การศึกษาไทย ไฉน มาวัดดวง

เนื้อเรื่อง

จากการจับสลากเข้าเรียนของนักเรียน ม.1 เพื่อเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาลในเขตพื้นที่การศึกษาของกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา (1 เม.ย.) มีผลปรากฏออกมาอย่้างที่เห็นคือ มีผู้ปกครองและบุตรหลานหลายคนที่ ดีใจกับ ผลการจับสลาก และหลายคนที่เสียใจกับผลที่ปรากฏว่าบุตรหลานตนเองไม่ได้ และร้องไห้ไปตามๆกัน ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ได้ข่าวมาจากสื่อต่างๆ ทำให้คิดสงสัยว่า ทำไมระบบการศึกษาไทยจึงนำเอา อนาคตของชาติมาฝากไว้กับการจับสลาก เพื่อวัดดวง นี่หรือระบบการศึกษาของไทย ในสมัยนี้ทำไมต้องเดิมพันอนาคตของชาติไว้กับการออกผลจับสลาก เนื่องจากตัวผู้เขียนเองนั้่นได้ผ่านเข้าม.1โดยวิธีการสอบจึงรู้สึกได้ถึงความแตกต่างในระบบรับเข้าศึกษาของไทยซึ่งแตกต่างจากประเทศที่เจริญแล้วเป็นอย่างมาก


การรับเข้าศึกษาเข้าต่้อใน Year 7 ของโรงเรียนรัฐบาลในต่างประเทศนั้นมีระบบที่แตกต่างกันออกไปโดย ส่วนใหญ่จะใช้การสอบเพื่อคัดเลือกเด็กเพื่อเข้าเรียนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเด็กนักเรียนจะต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะสอบเข้าเรียนหรือบางโรงเรียนนั่นได้มีัการเปิดหลักสูตรให้เรียนถึง ม.3 และก็ได้มีโรงเรียนเอกชนรองรับ ซึ่งจะทำให้ไม่ค่อยเกิดปัญหาในการเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมต้น นักซึ่งการศึกษาในระดับมัธยมต้นในประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่จะเน้นให้เด็กเกิดกระบวนการคิดและทักษะในการดำรงชีวิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะทำให้เด็กในวัยนี้ได้มีพื้นฐานในการดำรงชีวิตเพื่อที่จะเป็นอนาคตที่ดีของชาติต่อไป ซึ่งแตกต่างจากการศึกษาของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะการศึกษาของประเทศไทยนั้นไม่ได่้สอนกระบวนการคิดให้แก่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาเท่าที่ควร ทั้งยังไม่ได้สอนวิธีการดำรงชีวิตในสังคม มารยาท และธรรมเนียมปฏิบัติของสังคม และที่สำคัญคือการรู้จักทำหน้าที่ของตน นั้นเด็กไทยยังขาดอยู่มาก ทำให้ส่งผลต่อลักษณะความคิดพื้นฐานที่จำเป็นกับการที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของชาติ การศึกษาของไทยยังไม่สอนการคิดเป็นเหตุเป็นผลเท่าที่ควร เห็นได้ชัดกับการที่เอาอนาคตของชาติมาแขวนไว้กับการจับสลากเช่นนี้


ถ้าสังคมไทยยังเอาอนาคตของชาติมาตัดสิยด้วยการใช้วิธีวัดดวงอย่างนี้ อนาคตของประเทศก็คงต้องบน เจ้าพ่อเอาต่อไป