ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์จันทรา มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #5 : เมื่อกงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุน

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 50


    บทที่ 5

    เมื่อกงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุน

     

    ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้าง  ผนังทั้งสี่ด้านเป็นกำแพงหินหนา      กึ่งกลางห้องปูพื้นด้วยพรมหนาจนเกือบเต็มพื้นที่ของห้อง    กองหมอนและเบาะรองนั่งวางอยู่โดยรอบ    กลิ่นกำยานอวลตลบ   เอกสารต่าง ๆ วางกระจายเกลื่อน     ท่ามกลางข้าวของเหล่านั้นมีร่างในชุดคลุมดำมิดชิดนั่งอยู่บนเบาะเอนอิงพิงหมอน     ในมือมีกระดาษปึกหนึ่งที่ผู้ถือมันกำลังไล่สายตาไปตามตัวอักษรอย่างสนใจ      บางครั้งดวงตาดำคมก็มีร่องรอยครุ่นคิด   บางครั้งผู้อ่านก็หลับตาลงเหมือนทบทวนอะไรบางอย่าง

     

    ประตูหินหนาหนักถูกเลื่อนเปิดออกด้วยกลไกพิเศษ   แสงสว่างจากภายนอกสว่างวาบเข้ามานิดหนึ่งก่อนที่ประตูหินจะปิดลง     ร่างที่ก้าวเข้ามาคุกเข่าลงแสดงความคารวะ    ก่อนจะถอยออกไปนั่งลงที่สุดผืนพรม

     

    ผู้ก้าวเข้ามาเป็นชายวัยกลางคน  หน้าเข้มเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก   เมื่อร่างในชุดดำไม่ขยับ    ชายผู้นั้นก็นั่งนิ่งรอต่อไปอย่างอดทน

     

    มีเรื่องอะไรมุตตาฟา ?     ในที่สุดร่างในชุดคลุมก็เอ่ยถามพลางวางเอกสารในมือลง

     

    หมู่บ้านรอบนอกถูกปล้นสะดมอีกแล้วครับ

     

    เสียหายแค่ไหน ?

     

    มากครับ   ทั้งบาดเจ็บล้มตาย    ทรัพย์สินที่ถูกปล้นชิง

     

    ฝ่ายรัฐบาลรู้หรือยัง ?   แล้วเพียงแค่สบสายตาร่างในชุดดำก็ตอบได้

     

    ล่าช้าอีกตามเคย

     

    หน่วยแพทย์ของเราออกปฏิบัติงานแล้วครับ   แต่ขวัญและกำลังใจของชาวบ้านสั่นคลอนเต็มที เขาไม่วางใจในความคุ้มครองที่รัฐบาลจะมีให้เขาได้

     

    รู้ไหมว่าเป็นฝีมือของฝ่ายไหน ?

     

    กระแสข่าวยังสับสน     สถานการณ์ตอนนี้มีหลายฝ่ายหลายพวกเหลือเกินครับ     ร่างในชุดดำถอนใจยาว

    จับตาดูต่อไป

     

    ครับ  ตอนนี้สายของเรารายงานว่ามีความพยายามปลุกระดมชนเผ่าต่าง ๆ และชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล    มีการสร้างสถานการณ์บั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและองค์กษัตริย์   มีข่าวลือต่าง ๆ ออกมามากมาย  ยิ่งบวกกับทหารรักษาการณ์รอบนอกใช้อำนาจตามความพอใจด้วยแล้ว  ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม    

    ไม่มีคำพูดใดจากชายชุดดำที่นั่งอยู่บนเบาะ   ผู้กล่าวรายงานมีท่าทีอึกอักลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา

     

    เอ่อ….ท่านน่าจะทูลเตือนองค์กษัตริย์

     

