คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 5++++++50%(จับคู่)
ตอน : จับคู่
หลังจากศรัญวีย์ออกจากปากช่องเขาก็รีบมาส่งลัลญ์ลลินแม้จะยังรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเธออยู่ก็ตาม แต่ไม่อยากให้มารดาของเธอเป็นกังวลใจเขาจึงอยากจะไปส่งเธอให้ถึงที่บ้าน ตลอดเวลาที่นั่งรถมาด้วยกันเขาอดที่จะชำเลืองมองเธออยู่หลายครั้ง มันมีอะไรหลายอย่างที่อยากจะพูดคุยกับเธอแต่คงไม่เหมาะนักเมื่อสภาพจิตใจของเธอยังย่ำแย่ รู้จักกันเพียงไม่นานและได้อยู่ใกล้ชิดกันกลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจและอยากจะดูแลลัลญ์ลลินอย่างไม่มีเหตุผล หรือเป็นเพราะว่าเขามองเห็นถึงแก่นความดีที่มีอยู่ในตัวเธอจนรู้สึกประทับใจจึงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจเงียบ ๆ
“คุณส่งฉันลงที่หน้าห้างก็ได้ค่ะ ฉันนั่งรถต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว” ลัลญ์ลลินไม่อยากให้มารดาต้องสงสัยไปมากกว่านี้เธอจึงตัดปัญหาและไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้
“คุณลินแน่ใจนะครับแต่ผมอยากจะไปส่งคุณลินถึงบ้านจนแน่ใจว่าคุณปลอดภัยแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
เขาพยักหน้าเบา ๆ และไม่อยากเซ้าซี้เธอมาก แม้ภายในใจจะยังรู้สึกเป็นห่วงก็ตาม
“คุณมีธุระต้องรีบไปจัดการไม่ใช่หรือค่ะแต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย”
เธอเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด แต่ทว่าหากไม่มีเขาชีวิตของเธออาจจะป่นปี้ไปแล้วก็ได้
ศรัญวีย์จะเข้าไปที่โรงงานหลายวันแต่กลับต้องมีเหตุด่วนทุกที และวันนี้เขาต้องเข้าไปเคลียร์ปัญหาให้จบ คนงานที่มีปัญหาส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มเดิมที่เรียกร้องจะให้ขึ้นค่าแรงทั้งที่เขาขึ้นให้ทุกปีเพราะปัญหาที่โรงงานทำให้เขาไม่มีสมาธิจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุขับรถชนเธอ และได้รู้จักเธอมาจนถึงวันนี้มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นมากมายและเขาก็อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเธอโดยที่เขาไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไรเลย
เมื่อนึกถึงอุบัติเหตุเขาจึงรีบเอ่ยขึ้น “คุณหายเจ็บข้อเท้าแล้วหรือครับ?”
“จริงสิฉันกลัวจนลืมเจ็บไปเลยค่ะ” ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เมื่อเจอเรื่องไม่คาดคิดทำให้ลืมทุกอย่างในทันที “อย่าลืมทบทวนเรื่องไปทำงานกับผมนะครับ ถ้าคุณพร้อมก็โทรหาผมได้ตลอด” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะจอดรถ
“คะ…ฉันจะไม่ลืม แล้วจะโทรหานะค่ะ” เธอยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะก้าวลงจากรถ
“เอ๊! นั่นมันนังลัลญ์ลลิน”
จังหวะที่ลัลญ์ลลินก้าวลงจากรถราคาแพงคันนั้น ทักษวัลย์ที่กำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปในห้างถึงกับชะลอรถทันที เพื่อมองให้แน่ใจว่าเป็นศัตรูหัวใจของเธอหรือไม่และก็เป็นอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ที่สำคัญไปกว่านั้นรถที่ลัลญ์ลลินนั่งมาด้วยเป็นรถของแฟนหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทเธอด้วย ทำให้เธอแปลกใจไม่รู้ว่าสองคนนั้นรู้จักกันได้อย่างไร
