ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Song of Starlight : ลำนำแห่งแสงดาว

    ลำดับตอนที่ #1 : ผู้มาจากบาลันเทียร์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 50


    บทที่ 1

     

    ผู้มาจากบาลันเทียร์

     

              ท่ามกลางความมืดและดวงดาวที่พร่างพราวบนท้องฟ้ายามราตรีกาล  ณ จุดสุดสายตาแห่งขอบฟ้า  แสงสว่างสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบเป็นลำยาวก่อนจะกระจายหายไปท่ามกลางความระยิบระยับของหมู่ดาว    หาก  ณ มุมหนึ่งในดินแดนห่างไกล  แม้จะเป็นยามดึกที่ผู้คนหลับใหลกันแล้วเป็นส่วนใหญ่แต่ยังมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ยังคงสว่างไสวเต็มไปด้วยแสงสี  กลิ่นหอมอันอบอวลและเสียงดนตรีที่บรรเลงขับกล่อมให้ความบันเทิงใจ

     

                      เสียงดนตรีเร้าจังหวะผสานเข้ากับลีลาการเต้นที่อ่อนช้อยยั่วยวนของเหล่านางระบำหน้าตาพริ้มเพราเรียกเสียงปรบมือ  เสียงโห่ฮาเป่าปากจากเหล่าชายหนุ่มไล่อายุจนถึงชายแก่ที่นั่งชมการแสดงอยู่โดยรอบ     ข้างกายของชายเหล่านั้นยังมีสาวสวยอีกหลายนางคอยปรนนิบัติพัดวี   รินสุรา  ป้อนกับแกล้มให้เป็นระยะ

     

                ชายหนุ่มผิวขาวจัด   นัยน์ตาสีนิลระยับ    ดวงหน้าเรียวได้รูปประกอบเข้ากับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม   ผมดำยาวสลวยถึงกลางหลังถูกคาดทับด้วยผ้าทอลวดลายแปลก   ร่างสูงอยู่ในชุดยาวติดกันคอปิดสีน้ำเงินเข้ม  เสื้อคลุมตัวยาวคลุมทับอีกชั้น  ตามขอบแขนเสื้อและชายผ้าปักลวดลายงดงามลักษณะนั้นส่อเค้าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ     ชายหนุ่มเอนพิงหมอนอิงอยู่บนเบาะหนานุ่ม   สายตาจับอยู่ที่นางระบำ   บางครั้งก็หันไปโปรยยิ้มกับสาวสวยข้างกายซ้ายขวาที่คอยรินเหล้า    ป้อนอาหารให้มิได้ขาด

     

                ท่านสนใจแต่พวกนางระบำ   ข้าชักจะน้อยใจเสียแล้ว    เสียงหวานกระเง้ากระงอดจากหญิงสาวข้างกายพลางขยับค้อนได้อย่างน่ารักด้วยเป็นจริตที่ฝึกฝนมาอย่างดี    ชายหนุ่มหันมายิ้มดวงตาสีดำจัดแพรวพราว

     

                เจ้าอยู่ในอ้อมกอดของข้าแล้ว   ทำไมจะต้องน้อยใจอีก     ปากว่ามือก็ไวตามปาก   คว้าร่างอ้อนแอ้นอรชรเข้ามากอด  จูบไซร้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น      สาวงามปัดป้องพอเป็นพิธีด้วยมารยาหญิง    หากแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!

     

                แสงสว่างเจิดจ้าบาดตาปรากฏวาบทำให้มองอะไรไม่เห็นไปชั่วครู่    ก่อนจะตามมาด้วยเสียง

                โครม!   เฮ้ย!”

     

                แสงบาดตาเมื่อครู่จางหายไปแล้วหากเมื่อทุกคนหันไปตามเสียงก็พบกับภาพประหลาด       หนุ่มเจ้าสำราญที่ตระกองกอดสาวงามอยู่เมื่อครู่    บัดนี้ในอ้อมแขนมีร่างของเด็กรุ่นหนุ่มหน้าตามอมแมมอยู่แทน     เจ้าของวงแขนผลักเจ้าเด็กหนุ่มที่จู่ ๆ ก็โผล่มากระเด็นไปจากตัก     ตนเองลุกขึ้นถอยห่างอย่างตกใจ

     

                นี่มันเรื่องอะไรกัน ?!   เด็กบ้านี่เป็นใคร   มาได้ยังไง !”      ชายหนุ่มตั้งต้นโวยวายลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร   ในขณะที่ เด็กบ้า ยังนั่งกองอยู่กับพื้นทั้งจุกที่ถูกผลักและตกใจที่จู่ ๆ ก็มาโผล่ในอ้อมแขนใครก็ไม่รู้

     

                ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ    เด็กหนุ่มที่มาอย่างประหลาดพึมพำกับตนเอง   ดวงตาสีมรกตมองไปรอบๆ ห้องอย่างงง ๆ  สายตาของบรรดาผู้ที่ล้อมรอบนั้นต่างก็ประหลาดใจพอกัน     เด็กหนุ่มทรงตัวลุกขึ้นแล้วทำท่าจะผละไปเสียเฉย ๆ

     

                อ้าว!  เฮ้ย!  เดี๋ยวก่อนสิ   ยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลยจะไปไหนล่ะนั่น ?     เจ้าหนุ่มผู้ได้กอดผู้ชายด้วยกันร้องถามพลางคว้าแขนคนตัวเล็กกว่าไว้   แต่ถูกสะบัดหลุดทันควัน     สายตาที่มองสบโกรธกรุ่น

     

                ข้าต่างหากควรจะเป็นฝ่ายโกรธที่เจ้ามาขัดจังหวะ   ใจคอจะไม่พูดอะไรเลยหรือไง    ขอโทษสักนิดน่ะมีไหม?   

