร่างหญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางความร้อนระอุ    จัสมินหลับตาลงแล้วลืมขึ้นอีกครั้ง   ภาพที่เห็นเมื่อครู่หายไปแล้ว   หญิงสาวถอนใจยาว   วันนี้เธอเป็นอะไรไป  ทำไมทั้งหูแว่ว   ทั้งเห็นภาพหลอน  หรือจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ทำให้สภาพจิตใจของเธอหวั่นไหวจนทั้งเห็นและได้ยินอะไรวุ่นวายไปหมด  

     

    หลบหน่อยซิคุณ  ยืนเกะกะอยู่ได้     เสียงคุ้น ๆ ดังขึ้นเบื้องหลังเมื่อหันกลับไปจึงพบเข้ากับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสจนเกือบจะกลายเป็นทะเล้นของเจ้าไกด์ทะเลทรายนามคีล

     

    ดูอะไรหรือคุณ ?     ชายหนุ่มเข้ามายืนเทียบป้องหน้ามองไปด้านเดียวกับที่หญิงสาวมองอยู่ก่อน

     

    เปล่า    จัสมินตอบออกไปโดยอัตโนมัติ   ถ้าขืนบอกไปอาจจะถูกหาว่าบ้าก็เป็นได้

     

    เห็นภาพหลอนหรือหูแว่วหรือทั้งสองอย่าง    คำถามเหมือนล่วงรู้ทำให้จัสมินมองหน้าด้วยความสงสัย

     

    เรื่องปกติสำหรับสถานที่กลางทะเลทรายแบบนี้   อีกอย่างคุณอาจจะช็อก สภาพจิตใจไม่อยู่ในภาวะปกติหวั่นไหวสั่นคลอนทำให้รับคลื่นอะไรบางอย่างได้ง่าย ๆ

     

    คลื่นอะไร ?

     

    ก็คลื่นอะไรก็ตามที่อยู่แถว ๆ นี้  ดินแดนเก่าแก่  มันก็ต้องมีอะไรแปลก ๆ เป็นธรรมดา    คนตอบคำถามยักไหล่ทำท่าจะเดินผละไป

     

    เดี๋ยวก่อน     ร่างสูงในชุดขะมุกขะมอมตัวเดิมเหมือนไม่เคยเปลี่ยนเลยตลอดการเดินทางหลายวันที่ผ่านมาหันกลับมา   แววตาดำขลับใสซื่อปนรอยยิ้มหัวที่อยู่ลึกลงไปภายใน

     

    ฉันได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย    แล้วก็เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น    จัสมินชี้ไปเบื้องหน้าที่มองเห็นเมื่อครู่

     

    สวยไหม ?    คำถามที่ตามมาทำเอาคนตั้งใจจะเล่าชะงักค้าง  นึกอยากหาอะไรฟาดหน้าทะเล้นนั้นให้แตกไปซักทีสองที

     

    จะไปรู้เหรอเห็นไม่ชัด 

      

    แหมคุณแค่นี้ก็ต้องโกรธด้วย  ผมแค่ถามให้ผ่อนคลายเท่านั้นเอง    อีกฝ่ายรอมชอม

     

    นายก็พูดเล่นไปหมด   ฉันจริงจังนะ   เสียงนั่นมันเหมือนดังก้องอยู่ในหัว  พอตั้งใจฟังก็หายไป  พอจะลืมมันก็ดังแว่วขึ้นมาอีก

     

    คุณใส่สร้อยที่ซาเล็มให้หรือเปล่า ?

     

    นายรู้เรื่องสร้อยได้ยังไง!?

     

    เรื่องนั้นช่างมันเถอะ   ตอบผมมาก่อนคุณใส่หรือเปล่า    หญิงสาวยักไหล่บอกง่าย ๆ

     

    ลืม   ถอดเก็บตอนอาบน้ำ

     

    ว่าแล้ว

     

    อะไรของนาย ?

