ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องครักษ์พิทักษ์หลังคา (สนพ.เฟยฮุ่ย)

    ลำดับตอนที่ #16 : โรงประมูลลึกลับ (1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.9K
      201
      19 ก.ค. 62

        ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นมี่ฮวาตื่นก็ต่อเมื่อมีแสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามาภายในห้อง ปกตินางไม่เคยตื่นเวลานี้แต่เนื่องจากเมื่อคืนมีเรื่องให้ขบคิดอีกทั้งจากความอ่อนล้าจากการเดินทางทำให้นางหลับนานกว่าปกติ ส่วนเจิ้งหู่ที่นอนอยู่ข้างๆเตียง หากนางไม่ตื่นย่อมไม่เคยตื่นก่อนหากไม่มีเหตุคับขัน

         ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องของนาง “คุณหนูเจ้าคะ ตื่นหรือยังเจ้าคะ” เป็นเหมยซือที่มาปลุกนาง

         มี่ฮวาเกือบขานรับให้นางเข้ามาแต่เมื่อกวาดสายตาไปที่โต๊ะนางก็พบว่านางยังไม่ได้ปลอมตัว ด้วยอารามตกใจนางจึงรีบลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว

         “แอ่ก!” เจิ้งหู่ที่กำลังงัวเงียอยู่ข้างเตียงนางโดนนางทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาเหยียบที่ท้องของเขาแล้วลุกพรวดพราดออกไปที่โต๊ะตรงกลางห้อง ยังไม่ทันที่เขาจะด่านางก็ได้ยินคนด้านนอกส่งเสียงออกมา

         “ข้าขอเข้าไปนะเจ้าคะคุณหนู” เหมยซือขออนุญาตก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา ภาพที่นางเห็นทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย

         มี่ฮวาที่ถลาไปสวมหน้ากากบนโต๊ะตอนนี้กำลังเอามือกุมศีรษะเอาไว้ทั้งสองข้างเนื่องจากหน้ากากยังไม่แนบสนิทไปกับใบหน้าดีกำลังเอาตัวคร่อมโต๊ะไว้ ข้างๆเตียงมีกองผ้าห่มผืนโตกองอยู่ซึ่งในนั้นมีเจิ้งหู่ที่นอนจุกอยู่จนกระโจนออกไปไม่ทันขดตัวหลบอยู่

         “คุณหนูไม่สบายหรือเจ้าคะ” เหมยซือถามด้วยอาการเป็นห่วง

         “ข้าไม่เป็นอันใดเพียงจะรวบผมเพียงเท่านั้น” มี่ฮวารีบบอกพร้อมกับพยายามเบือนหน้าหนีแล้วรีบลูบหน้ากากให้ติดไปกับใบหน้าให้มากที่สุด

         เหมยซือเห็นนางหันหน้าไปจึงหันไปสนใจกองผ้าห่มแทน “เอ๋... เมื่อคืนคุณหนูนอนที่พื้นหรือเจ้าคะ” นางหันไปเพื่อเตรียมจะเก็บผ้าห่มขึ้นมาให้มี่ฮวา

         เจิ้งหู่ที่นอนนิ่งๆอยู่รู้สึกได้ถึงน้ำหนักของผ้าห่มเริ่มหายไปก่อนที่เหมยซือจะสะบัดผ้าห่มขึ้นเขาก็รีบพลิกกายไปเกาะอยู่ใต้เตียงทันที แขนขาทั้งหมดสั่นระริกเมื่อพยายามยันตัวเอาไว้กับคานของเตียงด้านล่าง ฝั่งมี่ฮวาหัวใจจะก็แทบกระดอนออกจากปากเมื่อเห็นนางเข้าไปยุ่มย่ามกับผ้าห่ม นางรู้ว่าเจิ้งหู่ไม่มีทางพลาดแต่นางก็อดลุ้นระทึกไม่ได้

         “คนอื่นทำอันใดอยู่หรือ” นางรีบเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อเห็นชายผ้าของเจิ้งหู่โผล่ออกมาจากใต้เตียง

         “ข้าเห็นว่าสายแล้วจึงอาสามาปลุกท่านเจ้าค่ะ คุณชายตอนนี้รอรับสำรับอยู่ที่ด้านล่างแล้วเจ้าค่ะ” เหมยซือเอ่ยพร้อมกับเตรียมเสื้อผ้าและอ่างน้ำล้างหน้าให้มี่ฮวา