“นังนี่มันคิดจะงาบผู้ชายรวย ๆ ไปถึงไหนกัน”
ทักษะวัลย์พูดขึ้นมาอย่างเหลืออดเพราะไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับลัลญ์ลลินอีกสงสัยชาตินี้คงหนีกันไม่พ้นจริง ๆ แต่คำถามมันก้องอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา ว่าทั้งสองรู้จักกันได้ยังไงหรือว่า...ทักษวัลย์นึกขึ้นอย่างหวาดระแวงและแวบนั้นพลันให้เธอนึกถึงเพื่อนสนิทอย่างกรนันท์ขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบโทรหา ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้ กรุณาฝากข้อความเสียงหลังได้ยินสัญญาณ’ ความหงุดหงิดเกิดขึ้นมาทันทีเมื่อติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้
“จะมาปิดเครื่องเวลานี้ทำไมกันนะนันท์”
ทักษวัลย์เลี้ยวรถเข้าไปในห้างอย่างหงุดหงิดเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจและวันนี้ยังมาทำงานเร็วกว่าทุกวันเมื่อลูกน้องขอเข้าสายและร้านจิวเวอร์รี่ก็ต้องเปิดตามเวลาของห้างสรรพสินค้าแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอลัลญ์ลลินที่นี่พลันให้เธออารมณ์เสียเมื่อเห็นผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น เพราะเธอเกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือเธอจะไม่ปล่อยให้ลัลญ์ลลินได้เสวยสุขกับใครได้อีก คนชั้นต่ำแบบนั้นควรรู้จักเจียมกะลาหัวเสียบ้างผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบจะได้รู้จักจำ
เพราะมัวแต่คิดเรื่องของลัลญ์ลลินทำให้เธอเกือบขับรถชนคนอื่นที่เดินผ่านรถของเธอ
“โอ๊ย!” ทักษวัลย์ร้องอย่างหงุดหงิด “วันนี้ฤกษ์ไม่ดีจริง ๆ เพราะเจอตัวซวยอย่างนังลัญลลิญน์”
ทักษวัลย์หัวเสียตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิดร้านหลังจากโทรไปหาธนากรผู้เป็นสามีแต่เขากลับไม่รับสาย และรู้มาอีกทีว่า
ออกไปข้างนอกกับเลขาคนใหม่ พลันให้เธอถึงกับอารมณ์เสียจนควันออกหูเลยทีเดียว
ศรัญวีย์กลับถึงบ้านก็เกือบค่อนคืนกว่าจะเคลียร์ปัญหาที่โรงงานจบก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อมีคนงานบางกลุ่มหัวแข็งไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของโรงงาน ทั้งทีเขาก็เสนอสวัสดิการต่าง ๆ อีกมากเพื่อให้คนงานได้รับสิทธิเท่าเทียมกันใช้เวลาเคลียกันยาวนานทีเดียวทุกอย่างจึงลงตัว
“ทำไมกลับดึกดื่นเลยล่ะวี งานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ทันทีที่เห็นหน้าน้องชายกลับถึงบ้านสุพรรณทิวาก็เอ่ยทักอย่างเป็นห่วง เพราะเธอรอจนกระทั่งน้องชายถึงบ้าน หากศรัญวีย์ยังทำงานหามลุ่มหามค่ำอยู่แบบนี้เธอชักจะทนไม่ไหวเสียแล้ว เห็นทีต้องคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ต้องรีบหาคนมาช่วยงานให้เร็วขึ้น หากได้กรนันท์มาช่วยงานที่บริษัทฯศรัญวีย์ก็จะเหนื่อยน้อยลงเธอเชื่อแบบนั้น
“ยังไม่นอนอีกหรือครับพี่วา?” ชายหนุ่มเอ่ยทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้ภายในใจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ตาม
“พี่ยังไม่ง่วง แล้วก็ห่วงวีด้วยเห็นกลับบ้านดึกมาหลายวัน”