     

                ขอโทษ!”     เด็กหนุ่มกล่าวเสียงหนักแล้วแหวกผู้คนออกไปโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น   ชายหนุ่มผู้ได้รับคำขอโทษยักไหล่   หมดความสนใจเพียงแค่นั้นพลางก้าวกลับไปทรุดลงนั่งบนเบาะหนานุ่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น    ผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่จึงแยกย้ายกันไป    ดนตรีเริ่มบรรเลงและเหล่านางระบำก็เริ่มวาดลวดลายไปตามจังหวะเพลง    ชั่วครู่ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความครึกครื้นตามปกติ

     

                สาวงามที่ถูกแรงเหวี่ยงที่มองไม่เห็นผลักกระเด็นไปเมื่อครู่กลับเข้ามาทิ้งกายลงนั่งข้างชายหนุ่มอีกครั้ง  พลางรินเหล้าในขวดใส่จอกทรงสูงส่งให้ผู้เป็นลูกค้าเป็นการเอาใจ

     

                ต้องขออภัยด้วยนะคะท่านเฮรอสที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้

     

                ไม่เป็นไร  ข้าไม่ถือ      ชายหนุ่มตอบพลางรับจอกทรงสูงยกขึ้นดื่ม

     

                เด็กหนุ่มนั่นคงเป็นพวกผู้ใช้เวทฝึกหัด     สงสัยจะจำคาถาผิด     หญิงสาวอีกนางที่ทอดกายเบียดกระแซะอยู่อีกข้างคาดเดาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ      ในขณะที่แววตาชายหนุ่มผู้มีนามว่าเฮรอสกลับมีประกายประหลาดแวบหนึ่ง   หากแล้วรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็กลับมาแทนที่อย่างรวดเร็ว

     

     

               

                เด็กหนุ่มที่ถูกหาว่าเป็นผู้ใช้เวทฝึกหัดขณะนี้กำลังยืนคว้างอยู่ท่ามกลางตรอกซอกซอยที่มีหลายแยกหลายเลี้ยวจนทำให้งง     เพียงก้าวออกจาก หอแสงจันทร์   อันเป็นที่ที่หล่นตุ้บลงมา   รอบด้านที่มีแต่ความสว่างไสวเต็มไปด้วยความคึกคัก  ผู้คนมากหน้าหลายตาพลุกพล่านก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นความมืดและความเงียบจนดูน่ากลัว    แสงไฟจากตะเกียงรายทางขมุกขมัว    ยามลมพัดก็ไหววูบก่อให้เกิดรูปเงามากมาย     บ้านเรือนที่ปลูกสร้างจากหินทรายแต่ละหลังไร้ซึ่งแสงไฟ

     

                นี่มันที่ไหนกันเนี่ย    ก็ไหนท่านเฮกาบอกว่าพลังของลูกแก้วบาลันเทียร์จะส่งให้มาพบแสงแห่งความหวัง    แล้วคน ๆ นั้น มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ      เด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างกังวล

     

                หรือว่า แสงแห่งความหวัง  ที่ท่านจอมปราชญ์กล่าวจะหมายถึงเจ้าหนุ่มนั่น    ไม่หรอกน่า  เป็นไปไม่ได้หรอก   ผู้เป็นแสงแห่งความหวังของคนทั้งแดนพิภพจะไปอยู่ในที่แบบนั้นได้ยังไง   ท่าทางเจ้าสำราญเสียขนาดนั้น    ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่     เขาเฝ้าย้ำกับตนเอง  พยายามนึกหาทางแก้ปัญหา  แต่ก็มองไม่เห็นทางใดดีกว่า

     

                คงต้องกลับไปที่หอแสงจันทร์นั่นอีกครั้ง    เมื่อตัดสินใจได้  ร่างเล็กผอมบางก็หันกลับ   หากพอก้าวพ้นจากตรอกก็พบเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนขวางทางอยู่ด้วยท่าทีคุกคาม

     

                เจ้ามายืนทำอะไรมืด ๆ ค่ำ ๆ อย่างนี้ !?      เสียงดุดัน เข้มงวดดังจากชายคนหนึ่งในกลุ่มที่แต่งกายด้วยผ้าคลุมตัวยาวรุ่มร่าม   มีฮูดสวมคลุมศรีษะแทบมองไม่เห็นหน้าตา

     

                คือว่า....ข้าหลงทาง    เออ..ขอถามหน่อยสิว่าที่นี่เมืองอะไร ?       คนตัวเล็กกว่าพยายามยิ้มสู้แม้ในใจจะไม่ค่อยไว้ใจเจ้าคนกลุ่มนี้นัก

     

                เจ้าเป็นคนต่างถิ่น ?      ไม่มีคำเฉลยแต่ชายในกลุ่มชุดดำย้อนถามอีก

     

                อ้อ!  ใช่    แล้วที่นี่มันคือเมืองอะไรล่ะ?

     

                เจ้าเป็นคนที่มาพร้อมกับแสงนั่นใช่ไหม ?    เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่ถอยหลังห่างจากคนกลุ่มนั้นทันทีอย่างเตรียมระวังภัย

     

                ข้าถามว่าใช่ไหม !? 