    เราเตือนแล้วมุตตาฟา     เตือนมาหลายครั้งแต่องค์อาซาริยัสทรงระแวงมาฮาร่า   ทรงเกรงพลังศรัทธาที่ชาวทะเลทรายและชนกลุ่มน้อยเผ่าต่าง ๆ มีให้กับมาฮาร่า   ดีไม่ดีอาจจะทรงคิดก็ได้ว่ามาฮาร่าอยู่เบื้องหลังสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

     

    อย่างนี้ยิ่งน่าหนักใจนะครับ   พวกเรามาฮาร่าผูกพันกับอัลมาฮาร์ด้วยพันธะสัญญาศักดิ์สิทธิ์    เรามีหน้าที่ปกป้องหาใช่ครอบครอง   น้ำเสียงมุตตาฟาบ่งบอกความไม่พอใจ

     

    เป็นใครก็ต้องระแวงทั้งนั้น    มาฮาร่าเผ่าพันธุ์ลึกลับผู้อยู่เบื้องหลังบัลลังก์แห่งอัลมาฮาร์     ผู้คอยบงการควบคุมองค์กษัตริย์….ใครเคยรู้ความจริงบ้างว่ามาฮาร่าเป็นได้แค่เงา   หากเมื่อใดเราปรากฏออกสู่เบื้องหน้าเราจะพบกับความวิบัติเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งกระโน้น      ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

     

    เอาเถอะถึงยังไงหน้าที่ของเราก็คือปกป้องอัลมาฮาร์     อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด   เราจะทำจนสุดความสามารถของเราก็พอแล้ว

     

    ครับ    มุตตาฟารับคำแต่เหมือนจะยังมีเรื่องกังวลอยู่ในใจ

     

    อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ

     

    ทำไมคีลจะต้องนำทางให้คณะสำรวจด้วยครับ   เส้นทางไปสู่คาเธย์ไม่ใช่เส้นทางที่ปลอดภัยเลย

     

    ก็เพราะไม่ปลอดภัย  คนที่เหมาะจะนำทางจึงต้องเป็นคีล  ให้พวกเขาอยู่ในเส้นทางที่เรากำหนดดีกว่าจะสะเปะสะปะไปโดยไม่รู้ทิศ   อีกอย่างคีลคือไกด์ทะเลทราย  จะให้เขาปฏิเสธงานปฏิเสธเงินที่ถูกเสนอให้ได้อย่างไร

     

    ผมเกรงว่า….”

     

    คีลคือคนของมาฮาร่า    เขาต้องอุทิศตนเพื่องานแห่งมาฮาร่า

     

    แต่ท่านผู้เฒ่าในสภาคงไม่เห็นด้วย

     

    เรื่องนั้นฉันจะพูดกับสภาเอง     มุตตาฟาจำต้องเงียบหมดข้อโต้แย้งแต่ยังมีท่าทีกังวลใจ

     

    เอาเถอะ   ให้อาหมัดกับคนของเขาคอยติดตามคณะสำรวจไปห่าง ๆ ก็แล้วกัน  พอใจใหม ?   

     

    ครับ   มุตตาฟาจำต้องยอมรับ   เขาก้มลงทำความเคารพแล้วถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ

     

     

     

     

     

    คณะสำรวจเส้นทางสายอารยธรรมโบราณออกเดินทางจากเมืองหลวงอัลมาฮาร์ด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่ท่าน     อับดุลลาจัดการให้มุ่งสู่เมืองบาสร่าอันเป็นเมืองใหญ่กลางทะเลทรายเพื่อจะใช้เส้นทางรถในการเดินทางเข้าสู่คาเธย์     การเดินทางในครั้งนี้ประกอบด้วยผู้ร่วมเดินทางสองกลุ่มสองจุดประสงค์     กลุ่มแรกมีฮัดซันเป็นผู้นำคณะสำรวจอารยธรรมคาเธย์    นอกจากนั้นยังมีผู้ร่วมคณะที่เป็นชาวต่างชาติอีก  4  คน  ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีตะวันออกโดยมีศาสตราจารมาร์คลิก   เคตัน   เป็นหัวหน้าทีม   และลูกศิษย์แอรอน   ฟอเรียน   และกิลด้าแหม่มสาวผมทองหุ่นอวบอัดชวนน้ำลายหก   ในส่วนของจัสมินนั้นมีผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีซาเล็มมาทำหน้าที่หัวหน้าคนงาน คีลผู้เป็นไกด์นำทางและมูซาที่ตื้อตามมาด้วยจนได้

