ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์จันทรา มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #11 : มฤตยูใต้แสงจันทร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.87K
      11
      9 พ.ค. 50

    บทที่ 11

     

    มฤตยูใต้แสงจันทร์

     

    แสงแดดอันร้อนแรงเจิดจ้าส่องกระทบผืนทรายแห้งแล้ง     ภูเขาทรายสูงต่ำทอดยาวทัศนียภาพแปรเปลี่ยนไปหมดจนไม่เหลือภาพที่ชินตา    ซากปรักหักพังเมื่อวันวานยังพอหลงเหลือให้เห็นบ้างแต่เต็นท์พักแรมกับรถอีกสิบกว่าคันนั้นสูญหายไปทั้งสิ้น       จัสมินเช็ดเหงื่อที่ไหลโซมกาย   ใช้ผ้าผืนยาวตวัดขึ้นคลุมศีรษะและใบหน้าบดบังความร้อน

     

    แล้วเราจะทำยังไงถึงจะหาพวกนั้นเจอล่ะ   ทะเลทรายออกกว้างใหญ่ขนาดนี้    หญิงสาวหันมาถามคนที่เดินตาม

    เดินอยู่แถว ๆ นี้ เดี๋ยวเขาก็หาเราพบเองนั่นแหละ    คีลบอกหน้าตาเฉยจนคนฟังชักฉุน  

     

    นี่นายหลอกให้ฉันเดินหรือไง

     

    ใครว่าก็แค่ให้ออกมายืนที่โล่ง ๆ พวกนั้นจะได้หาเราได้ง่ายขึ้น    เราเป็นส่วนน้อยที่พลัดหลงต้องปล่อยให้คนกลุ่มใหญ่เป็นฝ่ายตามหา   ซาเล็มรู้กฎข้อนี้ดี

     

    นายรู้ได้ยังไง    คณะของเราอาจจะโดนพายุกระจัดกระจายกันไปก็ได้    

     

    คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายเขามีวิธีหลบพายุ   ไม่เหมือนคุณเที่ยวเดินท่อม ๆ อยู่คนเดียวห่างไกลผู้คนเกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครรู้   

     

    เอ๊ะ!   นายว่าฉันเหรอ ?

     

    น่าคุณ  ไม่รู้ก็ไม่ผิดหรอก     คีลบอกอย่างรอมชอมไม่สนใจกริยากระทืบเท้าขัดใจของหญิงสาว  พลางก้าวนำขึ้นไปยืนบนเนินทราย    ชายหนุ่มป้องหน้าเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนหาอะไรบางอย่าง

     

    ทำอะไรน่ะ ?    เมื่อไม่ได้รับการสนใจ   จัสมินก็ต้องก้าวตามขึ้นมายืนเคียงหันมองตามบ้าง

     

    หาที่ที่คณะของเราหยุดพักเมื่อวานนี้

     

    ไหนว่าให้เดินอยู่แถว ๆ นี้ไงล่ะ ?    คีลถอนใจยาวอย่างเห็นชัดว่าแกล้งทำ

     

    เดินก็เดินอย่างมีจุดหมายไม่ใช่เดินเปะปะ    ทะเลทรายออกกว้างใหญ่ขืนคุณมุ่งไปทางซ้าย  แต่คนตามไปทางขวาแล้วจะเจอกันไหมล่ะ ?    เจอคำถามนี้เข้าจัสมินได้แต่มองคนตอบอย่างเข่นเขี้ยวที่ไม่เคยเถียงชนะ นายไกด์  ได้ซักครั้ง

     

    เมื่อยืนอยู่บนเนินสูงแบบนี้ทำให้สามารถมองเห็นบริเวณต่าง ๆ ได้โดยรอบ    ทะเลทรายเวิ้งว้างมองทางไหนก็เหมือนกันไปหมดคือเห็นแต่เนินทรายไม่เห็นมีจุดไหนจะให้สังเกตได้   

     

    ทางนี้แหละ      คีลบอกพลางเริ่มออกเดิน     จัสมินก้าวตามแต่ไม่วายถาม

     

    รู้ได้ยังไง ?     ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มกว้าง    ดวงตาดำขลับมีแววขำขัน

     

    ผมเป็นไกด์นะครับ     พาลูกทัวส์หลงก็เสียชื่อแย่

     

    ถามจริง ๆ เถอะ     นายเคยหลงทางบ้างหรือเปล่า ?    ดวงตาแจ่มใสนั้นแพรวพราวเมื่อตอบ

     

