ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก พรหมใจ

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 4+++++100%(ในคืนที่สุขใจ)

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 59


    บทที่ 4++++100%
    ตอน : ในคืนที่สุขใจ

    เขาขับรถไปถึงรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่มีบ้านพักหลายหลังปลูกเรียงรายซ้อนกันอย่างสวยงาม ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขา ต้นไม้นานาพันธุ์ ท่ามกลางอากาศที่บริสุทธิ์และเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นอย่างมากสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอธรรมชาติและไม่วุ่นวายเหมือนเมืองหลวง ศรัญวีย์จึงเลือกที่จะพาลัลญ์ลลินมาที่นี่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตนั่นเอง

    “เป็นไงมาไง ถึงมาไม่บอกล่วงหน้าล่ะวี?” ทันทีที่เขาลงจากรถก็มีเสียงทักทายจากเพื่อนสนิทขึ้นมาทันที

    สีหน้าของศรัญวีย์มีแววกังวล ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องมันยาวว่ะ เอาไว้คืนนี้ฉันจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน”

    ฐาณัฐหัวเราะออกมาแต่สายตาก็อดที่จะหันไปมองผู้หญิงที่มากับศรัญวีย์ไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เมื่อเผลอมองอยู่นานทำให้ศรัญวีย์ก็รู้ทันความคิดของอีกฝ่ายจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที

    “คุณลินครับ นี่ฐาณัฐเจ้าของรีสอร์ทที่นี่ เป็นเพื่อนผมเอง” หญิงสาวรีบยกมือไหว้ฐาณัฐและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “สวัสดีครับคุณลิน ยินดีที่ได้รู้จัก ตามสบายนะครับไม่ต้องเกรงใจถือว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณก็แล้วกัน ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกได้เลยนะครับ”

    “ขอบคุณค่ะ” ลัลญ์ลลินเอ่ยขึ้นอย่างเจียมตัว

    “มีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะวี ไม่เห็นบอกกันเลย ฐาณัฐเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ ก่อนจะกระซิบข้างหูเบา ๆ แกเอาคุณกรนันท์ไปไว้ไหนว่ะ?”

    การทักทายของทั้งสองทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย แต่ศรัญวีย์กลับไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรและชายหนุ่มยังหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยไม่พูดแก้ตัวอะไรสักคำและทำทีเฉไฉเรื่องอื่น

    “ฉันมารบกวนแกแค่คืนนี้ พรุ่งนี้ฉันคงจะกลับ”

    “เฮ้ย! แกจะอยู่เป็นชาติก็ได้ไอ้วี นานๆ แกจะแวะมาหาฉันสักที ว่าแต่แกเถอะจะมาทำไมไม่บอกฉันสักคำจะได้ให้แม่บ้านทำความสะอาดห้องไว้ให้”

    “เอ่อน่ามันมีเรื่องฉุกเฉินนิดหน่อย แกไม่ต้องพิถีพิถันอะไรให้มากหรอก ให้ฉันนอนได้ก็พอ”

    “เฮ้ย! ไม่ได้หรอก เพื่อนมาทั้งทีต้องเทคแคร์ให้เต็มที่สิว่ะ”

    ศรัญวีย์ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าและยิ้มแห้ง ๆ ให้กับอีกฝ่าย “ขอบใจมากนะณัฐ”

    “คืนนี้ต้องฉลองกันหน่อย แกชอบเซอร์ไพรส์ฉันอยู่เรื่อยเลยวี” ฐาณัฐยังหัวเราะร่าแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับอีกฝ่าย เมื่อเพิ่งจะฝ่าด่านนรกออกมาได้และรอดตายโดยที่ไม่คิดว่าจะรอดมาถึงปากช่องได้

    ทั้งสามยืนคุยกันไม่นานแม่บ้านประจำรีสอรท์จะเดินเข้ามาพอดี

    “แม่บ้านมาพอดีให้คุณลินไปพักผ่อนก่อน ส่วนแกกับฉันมีเรื่องต้องคุยกัน” ฐาณัฐเอ่ยด้วยสีหน้าเบิกบาน

