ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Song of Starlight : ลำนำแห่งแสงดาว

    ลำดับตอนที่ #2 : ลูเนซาราสราชาปีศาจ

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 50


    บทที่ 2

     

    ลูเนซาราสราชาปีศาจ 

     

                ท่ามกลางตลาดที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน   ร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง    ในมุมสุดของร้านมีคนสองคนนั่งสนทนากัน      คนตัวเล็กกว่าเป็นฝ่ายพูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามทำหน้าที่เป็นผู้ฟังแม้สายตาจะคอยแวะเวียนส่งให้กับสาวสวยที่เดินผ่านไปมาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่แจกจ่ายไปทั่ว

     

                เฮรอสยกถ้วยชาขึ้นมาละเลียดจิบด้วยท่วงท่าสบาย ๆ รับฟังคำบอกเล่าจากเซเนตที่กำลังเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง   ท่าทางเหมือนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง

     

                ตามบันทึกเก่าแก่ของบาลันเทียร์กล่าวถึงภัยพิบัติเมื่อ 800 ปีก่อน   ในนั้นกล่าวถึงลูเนซาราสจอมมารที่นำพาบริวารเหล่าปีศาจบุกขึ้นมาอาละวาดในแดนพิภพแต่ถูกต่อต้านจากเซธารอสราชาแห่งแดนพิภพและเหล่าจอมเวท      ราชาเซธารอสได้ชัยชนะและกักขังจอมมารไว้ในกระจกผนึกมนตราอีกทั้งกางเขตเวทมนตร์ครอบคลุมป่าอาถรรพ์เพื่อกักปีศาจร้ายไว้ในส่วนใจกลางของป่า    หลังจากที่จอมมารถูกกักขังเหล่าปีศาจที่ออกอาละวาดก็ลดจำนวนลงมาก    แดนพิภพจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง    เซเนตกล่าวถึงตำนานที่เล่าขานกันต่อ ๆ มา

     

                เรื่องนั้นข้าได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว   เฮรอสขัด

     

                มหาปราชญ์ดาไรอัส   ทำนายไว้ว่าราชาปีศาจจะกลับมาอีกครั้ง    ด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

     

                ก็ถูกปราบถูกกักขังไปแล้วจะกลับมาได้ยังไง ?   เฮรอสยังแย้งต่อไป

     

                ข้าจะไปรู้ได้ยังไงเล่า!”    คนเล่าชักมีโมโห 

     

    ที่เล่ามามันก็มาจากบันทึกเก่า ๆ ที่อยู่ในหอตำราในวิหารหลวงทั้งนั้น

     

                ในบันทึกนั่นกล่าวถึงแค่ราชาเซธารอสกับเหล่าจอมเวทย์เท่านั้นหรือที่ปราบราชาปีศาจ?    เฮรอสรีบถามเปลี่ยนเรื่อง

     

                ใช่   ทำไมเหรอ ?     เซเนตย้อนถามด้วยความสงสัย

     

                เปล่าหรอก    แค่ว่าที่ไหนก็บันทึกไว้เหมือนกันหมดซินะ

     

                พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ ?

     

                เปล่า   ข้าก็ว่าไปเรื่อยเปื่อย   อย่าใส่ใจเลย      ชายหนุ่มว่ายิ้มๆ สายตาสอดส่ายมองหาสาวงามต่อไป      เซเนตมองกิริยานั้นอย่างไม่ชอบใจนัก

     

                ว่าแต่เจ้าจะทำยังไงถึงจะตามหาคนที่ต้องการได้ล่ะ   ถ้าลูกแก้วมันยังเงียบเชียบนิ่งสนิทแบบนี้ ?

     

                ไม่รู้สิ  ข้าเองก็จนปัญญาเหมือนกัน     เซเนตส่ายหน้าอย่างคิดไม่ออก

     

                ข้าว่าจะไปแจ้งข่าวที่อาร์เซนโทเฟียก่อน    บางทีที่นั่นอาจจะช่วยข้าเรื่องนี้ได้

     

                จะไปอาร์เซนโทเฟียงั้นเหรอ ?