    บ่อยไป

     

    แล้วคุยเสียดิบดี

     

    ที่บ่อยไปน่ะผมหลงทางในเมือง   ส่วนทะเลทรายผมไม่เคยหลง

     

    คนบ้าอะไรหลงทางในเมือง    รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วยิ่งกว้างมากกว่าเดิม  ดูเปิดเผยและจริงใจ

     

    ก็คนบ้าอย่างผมนี่แหละ   ในเมืองตรอกซอกซอยมากมายไปหมดน่าเวียนหัว   สู้ทะเลทรายไม่ได้  เรียบ ๆ โล่ง ๆ หาง่ายกว่ากันตั้งเยอะ     คีลตอบแล้วก้าวลงจากเนินทรายมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ชี้บอก    จัสมินเถียงไม่ออกจึงจำต้องเงียบก้าวเท้าตามคนยียวนกวนประสาทที่เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

     

     

     

    เพียงไม่นานคีลก็หยุดเดินใช้เงาเนินทรายลูกหนึ่งบังแดด  คนเดินตามอย่างจัสมินจึงต้องหยุดด้วยพร้อมคำถามสงสัย

     

    คราวนี้หยุดทำไม ?   

     

    โน่นไง     ชายหนุ่มชี้ไปเบื้องหน้า     หญิงสาวเพ่งมองสังเกตอยู่ครู่หนึ่งจึงมองเห็นฝุ่นที่ฟุ้งตลบก่อนจะมองเห็นรถโฟร์วิลคันหนึ่งแล่นตรงดิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

     

    เขาเห็นเราแล้ว     

     

    ทำไมนายตาดีจังเลยอยู่ตั้งไกลขนาดนั้นแท้ ๆ กลับมองเห็นได้    ไม่มีคำตอบจากคีล    ชายหนุ่มเพียงยิ้มแล้วทรุดลงนั่งบนพื้นทรายอย่างไม่กลัวร้อน     เพียงไม่นานรถคันนั้นก็วิ่งฝุ่นตลบเข้ามาเทียบ

     

    เมื่อรถจอดสนิทคนที่เปิดประตูก้าวลงมาเป็นคนแรกคือมูซา     เด็กชายโผนเข้าหาคีลด้วยความดีใจ

     

    คีล!  คีล!   ในที่สุดก็เจอจนได้   ตอนเกิดพายุข้าเป็นห่วงแทบแย่    มูซาละล่ำละลักบอก     ซาเล็มที่ตามลงมาสมทบมองภาพนั้นยิ้ม ๆ

     

    ข้าฟังมันบ่นจนหูชาเลย     คุณหนูละครับปลอดภัยดีใช่ไหม ?     ตอนท้ายซาเล็มหันมาถามหญิงสาว

     

    ฉันไม่เป็นไร    คนอื่น ๆ ล่ะ  มีใครพลัดหลงหรือได้รับบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า

     

    หนัก ๆ ไม่มีหรอกครับ    แค่ได้แผลคนละนิดละหน่อยเท่านั้น   นี่ผมให้แยกกันออกติดตามคุณหนูกับคีลเป็นสองทางคงต้องวิทยุบอก   ขึ้นรถเถอะครับ    ซาเล็มบอกพลางก้าวนำไปเปิดประตูรถรอ      เมื่อทั้งหมดกลับขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยรถจึงเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่เต็นท์พัก       

     

    โชคดีนะครับที่คุณหนูพลัดมากับคีลไม่อย่างนั้นผมคงเป็นห่วงแย่    ตอนพายุสงบแล้วสำรวจคนผมยังกังวลกลัวคุณหนูจะพลัดไปคนเดียว   

     

    ไกด์ของซาเล็มเขาทำหน้าที่ดี   คอยดูแลลูกทัวร์ไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแหละ       จัสมินสรรเสริญชายตาชำเลืองมอง  แต่คนถูกชื่นชมนั่งหลับตาไม่พูดไม่จากับใครเสียแล้ว

     

                    อะไรกันขึ้นรถได้ก็จะหลับเลยหรือ   เมื่อคืนนายก็หลับก่อนฉันอีกนะ

     

                    ผมพักสายตาเฉย ๆ ไม่ได้หลับเสียหน่อย     น่าเดี๋ยวเราก็ต้องเดินทางต่อให้ผมพักเอาแรงบ้างเถอะ    หญิงสาวมองอย่างหมั่นไส้แต่ก็หยุดเซ้าซี้หันไปพูดคุยกับซาเล็มต่อไป