     

    ส่วนอีกคณะที่ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วยคือเบซา  อิล ฮาหมัด   ที่มีจุดประสงค์ในการสำรวจแหล่งน้ำมันดิบในเขตคาเธย์ด้วยยังไม่มีผู้ใดเคยเข้าไปสำรวจมาก่อน    เบซาได้เตรียมคนและเครื่องมือในการสำรวจต่าง ๆ เดินทางล่วงหน้าไปเตรียมการที่บาสร่าก่อนแล้วหนึ่งสัปดาห์และเบซายังมีน้องสาวแสนสวยนามเบนดาฮาร่าติดตามมาท่องเที่ยวทะเลทรายด้วยอีกหนึ่งคน

     

    ในวันขึ้นเครื่องเด็กชายตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด    ในขณะที่คีลก็มีท่าตื่น ๆ เพราะไม่เคยนั่งเฮลิคอปเตอร์ในการนำเที่ยวมาก่อนแต่ก็ยังพอเก็บอาการไว้ได้     ระหว่างที่เฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้าง  เจ้าเด็กน้อยมูซาก็สะกิดถามคีลที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ   หลังจากที่มันอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงเพราะเมาเครื่อง

     

    มันจะตกไหม ?      มันเพิ่งกลัว

     

    ถามอะไรไม่เป็นมงคล!”      จัสมินที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินพอดีดุมัน

     

    สวดมนต์เอาไว้ซิ!”     เป็นคำแนะนำจากคนที่มูซาสะกิดถาม   คนที่นั่งหลับตาเงียบมาตั้งแต่ขึ้นเครื่องได้    ดูท่าทางแล้วจะแย่พอ ๆ กับเจ้าเด็กมูซา    จัสมินมองอย่างสมน้ำหน้า

     

    แสดงว่าที่นั่งเงียบ ๆ นี่สวดมนต์มาตลอดเลยหรือ ?    หญิงสาวถามแกมหัวเราะทำให้อีกฝ่ายมองค้อน

     

    ผมเป็นไกด์นำเที่ยวอยู่บนพื้นดิน   อยู่ในทะเลทราย   ไม่เคยคิดว่าจะต้องนั่งไอ้เครื่องหมุน ๆ นี่     ชายหนุ่มว่าก่อนจะหลับตาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ต่อไปโดยไม่สนใจใคร     จัสมินมองสภาพเจ้าเด็กน้อยแล้วอดสงสารไม่ได้จึงเดินกลับไปหยิบลูกอมหลากสีกลับมาส่งให้ถุงใหญ่

     

    อมใส่ปากไว้จะได้ไม่พูดมาก   ก่อนจะเดินกลับไปอยู่ในส่วนที่นั่งของตน

     

    สวย  ดุ  แต่ใจดีนะ    มูซาว่าพลางแกะลูกอมใส่ปาก

     

    ใจดีตรงเขาแจกท็อฟฟี่เจ้าน่ะสิ    คีลว่าประชดแต่เจ้ามูซาไม่สนใจแถมส่งลูกอมให้   คีลส่ายหน้า

     

    ข้าโตแล้ว   ไม่ต้องใช้ลูกอมล่อหลอกเหมือนเด็ก ๆ

     

    แต่ถ้ามันอร่อยก็น่ายินดีที่ถูกหลอก    มูซาว่าเลือกหยิบลูกอมหลากสีมาพิจารณาอย่างสนใจ