     

                ใช่    ที่นั่นเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่อยู่ของท่านเซนรอนผู้อยู่เหนือเหล่าผู้ใช้เวททั้งปวง

     

                นั่นซินะ  เจ้าคิดถูกแล้วละ  แต่จากที่นี่ไปอาร์เซนโทเฟียต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็สามวันเชียวนะ   อีกอย่างถึงเจ้าเดินทางไปตอนนี้กว่าจะไปถึงก็คงไม่พบเซนรอนหรอก

     

                ทำไมล่ะ ?

     

                ก็เพราะอีกสองวันท่านเซนรอนแห่งอาร์เซนโทเฟียจะเดินทางมาที่ปราสาทวินเดเนียน่ะซิ

     

                เอ๋!   เจ้ารู้ได้ยังไงน่ะ     เซเนตมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

     

                โธ่เอ๊ย!   เรื่องนี้เขารู้กันทั้งอาณาจักรวินเดเนียนั่นแหละ   เพราะอีกสองวันจะเป็นวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของราชาแห่งวินเดเนีย   จะมีการเฉลิมฉลองกันทั่วทั้งอาณาจักร    ไม่สังเกตหรือว่ามีการประดับประดาตามสถานที่ต่าง ๆ บ้างแล้ว   คำบอกของเฮรอสทำให้เซเนตสังเกตว่ามีการตกแต่งประดับประดาตามถนนหนทางและบ้านเรือนบางส่วนแล้วจริง ๆ

     

                อย่างงี้เองลูกแก้วบาลันเทียร์ถึงพาข้ามาที่นี่เพราะถึงไปที่อาร์เซนโทเฟียก็อาจไม่พบท่านเซนรอน

     

                คงงั้นละมั๊ง      เฮรอสไม่ได้สนใจในเรื่องที่สนทนาอีกต่อไปแล้วเพราะสาวสวยนางหนึ่งกำลังเดินผ่านโต๊ะไปอย่างช้า ๆ สายตาที่ส่งมาเชิญชวน   ชายหนุ่มมองตามจนเหลียวหลัง    เซเนตมองอาการของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วต้องส่ายศรีษะปลงกับพฤติกรรม

     

                ท่าทางงานนี้คงจะหวังพึ่งเจ้าหนุ่มตรงหน้าไม่ได้    แต่ยังไงก็พออาศัยหาข้อมูลได้บ้างหรอกน่า

     

                กลับกันหรือยัง    เซเนตเอ่ยถามในที่สุด     ทำให้เฮรอสจำต้องละความสนใจจากสาว ๆ อีกหลายนางที่เดินผ่านไปหันมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

     

                ไปก็ไป     ร่างสูงลุกขึ้นยืน     แล้วเดินออกจากร้านไปพร้อมกัน      ทั้งคู่ไม่ได้สังเกต ณ มุมหนึ่งของร้าน  มีสายตาของผู้ชายสองคนจับจ้องพวกเขาที่ก้าวเดินจากไปอย่างไม่วางตา 

     

     

                ภายในห้องเล็กแคบปราศจากหน้าต่าง   บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้   ผมสีทองสลวยปล่อยยาวจนถึงกลางหลังหากดวงตากลับเป็นสีม่วงเข้มจนเกือบดำดูลึกลับปนน่าเกรงขาม   ชุดที่สวมเป็นชุดยาวติดกันสีขาวสะอาด   เขากำลังสนใจฟังชายผู้หนึ่งที่กำลังคุกเข่ารายงานอยู่เบื้องหน้า

     

                เราพบคนที่เรากำลังตามหาแล้วครับ    แต่มันอยู่กับท่านเฮรอส

     

                อยู่กับเฮรอสงั้นเหรอ       ดวงตาสีม่วงเข้มฉายแววครุ่นคิดแต่ใบหน้านั้นกลับสงบนิ่ง   ภายในห้องเงียบจนน่ากลัว  บรรยากาศชวนอึดอัด

     

                จับตาดูไว้  แล้วให้รายงานข้าทุกระยะ    น้ำเสียงราบเรียบนั้นไม่บอกอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ    ร่างบนเก้าอี้โบกมือเป็นสัญญาณให้คนรายงานข่าวถอยออกไป