     

     

     

     

                    องค์อาซาริยัสประทับนั่งเป็นประธานในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง    พระพักตร์ขององค์กษัตริย์ผู้มากพระชันษาเคร่งเครียดกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามา    โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้คณะมนตรีด้านความมั่นคงกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ในขณะนี้

     

                    ทหารรายงานว่าหน่วยรบทะเลทรายของเราถูกลอบโจมตีได้รับความเสียหายหนัก

     

                    ผู้ก่อการร้ายหรือเปล่า ?      ท่านอับดุลลาเอ่ยถามซาลีสผู้ควบคุมกองทหารหน่วยรบทะเลทราย

     

                    ไม่ใช่แต่เป็นพวกเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย    พวกมันรวมตัวกันเพื่อต่อต้านรัฐบาล

     

                    แค่ชาวบ้านธรรมดาจะเอาอะไรมาสู้รบกับทหาร    ยิ่งเป็นหน่วยรบทะเลทรายด้วยแล้ว  เราก็รู้กันไม่ใช่หรือว่าทหารหน่วยนี้ฝีมือเยี่ยมแค่ไหน     องค์รัชทายาทฟาฮานแย้ง

     

                    แต่คนของผมก็ยืนยันแน่ชัด    พวกเผ่าเร่ร่อนนั่นต้องได้รับการสนับสนุนจากคนที่หวังให้เกิดความไม่สงบในอัลมาฮาร์แน่ ๆ   ซาลีสกล่าวอย่างมั่นใจ

     

                    แล้วท่านคิดว่าเป็นใครล่ะ ?    คราวนี้คนถูกถามนิ่งอึ้งเพราะไม่สามารถตอบคำถามได้

     

                    ท่านก็ให้คำตอบไม่ได้  งั้นลองฟังรายงานจากทางด้านของท่านอับดุลลาดูบ้าง   เชิญ     เจ้าชายฟาฮานพยักพระพักตร์ให้   ท่านอับดุลลาจึงกล่าวถึงข่าวที่ตนได้รับรายงานมา

     

                    ในขณะที่หน่วยรบทะเลทรายถูกโจมตี     ผมได้รับรายงานว่ามีทหารหน่วยหนึ่งออกปล้นสะดมกองคาราวานสินค้า    และยังปล้นหมู่บ้านรอบนอก  ข่มเหงรังแกประชาชน

     

                    เป็นไปไม่ได้     ผมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน    ซาลีสเอ่ยขัด

     

                    แสดงว่ารายงานของเราทั้งคู่ขัดแย้งกัน    ทีนี้ก็ต้องมาดูละว่ารายงานอันไหนเป็นจริง  และอันไหนเป็นเท็จ     ท่านอับดุลลากล่าวอย่างใจเย็น    ซาลีสฮึดฮัดคล้ายจะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกนอกหน้านัก

     

                    เอาละ ๆ  นี่อาจเป็นแผนที่จะทำให้รัฐบาลกับประชาชนเกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกันก็ได้   เราจึงควรสามัคคีกันไว้   อย่าใช้อารมณ์วู่วาม   ฉันอยากให้แต่ละฝ่ายกลับไปตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ให้แน่นอน    แล้วเราค่อยมาประชุมปรึกษาเรื่องนี้กันอีกครั้งในการประชุมคราวหน้า    องค์กษัตริย์ทรงตัดสินก่อนที่จะเกิดข้อพิพาทในคณะมนตรีความมั่นคง        เมื่อไม่มีใครเห็นคัดค้านจึงมีรับสั่งปิดประชุมแล้วเสด็จขึ้นโดยมีเจ้าชายฟาฮานตามเสด็จ    คณะมนตรีต่างทยอยลุกออกไปเหลือเพียงท่านอับดุลลาที่ขยับลุกเป็นคนสุดท้าย     ทหารมหาดเล็กนายหนึ่งเข้ามาคำนับพลางบอก

     

                    มีรับสั่งให้ท่านอับดุลลาเข้าเฝ้าที่ห้องทรงงานครับผม     ท่านอับดุลลาพยักหน้ารับรู้    ก้าวเท้าตามไปยังห้องทรงงาน     ทหารมหาดเล็กผู้นั้นก้าวล้ำขึ้นไปเปิดพระทวารให้ก่อนหับปิดด้วยมือตนเองแล้วยืนเฝ้าอยู่    ที่นั้น

     