     

                ไม่...ไม่ใช่

     

                โกหก!    จับมันไว้!” สิ้นเสียงสั่งอีกสี่ห้าคนก็กรูกันเข้ามา   เด็กหนุ่มก้าวถอยหลังมองหาช่องทางเอาตัวรอด    เสียงหัวเราะเยาะหยันพร้อม ๆ กับกลุ่มชายในชุดดำเริ่มกระจายกันโอบล้อม  ท่าทางดั่งหมาป่าจ้องตระคลุบเหยื่อ

     

                เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือไง!”    สิ้นเสียงมือคนพูดก็สะบัด  เด็กหนุ่มยกมือขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ    แรงปะทะที่ส่งมาถูกรัศมีสว่างขาวนวลที่จู่ ๆ ก็สว่างวาบรอบตัวเด็กหนุ่มกั้นไว้

     

                ใช่จริง ๆ  มันเป็นคนที่ท่านเดมาลต้องการตัว    ไปจับมันมาเร็ว ๆ เข้า!”    เหล่าชายฉกรรจ์ดาหน้าเข้ามา     เด็กหนุ่มมองไปรอบตัวเพื่อหาทางรอด  แล้วก็ตัดสินใจวิ่งฝ่าออกไปทางด้านหนึ่งด้วยความเร็วจนฝ่ายที่ถูกวิ่งชนตั้งตัวไม่ทัน     แม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ยังไงตอนนี้ก็ขอหนีเอาตัวรอดก่อน

     

                เสียงฝีเท้าไล่หลังกระชั้นเข้ามา   ร่างเล็ก ๆ วิ่งลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยอย่างเปะปะไม่รู้ทิศทาง    ความมืดและตรอกซอยที่มากมายทำให้ไม่ยากที่จะซอกซอนไป      แต่ฝ่ายไล่ล่าก็ยังตามติดไม่ยอมปล่อย  เด็กหนุ่มตัดสินใจหักเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ข้างหน้า    หากแล้วก็รู้สึกถึงวงแขนแข็งแรงที่รวบตัวไว้พร้อมกับผ้าหนาหนักคลุมทับลงมา    ยังไม่ทันจะขัดขืน  เสียงดุก็สั่งสำทับ

     

                ถ้าไม่อยากถูกจับก็เงียบ!”      คำสั่งนั้นทำให้คนที่ทำท่าจะดิ้นรนหยุดนิ่ง    เสียงฝีเท้าวิ่งใกล้เข้ามาในขณะที่อ้อมแขนนั้นยิ่งโอบกระชับในลักษณะหนุ่มสาวกำลังพลอดรักกัน       คนตัวเล็กกว่าซบอยู่ในอ้อมอกของคนตัวใหญ่   ชิดใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  ต่างจากคนที่ถูกกอดที่ขณะนี้ใจสั่นระรัวราวกับจะออกมาเต้นอยู่นอกอก     เสียงฝีเท้าของคนหลายคนใกล้เข้ามา!

     

                เฮ้ย! นั่นใคร    ทำอะไรอยู่ตรงนั้น  เสียงตวาดนำมาก่อน   ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานอย่างประหลาดใจแทน

     

                อ้าว!.....อะเอ่อ...ทะ..ท่าน....ท่านมาทำอะไรอยู่แถวนี้ครับ ?    น้ำเสียงนั้นนอบน้อมผิดจากเมื่อครู่

     

                ไม่มีคำตอบแต่กลับถูกย้อนถาม

     

                เอะอะโวยวายอะไรกัน!?    น้ำเสียงแสดงแจ่มชัดถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง  ฝ่ายที่มากกว่าชักเริ่มมองหน้ากัน

     

                เอ่อ...เรากำลังตามจับขโมยกันครับ   ไม่ทราบว่าท่านเห็นเด็กหนุ่มท่าทางมีพิรุธผ่านมาแถวนี้บ้างหรือไม่?

     

                ข้าไม่ได้สนใจ    แล้วก็ไม่เห็นมีใครผ่านมาซักคนนอกจากพวกเจ้าที่เข้ามาขัดจังหวะนี่แหละ      เสียงบอกแกมตำหนิ

     

                เอ่อ....กระผมขออภัย  แต่...

     

                น่ารำคาญ   เมื่อไหร่จะไปเสียที!”      น้ำเสียงหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

     

                อย่าให้ข้าอารมณ์เสียมากกว่านี้!”      ชายฉกรรจ์ทั้งกลุ่มต่างก้มศรีษะแสดงความคารวะแล้วจำใจล่าถอยไปไม่เซ้าซี้อะไรอีก      

     

                คล้อยหลังคนกลุ่มนั้นอ้อมแขนที่กอดรัดก็คลายออกแทบจะพร้อม ๆ กับคนตัวเล็กที่สะบัดตัวให้พ้นจากวงแขนถอยห่างออกมา

     

                ไม่ต้องดิ้นหรอกน่า   ข้าไม่พิสมัยกอดหนุ่ม ๆ เหมือนกันแหละ   ถ้าเป็นสาว ๆ ก็ว่าไปอย่าง    ร่างสูงบอกแกมหัวเราะ   น้ำเสียงดุดันเมื่อครู่จางหายไป   

     

                เจ้า....เด็กที่ข้าพบที่หอแสงจันทร์ใช่ไหม ?    แล้วนี่ไปทำอะไรมาถึงถูกไล่ล่า   รึว่าเป็นขโมยจริง ๆ

     

                คำถามนี้ทำให้เด็กหนุ่มพยายามเพ่งมองดวงหน้าชายหนุ่มร่างสูง     แสงไฟที่จุดไว้ตามรายทางแม้จะให้ความสว่างไม่มากนักแต่ก็พอจะมองเห็นหน้ากันได้ลางเลือน    เจ้าหนุ่มที่เจอในหอแสงจันทร์นั่นเอง !’