     

                ลับร่างของผู้มารายงาน  ผนังราบเรียบที่อยู่ด้านหลังเก้าอี้ก็เปิดออกเผยให้เห็นห้องลับภายในอีกชั้นหนึ่ง

     

                เจ้าคนจากแดนไกลนั่นไปอยู่กับเฮรอสได้ยังไงกัน!”      เสียงหวานหากกังวานทรงอำนาจดังมาก่อนที่จะปรากฏร่างของสตรีวัยกลางคนนางหนึ่งที่ช่องประตูลับ    ลักษณะอาภรณ์ที่สวมใส่บ่งบอกถึงยศศักดิ์อันสูงส่ง    ชุดติดกันยาวละพื้นปักด้วยเพชรนิลจินดาระยิบระยับคลุมทับด้วยเสื้อแพรยาวเนื้อบางเบา     ผมดำยาวถูกตลบเกล้าพันไว้เหนือศรีษะโดยมีผ้าคลุมผมสีสวยคลุมทับประดับด้วยปิ่นปัก

     

                ชายผู้อยู่ก่อนลุกขึ้นน้อมศรีษะทำความเคารพพลางเอ่ย

     

                อย่าเพิ่งร้อนใจองค์ราชินี     เรื่องนี้ยังมีทางแก้ไขได้

     

                ท่านจะทำยังไงเดมาล ?    ผู้ถูกเอ่ยขานว่าราชินีถามอย่างกังวล

     

                โปรดวางใจ   ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง   อีกวันสองวันจะต้องเรียบร้อย

     

                ขอบใจท่านมาก   ความหวังของข้าอยู่ที่ท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น    ถ้าวันใดซาร์ลูมาน ได้ครองอาณาจักร    ข้าจะสมนาคุณท่านอย่างงาม   ท่านจะเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือจอมเวททั้งปวงทั่วหล้า!”

     

                เดมาลยิ้ม  หากแววตาสีม่วงเข้มมีประกายประหลาดแวบหนึ่งก่อนจะจางไป

     

                ว่าแต่ท่านแน่ใจหรือว่าถ้าเราเอาเลือดจากเจ้านั่นมาสังเวยองค์อัสซูร์แล้ว   บุตรชายข้าจะได้ครองบัลลังก์

     

                แน่นอน    สายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของมันถือเป็นของล้ำค่าที่องค์อัสซูร์เทพต้องโปรดปราน      ประสงค์ของท่านจะเป็นไปตามที่ต้องการ      คำตอบนี้ทำให้ราชินีแย้มยิ้มอย่างพอใจ

     

                ถ้างั้นก็ดี   ฉันไม่อยากรอเพียงความหวังอีกต่อไปแล้ว...ว่าแต่เฮรอสจะไม่เป็นปัญหากับงานของเราหรือ ?     ราชินีนาเกียยังกังวลไม่รู้จบ

     

                โปรดอย่าวิตก     ท่านก็ทราบว่าเฮรอสไม่มีอะไรน่ากลัว      เดมาลยังอธิบายต่อไปอย่างอดทน

     

                คนไม่เคยสนใจอะไรนอกจากตนเองแบบนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับแผนการของเราแน่   หรือถ้าเป็นปัญหามากนัก  ข้าก็มีวิธีจัดการกับเขา      เดมาลกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะ ในคนที่ถูกพาดพิงถึง

     

                เจ้าคนเสเพลพรรค์นั้นไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลยซักนิด     คนไร้ซึ่งอำนาจ   ไม่มีพลังเวท  ไม่มีแม้แต่วิชาป้องกันตัวใด ๆ ใช้ชีวิตไร้สาระไปวัน ๆ  ช่างน่าสมเพชสิ้นดี   เดมาลนึกปรามาสคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนา

     

                ดวงพักตร์องค์ราชินียังไม่คลายความกังวล     

     

                แต่ข้ารู้สึกติดใจอะไรบางอย่าง

     

                ท่านหมายถึงอะไร ?

