ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์จันทรา มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #4 : ไกด์ทะเลทราย

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 50


    บทที่ 4

    ไกด์ทะเลทราย

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงสง่า  หน้าตาคมเข้มในชุดคลุมยาวสีขาวสะอาดตา    ลุกขึ้นยืนต้อนรับท่านอับดลลาที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงรับรอง    ชายหนุ่มผู้นั้นก้มศีรษะลงทำความคารวะก่อนตามธรรมเนียม

     

    ตามสบายฮัดซัน  เชิญ  เชิญ   เจ้าของบ้านกล่าวเชิญก่อนจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

     

    มีธุระอะไรถึงได้มาหาถึงที่นี่ ?

     

    ผมแวะมาเยี่ยมเยียนคารวะครับและมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่าน     ชายหนุ่มผู้มีนามว่าฮัดซันตอบอย่างนอบน้อม

     

    มีเรื่องอะไรล่ะ   บอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ

     

    เรื่องคณะสำรวจที่จะเดินทางไปคาเธย์น่ะครับ    ผมดำเนินการติดต่อไว้เรียบร้อยแล้ว   แต่ติดขัดที่ยังไม่สามารถหาไกด์นำทางที่มีความชำนาญในเส้นทางสายคาเธย์เลย   ผมคิดว่าควรมาเรียนขอปรึกษากับท่าน    ฮัดซันบอกถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้   ผู้มากวัยกว่ายังนิ่งรอฟังต่อไป

     

    ท่านกว้างขวางในหมู่ชาวทะเลทรายเผ่าต่าง ๆ  รวมถึงพวกเบดูอิน   พอจะมีใครที่มีความสามารถแนะนำบ้างได้ไหมครับ

     

    คนนำทางที่เก่ง ๆ ก็พอจะมีหรอกนะ   แต่ถ้าให้หาคนที่ชำนาญในเส้นทางสายคาเธย์ด้วยคงยากเต็มที    ยิ่งเดี๋ยวนี้กองคาราวานแทบจะไม่กล้าผ่านแถวนั้น     คนที่พอจะรู้เส้นทางก็ล้วนแต่อายุมากแล้วทั้งนั้น

     

    ก็ยังดีกว่าเรางมไปโดยไม่รู้จุดมุ่งหมายเลยนะครับ

     

    เอาเถอะจะลองหาให้   เออ  แล้วคณะสำรวจคราวนี้มีล่ามประจำคณะหรือยัง ?    ท่านอับดุลลาลองเรียบเคียง

    ผมลืมเสียสนิทเลยครับ    ถ้าท่านไม่เตือนคงยุ่งแน่

     

    งั้นจะเสนอล่ามประจำคณะให้เอาไหม

     

    ดีซิครับ

     

    จะลองสัมภาษณ์ดูก่อนไหมล่ะ ?      ท่านอับดุลลาถามยิ้ม ๆ

     

    ตอนนี้อยู่ที่นี่แล้วหรือครับ    ฮัดซันถามอย่างประหลาดใจ

     

    เดี๋ยวก็คงมา  นั่นไงล่ะ     ชายหนุ่มหันไปมองตามสายตาท่านอับดุลลา   ภาพที่เห็นกลางขอบประตูโค้งและผ้าม่านที่รวบตลบไว้   หญิงสาวนางหนึ่งก้าวออกมาในชุดติดกันยาวสีน้ำตาลแกมทองชายกระโปรงยาวละพื้น  ผ้าคลุมผมสีขาวบางเบาพาดพันไว้หลวม ๆ ทิ้งชายไปทางเบื้องหลัง    ฮัดซันถึงกับตะลึงค้างไปชั่วครู่

     

    จัสมีนา  อาร์ ซาเวียร์   ลูกสาว   เพิ่งกลับจากอังกฤษ   เขาจบมาทางด้านภาษาและวรรณคดี    จัสมิน   นี่ท่านฮัดซัน  หนึ่งในคณะมนตรีที่ปรึกษา

     

    หญิงสาวเจ้าของนามจัสมินน้อมศีรษะลงแสดงอาการคารวะ     ฝ่ายชายลุกขึ้นยืนก้มศีรษะเป็นการให้เกียตริฝ่ายหญิง

     

    ได้ทราบอยู่เหมือนกันว่าธิดาท่านอับดุลลาเพิ่งเดินทางกลับจากอังกฤษ    ท่านอับดุลลายิ้มกับกริยาสนใจในตัวบุตรสาวของท่านอย่างเห็นได้ชัดของฝ่ายชาย

     

    เป็นไง  จะลองสัมภาษณ์ความสามารถดูก่อนไหม ?