     

                ข้าไม่ใช่ขโมย!”   เด็กหนุ่มบอกอย่างหงุดหงิด   แต่พอนึกได้ก็เสียงอ่อนลง

     

                ขอโทษ    ขอบคุณที่ช่วยเหลือ      เฮรอสยักไหล่พลางว่า

     

                ไม่เป็นไร    ข้าบังเอิญผ่านมาน่ะ     เออ....แล้วเจ้าไปมีเรื่องอะไรกับทหารของอาณาจักรพวกนั้นล่ะ ?

     

                ไม่รู้    พอเจอหน้าพวกนั้นก็ตามจับข้า   ยังไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย      คนถูกตามล่าเองก็งง    คนถามพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะซักไซ้ต่อแถมทำท่าจะผละไปเสียเฉย ๆ   แต่ถูกเรียกรั้งไว้

     

                เดี๋ยวก่อน!    ขอถามอะไรหน่อยสิ     ร่างสูงหันกลับมาตามเสียงเรียกเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

     

                ที่นี่ที่ไหน ?

     

                เมืองหลวงแห่งอาณาจักรวินเดเนีย

     

                วินเดเนีย    เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง

     

                ทำไมเหรอ ?

     

                เปล่า ๆ  ไม่มีอะไร     เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธ   

      

                หมดเรื่องแล้วใช่ไหม    ข้าไปละนะ     เมื่อเห็นเด็กหนุ่มไม่ซักถามอะไรอีก   เฮรอสก็ผละจากมา    หากพอก้าวเดินได้สักพักก็รู้สึกว่าถูกติดตามพอหันกลับไปมองก็พบเจ้าเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้   มันเดินตามมาห่าง ๆ  พอหยุดมันก็หยุด   พอเดินมันก็เดิน

     

                ตามมาทำไม ?     หลายครั้งเข้าเขาก็ทนไม่ไหวต้องเดินย้อนกลับไปหาเพื่อถาม

     

                คือ...ข้ามาจากอาณาจักรอื่น    เสียงบอกอ่อย ๆ

     

                แล้วไง ?

     

                ข้าไม่มีที่พัก    ไม่รู้จักใคร    เสียงยิ่งอ่อนลงเรียกความสงสาร

     

                จะให้ข้าช่วยว่างั้นเถอะ ?

     

                ไหน ๆ ก็ช่วยมาครั้งหนึ่งแล้ว   ช่วยอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?     เด็กหนุ่มอ้อน     ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างพยายามให้น่าเห็นใจที่สุด

     

                ข้าไม่ชอบอยู่ร่วมบ้านกับผู้ชาย      คำตอบไร้เยื่อใย    เด็กหนุ่มผู้ฟังมีสีหน้าเศร้าสลด   และเพราะแววตาเศร้าๆ กึ่งเว้าวอนนั่นแหละที่ทำให้ต้องใจอ่อน   เฮรอสถอนใจยาว

     

                ก็ได้   ตามมา     ดวงหน้าซึมสลดนั้นกลับระรื่นชื่นบานขึ้นมาทันทีทันควัน

     

                พ้นจากตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยวก็ถึงบริเวณชายป่านอกเมือง   ต้นไม้สองข้างทางขึ้นสูง   ยิ่งเดินยิ่งทึบเข้าไปเรื่อย ๆ   ทางเบื้องหน้ามืดสนิท    แต่คนเดินนำยังเดินมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่มีสะดุด และไม่มีวี่แววว่าจะถึงที่พักเสียที     พอคนตามหลังสะดุดรากไม้เป็นครั้งที่ 5    เฮรอสก็หันกลับมาราวกับมีตาหลังคว้าข้อมืออีกฝ่ายให้เดินตาม

     

                ทางมันมืด   เดินดี ๆ

     

                เอ่อ....ข้าชื่อเซเนต   มาจากอาณาจักรบาลันเทียร์        เด็กหนุ่มแนะนำตัวเอง

     

                เรียกข้าว่าเฮรอส    เจ้าว่าเจ้ามาจากบาลันเทียร์เหรอ ?

     

                ใช่     เซเนตตอบแถมพยักหน้าแต่คนเดินนำคงไม่เห็น

     

                บาลันเทียร์อยู่ไกลจากวินเดเนียมากนี่นา   เจ้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ ?