     

                การทำพิธีบูชายัญหรือการเซ่นสังเวยที่เคยทำกันมาถ้าไม่ใช้สัตว์  ก็ต้องเป็นสาวพรหมจารีแต่นี่เจ้าคนนี้มันเป็นเด็กผู้ชายไม่ใช่หรือ ?

     

                แต่ข้าแน่ใจว่าการคำนวณทุกอย่างถูกต้องตามคำทำนาย    ลักษณะของเจ้าเด็กนั่นก็ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน  ที่สำคัญที่สุดคือสายเลือดของมัน

     

                แต่มันรู้สึกติดอยู่ในใจยังไงชอบกล

     

                โปรดวางใจ    ข้าจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน      เดมาลยืนยันหนักแน่น

     

                เอาเถอะ  เมื่อท่านยืนยัน   ข้าก็ไม่ติดใจอะไรอีก     นี่ก็ออกมานานแล้วคงต้องกลับเสียทีเดี๋ยวจะถูกสงสัย      ราชินีนาเกียบอกพลางหมุนตัวกลับไปทางเดิมที่ออกมา      เดมาลน้อมคำนับส่ง    แล้วยืดตัวตรง    แววตาที่เคยสงบเยือกเย็นหายไปความเย้ยหยันแกมสมเพชแทรกเข้ามาแทนที่

     

                ใช่  ข้าไม่ยอมให้มีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ  สายเลือดศักดิ์สิทธิ์...สายเลือดที่จะทำให้ข้าทรงพลังและยิ่งใหญ่เหนือผู้ใช้เวททั้งปวง....ตอนนี้มันกำลังจะมาอยู่ในมือข้าแล้ว....อัลซัส!”      เดมาลเอ่ยเรียกทั้ง ๆ ที่ภายในห้องมีเพียงเขาคนเดียว    สิ้นคำภายในห้องก็ปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีดำที่ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นรูปร่างคน   มันค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ  จนปรากฏเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง  ผมสั้นเพียงท้ายทอยสีแดงเพลิง   ดวงตายาวรีสีน้ำตาลซีด

     

                นายท่าน   มีเรื่องใดให้ข้ารับใช้ ?

     

                ไปจับเด็กหนุ่มที่อยู่กับเฮรอสมาให้ข้า    ระวังอย่าให้เอิกเกริก

     

                ครับผม     ชายหนุ่มรับคำสั่งด้วยรอยยิ้มก่อนร่างกายค่อย ๆ สลายเป็นหมอกควันจางหายไป    

     

    เดมาลเกือบจะก้าวออกจากห้องหากไม่เหลือบไปเห็นผนังที่ทึบทึมด้านหนึ่งกลับปรากฏเหมือนคลื่นน้ำที่พลิ้วไหว   เงาที่พร่าเลือนค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นก่อนจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ   เป็นดวงตาสีแดงฉานดั่งเปลวเพลิง   เดมาลทรุดตัวลงคุกเข่าทันที

     

                องค์ราชา!”

     

                เดมาล!   เจ้าหาสิ่งที่ข้าต้องการได้หรือยัง!”   เสียงกังวานทรงอำนาจดังสะท้อนไปรอบห้องพลังแห่งเสียงกดดันบีบคั้นจนทำให้ผู้ที่คุกเข่าอยู่นั้นตัวสั่นเทิ้มจากความกดดันที่ได้รับ

     

                ข้าพบมันแล้วครับ

     

                ดีมาก  ไปจัดการนำมันมาให้ข้า    ข้าต้องการเลือดของมัน

     

                ครับ  ข้าคิดว่าคืนพรุ่งนี้ท่านจะได้ดื่มเลือดของมันอย่างแน่นอน   

     

                ดี!   จำไว้ทำตามที่ข้าบอกแล้วเจ้าจะได้พลังอำนาจที่ไม่เคยมีใครได้

     

                ครับเอ่อ...ข้ามีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง    เดมาลเอ่ยอย่างเกรง ๆ

     

    เจ้าสงสัยอะไร !?      

     

                ทำไมบาลันเทียร์ถึงได้ส่งผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ออกมาแบบนี้     ความจริงทางบาลันเทียร์ควรจะเก็บคนที่มีสายเลือดเช่นนี้ไว้ในที่ปลอดภัยไม่ใช่หรือครับ

     

                หึ..หึ..หึ..หึ...เพราะคำทำนายไงล่ะ             

                 

                คำทำนายอะไรหรือครับ ?   