         “ขอบใจมาก ข้าวานเจ้าลงไปบอกด้านล่างว่าข้ากำลังจะตามไป” นางรีบไล่เหมยซือออกไปก่อนที่ความจะแตก

         เมื่อเหมยซือเดินออกไปเจิ้งหู่ก็คลานออกมาจากใต้เตียงทันที “ช่วงนี้เจ้าได้ไปเอาเลือดมาจากนางหรือไม่” เท่าที่เขารู้นี่น่าจะเป็นวันที่สามแล้วที่นางไม่ได้เอาเลือดไปให้เจิ้งซื่อ

         “หืม? ข้านึกว่าเจ้าแอบไปเอามาให้แล้ว เพราะพี่ซื่อไม่ได้ทวงเลือดจากข้า” นางหันไปคุยกับตัวต้นเหตุของความระทึก เมื่อคืนนางไล่ให้เจิ้งหู่ไปนอนที่อื่นเขาก็ไม่ยอมไปเพราะบอกว่าอยากนอนแบบสบายๆไม่เบียดคนอื่น

         “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่กล้าเข้าไปในห้องนอนสตรีหรอก ไม่อยากโดนกล่าวหาว่าเป็นโจรเด็ดบุปผา” เจิ้งหู่กล่าวขึ้นมา

         “สงสัยพี่ซื่อคงเข้าไปเอามาเองแล้วล่ะไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก” มี่ฮวารีบปัดความสงสัยทิ้งไปก่อนจะรีบจัดการตนเองให้เรียบร้อยแล้วออกไป

         เจิ้งหู่ได้แต่ยืนคิดอยู่ในห้อง เพราะลางสังหรณ์เขาบอกว่าเจิ้งซื่อไม่น่าเป็นคนไปเอา แล้วใครเป็นคนไปเอาล่ะ? คิดไปก็เท่านั้นเพราะตอนนี้ท้องเขาเริ่มประท้วง กะจะชวนมี่ฮวาไปเที่ยวเล่นที่ตลาดเสียหน่อย แต่นางดันลงไปด้านล่างเสียแล้วดูท่ามื้อนี้เขาคงต้องไปหาของกินผู้เดียวดังเดิม แต่ก็ดีเขาจะได้ไปเริ่มแผนการที่คิดไว้กับนางเมื่อคืน

     

         เมื่อมี่ฮวาลงมาด้านล่างก็พบทุกคนนั่งรออยู่พร้อมเพรียงกันก่อนแล้ว จ้าวเยว่เทียนหันมาส่งยิ้มให้นางพร้อมกับขยับเก้าอี้เพื่อบอกให้รู้ว่านางต้องนั่งข้างเขา บนโต๊ะมีอาหารอยู่ประมาณสี่อย่าง แต่จ้าวเยว่เทียนกลับมีถ้วยโจ๊กเห็ดหอมอยู่หน้าที่นั่งของตน มี่ฮวารู้ได้คิดว่าเขายังทำใจที่จะทานอาหารร่วมกับเหมยซือไม่ได้ ที่เขาไม่ออกอาการไม่อยากร่วมโต๊ะกับนางนี่ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว

         “วันนี้เราจะไปที่ใดกันก่อนดีเจ้าคะท่านพี่” นางยอมเรียกสรรพนามที่เขาต้องการออกมาเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย

         “วันนี้ไปเดินเที่ยวในตัวเมืองดูก่อนดีหรือไม่แล้วเราค่อยหาสินค้าอีกที” จ้าวเยว่เทียนยิ้มรับกับคำเรียกของนาง “พ่อบ้านเกาท่านมีธุระอันใดที่ต้องทำก็ไปทำเถิด ข้ากับอิ๋งเอ๋อร์ไปกันเองได้” เขารีบเอ่ยกันไม่ให้เกาเทียนฉีตามมาเพราะกลัวจะต้องพ่วงคนอื่นไปด้วย

         คนอื่นของจ้าวเยว่เทียนคือเหมยซือ คราแรกเขาไม่ยินยอมที่จะให้นางติดตามมาด้วยแต่เมื่อรู้เหตุผลว่าต้องใช้เลือดจากนางจึงยินยอม อีกทั้งการเข้าเมืองครานี้มีนางมาด้วยทำให้คนอื่นไม่จับตามากเนื่องจากพวกเขาดูเป็นครอบครัวดี เพราะถ้าหากไม่แยกเกาเทียนฉีที่มักจะทำหน้าถมึงทึงข้างๆกายเขาตลอดเวลาออกไปบ้างคนย่อมสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขา

         “พ่อบ้านเกาช่วยไปเลือกผ้าดีๆให้ข้าหลายๆผืนได้หรือไม่ข้าจะนำไปเป็นของฝาก ถ้าอย่างไรวานเหมยซือช่วยแนะนำให้ข้าด้วย” ประโยคหลังนางหันไปบอกกับเหมยซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามนางเมื่อเห็นสีหน้านางซึมลงเล็กน้อยที่ได้ยินจ้าวเยว่เทียนบอก

         “ได้เจ้าค่ะคุณหนู เรื่องนี้ไว้ใจข้าได้เลยเจ้าค่ะ” เหมยซือตาเป็นประกายทันทีที่เมื่อนางได้ทำตัวเป็นประโยชน์

         เพียงครึ่งชั่วยามทั้งสี่ก็ออกมาจากที่พักโดยแยกย้ายออกเป็นสองกลุ่ม มี่ฮวาโดนจ้าวเยว่เทียนจูงมือนำลิ่วไปทางสะพานข้ามฟากทันที

         “เราจะไปที่ใดกันก่อนดีเจ้าคะ” มี่ฮวาถามเนื่องจากจ้าวเยว่เทียนไม่ยอมบอกว่าจะไปที่ใด

         “เราจะไปแลกตั๋วเงินกัน” เขาหันมาตอบนางพร้อมกับคอยเอาตัวบังไม่ให้คนอื่นมาชนนางพร้อมกับไม่ยอมปล่อยมือนางแม้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเดินเคียงกันได้

         เมื่อวานยามค่ำคืนว่าคนพลุ่กพล่านแล้ว แต่ยามนี้เรียกได้ว่ามากกว่าหลายเท่านักทั้งสองโดนเบียดมาตลอดทางมี่ฮวาเริ่มรู้สึกอึดอัดและอยากขึ้นไปอยู่บนหลังคา ด้านบนนั้นการสัญจรไม่ได้คับคั่งเหมือนด้านล่างที่นางกำลังเผชิญอยู่เรียกได้ว่าโล่งมากเพราะถ้าไม่ใช่องครักษ์เงาเหมือนพวกนางคนสติดีย่อมไม่ไปเดินบนหลังคาแน่นอน

         “ทนอีกนิด เพียงครู่ก็ถึงแล้ว” จ้าวเยว่เทียนบอกคนด้านหลังที่ดูจะไม่ชินกับการเดินในที่ที่คนเยอะ

         “ท่านรู้ทางหรือเจ้าคะ” มี่ฮวาถามเขาที่เดินไปเรื่อยๆแบบไม่หยุดคิดสักนิด

         “เรียกข้าแบบเมื่อครู่ไม่ได้หรือ” นางยอมเรียกเขาว่าท่านพี่แบบเมื่อตอนทานอาหารเขาคิดว่ามันน่ารักมาก เขาจะให้นางเรียกให้ติดปากหลังจากนั้นค่อยให้นางเปลี่ยนเป็นชื่อจริงๆของเขา

         อ่า...ความพยายามของเขานี่น่านับถือจริง ๆ

         “เจ้าค่ะท่านพี่” มี่ฮวายอมเรียกแต่โดยดีหลังจากโดนเจิ้งหู่ตะล่อมมาเมื่อวานนางจะไม่คิดไปเองและจะไม่กังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดอีกแล้ว นางตัดสินใจว่านางจะให้โอกาสเข้าและให้โอกาสแก่ตัวเอง

         จ้าวเยว่เทียนแทบสะดุดพื้นหัวทิ่มที่เห็นนางยอมเรียกเขาแบบไม่ต่อล้อต่อเถียงเหมือนทุกที เมื่อหันไปก็ได้รับร้อยยิ้มน้อยๆจากนาง หัวใจเขาพลันเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันทีพร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากนาง

         “ตัวก็ไม่ร้อนหนิ” เขาบ่นพึมพำกับตนเอง เมื่อเห็นอาการแปลกไปของมี่ฮวา

         หรือว่าเขาไปคว้ามือตัวปลอมมา! คิดแล้วก็ขนลุกเกรียว

         มี่ฮวาเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความคิดอันบรรเจิดของจ้าวเยว่เทียนจึงบังคับให้เขาเดินต่อไป ถึงแม้เขาจะหันมามองนางเป็นระยะเดินไปชั่วครู่นางก็รู้สึกคุ้นๆสถานที่แถวนี้ขึ้นมา

