ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องครักษ์พิทักษ์หลังคา (สนพ.เฟยฮุ่ย)

    ลำดับตอนที่ #4 : ความสุขของนักปราชญ์ พยัคฆ์และดอกไม้ (2) รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.4K
      332
      27 มิ.ย. 62

         

    -หลังจากนี้ไรท์จะทยอยลงตอนที่รีไรท์เรื่อย ๆนะคะ แล้วก็ถ้าผ่านบทนี้ไปจะไม่กดแจ้งเตือนแล้วจนกว่าจะถึงบทใหม่ที่ไม่เคยเอาลง

       -เนื้อหาไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ไรท์แค่เปลี่ยนกลุ่มคำกับเพิ่มรูปประโยคนิดหน่อยให้เนื้อเรื่องมันสมูทขึ้น 

       -จริง ๆแอบเปลี่ยนคาร์แรคเตอร์นางเอกติ๊ดนึง ให้สมน้ำสมเนื้อกับคนโฉดแบบพี่เยว่ 

    (มี่ฮวาหันหน้ามาด้วยอินเนอร์มุนินทร์ : มี่ฮวาจะไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไปนังพี่เยว่)

    ถ้าใครขี้เกียจอ่านซ้ำช่วงนี้ข้าม ๆไปก่อนก็ได้ค่ะ
    ถ้าถึงบทใหม่ที่ไรท์ยังไม่เคยเอาลงไรท์จะไม่ต่อท้ายว่ารีไรท์แล้วกันเนาะ จะได้รู้กัน

    #ด้วยรักและปลาทู จุ๊บ

    ------------------------------------------------------------------------------------------


         ‘องครักษ์เงาบางครั้งก็ไม่ต่างจากศรีภรรยา นอกจากจะต้องเชื่อฟังผู้เป็นนาย การนอนหลับก็ต้องตื่นก่อนนอนทีหลังอยู่เสมอ ไหนจะต้องคอยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเรือน เหลือเพียงการปรนนิบัติบางเรื่องพวกเขาก็เกือบแทนตัวเองว่าเป็นฮูหยินได้แล้ว

    เจิ้งหู่

     

         ในต้นยามเหม่า (05.00 . - 06.59 .) ของทุกวันเหล่าเงาของจ้าวเยว่เทียนจะต้องติดตามเขาไปฝึกซ้อมวรยุทธ์ที่ลานอยู่เสมอ บริเวณที่ฝึกซ้อมนั่นถึงแม้จะอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่สถานที่ซ้อมกลับมีเรือนหลังยาวเป็นจุดบังสายตา มีลานเล็ก ๆเชื่อมกันเท่านั้นเพื่อปิดบังไม่ให้คนภายนอกเห็นการฝึกขององครักษ์เงา ต่อให้คนที่อยู่ภายในลานด้านหน้าจะเป็นกองทหารในควบคุมของจ้าวอ๋องก็ตาม

         อันที่จริงจ้าวเยว่เทียนมีตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพของกองกำลังรักษาเมือง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตอนเขาอายุได้ 17 ทำให้หน้าที่ควบคุมการฝึกซ้อมทหารในสังกัดเป็นของเขาแทนจ้าวซงหยวนที่อายุมากขึ้น

         ถึงแม้จ้าวเยว่เทียนจะมีทั้งตำแหน่งและชาติกำเนิดอันสูงศักดิ์ อีกทั้งวรยุทธ์และรูปโฉมก็จัดว่าไม่เป็นรองใคร แต่ข่าวทางด้านไม่ดีของเขากลับมีอิทธิพลต่อคนในเมืองมากกว่า เป็นธรรมดาของมนุษย์เดินดินที่ย่อมจะมองข้อเสียของผู้อื่นมากกว่าด้านที่ดี ต่อให้ข้อเสียจะมากน้อยเพียงใด คนก็พร้อมที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิมเพื่อทำให้ตนเองรู้สึกสูงส่งขึ้นมาบ้าง