     

                ข้ามา...เอ่อ...ข้ามาตามหาคน

     

                หาคน ?  ใคร   วินเดเนียออกกว้างใหญ่  หาคนใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ

     

                ข้าก็ไม่รู้ว่าคนที่ต้องตามหาเป็นใคร    เสียงพึมพำตอบมา

     

                อ้าว!   แล้วจะเจอไหมนี่

     

                ข้าต้องการพบนักเวทที่เก่ง ๆ น่ะ  ระดับจอมเวทยิ่งดี

     

                จะพบไปทำไม ?     คนเดินนำถามต่อ  แต่คนตามหลังยังเงียบใคร่ครวญนึกหาคำตอบดีๆ

                นักเวทในวินเดเนียมีมากมาย   แต่ก็ใช่ว่าจะเก่งกาจกันทุกคน   และก็ใช่ว่าจะสามารถเข้าพบกันได้ง่าย ๆ ถ้าเจ้าไม่รู้จักใครที่นี่เลยยิ่งยากเข้าไปใหญ่

     

                จอมเวทที่มีชื่อเสียงในวินเดเนียมีมากมายนักเหรอ ?    เด็กหนุ่มเอ่ยถามหลังจากเงียบฟัง

                ถ้าระดับจอมเวทละก้อไม่มาก  เฉพาะที่เมืองหลวงนี่ก็ราว ๆ 10 20 คนละมั๊ง

     

                นั่นนะไม่มาก!”     เซเนตร้องลั่น  แล้วนี่เขาจะหาคนที่ต้องการได้ยังไงกัน    เวลายิ่งมีจำกัดอยู่ด้วย 

     

                แล้วในจำนวนนี้จอมเวทที่เก่งที่สุด   ชื่ออะไร ?

     

                ไม่เคยมีใครจัดอันดับไว้เสียด้วยก็เลยไม่รู้ว่าใครเก่งที่สุด    เฮรอสตอบง่าย ๆ

     

                โอ๊ย!  อยากจะบ้าตาย     

     

                เจ้าจะตามหาจอมเวทเก่ง ๆ ไปทำไม ?

     

                ก็หาคนที่เป็นแสงแห่งความหวังน่ะซิ    เซเนตนึกในใจแต่ที่บอกออกไปคือ 

     

                ข้ามาขอความช่วยเหลือ     อาณาจักรของข้าและอีกหลายอาณาจักรในแดนพิภพกำลังเดือดร้อน   ภัยพิบัติในตำนานกำลังจะกลับมา     น้ำเสียงทุกข์ร้อนเป็นกังวลของเด็กหนุ่มทำให้เฮรอสถอนใจยาวแล้วตัดบทเสียเฉย ๆ เหมือนไม่สนใจ

     

                วันนี้ดึกแล้ว  ข้าขี้เกียจฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน    พรุ่งนี้ค่อยเล่า    ถึงบ้านข้าแล้ว

     

                เฮรอสบอกทำให้เด็กหนุ่มเหลียวมองรอบตัวแล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับกระท่อมหลังเล็กที่ปลูกซ่อนอยู่ท่ามกลางแมกไม้หนาทึบ    แสงสว่างที่ทำให้มองเห็นกระท่อมมาจากตะเกียงน้ำมันในมือชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่าถือเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่    ร่างสูงเดินนำเข้าไปภายในกระท่อม

     

               

    เด็กหนุ่มยืนหมุนคว้างอยู่กลางห้อง  ในขณะที่เจ้าของบ้านเดินไปจุดไฟให้แสงสว่าง    แสงจากตะเกียงที่วางซ่อนไว้ตามมุมต่าง ๆ สว่างขึ้นทำให้มองเห็นรอบด้านได้ชัดเจน     ภายในห้องนอกจากโต๊ะและเก้าอี้ที่ตั้งอยู่แล้วนอกนั้นแทบจะเรียกได้ว่าห้องทั้งห้องปราศจากเครื่องเรือนอื่น ๆ

     

                จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม ?     เซเนตสั่นศีรษะ      อากาศเย็นจัดขนาดนี้ใครจะบ้าอาบน้ำตอนดึก ๆ

     

                งั้นก็นอน   โน่นห้องนอนข้าอยู่โน่น    พูดจบเฮรอสก็สาวเท้าตรงไปยังประตูบานหนึ่งที่ปิดสนิทอยู่พลางเปิดออกกว้าง     ห้องนอนแทบไม่ต่างอะไรจากห้องด้านนอก    ต่างกันตรงที่ห้องนอนมีเตียงนอนขนาดกลางวางชิดมุมหนึ่งใกล้กับหน้าต่างที่ปิดสนิทไว้     อีกมุมหนึ่งเป็นตู้ไม้บานใหญ่ปิดสนิทเช่นกัน

     

                เตียงเล็กไปหน่อย  แต่เบียด ๆ กันก็พอได้     เจ้าของห้องหันมาบอก   หากแต่เซเนตส่ายหน้ายิ้มแหย

     

                ข้านอนพื้น  หรือไม่ก็ออกไปนอนข้างนอกก็ได้ไม่รบกวนเจ้าหรอก

     

                ข้าไม่ชอบนอนเบียดกับผู้ชายเหมือนกัน    แต่ที่ให้เจ้านอนด้วยก็เพราะที่นี่ยิ่งดึกอากาศจะหนาวจัด   เจ้าไม่สังเกตหรือว่าข้างนอกหมอกลงจัดมาก    ขืนให้เจ้านอนที่พื้นหรือนอนข้างนอกมีหวังแข็งตาย    แล้วข้าก็ไม่มีเครื่องนอนอีกชุดให้เจ้ายืมด้วย      เหตุผลของเฮรอสทำให้เขาเถียงไม่ออก

     

                นอนเถอะ  ข้าง่วง!”    ชายหนุ่มบอกพลางทิ้งตัวลงนอน    ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืนลังเลอยู่ตรงนั้น     พอขยับจะก้าวขาก็มีเสียงสั่งสำทับมาอีก

     

                ดับไฟข้างนอกด้วย      เซเนตเม้มปากอย่างขัดใจ   เจ้าหนุ่มคนนี้มันประหลาดพิกล   ท่าทางมันเหมือนหนุ่มเสเพลธรรมดาแต่ทำไมคนกลุ่มนั้นถึงทำท่ายำเกรงนัก    หนำซ้ำเจ้าหนุ่มนี่ยังให้ความช่วยเหลือคนแปลกหน้าได้หน้าตาเฉยโดยไม่คิดระแวงระวังใด ๆ     หรือคนอาณาจักรนี้มันแปลกอย่างนี้ทุกคน!