         “เมื่อวานเราก็ผ่านทางนี้ใช่ไหมเจ้าคะ” นางจำบ้านเรือนได้ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะมืดกว่านี้ ขณะที่กำลังจะหันไปถามต่อจ้าวเยว่เทียนก็เอ่ยขัดขึ้นมา

         “โอ้ ! นี่ไงเจอแล้ว แหมช่างบังเอิญเสียจริง” จ้าวเยว่เทียนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้โบกพัดไปมากลบเกลื่อนความผิดของตนที่หลอกนางไปนั่งเรือเล่นเมื่อวาน

         “ท่านเจอตั้งแต่เมื่อวานแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” นางกลับมาใช้น้ำเสียงเหมือนเดิมเพื่อคาดคั้นเขาทันทีหลังพบว่าโดนคนข้างหน้าตุ๋นเสียเปื่อยเมื่อพบร้านแลกตั๋วเงินอยู่ใกล้ๆกับท่าน้ำที่พวกนางเทียบท่าขึ้นมาเมื่อวาน

         “ข้าก็พึ่งสังเกตตอนที่ขึ้นเรือมาพร้อมกับเจ้านั่นแหละ” เขาจะไม่ยอมบอกให้นางรู้เด็ดขาดเมื่อเห็นสายตาของนางที่เริ่มวาววับเอาเรื่องเขาขึ้นมา

         “เข้าไปข้างในก่อนเถิด” จ้าวเยว่เทียนกล่าวพร้อมกับรุนหลังนางให้เดินไปก่อน มี่ฮวาจึงยอมพักยกไม่เถียงกับเขาต่อแต่เมื่อเห็นสัญลักษณ์ที่เป็นลวดลายติดอยู่ตรงหน้าต่างของร้านแลกตั๋วเงินนางก็อยากจะฟาดเขาแรงๆ

         คนเจ้าเล่ห์! นางแอบบริภาษเขาในใจแสดงว่าเขารู้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเดินแล้วเป็นแน่แต่กลับไม่ยอมบอกนางปล่อยให้นางเดินตามเขาต้อย ๆ อยู่นานสองนานเพื่อหาแหล่งข่าว

         ทั้งสองก้าวเข้ามาในร้านแลกตั๋วเงิน อันที่จริงจ้าวเยว่เทียนก็ไม่รู้ตั้งแต่แรกหรอกว่าสายข่าวของจ้าวเหวยเฟิงอยู่ที่ใดแต่เมื่อมาคิดดูให้ดี ๆจะมีสถานที่ใดอีกเล่าที่สามารถรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของเงินภายในแคว้นได้ดีกว่าร้านรับแลกตั๋วเงิน เมื่อวานเขาจึงมองหาแต่ร้านแลกตั๋วเงินเพียงเท่านั้น

         เขาไม่ได้ตั้งใจแกล้งนางเลยจริง ๆนะ สาบานขอให้ได้คนข้าง ๆเป็นชายา...

         จ้าวเยว่เทียนเห็นนางถลึงตาใส่เขา เขาจึงรีบหันไปคุยกับคนในร้านทันทีก่อนที่จะโดนนางเอ็ด “ข้ามาแลกตั๋วเงิน”กล่าวพร้อมกับยื่นตั๋วเงินให้จำนวนหนึ่ง รอจนกระทั่งได้เงินมาครบเขาจึงบอกรหัสที่ใช้ในการติดต่อทันที

         “ท่านพอจะแนะนำข้าได้หรือไม่ว่าแถวนี้มีที่ใดที่น้ำใสสะอาดที่สุด”  เมื่อเถ้าแก่ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับมา “เกรงว่านอกจากหลังบ้านข้าคงไม่มีที่ใดใสกว่านี้” พร้อมกับผายมือเชิญให้จ้าวเยว่เทียนและมี่ฮวาเดินเข้าไปตรงหลังร้าน