         เมื่อคืนข้ารู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ คืนนี้แลกที่กันดีหรือไม่เจิ้งหู่พูดไปบิดตัวเพื่อคลายความเมื่อยไปด้วย

         ได้สิมี่ฮวาตอบตกลง เมื่อคืนนางนอนเฝ้าจ้าวเยว่เทียนอยู่ที่ชุดโต๊ะชาเล็ก ๆที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงของเขา มีเพียงผ้าม่านบาง ๆกั้นไว้ ก่อนจะนอนก็ยังหันตะแคงข้างมานั่งจ้องนางพร้อมทำสายตาละห้อย นางจึงตัดรำคาญด้วยการสะบัดมือดับเทียนที่อยู่ในห้องลงพร้อมแกล้งหลับตาเสีย

         ส่วนเจิ้งหู่ขึ้นไปนอนบนคานของตัวเรือน ที่จริงคานของเรือนมีขนาดที่ใหญ่กว่าเรือนทั่วไป แต่เจิ้งหู่ที่เป็นบุรุษรูปร่างสูงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อคงรู้สึกอึดอัด ที่จะไปทรงตัวอยู่บนนั้นทั้งคืน

         แต่ก่อนตอนที่ทั้งสองยังตัวเท่า ๆกัน นางจำได้ว่าอยู่ด้านบนนั้นสองคนยังไม่อึดอัดเท่าใด ยามนี้สหายของนางเติบโตแซงนางไปมากโข ไม่แปลกที่จะอยู่ไม่ได้

         เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไปในลานมี่ฮวาและเจิ้งหู่แยกกันไปหาแต่ละฝ่ายของตนเพื่อตรวจทานงานที่ได้มอบให้

         เนื่องจากมี่ฮวากลับมาก่อนงานจะสำเร็จ นางจึงได้ให้เงาที่อยู่ในสังกัดนางที่ติดตามไปด้วยอยู่สืบข่าวต่อ และตอนนี้เขาก็พึ่งกลับมาถึงและรอรายงานความคืบหน้าอยู่

         รายงานมานางกล่าวเสียงเรียบ

         หลังจากวันนั้นมีการประมูลซื้อขาย แจกันหยกหายากในราคาที่ต่ำผิดปกติอีกสองครั้งขอรับเงาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเอ่ยรายงาน

         แล้วที่ข้าหายไปกระทันหันมีใครสงสัยหรือไม่นางออกมาแบบกระทันหัน ตัวตนของนางที่นางวางเอาไว้หายไปแบบน่าสงสัยย่อมไม่เป็นผลดีต่อการสืบข่าวครั้งถัดไป

         ไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าน้อยปล่อยข่าวว่าขบวนสินค้าของเถ้าแก่เนี้ยถูกดักปล้น ในจำนวนสินค้าที่หายไปมีของหายากจากต่างเมืองที่ต้องส่งลูกค้า ตอนนี้เถ้าแก่เนี้ยจึงออกเดินทางไปหาของใหม่ขอรับลูกน้องตรงหน้าตอบอย่างฉะฉาน

         การปล่อยข่าวเช่นนี้ต่อให้นางหายตัวไปนานแล้วปรากฎตัวไปใหม่ก็คงไม่มีใครสงสัยเป็นแน่ เป็นการดีที่นางไม่ต้องสร้างตัวตนใหม่เพื่อสร้างความสนิทสนมกับเหล่าพ่อค้าพวกนั้นอีก

         ดีมาก เจ้าไปพักได้พูดจบเงาด้านหน้าก็แสดงความเคารพแล้วเดินออกไป

         หันไปที่ลานอีกฝั่งหนึ่ง มีเสียงประดาบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างใหญ่โตในชุดสีดำสนิทกำลังเหวี่ยงดาบเล่มใหญ่ในมืออย่างดุดันใส่คู่ต่อสู้ที่แทบจะปลิวไปตามแรงดาบ แววตาที่โผล่พ้นผ้าที่ปิดบังใบหน้ามีแววอำมหิตอย่างผิดแผกไปจากยามที่ไม่ได้จับดาบ ใครจะไปเชื่อว่ายามที่เจิ้งสี่ไม่ได้จับดาบเขาจะมีท่าทางที่ใสซื่อบริสุทธิ์ และมักมาพร้อมรอยยิ้มอันสดใสเสมอ