     

    ถ้าแบบนี้คงไม่ต้องแล้วละครับ

     

    พอได้ยินว่ามีการสำรวจเส้นทางอารยธรรมโบราณ   ลูกสาวเขาก็สนใจ

     

    คุณจัสมินไม่กลัวลำบากหรือครับ    เส้นทางแถบนั้นกันดารมาก     ฮัดซันหันมาถามหญิงสาวโดยตรง     จัสมินยิ้ม   พลางตอบ

     

    ดิฉันสนใจอารยธรรมโบราณค่ะ    ฝันอยากเห็นการสำรวจแบบนี้มานานแล้วก็ไม่คิดว่ามันจะลำบากอะไรนัก   ท่านฮัดซันจะกรุณารับดิฉันไว้หรือเปล่าคะ

     

    คุณต่างหากครับที่กรุณามาเป็นล่ามให้กับคณะสำรวจ   เป็นเกียตริอย่างยิ่งเลยมากกว่า   แล้วก็ไม่ต้องเรียกผมว่าท่านหรอกครับ    ชายหนุ่มรีบบอก

     

    งั้นก็ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกันค่ะ     หญิงสาวยิ้มหวาน

     

    ยินดีเช่นกันครับ    แล้วการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้  และเรื่องอื่น ๆ ก็ดำเนินไปจนเกือบค่ำ    เจ้าของบ้านจึงเชื้อเชิญให้ผู้เป็นแขกอยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน   ซึ่งฝ่ายผู้เป็นแขกก็เต็มใจตอบรับเป็นอย่างยิ่ง

     

     

     

    ไฟท้ายรถติดตามคันสุดท้ายแล่นออกไปจากคฤหาสน์หลังงาม    ท่านอับดุลลาและบุตรสาวยังยืนอยู่ที่บันไดขั้นบนสุด

     

    คุณฮัดซันนี่คุยสนุกดีนะคะ    มีความรู้กว้างขวางเสียด้วย     จัสมินเอ่ยชมพลางคล้องแขนผู้เป็นบิดาพากันเดินกลับเข้าข้างใน

     

    เขาเป็นคนเก่ง   ก็เพราะความเก่งของเขานั่นแหล่ะถึงได้รับตำแหน่งสูงตั้งแต่อายุเพียงแค่นี้     ว่าแต่ลูกเถอะคิดยังไงกบฮัดซัน    เห็นยิ้มหว่านเสน่ห์ให้เสียขนาดนั้น

     

    แหม!  ท่านพ่อ    ลูกก็ยิ้มแบบปกติทั่วไปนั่นแหล่ะค่ะ   ไม่ได้ตั้งใจหว่านเสน่ห์อย่างที่ท่านพ่อกล่าวหาเสียหน่อย    ลูกต้องร่วมงานร่วมทางไปกับพวกเขาก็ต้องทำความรู้จักคุ้นเคยกันไว้ซิคะ

     

    แต่รู้สึกฮัดซันเขาจะสนใจลูกมากกว่าเพื่อนร่วมงานนะ     ท่านอับดุลลาอ่านสายตาผู้ชายด้วยกันออก

     

    ลูกสนใจแค่เรื่องงานค่ะ    เรื่องอื่นยังไม่อยากคิด   ต้องขอบคุณท่านพ่อมากเลยค่ะที่ทำให้ลูกได้เดินทางไปกับคณะสำรวจ

     

    เจ้าน่ะดีใจที่ได้ไปเที่ยว   แต่พ่อชักจะหนักใจ

     

    หนักใจเรื่องอะไรคะ ?