     

    บอกไปคุณก็ไม่เชื่อ  เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากเห็นหรือได้ยินอะไรแบบนี้อีกก็สวมติดตัวไว้ตลอดทั้งกลางวันกลางคืนห้ามถอด     จัสมินทำท่าจะท้วงแต่ไม่ทันเพราะชายหนุ่มพูดติดต่อกันไปไม่เว้นช่องว่างให้

     

    ผมรู้ว่าคุณเป็นคนทันสมัยแต่เชื่อไว้บ้างก็ดี   ไม่เสียหายที่ตรงไหนหรอก

     

    จะให้เชื่อเรื่องอะไรล่ะ

     

    ก็เรื่องที่ผมเตือนไง   ใส่สร้อยติดตัวไว้ตลอด   อย่าถอดออกถึงแม้จะจำเป็น

     

    โบราณคร่ำครึ   คนฟังยักไหล่ไม่สนใจที่โดนว่า

     

    ไปคอยในรถเถอะคุณอยู่ตรงนี้แดดร้อน  เกะกะคนอื่นเขาจะทำงานกันด้วย    คำพูดหวังดีในตอนแรกแต่ตอนท้ายชักทะแม่ง ๆ จนหญิงสาวมองตาขุ่น

     

    ไปเหอะ  อย่าจ้องหาเรื่องผมเลยน่า   อ้อ!  อย่าลืมใส่สร้อยซะด้วย   ตอนท้ายไม่วายย้ำก่อนจะเดินผละไปทางกลุ่มคนงานที่กำลังรื้อเก็บเต็นท์พัก    คนถูกไล่ให้ไปรอในรถมองตามไปอย่างหมั่นไส้หน่อย ๆ แต่ก็ยอมทำตามคำแนะนำ

     

     

     

    แสงอาทิตย์สุดท้ายแห่งวันกำลังจับอยู่ที่เส้นขอบฟ้าสุดสันทราย  แสงสีแดงฉานดั่งสีเลือดสาดส่องเป็นลำทาบทับผืนทราย  ก่อให้เกิดภาพชวนวังเวง    ทันทีที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าความมืดทะมึนก็คืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว  

      เนินทรายห่างจากจุดที่คณะสำรวจหยุดพักพอสมควร    ร่างสูงนั่งโดดเดี่ยวอยู่บนเนินทรายทอดสายตามองดวงตะวันลาลับขอบฟ้าและดวงจันทร์ที่ค่อย ๆ ส่องสว่างลางเลือน   สายลมร้อนระอุเมื่อตอนกลางวันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นสบายพัดผ่านชายผ้าคลุมจนปลิวสะบัด

     

    ถุงมือสีดำคล้ำกอบลงบนผืนทรายกำไว้จนเต็มอุ้งมือ     เสียงพึมพำแผ่วเบาก่อนมือที่กำนั้นจะแบออกปล่อยให้เม็ดทรายเม็ดเล็ก ๆ นับล้าน ๆ เม็ดร่วงหล่นปลิวไปตามสายลม

     

    ได้เวลาของพวกเจ้าแล้ว....ขอให้สนุกกับค่ำคืนแห่งความยุ่งเหยิง    สองมือผายออกกว้างทั้งสองข้างดุจส่งคำอวยพรตามไปกับสายลม

     

    อย่างนี้คณะสำรวจจะซวยไปด้วยนา  จะดีเหรอ  คำถามดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของวิญญาณอารักษ์

    วัดดวงดูไงว่าใครจะดวงแข็งพอจะอยู่รอดเป็นคนสุดท้าย   

     

    เหี้ยมไปหรือเปล่า

     

    ท่านรู้จักฉันมาตั้งนาน   น่าจะรู้ว่าฉันพูดจริงทำจริงเสมอ

     

    เจ้าเล่ห์จนวางใจไม่ได้เสมอด้วย   วิญญาณอารักษ์ช่วยเสริมสรรพคุณ

     

    มาพนันกันไหมว่าจะเหลือรอดเท่าไหร่     คนถูกประชดชวนหน้าตาเฉยไม่สนใจสรรพคุณที่ถูกจารนัย

     

    กฎของมาฮาร่าห้ามการพนันไม่ใช่เหรอ

     