     

    คำทำนายเมื่อ 800 ปีก่อนไงเล่า   คำทำนายถึงแสงแห่งความหวัง   สายเลือดศักดิ์สิทธิ์คือผู้ที่จะทำให้แสงแห่งความหวังนั่นยอมสาดส่องให้ความสว่างกับชาวพิภพอีกครั้ง     ชาวพิภพผู้มืดบอดและโง่งม   ผู้หลงลืมและเย่อหยิ่ง   ผู้โกหกตลบตะแลงอย่างร้ายกาจ    เสียงหัวเราะเยาะหยันดังก้องไปในความเงียบ

     

                ใครคือแสงแห่งความหวังครับ   ทำไมท่านไม่ให้ผมกำจัดมันเสียเลย ?                

                                     

                เจ้าโง่!   เจ้าคิดหรือว่าฝีมืออย่างเจ้าจะจัดการมันได้    แต่ก็ไม่จำเป็นหรอกเพราะข้าไม่คิดว่าชาวพิภพจะยังเหลือแสงแห่งความหวัง   ในเมื่อพวกมันได้ดับแสงนั้นลงด้วยมือของพวกมันเอง     เดมาลไม่เข้าใจอะไรมากกว่าเดิมเลยซักนิด

     

    เจ้าไม่ต้องอยากรู้ให้มากความ   หน้าที่ของเจ้าคือทำตามคำสั่งข้าเท่านั้น!”

     

    ขออภัยองค์ราชา     เดมาลค้อมตัวลงจนแทบจะติดพื้น

     

    อีกไม่นาน  อีกไม่นาน   วันเวลาของข้ากำลังจะกลับมาอีกครั้ง    และการกลับมาคราวนี้จะไม่มีใครขัดขวางข้าได้อีกต่อไป!”  

     

    เสียงหัวเราะอันก้องกังวานนั้นดังสะท้อนสะท้าน   มันอาจดังแค่เพียงในห้องแคบ ๆ แห่งนั้นไม่มีผู้ใดได้ยิน    แต่ ณ จุดหนึ่งในดินแดนห่างไกลระลิบลิ่วและเยือกเย็น  หมอกขาวโพลนลอยคว้างก่อนทิ้งตัวลงต่ำ   เสียงหัวเราะนั้นกลับดังมาถึง  ชายชราสามคนในชุดขาวที่ยืนอยู่บนหน้าผาสูงทอดสายตาลงไปเบื้องล่างนิ่งนานก่อนจะถอนใจยาว

     

    เวลาแห่งภัยพิบัติใกล้จะมาถึงแล้วซินะ     หนึ่งในสามเอ่ยขึ้น

     

    เราควรยับยั้ง ?    ชายคนที่สองเอ่ยถาม

     

    เขาต้องการเรางั้นหรือ ?    ชายคนที่สามถามกลับ

     

    ถ้าเรานิ่งเฉยจะเกิดอะไรขึ้น ?    ชายคนแรกถามบ้าง

     

    ชาวพิภพจะพบกับหายนะ    เป็นคำตอบจากชายชุดขาวคนที่สอง

     

    แล้วถ้าเราช่วย ?    ชายคนที่สามถามต่อ

     

    ชาวพิภพอาจชนะ    ชายคนแรกตอบ

     

    แต่เขาจำเราได้หรือยังล่ะ ?   เป็นคำถามจากชายคนที่สองแล้วดูเหมือนคำตอบคือความเงียบและเสียงถอนใจยาวของอีกสองผู้เฒ่าโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีก   

     

     

    เซเนตนั่งพิงต้นไม้อยู่หน้ากระท่อมหลังน้อยอันเจ้าตัวยึดเป็นที่พักอาศัยมาได้หนึ่งคืนแล้ว    ตอนนี้เจ้าของบ้านหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ปล่อยให้ ผู้อาศัย  อยู่เฝ้าบ้านแต่เพียงผู้เดียว

     