     

    เรื่องความปลอดภัยของลูกอย่างหนึ่งละ    อีกเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เลยก็เรื่องเจ้าพวกคณะสำรวจพวกนั้นจะไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานนักหรอก  ท่านอับดุลลาเว้นระยะไปนิดหนึ่ง  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอย่างจะถาม

     

    ก็เพราะมัวแต่มาหลงเสน่ห์ของลูกสาวพ่อกันหมดนี่แหล่ะ     ท่านอับดุลลาว่าแกมหัวเราะ

     

    แหม!  ท่านพ่อนี่ละก้อ     ผู้เป็นบิดาโยกศีรษะบุตรสาวอย่างเอ็นดูพากันเดินกลับเข้าไปในเขตที่พักด้านใน

     

     

     

    เด็กชายในสภาพที่ดูดีกว่าเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนั่งท้าวคางแอบหลบอยู่ข้างประตูไม้เก่าโทรม    ท่าทางเบื่อหน่ายไม่สนใจใคร ๆ ที่เดินผ่านไปมา    แม้กระทั่งชายหนุ่มในชุดคลุมรุ่มร่ามสีทรายเก่า ๆ ที่เดินเข้ามาหยุดข้าง ๆ มันก็ไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นดู      เมื่อเห็นว่าเด็กชายไม่สนใจร่างสูงจึงเปิดประตูไม้เดินผ่านเข้าไปภายในโดยไม่สนใจกับเจ้าคนที่นั่งหลบอยู่ด้านนอก

     

    อ้าว!  มาแล้วหรือวะ   หายหัวไปนานเลยนะเอ็ง   นี่เงินหมดแล้วสิท่าถึงโผล่หัวมาได้     ชายร่างอ้วนผิวคล้ำเอ่ยทักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าใครเปิดประตูเข้ามา

     

    ก็งั้นแหล่ะ    แล้วเป็นไงบ้าง    ช่วงนี้มีงานหรือเปล่า ?    ชายหนุ่มถามพลางนั่งลงบนโต๊ะรก ๆ แถวนั้น    ชายเจ้าของห้องส่ายหน้าไปมาพลางบอก

     

    ถ้ารอแกบริษัทข้าก็เจ๊งเท่านั้น    ใครเขาจะรอคนที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะโผล่หัวมา    

     

    เอาน่าก็มาแล้วไง    ไม่มีทัวส์ซักคณะบ้างเหรอ ?     ชายหนุ่มรีบถามก่อนจะต้องฟังคำบ่นยืดยาวจากเจ้าของบริษัททัวส์กระป๋องรายนี้     ดวงตาดำคมเป็นประกายรื่นรมย์

     

    ไม่มี    ผู้ฟังยักไหล่แล้วทำท่าจะผละไป

     

    เดี๋ยวก่อน!”   ชายเจ้าของบริษัทเรียกไว้    ร่างสูงหันมาเลิกคิ้วถาม

     

    เมื่อ 4 -5  วันก่อนมีคนมาตามหาแก    เขาทิ้งนามบัตรไว้   ให้ไปหาเขาตามที่อยู่ในบัตร

     

    เขามีธุระอะไรบอกหรือเปล่า    ชายหนุ่มรับนามบัตรมาพลิกดู

     

    เห็นว่าต้องการไกด์เดินทางไปคาเธย์นะ   เขาต้องการคนที่รู้เส้นทางและมีความชำนาญ   รู้สึกว่าเขาจะติดต่อกับบริษัททัวส์อีกหลายบริษัท   คงจะเลือกดูว่าใครจะเก่งกว่ากันมั๊ง    นี่ก็หลายวันแล้วอาจได้คนแล้วก็ได้

     

    ชายหนุ่มผู้ฟังพลิกนามบัตรดูอย่างพิจารณา

     

    ทำไมเขาถึงสนใจฉันล่ะ    ฉันก็แค่ไกด์ผีบริษัทเล็ก ๆ ไม่เคยผ่านการอบรมอะไร

     

    เขาอาจจะสนใจเรื่องที่แกเที่ยวไปคุยกับใคร ๆ เขาว่าทุกพื้นที่ในทะเลทรายแกรู้จักหมด   หลับตาเดินยังไม่หลง    หรือไม่เขาอาจเคยได้ยินเรื่องที่แกเที่ยวโอ้อวดว่าเป็นผู้นำทางแห่งอะไรนะ   มาฮาร่งมาฮาร่าอะไรของแกน่ะ  เขาก็เลยสนใจ    ชายร่างอ้วนบอกแกมประชด