    ห้ามเล่นกับคนไม่ได้ห้ามเล่นกับวิญญาณนี่   คำตอบไถลลื่นไปได้ทันควันจนวิญญาณอารักษ์แทบจะยกมือเกาหัว    หรือจะเขกหัวผู้เป็นราชาของตัวเองดี  อัมซาสองจิตสองใจแต่ค่อนข้างเอนเอียงไปทางความคิดหลังซะมากกว่า

    ยังไงข้าก็ไม่พนันกับท่าน   ทายใจท่านยากกว่าหาน้ำในทะเลทรายเสียอีก   ขืนข้าพนันว่าเป็นอย่างโน้นท่านก็จะทำให้มันเป็นอีกอย่างอยู่ดี    ยังไง ๆ ก็ชนะอย่ามาชวนพนันซะให้ยาก     อัมซาดักคออย่างรู้ทัน

     

    พนันกับคนก็ไม่ได้   วิญญาณก็ไม่ยอมพนันด้วยเฮ้อ!  ไปดีกว่า   เสียงบ่นพึมพำพร้อมกับการก้าวเดินลงจากเนินทราย      ผู้เป็นวิญญาณอารักษ์มองตามไป   สายตาบอกความเข้าใจที่ไม่ได้เปล่งออกมาเป็นคำพูด  ราชาแห่งมาฮาร่าก็เป็นเพียงคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่บังเอิญต้องมารับภาระมากมายในการกระทำตามพันธะสัญญาแห่งเผ่าพันธุ์  

     

    ถ้าใจท่านยิ้มได้อย่างที่แสดงกับข้าก็คงดี     ราชาของข้าวันเวลาแห่งความยากลำบากใกล้เข้ามาทุกทีตัวท่านจะแบกรับมันเพียงผู้เดียวได้หรือ.....

     

    ไม่มีคำตอบจากความว่างเปล่าท่ามกลางทะเลทรายยามราตรี   มีเพียงสายลมหวีดหวิวที่พัดผ่าน  

     

     

     

    สายลมที่พัดรวยรินในตอนแรกเริ่มเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นจนแทบจะกลายเป็นพายุ  เต็นท์ที่ยึดตรึงไว้ด้วยหมุดยึดแทบจะปลิวตามแรงลม   กลุ่มคนทั้งคณะไม่มีใครได้หลับนอนเพราะต้องตื่นตาค้างระวังภัยเกรงพายุที่ไม่รู้จะเกิดหรือไม่เกิดเพราะไม่มีการตั้งเค้ามาก่อน   เสียงหวีดหวิวกรีดลงในความรู้สึกของผู้ฟังทุกคนที่รวมกลุ่มกันอยู่ยิ่งนัก

     

    จัสมินมองฝุ่นทรายที่ปลิวฟุ้งกระจายอย่างวิตก   แม้กระแสลมจะไม่รุนแรงเหมือนพายุทรายที่เคยเกิดเมื่อครั้งก่อนแต่มันก็มากพอจะทำให้กังวลได้   หญิงสาวเหลียวมองไปรอบ ๆ หากแล้วก็สะดุดใจเพราะรู้สึกถึงบางคนที่ขาดหายไป   เธอเดินเลี่ยงคนอื่น ๆ ตรงไปหาซาเล็มที่นั่งหลบมุมมุมหนึ่งไม่พูดคุยกับใคร

     

    ซาเล็ม  นายไกด์ของเราเขาหายไปไหน ?

     

    ไม่รู้เลยครับ   อาจจะอยู่กับพวกคนงานทางด้านโน้น   ซาเล็มเองก็ไม่ทราบ

     

    แล้วเจ้าเด็กมูซาล่ะ     หญิงสาวยังไม่วายห่วง

     

    นั่นไงครับวิ่งหน้าเริดฝ่าพายุมาโน่นพอดีเลย      จัสมินหันมองตามคำบอกก็พบกับเจ้าเด็กตัวมอมวิ่งตุปัดตุเป๋หลบพายุเข้ามาแต่ไม่มี ลูกพี่  ตามติดมาด้วยเหมือนเคย

     

    ไปไหนมามูซา   มันฉีกยิ้มกว้างส่งนำมาก่อน

     