                    ภายในห้องทรงงานส่วนพระองค์   องค์กษัตริย์และเจ้าชายฟาฮานประทับรออยู่แล้ว

     

                    เชิญนั่งท่านอับดุลลา    ผู้ถูกเชิญก้มศีรษะทำความเคารพก่อนจะค่อย ๆ นั่งลง

     

                    ฉันจะถามเรื่องที่เคยขอให้ท่านช่วย     เป็นอย่างไรบ้าง  ได้ข่าวคืบหน้าบ้างไหม    องค์กษัตริย์มีรับสั่งถาม   พระพักตร์เปี่ยมไปด้วยความหวัง   ท่านอับดุลลาถอนใจยาวยิ่งเห็นพระพักตร์ยิ่งยากจะกราบทูล

     

                    ว่าไง   ท่านได้ข่าวอะไรมาบ้าง

     

                    ไม่มีข่าวคราวเลยพระเจ้าค่ะ     ทั้งร่องรอยต่าง ๆ ก็หายไปจนสิ้นๆไม่อาจติดตามได้   จบคำกราบทูลสีพระพักตร์แห่งองค์กษัตริย์ผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

     

                    ชาตินี้พ่อจะไม่มีโอกาสได้พบเจ้าอีกแล้วหรือฟารีดา    ทรงรำพึงกับพระองค์เอง   

     

    เจ้าหญิงฟารีดาพระธิดาองค์ใหญ่ในกษัตริย์แห่งอัลมาฮาร์    เจ้าหญิงที่สง่างามและชาญฉลาด    หากเป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ยอมละทิ้งทุกอย่างเพียงเพื่อความรักอันห่างชั้น   ความรักที่เกิดกับชายหนุ่มสามัญชน   พ่อค้าเร่ชาวถิ่นทะเลทราย    เรื่องที่เกิดเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้    ณ เวลานั้นองค์อาซาริยัสกริ้วจัดจนถึงขนาดประกาศถอดยศและขับไล่ให้ออกจากพระราชวัง     เจ้าหญิงฟารีดาน้อมรับด้วยอาการสงบและนับจากวันที่นางได้ก้าวออกจากราชวงศ์อัลมาฮาร์ข่าวคราวของนางก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

     

                    พระทัยเย็นก่อนเถอะพระเจ้าค่ะ    เรายังไม่หมดหวังใช่ไหมท่านอับดุลลา    เจ้าชายฟาฮานพยายามปลอบพระทัย

     

                    กระหม่อมจะพยายามต่อไปพระเจ้าค่ะ    ท่านอับดุลลาให้คำรับรองอีกคน

     

                    ท่านพี่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ยังไง   แปลกมาก   เจ้าชายฟาฮานตั้งข้อสังเกต

     

                    แต่บุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงฟารีดาล้วนหายสาบสูญไปทั้งหมด   

     

                    ความหวังของฉันฝากไว้ที่ท่านเท่านั้น     องค์กษัตริย์ตรัสแล้วเสด็จจากไปด้วยสีพระพักตร์หมองเศร้า     เจ้าชายฟาฮานมองสบตากับท่านอับดุลลาพลางถอนใจยาวด้วยไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออะไรได้ดีกว่านั้น

                   

     

     

                    ดวงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบกับผืนทรายบังเกิดสีแดงฉานไปทั่วทั้งความเวิ้งว้าง     รอบบริเวณดูสงบสงัดจนเกือบจะวังเวง       เนินทรายลูกหนึ่งมีร่างสูงของชายในชุดคลุมดำยืนกอดอกมองดูดวงตะวันที่กำลังค่อย ๆ คล้อยต่ำลงทุกที

     

                    คิดอะไรอยู่ ?    เสียงถามที่ดังขึ้นทำให้คนที่ยืนปักหลักเป็นรูปปั้นหันกลับมา

     

                    แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

     

                    เราใกล้จะถึงคาเธย์หรือยัง     ซาเล็มเอ่ยถามต่อไปขยับขึ้นมายืนเคียงข้าง

     

                    ยังหรอก   แต่ว่าตอนนี้เรากำลังเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขตของนครต้องคำสาปอย่างแท้จริงแล้ว    คนพูดถอนใจยาว

     

                    เจ้าพูดเหมือนกับว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น   ดวงตาดำคมมองสบตากับผู้ถาม

     

                    เคยได้ยินตำนานแห่งคาเธย์ไม่ใช่หรือ ?