     

     

     

                เช้าวันใหม่ของเซเนตถูกปลุกด้วยเสียงนกร้องเพลงประสานกันจุ๊กจิ๊กดังลอดผ่านหน้าต่างข้างเตียงที่เปิดกว้างไว้    เจ้าของบ้านที่นอนบนเตียงเดียวกันเมื่อคืนลุกจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้   เด็กหนุ่มพลิกตัวนอนหงายแผ่เต็มเตียงทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด

     

                เป็นไปได้ยังไงที่ลูกแก้วบาลันเทียร์จะผิด    แต่ทำไมถึงไม่พบกับสิ่งที่ตั้งใจมาหา    อำนาจของลูกแก้วเกิดสับสนอะไรหรือเปล่า   รึเจ้าคนที่ชื่อเฮรอสจะเป็นคนตามคำทำนาย   เซเนตนึกทบทวนอย่างไม่เข้าใจ

     

    ไม่ใช่หรอกน่า   แสงแห่งความหวัง   คนที่จะเป็นความหวังของแดนพิภพ  คนที่จะต่อต้านภัยพิบัติในตำนานจะชีกอบ้าผู้หญิงอย่างนั้นได้ยังไง   มันต้องดูดีน่านับถือ  ดูทรงภูมิหน่อยสิ  นี่อะไร !  ท่าทางเป็นหนุ่มเจ้าสำอาง  ออกแนวเสเพลแบบนั้น    โอย...รับไม่ได้    

     

    เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมร่างสูงในชุดยาวติดกันเกือบถึงเข่าคลุมทับกางเกงรัดข้อเท้าสีดำ    ผ้าคาดเอวทิ้งชายยาวลงไปด้านข้าง   ดวงหน้าคมคายทอดสายตามาหยุดอยู่ที่ร่างบนเตียง

     

    ข้าจะเข้าไปในเมือง   อยากได้อะไรไหม ?

     

    ไปด้วย!”    เซเนตผุดลุกจากเตียงทันควัน

     

    งั้นข้าออกไปรอข้างนอก   จัดการธุระของเจ้าให้เรียบร้อย    เสื้อผ้าข้าเจ้าใช้เปลี่ยนไปก่อนก็ได้  อยู่ในตู้นั่น

     

    เฮรอสบอกเพราะสังเกตว่าเด็กหนุ่มไม่มีข้าวของติดตัวมาเลยซักชิ้น

     

    อ้อ ! ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น    เฮรอสชี้มือไปที่ผนังอีกฝั่งก่อนจะออกไปจากห้อง     เมื่อคืนในห้องสลัวจนเด็กหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็น    เขาใช้เวลาไม่นานก็ออกจากห้องทั้งที่อยู่ในชุดเดิม

     

    แสงแดดยามเช้าส่องลอดรำไรตามช่องใบไม้ที่ขึ้นเบียดหนาจนทึบทึม    อย่างนี้นี่เองเวลากลางคืนจึงแทบจะมองไม่เห็นอะไร  ร่างสูงเดินนำคนตัวเล็กกว่าไปตามทางที่ทอดยาวคดเคี้ยวสองข้างทางมีแต่ป่า

     

    นี่   เจ้าพอจะรู้จักผู้ใช้เวทที่เก่ง ๆ บ้างไหม ?    เซเนตเอ่ยถามคนที่เดินนำ

     

    ก็พอจะรู้   ถามทำไม ?

     

    อย่างที่บอกเมื่อคืนไง    ข้ากำลังต้องการความช่วยเหลือ

     

    แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ?

     

    อาณาจักรข้าตอนนี้มีปีศาจออกอาละวาดเต็มไปหมด!”

     

    ปีศาจเต็มไปหมด ?   พูดเป็นเล่น

     

    ข้าพูดจริง      บาลันเทียร์เป็นอาณาจักรเล็ก ๆ เราอยู่ด้วยความสงบสุขมายาวนาน      แต่ตอนนี้เมืองรอบนอกของอาณาจักรถูกพวกปีศาจรบกวนมากขึ้นเรื่อย ๆ   อาณาจักรข้างเคียงก็เหมือนกัน

     

    บาลันเทียร์ก็มีผู้ใช้เวทไม่ใช่เหรอ  ?    เฮรอสถาม  และเป็นคำถามเดียวกับที่เซเนตเคยถามผู้ที่ส่งให้เขามาไกลถึงที่นี่

     

    ท่านเฮกาบอกข้าว่าภัยพิบัติเมื่อ  800 ปีก่อนกำลังจะกลับมาตามคำทำนาย   และนี่คือลางบอกเหตุ

     

    ภัยพิบัติเมื่อ 800 ปีก่อน ก็แค่คำเล่าลือกันต่อ ๆ มา    เฮรอสหัวเราะพลางท่องคำทำนายที่ถูกถ่ายทอดเล่าขานมาช้านาน 

     

    เมื่อดินแดนมืดมนอันธกาล         

     ภัยพิบัติรุกรานเข่นฆ่า

    ความโลภหลงเข้าครอบครอง

    เลือดจะนองทั่วแผ่นดิน

    ทั้งพสุธาทั้งฟ้าจะพิโรธ

    แผ่นดินแสนวิปโยคโศกศัลย์                

    จุดเริ่มต้นแห่งการล่มสลาย

    ราชาจอมมารจะคืนมา.......

