คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แววตาความสงสาร
ช่วงเวลาที่ 1
แววตาความสงสาร
โดย. เจ้าชายหัวผักกาด
หญิงสาวแววตาสีน้ำตาล กับเสื้อผ้าที่บอกถึงฐานะคนระดับกลาง นั่งอยู่ริมน้ำและได้มองดูผู้คนที่พาลูกและครอบครัวมาพักผ่อนตามสวนสาธารณะใจกลางเมืองขนาดใหญ่ สายตาเธอมองและปริยิ้มเล็ก ๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวตาน้ำตาลมองและคิดถึงเรื่องเธอในอดีต
ยายจ๋า ยายจ๋า! เสียงเด็กตาสีน้ำตาลส่งเสียงเรียกยาย "ยายจ๋า...เปิ้ลหิวข้าว" กูยุ่งอยู่มึงเห็นมัยเนีย! เสียงยายแกบ่น มือพลางมัดผักบุ้งไป ปากก็บ่นไป ชีวิตของเปิ้ลตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับตาและยายที่เรือไม้เก่า ๆ ย่านฝั่งธนบุรีในกรุงเทพมหานคร ยายเคยเล่าว่า "พ่อกับแม่เดิมทีก็อาศัยพักอยู่ที่เรือแห่งนี้ แต่พ่อและแม่ในตอนสมัยวัยนักเรียนได้แอบมีอะไรกันที่ห้องพละศึกษาจนแม่ได้ตั้งท้องมีเปิ้ลออกมา ด้วยวัยที่ยังเด็กของพ่อและแม่ที่มีอายุเพียง 15 ปี ของทั้งคู่ พ่อจึงเอาเธอมาทิ้งไว้ให้ตากับยายเลี้ยงแล้วก็หายไป แต่ยายบอกว่าพ่อเอาเปิ้ลมา ส่วนน้องอีกคนแม่เป็นคนเอาไป บางครั้งก็สงสัยว่าตัวเธอเองมีน้องกับเขาด้วยหรือ พอถามยาย ยายก็มักจะบ่นเปลี่ยนเรื่องซะทุกที" อ่าว! มึงจะกินมัยข้าวนะ! เสียงยายบ่น ทุกครั้งเวลาหิวหรือจะกินข้าว เปิ้ลต้องว่ายน้ำไปเก็บผักบุ้งเพื่อที่จะแรกกับเงินมาให้ยายเพื่อซื้อข้าว มีเพียงตากับยายที่คอยดูแล้วเปิ้ลมาตลอดระยะเวลา 4 ปีตั้งแต่คลอดออกมา ส่วนญาติพี่น้องคนอื่นก็มีอีก 9 คนที่เป็นลูกของตากับยายอยู่ในเรือและระแวกนั้น แต่ทุกคนดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความสนใจในตัวเปิ้ล ดูแล้วน่าจะรังเกียจด้วยซ้ำ ต่อมาระยะเวลาผ่านไปไม่ถึงปีตาที่ป่วยก็ได้เสียชีวิตลง หลังจากที่ตาเสียไม่เท่าไร ยายเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างกำลังว่ายน้ำเอาผักบุ้งกลับมาจากแม่น้ำ
ชีวิตของเปิ้ลเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไป หลังจากงานศพยาย เปิ้ลถูกปล่อยทิ้งให้นอนอยู่ที่ศาลาวัดพอเช้าวัดรุ่งขึ้นฟ้าเริ่มสราง แสงแดดเริ่มส่อง เสียงระฆังและเสียงหมาเห่า รู้ตัวอีกทีก็นอนโดนยุ่งกัดที่ศาสาวัดทั้งคืน ด้วยวัยเด็กเมื่อตืนมาไม่เจอใครจึงเดินกลับบ้านโดยระยะเวลาเดินทางจากวัดและเรือเก่า ๆ ที่เคยซุกหัวนอนไม่ไกลมากนัก 1-2 กิโลเมตรก็ถึง เด็กหญิงตาสีน้ำตาเดินสะ-โหลสะเหลด้วยรองเท้าที่เก่าไกล้จะขาด และเสียงท้องร้องจากการเสียกำลังทั้งกายและใจ จนกระทั้งถึงที่เรือ สาวน้อยมองดูทุกซอกทุกมุมของเรือที่เธอเกิด ที่เธออยู่ที่เธอนอน ที่นอนของตา และผ้าถูงเก่า ๆ ของยาย เธอรู้ดีว่าต่อไปนี้ เธอจะต้องดูแลตัวเธอเอง หญิงสาว วัย 6 ขวบ แต่ความคิดแรกของเธอคือ เธอหิวข้าว