     

                    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เจ้ากำลังวิตก

     

                    คาเธย์คือนครต้องคำสาป.....      คีลทำท่าจะพูดแต่แล้วกลับหยุดเพียงแค่นั้น

     

                    กับแค่คำสาปในตำนาน    มันจะทำอะไรได้งั้นเหรอ     ซาเล็มไม่เชื่อถือ

     

                    ใช่    คำสาปทำอะไรเราไม่ได้....แต่....ช่างเถอะ...แค่นับจากนี้ไปขอให้เชื่อตามที่ผมบอกก็พอ   แล้วพวกเราทั้งหมดจะปลอดภัย     ซาเล็มนิ่งเงียบไปชั่วครู่    ในที่สุดก็เอ่ยปาก

     

    เจ้าไม่ใช่ไกด์ทะเลทรายธรรมดา ๆ อย่างที่แสดงออก     คีลมองสบตาซาเล็มโดยไม่หลบ หนำซ้ำดวงตาคู่คมยังแฝงด้วยรอยยิ้ม    ซาเล็มถอนใจเพราะคีลไม่มีท่าทีว่าจะแสดงพิรุธใด ๆ ออกมาทั้ง ๆ ที่ถูกดักคอ

     

    เอาเถอะถ้ามันเปิดเผยไม่ได้ก็ไม่เป็นไร        ขอเพียงพาพวกเราไปให้ถึงจุดหมายเรื่องอื่นก็ไม่สำคัญจริงไหม ?

     

    ซาเล็มเข้าใจอะไรง่ายดี      ชายหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ แล้วก้าวลงจากเนินทรายปล่อยให้ผู้เฒ่าซาเล็มมองตามไปอย่างครุ่นคิด  

     

    อะไรคือสิ่งที่เจ้ากังวลอยู่กันแน่คีล

     

     

     

    เหล่าคนงานกำลังจัดการกางเต็นท์พัก    บางส่วนก็หุงหาอาหาร   ทหารยามเริ่มเดินตรวจตราไปรอบ ๆ บริเวณที่จะหยุดพักในคืนนี้    แต่ละคนมีงานทำวุ่นวาย   มีเพียงคีลเท่านั้นที่ก้มหน้าก้มตาใช้ไม้ยาวขนาดเหมาะมือขีดเส้นไปบนผืนทรายลากยาวและโรยผงกำมะถันลงตามเส้นที่ขีดไว้โดยมีมูซาคอยเดินตามช่วยถืออุปกรณ์

     

    จะทำอะไรน่ะ ?    มูซาเอ่ยถามด้วยความสงสัยหลังจากดูขั้นตอนการทำมาพักหนึ่งแล้ว   

     

    ทำให้คืนนี้หลับได้อย่างสงบไง   คำตอบของคีลไม่ช่วยอธิบายอะไรเลย

     

    แล้วทำไมคืนนี้เราจะนอนไม่สงบ ?     เด็กชายยังไม่หายสงสัย

     

    เราก้าวเข้าสู่เขตแดนของนครต้องคำสาปแล้วน่ะสิ   

     

    เราจะถูกสาปไปด้วยงั้นเหรอ ?

     

    ใครว่า   คำสาปทำอะไรเราไม่ได้หรอก    แต่ที่จะเป็นอันตรายกับเราคือมนตราแห่งมาฮาร่าต่างหาก

     

    อ้าว!   ไหงงั้นล่ะ    ก็เจ้าบอกว่าเป็นมาฮาร่าไม่ใช่เหรอ    แล้วไอ้มนตร์อะไรนั่นมันจะทำร้ายเราทำไม  

     

    ยิ่งฟังมูซายิ่งงงหนักกว่าเดิม

     

    มนตร์แห่งมาฮาร่าทำร้ายทุกคนที่จะเข้าสู่คาเธย์   ไม่ละเว้นแม้แต่ผู้เป็นมาฮาร่าด้วยกัน   มนตร์นี้ถูกลงไว้เพื่อปกป้องคาเธย์จากการลุกล้ำของบุคคลภายนอก  เพื่อปกป้อง....    คีลหยุดมองเจ้าเด็กช่างสงสัยด้วยความเอ็นดู

     

    อย่ารู้เลย แค่นี้เจ้าก็รู้มากกว่าใครอีกหลายคนแล้ว   มันผิดกฎ    คนตัวโตกว่าบอกแกมหัวเราะ    พร้อมกับลงมือลากเส้นบนผืนทรายต่อไป

     

    เฮ้อ!  เอะอะก็ผิดกฎทำไมมาฮาร่าถึงมีกฎมากมายนักนะ     มูซาบ่นแต่ก็ยังไม่วายถาม

     