         เหล่าองครักษ์เงาขั้นสองตัวเล็ก ๆยามนี้ที่อยู่ในสังกัดของเจิ้งสี่ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับภาวนาให้เขาหมดแรงก่อนที่จะถึงตาของตนที่ต้องขึ้นไปต่อสู้แทนสหายที่พึ่งโดนเขี่ยกระเด็นออกจากลานประลองแต่ดูจากลักษณะการวาดลวดลายยามนี้ คงอีกนานกว่าที่เขาจะหมดแรง

         ไม่รู้วันนี้ท่านหัวหน้าไปกินรังแตนมาจากที่ใดจู่ ๆก็เรียกทุกคนในสังกัดให้เข้ามาประลอง บอกว่าถ้าหากไม่มีใครล้มเขาได้ก็จะให้วนต่อสู้ไปเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นท่านเจิ้งสี่คุยกับท่านเจิ้งซื่ออยู่แท้ ๆ ครู่เดียวก็หันมาตวาดเรียกรวมทุกคนให้มารวมตัวกัน

         พลันสายตาทุกคนเหลือบไปเห็นท่านรองหัวหน้าเจิ้งหู่เดินเข้ามา ทุกชีวิตรีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือ พวกเขาโดนซัดกันไปคนละสองรอบแล้วให้โดนกันอีกทีคงต้องหามออกจากลานเป็นแน่

         เจิ้งหู่เห็นสายตาของเหล่าลูกน้องพร้อมยิ้มน้อย ๆ เขาเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นที่เจิ้งสี่คุยกะเจิ้งซื่อแล้วผละออกมา เกรงว่าต้นเหตุของพายุอารมณ์ในคราวนี้คงหนีไม่พ้นบุรุษดูคล้ายนักปราชญ์ที่นั่งจิบชาอยู่ใต้ไม้ใหญ่อย่างสบายอารมณ์

         เจิ้งสี่ที่เห็นเจิ้งหู่เดินเข้ามาจึงเรียกให้เข้ามาสู้กับเขา  เจิ้งหู่ เจ้าช่วยมาเป็นคู่ซ้อมกับข้าทีสิ เจ้าพวกนี้เหยาะแหยะกันเหลือเกิน  ลูกน้องเขาสงสัยยังฝึกหนักไม่พอ ประดาบกับเขาได้เพียงนิดก็พากันถลาออกนอกลานประลองเสียแล้ว

         ไม่ล่ะ เดี๋ยวข้าต้องซ้อมกับมี่ฮวาอีก เชิญท่านตามสบายเขารีบปฏิเสธทันที พร้อมกับเดินไปหามี่ฮวา เรื่องอะไรเขาต้องออกแรงเยอะเกิน เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยสบายวันนี้เลยไม่อยากหักโหมตั้งแต่เช้า

         มี่ฮวา วันนี้เจ้าจะซ้อมกับข้าหรือไม่เขาถามนางที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบชาอยู่กับเจิ้งซื่อ

         ได้สิ ไม่ได้ซ้อมกับเจ้านานแล้วเหมือนกันนางตอบตกลง และหันไปคุยกับเจิ้งซื่อ

         ท่านจะไม่ซ้อมกับคู่ของท่านซักหน่อยหรือนางเห็นนะว่าเจิ้งสี่ส่งสายตาท้าทายมาให้เขาได้สักระยะแล้ว

         เจิ้งซื่อเพียงจิบชาแล้วตอบกลับมาเบา ๆ  ข้าไม่ชอบสู้กะคนป่าเถื่อน

         จบคำของเจิ้งซื่อทุกคนพลันเห็นหางตาของเจิ้งสี่กระตุก ถึงแม้เจิ้งซื่อจะพูดเสียงเบาปานใดแต่ด้วยในที่นี้ทุกคนมีวรยุทธ์ ย่อมได้ยินกันถ้วน