เปิ้ลได้คิดถึงญาติคนอื่น ๆ ที่เธอรู้จัก เธอเดินมุ่งหน้าไปที่บ้านผู้หญิงวัยกลางคน ชื่อ เจ้หมวย "อ่าว!ไอ้ด่างกินข้าว มาลูกมาโม่ โม่!" เสียงเจ้หมวยเรียกหมา ระหว่างที่สาวน้อยเดินเอามือปาดเหงื่อและดีใจเมื่อถึงบ้านเจ้หมวย เธอยกมือสวัสดีเจ้หมวยด้วยความเคารพ และก็ยิ้มด้วยความดีใจที่ได้เจอญาติ "อ่าว! มึงจะไปไหนละ อีเปิ้ล"เสียงทักของเจ้หมวย เปิ้ลยิ้มแล้วตอบว่า "หิวข้าวจ้า หนูจะมากินข้าว" เจ้หมวยทำหน้าไม่พอใจและด่าด้วยปากแม่ค้า "เห็นหน้ามึงทีไร มาก็แดก พอแดกเสร็จมึงก็ไป หมากินแล้วมันยังเฝ้าบ้าน ดีกว่ามึงซะอีก" เมื่อพูดจบ เจ้หมวยเทจานข้าวให้ไอ้ด่างกินทันที แล้วก็เดินเข้าบ้าน เปิ้ลได้แต่น้ำตาตกและร้องไห้ด้วยความเสียใจ แต่จะทำไงได้เราต้องกินเธอคิดในใจ เธอแย่งชามข้าวไอ้ด่างพร้อมทั้งวิ่งหนีออกมาให้ไกลเท่าที่ไกลได้ "หมามึงยังขโมย คนอย่างมึงมันต้องชิบหาย" เสียงตะโกนด่าตามหลังของเจ้หมวย
ด้วยวัยเด็กและไม่มีคนเลี้ยงดู เด็กน้อยกลับมาสู่เรือพักลำน้อยใจลำพังก็พะว้าพะวงกับอนาคต และยึดติดกับอดีตที่ผ่านมา ตนเคยมีคนให้ไออุ่นยามที่เธอเหงา หรือว้าเหว่ใจ รุ่งเช้าตะวันสาดส่อง อุ่นไอแดดของวันใหม่สู่ท้องฟ้าสาดส่องกระทบขอบระเบียงเรือที่ผ่านการใช้งานมานับ สิบ ๆ ปี “วันที่สองแล้วนะเปิ้ลเอ๋ย” สาวน้อยในตาสีน้ำตาลบอกกับตัวเอง สาวน้อยค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้น และอื้มมือหยิบตุ๊กตาหมีตัวเก่า ๆ พร้อมทั้งนำพาร่างกายที่อ่อนแอเดินก้าวออกจากเรือเก่า ๆ เด็กน้อยเดินไปอย่างไร้จุดหมายใจมุ่งคิดแต่ว่าจะไปหาพ่อ “แต่เราจะไปหาที่ไหนละ” เด็กสาวคิดและเริ่มกลัว รู้สึกว่าความรักเป็นยังไง ทำไมไม่มีคนรักหนู หนูผิดอะไร จิตใจเธอเริ่มว้าวุ่นสับสน เธอจึงตั้งมั่นและพูดกับตัวเองว่า “ความรักมีแต่สิ่งเพ้อฝัน เป็นสิ่งหลอกลวงสิ้นดี” มือกอดกำตุ๊กตาที่ยายเคยให้ไว้แน่
ละแวกสวนสาธารณะใจกลางเมืองที่หญิงสาวตาสีน้ำตาลนั่งอยู่ ณ.ปัจจุบัน เสียงเด็กตัวเล็ก ๆ แต่งตัวกระมอมกระแมมรากฝีท้าวกระทบกับใบไม้ที่ตกหล่นตามพื้น แกลก แกลก! เธอจึงเหลียวมองยิ่งทำให้เธอสะท้อนใจยิ่งนัก “พี่ค่ะ พี่ค่ะ หนูขอเงินหน่อย” เสียงเด็กตัวน้อย ๆ อ้อนวอนชายหนุ่มวัยรุ่น รูปร่างสูงโปร่ง ขาว ผมยาวหน้าตาดีแต่งตัวดูมีฐานะระดับสูง ชายหนุ่มหันมามองพร้อมกลับยิ้ม จ้องมองเด็กน้อยอย่างสงสัย “ บอม ทำไรวะ! ไปได้แล้วโทษทีคุยโทรศัพท์นานไปหน่อย” เสียงเรียกจากเพื่อนของชายหนุ่มผู้นั้น ชายหนุ่มวัยรุ่นหันมองเด็กน้อยอีกครั้ง แล้วยิ้มตอบ พร้อมลุกเดินจากไป
“หนูค่ะ! มาหาพี่ซิ” เสียงเรียกจากหญิงสาวตาสีน้ำตาล เด็กน้อยหันมองและเดินก้าวมาหาอย่างช้า ๆ ด้วยสายตาดีใจ และสงสัย “หนูอยู่แถวนี้หรอ ทำมัยไม่กลับบ้าน มีพ่อมีแม่มัย” เปิ้ลพูด และยิ้มพลางลูบศรีษะเด็กน้อยอย่างเบา ๆ เด็กน้อยไม่ตอบและทำสีหน้าดูเศร้าจากเดิม เปิ้ลเห็นดังนั้นจึงรู้อยู่แก่ใจ มือล้วงกระเป๋าหยิบเงินให้เด็กน้อยพอสมควร พร้อมกล่าวว่า “ใช้ประหยัด ๆ นะ เก็บไว้ดี ๆ ละซื้ออะไรกินซะ” เมื่อพูดจบจึงลุกเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้า ๆ และหันมามองเด็กน้อยด้วยแววตาความสงสาร
ความคิดเห็น