     

    ใครจะหลอกใครตอนนี้ก็ช่างมันเถอะ    ข้าจะหลับซักหน่อย   พอเครื่องใกล้ถึงเจ้าปลุกข้าด้วยแล้วกัน      คีลสั่งแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

     

    อ้าว!  เดี๋ยวซิ   เฮ้!   อย่าเพิ่งหลับ     เด็กชายพยายามเรียกแต่คีลไม่มีทีท่าจะตอบรับใด ๆ

     

     

     

     

    เมื่อคณะสำรวจเดินทางมาถึงบาสร่าก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากอาซามันข่าน   ผู้ตรวจการเมืองบาสร่าที่ได้จัดเตรียมขบวนรถ   อุปกรณ์ และทหารคุ้มกันที่จะร่วมเดินทางไปกับการสำรวจเส้นทางในครั้งนี้    ทุกคนในคณะต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน    คงเหลือแต่คีลที่เร่ไปสำรวจข้าวของต่าง ๆ ที่จะใช้ในการเดินทางโดยมูซาตามติดมาด้วยไม่ยอมห่าง

     

    ท่าทางเจ้าจะชำนาญการเดินทางในทะเลทรายมากนะ ?     เสียงถามดังขึ้นเบื้องหลังคีลและมูซาที่กำลังก้มๆ เงย ๆ สำรวจข้าวของต่าง ๆ อยู่

     

    อ้าว! ซาเล็ม   นึกว่าไปพักแล้วเสียอีก    คีลเงยหน้าขึ้นทัก

     

    ไกด์ทะเลทรายที่ดีจะต้องดูแลเรื่องการเดินทางให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะไปพักได้   เหมือนที่เจ้ากำลังทำอยู่ในขณะนี้

     

    ผมแค่ทำตามหน้าที่   เจ้านายกระเป๋าหนักผมก็ต้องบริการดีเป็นธรรมดา    เผื่อวันหน้าท่านติดใจจะได้เรียกใช้บริการผมอีก     ชายหนุ่มบอกแกมหัวเราะพลางหันไปสนใจกับข้าวของที่กองไว้กระจัดกระจาย  

     

     ซาเล็มมองชายหนุ่มตรงหน้ายิ้ม ๆ แต่ไม่พูดอะไร  เสเดินไปเปิดดูข้าวของ

     

    ขาดเหลืออะไรบ้างไหม ?

     

    เงินทองบันดาลทุกอย่างอยู่แล้วละ    แต่มีบางอย่างที่ผมอยากให้เพิ่มลงไปในรายการ

     

    อะไร ?     ซาเล็มหันมาถาม

     

    ผงกำมะถันจำนวนมาก    คบไฟหรือตะเกียงไฟ    เซรุ่มแก้พิษงูมากเป็นพิเศษ   ความจริงผมอยากให้ใช้อูฐแทนรถด้วยซ้ำไป

     

    เรื่องเซรุ่มข้าคิดว่าแพทย์ที่จะเดินทางไปกับเราคงเตรียมไปแล้ว   แต่กำมะถันกับคบไฟจะเอาไปทำไม    เรามีเครื่องปั่นไฟให้แสงสว่างอยู่แล้ว

     

    เรื่องเซรุ่มผมอยากให้ช่วยกำชับหมอว่าเตรียมไปมาก ๆ หน่อย    ส่วนอีกสองอย่างนั่นผมขอร้องเป็นพิเศษให้เตรียมสำรองไว้….การเดินทางด้วยรถ  อยู่ด้วยเครื่องปั่นไฟ  ใช้เซรุ่มแก้พิษ   ซาเล็มคิดว่ามันพอสำหรับการเหยียบย่างเข้าสู่โลกอารยธรรมนับพันปีนั่นแล้วหรือ

     