         หลังจากวางระเบิดเสร็จเขาก็พลิ้วกายหายไปส่งแต่เสียงลอยมาตามลมข้าจะไปเฝ้าซื่อจื่อ  ทุกคนหันไปมองเจิ้งสี่ที่ได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่กลางลาน เจิ้งหู่กลัวว่าตนจะกลายเป็นที่ระบายจึงรีบส่งสายตาเร่งมี่ฮวาออกไปฝึกกลางลาน

         ทั้งสองตกลงกันว่าจะซ้อมกันแบบเบา ๆจึงเลือกดาบไม้เท่านั้นในการซ้อม

         เพลงดาบของทั้งคู่มีลักษณะที่คล้ายกัน หากแต่ของเจิ้งหู่จะเน้นที่ความแรงและดุดันส่วนของมี่ฮวานั้นมีความลื่นไหลเฉียบขาดในทุกกระบวนท่า เหตุที่ทั้งสองมีเพลงคล้ายคลึงกันเป็นเพราะทั้งคู่มีอาจารย์ที่ฝึกสอนคนเดียวกัน แต่เนื่องจากสรีระที่ต่างกันจึงมีการพลิกแพลงให้เข้ากับแต่ละคน

         ภาพที่ทุกคนเห็นยามนี้เป็นการต่อสู้ที่งดงามทั้งสองสอดประสานกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งแสงอาทิตย์ที่สาดแสงอ่อน ๆกระทบที่กายของทั้งสองทำให้ดูเหมือนดูการร่ายรำกระบี่ของเทพและเทพธิดาก็ไม่ปาน

         ช่างเป็นภาพที่สวยงาม

         ใช่ ! สวยงามจนเกินไป สวยงามจนพานให้หงุดหงิด

         จ้าวเยว่เทียนมายืนดูทั้งสองได้สักครู่หลังจากที่เขาตรวจความเรียบร้อยของทหารที่อีกฟากนึงแล้วเขาจึงเดินมาดูเหล่าเงาของเขาและทันได้เห็นการร่ายรำกระบี่อันงดงามของทั้งคู่ พลันความคิดชั่วร้ายค่อย ๆคืบคลานเข้ามาในใจเขา จากนั้นความคิดชั่วร้ายจึงสั่งให้เขาตะโกนบางอย่างออกไป

         ใครชนะข้ามีรางวัลใหญ่ให้!”

         “…”

         เพียงเท่านั้นการร่ายรำกระบี่อันงดงามก็เปลี่ยนไป จากเทพธิดาและเทพบุตรกลายเป็นมารชายหญิงเข้าห้ำหั่นกัน ทั้งสองโยนดาบไม้ทิ้งไปพลางดึงอาวุธประจำตัวที่เหน็บไว้ที่เอวออกมา เจิ้งหู่ใช้ดาบเกล็ดหิมะที่มีลักษณะเป็นดาบคู่เข้าจู่โจมระยะประชิดมี่ฮวาจึงต้องดึงกระบี่ที่เอวออกมาสกัดไว้ 

         เจ้าสหายตัวดี! ไม่คิดจะยั้งแรงเลยหรือไร 

         มี่ฮวาแขนชาไปหมดจากแรงปะทะพลันพลิกกระบี่ออกมาจากดาบของเจิ้งหู่พร้อมกับกวาดเท้าเตะไปที่ข้อพับเพื่อเพิ่มระยะห่างจากกัน เจิ้งหู่ที่เห็นดังนั้นพลันถอยหลบแล้วรีบจู่โจมเข้าไปใหม่เพื่อไม่ให้มี่ฮวาถอยออกไปจากเขา ถ้าหากเริ่มมีระยะห่างการต่อสู้ครั้งนี้นางจะได้เปรียบทันที