     

    ท่าทางถ้าได้งานนี้คงสบายไปอีกนาน    เจ้าหนุ่มไม่สนใจอะไร   ท่าทางกำลังฝันหวานอยู่

    ป่านนี้เขาได้คนแล้วมั้ง    ตั้งหลายวันแล้วนี่

     

    ไม่แน่หรอกน่า   ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่ที่ดวงด้วย    ขอบใจสำหรับนามบัตร     ชายหนุ่มบอกแล้วก้าวออกจากบริษัท  

     

    เด็กชายที่นั่งแอบอยู่ข้างประตูเงยหน้าขึ้นมาทันเห็นหลังไว ๆ   จึงรีบวิ่งไล่ตามพลางเรียกร้องอย่างดีใจ

    คีล! คีล!    หยุดก่อนคีล     เด็กชายหอบแฮกวิ่งตามมาดักหน้า

     

    เจ้านั่นเอง   มีอะไรอีก ?

     

    ข้ามาดักรอเจ้าที่นี่ทุกวันเลย

     

    ใครบอกเจ้าล่ะ ?      ชายหนุ่มเริ่มออกเดิน    เด็กชายจึงเดินตามพลางบอก

     

    ก็ถามจากพวกที่พายายข้าไปส่งโรงพยาบาลน่ะ    เขาบอกว่าเจ้าทำงานอยู่ที่นี่

     

    ยายเจ้าหายดีแล้วหรือ ?

     

    ฮื่อ    หายแล้ว   ตอนนี้ข้ากับยายได้ที่อยู่ใหม่แล้วด้วย    คนที่โรงพยาบาลเขาฝากให้เป็นคนครัวที่บ้านเศรษฐีในเมืองนั่นแหล่ะ    เด็กชายเล่า

     

    แล้วมาดักรอข้าทำไมกัน ?

     

    ข้าอยากมาขอบใจเรื่องที่เจ้าช่วยเหลือยายน่ะ 

     

    ไม่เป็นไร      คีลไม่ค่อยใส่ใจนัก   เดินเลี้ยวพ้นตรอกที่ออกจะคับแคบสู่ถนนสายหลักอันกว้างขวางของเมืองหลวง   ตึกรามบ้านช่องตั้งตระหง่านสวยงาม  รถราแล่นกันขวักไขว่เพราะขณะนี้สายมากแล้ว   สถานที่ต่าง ๆ ในอัลมาฮาร์เปิดให้บริการแล้ว   ผู้คนในอาภรณ์สวยงามทั้งชาวอัลมาฮาร์และชาวต่างชาติเข้าออกตามร้านรวงต่าง ๆ

     

    เจ้าเป็นไกด์นำเที่ยวเหรอ ?      เด็กชายเอ่ยถามอย่างสนใจ

     

    ดีจังนะ  ได้ไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ น่าสนุก

     

    ทำเพราะความสนุกกับทำเพื่อหาเลี้ยงปากท้องมันไม่เหมือนกันหรอกเจ้าเด็กน้อย

     

    ห้ามเรียกข้าว่าเด็กน้อยนะ!”    มันว่าอย่างไม่ค่อยชอบใจ   ข้าโตแล้วไม่ใช่เด็ก

     

    อ้อเหรอ    ตัวกะเปี๊ยกเนี่ยนะโต   เฮ้อ!  เด็กน้อเด็ก

     

    ข้าไม่ใช่เด็ก!”     มันทำท่าจะเอาเรื่อง    แต่คิดหัวเราะขำ

     

    ได้ ๆ ไม่ใช่เด็กงั้นท่านมูซาขอรับมีอะไรก็ไปทำเถอะครับ   กระผมจะไปหางานของกระผมทำเหมือนกัน

     

    ข้าไปด้วยซิ     เด็กชายเสนอตัวอย่างกระตือรือร้น  แต่ถูกปฏิเสธทันควัน

     

    ไม่ได้   จะไปทำไม

     

    น่า   ให้ข้าไปด้วยเถอะ  ข้าอยากรู้นี่ว่าไกด์นำเที่ยวเขาเป็นกันยังไง     เจ้าเด็กมูซาตื้อที่จะตามไปด้วย   คีลไม่ได้ตอบรับแต่ก็ม่ได้ห้ามปราม    พอเดินเงียบ ๆ มาได้ซักครู่มันก็อดปากถามไม่ได้

     

    เจ้าเป็นผู้นำทางแห่งมาฮาร่าเหรอ ?