    ศรัญวีย์ให้เธอเดินตามแม่บ้านไปและมองตามจนแน่ใจว่าเธอเดินไปไกลแล้วเขาจึงหันมาคุยกับฐาณัฐต่อโดยที่เขาไม่ปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นสักนิด เพราะทั้งสองสนิทกันมากและเปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่อง

    หลังจากที่ฐาณัฐได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจึงแนะนำให้ค้างต่อที่นี่อีกคืน แต่ศรัญวีย์กลับปฏิเสธ เพราะกลัวที่บ้านเป็นห่วงโดยเฉพาะลัลญ์ลลินที่เป็นผู้หญิง คงไม่เหมาะนักหากมาค้างคืนแบบนี้ เขาจึงไม่อยากให้เธอต้องเสียหายไปมากกว่านี้

    ลัลญ์ลลินลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ เมื่อได้อยู่กับธรรมชาติอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนความสวยงามทำให้ เธอเดินไปสำรวจด้านหลังของรีสอร์ทก่อนจะได้ยินเสียงน้ำที่คาดว่าจะเป็นน้ำตกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท จึงเดินตามเสียงนั้นและมันก็เป็นอย่างที่เธอเดาไว้ไม่มีผิด ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามทำให้เธอลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นและจังหวะนั้นศรัญวีย์ก็เดินเข้ามาโดยที่เธอไม่รู้ว่าเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่กระทั่งสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของเขา

    “เป็นยังไงบ้าง พออยู่ได้ไหมครับ?”

    “ยะอยู่ได้คะ แล้วคุณละค่ะ?” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

    ศรัญวีย์เห็นสีหน้าของเธอถึงกับขำอยู่ในใจ “ผมจะนอนอีกห้องคุณไม่ต้องห่วง ถ้าคุณอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกแล้วกัน” เขาพูดอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย ที่นี่อากาศดีครับ เมื่อก่อนผมมาบ่อยแต่พักหลังงายยุ่งก็เลยไม่ค่อยได้มา

    ลัลญ์ลลินยิ้มให้เล็กน้อยโดยไม่ได้ปริปากพูดอะไร พอเห็นเขานิ่งไปพักนึงจึงเอ่ยขึ้น “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ถ้าไม่ได้คุณป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไง”

    “อย่าเพิ่งคิดอะไรขนาดนั้นเลยครับ ขอเพียงคุณสบายใจผมก็อุ่นใจแล้วครับ”

    ชายหนุ่มรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แต่เมื่อมองเห็นแววตาของเธอที่ยังมีแววกังวล ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงก่อนจะพูดออกมา “คุณลินมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณไม่ไว้ใจผม?”

    คราวนี้สีหน้าของเธอเครียดขึ้น “ถ้าฉันไม่ไว้ใจคุณฉันคงไม่ไว้ใจตั้งแต่แรกแล้วค่ะ”

    “ท่าทางคุณไม่สบายใจนะครับ มีอะไรก็บอกผมได้นะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย

    “ฉันคิดถึงแม่ค่ะ ตอนนี้แม่อยู่คนเดียว แม่คงจะเป็นห่วงฉันมากเพราะฉันไม่ได้กลับบ้าน ขอฉันโทรไปหาแม่ได้ไหมคะ มือถือฉันอยู่กับคุณค่ะ”

    “อ้อ!..จริงซิ ชายหนุ่มร้องขึ้น ผมมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องนี้เลย” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะยื่นให้เธอ

    ลัลญ์ลลินเปิดโทรศัพท์ทันทีมีสคอลเข้ามาหลายสาย ซึ่งเป็นเบอร์ของบริษัทฯที่จะให้เธอไปเซ็นสัญญาเข้าทำงานในวันนี้แต่ก็พลาดโอกาสอย่างน่าเสียดายเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงได้แต่ถอดใจก่อนจะโทรไปหามารดาแต่แบตก็หมดเสียก่อน เธอถึงกับเผลอถอนหายใจดังเฮือกอย่างลืมตัว

    ศรัญวีย์ได้ยินแบบนั้นจึงถามขึ้น “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

    “แบตหมดค่ะ”

    เขาหัวเราะอย่างขบขันก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองและยื่นให้เธอ “ใช้ของผมก่อนก็ได้ครับ”

    “ขอบคุณค่ะ” เธอเดินเลี่ยงออกไปอีกทางและศรัญวีย์ก็ไม่ได้พูดอะไรเขาเข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนี้ดีว่าเป็นเช่นไร จึงปล่อยให้อยู่ตามลำพังไม่นานหญิงสาวก็เดินเข้ามา

    “เรียบร้อยดีนะครับ?”