         เดินไปจนสุดทางเดินเถ้าแก่ก็ผลักแจกันหยกใบหนึ่งที่วางอยู่ริมหน้าต่างออก ทันใดนั้นห้องลับใต้ดินก็ค่อยๆเปิดออกมา ทั้งสองเดินตามเถ้าแก่ไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปเงียบๆ ดูจากทิศทางแล้วน่าจะลอดผ่านใต้แม่น้ำที่ติดอยู่เพราะบนผนังมีน้ำหยดลงมาเป็นระยะและมีน้ำขังเป็นแห่ง มี่ฮวาไม่อยากจะคิดเลยหากทางเดินมันถล่มลงมาพวกนางที่ติดอยู่ด้านในจะเป็นอย่างไร

         จนกระทั่งได้กลิ่นอากาศบริสุทธิ์แทนกลิ่นอับๆที่เปียกชื้นจากทางเดินมี่ฮวาถึงได้คลายความเครียดจากการเดินลอดแม่น้ำมาได้ ทั้งสามโผล่ขึ้นมาในบ้านหลังหนึ่งในบ้านมีเครื่องเรือนไว้รับรองแขก ตัวบ้านมีผนังที่ทึบทั้งหมดมีเพียงหน้าต่างที่อยู่สูงชะลูดไม่กี่บานคอยช่วยถ่ายเทอากาศให้เข้ามา ทำให้แสงแดดส่องเข้ามาไม่ค่อยถึงจึงได้แต่อาศัยแสงเทียนเพียงเท่านั้น

         เถ้าแก่บอกให้พวกเขารอสักครู่ตนจะไปตามคนมาให้ มี่ฮวากับจ้าวเยว่เทียนจึงได้แต่สำรวจบริเวณโดยรอบ

         รอไม่นานก็มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งสองเขาค้อมตัวทำความเคารพพร้อมกับมอบจดหมายและสมุดเล่มหนึ่งให้กับจ้าวเยว่เทียน “คารวะจ้าวหวังซื่อจื่อ นี่เป็นบันทึกของการแลกตั๋วเงินในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาขอรับ”

         “ท่านมีฉบับที่คัดลอกหรือไม่” จ้าวเยว่เทียนถามเมื่อเห็นความหนาของบันทึก ด้วยเมืองนี้คือเมืองที่เจริญด้านการค้าขายย่อมมีคนหลั่งไหลมาใช้บริการอย่างมากมาย ร้านแลกตั๋วเงินย่อมมีบันทึกที่หนาอย่างน่าตกตะลึง

         เขาคิดว่าจ้าวเหวยเฟิงอาจจะรู้ถึงความหนาของบันทึกเล่มนี้จึงมอบงานนี้มาให้เขา เขาไม่สามารถหาเบาะแสด้วยระยะเวลาอันสั้นได้แน่นอน ขณะที่กำลังกลุ้มอยู่ชายผู้นั้นก็นำอีกเล่มมาให้ที่มีความหนาไม่แพ้กันมาให้เขา

         “นี่คืออีกเล่มขอรับ ทั้งสองเล่มคือฉบับที่คัดลอกแล้วทั้งหมด”

         “.........”

         “ข้าได้ทวนไปแล้วรอบหนึ่งขณะคัดลอก พอจะบอกร้านที่มีเค้าลางความผิดปกติได้อยู่ไม่น้อยจึงได้จดรายชื่อออกมาให้แล้วขอรับ” คนของร้านแลกตั๋วเงินรีบบอกจ้าวเยว่เทียนที่ดูอึ้งๆไปกับความหนาของบันทึก เมื่อได้ยินเขาจึงผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย

         “ขอบคุณมาก ช่วยส่งข่าวบอกไท่จื่อว่าถ้าหากมีเรื่องที่จะติดต่อข้าให้ส่งข้อความผ่านทางพวกเจ้า ข้าจะส่งคนมาดูจดหมายในทุกๆวัน” จ้าวเยว่เทียนเอ่ยสำทับให้กับคนของจ้าวเหวยเฟิง

         “จ้าวหวังซื่อจื่อขอรับ ไท่จื่อฝากจดหมายมาให้ท่านอีกฉบับมันส่งมาได้หลายวันแล้วขอรับ” กล่าวพร้อมกับหยิบจดหมายที่มีตราประทับขององค์รัชทายาทยื่นให้เขา

         คิ้วเข้มย่นเข้าหากันทันทีเมื่อได้อ่านข้อความในจดหมาย รอยวิตกกังวลเกิดขึ้นในดวงตาเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกลับมาสงบดังเดิม “ขอบใจ” จ้าวเยว่เทียนเอ่ยก่อนที่จะหันไปส่งสัญญาณให้มี่ฮวาเดินตามเขาออกไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×