     

    ก็ใช่สิ

     

    แล้วมาฮาร่าคืออะไร ?    เด็กชายซักอย่างสนใจ

     

    พ่อมด  หมอผี   ผู้มีเวทมนตร์อาคม

     

    โอ้โห!   งั้นพ่อกับแม่ของข้าก็เป็นพวกมีเวทมนตร์ใช่ไหม!  แล้วข้าล่ะข้าก็มีด้วยหรือเปล่า    มูซาซักอย่างตื่นเต้น

    ไม่    มาฮาร่าไม่ใช่ผู้ใช้อาคมโดยทั่วไป   มนตร์แห่งมาฮาร่าอยู่ในขั้นสูงกว่านั้น   เชื้อสายแห่งมาฮาร่าจะส่งต่อกันไปตามสายเลือด    พ่อแม่ของเจ้าเป็นเพียงผู้สาบานตนต่อมาฮาร่าเท่านั้น

     

    แล้วมันคืออะไรล่ะ ?    เด็กชายมีท่าทางผิดหวัง

     

    ผู้สาบานตนต่อมาฮาร่าคือผู้ที่ปฏิญาณต่อมาฮาร่าว่าจะศรัทธาและรับใช้มาฮาร่า….แต่ถึงจะไม่มีเชื้อสายก็อาจใช้มนตราได้ถ้าเจ้าจงรักภักดีและศรัทธาในมาฮาร่าอย่างจริงใจและสุจริต

     

    ใช้ฆ่าคนได้ไหม ?    มูซาถามเสียงเบา

     

    ได้….แต่การฆ่าของมาฮาร่าต้องมาจากจิตที่ไม่อคติ  ไม่อาฆาตพยาบาท   คำพูดของคีลเด็กชายไม่เข้าใจนัก

    ฆ่าด้วยความชอบธรรม

     

    ไม่เห็นจะเข้าใจ     มูซาบ่นพึมพำแต่ก็ยังถามในสิ่งที่สงสัยต่อไป

     

    แล้วทำไมข้าไม่เห็นมีใครพูดถึงมาฮาร่าเลยล่ะ

     

    มูซา  มาฮาร่าหายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของทะเลทรายแห่งนี้นับพันปีมาแล้ว  มาฮาร่าไม่มีตัวตนอยู่ในสังคมนี้หรอกนะ

     

    งั้นก็หมายความว่าไม่มีใครรู้เรื่องมาฮาร่า   และข้าต้องเก็บเป็นความลับใช่ไหม    เด็กชายถามอย่างฉลาด

     

    เจ้าจะพูดหรือไม่พูดมันก็อยู่ที่เจ้าจริงไหม    สำคัญแต่ว่าเมื่อพูดแล้วจะมีใครเชื่อหรือไม่

     

    แล้วทำไมเจ้าเที่ยวป่าวประกาศให้ใครๆ รู้ละว่าเป็นผู้นำทางแห่งมาฮาร่า ?    

     

    บางครั้งการที่เราพูดความจริง    แต่คนกลับไม่ยอมเชื่อเราก็มีนะ     คีลหัวเราะ

     

    คนเดี๋ยวนี้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น   สัมผัส  และพิสูจน์ได้แล้วเท่านั้น    สิ่งที่เป็นเพียงตำนานนิทานปรัมปราอย่างมาฮาร่าไม่มีใครสนใจหรอก

     

    ทำไมต้องทำเหมือนมาฮาร่าไม่มีตัวตนอยู่ล่ะ

     

    เพราะมาฮาร่าคือเงา  เป็นเพียงภาพมายาที่ไม่อาจสัมผัสได้     มูซาทำหน้างุนงงไม่เข้าใจที่คีลพูด