    ท่านเฮกา  ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป ?    เด็กหนุ่มเอ่ยถามกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงนอนหงาย   ทอดตามองท้องฟ้าเบื้องบน   รำลึกถึงเรื่องราวก่อนที่จะถูกส่งมาวินเดเนีย    ลมพัดเอื่อย ๆ กับบรรยากาศเย็นสบายทำให้ดวงตาสีมรกตค่อย ๆ หรี่ปรือ

     

    ยามดึกสงัดในวิหารหลวงแห่งบาลันเทียร์   ภายใต้แสงสว่างจากกระถางคบเพลิง     หญิงสาวในชุดขาวยาวคลุมทั้งตัว   เส้นผมยาวสยายถึงกลางหลัง   ใบหน้างามเปี่ยมไปด้วยความกังวลจนเห็นได้ชัด     เบื้องหน้าของนางคือร่างเล็กแบบบางของสาวรุ่นนางหนึ่งผมยาวหยักหยิกยุ่งเหยิงถูกขมวดพันไว้ง่าย ๆ ด้วยเกลียวเชือก   ใบหน้าขาวนวลขะมุกขะมอมพอ ๆ กับชุดแบบผู้ชายที่สวมใส่   นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องอย่างตั้งใจฟัง

     

    เจ้าคือความหวังของพวกเรา  เซเนตตรา

     

    ท่านจอมปราชญ์ท่านแน่ใจได้ยังไงว่าข้าจะทำสำเร็จ    การตามหาคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะคนที่เราไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่นั่นยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่

     

    ลูกแก้วแห่งบาลันเทียร์จะทำให้เจ้าตามหาเขาพบ    ตามคำทำนายคนผู้นั้นต้องมีตัวตนอยู่แน่นอน

     

    แต่ว่า....     หญิงสาวยังไม่ทันแย้งก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน

     

    พลังของลูกแก้วจะช่วยนำทางเจ้า      พร้อมคำพูดนั้นจอมปราชญ์สาวก็แบมือออก   ลูกแก้วสีขาวสกาวลอยอยู่กลางฝ่ามือ    แสงอันสุกสว่างทำให้ทั่วบริเวณกระจ่างชัดราวกลางวัน

     

    ข้าจะใช้พลังจากลูกแก้วเปลี่ยนร่างให้เจ้าเป็นชายเพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง      ขาดคำร่างของหญิงสาวก็ปรากฏแสงสีขาวนวลห้อมล้อมก่อนจะค่อย ๆ ลดลงจนดับสนิท    ร่างหญิงสาวเมื่อครู่กลับกลายเป็นเด็กหนุ่ม     ผมที่เคยยาวหยักหยิกเป็นลอนสวยบัดนี้เหลือสั้นเพียงละต้นคอ   นอกนั้นรูปลักษณ์ต่าง ๆ แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิด    เซเนตตราก้มลงสำรวจตัวเองอย่างอัศจรรย์ใจ

     

    ลูกแก้วมีพลังอำนาจมากมายขนาดนี้ทำไมยังต้องหาใครมาช่วยอีก ?

     

    ลำพังพวกปีศาจธรรมดา ๆ อำนาจจากลูกแก้วแห่งบาลันเทียร์พอจะรับมือได้ไม่ยาก     แต่ถ้ามีพวกระดับสูงที่ร้ายกาจออกมาข้าไม่มั่นใจว่าลำพังแค่อาศัยอำนาจจากลูกแก้วจะต้านทานได้นานแค่ไหน    และเรื่องภัยพิบัติในตำนานมันก็เกินกว่าข้าจะรับมือได้เพียงลำพัง    ท่านจอมปราชญ์บอก 

     

    ร่างเด็กหนุ่มจะทำให้เจ้าปลอดภัยมากกว่าเป็นผู้หญิง    แต่เจ้าก็สามารถกลายร่างกลับเป็นหญิงได้โดยใช้พลังของลูกแก้วนี่      จอมปราชญ์สาวอธิบายเพิ่มเติม      ยื่นมือมาซิ

     

    เซเนตตรายื่นมือออกไปตามคำสั่ง   หญิงสาววางลูกแก้วสีขาวเจิดจ้าลงบนฝ่ามือที่แบรอรับอยู่