    “ค่ะขอบคุณนะคะ”

    “คุณลินขอบคุณผมหลายครั้งแล้วนะครับ ไม่ต้องเกรงใจครับผมเต็มใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เมื่อยามลำบาก”

    เธอก้มหน้าหงุด ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะเธอก็รู้สึกไม่ชินกับการต้องอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าตามลำพัง แม้ว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่ใช่ผู้ชายปากว่ามือถึง และยังให้เกียรติสุภาพกับเธอมากจนรู้สึกอึดอัดใจในบางครา 

    เมื่อเห็นลัลญ์ลลินนิ่งเงียบไม่พูดอะไร สายตาของเธอก็ดูเหม่อลอยเหมือนคนมีอะไรอยู่ในใจ เขาจึงพยายามชวนเธอพูดคุยและสร้างความเป็นกันเองเพราะไม่อยากให้เธอฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

    “คุณลินครับ...” ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาว เขาจึงเรียกขึ้นอีกครั้ง “คุณลินครับ”

    “ขะค่ะ” เธอสะดุ้งเมื่อเสียงของเขาเรียกสติของเธอกลับมา

    ศรัญวีย์ถึงกับหัวเราะที่เห็นสีหน้าของเธอ “ผมเห็นคุณเงียบไป เรียกคุณตั้งหลายแต่คุณก็ไม่ได้ยิน”

    เธอยิ้มให้เขา “มันคงไม่มีอะไรเครียดมากไปกว่านี้แล้วค่ะ” เธอระบายลมหายใจเบา ๆ ไม่คิดว่าชีวิตของเธอจะเต็มไปด้วยปัญหามากมายให้ตามแก้อยู่ตลอดเวลาจนแทบจะหาความสุขในชีวิตไม่ได้ ซึ่งครั้งนี้ก็นับว่าเธอรอดพ้นจากเงื้อมมือคนชั่วอย่างชูชัยมาได้และไม่รู้ว่าชีวิตของเธอจะต้องเผชิญอะไรอีกบ้าง

    “แล้วคุณจะทำยังไงต่อครับ?”

    “ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ” เธอพูดโดยไม่มองหน้าเขารู้สึกทุกข์ใจอย่างไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้ไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไปและต้องมีสติที่สุด เหตุการณ์ในที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นบทเรียนสำหรับเธอทีเดียวแต่ก็ยังรู้สึกหวาดระแวงเพราะกลัวว่าอาจจะเกิดขึ้นกับเธอซ้ำอีกครั้ง

    “วันนี้คุณลินก็เลยไม่ได้ไปเซ็นต์สัญญา แต่ไม่เป็นไรหรอกครับยังมีโอกาสอีกมาก”

    “โอกาสไม่ได้มีบ่อย ๆ ฉันคงต้องหางานใหม่และกว่าจะได้งานก็คงอีกนาน”

    น้ำเสียงของเธอพูดออกมาปนเศร้า คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่รุมเร้าจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ถือว่าโชคยังเข้าข้างคนดี ๆ อย่างเธอบ้างที่ได้เจอคนดีมีน้ำใจแบบเขา

    เขารู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจไม่คิดว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ เพราะเหตุนี้หรือเปล่าเขาถึงอยากจะช่วยเธอและพอจะเดาได้ว่าเธอคงจะแบกรับภาระทุกอย่างภายในบ้าน เมื่อสังเกตเห็นแววตาปนเศร้าของเธอก็อดสงสารไม่ได้ 

    “แต่ถ้าคุณลินไม่รังเกียจ จะลองไปสมัครงานที่บริษัทฯ ของผมก็ได้นะครับ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ คุณลำบากเพราะฉันมามากแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนคุณค่ะ”