         มี่ฮวาพยายามหาช่องว่างเพื่อเว้นระยะแต่เจิ้งหู่ก็ยังคงตามติดทำให้มองจากภายนอกเห็นเป็นเงาวูบไหว แต่ถ้าเรื่องความเร็วแล้วมี่ฮวานับว่าเหนือกว่าเจิ้งหู่อยู่ระดับหนึ่ง จนเมื่อสบโอกาสมี่ฮวาจึงโปรยผงสีขาวใส่ตาของเขา

         เจ้าบ้านี่!”  นี่นางอยากให้เขาตาบอดรึถึงได้เอายาพิษนางมาใช้กะเขา กล่าวพลางวาดกระบี่อย่างรุนแรงเพื่อให้ลมจากดาบพัดผงให้หายไป

         เจ้าพยัคฆ์โง่! นั่นผงแป้งธรรมดาต่างหากเล่านางหัวเราะพลางถอยห่างจนถึงระยะที่พอใจ จากนั้นจึงเก็บกระบี่ไว้ที่ข้างเอวแล้วหยิบแส้ออกมาแทน อาวุธที่นางถนัดนอกจากอาวุธประเภทซัดเช่นมีดสั้นและเข็มแล้ว ที่นางมักใช้บ่อยคือแส้ แส้ของนางด้ามจับเป็นสีขาวทำมาจากงาช้างส่วนปลายพู่ยาวเป็นสีแดงถักทออย่างประณีตสวยงาม

         อ่านี่สิถึงจะเหมาะกับการเป็นดอกไม้ของเขาจ้าวเยว่เทียนคิดพลางยิ้มกริ่ม เขาชอบยามนางแผลงฤทธิ์แบบนี้ยิ่งนัก

         ได้เวลาเอาคืนละนะนางบอกพร้อมสะบัดแส้อย่างรวดเร็วไปหาเขา ก่อนหน้านี้เจ้านั่นฟาดดาบมาที่นางแบบไม่ยั้งแขนนางชาไปหมด จนบางทีกันไม่ทันทำให้ได้รอยแผลที่แขนแบบถากๆมาหลายรอย

         พายุแส้กระหน่ำฟาดมาที่เจิ้งหู่แบบไม่ยั้งมือ ครั้นเขาจะใช้ดาบฟันแส้นางก็เหนียวเกินไป เริ่มมีรอยแผลเล็ก ๆปรากฏบนร่างของเขา นับว่านางยังเมตตาเขาที่ไม่กระชากให้เนื้อหลุดออกไปด้วย นางฟาดไปได้สักพักเมื่อสบโอกาสนางใช้แส้ตวัดจนดาบหลุดจากมือเขาไปหนึ่งเล่ม  ช่วงที่ดาบหลุดจากมือเขาก็รีบพุ่งเข้าไปประชิดนาง นางจึงรีบใช้แส้ตวัดแขนเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาฟาดดาบลงมา เจิ้งหู่เห็นดังนั้นจึงฟันศอกไปที่นางพอดีกับที่นางเตะไปที่คางของเขา

         ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเห็นอีกทีทั้งสองก็ลงไปกองที่พื้นพร้อมๆกัน

        การฝึกช่วงเช้าจบลงแล้วเมื่อถึงยามเฉินจ้าวเยว่เทียนจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักได้ เจิ้งสี่กับเจิ้งซื่อได้มาหิ้วเอาเจ้าโง่สองคนที่คอพับคออ่อนไปจากลานฝึกอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ว่าหัวทั้งสองยังไม่กระแทกพื้นก็หายวับออกไป เหลือแต่ลานโล่ง ๆให้เงาน้อยทั้งหลายมองตาค้าง ทั้งสองไม่สามารถปล่อยภาพพจน์อันน่าเกรงขามของทั้งคู่ย่อยยับลงได้ในฐานะหัวหน้าระดับสูงขององครักษ์เงา ส่วนตัวการที่ก่อความร้าวฉานเดินผิวปากกลับไปกับเกาเทียนฉีที่เรือนแล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×