     

    ลูกแก้วจะคุ้มภัยผู้ที่ครอบครอง   เก็บไว้ให้ดี       พอดวงแก้วสัมผัสกับมือที่รอรับ  แสงเจิดจ้าก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ  ภาพต่าง ๆ ตรงหน้าเริ่มเต้นเร่าหมุนวนจากช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เร็วขึ้นๆ จนแทบจะลืมตาไม่ได้

     

    เจ้ามีเวลาไม่มาก    กำหนดจิตของเจ้ามุ่งไปหาบุคคลที่เจ้าค้นหา    ลูกแก้วจะนำทางเจ้าเซเนตตรา....      น้ำเสียงกังวานใสค่อย ๆ ลอยห่างออกไปทุกที.....

     

     

    ร่างที่นอนหงายเหยียดยาวอยู่ใต้ร่มไม้สะดุ้งเฮือกตกใจตื่น    เด็กหนุ่มก้มลงสำรวจตัวเองก่อนจะถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก   ค่อยยังชั่ว!  ยังเป็นผู้ชาย        เซเนตตรายกมือลูบหน้า  สะบัดศรีษะไล่ความมึนงง

     

    ไม่รู้เผลอหลับไปได้ยังไง      พึมพำบ่นกับตัวเอง       หากแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเงียบเชียบผิดปกติ    เธอมองไปรอบ ๆ ตัวแต่ก็ไม่พบอะไร      หากก็ยังรู้สึกว่าถูกจับตามอง

     

    จู่ ๆ มือหนึ่งก็ตบป้าบลงมาบนไหล่เล่นเอาแทบทรุด

     

    ไง   ทำอะไรอยู่ ?    เซเนตตราหันกลับไปมองก็พบเจ้าของมือที่บัดนี้ยืนยิ้มกริ่มอยู่เบื้องหลัง   ร่างสูงในชุดคลุมดำทำให้ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งขาวจนเกือบจะกลายเป็นซีด

     

    ก็นั่งเล่น    ว่าแต่เจ้าออกไปไหนมา ?

     

    ข้าก็ไปเตร็ดเตร่ของข้าเรื่อยเปื่อย    อ้อ!  ข้ามีข่าวเกี่ยวกับผู้ใช้เวทมาฝากเจ้าด้วย เฮรอส บอก   คนตัวเล็กกว่าขยับนั่งตัวตรงมองด้วยความสนใจ

     

    ผู้ใช้เวทที่เก่งมากจนถึงได้รับยกย่องว่าเป็นจอมเวทมีหลายคนก็จริง   แต่ที่ฝีมือแน่จนได้รับการยอมรับจริง ๆ น่ะมีเพียงไม่กี่คน   คนแรกก็อย่างที่เจ้ารู้  เซนรอนผู้ปกครองอาร์เซนโทเฟีย

     

    แล้วคนต่อไปล่ะ ?      

     

    เจ้าชายซาร์กอน  องค์รัชทายาทแห่งวินเดเนีย    สองคนนี้ข้าว่าถ้าเขารู้เรื่องจากเจ้าคงยินดีช่วยเหลือ

     

    แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ ?    เซเนตตราเร่งเร้า

     

    จอมเวทแห่งวินเดเนียอาร์กัส   แต่รายนี้คงเดินทางไปไหนไม่ได้เพราะตามตำแหน่งต้องอยู่ปกป้องอาณาจักร    อีกคนก็เจ้าชายซาร์ลูมานเจ้าชายองค์ที่สองแห่งราชวงศ์วินเดเนีย   คนนี้ทายใจไม่ถูก  ส่วนคนสุดท้ายคนนี้ถูกคาดหมายว่าอาจได้เป็นผู้ปกครองอาร์เซนโทเฟียคนต่อไป     คนเล่าจงใจขยักไว้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนฟัง

     

    บอกมาเสียทีซิ   ยึกยักอยู่ได้!”