เขาหัวเราะ เบา ๆ “อะไรกันครับพี่วาผมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะครับ ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะก็เลยกลับดึกหน่อยแต่พี่วาไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่เถลไถลที่ไหนหรอกครับ”
“พี่รู้…แต่พี่เห็นว่าวีทำงานหนักพี่อยากหาใครสักคนไปช่วยงานวีที่บริษัทฯ”
“ก็คิดอยู่เหมือนกันครับพี่วา”
ได้ยินแบบนั้นเธอถึงกับยิ้มอยู่ในใจ “พี่ว่าเป็นน้องนันท์ก็ดีนะ จบมาจากเมืองนอกน่าจะช่วยงานวีได้เยอะ”
เมื่อเธอเอ่ยถึงกรนันท์ สีหน้าของศรัญวีย์ก็เปลี่ยนไปทันที จึงรีบเอ่ยขึ้น
“ทำไมล่ะวี? น้องนันท์ไม่เก่งตรงไหนดีเสียอีกจะได้มีคนเก่ง ๆ ไปช่วยงาน”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับพี่วา เพียงแต่ผมกับนันท์ทำงานกันคนล่ะสไตล์ อีกอย่างนันท์ก็มีงานของเขาอยู่แล้ว” เขายิ้มให้พี่สาวเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายไม่สู้ดีนักชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น “เอาเป็นว่าขอผมคิดดูอีกทีแล้วกันครับ”
คำตอบของน้องชายทำให้เธอยิ้มขึ้นมาบ้างอย่างน้อยศรัญวีย์ยังไม่ปิดกั้นกรนันท์เสียทีเดียวจึงไม่อยากซักไซ้อะไรมากกลัวอีกฝ่ายจะลำบากใจ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วที่โรงงานเป็นยังไงบ้าง?”
“เคลียร์ไปเรียบร้อยแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าคนงานบางกลุ่มจะยอมทำตามข้อเสนอของบริษัทฯหรือเปล่า?”
“เรื่องใหญ่หรือเปล่าวี ให้พี่ช่วยอะไรไหม?”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับพี่วา” สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนักแม้จะยังกลัดกลุ้มกับปัญหาที่แก้ไม่ได้ก็ตาม
“เมื่อคืนพี่เห็นวีไม่กลับบ้าน พี่ก็คิดว่าน่าจะมีปัญหาใหญ่ที่โรงงาน”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีเมื่อคืนผมเดินตรวจงานที่โรงงานเห็นว่ามันดึกแล้วก็เลยค้างที่นั่นครับ”
ศรัญวีย์โกหกคำโต ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่คนประเภทนี้ หากพูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นก็เกรงว่าเรื่องจะไปกันใหญ่และสุพรรณทิวาอาจจะไม่เข้าใจเขาจึงจำเป็นต้องโกหก
“ช่วงนี้พี่เห็นวีหน้าเครียด ๆ มีอะไรที่นอกเหนือจากเรื่องงานหรือเปล่า?”
ศรัญวีย์รีบเอ่ยขึ้น “ไม่มีครับพี่วา พอดีช่วงนี้งานเร่งสงสัยผมคงจะพักผ่อนน้อยอาจจะเครียดไม่รู้ตัวครับ”
“เรื่องโรงงานก็จัดการให้เรียบร้อย ปัญหาจะได้ไม่ตามมาทีหลัง พี่น่ะเข้าใจรู้ว่าวีใจเย็นแต่คนงานบางคนไม่เหมือนกันพี่อยากให้จัดการให้เด็ดขาด”
“ก็คิดอยู่เหมือนกันครับถ้าคราวนี้ ลูกจ้างไม่ทำตามกฎของโรงงาน ผมจำเป็นต้องจัดการขั้นเด็ดขาด”
“พี่เอาใจช่วยจ๊ะ” เธอยิ้มให้น้องชายอย่างให้กำลังใจก่อนจะพูดต่อ “พรุ่งนี้วันหยุดวีจะไปไหนหรือเปล่า?”
“ผมกะว่าจะเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัทฯครับ”
“งานอีกแล้วนะวี เรื่องงานก็เพลา ๆ ลงบ้าง พี่อยากให้วีพักผ่อนบ้าง” สุพรรณทิวามัวแต่ชวนน้องชายคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ พอนึกอะไรขึ้นมาได้จึงรีบถามขึ้นทันที “ตายจริง! แล้ววีทานอะไรมาหรือยัง?”