    หมดสิ้นทุกความหวัง

    หากว่ายังคงหลงลืม

    ทั้งพิภพจะวอดวาย

    สายเลือดศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งหมาย          

    นำแสงแห่งความหวังให้กลับมา

     

    น้ำเสียงที่เอ่ยถึงคำทำนายแกมหัวเราะเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องจริงจัง

     

    เจ้าไม่เชื่อคำทำนายของท่านมหาปราชญ์ดาไรอัสหรือ ?    เซเนตถามออกจะไม่พอใจอยู่ครามครัน

     

    ข้าเชื่อตัวเองมากกว่าคำทำนายพวกนั้น     คำตอบอันแสนยโสนั้นทำเอาเด็กหนุ่มเบ้หน้า

     

    เจ้ารู้ไหมภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อยู่ในคำทำนายนั้นมันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ  อาณาจักรพันท์กับอาณาจักรลิเทียทำสงครามผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก    อาณาจักรแกลนเดียเมื่อหลายปีก่อนเกิดอุทกภัยแต่ปีนี้แห้งแล้งแผ่นดินแตกระแหงผู้คนอดอยาก  อาณาจักรแอสเตรียกำลังเกิดโรคระบาดรุนแรง   อาณาจักรทางเหนือก็หนาวจัด      และที่บาลันเทียร์เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดมาหลายร้อยปีแล้ว  วินเดเนียเองก็ภูเขาไฟระเบิด    ไม่ใช่แค่นั้นอาณาจักรต่าง ๆ ที่มีอาณาเขตติดกับป่าอาถรรพ์จะมีปีศาจออกอาละวาดทั้งที่เมื่อก่อนนั้นถึงจะมีบ้างแต่ก็ไม่มากเท่านี้     แต่เดี๋ยวนี้มันออกมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด   แล้วพวกมันก็กล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย    เห็นไหมเหตุการณ์ตามคำทำนายกำลังเกิดขึ้นทีละอย่าง

     

    มันก็เรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว   อุทกภัยภูเขาไฟระเบิด   แผ่นดินไหวเป็นเรื่องธรรมชาติ   ส่วนภัยสงครามก็เกิดเพราะความบ้าสงครามของชาวพิภพเอง    เรื่องปีศาจที่ออกมาเพ่นพ่านอยู่ตอนนี้ก็คงเป็นเพราะเขตอาคมในแต่ละอาณาจักรกำลังอ่อนแอลงเพราะมีเรื่องวุ่น ๆ นั่นแหละทำให้เจ้าพวกนั้นหลบรอดออกมาได้   ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคำทำนายของมหาปราชญ์ที่ตรงไหนเลย        เฮรอสแย้งไม่ยอมเชื่อ

     

    ข้าไม่รู้  และก็ไม่อยากเถียงกับเจ้าเรื่องนี้    ข้ารู้แต่ว่าตอนนี้หน้าที่ของข้าคือตามหาคนที่จะมาหยุดยั้งเจ้าปีศาจพวกนั้นก่อนที่ผนึกอาคมของราชาเซธารอสที่กางกั้นป่าอาถรรพ์ไว้จะถูกทำลายลง     แล้วปีศาจที่ร้ายกาจกว่านี้จะโผล่ออกมา    อีกอย่างข้ารับหน้าที่แจ้งข่าวให้กับทางมหาวิหารอาร์เซนโทเฟียให้ทราบเรื่องนี้ด้วย     เซเนตเอ่ยถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาออสตราลิส   วิหารที่ทำหน้าที่ดูแลเหล่าผู้ใช้เวททั่วแดนพิภพและกำจัดปีศาจร้าย

     

                แล้วใครกันที่จะหยุดยั้งเจ้าปีศาจพวกนั้น ?  

     

     ไม่รู้!”     เซเนตบอกหน้าตาเฉยบ้าง

     

    อ้าว!”   

     

    ข้ารู้เพียงแต่ดวงแก้วแห่งบาลันเทียร์จะนำทางให้ข้าไปพบกับคนผู้นั้นตามคำทำนาย

     

    เฮ้อ!  คำทำนายอีกแล้ว

     

    ก็ใช่สิ    คำทำนายบอกว่าลูกแก้วแห่งบาลันเทียร์จะนำไปพบกับผู้ที่สามารถหยุดยั้งภัยพิบัติในตำนานที่กำลังจะมาเยือนได้   ผู้ที่เป็นแสงแห่งความหวัง

     

    เจ้าก็เลยคิดว่าเป็นข้า!?     เฮรอสชี้ที่ตัวเองเป็นเชิงถาม     เด็กหนุ่มเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจเหมือนกัน

     

    ข้าเนี่ยนะ    เจ้าว่าข้าเหมือนคนที่เก่งกล้า  คนที่จะเป็นความหวังให้ใคร ๆ ได้หรือไง    โอ้....สวรรค์!”