    เธอรีบปฏิเสธเพราะรู้สึกเกรงใจอีกฝ่าย รู้จักเขาเพียงไม่กี่วันก็มีแต่ปัญหาไม่เว้นแต่ละวันและยังสร้างภาระให้เขามากมาย เงินที่เขาเปย์ให้ชูชัยมันคงไม่น้อยซึ่งเธอยังมองไม่เห็นหนทางเลยว่าจะหาเงินจำนวนนั้นมาคืนเขาได้อย่างไร แม้เขาจะเป็นคนแปลกหน้าแต่ก็เอื้ออาทรให้เธออย่างจริงใจ ทำให้เธอประมาณน้ำใจของเขาไม่ถูกจริง ๆ

    “อย่าเพิ่งปฏิเสธเลยครับ ลองเอาไปคิดดูก่อนก็ได้ อีกอย่างงานสมัยนี้ก็ค่อนข้างหายาก”

    เมื่อเห็นความหวังดีของเขา เธอจึงไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจ เธอจึงพูดขึ้น “ฉันจะลองเอาไปคิดดูค่ะ”

    แม้จะรู้สึกเกรงใจแต่เพื่อเป็นการรักษาน้ำใจอีกฝ่ายจึงพูดให้เขาสบายใจ

    “ช่วงนี้บริษัทฯ กำลังต้องการบุคคลากรเพิ่มพอดี ผมเห็นว่ามันเป็นโอกาส คุณลินลองเอาไปทบทวนอีกทีครับ”

    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไง”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยินดีช่วยอย่างเต็มใจครับ”

    เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาอยากจะยื่นมือช่วยเหลือเธอโดยไม่หวังผลตอบแทน แม้ว่าสุพรรณทิวาพี่สาวของเขาพยายามที่จะหาคนมาช่วยงานและเขาก็รู้ทันความคิดของพี่สาวที่พยายามผลักดันให้กรนันท์มาช่วยงานเพื่อจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่เขากลับไม่เห็นด้วยและปฏิเสธมาตลอดเพราะเกรงว่ามันจะวุ่ยวายไปกันใหญ่ เขากับกรนันท์คงจะทำงานเข้ากันยาก หากเขารีบหาคนมาช่วยงานทันก็จะเป็นเรื่องดีทีเดียวและนี่ก็คือโอกาสของเขา

    “ดึกมากแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้เราจะได้ออกกันแต่เช้า”

    “คุณเองก็เช่นกัน เหนื่อยกับฉันมาทั้งวันแล้ว”

    เธอเอ่ยขึ้นและรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขา ผู้ชายแปลกหน้าที่รู้จักกันเพราะอุบัติเหตุแต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนจิตใจดีงามและมีน้ำใจกับเธอมากมายขนาดนี้

    “ผมนอนอยู่ห้องข้าง ๆ ถ้ามีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดนะครับไม่ต้องเกรงใจ”

    “ค่ะ” ลัลญ์ลลินเอ่ยสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปที่ห้องของตัวเองแต่อดที่จะหันมามองหาเขาไม่ได้ เมื่อเขายังไม่เข้าห้องและยังยืนรอจนแน่ใจว่าเธอถึงห้องแล้วเขาทำราวกับเป็นบอดี้การ์ด เห็นแบบนั้นเธอจึงหันมามองเขาอย่างเป็นห่วง

    ศรัญวีย์ขมวดคิ้วอย่างสงสัยที่เธอไม่ยอมเข้าห้อง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณลิน?”

    เธอทำหน้าไม่ถูกจึงรีบพูดขึ้นแก้เก้อ “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

    “เช่นกันครับ”

    เมื่อลัลญ์ลลินเข้าไปในห้องแล้วและเขาก็แน่ใจว่าเธอปลอดภัย ก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเอง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องห่วงเธอถึงเพียงนี้ แต่ได้คุยกับเธอทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ++ฝากผลงานของดาราวลีด้วยนะคะ กด Favorite เข้ามากันเยอะ ๆ เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานค่ะ++


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×