     

    ไว้เจ้าโตกว่านี้  ข้าอาจจะอธิบายให้ฟัง  ถ้าเจ้าคือผู้สาบานตนต่อมาฮาร่านะ     คีลบอกแกมหัวเราะ  เขาพูดทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปยังอาคารสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านธุรกิจ 

     

    การแต่งกายที่สกปรกมอมแมมของคนทั้งคู่ทำให้ถูก รปภ.กันไว้ไม่ยอมให้เข้าไปภายในตัวตึก    แม้ชายหนุ่มจะบอกเหตุผลในการมาพร้อมทั้งส่งนามบัตรผู้ที่มาติดต่อให้แล้วก็ตาม    ทั้งคู่ถูกกันให้นั่งรออยู่ในห้องเล็ก ๆ ข้างตึกที่ทำการ    ผ่านไปเป็นชั่วโมงทั้งคู่จึงถูกพาตัวไปยังห้องรับแขกอันกว้างขวางโอ่โถง    ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม    

     

    มูซาแหงนมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ    ลืมเรื่องที่โกรธเกรี้ยวเมื่อครู่เนื่องจากต้องรอนานนับชั่วโมง    ตอนนั้นเด็กชายร่ำ ๆ จะกลับเสียให้ได้

     

     

     

    ท่านอับดุลลาพิจารณาชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้า   สายตาคมกริบสำรวจตรวจตราอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่ชายหนุ่มและเด็กชายก้าวเข้ามาในห้อง    จัสมินเองก็เพ่งมองชายหนุ่มอย่างคลับคล้ายคลับคลาก่อนจะจำได้

     

    นายนั่นเอง!”    คำอุทานของบุตรสาวทำให้ท่านอับดุลลาหันไปมองอย่างสงสัย

     

    นายนี่ไงคะที่ช่วยเอากระเป๋าคืนให้แล้วก็ปล่อยเจ้าหัวขโมยไปด้วย    รู้สึกเจ้าหัวขโมยนั่นจะเป็นเด็ก    หญิงสาวบอกสายตาจับจ้องไปทางมูซาอย่างระแวงปนสงสัย    มูซาซุกแอบหลังคีลกลัวความผิด

     

    หรือว่านายสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหัวขโมย ?

     

    แหม    ทำคุณบูชาโทษ  หาคุกให้แล้วไหมล่ะ      เสียงบ่นพึมพำค่อย ๆ

     

    ก็จริงนี่    นายช่วยฉันเพราะเล็งเห็นประโยชน์ใช่ไหมล่ะ

     

    เพ้อเจ้อเกินไปหรือเปล่า    ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณมีผลประโยชน์อะไรให้    เรื่องมันบังเอิญทั้งนั้น       ชายหนุ่มเถียง

    เอาละ ๆ หยุดเถียงกันได้แล้ว      ท่านอับดุลลาต้องรีบห้ามกลัวเรื่องจะบานปลาย   ทำให้คีลสงบปากสงบคำลง

     

    เรื่องที่เธอช่วยลูกสาวฉัน    ฉันขอบใจมาก   ที่นี้มาเข้าเรื่องที่เธอมาหาฉันที่นี่ดีกว่า   เธอชื่อคีลมีอาชีพเป็นไกด์ทะเลทราย ?

    ท่านก็ทราบแล้วนี่ครับ   ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกผมมาพบ      คีลตอบอย่างนอบน้อม

     

    ความจริงฉันเรียกพบเมื่อหลายวันก่อนนะ

     

    แหม    ถ้าอย่างนั้นถือว่าผมมาช้า   ท่านคงไม่ต้องการเรียกใช้บริการของผม   งั้นลาละครับ    คีลกล่าวแล้วทำท่าจะเดินจากไปแต่ถูกคนของท่านอับดุลลาขวางไว้

     

    มาคุยกันก่อนดีกว่านะ    อย่าเพิ่งรีบร้อนกลับเลย   เชิญนั่ง      ชายหนุ่มจำต้องทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยมีมูซาเกาะแจไม่ยอมห่าง

     

    ฉันมีเรื่องจะถามจากเธอนิดหน่อย    ถ้าคำตอบของเธอเป็นที่พอใจ    เธอก็ได้งาน

     

    งั้นถามมาได้เลยครับ     คีลมีท่าทีกระตือรือร้นที่จะให้คำตอบขึ้นมาทันที

     

    เธอรู้จักทะเลทรายมากแค่ไหน ?