    เจ้าอ่อนกว่าข้าจะว่าไปแล้วก็นับเป็นรุ่นหลานได้ละมัง    ไม่น่าจะมีความคิดแบบนี้อยู่เลย    รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าชายหนุ่มคล้ายจะเยาะอะไรบางอย่าง

     

    ผมก็แค่อยากเตือนไว้     ที่ที่เราจะไปคือเขตอารยธรรมแห่งโลกโบราณ    สิ่งใดที่แปลกปลอมสิ่งนั้นจะถูกกำจัดออกไปเสมอ      ซาเล็มมองสบตาผู้พูดนิ่งนาน

     

    ไหนเจ้าว่าไม่เคยเข้าไปในคาเธย์     ชายหนุ่มยักไหล่

     

    ไกด์ทะเลทรายอย่างผมเข้าไปในที่แบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว    เพียงแต่ตำนาน   ความเชื่อ   นิทานปรัมปราก็เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้ามไม่ใช่หรือ ?    คีลย้อนถามหน้าตาเฉย

     

    เจ้าเหมาะจะเป็นไกด์จริง ๆ นั่นแหล่ะ   เอาเถอะข้าจะเสนอท่านฮัดซันให้ก็แล้วกัน

     

    เสนอคุณหนูของซาเล็มดีกว่า   ท่านฮัดซันคงฟังมากกว่าเสียงของพวกเราแน่     ชายหนุ่มบอกแกมหัวเราะพลางพยักหน้าเรียกมูซาให้ไปด้วยกัน  แต่เหมือนนึกอะไรได้จึงชะงักหันกลับมา

     

    อ้อ!   ทางที่ดีซาเล็มอย่าบอกคุณหนูของซาเล็มว่าผมเป็นคนเสนอ    ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกมองว่าไร้สาระก็ได้นะ    คำบอกพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะ

     

    คนทั้งคู่เดินจากไปแล้ว  ทิ้งให้ผู้เฒ่าซาเล็มมองตามไปอย่างครุ่นคิด

     

     

     

     

    ขบวนรถเกือบสิบคันจอดเรียงราย    เป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับใช้แล่นในทะเลทรายโดยเฉพาะ    กลุ่มคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ภายในอาคาร  จากสีหน้าท่าทางออกจะหงุดหงิดที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทัดเทียมกับดีกรีความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ที่ขึ้นสูง   คณะสำรวจกำลังรอคอยบุคคลคนเดียวในคณะ ไกด์   ผู้ทำหน้าที่นำทางที่หายไปตั้งแต่เช้า   และเมื่อหันไปเห็นผู้เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนทั้งหมดต้องรอฮัดซันก็ตรงลิ่วเข้าไปเล่นงานทันที

     

    แกหายหัวไปไหนมา    ก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเราจะออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า   แล้วดูซินี่มันกี่โมงแล้วเพิ่งโผล่หัวมา  ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน!”

     

    นั่นซิ   ใช้ไม่ได้   ไล่ออกแล้วหาใหม่ดีกว่าค่ะ  ไกด์ที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้    เบนดาฮาร่ารีบสนับสนุน

     

    ถามเหตุผลเขาก่อนดีกว่าค่ะ      จัสมินเอ่ยแทรกขึ้น แม้จะไม่พอใจที่ต้องรอคอยแต่ก็พยายามที่จะใจเย็น

    นายไปไหนมา ?      คีลถอนใจเฮือกพลางบอกด้วยน้ำเสียงแกมเหนื่อยหน่าย

     

    ผมไปหาตัวยาสมุนไพรบางชนิด    กว่าจะได้ครบก็เลยนานไปหน่อย

     

    พวกยาต่าง ๆ หมอที่ร่วมเดินทางไปกับคณะของเราเขาเตรียมไปพร้อมแล้ว   นายจะเอาไปทำไมอีก   

     

    จัสมินชักจะหมั่นไส้นายคนมาช้าทำให้คนอื่นต้องรอแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกผิด

     

    เดี๋ยวก็รู้    คีลยิ้มกวนโมโห     ฮัดซันเองก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้าไกด์คนนี้เลย    แต่ติดที่ทางท่านอับดุลลาเป็นคนหาให้จึงจำต้องรับไว้

     

    ผมว่านี่ก็สายมากแล้วเราออกเดินทางกันดีกว่าครับ    ซาเล็มช่วยคลี่คลายบรรยากาศ   ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปขึ้นรถ    คีลหันมามองมูซาที่วิ่งมาเกาะมือเขาไว้ตั้งแต่เขาย่างก้าวเข้ามา     แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีใครเห็นว่าเจ้าเด็กตัวแสบหลบไปอยู่ที่ไหนมา     มือที่เหนี่ยวรั้งแขนคีลไว้เย็นเฉียบจนชายหนุ่มต้องก้มลงมอง     เด็กชายแหงนหน้ามองอยู่ก่อนแล้วแววตาออกจะสับสนทั้งหวาดหวั่นและโกรธแค้น

     

    เป็นอะไร ?    คีลก้มลงถามมัน

     

    มัน….มันอยู่ที่นั่น!   มันฆ่าพ่อ   ฆ่าแม่       เด็กชายเค้นเสียงต่ำอยู่ในลำคอ   สายตาหันไปมองจับอยู่ที่รถคันหน้าที่เป็นของทหาร     ชายวัยฉกรรจ์ร่างสูงผิวคล้ำไว้หนวดยาวในเครื่องแบบทหารทะเลทรายกำลังก้าวขึ้นนั่งบนรถ

     

    ไอ้ยูซูส    มันจะไปกับเราด้วย   เด็กชายบอก     คีลตบหลังมือมันเป็นเชิงปลอบ

     

    ใจเย็นไอ้หนู    เก็บความแค้นของเจ้าไว้แล้วเรามาคอยดูด้วยกัน   กงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุนแล้ว     เด็กชายมองคีลอย่างไม่เข้าใจ

     

    คาเธย์คือนครต้องคำสาป  ผู้โลภโมโทสะ   ผู้ทยานอยากไม่เคยมีใครกลับออกมาจากคาเธย์ได้

     

    มันจะไม่ได้กลับมาอีกใช่ไหม ?    มูซาถามเสียงเบา    รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมเกินเด็ก    คีลไม่ตอบเพราะเสียงแตรรถที่บีบเร่งเร้า

     

    ไปเถอะ   มุ่งสู่คาเธย์นครแห่งมายา    ชายหนุ่มบอกแล้ววิ่งตรงไปขึ้นรถคันที่สองที่สตาร์ทเครื่องรอโดยมีเจ้ามูซาวิ่งตามไปด้วย    ขบวนรถเคลื่อนตัวเริ่มต้นการเดินทางสู่คาเธย์

     

    เบื้องบนท้องฟ้าที่เริงร้อนไปด้วยกระไอแดด  หากใครสักคนแหงนมองขึ้นไปจะเห็นกลุ่มเมฆทะมึนค่อยๆ รวมตัวกันเป็นโครงร่างของหญิงสาวกำลังหัวเราะอย่างเริงร่า    ฝุ่นทรายที่ฟุ้งตลบจากขบวนรถเริ่มจางลงทำให้เห็นกลุ่มคนในชุดดำนับสิบคนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ     บุคคลผู้อยู่ภายใต้ผ้าคลุมผู้หนึ่งมองตามขบวนรถก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางถอนใจยาว   เสียงบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างกังวล

     

    กงล้อแห่งโชคชะตา  หมุนเวียนใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว   บุคคลผู้นั้นให้สัญญาณ  ผู้ที่อยู่บนหลังอูฐทุกคนเริ่มออกเดินทางติดตามคณะสำรวจไปห่าง ๆ

             

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×