     

    ข้าก็คิดเหมือนกันว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด      เซเนตกระแทกเสียง   ชักเริ่มโมโห

     

    แสงแห่งความหวังที่ไหนจะหมกมุ่นอยู่กับสุรานารี    แถมยังลามก  ไร้ความคิดสิ้นดี

     

    เฮ้!   เฮ้!  เจ้าว่าข้าหรือไงน่ะ

     

    ใช่!   ที่พูดมาน่ะมันตัวเจ้าเลย       เฮรอสหัวเราะอย่างขบขันไม่ยักโกรธที่ถูกว่ากระทบ

     

    ใช่ ๆ เจ้าคิดถูกแล้ว  ข้าไม่ใช่ผู้กล้า   ไม่ใช่แสงแห่งความหวังของใคร   ข้าเป็นคนธรรมด้า...ธรรมดาเท่านั้นเอง  เจ้าไปหาที่อื่นเถอะ     เฮรอสกวัดไกวไสส่ง

     

    แต่ข้าไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน     ลูกแก้วบาลันเทียร์ก็ไม่เห็นส่องแสง   ตั้งแต่ข้าหล่นตุ้บลงไปที่หอแสงจันทร์นั่นแสงแห่งลูกแก้วมันก็ดับไปเลย      เจ้าหนุ่มน้อยเซเนตบอก

     

    เจ้าใช้พลังจากลูกแก้วในการเดินทางมาวินเดเนียงั้นเหรอ ?       ท่าทางเฮรอสเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

     

    ใช่   ถ้าเดินทางตามปกติมันต้องใช้เวลามาก   ไหนจะต้องผ่านป่าหลงลืมที่เต็มไปด้วยภูตพราย  ไหนจะผ่านอาณาจักรต่างๆ ที่กำลังมีปัญหากันอยู่  ยุ่งยากแล้วก็อันตราย   ท่านจอมปราชญ์ก็เลยให้ข้าใช้ลูกแก้วนี่ช่วยในการเดินทางและนำทาง

     

    ข้าขอดูลูกแก้วบาลันเทียร์หน่อยได้ไหม      เฮรอสถาม   ตอนนี้ทั้งคู่หยุดเดินหันมาเผชิญหน้าคุยกันอย่างเคร่งเครียด      เซเนตออกจะลังเลแต่แล้วก็ตัดสินใจหยิบลูกแก้วที่เก็บไว้ในอกเสื้อออกมา      ดวงแก้วใสกระจ่างวางอยู่บนฝ่ามือผู้ที่เป็นเจ้าของ      เฮรอสมองอย่างพิจารณาประกายในดวงตาวาบขึ้นเพียงนิดเดียวก่อนจะสลายไปจนเด็กหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็น

     

    เจ้าเป็นใคร?     เซเนตกระพริบตาปริบ ๆ มองอีกฝ่ายงุนงง

     

    ก็ข้าชื่อเซเนต  เป็นชาวบาลันเทียร์ไง

     

    ชาวบาลันเทียร์ธรรมดาจะครอบครองลูกแก้วแห่งบาลันเทียร์ได้หรือ    เท่าที่ข้ารู้ลูกแก้วบาลันเทียร์เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของวิหารหลวง    ผู้ที่สามารถจะครอบครองลูกแก้วได้นอกจากราชาแห่งบาลันเทียร์    จอมปราชญ์ หรือจอมเวทแห่งอาณาจักรแล้วก็มีอีกเพียงไม่กี่คน   ฉะนั้นคนที่เป็นที่วางใจให้ครอบครองลูกแก้วบาลันเทียร์ได้ย่อมต้องมีความสำคัญมาก   

     

    เซเนตยังรักษาสีหน้าให้ราบเรียบเป็นปกติแม้จะนึกทึ่งกับความฉลาดรอบรู้ของเจ้าหนุ่มเสเพลผู้นี้อยู่เหมือนกัน

     

    ข้าเซเนต  เป็นเด็กกำพร้า   ถูกเลี้ยงดูมาโดยผู้เฒ่าเบล   จอมเวทแห่งอาณาจักรบาลันเทียร์    ส่วนลูกแก้วบาลันเทียร์นั้น   ท่านเฮกาจอมปราชญ์แห่งอาณาจักรของข้าเป็นคนมอบให้เพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทางและให้ลูกแก้วนำพาข้าไปพบกับคนที่ท่านจอมปราชญ์ทำนาย

     

    ดูเหมือนเฮรอสจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่สนใจในสิ่งที่เด็กหนุ่มบอกจึงไม่ซักไซ้ต่อ  แต่กลับย้อนถาม

    จอมเวทคนเดียวจะหยุดยั้งภัยพิบัติตามคำทำนายได้หรือ ?    คำถามไม่เชื่อถือเลยซักนิด

     

    ไม่รู้   ข้ามีหน้าที่ทำตามคำสั่ง    ไม่มีอำนาจตัดสินใจ     ข้ารู้แต่ว่าข้าต้องตามหาคนในคำทำนายเท่านั้น     เซเนตมองสบตาเฮรอส    ประกายตาเด็กหนุ่มมุ่งมั่น

     

    แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่เจ้าต้องตามหาอยู่ที่ไหน ?     เซเนตส่ายศรีษะจนปัญญาที่จะตอบเช่นกัน

     

    ไปหาอะไรกินกันก่อนค่อยคิดทีหลังก็แล้วกัน       ชายหนุ่มสรุปง่าย ๆ พลางก้าวนำ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×