     

    ผมโตมากับทะเลทรายครับ    ใช้ชีวิตและหากินกับทะเลทราย

     

    ลูกว่าเขาโกหก     ผิวพรรณนายนี่ขาวเกินกว่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลทรายแบบนั้น      จัสมินค้าน   เธอจับสังเกตทุกอย่างจากตัวชายหนุ่ม

     

    แหม    ก็เผ่าพันธุ์บรรพบุรุษผมไม่ใช่คนดำ   แล้วจะให้ผมผิวดำได้ยังไงกันล่ะ     อีกอย่างผมก็กลัวร้อนเป็นนะครับ    ป้องกันได้ผมก็ป้องกัน   จะมาหาว่าผมโกหกได้ยังไง     หญิงสาวขยับจะเถียงแต่ท่านอับดุลลารีบถามเสียก่อน

     

    มีคนบอกว่าเธออ้างเป็นผู้นำทางแห่งมาฮาร่า     เธอรู้หรือเปล่าว่ามาฮาร่าคืออะไร ?

     

    มาฮาร่าก็เป็นพวกเผ่าพันธุ์ที่ถูกกล่าวถึงในตำนาน  พวกพ่อมดหมอผี   แต่บางคนก็ว่าคนพวกนี้หายสาบสูญไปนานแล้ว    ในปัจจุบันนี้ก็มีแต่พวกประหลาดที่ยังยึดถือความเชื่อและการดำเนินชีวิตแบบเก่า ๆ ที่เรียกตัวเองว่าผู้ศรัทธาในมาฮาร่าเท่านั้น    พวกนี้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านรอบนอกห่างไกลจากชาวทะเลทรายเผ่าอื่น ๆ  ส่วนใหญ่จะตั้งหลักแหล่งอยู่โดยรอบอาณาเขตคาเธย์พวกเขาไม่ต้อนรับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก   ผมเคยไปแถวนั้นหลายครั้งครับ

     

    เธอไปทำอะไรแถวนั้น   เส้นทางที่พูดถึงนั่นไม่ใช่เส้นทางที่ไกด์ทะเลทรายควรจะไป   ท่านอับดุลลาตั้งข้อสังเกต

    ตอนแรกผมไปกับกองคาราวานแล้วบังเอิญเจอพายุทรายก็เลยเซซังไปเจอกับหมู่บ้านพวกนั้นเข้า    ตอนหลัง ๆ ผมก็เลยหาสินค้าที่จำเป็นบางอย่างจากในเมืองไปเสนอขายพวกเขา  แล้วก็รับสินค้าจากหมู่บ้านมาขายหารายได้บ้างก็เท่านั้น 

     

    แล้วรู้ได้ยังไงว่าพวกนั้นคือผู้ศรัทธาในมาฮาร่า      จัสมินถามในข้อสงสัย    คีลยิ้มตอบได้คล่องปากไม่มีพิรุธใด ๆ

    ก็เขาบอกผมเอง    เขาเรียกตัวเองว่าผู้ศรัทธาในมาฮาร่า

     

    พวกเขาเป็นอย่างไร ?

     

    ก็เหมือน ๆ กับพวกชาวทะเลทรายทั่วไปแหล่ะครับ    ตามหมู่บ้านชาวทะเลทรายเป็นยังไงพวกเขาก็เป็นอย่างนั้น

    เธอเคยไปถึงซากนครคาเธย์ไหม ?    คำถามยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ

     

    ไม่เคยครับ    รู้แต่ว่าพวกในหมู่บ้านกลัวอาถรรพ์จากนครคาเธย์มาก

     

    ทำไมถึงเรียกตัวเองว่าผู้นำทางแห่งมาฮาร่า

     

    ก็มันฟังแล้วมันดูดีไงครับ   ใครฟังต้องสะดุดหูทั้งนั้น   แล้วทีนี้เขาก็ต้องสนใจอยากใช้บริการผม   

     

    คีลยอมรับได้หน้าตาเฉย     ท่านอับดุลลามองชายหนุ่มผู้ตอบคำถามด้วยความสนใจ  แววตาคมกริบนั้นบอกความถูกใจ

    งั้นเหรอ    ถ้าฉันจ้างให้เธอนำทางไปคาเธย์   จะทำได้ไหม ?