“เรียบร้อยมาจากโรงงานแล้วครับ”
“พี่นี่แย่จริง ๆ เลยชวนคุยจนเพลินจนลืมถามไถ่ว่าวีทานอะไรมายังดีที่ว่าวีทานมาแล้ว” ศรัญวีย์หัวเราะเบา ๆ
พอเห็นสีหน้าของน้องชายเธอจึงกระเซ้าเสียงเบา “ช่วงนี้วีงานยุ่งมีเวลาให้น้องนันท์บ้างหรือเปล่า วัน ๆ เอาแต่ทำงานเดี๋ยวน้องนันท์ได้งอนกันพอดี”
แม้จะคุยกันเรื่องอื่นแต่สุดท้ายเธอก็วกเข้ามาเรื่องนี้จนได้เมื่อเห็นน้องชายอารมณ์ดีขึ้น
“พี่วาไม่ต้องห่วงหรอกครับ นันท์น่าจะเข้าใจงานผม แต่ถ้าเขารับตรงนี้ผมไม่ได้ ผมก็พร้อมจะให้โอกาสเขาได้ไปคบคนอื่น ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเสียเวลากับผมเพราะผมก็เป็นคนไม่มีเวลาด้วยครับ”
“แต่พี่เห็นว่าวีกับนันท์คบหากันมานาน ในสังคมต่างก็รู้ว่าวีกับนันท์เป็นอะไรกัน น้องนันท์เป็นผู้หญิงพี่ไม่อยากให้เสียหาย…วีเข้าใจพี่ใช่ไหม”
ศรัญวีย์เงียบไปพักใหญ่ เมื่อเขากับกรนันท์นั้นสนิทกันไม่ว่าจะด้วยฐานะอะไรก็ตาม แต่ทว่าในสังคมต่างก็รู้จักเขาและกรนันท์ดีเขาจึงให้เกียรติเธอเสมอโดยไม่เคยไปก้าวก่ายเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เพียงแต่พักนี้เขางานยุ่งก็เลยไม่มีเวลาเจอกันและสุพรรณทิวาคงกลัวกรนันท์จะน้อยใจ จึงอยากให้เขาแบ่งเวลาให้กับกรนันท์บ้างซึ่งเขาเข้าใจดี
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบสุพรรณทิวาจึงเอ่ยขึ้น “วีพูดเหมือนกับว่าวีมีใครซ่อนอยู่”
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ “งานผมยุ่งขนาดนี้จะไปมีใครได้ล่ะครับพี่วา”
“ก็วีพูดให้พี่เข้าใจแบบนั้น สงสัยพี่คงคิดมากไปเอง”
สุพรรณทิวาถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินแบบนั้น แต่พักหลังเธอเห็นว่าน้องชายกลับดึกบ่อย ๆ วันหยุดก็อยู่ไม่ติดบ้านเธอจึงไม่ค่อยแน่ใจ กลัวว่าอาจจะมีใครซ่อนอยู่หรืออาจจะปิดบังไม่ให้เธอรู้ หากน้องสะใภ้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่กรนันท์เธอคงรับไม่ได้
“ผมก็แค่อยากให้นันท์เขาใจผมเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้หรอกครับ”
“พี่เห็นวีกับนันท์คบกันมานานพี่ก็อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที”
“ผมยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกครับพี่นันท์”
ได้ฟังแบบนั้นเธอถึงกับใจเสีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “นันท์เขาเป็นผู้หญิง เขาคงอยากจะให้วีขอแต่งงาน ครั้นน้องนันท์จะเอ่ยเองก็คงน่าเกลียดตายเลย ผู้หญิงถ้าได้รักใครแล้วก็มักจะคาดหวังถึงเรื่องแต่งงานทุกคนนะวี”
ในขณะที่สุพรรณทิวามีครอบครัวที่ล้มเหลวและเป็นข่าวใหญ่โตในสังคมจบลงด้วยการหย่าร้างจนทำให้เธอต้องเก็บตัวเงียบอยู่นานไม่ยอมออกงานสังคมแต่ท้ายสุดเธอก็ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ เธอจึงอยากเห็นน้องชายเพียงคนเดียวแต่งงานมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบและผู้หญิงที่เธอหมายมั่นปั่นมือเอาไว้อย่างกรนันท์