     

    แล้วมันเรื่องอะไรของข้าเนี่ย    ทำไมข้าจะต้องหาข่าวให้เจ้าด้วยก็ไม่รู้  แถมหามาแล้วยังถูกข่มขู่   คำขอบใจซักคำก็ไม่มี     เฮรอสบ่นทำท่าน้อยใจ

     

    ข้าขอโทษ    ข้าร้อนใจไปหน่อยเลยแสดงกิริยาไม่ดีกับเจ้า    น่า...บอกมาเถอะนะ    เซเนตตรายิ้มหวานใช้ลูกอ้อน    ชายหนุ่มถอนใจเฮือกพลางบอก

     

    เขาได้รับฉายาว่าพ่อมดขาวแห่งนาดีน!”

     

    พ่อมดขาวแห่งนาดีน ?

     

    ฮื่อ!  นั่นแหล่ะ   บางคนก็พูดกันว่าเขาเป็นผู้ใช้เวทที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานี้

     

    แล้วเขาจะเข้ามาที่วินเดเนียไหม ?

     

    ข้าจะรู้ได้ยังไงล่ะ   เฮรอสมองค้อน

     

    แหม!  ขอโทษ  ข้าถามผิดไปหน่อย    เอางี้นาดีนกับที่นี่ห่างกันมากไหม ?     

     

    ก็ไม่มากไม่น้อย  เดินทางวันนึงก็ถึงแล้ว

     

    งั้นก็ใกล้มากเลยซิ      เซเนตตราร้องอย่างยินดี     

     

    ใกล้    เฮรอสพยักหน้าหงึกหงักยืนยัน

     

    เดินทางไปกลับก็คงมาทันท่านเซนรอนซินะ      เซเนตตราเริ่มกำหนดแผนการ

     

    งั้นเราเดินทางไปนาดีนกันเถอะ!”

     

    เรา!?

     

    ใช่  ก็เราไง

     

    หมายถึงเจ้ากับข้าน่ะเหรอ ?

     

    ถูกต้อง   เธอยืนยัน

     

    แล้วมันเรื่องอะไรของข้าด้วยล่ะ ?

     

    ถ้าเจ้าไม่นำทางข้าแล้วข้าจะไปนาดีน  ไปหาพ่อมดขาวแห่งนาดีนได้ยังไง ?

     

    งานนี้มันไม่เกี่ยวกับข้าเสียหน่อย     เฮรอสเกี่ยงไม่ยอมช่วยเหลือ

     

    แต่ว่ามันหมายถึงชีวิตคนเป็นหมื่นเป็นแสนคนเลยนะ     ถ้าเรารวบรวมผู้ใช้เวทเก่ง ๆ ได้เร็วเท่าไหร่อาณาจักรทุกอาณาจักรก็จะปลอดภัย     เซเนตตราพยายามใจเย็นยกเหตุผลให้อีกฝ่ายฟังแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

     

    มันไม่ใช่หน้าที่ของข้า! เรื่องอะไรข้าจะต้องไปหาความลำบากใส่ตัว    เฮรอสบอกหน้าตาเฉยแถมเสริมอีกว่า

     

     และที่สำคัญมันเป็นหน้าที่ของเจ้า    รอยยิ้มนั้นกึ่งขำขันกึ่งท้าทาย  เหมือนกับจะท้าว่าถ้าเธอแน่จริงก็ลองทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จเพียงลำพัง

     

    เซเนตตรามองจ้องใบหน้าคมเข้มนั้นเขม็ง    พลางระงับอารมณ์กรุ่นที่พลุ่งพล่าน  คนอะไรเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด   ห่วงแต่ความสุขความสบายของตัวโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น   หวังพึ่งคนผิดเสียแล้ว

     

    เจ้าพูดถูก!  มันเป็นหน้าที่ของข้า    งั้นข้าก็ขอตัวไปทำตามหน้าที่  ขอบคุณที่ให้ที่พักและความช่วยเหลืออื่นๆ   ข้าลาละ      เซเนตตราบอกเมื่อระงับอารมณ์ได้แล้ว    พร้อมคำลาหญิงสาวในร่างชายหนุ่มก็เดินมุ่งหน้าจากมาโดยไม่สนใจจะหันกลับไปมองว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่จะมีปฏิกิริยาอย่างไร

     

     

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×