     

    โอ๊ย!   ต้องได้อยู่แล้วครับผม    งานเดินเงินดีเป็นหลักการของผมอยู่แล้ว     คำตอบนี้ทำเอาท่านอับดุลลาหัวเราะชอบใจ

     

    ดี  พูดตรงดี    เอาเป็นว่าฉันถูกใจเธอ    อีกสามวันมาพบฉันที่นี่  เราจะเริ่มงานด้วยกัน    ตอนนี้กลับไปเตรียมตัวของเธอให้พร้อมสำหรับงาน    จำไว้!  ฉันไม่ชอบคนโกหก   ถ้าทำไม่ได้หรือไม่แน่ใจก็ถอนตัวออกไปซะ   งานของฉันต้องการคนที่รู้จริงเท่านั้น      ท่านอับดุลลาบอกแม้ใบหน้าจะยังยิ้มแต่กระแสเสียงจริงจัง   สายตามองตรงมาที่ชายหนุ่ม    คีลมองสบตายังยิ้มได้เป็นปกติแถมเอ่ยคำรับรอง

     

    แน่นอนครับผม

     

    ดี!  งั้นเธอก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว      ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทำความเคารพท่านอับดุลลา   แล้วเลยส่งยิ้มไปทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง   ก่อนจะเดินเอ้อระเหยออกไป   มีเด็กชายสกปรกมอมแมมเกาะแขนตามไปด้วยไม่ยอมห่าง    พอลับร่างของคนทั้งคู่จัสมินก็เอ่ยถามอย่างไม่เห็นด้วย

     

    ท่านพ่อแน่ใจหรือคะว่านายนั่นไม่ได้โกหก ?

     

    เท่าที่สัมภาษณ์มาทั้งหมดมีเจ้านี่แหล่ะที่พ่อรู้สึกว่าเขาสามารถนำเราไปถึงคาเธย์ได้  จริงไหมซาเล็ม     ท่านอับดุลลาเอ่ยถามผู้ยืนเยื้องอยู่เบื้องหลังเก้าอี้ที่น้อมตัวลงเล็กน้อย   ผิวพรรณที่กร้านดำเกรียมแดดบ่งบอกถึงการใช้ชีวิตสมบุกสมบันในทะเลทรายมายาวนาน   ใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยวัยที่ก้าวเข้าสู่วัยชราแต่ดวงตายังแหลมคมประดุจเหยี่ยวล่าเหยื่อ

     

    ขอรับนายท่าน    เจ้านี่มันพูดความจริง  แววตามันไม่ได้โกหก

     

    แต่ยังไงฉันก็ไม่วางใจใครนอกจากเธอ    ฉันจึงต้องการให้เธอร่วมไปกับคณะสำรวจครั้งนี้ด้วย

     

    ขอรับ  กระผมยินดี

     

    ขอบใจมาก    ท่านอับดุลลาลุกขึ้นหันไปตบบ่าผู้ที่เคยทำงานรับใช้มานานปีก่อนเดินผละไป   หญิงสาวก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าชาเล็มผู้ชรา

     

    แต่ฉันหวังพึ่งพิงประสบการณ์ของซาเล็มเต็มที่เลยแหล่ะ    สำหรับฉันนายนั่นไว้ใจไม่ได้    ซาเล็มยิ้มมากขึ้นพลางบอก

     

    ดีแล้วละครับ   คุณหนูอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ

     

    แต่หนุ่มชราอย่างซาเล็มนี่ไว้ใจได้ใช่ไหมจ๊ะ    หญิงสาวกระเซ้า

     

    แน่นอนครับคุณหนู   ซาเล็มยิ้มจนเห็นฟันขาว   มองตามร่างบางที่เดินลับหายไปจากห้องโถง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×