“เรื่องนี้ผมขอคุยกับนันท์อีกทีแล้วกันครับ”
ศรัญวีย์ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เป็นพี่สาวถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มันต้องมีอะไรบางอย่างไม่อย่างนั้นคงไม่พูดถึง ซึ่งปกติแล้วเขาก็ไม่เคยทำอะไรที่เสียหายและเลยเถิดกับกรนันท์แม้แต่นิดที่สำคัญเขายังให้เกียรติเธอมาโดยตลอด
“พี่ไม่อยากจะเร่งเร้าอะไรวีหรอก แต่พี่อยากเห็นวีกับนันท์แต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราว พี่คงจะมีความสุขมากที่เห็นน้องชายของพี่มีครอบครัวที่อบอุ่นและมีใครสักคนดูแลน้องชายพี่เสียที”
“ผมขอเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัวก่อน ส่วนเรื่องนี้ค่อยคุยกันอีกทีครับพี่วา” สีหน้าของเขาเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเขาไม่เคยคิดอะไรกับกรนันท์มากกว่าเพื่อนสนิทเพียงแต่เขาไม่อยากทำลายน้ำใจของอีกฝ่ายเท่านั้น
เหมือนเป็นการปฏิเสธกลาย ๆ ว่าศรัญวีย์ไม่อยากแต่งงานกับกรนันท์จนเธอสัมผัสได้ เห็นทีคงจะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้เสียแล้ว เมื่อศรัญวีย์ตั้งท่าปฏิเสธและไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาราวกับว่ากำลังปิดบังอะไรบางอย่าง
“นันท์เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ใครได้เป็นภรรยาคงจะโชคดี พี่ไม่อยากให้วีต้องเสียใจ เพราะคงมีผู้ชายอีกมากที่อยากจะแต่งงานกับน้องนันท์ พี่ก็เลยอยากจะเตือนวีเท่านั้นมีเพชรอยู่ในมือแท้ ๆ ไม่ควรปล่อยให้หลุดลอยไป”
“ครับพี่วา” ศรัญวีย์รับคำเบา ๆ
“ดึกมากแล้ว วีขึ้นไปผักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก” เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชายไม่ค่อยดีเธอจึงรีบตัดบทก่อนจะเดินขึ้นไปพักผ่อน
“พี่วาครับ...” เมื่อสุพรรณทิวากำลังจะก้าวขาทำให้เขานึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังไม่ได้เห็นหน้ากันมาทั้งวัน
สุพรรณทิวาเลิกคิ้วสูง “อะไรหรือจ๊ะวี”
“แล้วจันทร์เจ้าเป็นยังไงบ้างครับ?”
“เมื่อวานก็งอแงไม่ยอมนอนง่าย ๆ ร้องหาแต่น้าวีท่าเดียว กว่าจะกล่อมให้หลับได้ก็ทำเอายัยหน่อยเหนื่อยเลย”
“ผมผิดเองครับที่สัญญากับจันทร์เจ้าว่าจะพาไปกินไอศครีม แต่เผอิญมีเหตุด่วนเสียก่อน ถ้าพรุ่งนี้ไม่ติดงานอะไรก็ว่าจะพาไปเพื่อเป็นการแก้ตัวครับ” เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“พี่ว่าวีตามใจหลานจนเคยตัวหรือเปล่า? จันทร์เจ้าก็เลยได้ใจ วันนี้ก็เหมือนกันไม่ยอมทานข้าวบอกจะรอน้าวี พี่ก็เลยบอกว่าน้าวีติดงานด่วน ถ้างอแงเดี๋ยวน้าวีไม่รักถึงได้ยอมนอน”
“อย่าคิดมากสิครับพี่วา ผมเห็นพี่วากับจันทร์เจ้ามีความสุข แค่นี้ก็ทำให้ผมมีกำลังใจทำงานแล้วครับ”
“ขอบใจนะวีที่อยู่เคียงข้างพี่เสมอมา”
++ฝากผลงานดาราวลีไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานและเป็นกำลังใจให้ค่ะ ++
ความคิดเห็น