    แล้วที่ทำน่ะมันจะช่วยอะไรได้

     

    ช่วยได้ก็แล้วกัน    จำไว้คืนนี้อย่าออกพ้นเส้นที่ข้าขีดล้อมไว้เป็นอันขาด   ไม่อย่างนั้นข้าไม่รับรองความปลอดภัย

     

    แล้วต้องบอกพวกนั้นด้วยหรือเปล่า ?     เด็กชายบุ้ยใบ้ไปทางทหารรักษาการณ์ที่ยืนตรวจตราอยู่ตามจุดต่าง ๆ

     

    ข้าบอกกับซาเล็มให้บอกคนงานและทหารทุกคนแล้ว   ส่วนใครจะทำตามที่ข้าบอกหรือไม่นั้นสุดแต่ใจก็แล้วกัน

     

    พวกนายฝรั่งกับคุณหนูล่ะ

     

    ค่ำมืดดึกดื่นพวกนั้นไม่มีทางออกมาเดินเพ่นพ่านแน่   จะมีก็แต่คุณหนูของเจ้านั่นแหล่ะชอบเดินสำรวจไปทั่ว  แถมดื้อไม่ฟังอะไรอีกต่างหาก     คีลนินทา

     

    แต่ไม่ต้องห่วงยังไงก็คงเดินมาไม่ถึงเขตที่ข้าขีดไว้หรอก    ชายหนุ่มบอกให้เด็กชายสบายใจมือก็ยังทำงานต่อไปเรื่อย ๆ

     

    ใกล้ค่ำแล้วเจ้ากลับเข้าไปที่เต็นท์ก่อนเถอะ   เดี๋ยวข้าตามไป     มูซายอมกลับไปก่อนตามที่คีลบอก 

      

    แสงสุดท้ายแห่งดวงตะวันลาลับไปจากขอบฟ้า   ความมืดเริ่มย่างกรายเข้ามาพร้อม ๆ กับเส้นที่ผืนทรายถูกลากมาบรรจบกันพอดีแม้ลมจะพัดแรงแต่รอยที่ถูกขีดกลับไม่จางหาย    และทันทีที่เส้นทั้งสองมาบรรจบฉับพลันแสงสีเหลืองก็สว่างวาบตามเส้นที่ขีดไว้ก่อนจะหายวับไปเพียงชั่ววินาที  รวดเร็วจนไม่มีใครทันสังเกต

     

     

     

    ยามค่ำคืนดวงจันทร์ดวงกลมโตส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า     สว่างจนสามารถมองเห็นรอบตัวได้ลางเลือนหากก็เหมือนมีความวังเวงเยียบเย็นแผ่ผสมผสานอยู่ในบรรยากาศที่แสนจะสงบสงัด    เงียบยิ่งกว่าเงียบ   ไม่มีแม้แต่เสียงลม    มีเพียงแสงไฟจากสปอตไลท์ที่ส่องให้ความสว่าง  ทุกคนต่างหลับใหลมีเพียงยามรักษาการณ์เท่านั้นที่ยืนรักษาความปลอดภัย

     

    ในความลางเลือนแห่งนวลจันทร์ดวงตาสีแดงฉานปรากฏตรงโน้น  ตรงนี้  ก่อนจะมากขึ้น   มากขึ้นจากสิบเป็นร้อย  และอาจจะถึงพัน    ดวงตาเหล่านั้นจับจ้องรายรอบที่พักของคณะสำรวจ  แต่พวกมันไม่อาจเฉียดใกล้    ด้วยเส้นที่ถูกขีดคั่นไว้     ลำตัวยาวนุ่มลื่นขยับเลื้อยไปรอบ ๆ  วนเวียนคอยหาโอกาส   

    และแล้วโอกาสก็มาถึง !  เงาทะมึนสองร่างเดินลับ ๆ ล่อๆ เหมือนกำลังจะหลบเลี่ยงออกไปโดยไม่รู้ว่าเบื้องหน้ามฤตยูกำลังคอยอยู่     เพียงทั้งคู่ก้าวเท้าพ้นอาณาเขตที่กั้นขวาง  ร่างทะมึนก็สะดุ้งเฮือก   ไม่มีแม้เสียงร้อง   มีเพียงเสียงของหนักหล่นกระทบพื้นทรายแล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง    แสงแห่งจันทราส่องกระทบร่างสองร่างที่นอนทอดเหยียดยาวแต่ปราศจากลมหายใจ!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×