    มานี่แหละ   ฟังคำตอบมันแล้วจัสมินอยากเอาเท้ายันมันออกนอกเต็นท์ไปเหลือเกิน

     

    แล้วลูกพี่เธอล่ะไปไหน ?    มันสั่นศีรษะหน้าซื่อสนิทนักเมื่อตอบ

     

    เห็นเดินท่อม ๆ ตอนเขากางเต็นท์หยุดพักกัน    พอลมแรงขึ้นก็ไม่รู้ไปอยู่แถวไหนแล้ว  แหม! ผมก็นึกว่าอยู่ที่นี่เลยวิ่งมาดูนะเนี่ย 

     

    เดี๋ยว   คีลไม่ได้อยู่กับพวกคนงานเหรอ ?    มูซาสั่นหัวยืนยันอีกครั้ง

     

    แล้วไปไหนล่ะ    คราวนี้หญิงสาวหันกลับมาทางซาเล็มอย่างต้องการคำตอบแต่ได้เพียงการส่ายหน้าไม่รู้ไม่เห็นเช่นเดิม

    มิโดนทรายทับตายไปแล้วเหรอ     คำถามแกมประชดแต่ก็แฝงความห่วงใยด้วยเช่นกัน

     

    เฮอะ  อย่างคีลโดนทรายทับตายคงเสียชื่อแย่     เจ้าเด็กคนสนิทเชื่อมั่นในลูกพี่มัน

     

    เออ   ลูกพี่เจ้ามันเก่ง    จัสมินหมดอารมณ์ห่วงแต่ยังไม่ทันได้สนทนาซักถามอะไรต่อไปเสียงเอะอะจากเต็นท์ที่พักด้านฝั่งคนงานก็ดังขึ้นฝ่าความแรงของกระแสลม   ตามมาด้วยเสียงปืนที่รัวสนั่นหวั่นไหว     เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายตามมาไม่ขาดระยะ

     

    เกิดอะไรขึ้นน่ะ!”      เสียงร้องถามอย่างตื่นตระหนกดังเซ็งแซ่ขึ้นเพราะจากที่พักด้านนี้ไม่อาจมองเห็นทางด้านที่พักคนงานได้ 

     

    ใครวิ่งไปดูซิ!”    เสียงตวาดสั่งดังมาจากฮัดซัน     ทหารคนหนึ่งทำท่าจะวิ่งฝ่ากระแสลมออกไปแต่แล้วก็ต้องรีบหยุดถอยกลับเข้ามาภายใน   เสียงที่ร้องขึ้นตื่นตระหนก   สีหน้าหวาดหวั่น   มือชี้ไปมาเบื้องหน้า

     

    นาย   นั่น   นั่นมันอะไรน่ะ   เต็มไปหมดเลย

     

    คำถามนั้นไม่มีใครตอบได้เพราะแต่ละคนก็เห็นในสิ่งที่คนถามเห็นเช่นกัน     ภายนอกแสงสปอตไลท์ที่ส่องสว่าง   ดวงตาสีแดงฉานนับสิบคู่ส่องประกายวาววับอยู่ในความมืด   พวกมันขยับเคลื่อนไหวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

     

    บ้าเอ๊ย!   นั่นมันตัวอะไรวะนั่น   เสียงสบถดังมาจากใครบางคนที่อยู่ในกลุ่ม   และก็ไม่ต้องให้สงสัยนานเพราะเจ้าของดวงตาคู่สีแดงฉานนั้นค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่างอวดโฉมอันน่าสะพรึงกลัวต่อสายตาทุกคู่

     

    ร่างของสัตว์เลื้อยคลานสีดำมะเมื่อมลำตัวแต่ละตัวขนาดพอ ๆ กับท่อนแขนหนำซ้ำยังยาวร่วมหลายเมตร   เกร็ดมันวาววับของมันสะท้อนแสงไฟเป็นอย่างดี  ไม่ใช่มีแค่สี่ห้าตัว  แต่มันมีเป็นร้อย ๆ ตัว

     

    เลือดในกายของทุกผู้ที่มองเห็นเย็นเฉียบ    ต่างฝ่ายต่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก   เหล่าอสรพิษกำลังล้อมกรอบเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×